“ว่าไง เงียบทำไม…” เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับอยู่ย้ำถาม
ปันที่นิ่งเงียบเพราะความกระดาก หากแต่อีกฝ่ายอยากได้คำตอบ จึงจิกตามองค้อน ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดไหม”
…ถ้าให้ตอบ มันก็ดี ดีจนไม่กล้าปฏิเสธ… แต่จะให้ตอบก็ไม่กล้า!
“ไม่ จนกว่านายจะตอบ และทำตามความต้องการจนฉันพอใจ”
“นี่คุณเดร์ ที่ผมยอมอยู่ทุกวันนี้ ไม่พอใจคุณอีกเหรอครับ” ปันมองคนเอาแต่ใจเอาแต่ได้ ผิดกับมาดนิ่งขรึมยามที่นั่งสั่งงานต่อหน้าลูกน้องอย่างฟ้ากับเหว
“ไม่! ทำไมกลัวใจ หรือกลัวที่จะไปกับฉัน…”
“ใช่”
“ไม่ใช่กลัวคนของนายเห็น เวลาออกไปไหนมาไหนกับฉัน” คิ้วหนาขมวดนูนประหนึ่งมีโจทย์ต้องเร่งหาคำตอบด่วน
ปันหรี่ตามองคนพูด ก่อนจะเลือกตอบเพื่อตัดความรำคาญ “ก็ไช่”
“หึ!” แล้วปลายจมูกโด่งก็ซุกลงมาที่ซอกคอ สลับกับซี่ฟันขาวขบกัดลงมาประหนึ่งเป็นการลงโทษ
“หือ คุณเดร์ อย่าทำรอย!” ปันร้องปราม พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันอกหนาให้ออกห่างพร้อมกับขยับดิ้น แต่อีกฝ่ายไม่ขยับเขยื้อน ซ้ำยังกดน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม จนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จึงหยุดการกระทำ
“กลัวใครเห็น” น้ำเสียงของเดร์ขุ่นกว่าเก่า
ปันตาหรี่แคบ “เอะคุณ!” ปันอยากบอก แต่คิดว่าคนอย่างเดร์คงไม่ใสใจความรู้สึกคนอื่น จึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้
“ดื้อไม่พอ ยังปากดี มันต้องโดน” เดร์บอก ในขณะที่ผละใบหน้าออกมาเพียงนิด โดยสายตาจ้องคนใต้ร่างอย่างอยากกำราบให้อยู่หมัด
ซึ่งการขยับและเสียดสีของปันก่อนหน้า ส่งผลให้บางอย่างของคนตัวโตถูกกระตุ้นตื่นตัว ดุนดันอยู่ตรงหน้าขา จนปันใจเต้นระส่ำ กัดริมฝีปากแน่นเพื่ออดกลั้น โดยที่เจ้าของส่วนนั้นยังทำทีเหมือนตัวเองยังปกติดี…
“นิ่งทำไม ขยับอีกสิ”
“ไม่…” ปันตอบเสียงแข็ง หากนัยน์ตาหวาดหวั่นฉายชัด กลัวโดนอีกรอบ หากยังทำตัวไม่น่ารักและปากดีตามที่อีกคนกล่าว
“ผมยอมไปข้างนอกกับคุณก็ได้”
ก่อนไฟจะลามไปทั่วห้องเหมือนทุกครั้ง ปันจึงดับไฟแต่ต้นลม
ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงมาใส่หน้า ประหนึ่งเสียดาย ก่อนจะกระตุกยิ้ม “พูดง่าย ๆ ตั้งแต่แรกก็จบเรื่อง” แล้วผละออกจากคน ‘ดื้อ’ อย่างอ้อยอิ่ง
เมื่ออีกฝ่ายยอม เดร์ก็พร้อมตัดใจรอคอยครั้งต่อไป…
ในโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ปันไม่คิดว่าตัวเองจะโอกาสได้เข้ามานั่งใช้บริการ หากชายผู้ที่ใช่เงินเป็นเบี้ยคนนี้ ไม่ลากมาด้วยชาตินี้ทั้งชาติ ก็คงได้แต่เหม่อมองดูอยู่ตรงข้างทาง
“กินอะไรก็สั่งเอา” พูดจบ ก็ยื่นเมนูอาหารมาให้ตรงหน้า
ปันรับเมนูที่ถูกส่งมาเปิดดู วนดูกลับไปกลับมาหลายรอบแต่ก็ตัดสินใจไม่ได้เสียที เพราะแต่ละเมนูไม่คุ้นตาและคุ้นเคยเลย
“ผมไม่เคยกินอาหารพวกนี้ คุณจะกินอะไรก็สั่งเถอะครับ”
เดร์มองหน้าปัน หากแต่อดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อเขาเห็นความเป็นเด็กน้อยที่เหมือนโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ!
เดร์ละสายตาจากคนตรงหน้า แล้วหันไปพยักหน้ากับพนักงานที่ยืนรอบริการก่อนจะชี้ไปบนเมนูโดยไม่เสียเวลาคิด
“แค่นี้”
‘แค่นี้’ ของเขา ปันถึงกับหน้าจืดเจื่อน เพราะอาหารที่เขาสั่ง สิบคนก็กินไม่หมด
พนักงานรีบจดรายการแล้วเดินออกไป ผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวางเรียงไว้ตรงหน้า
ปันมองจานอาหารที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยหรู จนไม่กล้าแตะ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ
“คุณจะกินหมดเหรอ” ถามพลางกวาดสายตามองไปที่เมนูอาหารแต่ละจาน
“ไม่หมดก็ทิ้ง” คำพูดราบเรียบพอกับสีหน้า แล้วหยิบผ้าที่พับวางอยู่คลี่ออกวางบนหน้าตัก
“ลืมไปว่าคุณรวย ส่วนผมคนหาเช้ากินค่ำ ความคิดความอ่านก็คงไม่เหมือนกัน”
“แต่เราทำเรื่อง… เดียวกันได้” เสียงทุ้มหนักตอบกลับมาพร้อมกับพินิจหนุ่มตรงหน้าซึ่งอ่อนกว่าตัวเองหลายปี ที่บางทีชอบคิดเล็กคิดน้อยเกินไป
ปันนิ้วหน้าครุ่นคิด ว่าเรื่องเดียวกันคือเรื่องอะไร จนกระทั่งเห็นแววตากรุ่มกริ่ม อย่างคนเจ้าเล่ห์จ้องอยู่ก่อนแล้ว จึงก้มหลบสายตา หน้าร้อนผ่าว
“…เรื่องอย่างว่าอีกตามเคย”
ปันบ่นงุบงิบ เพราะตั้งแต่อยู่ใกล้จนตัวเกือบติดกัน เขาก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องอย่างว่าจริง ๆ
“นายก็ชอบไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มเรียบของเดร์เปรยขึ้นโดยไม่ได้หวังคำตอบ
ปันช้อนตาขึ้นมองค้อน คุณนี่มัน… ปันคิดอย่างเหนื่อยหน่าย เถียงไปก็ไม่มีวันชนะ! ก่อนจะเลิกสนใจ และจัดการกินอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยไม่สนสายตาคมเข้ม ที่มองตัวเองอย่างอยากจะกลืนกินแค่ไหน
ระหว่างที่นั่งกินอยู่นั้นปลาชิ้นเล็กก็ถูกตักส่งมาให้ในจาน ปันเหลือบตามองด้วยความคลางแคลงใจ กับการกระทำเช่นนี้
เถอะ! หากเป็นคู่รักคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่สำหรับตนเป็นเพียงคู่นอนขัดดอก
“ขอบคุณครับ…” ปันตอบกลับไปเป็นมารยาท “แต่ผมตักเองได้ครับ” ปันบอกในขณะที่หัวใจเต้นหน่วงผิดจังหวะ
หากแต่มุมปากยักกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “คืนนี้… ฉันอยากให้นายมีแรงต้านฉันเยอะ ๆ”
ปันตาโต “นี่คุณ... ไม่คิดจะปล่อยให้ผมกลับไปทำงานบ้างเลยหรือครับ” ทั้งโกรธทั้งอายผสมกันไปหมด โดยไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าอีกฝ่ายหลงจนไม่อยากให้ปล่อยกลับห้อง
“นี่ก็งานไง…” น้ำเสียงและสายตาจริงจัง หากแต่ดูเร้าร้อน จนปันต้องหลบสายตา
“แต่ ผมต้องทำงานเพื่อเอาเงินมาเสียหนี้ให้คุณนะครับ”
“ก็รีบทำให้ฉันอิ่มสิ จะได้ปล่อยนายไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้”
ปันตาขวางมองคนเอาแต่ได้ ก่อนจะเหลือบตามองชายใส่สูทที่ยืนตัวตรงหน้านิ่ง เหมือนไม่หายใจ
...อาจจะเป็นเพราะชินกับการ กระทำของเจ้านายไปแล้วกระมั่ง! ปันคาดเดา แล้วหันกลับมาส่งค้อนให้ชายหนุ่มผู้เอาแต่ได้ด้วยความหงุดหงิดใจ
“คุณนี่มัน…”
จะพูดไป อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อมุมปากยักยกสูงอย่างเป็นต่อ ปันจึงตักข้าวเข้าปากเพื่อลดอารมณ์ตึงเครียดไปเงียบ ๆ
อาหารบนโต๊ะยังไม่พร่อง แต่เจ้าพ่อหมั่นหน้ารวบช้อนเข้าด้วยกัน ครั้นปันสงสัยจึงเงยหน้าขึ้นมองสายตาเป็นคำถาม‘อิ่มแล้ว?’ ซึ่งเดร์เข้าใจความหมายในสายตาของปันดี เขาไม่ตอบแต่หยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเกือบหมดแก้วแล้ววางไว้ที่เดิม มืออีกข้างหยิบผ้าผืนเล็กที่วางอยู่บนหน้าตักก่อนหน้านี้ขึ้นมาเช็ดมุมปากทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นการย้ำชัดว่าเขา ‘อิ่มแล้ว!’ปันถอนหายใจ เพราะรู้สึกเสียดายอาหารบนโต๊ะจึงเอ่ยถาม “อาหารพวกนี้บางอย่างคุณยังไม่แตะเลยนะครับ”“แล้วไง ฉันสั่งให้นาย นายก็กินให้หมดสิ”ปันตาโตอีกครั้ง “นี่คุณ ผมชินกินข้าวจานเดียวแต่คุณเล่นสั่งมาเต็มโต๊ะแบบนี้ ใครจะไปกินหมด เรียกลูกน้องของคุณมากินเถอะ” ปันว่าแล้ว ก็อิ่มขึ้นมาทันทีเช่นกัน“คนของผม ผมก็สั่งให้ต่างหาก ผมกินอะไรลูกน้องผมก็กินอย่างนั้นไม่ต้องไปเป็นห่วงหรอก” ปันถอนหายใจ มองอาหารในจานที่หรูและแพง ซึ่งวาสนาตนคงไม่มีโอกาสได้เดินเข้ามาสั่งกินเป็นแน่ระหว่างที่นั่งตัดพ้อเจ้ามือ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ก็โชยมาแตะจมูก จนต้องหันไปมอง จึงเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวเนี้ยบไร้ที่ติ เดินมาหยุดอยู่ใกล้ ๆ และมองตรงไปที่เดร์ คล้าย
คฤหาสน์กิติพงศ์ ที่คนนอกน้อยคนจะมีสิทธิ์ย่างกรายเข้ามาได้ แม้แต่คนที่คบกันนานที่สุด เดร์ก็ไม่เคยพาเข้ามา หากแต่ปันได้สิทธิ์นั้น ซึ่งทำให้คนที่อยู่ใกล้ชิดรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก“เย็บไปสี่เข็ม แล้วก็ยาผมจัดให้ ต้องกินให้หมดนะครับ แต่ยังไงก็ต้องดูผลข้างเคียง จากการกระทบกระเทือนที่ศีรษะด้วย หากมีอะไรผิดสังเกต ผมอยากให้คุณเดร์รีบพาคนป่วยไปโรงบาลเพื่อเอกซเรย์น่ะครับ”นายแพทย์ประจำตระกูลหันมารายงานเดร์ซึ่งนั่งหน้านิ่งอยู่บนโซฟา โดยสายตาไม่ละไปจากใบหน้าขาวซีดที่ยังไม่กล้าสบตาเขาโดยตรงอยู่บนเตียงกว้างเมื่อเห็นว่าปันหลับไปแล้ว เดร์ก็เรียกลูกน้องที่เกี่ยวข้องทุกคนเข้ามาพบ“เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มมา…”เดร์เริ่มไตร่สวนสีหน้าเครียดตึง จนลูกน้องที่ยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดานหน้าซีดตัวเกร็ง หากมีเพียงคเชนทร์ที่ยังยืนนิ่งสงบและเอ่ยรับหน้า“ผมดูกล้องวงจรปิดมาแล้ว แต่คงมีเรื่องเข้าใจผิดกันระหว่างอยู่ในห้องน้ำนะครับ”“เข้าใจผิดยังไง ถึงกล้าทำร้ายร่างกายคนของฉัน ไปจัดการเอาตัวมาให้ฉัน”ด้วยความแปลกใจ คะเชนทร์เหลือบตามองเจ้านายเพียงนิด ก่อนจะก้มหน้ารับคำสั่ง “ครับ” หากแต่ใจก็อดคิดไม่ได้ เพราะเจ้านาย
สุดท้ายก็ทำสำเร็จเมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดเข้าเงียบไปแล้ว คนเจ้าแผนการก็รีบวิ่งออกไป ระหว่างที่ลนลานวิ่งออกมาถึงลานจอดรถ ความรีบร้อนทำให้เผลอไม่ระวังจึงชนกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง“ขอโทษครับ…” ปันรีบโน้มตัวก้มศีรษะเพื่อขอโทษแต่ชายกลุ่มนั้นกลับไม่ยอมฟังชักสีหน้าตึง สายตาเอาเรื่อง “ผะ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” กลัวทั้งท่าทางและแววตาที่ไร้ความเป็นมิตร พลันใจก็คิดถึงอีกคนที่ตัวเอง ชอบต่อว่า ว่าใจร้ายบ้าอำนาจและเอาแต่ใจขึ้นมาทันที แม้จะเห็นแต่ข้อเสียของเดร์ แต่กระนั้นปันก็รู้สึกปลอดภัย!“ไอ้หน้าอ่อน…” คำพูดกร้าวพร้อมกับฝ่ามือหนายื่นมาขยุ้มคอเสื้อ อีกทั้งเห็นว่าอีกมือข้างล้วงไปใต้ชายเสื้อและดึงบางอย่างออกมาปันผวาเฮือก “คุ คุณครับ ผมขอโทษจริงๆ ครับ” ปันละล่ำละลักบอกอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวหากมุมปากหนาของชายหน้าเหี้ยมกลับเหยียดตรง สายตาไร้ความโอนอ่อน เพียงเสี้ยวนาทีต่อมาปันรับรู้ถึงแรงกระแทกศีรษะ ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบลงไปพร้อมกับความเจ็บแปลบ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที่ ก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียงกว้าง พร้อมใครบางคนกำลังทำแผลบนศีรษะให้…หลังจากความคิดกลับมาอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า ประโยคเสียวท้องน้อยก็ดังกระ
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง การสนทนาของหัวหน้ากับลูกน้องก็ยังคงเคร่งเครียด ปันใช้เวลานั้นเดินสำรวจห้อง จนกระทั่งได้ยินประโยคน่าหวาดเสียวจึงเอียงหูฟัง“มือข้างไหนจับปืนก็ตัดข้างนั้น”น้ำเสียงเด็ดขาดไร้ความปรานี ปันหน้าเฝือดสี ในใจนึกขยาดกับผู้ชายที่กกกอดตัวเองมาตลอดหลายคืนโหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ…และเดร์เหมือนจะรู้ตัว ว่าหลุดพูดคำบางคำให้คนหัวอ่อนใจบางได้ยิน จึงหันมามองเพื่อดูท่าที และก็เห็นว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและกริ่งเกรง“นายไปจัดการตามนั้นเลย” ปากสั่งลูกน้อง แต่สายตายังมองชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลายปีไม่วางตาคเชนทร์ออกจากห้องไปแล้วเดร์จึงกวักมือเรียกปันให้มานั่ง ใกล้ ๆ แต่ความขยาดหวาดกลัวทำให้เท้าของปันจิกอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อนเดร์ทำเสียงในลำคอ “มานั่ง!” เสียงทุ้มสั่งพร้อมกับใช้มือตบไปบนโซฟาที่ว่างใกล้ ๆปันส่ายหน้าช้าๆ คล้ายไม่แน่ใจ“นายมันขี้ดื้อ”“ก็คุณใจร้าย”“ฉันร้ายกับคนที่ร้ายกับฉันและคนของฉัน”“แต่คุณไม่ควรไปตัดสินเองแทนกฎหมายนะครับ”“คิดว่ากฎหมายมันช่วยใครก่อน ระหว่างคนมีเงินกับคนธรรมดาอย่างนาย”“แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่”“เพราะมีคนอย่างนายไง ไอ้พวกนักเลงก
ความที่ต้องการใช้บัตรประชาชน แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงนึกขึ้นได้ ว่ามีครั้งหนึ่งรุ่นพี่ที่อยู่ร่วมห้องเคยเอ่ยขอ เดือดร้อนต้องตามหาจากเพื่อนสนิทของรุ่นพี่ที่คณะ จนได้ข้อมูลมาพอสมควร ซึ่งรุ่นพี่ชอบมาสิงอยู่ที่นี่ จำเป็นต้องตามมาหา…“ผมหยิบกระเป๋ามาผิด ลืมไปว่าเก็บไว้อีกกระเป๋าครับ”เมื่อตั้งใจแน่วแน่ จากคนที่ไม่เคยพูดปดก็จำเป็นต้องพูด เพราะอยากเจอคนที่กำลังตามหาจริง ๆ“ไม่มี ไม่ให้เข้า อายุไม่ถึง ก็ไม่ให้เข้า ออกไปยืนไกลๆ แขกคนอื่นเขาจะเข้ามา”น้ำเสียงที่มาพร้อมสีหน้าเข้มจนดุ ปันยิ้มยิงฟันใส่ เพื่อกลบเกลื่อนความไม่เนียนของตัวเองแล้วคนตัวเล็กก็ขยับหลบไปยืนท่าทางสำรวมอยู่ห่างๆ จนเห็นว่าไม่มีแขกเดินผ่านเข้ามาอีกแล้ว ก็ขยับไปหาชายร่างสูงที่สีหน้าดูไม่เป็นมิตรกับตัวเองเท่าไหร่“โธ่พี่ชาย ให้ผมเข้าไปหาเพื่อนหน่อยนะครับ เข้าไปแปบเดียวเอง” ปันปรับน้ำเสียงออดอ้อนกระพริบตาปริบปรอย โดยสองมือกุมเข้าหากันแล้วปีบกระชับประหนึ่งให้กำลังใจตัวเองสายตาออดอ้อนของหนุ่มหน้าหวานตรงหน้า หากเป็นที่อื่นคงใจอ่อน แต่ที่นี่มีกฎ ใครทำผิดก็เท่ากับฆ่าตัวเอง คนหน้าดุจึงถลึงตาใส่ พร้อมกับส่งเสียงเข้ม“นิ อย่ามาทำตาเ
ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นร่างสูงใหญ่ที่ยืนก้มหน้านิ่ง ปันก็ตัวลอยหวือ เท้าไม่แตะพื้น ใจหายวาบ สีหน้าลนลาน เลือกตามองหาข้างๆ และเห็น ว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองกำลังโดนหิ้วปีก โดยชายแปลกหน้าสองคน“... อ้าวเฮ้ย! จะทำอะไรผมเนี่ย” ปันถามเสียงหลง และเป็นจังหวะเดียวกัน ที่ตัวเองถูกบังคับให้หันไปอีกทาง ซึ่งไม่ใช่ประตูที่หมายตาไว้ตั้งแต่ต้นคำถามไร้ซึ่งคำตอบ ปันใจเต้นแรงกว่าเก่า “เฮ้ย! ปล่อยนะ จะทำอะไรผม ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้นะ!”ปันโวยวายเสียงดังลั่น มองซ้ายมองขวาก็เจอแต่คนตัวโตใบหน้าดุๆ ที่กำลังหิ้วปีกตัวเองอยู่ โดยไม่เกรงสายตาคนรอบข้างที่กำลังมองมาอย่างสนใจ“พวกคุณเป็นใครเนี่ย”ปันทั้งอยากรู้ทั้งหวาดกลัวในคราเดียวกัน หากแต่ชายแปลกหน้าร่างสูงใหญ่กับไม่ใส่ใจ“เอาเข้าไป”เสียงทุ้มกังวานของอีกคน ที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว เอ่ยคำสั่งแล้วเดินนำหน้าไปก่อนปันที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเจอกับอะไร หน้าเจื่อน ก่อนจะกลายเป็นสีขาวซีด“เข้า? เข้าไปไหน เฮ้ย! ปล่อยผมนะ”ปันส่งเสียงโวยลั่น หากแต่คนพวกนี้ ทำเป็นไม่ได้ยิน...มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย!!!ชายฉกรรจ์ทั้งสองหิ้วปีกของปันคนละข้าง แล้วเดินตามหลังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ แต่
ปันหัวใจกระตุกวูบ เหมือนความร้อนพัดเข้ามากลบความเย็นที่เป่ารดใบหน้า จนหูอื้อตาลาย ยิ่งสายตานั่นอ่านไม่ออกว่ามองตัวเองเป็นมิตรหรือศัตรู ยิ่งทำให้ปันอยากหลับแล้วตื่นขึ้นบนที่นอนของตัวเอง ให้เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกลายเป็นเพียงความฝัน“ใช่มั้ย” ประโยคแรกที่หันไปถามชายฉกรรจ์ทั้งสอง ซึ่งหากมอง เขาผู้นั้นคือผู้ที่มีอำนาจสูงสุด“ใช่คนเดียวกันครับนาย”อะไร ใครคนเดียวกันกับใคร! ปันมองหน้าคนทั้งสองสลับกันไปมา“อืม…” คนที่ถูกเรียกว่านายรับแล้วกระดิกนิ้ว เพื่อให้ลูกน้องคนสนิทส่งบัตรที่ถืออยู่ในมือให้เมื่อเจ้าของผับดังรับสิ่งที่ต้องการมาแล้ว ชายทั้งสองก็โน้มตัวลงเล็กน้อยแล้วถอยหลังเดินออกไปเสียงปิดประตูไม่ดังมาก หากแต่ทำให้ปันที่มีแต่ความหวาดระแวงสะดุ้ง…ภายในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกันเพียงสองคน หากแต่ความอึดอัดมันมีมากล้น อย่างกับคนนับร้อยมารวมตัวกันอยู่ในห้องนี้ไม่ปาน เมื่อสายตาที่มองมา มันเร่งเร้าให้รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ทั่วท้อง“มองพอหรือยัง”จู่ๆ เจ้าของร่างสูงสง่าที่นั่งบนเก้าอี้ก็ถามขึ้นด้วยเสียงมีน้ำหนัก ปันกลืนน้ำลายลงคอ โดยสายตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลา จนใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเร่งส่งระดับสูบฉี
เดร์ยกยิ้มมุมปาก …น่าแปลก น้ำเสียงนั้นแม้จะดูดื้อรั้น ไร้ความเกรงกลัวคนอย่างเขา หากสามารถทำให้เสือร้ายในตัวของเขาอ่อนลงได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่เดร์ก็อยากสั่งสอนหนุ่มหน้าอ่อนให้หลาบจำ“นี่นายไม่ฟังที่ฉันพูดเลยใช่ไหม” เดร์เค้นเสียงออกมาพร้อมสายตาจดจ้องหน้าหวานที่เชิดรั้นจ้องตอบไม่ลดละ“คุณพูดอะไร… ผมลืมไปแล้ว”เดร์เห็นแววตาหวาดหวั่นหากแต่เจ้าตัวยังกล้าปากดีต่อปากต่อคำไม่ลดละ ยิ่งทำให้อยากเข้าไปจัดการสั่งสอนชายหนุ่มตรงหน้าให้หลาบจำ“ได้! อยากดื้อนักใช่ไหม”จากที่ไม่เคยยอมเดินไปหาใครก่อน แต่รอบนี้เดร์เดินตรงไปหาแล้วกระชากคอเสื้อหนุ่มหน้าใสเต็มแรงความแรงทำให้กระดุมเสื้อเชิ้ตของปันขาดกระเด็นไปสองเม็ด“เฮ้ย!”ปันตกใจร้องเสียงหลง เมื่อเห็นเสื้อตัวโปรดของตนเองถูกดึงขาด จึงใช้ด้านข้างฝ่ามือสับไปที่ข้อมือหนาจนอีกฝ่ายเจ็บและปล่อยมือ ซึ่งปันลืมไปว่าระหว่างถูกกระชากตัวเองก็ลอยคว้างกลางอากาศ พออีกฝ่ายปล่อยมือแบบไม่ทันตั้งตัว กลับเป็นว่าตัวเองก็ร่วงก้นกระแทกพื้นอีกครั้งเต็มแรง“อุ๊บ! ซี้ดด”ปันหู้ปากร้องซี้ดออกมา หน้าบิดเบี้ยวเหยเก มือลูบไปตรงสะโพกตัวเองแรง ๆ สายตาก็มองหน้าผู้ชายแต่งตัวภูมิฐานและหล่อ