หน้าหลัก / LGBTQ+ / ทัณฑ์มาเฟีย / ตีค่าราคาของคน

แชร์

ตีค่าราคาของคน

ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง การสนทนาของหัวหน้ากับลูกน้องก็ยังคงเคร่งเครียด ปันใช้เวลานั้นเดินสำรวจห้อง จนกระทั่งได้ยินประโยคน่าหวาดเสียวจึงเอียงหูฟัง

“มือข้างไหนจับปืนก็ตัดข้างนั้น”

น้ำเสียงเด็ดขาดไร้ความปรานี ปันหน้าเฝือดสี ในใจนึกขยาดกับผู้ชายที่กกกอดตัวเองมาตลอดหลายคืน

โหดร้ายขนาดนี้เลยเหรอ…

และเดร์เหมือนจะรู้ตัว ว่าหลุดพูดคำบางคำให้คนหัวอ่อนใจบางได้ยิน จึงหันมามองเพื่อดูท่าที และก็เห็นว่าแววตานั้นเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและกริ่งเกรง

“นายไปจัดการตามนั้นเลย” ปากสั่งลูกน้อง แต่สายตายังมองชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าหลายปีไม่วางตา

คเชนทร์ออกจากห้องไปแล้วเดร์จึงกวักมือเรียกปันให้มานั่ง ใกล้ ๆ แต่ความขยาดหวาดกลัวทำให้เท้าของปันจิกอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน

เดร์ทำเสียงในลำคอ  “มานั่ง!” เสียงทุ้มสั่งพร้อมกับใช้มือตบไปบนโซฟาที่ว่างใกล้ ๆ

ปันส่ายหน้าช้าๆ คล้ายไม่แน่ใจ

“นายมันขี้ดื้อ”

“ก็คุณใจร้าย”

“ฉันร้ายกับคนที่ร้ายกับฉันและคนของฉัน”

“แต่คุณไม่ควรไปตัดสินเองแทนกฎหมายนะครับ”

“คิดว่ากฎหมายมันช่วยใครก่อน ระหว่างคนมีเงินกับคนธรรมดาอย่างนาย”

“แต่ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่”

“เพราะมีคนอย่างนายไง ไอ้พวกนักเลงกระจอกถึงได้ใจ”

“แล้วสิ่งที่คุณทำ มันต่างกับนักเลงพวกนั้นไหม”

“ต่างสิ เพราะฉันไม่เคยหาเรื่องใครก่อน”

“แต่ถ้าเรื่องที่คุณสั่งให้คุณคเชนทร์ไปทำ นั่นมันเรื่องของผม”

“เรื่องของนายก็เหมือนเรื่องของฉัน”

“ทำไม ผมเจ็บ คุณมาเจ็บกับผมหรือไง”

“ใช่…” เดร์เผลอหลุดปาก

ปันหรี่ตามองคนนั่งบนโซฟา สมองก็ทวนคำพูดคำว่า ‘ใช่’เพื่อพิเคราะห์ ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือแกล้งแหย่

ท่าทางนิ่งเงียบของปัน ทำให้เดร์นึกขึ้นได้ จึงทำหน้าหงุดหงิด เสียงขุ่น “ปากว่างมากหรือไงถึงเถียงฉันไม่หยุด”

         “คุ คุณล้อเล่นใช่ไหมครับ ถ้าผมเจ็บคุณก็เจ็บด้วย”

คำถามใสซื่อ ทำให้เดร์ใจไหวยวบ แต่เขาจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ ก็แค่ของเล่นที่อยากเก็บไว้ดูนาน ๆ…

         “มะ มานั่งแล้วฉันจะบอก…”

         แม้จะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน แต่เท้าเรียวของปันก็ก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

เดร์คว้าข้อมือเล็กแล้วรั้งให้นั่งลง หากแต่นั่งย่อลงไปบนพื้น

ปันคิ้วขมวดคุกเข่าอยู่ตรงระหว่างขาแกร่งที่อ้ากว้าง

         “ปากว่างนัก ก็เอามันลงให้หน่อย…”

         ดวงตากลมใสซื่อตื่นตระหนก หากแต่เมื่อมือเรียวหนารูดซิปกางเกงลงและเห็นสิ่งที่กำลังพองขยายอยู่ในที่จำกัด นั้นคือสิ่งยืนยันความต้องการจริง ใช่ล้อเล่น!

         แม้ใจอยากปฏิเสธแต่พอเห็นสัดส่วนร่างกายของมาเฟียร้ายอย่างนายเดร์ ปันก็ใจละลาย ขยับทำตามความต้องการอีกฝ่ายโดยที่ร่างกายและหัวใจก็พร้อมสนองให้อย่างถึงใจ อย่างเด็กใจแตก…

…หากวันนั้นไม่มาเจอกัน ใจคงไม่แตกสินะ

แต่คนใสชื่ออย่างปันไม่มีโอกาสได้รู้ ว่าการเป็นคนใกล้ตัวของเดร์ครั้งนี้ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ที่กำลังคืบคลานเข้ามา…

สองเดือนก่อน

เวลา 22.00 .‘THE KEYS’ ผับในใจกลางกรุงในพื้นที่กว้าง มีบริเวณจอดรถเป็นสัดส่วน การตกแต่งอย่างมีสไตล์และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบอังกฤษ มีต้นไม้เอามาประยุกต์ตกแต่งหน้าร้านดึงดูสายตา

ปันหนุ่มปีหนึ่งรูปร่างสูงบางพาตัวเองมายืนทำใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะสูดเอาอากาศเข้าปอดแรง ๆ เพื่อเรียกความกล้า เมื่อรู้สึกมั่นใจแล้ว ก็เดินตรงเข้าไป ตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น

“เฮ้ย!” ปันตกใจร้องเสียงหลง ตาหรี่มองด้วยความสงสัย ก่อนจะบอกคนด้านหน้าที่ยืนหน้าฉาบเรียบไร้รอยยิ้ม

พนักงานต้อนรับจริงป่ะเนี่ย! แค่เกิดคำถามขึ้นในใจ “ผมจะเข้าไปแล้วเนี่ย มาผลักผมออกมาทำไมครับ”

ปันถามด้วยความไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ เพราะทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไปเพียงหนึ่งก้าว ปันก็ถูกดันให้ออกมานอกประตู แล้วก็ยืนหน้าเอ๋อมองผู้ชายร่างสูงใหญ่ด้วยสายตาเป็นคำถาม

น้ำเสียงไม่ได้กวน  หากแต่คนยืนจังก้าหน้าประตูมองตาแข็งใส่ เหมือนคนตรงหน้ากำลังทำผิด

“บัตร?”

“บัตรอะไรครับ”

“จะเข้าไปข้างในไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงแข็งเอ่ยถามประหนึ่งไม่ต้องการต้อนรับแขก

“ครับ ผมจะเข้าไปข้างใน”

“จะเข้าไปทำไม” สีหน้าไม่ไว้ใจถามกลับ

“อ้าว ผมมาที่นี่ จะต้องให้บอกอีกหรือครับว่าผมจะเข้าไปทำไม” น้ำเสียงตื่น หากแต่ฟังดูนุ่มหูเอ่ยบอก

คนหน้าดุคิ้วขมวดมองหน้าหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างพินิจ แล้วแบมือยกขึ้นสูง “บัตร”

“บัตรอะไร”

คิ้วเรียวขมวดมองไปที่มือตรงหน้า แต่อีกฝ่ายพ่นลมหายใจออกมา ประหนึ่งรำคาญ

“ไม่รู้หรือไง ว่าที่นี่เขาไม่ให้เด็กเข้าไป” น้ำเสียงและสีหน้าคล้ายคนอ่อนใจกับเด็กนิสัยอยากรู้อยากลอง

“เด็กที่ไหน อ้ออีกอย่าง ผมไม่ใช่คนชอบดื่มอยู่แล้ว แค่ผมจะมาหาเพื่อน หากไม่เจอก็จะกลับออกมา”

“แล้วนายอายุเท่าไหร่ที่จะเข้าไป... เอาบัตรประชาชนมาดูหน่อย”

เจ้าของร่างสูงหนา น้ำเสียงดุดันเอ่ยขอ พร้อมกับขยับมายืนขวางเต็มประตู จ้องหน้าแบมือขอดูบัตร

คนไม่มีบัตรถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอ แล้วบ่นในใจ

‘หน้าอย่างผมต้องขอดูบัตรอีกหรือครับ’

“ว่าไง” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยเร่ง

ปันหน้าเจื่อน จะยิ้มสู้ก็ยิ้มไม่ออก

…หากไม่ใช่เพราะบัตรประชาชน ที่หายหาไม่เจอมาเป็นเดือนคงไม่เหยียบมาสถานที่แห่งนี้หรอก…’

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status