ปันหรี่ตามอง ใจเต้นตุ๊บๆต่อมๆ “มะไม่มี มือถือครับ” ตวงตาคมกริบจิกมอง “นายจงใจหลบหน้า คิดจะหนีหนี้ฉันต่างหาก อย่ามาหาข้ออ้างว่าไม่มีมือถือ” “หนีอะไรของคุณ ก็เห็นอยู่ว่าผมเร่งทำงานอยู่เนี่ย” “แล้วมือถือไปไหน” “หาย” คนถูกกล่าวหาตอบเสียงสะบัด แต่เดร์ไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงหรืออาการของปันนัก โดยเขาเลือกที่จะถามต่อ“แน่ใจว่าหาย หรือไม่อยากเห็นข้อความของผม” “หายจริงๆ ครับ นี่ผมต้องหางานทำเพื่อซื้อใหม่อยู่ อย่ามาเร่งเร้าผมได้ไหมเล่า” “ผมไม่ได้เร่ง แค่อยากรู้เหตุผล เพื่อที่ได้จัดการกับลูกหนี้อย่างนายถูก” “คนอย่างผม ไม่ ‘เหลี่ยม’ จัดหรอกครับ จะจัดการอะไรผม ก็มีแค่ตัว อยากได้ก็เอาไปเลย” คำว่าเหลี่ยมมองคนตรงหน้านิ่ง แต่คน ‘เหลี่ยม’ เยอะอย่างเดร์ถือว่านั่นคือคำชม เขายกยิ้มพอใจแล้วพูดขึ้นเสียงย้ำชัด “ดี นายพูดแล้วนะ”คนตรงไปตรงมาอย่างปันคิดไม่เท่าทันก็รีบพูดรับ“ครับ คนอย่างนายปันไม่มีอะไรก็จริง แต่มีคำพูด คำไหนคำนั้น” “นายพูดแล้วนะห้ามกลืนน้ำลายตัวเอง” เดร์ย้ำอีกค
ปันรีบเอียงหลบ ทำหน้าหวาดเสียว “ผมไม่ได้แกล้ง แต่ผมลืมจริงๆ” ปันรีบบอกไปใหม่อีกครั้งแสนส่งสายตาคาดโทษแล้วหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อแจ็คแก็ตออกมา ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าปัน “เอาไป”“โทรศัพท์? ของผมนี่” ปันพูดเสียงตื่นตกใจและดีใจในคราเดียวกัน โดยมือก็รับมือถือมาเปิดดูหน้าจอว่ายังใช้ได้เหมือนเดิมอยู่หรือไม่“เออ ไม่คิดจะตามหามันบ้างหรือไง เห็นเสียงเรียกข้อความเด้งเตือน จนเครื่องพังไปแล้วมั่ง”“แล้วไปอยู่ที่พี่ได้ยังไง” เกมถามแทนเจ้าของที่มัวแต่ดีใจและกดสำรวจดูมือถือว่ายังปกติดีอยู่หรือไม่ เลยไม่ได้ยินคำพูดของแสน“บังเอิญมันร่วงตกตอนที่เจ้าของมันสะบัดก้นเดินหนีพี่นั่นแหละ”“เดินหนี?”“ใช่ พี่ไปแหย่รังแตน แตนเลยงอนเดินหนี”แล้วเกมก็ประติดประต่อเรื่องราวเอาเอง และพอเข้าใจได้ ว่ารุ่นพี่ชอบแหย่รุ่นน้องคนนี้นี่เอง“เป็นไงยังใช้ได้ดีอยู่ไหม”“ใช้ได้ปกติดี...” ปันตอบเกม แล้วเงยหน้าไปบอกรุ่นพี่อีกครั้ง “ขอบคุณมากนะครับ เนี่ยผมหาจนถอดใจแล้ว กะว่าต้องรีบหาตังค์ไปซื้อใหม่ให้ได้”“เถอะ รู้งี้ไม่เอามาคืนก็ดี”“เอามาคืนน้องนะดีแล้วพี่” เกมแทรกขึ้นแสนแสบมองหน้ารุ่นน้องแล้วยิ้ม “ล้อเล่น ก็ต้องหาทางคืนนั่นแ
ปันเดินมาที่เดิมเมื่อได้รับข้อความที่ไม่อยากเจอ จนกระทั่งเห็นรถเบนซ์คันใหม่เอี่ยม ปันรีบเดินตรงไปแล้วเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปนั่ง“เจ้านายคุณนี่มันยังไงนะ จะไม่ปล่อยให้ผมได้พักบ้างหรือไง เรียนก็จะไม่รู้เรื่องอยู่แล้วเนี่ย” ปันบ่นใส่สมุนมือขวา ทันทีที่แทรกตัวลงมานั่งคเชนทร์ก้มหน้าซ้อนยิ้ม แล้วเคลื่อนรถออกไป“นินทาเจ้านายบ้างเหอะ ผมไม่บอกเขาหรอก”คเชนทร์เอ็นดู ในคำพูดและท่าทางที่แสดงออกถึงความหมั่นไส้ของเด็กหนุ่มที่มีต่อเจ้านาย ...แต่ก็นั้นล่ะ ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการพูดถึงและจิกกัด“คุณเดร์เขาคิดถึงคุณ คุณควรดีใจนะครับ”“นี่เขาจ้างให้คุณมาพูดหรือเปล่าครับ”“ปะเปล่า ผมพูดจากที่เห็นเนี่ยแหละครับ”“เจ้านายคุณ เขาอยากได้ของเล่นมากกว่าครับ”“ของเล่น คุณเดร์ไปหาเอาที่ไหนก็ได้ครับ” แล้วเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มเพียงนิด“นี่มันใกล้มือไง เรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้”“เพราะของมันอยู่ในใจต่างหากครับ”“พูดไปเหอะ ผมไม่รู้สึกดีสักนิด”คเชนทร์ยิ้มเอ็นดู กับน้ำเสียงยังติดงอนอยู่เพราะตั้งแต่เจ้านายเห็นภาพถึงเนื้อถึงตัวของปันกับรุ่นพี่ที่ชื่อแสนแสบ เดร์ก็จัดการขั้นเด็ดขาดกับข้อตกลงที่คุยกันไว้กับปันทันทีคำว่า ‘เร
เดร์กระตุกยิ้มแล้วคิดในใจ เด็กคนนี้มีเรื่องให้ทึ่งได้ตลอด!“ถามแบบนี้อยากทำกับข้าวกินเองหรือว่าไง”ปันยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย เมื่อเจ้าของห้องหรูทายถูก แล้วรีบพูด“ใช่ครับ กินกับข้าวแพงๆ แต่กินไม่ถูกปาก เสียดายของ”แล้วแบบนี้ คนฟังจะตอบแบบทำร้ายจิตใจลงได้ไง... เดร์กลืนน้ำลายลงคอแล้วยิ้มอยู่ในใจ โดยไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป“แล้วจะเอาอะไรบ้างละ เขียนรายการมา เดี๋ยวจะให้คเชนทร์จัดการหาซื้อมาให้”ตากลมโตจ้องค้าง “อะไร?” เดร์ถาม เมื่อเห็นเด็กหนุ่มจ้องเหมือนมีอะไรติดอยู่บนใบหน้าของเขา“อะออ ไม่มีอะไรครับ...” ปันรีบบอก แล้วหันไปแอบยิ้มกับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเดร์จะยอมตามคำของ่ายๆ“ไม่มีก็ดีแล้ว” เดร์เปรยขึ้นแล้วมองไปนอกกระจกอีกครั้งปันจึงกระโดดลงจากเตียงเพื่อแต่งตัวดังตึก! ดวงตาคมกล้าที่ทอดมองออกไปไกลหันขวับกลับมา แล้วบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็หัวฟาดอีกหรอก” หากแต่สายตานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยปันฉีกยิ้มยิงฟันส่งให้ แล้วปรับเปลี่ยนท่าทางการเดินอย่างระมัดระวังกว่าเดิม...ไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะพลาดหัวฟาดอย่างที่อีกคนกลัว แต่เพราะสายตาที่จ้องไม่วางตานั้นต่างหาก
เดร์สั่งเสียงกร้าวสั่นด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตากลมใสที่เคยดื้อรั้นเบิกค้าง ปากยักได้รูปอ้าค้างใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ อีกทั้งการหายใจเข้าออกที่ดูรุนแรงจนน่ากลัว เหมือนคนกำลังช็อค“นายเป็นอะไรพูดออกมา!” เดร์เขย่าแล้วตะคอกเสียงดังเพื่อให้ปันมีสติและรู้สึกตัวโดยไวที่สุด“นะนาย...” คเชนทร์เองก็ทำอะไรไม่ถูกไปด้วย แต่ก็เอ่ยเรียกเพื่อเตือนสตินายไปด้วย เพราะกลัวความเป็นห่วงของนาย จะกลายเป็นเผลอทำร้ายร่างกายปันเพราะความลืมตัว“อึก!” เสียงปันดังออกมาจากลำคอ มือที่ตกลงข้างลำตัวค่อยๆ ยกขึ้นแล้วชี้นิ้วออกไปกล่องขนาดเล็กฝาเปิดอ่า พร้อมกับนิ้วที่ยังมีเลือดสีแดงสดหยดไหลให้เห็น!เดร์กับคเชนทร์หันมองหน้าเกือบพร้อมกัน ถัดจากวินาทีนั้นด้วยความว่องไว คเชนทร์รีบเก็บนิ้วกลับเข้าไปใส่ในกล่องแล้วเอาไปเก็บไว้กับตัว“ไม่มีอะไรแล้ว” เดร์เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงทุ้มเบาสายตาของเดร์ยามนี้ เต็มไปด้วยความเป็นห่วงใย และกังวล ก่อนจะประคองร่างที่อ่อนแรงขึ้นมาจากพื้นแล้วพาเดินออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศที่ปลอดโปร่งกว่าอุ๊บ! ปันรีบเอามืออุดปากรู้สึกผะอืดผะอม เดร์เห็นท่าทางปันไม่ไหวก็รีบประคองพาเข้าห้องน้ำปั
ปันกัดริมฝีปากล่างจนห่อเลือด สายตามองคนตรงหน้าด้วยความขยาดชิงชัง...ประชดประชันเก่ง วางอำนาจกับคนของตัวเองจนเคยตัวแต่ถึงสะดวกสบายแค่ไหน ก็ไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงกับคนเช่นนี้ ขอเลือกความปลอดภัยของตัวเองดีกว่า! ปันตัดสินใจเด็ดขาดเดินก้าวออกจากห้องพักหรู แล้วตั้งใจจะไม่กลับมาที่นี่อีก“หากนายเดินออกไปจากห้องนี้ก้าวเดียวนะ...”“จะตัดขาผมเหรอ”เดร์พูดไม่ทันจบก็โดนตอกกลับมา จนกลายเป็นคนเหมือนน้ำท้วมปากไปอีกคนจะเถียงก็ไม่ทัน เมื่อปันก้าวเดินออกจากห้องไม่หันหลัง แม้เขาจะตะโกนเรียกโวยวายเหมือนคนเสียสติแต่ก็ไม่เป็นผล...อยากลองดีกับฉันใช่ไหม! เดร์กัดฟันอย่างมาดหมายหอพัก.... หลังจากกลับมาวันนั้น ปันก็ปิดเครื่องมือสื่อสาร และเปิดใช้ยามที่จำเป็นจริงๆ ส่วนแผลบนหน้าผากหายดีทุกอย่าง แต่ก่อนหน้านั้นก็พยายามเอาเส้นผมปิดบังรอยแผลเป็นไว้ เพราะไม่อยากตอบคำถามเพื่อน ซึ่งปันรู้สึกปลอดภัยหายใจคล่องขึ้น และอยู่ห่างโซเชียล...“พี่แสน มาทำอะไรอยู่แถวนี้ครับ”“ปัน...” แสนเอ่ยเรียกรุ่นน้องตรงหน้าไม่เต็มเสียงหนักความมีพิรุธ ทำให้ปันมองรุ่นพี่ที่เดินอยู่ระหว่างทางหอหนึ่งหอสองอย่างจับสังเกต แสนยิ้มแล้วหลบสายต
แสนแสบที่เดินมาทางด้านหลัง เห็นเจ้าของร่างบางนั่งอยู่หน้าตึก ตาจดจ่ออยู่กับมือถือจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง อีกทั้งท่าทางประหนึ่งทะเลาะอยู่กับมัน ก็หลุดขำกับความน่ารัก ‘innocent’“รำคาญนักก็ปาทิ้งไปเลยสิ” แสนเย้าไปพร้อมกับยิ้มขำปันตกใจเล็กน้อยรีบเก็บอาการ ก่อนจะลุกขึ้นและเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง แล้วหันมาค้อนรุ่นพี่วงใหญ่“ก็อยากปาทิ้งอยู่หรอก แต่กลัวพังแล้วไม่มีเงินซื้อ”น้ำเสียง อึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้“งั้นก็เก็บ ไม่ต้องเอาออกมาแล้ว”“ครับ... เออพี่ วันนี้ผมไม่เห็นเกมไปเรียนเลย”“ อ้าวเหรอวันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ...”แสนแสบมีสีหน้าตกใจ เมื่อปันถามออกไปเช่นนั้น“ครับ แล้วเกมเขาไปทำงานทุกวันหรือเปล่าครับ”“ก็ไปทำอยู่นะ ขยันด้วย ปะ...” แล้วแสนก็เดินนำไปที่รถปันเดินตาม ทั้งที่อยากถามอีกหลายคำถามเกี่ยวกับเกม แต่เห็นอาการลุกลี้ลุกลนของรุ่นพี่จึงเลือกที่จะเก็บคำถามไป...ร้านเหล้าที่มีพื้นที่พอสมควร ซึ่งช่วงเย็นร้านยังไม่มีแขกมากนัก แสนจึงพาปันเดินเข้าไปได้สะดวกและเจ้าของร้านยังไม่ได้ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกค้า และเมื่อไปถึงก็เจอเจ้าของร้านที่ดูเหมือนจะนั่งรออยู่แล้ว“ว่าไง... นี่คนนี่เหรอ” ผู้ชายที่
ปันเหงื่อแตกไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย แต่มายตั้งหน้าสู้รับโดยยกมือถือขึ้นมาขู่“อันที่จริงผมไม่ชอบมีเรื่อง แต่ดูท่าพวกนักเลงอย่างพวกนายต้องการหาที่พักฟรี”“แกขู่พวกกูเหรอ”“เปล่าไม่ได้ขู่ แค่โทร.ให้ตำรวจมาทำงานบ้างก็เท่านั้น”พอพูดถึงตำรวจชายพวกนั้นก็สงบท่าทีลงแล้วเอ่ยน้ำเสียงเบาลง “ไล่เด็กคนนี้ออกไปเลยนะ”มายคิ้วขมวด “แล้วเด็กผมทำผิดอะไรครับ”“ก็เนี่ย เอาถาดมาฟาด” แล้วชี้ไปที่ถาดในมือปัน“หลักฐานครับ” มายขอ ยังไงก็พร้อมเข้าข้างคนของตัวเอง“ถามเพื่อนพวกนี้ดูสิ ...ใช่ไหม” แล้วหันไปเออออกับเพื่อนร่วมโต๊ะ“เพื่อนก็ต้องเข้าข้างเพื่อนด้วยกันสิ”มายยังไม่เปลี่ยนใจ“เตือนดีๆ ไม่อยากให้ร้านเจ๋งก็ไล่เด็กปากเสียออกไปน่าจะดีกว่า”“ผมไล่ออกแน่ แต่จะไล่คนที่ไม่มีมารยาทเท่านั้นแหละครับ แต่ผมก็ต้องดูที่เหตุผลก่อน ว่าสมควรไล่ใครกันแน่ ระหว่างลูกค้านักเลง กับลูกจ้างที่ไร้มารยาทกับแขก เพราะถึงเงินจะซื้อได้ทุกอย่างจริง แต่ถ้าคนใช้เงินไม่มีมารยาท เงินตรงนั้นผมก็ไม่อยากได้ครับ”คำพูดตอกกลับเจ้าของร้านทำให้แขกกลุ่มนั้นหน้าชา แต่ในระหว่างที่พูดเคลียร์กับลูกค้าที่ก่อเรื่องยังไม่ลงตัว ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินเข้