เดร์กระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย แล้วเงยหน้าขึ้นค่อยๆ ปล่อยสะโพกเด้งลงมาต่ำ จนปันรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่ถูกดันเข้ามาทักทายในช่องทางสีหวาน พร้อมกับแรงกดเข้าเป็นจังหวะ และแรงดันมาจากด้านล่าง“อึก! ซีดส์…” ปันกัดปากกลั้นเสียงคราง ทั้งเจ็บทั้งเป็นสุข“อย่าเกร็ง...” เสียงทุ้มกระเส่าบอกเบาๆ แล้วก้มใบหน้าลงไปหาแผ่นหลังขาวเนียน ก่อนจะใช้ลิ้นลากไล้เลียเม็ดเหงื่อที่ผลุดชุ่มออกมา แล้วกลืนกินรสชาติของบุรุษเพศอย่างไม่นึกรังเกียจซึ่งการกระทำของเดร์ เป็นสิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบรับได้มากขึ้น จากนั้นเป็นปันที่โยกตัวเองเพื่อเติมเต็มสิ่งที่แข็งคาอยู่ตรงช่องทางสีหวานเข้าไปจนสุดลึก“อ่าส์ ปัน นายทำดีมาก....”เดร์หลุดครางออกมาด้วยความพออกพอใจ เช่นเดียวกับปันที่ครางออกมาด้วยความสุขสมปันเหงนหน้าหู่ปากสูดเอาอากาศแล้วเข้าปอดแล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมา เพื่อบรรเทาความกระสันเสียว นัยน์ตาสุขเคลิ้มฝัน เมื่อสองมือหนาจับเอวกิ่วแล้วขยับยกให้เป็นจังหวะ โดยที่ตัวเองก็เด้งช่วยด้วย ซึ่งเป็นการช่วยที่ลงตัวควบคู่ไปกับจังหวะเพลงรัก จนเกิดเป็นเสียงครางกระเส่าแข่งกันอยู่ภายในรถแม้จะอยู่ในที่แคบ หากแต่ไม่ได้ทำให้รสรักเสียจังหวะแต่อย
ในห้องน้ำที่กว้างกว่าหอพัก เดร์ค่อยๆ วางปันลงในอ่างกุชชี่สีครีม โดยปันไม่ทีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดก๊อกน้ำถูกเปิดให้น้ำไหลลงอ่างเอื่อย ๆ ปันถูกจัดให้นั่งอยู่กลางอ่างสองขายกชันขึ้น เดร์ก็นั่งลงในท่าเดียวกัน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้สอดขาทั้งสองข้างซ่อนไขว้กัน ประกายตาหวามไหวมองสบกันปันก้มหน้ายิ้มอาย ลองมาในท่านี้ ไม่พ้น.... ปันคิดลมหายใจเกือบรดใส่กัน เดร์ยื่นมือไปจับใบหน้าที่ก้มหนีสายตา ให้หันมามอง แล้วเลื่อนมืออีกข้างไปจับต้นคอระหง เพื่อรอรับจังหวะจุมพิตที่ส่งลงมาประกบทาบทับอบอุ่น นุมนวลแต่อุ่นซ่านไปทั้งกาย...เดร์ค่อยๆ เลาะเล็มไปบนริมฝีปากอมชมพูหวานหอม ที่ชิมมาแล้วจนคุ้นชิน หากแต่ไม่รู้เบื่อ ในณะที่มือข้างหนึ่งของเดร์เริ่มทำงานล้วงลึกลงไปใต้น้ำและจับสิ่งที่อ่อนนุ่มแล้วขยับรูดไปมา“อ่าส์ ...” เสียงครางแผ่วเบาของปันเริ่มดังขึ้นเดร์กระหยิ่มพอใจ ยอมรับว่าปันเป็นชายหนุ่มที่น่าจุดไฟสวาทได้ง่ายที่สุด เพราะแค่เพียงสัมผัสไม่ว่าตรงจุดไหน คนตัวเล็กก็ตอบรับได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ไม่ใช่รอบแรกของวันนี้ที่พากันแตะฝั่งฝันเดร์ถอนริมฝีปากออกห่าง แล้วเปลี่ยนมาดึงตัวของปันให้มานั่งคร่อมบนขาของตน จากนั
เดร์หยุดพูดแล้วมองหน้าปัน ที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจสัมผัส “ในวันที่มองไปไม่เห็นนายอยู่ข้างๆ มันเหมือนวันนั้นมีอะไรขาดไป จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนหายใจแต่หายใจไม่สุด” สายตาล่ำลึกมองจ้องวงหน้าสีเรื่อ เว้าวอนเกมขอร้อง ว่าอย่าได้หายไปไหนอีก...“นายรู้สึกกับฉันแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”“ผมมีสิทธิ์คิดแบบนั้นได้หรือครับ”“นายได้สิทธิ์นั้นนานแล้วปัน...”“ครับขอบคุณที่ให้โอกาสเด็กขี้ดื้อคนนี้นะครับ”“เช่นนั้น ฉันให้โอกาสตัวเองด้วยไง”“แต่...”“แต่อะไร”“อย่าโหดกับใคร หรือผมอีกได้ไหมครับ ผมกลัว”“ที่ฉันโหด เพื่อให้ได้ใจนายต่างหาก”“อะ...”“หากฉันใจดีกับนาย แล้วจะได้นายมาแนบกายไหมล่ะ”“โธ่ไม่เอาแบบนี้ รักชอบก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ผมคนขี้กลัว...”“ได้สัญญาว่าจะไม่โหด แต่กับนายนะ... ส่วนคนนอกต้องดูเป็นกรณีๆไป”เดร์ก็คือเดร์นักธุรกิจที่มีกฎเหล็กอยู่ในหัว...ปันค้อนให้ หากแต่ซุกใบหน้าไปบนอกแกร่ง กอดรัดร่างหนาแน่นขึ้นประหนึ่งแค่นี้ก็รู้สึกปลอดภัยที่สุดแล้ว...เดร์ลูบไปบนผิวกายของปันเบาๆ ด้วยความรักและอยากปกป้อง จากนี้ต่อไปเดร์สัญญากับตัวเอง ว่าจะไม่ให้คนที่รักเสียน้ำตาหรือเจอเรื่องที่น่ากวาดกลัวอีก!มหาฯลัย
ปันปาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเพื่อนทยอยกันเดินเข้ามาอวยพรวันเกิดพร้อมของขวัญที่ทุกคนรวบรวมเงินกันซื้อมาให้ โดยแสนกับเกมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของเรื่องนี้ทั้งหมด รวมทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่ทำงานบาร์โฮสต์ก็มากันหมดทุกคนงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มจนกระทั่งเพื่อนๆ ทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว“คเชนทร์...” เดร์ผลุดลุกขึ้นเมื่อเห็นลูกน้องคนที่อยู่ในใจเสมอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า“ผมมาแสดงความยินดีกับคุณปันและนายครับ นี่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากผม”ปันมองใบหน้าของคเชนทร์ที่ไร้ความสดใสอย่างเคย ก่อนจะรับของในมือมาถือไว้“คุณหายไปไหน รู้ไหมผมถามเรื่องคุณ คุณเดร์ก็ให้คำตอบกับผมไม่ได้” ปันเอ่ยสีหน้าน้อยใจคเชนทร์ยิ้มบางๆแล้วตอบกลับ “ผมก็อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ เห็นยัง วันสำคัญคุณปัน ผมก็มาได้” คเชนทร์ตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ปันยิ้มขื่น“นายไม่กลับไปได้ไหม” เดร์เป็นคนเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่ยืนเหมือนคนน้ำท้วมปากอยู่นาน“ผมกลับไปนะดีแล้ว เพราะหลังจากนี้นายกับคุณปัน จะไม่มีเรื่องอะไรเข้ามากระทบหรือกวนใจได้อีก”ซึ่งคำของคเชนทร์ทำให้เดร์ถึงกับพูดไม่ออก หากแต่ปันยังงงกับสิ่งที่ทั้งคู่กำลังพูดสื่อกันอยู่“เฮยู!” เสียงแหลมห้
โหด ‘ให้’ ได้ใจ (รังเถื่อน) “จะไปไหน”คนที่ปันคิดว่านอนหลับสนิท กลับผงกศีรษะขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มหนัก จนสะดุ้งใจสั่นอย่างกับคนกำลังทำผิดแล้วโดนจับได้“ผมจะไปห้องน้ำ” ปันตอบกลับแล้วค่อย ๆ ขยับกายที่ปวดหน่วงไปทั้งตัวลงจากเตียง“จะให้อุ้มไปไหม”คำถามที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์พร้อมกับหรี่ตามองด้วยความกรุ่มกริ่มปันจิกตามองค้อน แล้วตอบกลับ “ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นครับ ...แต่ก็เพราะคุณ ผมถึงมีสภาพเช่นนี้" ประโยคหลังต่อว่าอยู่ในใจ“ก็ดี… อย่าทำตัวอ่อนแอ เพราะฉันไม่ชอบ”สีหน้าและน้ำเสียงของเขาไม่ได้อ่อนโยนต่อใจคนฟังอย่างปันนัก “ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณมาชอบผมนี่ครับ” ปันโต้กลับเพราะเกือบเดือนมานี่เขาเรียกหา และเอาแต่ได้ตลอด จนจะขาดใจตายอยู่ใต้อ้อมอกแกร่งของเขาอยู่รอมร่อ ไม่รู้ติดใจหรือกลัวเสียเปรียบกันแน่…และประโยคนั้นทำให้ได้สายตาจ้องกร้าวเป็นคำตอบ ซึ่งนั้นทำให้นักศึกษาหนุ่มวัยสิบเก้าปีอย่างปัน หมดหวังจะหลุดพ้นจากกรงขังของนายเดร์อย่างสิ้นเชิง“อาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวฉันจะพาออกไปข้างนอก” เจ้าของห้องบอกพร้อมกับขยับลุกขึ้น จนผ้าห่มหลุดร่อนลงไปกองอยู่ตรงหน้าตัก เผยให้เห็น
“ว่าไง เงียบทำไม…” เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับอยู่ย้ำถามปันที่นิ่งเงียบเพราะความกระดาก หากแต่อีกฝ่ายอยากได้คำตอบ จึงจิกตามองค้อน ก่อนจะตอบกลับไปว่า“มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดไหม”…ถ้าให้ตอบ มันก็ดี ดีจนไม่กล้าปฏิเสธ… แต่จะให้ตอบก็ไม่กล้า!“ไม่ จนกว่านายจะตอบ และทำตามความต้องการจนฉันพอใจ”“นี่คุณเดร์ ที่ผมยอมอยู่ทุกวันนี้ ไม่พอใจคุณอีกเหรอครับ” ปันมองคนเอาแต่ใจเอาแต่ได้ ผิดกับมาดนิ่งขรึมยามที่นั่งสั่งงานต่อหน้าลูกน้องอย่างฟ้ากับเหว“ไม่! ทำไมกลัวใจ หรือกลัวที่จะไปกับฉัน…”“ใช่”“ไม่ใช่กลัวคนของนายเห็น เวลาออกไปไหนมาไหนกับฉัน” คิ้วหนาขมวดนูนประหนึ่งมีโจทย์ต้องเร่งหาคำตอบด่วนปันหรี่ตามองคนพูด ก่อนจะเลือกตอบเพื่อตัดความรำคาญ “ก็ไช่”“หึ!” แล้วปลายจมูกโด่งก็ซุกลงมาที่ซอกคอ สลับกับซี่ฟันขาวขบกัดลงมาประหนึ่งเป็นการลงโทษ“หือ คุณเดร์ อย่าทำรอย!” ปันร้องปราม พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันอกหนาให้ออกห่างพร้อมกับขยับดิ้น แต่อีกฝ่ายไม่ขยับเขยื้อน ซ้ำยังกดน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม จนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จึงหยุดการกระทำ“กลัวใครเห็น” น้ำเสียงของเดร์ขุ่นกว่าเก่าปันตาหรี่แคบ “เอะคุณ!” ปันอยากบอก แต่คิดว่าคนอ
อาหารบนโต๊ะยังไม่พร่อง แต่เจ้าพ่อหมั่นหน้ารวบช้อนเข้าด้วยกัน ครั้นปันสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นมองสายตาเป็นคำถาม‘อิ่มแล้ว?’ ซึ่งเดร์เข้าใจความหมายในสายตาของปันดี เขาไม่ตอบแต่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเกือบหมดแก้วแล้ววางไว้ที่เดิม มืออีกข้างหยิบผ้าผืนเล็กที่วางอยู่บนหน้าตักก่อนหน้านี้ขึ้นมาเช็ดมุมปากทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นการย้ำชัดว่าเขา ‘อิ่มแล้ว!’ปันถอนหายใจ เพราะรู้สึกเสียดายอาหารบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม “อาหารพวกนี้บางอย่างคุณยังไม่แตะเลยนะครับ”“แล้วไง ฉันสั่งให้นาย นายก็กินให้หมดสิ”ปันตาโตอีกครั้ง “นี่คุณ ผมชินกินข้าวจานเดียวแต่คุณเล่นสั่งมาเต็มโต๊ะแบบนี้ ใครจะไปกินหมด เรียกลูกน้องของคุณมากินเถอะ” ปันว่าแล้ว ก็อิ่มขึ้นมาทันทีเช่นกัน“คนของผม ผมก็สั่งให้ต่างหาก ผมกินอะไรลูกน้องผมก็กินอย่างนั้นไม่ต้องไปเป็นห่วงหรอก” ปันถอนหายใจ มองอาหารในจานที่หรูและแพง ซึ่งวาสนาตนคงไม่มีโอกาสได้เดินเข้ามาสั่งกินเป็นแน่ระหว่างที่นั่งตัดพ้อเจ้ามือ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ก็โชยมาแตะจมูก จนต้องหันไปมอง จึงเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวเนี้ยบไร้ที่ติ เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ และมองตรงไปที่เดร์ คล้าย
คฤหาสน์กิติพงศ์ ที่คนนอกน้อยคนจะมีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามาได้ แม้แต่คนที่คบกันนานที่สุด เดร์ก็ไม่เคยพาเข้ามา หากแต่ปันได้สิทธิ์นั้น ซึ่งทำให้คนที่อยู่ใกล้ชิดรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก“เย็บไปสี่เข็ม แล้วก็ยาผมจัดให้ ต้องกินให้หมดนะครับ แต่ยังไงก็ต้องดูผลข้างเคียง จากการกระทบกระเทือนที่ศีรษะด้วย หากมีอะไรผิดสังเกต ผมอยากให้คุณเดร์รีบพาคนป่วยไปโรงบาลเพื่อเอกซเรย์น่ะครับ”นายแพทย์ประจำตระกูลหันมารายงานเดร์ซึ่งนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟา โดยสายตาไม่ละไปจากใบหน้าขาวซีดที่ยังไม่กล้าสบตาเขาโดยตรงอยู่บนเตียงกว้างเมื่อเห็นว่าปันหลับไปแล้ว เดร์ก็เรียกลูกน้องที่เกี่ยวข้องทุกคนเข้ามาพบ“เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มมา…”เดร์เริ่มไตร่สวนสีหน้าเครียดตึง จนลูกน้องที่ยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานหน้าซีดตัวเกร็ง หากมีเพียงคเชนทร์ที่ยังยืนนิ่งสงบและเอ่ยรับหน้า“ผมดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว แต่คงมีเรื่องเข้าใจผิดกันระหว่างอยู่ในห้องน้ำนะครับ”“เข้าใจผิดยังไง ถึงกล้าทำร้ายร่างกายคนของฉัน ไปจัดการเอาตัวมาให้ฉัน”ด้วยความแปลกใจ คะเชนทร์เหลือบตามองเจ้านายเพียงนิด ก่อนจะก้มหน้ารับคำสั่ง “ครับ” หากแต่ใจก็อดคิดไม่ได้ เพราะเจ้านาย