ปันรีบเอียงหลบ ทำหน้าหวาดเสียว “ผมไม่ได้แกล้ง แต่ผมลืมจริงๆ” ปันรีบบอกไปใหม่อีกครั้งแสนส่งสายตาคาดโทษแล้วหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อแจ็คแก็ตออกมา ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าปัน “เอาไป”“โทรศัพท์? ของผมนี่” ปันพูดเสียงตื่นตกใจและดีใจในคราเดียวกัน โดยมือก็รับมือถือมาเปิดดูหน้าจอว่ายังใช้ได้เหมือนเดิมอยู่หรือไม่“เออ ไม่คิดจะตามหามันบ้างหรือไง เห็นเสียงเรียกข้อความเด้งเตือน จนเครื่องพังไปแล้วมั่ง”“แล้วไปอยู่ที่พี่ได้ยังไง” เกมถามแทนเจ้าของที่มัวแต่ดีใจและกดสำรวจดูมือถือว่ายังปกติดีอยู่หรือไม่ เลยไม่ได้ยินคำพูดของแสน“บังเอิญมันร่วงตกตอนที่เจ้าของมันสะบัดก้นเดินหนีพี่นั่นแหละ”“เดินหนี?”“ใช่ พี่ไปแหย่รังแตน แตนเลยงอนเดินหนี”แล้วเกมก็ประติดประต่อเรื่องราวเอาเอง และพอเข้าใจได้ ว่ารุ่นพี่ชอบแหย่รุ่นน้องคนนี้นี่เอง“เป็นไงยังใช้ได้ดีอยู่ไหม”“ใช้ได้ปกติดี...” ปันตอบเกม แล้วเงยหน้าไปบอกรุ่นพี่อีกครั้ง “ขอบคุณมากนะครับ เนี่ยผมหาจนถอดใจแล้ว กะว่าต้องรีบหาตังค์ไปซื้อใหม่ให้ได้”“เถอะ รู้งี้ไม่เอามาคืนก็ดี”“เอามาคืนน้องนะดีแล้วพี่” เกมแทรกขึ้นแสนแสบมองหน้ารุ่นน้องแล้วยิ้ม “ล้อเล่น ก็ต้องหาทางคืนนั่นแ
ปันเดินมาที่เดิมเมื่อได้รับข้อความที่ไม่อยากเจอ จนกระทั่งเห็นรถเบนซ์คันใหม่เอี่ยม ปันรีบเดินตรงไปแล้วเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปนั่ง“เจ้านายคุณนี่มันยังไงนะ จะไม่ปล่อยให้ผมได้พักบ้างหรือไง เรียนก็จะไม่รู้เรื่องอยู่แล้วเนี่ย” ปันบ่นใส่สมุนมือขวา ทันทีที่แทรกตัวลงมานั่งคเชนทร์ก้มหน้าซ้อนยิ้ม แล้วเคลื่อนรถออกไป“นินทาเจ้านายบ้างเหอะ ผมไม่บอกเขาหรอก”คเชนทร์เอ็นดู ในคำพูดและท่าทางที่แสดงออกถึงความหมั่นไส้ของเด็กหนุ่มที่มีต่อเจ้านาย ...แต่ก็นั้นล่ะ ทำอะไรไม่ได้มากกว่าการพูดถึงและจิกกัด“คุณเดร์เขาคิดถึงคุณ คุณควรดีใจนะครับ”“นี่เขาจ้างให้คุณมาพูดหรือเปล่าครับ”“ปะเปล่า ผมพูดจากที่เห็นเนี่ยแหละครับ”“เจ้านายคุณ เขาอยากได้ของเล่นมากกว่าครับ”“ของเล่น คุณเดร์ไปหาเอาที่ไหนก็ได้ครับ” แล้วเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มเพียงนิด“นี่มันใกล้มือไง เรียกหาเมื่อไหร่ก็ได้”“เพราะของมันอยู่ในใจต่างหากครับ”“พูดไปเหอะ ผมไม่รู้สึกดีสักนิด”คเชนทร์ยิ้มเอ็นดู กับน้ำเสียงยังติดงอนอยู่เพราะตั้งแต่เจ้านายเห็นภาพถึงเนื้อถึงตัวของปันกับรุ่นพี่ที่ชื่อแสนแสบ เดร์ก็จัดการขั้นเด็ดขาดกับข้อตกลงที่คุยกันไว้กับปันทันทีคำว่า ‘เร
เดร์กระตุกยิ้มแล้วคิดในใจ เด็กคนนี้มีเรื่องให้ทึ่งได้ตลอด!“ถามแบบนี้อยากทำกับข้าวกินเองหรือว่าไง”ปันยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย เมื่อเจ้าของห้องหรูทายถูก แล้วรีบพูด“ใช่ครับ กินกับข้าวแพงๆ แต่กินไม่ถูกปาก เสียดายของ”แล้วแบบนี้ คนฟังจะตอบแบบทำร้ายจิตใจลงได้ไง... เดร์กลืนน้ำลายลงคอแล้วยิ้มอยู่ในใจ โดยไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป“แล้วจะเอาอะไรบ้างละ เขียนรายการมา เดี๋ยวจะให้คเชนทร์จัดการหาซื้อมาให้”ตากลมโตจ้องค้าง “อะไร?” เดร์ถาม เมื่อเห็นเด็กหนุ่มจ้องเหมือนมีอะไรติดอยู่บนใบหน้าของเขา“อะออ ไม่มีอะไรครับ...” ปันรีบบอก แล้วหันไปแอบยิ้มกับตัวเอง เพราะไม่คิดว่าคนอย่างเดร์จะยอมตามคำของ่ายๆ“ไม่มีก็ดีแล้ว” เดร์เปรยขึ้นแล้วมองไปนอกกระจกอีกครั้งปันจึงกระโดดลงจากเตียงเพื่อแต่งตัวดังตึก! ดวงตาคมกล้าที่ทอดมองออกไปไกลหันขวับกลับมา แล้วบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก“ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็หัวฟาดอีกหรอก” หากแต่สายตานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยปันฉีกยิ้มยิงฟันส่งให้ แล้วปรับเปลี่ยนท่าทางการเดินอย่างระมัดระวังกว่าเดิม...ไม่ใช่กลัวว่าตัวเองจะพลาดหัวฟาดอย่างที่อีกคนกลัว แต่เพราะสายตาที่จ้องไม่วางตานั้นต่างหาก
เดร์สั่งเสียงกร้าวสั่นด้วยความเป็นห่วงอีกครั้ง ในขณะที่ดวงตากลมใสที่เคยดื้อรั้นเบิกค้าง ปากยักได้รูปอ้าค้างใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ อีกทั้งการหายใจเข้าออกที่ดูรุนแรงจนน่ากลัว เหมือนคนกำลังช็อค“นายเป็นอะไรพูดออกมา!” เดร์เขย่าแล้วตะคอกเสียงดังเพื่อให้ปันมีสติและรู้สึกตัวโดยไวที่สุด“นะนาย...” คเชนทร์เองก็ทำอะไรไม่ถูกไปด้วย แต่ก็เอ่ยเรียกเพื่อเตือนสตินายไปด้วย เพราะกลัวความเป็นห่วงของนาย จะกลายเป็นเผลอทำร้ายร่างกายปันเพราะความลืมตัว“อึก!” เสียงปันดังออกมาจากลำคอ มือที่ตกลงข้างลำตัวค่อยๆ ยกขึ้นแล้วชี้นิ้วออกไปกล่องขนาดเล็กฝาเปิดอ่า พร้อมกับนิ้วที่ยังมีเลือดสีแดงสดหยดไหลให้เห็น!เดร์กับคเชนทร์หันมองหน้าเกือบพร้อมกัน ถัดจากวินาทีนั้นด้วยความว่องไว คเชนทร์รีบเก็บนิ้วกลับเข้าไปใส่ในกล่องแล้วเอาไปเก็บไว้กับตัว“ไม่มีอะไรแล้ว” เดร์เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงทุ้มเบาสายตาของเดร์ยามนี้ เต็มไปด้วยความเป็นห่วงใย และกังวล ก่อนจะประคองร่างที่อ่อนแรงขึ้นมาจากพื้นแล้วพาเดินออกไปข้างนอกเพื่อสูดอากาศที่ปลอดโปร่งกว่าอุ๊บ! ปันรีบเอามืออุดปากรู้สึกผะอืดผะอม เดร์เห็นท่าทางปันไม่ไหวก็รีบประคองพาเข้าห้องน้ำปั
ปันกัดริมฝีปากล่างจนห่อเลือด สายตามองคนตรงหน้าด้วยความขยาดชิงชัง...ประชดประชันเก่ง วางอำนาจกับคนของตัวเองจนเคยตัวแต่ถึงสะดวกสบายแค่ไหน ก็ไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงกับคนเช่นนี้ ขอเลือกความปลอดภัยของตัวเองดีกว่า! ปันตัดสินใจเด็ดขาดเดินก้าวออกจากห้องพักหรู แล้วตั้งใจจะไม่กลับมาที่นี่อีก“หากนายเดินออกไปจากห้องนี้ก้าวเดียวนะ...”“จะตัดขาผมเหรอ”เดร์พูดไม่ทันจบก็โดนตอกกลับมา จนกลายเป็นคนเหมือนน้ำท้วมปากไปอีกคนจะเถียงก็ไม่ทัน เมื่อปันก้าวเดินออกจากห้องไม่หันหลัง แม้เขาจะตะโกนเรียกโวยวายเหมือนคนเสียสติแต่ก็ไม่เป็นผล...อยากลองดีกับฉันใช่ไหม! เดร์กัดฟันอย่างมาดหมายหอพัก.... หลังจากกลับมาวันนั้น ปันก็ปิดเครื่องมือสื่อสาร และเปิดใช้ยามที่จำเป็นจริงๆ ส่วนแผลบนหน้าผากหายดีทุกอย่าง แต่ก่อนหน้านั้นก็พยายามเอาเส้นผมปิดบังรอยแผลเป็นไว้ เพราะไม่อยากตอบคำถามเพื่อน ซึ่งปันรู้สึกปลอดภัยหายใจคล่องขึ้น และอยู่ห่างโซเชียล...“พี่แสน มาทำอะไรอยู่แถวนี้ครับ”“ปัน...” แสนเอ่ยเรียกรุ่นน้องตรงหน้าไม่เต็มเสียงหนักความมีพิรุธ ทำให้ปันมองรุ่นพี่ที่เดินอยู่ระหว่างทางหอหนึ่งหอสองอย่างจับสังเกต แสนยิ้มแล้วหลบสายต
แสนแสบที่เดินมาทางด้านหลัง เห็นเจ้าของร่างบางนั่งอยู่หน้าตึก ตาจดจ่ออยู่กับมือถือจนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง อีกทั้งท่าทางประหนึ่งทะเลาะอยู่กับมัน ก็หลุดขำกับความน่ารัก ‘innocent’“รำคาญนักก็ปาทิ้งไปเลยสิ” แสนเย้าไปพร้อมกับยิ้มขำปันตกใจเล็กน้อยรีบเก็บอาการ ก่อนจะลุกขึ้นและเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง แล้วหันมาค้อนรุ่นพี่วงใหญ่“ก็อยากปาทิ้งอยู่หรอก แต่กลัวพังแล้วไม่มีเงินซื้อ”น้ำเสียง อึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้“งั้นก็เก็บ ไม่ต้องเอาออกมาแล้ว”“ครับ... เออพี่ วันนี้ผมไม่เห็นเกมไปเรียนเลย”“ อ้าวเหรอวันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ...”แสนแสบมีสีหน้าตกใจ เมื่อปันถามออกไปเช่นนั้น“ครับ แล้วเกมเขาไปทำงานทุกวันหรือเปล่าครับ”“ก็ไปทำอยู่นะ ขยันด้วย ปะ...” แล้วแสนก็เดินนำไปที่รถปันเดินตาม ทั้งที่อยากถามอีกหลายคำถามเกี่ยวกับเกม แต่เห็นอาการลุกลี้ลุกลนของรุ่นพี่จึงเลือกที่จะเก็บคำถามไป...ร้านเหล้าที่มีพื้นที่พอสมควร ซึ่งช่วงเย็นร้านยังไม่มีแขกมากนัก แสนจึงพาปันเดินเข้าไปได้สะดวกและเจ้าของร้านยังไม่ได้ยุ่งอยู่กับการดูแลลูกค้า และเมื่อไปถึงก็เจอเจ้าของร้านที่ดูเหมือนจะนั่งรออยู่แล้ว“ว่าไง... นี่คนนี่เหรอ” ผู้ชายที่
ปันเหงื่อแตกไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย แต่มายตั้งหน้าสู้รับโดยยกมือถือขึ้นมาขู่“อันที่จริงผมไม่ชอบมีเรื่อง แต่ดูท่าพวกนักเลงอย่างพวกนายต้องการหาที่พักฟรี”“แกขู่พวกกูเหรอ”“เปล่าไม่ได้ขู่ แค่โทร.ให้ตำรวจมาทำงานบ้างก็เท่านั้น”พอพูดถึงตำรวจชายพวกนั้นก็สงบท่าทีลงแล้วเอ่ยน้ำเสียงเบาลง “ไล่เด็กคนนี้ออกไปเลยนะ”มายคิ้วขมวด “แล้วเด็กผมทำผิดอะไรครับ”“ก็เนี่ย เอาถาดมาฟาด” แล้วชี้ไปที่ถาดในมือปัน“หลักฐานครับ” มายขอ ยังไงก็พร้อมเข้าข้างคนของตัวเอง“ถามเพื่อนพวกนี้ดูสิ ...ใช่ไหม” แล้วหันไปเออออกับเพื่อนร่วมโต๊ะ“เพื่อนก็ต้องเข้าข้างเพื่อนด้วยกันสิ”มายยังไม่เปลี่ยนใจ“เตือนดีๆ ไม่อยากให้ร้านเจ๋งก็ไล่เด็กปากเสียออกไปน่าจะดีกว่า”“ผมไล่ออกแน่ แต่จะไล่คนที่ไม่มีมารยาทเท่านั้นแหละครับ แต่ผมก็ต้องดูที่เหตุผลก่อน ว่าสมควรไล่ใครกันแน่ ระหว่างลูกค้านักเลง กับลูกจ้างที่ไร้มารยาทกับแขก เพราะถึงเงินจะซื้อได้ทุกอย่างจริง แต่ถ้าคนใช้เงินไม่มีมารยาท เงินตรงนั้นผมก็ไม่อยากได้ครับ”คำพูดตอกกลับเจ้าของร้านทำให้แขกกลุ่มนั้นหน้าชา แต่ในระหว่างที่พูดเคลียร์กับลูกค้าที่ก่อเรื่องยังไม่ลงตัว ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เดินเข้
คเชนทร์คิ้วขมวดผูกปมและไม่ยอมรับคำสั่งอย่างเคย “แล้วทำไมไม่บอกว่าข้อแลกเปลี่ยนคืออะไร”“เดี๋ยวฉันจัดการเอง นายไม่ต้องกังวล...”“นายไม่ให้ผมกังวลได้ไง ในเมื่อนายยังมีความกังวลอยู่เลย...” คนดูออกเอ่ยดัก“นายรู้ดีที่สุดนะคเชนทร์...” เดร์เอ่ยเสียงอ่อน และยังมีสายตาคาดโทษลูกน้องอยู่“ผมรู้ว่าผมพลาด” คนมีชนักติดหลังตอบอย่างจำนน“ฉันให้นายไปตามดูแลปัน แล้วนี่นายไปทำอะไรกัน” สายตาจริงจังมองสมุนมือขวา แล้วมองไปยังชายหน้าตาไม่คุ้นอีกสี่คนข้างๆ“คนพวกนี้เป็นญาติๆ ผมเองครับ ไว้ใจได้”“ไว้ใจได้แล้วไง ตอนนี้เป็นไงล่ะ”“ผมก็แค่อยากให้คุณปันกลับมาหานายไวไวครับ”“ยิ่งทำให้เกลียดสิไม่ว่า”“นายไม่พูด ผมไม่พูด แล้วคุณปันจะรู้ได้ไงล่ะครับ ว่านี่คือแผนอยากให้คุนปันตกงาน”“ฉันไม่รับปาก”“อ้าว!”“จัดการให้เรียบร้อยเถอะ ก่อนที่ความลับจะแตกเอา”“ครับนาย...”แล้วคเชนทร์จัดการให้ค่าปิดปากญาติของตัวเอง ซึ่งก่อนจะปล่อยให้แยกย้ายกันกลับ ก็กำชับไว้อีกครั้งว่าห้ามใครหลุดปากถึงเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะเรียกเงินคืนห้าเท่า ทุกคนต่างรับปากกันอย่างหนักแน่นแล้วแยกย้ายกันไป...หลังจากที่อยู่กับความเงียบมาได้พักใหญ่ คเชนทร์ก็