ในห้องที่มีอุณภูมิความเย็นที่ถูกปรับระดับไว้ให้คงที่ ซึ่งด้านในถูกเปิดให้เป็นไฟสลัวพอให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร โดยมีเสียงเพลงคลาสสิคเปิดขับกล่อมเบาๆ พร้อมกับกลิ่นบางอย่างที่โชยเข้ามาแตะจมูกจนปันเผลอสูดเข้าไปจนเต็มปอด ซึ่งมันทำให้รู้สึกตัวเบาและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก“มากันแล้วเหรอ” น้ำเสียงทุ้มดัง เอ่ยมาจากมุมด้านข้างในขณะที่ปันกับเกมไม่ชินสถานที่ จึงไม่อาจจับทิศทางของเสียงได้ จนกระทั้งร่างสูงในชุดสุภาพ เดินเข้ามาใกล้และเห็นเค้าโครงหน้านั้นชัดเจนขึ้น“พี่แสน…” เกมเรียกชื่อพี่รหัส หากแต่ปันยืนนิ่ง “ปันนี่พี่แสนพี่รหัสเราเอง” เกมหันมาบอกปัน ที่ยืนนิ่งไม่เอ่ยคำใดมุมปากได้รูปกระตุกขึ้น สายตาเป็นประกายมองใบหน้าหล่อเหลาของปัน ที่ยืนจ้องหน้าตัวเองนิ่ง แล้วพูดขึ้น“มองแบบนี้ พี่ก็เขินเป็นนะ” และนั่นทำให้เปลือกตาที่แข็งค้างกระพริบขึ้นลง“รู้จักกันแล้วหรือครับ” เกมถามด้วยความสงสัย และปันก็ไม่คิดยกมือไหว้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ อีกทั้งเป็นคนติดต่องานให้ด้วย“รู้จักสิ รู้จักดีเลยแหละ” แสนพี่รหัสเป็นคนเฉลย“อ้าว ไม่เห็นพี่แสนบอกผมเลย ว่ารู้จักกับปัน”มุมปากหนากระตุกขึ้นอีกครั้ง “แล้วคิดว่าหากพี่บ
“เอาดีๆ วันไหน” เสียงนุ่มใสถามซ้ำอย่างเป็นกันเอง“คือ ผมแล้วแต่เกมครับ” ปันที่ตอบว่าพรุ่งนี้ โยนไปให้เกมตัดสินใจเกมยิ้มเจื่อน มองหน้าปัน แล้วมองหน้าพี่รหัสที่ส่งยิ้มเป็นกำลังให้ “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ทำวันนี้เลยก็ได้ครับ ”“มั่นใจนะ” แยมเจ้าของบาร์ถามซ้ำ โดยไม่อยากให้อีกฝ่ายฝืน“ครับ/ครับ” ทั้งคู่ยืนยันพร้อมกัน“งั้นแสน รับผิดชอบดูแลพนักงานน้องใหม่นะ ดูว่าน้องเขาเหมาะกับแผนกไหนและต้องทำอะไรบ้าง ก็จัดไปได้เลย”เธอโยนหน้าที่นี่ให้แสนเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งแสนทำงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปีหนึ่งจนกระทั้งขึ้นปีสี่ และได้รับความไว้วางใจ โดยเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงาน และรับหน้าที่ฝึกฝนรุ่นน้องต่อ“ครับ”หลังจากที่คุยกันตกลงกัน แสนจึงพาปันกับเกมออกไป“นายดูดีขึ้นนะ” แสนกระซิบไปที่เกม“นู่นยกความชอบให้เขานู่น” แล้วทำปากบุ้ยใบ้ไปที่ปัน แสนยิ้มตาประกายอาการของพี่รหัส ทำให้เกมเริ่มเห็นบางอย่าง…ปันเหลือบมองเกมและแสน ที่ก้มกระซิบคุยกันแวบหนึ่ง แล้ววางตัวเดินตามอย่างเงียบๆ“ห้องนี้เป็นห้องแต่งตัว ส่วนของที่เอาติดตัวมา ก็เอาไปเก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่ว่างอยู่…” แสนชี้นิ้วไปอีกฟากห้อง “วางไว้แล้ว
หน้าจอแท็บเล็ต ซึ่งมีภาพเคลื่อนไหวของร้านในทุกมุม แม้แต่ในห้องพักพนักงาน คเชนทร์เลื่อนดูความเรียบร้อยไปทุกจุดที่ติดตั้งกล้อง จนกระทั่งวนกลับมาในห้องพักพนักงาน นิ้วเรียวก็หยุดค้าง แล้วค่อยๆ กดขยายเพื่อมองดูบุคคลในวีดีโอให้แน่ใจ“อะไรในนั้น น่าสนใจกว่าคำพูดฉันงั้นเหรอ”เสียงทุ้มหนักเอ่ยถาม หลังจากจับตามองสมุนมือขวา ที่จดจ่ออยู่บนหน้าจอแท็บเล็ต จนไม่ได้ยินสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดอยู่“อา นายว่าอะไรนะครับ” คเชนทร์ละสายตาแล้วเงยหน้าขึ้นถามผู้เป็นนาย“นี่หากไม่เห็นว่านายเป็นเพื่อนมากกว่าลูกน้องนายโดนแน่” เดร์หมายหมาดตาขู่เข้มคเชนทร์ยิ้มกว้างแทนที่จะแสดงว่ากลัวให้อีกฝ่ายดูน่าเกรงขามเสียหน่อย แล้วเอ่ยเสียงมั่นใจ “แต่ถ้าผมให้คุณเดร์ดูอะไรบางอย่าง รับรองไม่โกรธผมหรอก”คิ้วดกหนาขมวด พร้อมกับดวงตาหรี่แคบ มองลูกน้องสายตาคาดโทษ มีอะไรน่าสนใจกว่าการดุลูกน้องตรงหน้าในตอนนี้... เดร์ครุ่นคิดแต่สีหน้าอีกคนดูมั่นใจเดร์จึงคลายสีหน้าและตัดใจถามไป“อะไร เอามาดูซิ” แล้วยืนมือไปขอแท็บเล็ตในมือเมื่อรับมาเดร์ก็กลายเป็นคนสายตาสั้นทันที“อะไร... นายให้ฉันดูอะไร”คเชนทร์ก้มลงมาเล็กน้อยแล้วถาม “นายไม่เห็นจริงเหรอครั
ดึกหนุ่มๆกล้ามแน่นๆ หุ่นเฟิร์มหรือที่เรียกว่า “หนุ่มๆ SP” ก็ถูกเลือกไปเกือบหมด ส่วน “หนุ่มPR” ระดับแร็กคูน ถูกเรียกไปจนหมดตั้งแต่ร้านเปิดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหลือแค่ปันกับเด็กเก่าอีกคนที่หน้าตาติดไปค่อนข้างหล่อตี๋ ตัวเล็กผิวขาว ซึ่งต่างจากปันที่ดูหล่อละมุน ใครผ่านไปมาก็ต้องเป็นอันเหลียวหลังมามอง แต่กลับไม่มีใครเลือก ซึ่งแสนเองก็รู้สึกแปลกใจ...แสนเหลือบมองหน้าปัน แม้สายตาและอาการยังอยู่ในอาการตื่นกับสถานที่ แต่ก็เห็นคนอื่นถูกเรียกโดยที่ตัวเองยังยืนอยู่ ก็ฉายชัดถึงความวิตก “พี่แสน”ปันละสายตาจากสิ่งรอบข้างแล้วหันมาเรียกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “ว่า?” “หากผมไม่ได้แขกทำไงอะ” “ก็คิดว่าเรามาทดลองดูงานก่อน ตอนนี้เราก็ศึกษา เก็บรายละเอียดการทำงานของพวกรุ่นพี่ไปพลางๆ...” แล้วสาดสายตาไปยังโต๊ะ ที่มีชายหนุ่มกล้ามโตนั่งคุยอยู่กับแขกผู้หญิงหน้าตาสะสวย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามที่ได้ฟังอีกคนพูดแม้ไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยกันเรื่องอะไร แต่สีหน้าของผู้หญิงเห็นถึงความสุข ไร้ความกังวลใดๆ “คิมเขาหน้าตาไม่ได้ดีเท่าแร็กคูน แต่อาศัยคำพูดและความเข้าใจในต
ได้ฟังถึงข้อนี่ที่ดูมีประโยชน์ที่สุด ทำให้ปันตาลุกวาว แต่แล้วก็ทำหน้าหงอย“แล้วแบบผมเนี่ย ต้องอยู่ระดับไหนอะครับ ผมดื่มไม่เก่งเสียด้วยสิ อีกอย่างไม่เข้ากับข้อไหนเลย”น้ำเสียงทับถมตัวเอง แสนหันมามองแล้วยิ้มเอ็นดู“นายนะ ทำมาดเพลย์บอยเป็นไหมล่ะ หน้าตาแบบนายสาวติดตรึมแน่” “หะ ผมนี่นะ” ทำสีหน้าไม่เชื่อพร้อมกับชี้ไปที่ตัวเอง “ใช่ นายจะกลัวอะไร เอาเป็นว่านายฟังและจำไว้นะ...” แสนจับไหล่หนาให้หันมาเผชิญหน้า “นายทำตัวให้ดูมั่นใจไว้ก่อนจากนั้นเมื่อเราถูกเลือก ก็เริ่มด้วยการทักทาย แนะนำตัวให้ข้อมูลพื้นฐานของเราพอประมาณหรือไม่เกินห้านาที ซึ่งคำถามที่ควรเลี่ยงคือ อายุและอาชีพของลูกค้า เพราะบางคนมาเที่ยวเพื่อระบายความในใจ หาความสนุก หาเพื่อนคุย แล้วเราต้องจับให้ได้ว่าเขามาเพื่ออะไร อกหัก ก็ต้องพูดปลอบใจคนให้เป็น แม้จะช่วยไม่สำเร็จเต็มร้อยก็เถอะ นี่แหละคือ หน้าที่ของเรา” “แล้วผมจะมีเรื่องอะไรคุยกับแขกหรือเปล่าล่ะเนี่ย” ยังไม่ทันได้เริ่ม ปันก็มีสีหน้าเคร่งเคลียด แสนเขย่าไหล่หนาเบาๆ“หน้าที่ต้องแลกมาด้วยความมึนเมาด้วยนะ... เพราะการเชียร์ลูกค้าให้ซื้อดริงก์มาก
สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ในชุดรัดรูปสีดำคอคว้านลึกจนเห็นร่องอกตูม ที่ดูอายุไม่น่าถึงสามสิบยิ้มกริ่มแล้วพูดน้ำเสียงยานคางเช่นเดิม“เทอจานั่งกับฉานช่ายม้าย”พูดแล้วทิ้งตัวลงนั่งเพราะเริ่มทรงตัวไม่อยู่ ซึ่งมือเรียวก็ดึงชายเสื้อของปันติดมือไปด้วย จนทำให้ร่วงลงไปทับกันอยู่ ปันหน้าเจื่อนรีบดันตัวออก หากแต่มือเรียวกลับกอดกวัดไว้แน่น ปันดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด จนกระทั่งมีมือของใครบางคนยื่นมาช่วย“คุณเมามากแล้วนะ” เจ้าของน้ำเสียงแหลมห้วนเอ่ยบอก“คุณแยม...” ปันเรียกเสียงตื่นตกใจ ระแวงว่า ตัวเองอาจทำผิดต่อแขก แล้วจะโดนตำหนิตามมา“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”คำพูดที่ดูเข้าใจสถานการณ์ของเจ้าของร้าน ทำให้ปันรู้สึกดีขึ้น“อ่า เทอเปนคาย มายุ่งอารายด้วย ฉานจาเอาเด็กคนนี้” แล้วชี้นิ้วที่ไม่ตรงทางไปที่ปัน“ดูสภาพตัวเองก่อนดีไหม” เจ้าของสถานที่ถามเสียงแข็ง “ทามมาย สาภาพอย่างฉาน มานทำมาย” แล้วคนเมาก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งตาจ้องกร้าว สีหน้าขุ่น “พูดให้ชัดก่อนเถอะแม่คุณ” แยมย้อนให้ใบหน้าที่ฉาบแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ถลึงตาใส่ “ยุ่ง! เธอจาปายไหนก็ปายอย่ามายุ่ง!” พร้อมกับชี้นิ้วลากกราดแยมยกย
...ถึงจะมองว่าผู้ชายข้างๆ ดุและโหด แต่ความหล่อออร่าที่มาพร้อมกับความเพอร์เฟกต์ อย่าว่าแต่ผู้หญิงละลายเถอะ ผู้ชายก็ใจเหลวไม่ต่างกับผู้หญิง!“มะไม่ออกไปแล้วก็ได้ แต่ปล่อยผมก่อน...”ปันจำใจยอม เพราะไม่เช่นนั้นหัวใจวายตายได้ เมื่อจมูกเจ้ากรรมตื่นสัมผัสกับกลิ่นหอมอ่อนที่อีกฝ่ายใช้ ในขณะที่หัวใจก็เต้นผิดจังหวะจนเจ็บหน่วงไปหมด“อยากให้ปล่อยก็ไปนั่งสะ” เสียงทุ้มสั่งปันปล่อยตัวไม่ให้เกร็ง วงแขนหนาจึงคล้ายวงแขนออก“ปะไปนั่งก็ได้ครับ” คนทำตัวไม่ถูกตอบกลับเสียงสั่น“มานั่งนี่!”เดร์ที่กลับไปนั่งที่เดิมเอ่ยสั่ง พร้อมกับใช้มือตบไปบนโซฟาที่ว่างใกล้ตัวเองปันขยับเท้าช้าๆ กล้าๆ กลัวๆ โดยเดร์เหลือบตามองสายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง หากแต่ข้างในใจไม่มีใครรู้ได้ ว่าเขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบไปกี่รอบ กับความไม่ได้ดั่งใจจากเด็กหนุ่มตรงหน้า!ปันย่อตัวลงนั่ง โดยเลือกนั่งชิดขอบโซฟา ครานี้ดวงตาเยือกเย็นของคนที่จับตามองอยู่ตลอดเวลาคมวาวขึ้น ปันสะดุ้งใจสั่นแล้วเขยิบเข้ามาอีกนิด หากแต่ยังไม่ถึงจุดที่อีกฝ่ายใช้มือตบลงไปก่อนหน้านั้น“หากยังไม่เข้ามาอีกครึ่งนาที ผมจะลากให้มานั่งบนตัก!” เสียงทุ้มเรียบหากฟังดูมีอำนาจ“หา!”
ปันหรี่ตามอง ใจเต้นตุ๊บๆต่อมๆ “มะไม่มี มือถือครับ” ตวงตาคมกริบจิกมอง “นายจงใจหลบหน้า คิดจะหนีหนี้ฉันต่างหาก อย่ามาหาข้ออ้างว่าไม่มีมือถือ” “หนีอะไรของคุณ ก็เห็นอยู่ว่าผมเร่งทำงานอยู่เนี่ย” “แล้วมือถือไปไหน” “หาย” คนถูกกล่าวหาตอบเสียงสะบัด แต่เดร์ไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงหรืออาการของปันนัก โดยเขาเลือกที่จะถามต่อ“แน่ใจว่าหาย หรือไม่อยากเห็นข้อความของผม” “หายจริงๆ ครับ นี่ผมต้องหางานทำเพื่อซื้อใหม่อยู่ อย่ามาเร่งเร้าผมได้ไหมเล่า” “ผมไม่ได้เร่ง แค่อยากรู้เหตุผล เพื่อที่ได้จัดการกับลูกหนี้อย่างนายถูก” “คนอย่างผม ไม่ ‘เหลี่ยม’ จัดหรอกครับ จะจัดการอะไรผม ก็มีแค่ตัว อยากได้ก็เอาไปเลย” คำว่าเหลี่ยมมองคนตรงหน้านิ่ง แต่คน ‘เหลี่ยม’ เยอะอย่างเดร์ถือว่านั่นคือคำชม เขายกยิ้มพอใจแล้วพูดขึ้นเสียงย้ำชัด “ดี นายพูดแล้วนะ”คนตรงไปตรงมาอย่างปันคิดไม่เท่าทันก็รีบพูดรับ“ครับ คนอย่างนายปันไม่มีอะไรก็จริง แต่มีคำพูด คำไหนคำนั้น” “นายพูดแล้วนะห้ามกลืนน้ำลายตัวเอง” เดร์ย้ำอีกค
ปันปาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเพื่อนทยอยกันเดินเข้ามาอวยพรวันเกิดพร้อมของขวัญที่ทุกคนรวบรวมเงินกันซื้อมาให้ โดยแสนกับเกมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของเรื่องนี้ทั้งหมด รวมทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่ทำงานบาร์โฮสต์ก็มากันหมดทุกคนงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มจนกระทั่งเพื่อนๆ ทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว“คเชนทร์...” เดร์ผลุดลุกขึ้นเมื่อเห็นลูกน้องคนที่อยู่ในใจเสมอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า“ผมมาแสดงความยินดีกับคุณปันและนายครับ นี่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากผม”ปันมองใบหน้าของคเชนทร์ที่ไร้ความสดใสอย่างเคย ก่อนจะรับของในมือมาถือไว้“คุณหายไปไหน รู้ไหมผมถามเรื่องคุณ คุณเดร์ก็ให้คำตอบกับผมไม่ได้” ปันเอ่ยสีหน้าน้อยใจคเชนทร์ยิ้มบางๆแล้วตอบกลับ “ผมก็อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ เห็นยัง วันสำคัญคุณปัน ผมก็มาได้” คเชนทร์ตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ปันยิ้มขื่น“นายไม่กลับไปได้ไหม” เดร์เป็นคนเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่ยืนเหมือนคนน้ำท้วมปากอยู่นาน“ผมกลับไปนะดีแล้ว เพราะหลังจากนี้นายกับคุณปัน จะไม่มีเรื่องอะไรเข้ามากระทบหรือกวนใจได้อีก”ซึ่งคำของคเชนทร์ทำให้เดร์ถึงกับพูดไม่ออก หากแต่ปันยังงงกับสิ่งที่ทั้งคู่กำลังพูดสื่อกันอยู่“เฮยู!” เสียงแหลมห้
เดร์หยุดพูดแล้วมองหน้าปัน ที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจสัมผัส “ในวันที่มองไปไม่เห็นนายอยู่ข้างๆ มันเหมือนวันนั้นมีอะไรขาดไป จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนหายใจแต่หายใจไม่สุด” สายตาล่ำลึกมองจ้องวงหน้าสีเรื่อ เว้าวอนเกมขอร้อง ว่าอย่าได้หายไปไหนอีก...“นายรู้สึกกับฉันแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”“ผมมีสิทธิ์คิดแบบนั้นได้หรือครับ”“นายได้สิทธิ์นั้นนานแล้วปัน...”“ครับขอบคุณที่ให้โอกาสเด็กขี้ดื้อคนนี้นะครับ”“เช่นนั้น ฉันให้โอกาสตัวเองด้วยไง”“แต่...”“แต่อะไร”“อย่าโหดกับใคร หรือผมอีกได้ไหมครับ ผมกลัว”“ที่ฉันโหด เพื่อให้ได้ใจนายต่างหาก”“อะ...”“หากฉันใจดีกับนาย แล้วจะได้นายมาแนบกายไหมล่ะ”“โธ่ไม่เอาแบบนี้ รักชอบก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ผมคนขี้กลัว...”“ได้สัญญาว่าจะไม่โหด แต่กับนายนะ... ส่วนคนนอกต้องดูเป็นกรณีๆไป”เดร์ก็คือเดร์นักธุรกิจที่มีกฎเหล็กอยู่ในหัว...ปันค้อนให้ หากแต่ซุกใบหน้าไปบนอกแกร่ง กอดรัดร่างหนาแน่นขึ้นประหนึ่งแค่นี้ก็รู้สึกปลอดภัยที่สุดแล้ว...เดร์ลูบไปบนผิวกายของปันเบาๆ ด้วยความรักและอยากปกป้อง จากนี้ต่อไปเดร์สัญญากับตัวเอง ว่าจะไม่ให้คนที่รักเสียน้ำตาหรือเจอเรื่องที่น่ากวาดกลัวอีก!มหาฯลัย
ในห้องน้ำที่กว้างกว่าหอพัก เดร์ค่อยๆ วางปันลงในอ่างกุชชี่สีครีม โดยปันไม่ทีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดก๊อกน้ำถูกเปิดให้น้ำไหลลงอ่างเอื่อย ๆ ปันถูกจัดให้นั่งอยู่กลางอ่างสองขายกชันขึ้น เดร์ก็นั่งลงในท่าเดียวกัน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้สอดขาทั้งสองข้างซ่อนไขว้กัน ประกายตาหวามไหวมองสบกันปันก้มหน้ายิ้มอาย ลองมาในท่านี้ ไม่พ้น.... ปันคิดลมหายใจเกือบรดใส่กัน เดร์ยื่นมือไปจับใบหน้าที่ก้มหนีสายตา ให้หันมามอง แล้วเลื่อนมืออีกข้างไปจับต้นคอระหง เพื่อรอรับจังหวะจุมพิตที่ส่งลงมาประกบทาบทับอบอุ่น นุมนวลแต่อุ่นซ่านไปทั้งกาย...เดร์ค่อยๆ เลาะเล็มไปบนริมฝีปากอมชมพูหวานหอม ที่ชิมมาแล้วจนคุ้นชิน หากแต่ไม่รู้เบื่อ ในณะที่มือข้างหนึ่งของเดร์เริ่มทำงานล้วงลึกลงไปใต้น้ำและจับสิ่งที่อ่อนนุ่มแล้วขยับรูดไปมา“อ่าส์ ...” เสียงครางแผ่วเบาของปันเริ่มดังขึ้นเดร์กระหยิ่มพอใจ ยอมรับว่าปันเป็นชายหนุ่มที่น่าจุดไฟสวาทได้ง่ายที่สุด เพราะแค่เพียงสัมผัสไม่ว่าตรงจุดไหน คนตัวเล็กก็ตอบรับได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ไม่ใช่รอบแรกของวันนี้ที่พากันแตะฝั่งฝันเดร์ถอนริมฝีปากออกห่าง แล้วเปลี่ยนมาดึงตัวของปันให้มานั่งคร่อมบนขาของตน จากนั
เดร์กระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย แล้วเงยหน้าขึ้นค่อยๆ ปล่อยสะโพกเด้งลงมาต่ำ จนปันรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่ถูกดันเข้ามาทักทายในช่องทางสีหวาน พร้อมกับแรงกดเข้าเป็นจังหวะ และแรงดันมาจากด้านล่าง“อึก! ซีดส์…” ปันกัดปากกลั้นเสียงคราง ทั้งเจ็บทั้งเป็นสุข“อย่าเกร็ง...” เสียงทุ้มกระเส่าบอกเบาๆ แล้วก้มใบหน้าลงไปหาแผ่นหลังขาวเนียน ก่อนจะใช้ลิ้นลากไล้เลียเม็ดเหงื่อที่ผลุดชุ่มออกมา แล้วกลืนกินรสชาติของบุรุษเพศอย่างไม่นึกรังเกียจซึ่งการกระทำของเดร์ เป็นสิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบรับได้มากขึ้น จากนั้นเป็นปันที่โยกตัวเองเพื่อเติมเต็มสิ่งที่แข็งคาอยู่ตรงช่องทางสีหวานเข้าไปจนสุดลึก“อ่าส์ ปัน นายทำดีมาก....”เดร์หลุดครางออกมาด้วยความพออกพอใจ เช่นเดียวกับปันที่ครางออกมาด้วยความสุขสมปันเหงนหน้าหู่ปากสูดเอาอากาศแล้วเข้าปอดแล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมา เพื่อบรรเทาความกระสันเสียว นัยน์ตาสุขเคลิ้มฝัน เมื่อสองมือหนาจับเอวกิ่วแล้วขยับยกให้เป็นจังหวะ โดยที่ตัวเองก็เด้งช่วยด้วย ซึ่งเป็นการช่วยที่ลงตัวควบคู่ไปกับจังหวะเพลงรัก จนเกิดเป็นเสียงครางกระเส่าแข่งกันอยู่ภายในรถแม้จะอยู่ในที่แคบ หากแต่ไม่ได้ทำให้รสรักเสียจังหวะแต่อย
การสั่นสะเทือน ของยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในความเร็วมากกว่าปกติที่เคยขับ ทำให้คนที่หลับไม่ได้สติเริ่มขยับและรู้สึกตัว เดร์แม้จะไม่มีสมาธิมากนักแต่ก็ประคองรถขับออกไปยังจุดหมายปลายทางให้ไวและปลอดภัยที่สุดหันมองดูปันเกือบทุกห้านาทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว เพื่อให้แน่ใจว่าปันไม่ได้ขวัญหนีดีฝ่อ จึงเบนรถจอดข้างทางเพื่อเช็คดูให้แน่ใจเสียก่อน“เป็นไงบ้าง...” เสียงทุ้ทนุ่มเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือไปกุมมือเรียวหนาของปันไว้แล้วบีบเบาๆปันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่ส่งมาทางสายตาและการกระทำ จึงคลี่ยิ้มให้ “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ปันตอบเสียงอ่อนแผ่วอย่างเจียมตัว“ดีแล้ว...” แล้วเดร์ก็ขยับยื่นมือไปปรับเบาะ เพื่อให้ปันได้นั่งถนัดขึ้นในช่วงจังหวะที่เดร์โน้มตัวทาบผ่าน กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ปันเผลอสูดเข้าไปจนเต็มปอด แล้วนั่งหน้าแดงซ่านเพราะการกระทำของตัวเองปากบอกว่าเกลียด แต่ใจและร่างกายโหยหาเขาตลอด! ปันค้อนขอดตัวเองแล้วเก็บอาการเอาไว้โดยการกุมมือตัวเองแล้วบีบไปมา“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า หรือไปหาหมอดีไหม”เดร์ถามด้วยความเป็นห่วง สายตาจับอยู่บนใบหน้านั้นด้ว
“คุ คุรเดร์...”ใบหน้าสินหวังก่อนหน้า ฉาบเฉายแววตาระรื่นมีความหวังขึ้น“นายอย่าเงียบ...ปัน” เสียงทุ้มสั่นขาดหายปันยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง เหมือนเสียงสวรรค์ทรงลงมาโปรด ความหวาดหวั่นที่สุมอยู่ในหัวใจ หล่นหายออกจากตัว ปันวิ่งฉิวไปที่ประตูด้วยความดีใจ ส่งมือเรียวที่สั่นระริก จับไปยังกลอนประตูเพื่อปลดออก แต่ยิ่งรีบเหมือนยิ่งช้ากับความรีบที่กลายเป็นเงอะงะแทน จนกระทั่งเปิดได้สำเร็จจึงออกแรงผลักประตูไปเต็มแรง จนมันกว้างออก และเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าม่านตาเปิดกว้าง ริมฝีปากคลี่ขยายบิดเบะจะร้องไห้ด้วยความดีใจและตื้นตัน ถลาเข้าไปสวมกอดร่างสูงหนาไว้แน่น โดยลืมกลัวลืมอายไปหมดสิ้น!“คุณมารับผมแล้วใช่ไหมคุณเดร์...”เสียงนั้นสั่นสะเทือนหัวใจคนฟังอย่างเดร์ “อืม...” เดร์ตอบรับในลำคอ วงแขนก็โอบร่างคนที่บางกว่ามากไว้เต็มอ้อมอก“จะกลับได้ไง ในเมื่อข้อตกลงเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์”เสียงทุ้มห้วนดังแทรกเข้ามา ปันขยับเพื่อมองเจ้าของน้ำเสียงที่ดูแข็งห้วนผู้ชายคนนั้น! เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ปันก็เผลอกอดเดร์แน่นขึ้นเพราะความหวาดกลัว ซึ่งเดร์รับรู้ถึงแรงกอดรัดของปันที่เพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจดันให้ปันไปยืนหล
“ปันนี่นะ มีคนของเขา... ใช่ญาติอะไรหรือเปล่า”แสนทวนถาม เพราะหากให้ตีความหมายมันเหมือนเป็นการปรักปรำเด็กคนหนึ่งที่นิสัยถือว่าดีมากๆ คนหนึ่งให้ถูกมองไปในทางลบได้มายคนที่มีประสบการณ์มากพอสมควร ละสายตาจากหนุ่มน้อยร่างสูงบาง แล้วมาหยุดอยู่ที่รุ่นน้อง “ไม่น่าจะใช่ญาตินะ... ดูเหมือนเป็นคนรักประมาณเด็กเสี่ย ฉันก็อธิบายไม่ถูก เพราะดูแล้วมันเหมือนคนมีอิทธิพลกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังตามมาปกป้องเด็กคนหนึ่งจากอีกกลุ่ม อย่างกับซีรี่ส์มาเฟียอย่างไรอย่างนั้น”มายให้คำนิยามไม่ได้เต็มปากเต็มคำนัก เพราะกริ่งเกรงอยู่เหมือนกัน“เห้ยจริงดิ” แล้วแสนก็หันไปมองหน้าเกม ที่ตัวเองลากมาด้วย เหมือนอยากขอคำยืนยันเกมส่ายหน้าดิก “ผมก็รู้เท่าที่พี่รู้ตอนนี้แหละครับ... ส่วนเรื่องคนเลี้ยง หรือคนรัก ผมไม่เคยได้ยินปันพูดถึงเลย” เกมที่อ่านสายตาแสนออก ก็บอกไปตามที่ตัวเองรู้อย่างไม่ปิดบัง“แล้วติดต่อปันได้ไหม” แสนถามต่อ“ไม่ครับ”“อืม หากเขาอยากติดต่อ คงติดต่อมาเองแหละ” มายออกความคิดเห็น“แล้วพี่แน่ใจหรือว่าคนพวกนั้นไม่ทำอันตรายปัน”“ไม่แน่นอนเชื่อพี่” มายสรุปตัดจบแล้วจบโดยการเลี้ยงเหล้ารุ่นน้อง เพื่อเป็นการผ่อนคลายไปในตัว...
คเชนทร์คิ้วขมวดผูกปมและไม่ยอมรับคำสั่งอย่างเคย “แล้วทำไมไม่บอกว่าข้อแลกเปลี่ยนคืออะไร”“เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไม่ต้องกังวล...”“นายไม่ให้ผมกังวลได้ไง ในเมื่อนายยังมีความกังวลอยู่เลย...” คนดูออกเอ่ยดัก“นายรู้ดีที่สุดนะคเชนทร์...” เดร์เอ่ยเสียงอ่อน และยังมีสายตาคาดโทษลูกน้องอยู่“ผมรู้ว่าผมพลาด” คนมีชนักติดหลังตอบอย่างจำนน“ฉันให้นายไปตามดูแลปัน แล้วนี่นายไปทำอะไรกัน” สายตาจริงจังมองสมุนมือขวา แล้วมองไปยังชายหน้าตาไม่คุ้นอีกสี่คนข้างๆ“คนพวกนี้เป็นญาติๆ ผมเองครับ ไว้ใจได้”“ไว้ใจได้แล้วไง ตอนนี้เป็นไงล่ะ”“ผมก็แค่อยากให้คุณปันกลับมาหานายไวไวครับ”“ยิ่งทำให้เกลียดสิไม่ว่า”“นายไม่พูด ผมไม่พูด แล้วคุณปันจะรู้ได้ไงล่ะครับ ว่านี่คือแผนอยากให้คุนปันตกงาน”“ฉันไม่รับปาก”“อ้าว!”“จัดการให้เรียบร้อยเถอะ ก่อนที่ความลับจะแตกเอา”“ครับนาย...”แล้วคเชนทร์จัดการให้ค่าปิดปากญาติของตัวเอง ซึ่งก่อนจะปล่อยให้แยกย้ายกันกลับ ก็กำชับไว้อีกครั้งว่าห้ามใครหลุดปากถึงเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะเรียกเงินคืนห้าเท่า ทุกคนต่างรับปากกันอย่างหนักแน่นแล้วแยกย้ายกันไป...หลังจากที่อยู่กับความเงียบมาได้พักใหญ่ คเชนทร์ก็
ปันเหงื่อแตกไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย แต่มายตั้งหน้าสู้รับโดยยกมือถือขึ้นมาขู่“อันที่จริงผมไม่ชอบมีเรื่อง แต่ดูท่าพวกนักเลงอย่างพวกนายต้องการหาที่พักฟรี”“แกขู่พวกกูเหรอ”“เปล่าไม่ได้ขู่ แค่โทร.ให้ตำรวจมาทำงานบ้างก็เท่านั้น”พอพูดถึงตำรวจชายพวกนั้นก็สงบท่าทีลงแล้วเอ่ยน้ำเสียงเบาลง “ไล่เด็กคนนี้ออกไปเลยนะ”มายคิ้วขมวด “แล้วเด็กผมทำผิดอะไรครับ”“ก็เนี่ย เอาถาดมาฟาด” แล้วชี้ไปที่ถาดในมือปัน“หลักฐานครับ” มายขอ ยังไงก็พร้อมเข้าข้างคนของตัวเอง“ถามเพื่อนพวกนี้ดูสิ ...ใช่ไหม” แล้วหันไปเออออกับเพื่อนร่วมโต๊ะ“เพื่อนก็ต้องเข้าข้างเพื่อนด้วยกันสิ”มายยังไม่เปลี่ยนใจ“เตือนดีๆ ไม่อยากให้ร้านเจ๋งก็ไล่เด็กปากเสียออกไปน่าจะดีกว่า”“ผมไล่ออกแน่ แต่จะไล่คนที่ไม่มีมารยาทเท่านั้นแหละครับ แต่ผมก็ต้องดูที่เหตุผลก่อน ว่าสมควรไล่ใครกันแน่ ระหว่างลูกค้านักเลง กับลูกจ้างที่ไร้มารยาทกับแขก เพราะถึงเงินจะซื้อได้ทุกอย่างจริง แต่ถ้าคนใช้เงินไม่มีมารยาท เงินตรงนั้นผมก็ไม่อยากได้ครับ”คำพูดตอกกลับเจ้าของร้านทำให้แขกกลุ่มนั้นหน้าชา แต่ในระหว่างที่พูดเคลียร์กับลูกค้าที่ก่อเรื่องยังไม่ลงตัว ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินเข้