“เอาดีๆ วันไหน” เสียงนุ่มใสถามซ้ำอย่างเป็นกันเอง“คือ ผมแล้วแต่เกมครับ” ปันที่ตอบว่าพรุ่งนี้ โยนไปให้เกมตัดสินใจเกมยิ้มเจื่อน มองหน้าปัน แล้วมองหน้าพี่รหัสที่ส่งยิ้มเป็นกำลังให้ “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ทำวันนี้เลยก็ได้ครับ ”“มั่นใจนะ” แยมเจ้าของบาร์ถามซ้ำ โดยไม่อยากให้อีกฝ่ายฝืน“ครับ/ครับ” ทั้งคู่ยืนยันพร้อมกัน“งั้นแสน รับผิดชอบดูแลพนักงานน้องใหม่นะ ดูว่าน้องเขาเหมาะกับแผนกไหนและต้องทำอะไรบ้าง ก็จัดไปได้เลย”เธอโยนหน้าที่นี่ให้แสนเป็นคนตัดสินใจ ซึ่งแสนทำงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่ปีหนึ่งจนกระทั้งขึ้นปีสี่ และได้รับความไว้วางใจ โดยเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าพนักงาน และรับหน้าที่ฝึกฝนรุ่นน้องต่อ“ครับ”หลังจากที่คุยกันตกลงกัน แสนจึงพาปันกับเกมออกไป“นายดูดีขึ้นนะ” แสนกระซิบไปที่เกม“นู่นยกความชอบให้เขานู่น” แล้วทำปากบุ้ยใบ้ไปที่ปัน แสนยิ้มตาประกายอาการของพี่รหัส ทำให้เกมเริ่มเห็นบางอย่าง…ปันเหลือบมองเกมและแสน ที่ก้มกระซิบคุยกันแวบหนึ่ง แล้ววางตัวเดินตามอย่างเงียบๆ“ห้องนี้เป็นห้องแต่งตัว ส่วนของที่เอาติดตัวมา ก็เอาไปเก็บไว้ในตู้ล็อกเกอร์ที่ว่างอยู่…” แสนชี้นิ้วไปอีกฟากห้อง “วางไว้แล้ว
หน้าจอแท็บเล็ต ซึ่งมีภาพเคลื่อนไหวของร้านในทุกมุม แม้แต่ในห้องพักพนักงาน คเชนทร์เลื่อนดูความเรียบร้อยไปทุกจุดที่ติดตั้งกล้อง จนกระทั่งวนกลับมาในห้องพักพนักงาน นิ้วเรียวก็หยุดค้าง แล้วค่อยๆ กดขยายเพื่อมองดูบุคคลในวีดีโอให้แน่ใจ“อะไรในนั้น น่าสนใจกว่าคำพูดฉันงั้นเหรอ”เสียงทุ้มหนักเอ่ยถาม หลังจากจับตามองสมุนมือขวา ที่จดจ่ออยู่บนหน้าจอแท็บเล็ต จนไม่ได้ยินสิ่งที่ตัวเองกำลังพูดอยู่“อา นายว่าอะไรนะครับ” คเชนทร์ละสายตาแล้วเงยหน้าขึ้นถามผู้เป็นนาย“นี่หากไม่เห็นว่านายเป็นเพื่อนมากกว่าลูกน้องนายโดนแน่” เดร์หมายหมาดตาขู่เข้มคเชนทร์ยิ้มกว้างแทนที่จะแสดงว่ากลัวให้อีกฝ่ายดูน่าเกรงขามเสียหน่อย แล้วเอ่ยเสียงมั่นใจ “แต่ถ้าผมให้คุณเดร์ดูอะไรบางอย่าง รับรองไม่โกรธผมหรอก”คิ้วดกหนาขมวด พร้อมกับดวงตาหรี่แคบ มองลูกน้องสายตาคาดโทษ มีอะไรน่าสนใจกว่าการดุลูกน้องตรงหน้าในตอนนี้... เดร์ครุ่นคิดแต่สีหน้าอีกคนดูมั่นใจเดร์จึงคลายสีหน้าและตัดใจถามไป“อะไร เอามาดูซิ” แล้วยืนมือไปขอแท็บเล็ตในมือเมื่อรับมาเดร์ก็กลายเป็นคนสายตาสั้นทันที“อะไร... นายให้ฉันดูอะไร”คเชนทร์ก้มลงมาเล็กน้อยแล้วถาม “นายไม่เห็นจริงเหรอครั
ดึกหนุ่มๆกล้ามแน่นๆ หุ่นเฟิร์มหรือที่เรียกว่า “หนุ่มๆ SP” ก็ถูกเลือกไปเกือบหมด ส่วน “หนุ่มPR” ระดับแร็กคูน ถูกเรียกไปจนหมดตั้งแต่ร้านเปิดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหลือแค่ปันกับเด็กเก่าอีกคนที่หน้าตาติดไปค่อนข้างหล่อตี๋ ตัวเล็กผิวขาว ซึ่งต่างจากปันที่ดูหล่อละมุน ใครผ่านไปมาก็ต้องเป็นอันเหลียวหลังมามอง แต่กลับไม่มีใครเลือก ซึ่งแสนเองก็รู้สึกแปลกใจ...แสนเหลือบมองหน้าปัน แม้สายตาและอาการยังอยู่ในอาการตื่นกับสถานที่ แต่ก็เห็นคนอื่นถูกเรียกโดยที่ตัวเองยังยืนอยู่ ก็ฉายชัดถึงความวิตก “พี่แสน”ปันละสายตาจากสิ่งรอบข้างแล้วหันมาเรียกคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “ว่า?” “หากผมไม่ได้แขกทำไงอะ” “ก็คิดว่าเรามาทดลองดูงานก่อน ตอนนี้เราก็ศึกษา เก็บรายละเอียดการทำงานของพวกรุ่นพี่ไปพลางๆ...” แล้วสาดสายตาไปยังโต๊ะ ที่มีชายหนุ่มกล้ามโตนั่งคุยอยู่กับแขกผู้หญิงหน้าตาสะสวย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามที่ได้ฟังอีกคนพูดแม้ไม่รู้ว่าทั้งคู่คุยกันเรื่องอะไร แต่สีหน้าของผู้หญิงเห็นถึงความสุข ไร้ความกังวลใดๆ “คิมเขาหน้าตาไม่ได้ดีเท่าแร็กคูน แต่อาศัยคำพูดและความเข้าใจในต
ได้ฟังถึงข้อนี่ที่ดูมีประโยชน์ที่สุด ทำให้ปันตาลุกวาว แต่แล้วก็ทำหน้าหงอย“แล้วแบบผมเนี่ย ต้องอยู่ระดับไหนอะครับ ผมดื่มไม่เก่งเสียด้วยสิ อีกอย่างไม่เข้ากับข้อไหนเลย”น้ำเสียงทับถมตัวเอง แสนหันมามองแล้วยิ้มเอ็นดู“นายนะ ทำมาดเพลย์บอยเป็นไหมล่ะ หน้าตาแบบนายสาวติดตรึมแน่” “หะ ผมนี่นะ” ทำสีหน้าไม่เชื่อพร้อมกับชี้ไปที่ตัวเอง “ใช่ นายจะกลัวอะไร เอาเป็นว่านายฟังและจำไว้นะ...” แสนจับไหล่หนาให้หันมาเผชิญหน้า “นายทำตัวให้ดูมั่นใจไว้ก่อนจากนั้นเมื่อเราถูกเลือก ก็เริ่มด้วยการทักทาย แนะนำตัวให้ข้อมูลพื้นฐานของเราพอประมาณหรือไม่เกินห้านาที ซึ่งคำถามที่ควรเลี่ยงคือ อายุและอาชีพของลูกค้า เพราะบางคนมาเที่ยวเพื่อระบายความในใจ หาความสนุก หาเพื่อนคุย แล้วเราต้องจับให้ได้ว่าเขามาเพื่ออะไร อกหัก ก็ต้องพูดปลอบใจคนให้เป็น แม้จะช่วยไม่สำเร็จเต็มร้อยก็เถอะ นี่แหละคือ หน้าที่ของเรา” “แล้วผมจะมีเรื่องอะไรคุยกับแขกหรือเปล่าล่ะเนี่ย” ยังไม่ทันได้เริ่ม ปันก็มีสีหน้าเคร่งเคลียด แสนเขย่าไหล่หนาเบาๆ“หน้าที่ต้องแลกมาด้วยความมึนเมาด้วยนะ... เพราะการเชียร์ลูกค้าให้ซื้อดริงก์มาก
สาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ในชุดรัดรูปสีดำคอคว้านลึกจนเห็นร่องอกตูม ที่ดูอายุไม่น่าถึงสามสิบยิ้มกริ่มแล้วพูดน้ำเสียงยานคางเช่นเดิม“เทอจานั่งกับฉานช่ายม้าย”พูดแล้วทิ้งตัวลงนั่งเพราะเริ่มทรงตัวไม่อยู่ ซึ่งมือเรียวก็ดึงชายเสื้อของปันติดมือไปด้วย จนทำให้ร่วงลงไปทับกันอยู่ ปันหน้าเจื่อนรีบดันตัวออก หากแต่มือเรียวกลับกอดกวัดไว้แน่น ปันดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่หลุด จนกระทั่งมีมือของใครบางคนยื่นมาช่วย“คุณเมามากแล้วนะ” เจ้าของน้ำเสียงแหลมห้วนเอ่ยบอก“คุณแยม...” ปันเรียกเสียงตื่นตกใจ ระแวงว่า ตัวเองอาจทำผิดต่อแขก แล้วจะโดนตำหนิตามมา“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”คำพูดที่ดูเข้าใจสถานการณ์ของเจ้าของร้าน ทำให้ปันรู้สึกดีขึ้น“อ่า เทอเปนคาย มายุ่งอารายด้วย ฉานจาเอาเด็กคนนี้” แล้วชี้นิ้วที่ไม่ตรงทางไปที่ปัน“ดูสภาพตัวเองก่อนดีไหม” เจ้าของสถานที่ถามเสียงแข็ง “ทามมาย สาภาพอย่างฉาน มานทำมาย” แล้วคนเมาก็ดันตัวลุกขึ้นนั่งตาจ้องกร้าว สีหน้าขุ่น “พูดให้ชัดก่อนเถอะแม่คุณ” แยมย้อนให้ใบหน้าที่ฉาบแดงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ถลึงตาใส่ “ยุ่ง! เธอจาปายไหนก็ปายอย่ามายุ่ง!” พร้อมกับชี้นิ้วลากกราดแยมยกย
...ถึงจะมองว่าผู้ชายข้างๆ ดุและโหด แต่ความหล่อออร่าที่มาพร้อมกับความเพอร์เฟกต์ อย่าว่าแต่ผู้หญิงละลายเถอะ ผู้ชายก็ใจเหลวไม่ต่างกับผู้หญิง!“มะไม่ออกไปแล้วก็ได้ แต่ปล่อยผมก่อน...”ปันจำใจยอม เพราะไม่เช่นนั้นหัวใจวายตายได้ เมื่อจมูกเจ้ากรรมตื่นสัมผัสกับกลิ่นหอมอ่อนที่อีกฝ่ายใช้ ในขณะที่หัวใจก็เต้นผิดจังหวะจนเจ็บหน่วงไปหมด“อยากให้ปล่อยก็ไปนั่งสะ” เสียงทุ้มสั่งปันปล่อยตัวไม่ให้เกร็ง วงแขนหนาจึงคล้ายวงแขนออก“ปะไปนั่งก็ได้ครับ” คนทำตัวไม่ถูกตอบกลับเสียงสั่น“มานั่งนี่!”เดร์ที่กลับไปนั่งที่เดิมเอ่ยสั่ง พร้อมกับใช้มือตบไปบนโซฟาที่ว่างใกล้ตัวเองปันขยับเท้าช้าๆ กล้าๆ กลัวๆ โดยเดร์เหลือบตามองสายตาเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง หากแต่ข้างในใจไม่มีใครรู้ได้ ว่าเขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบไปกี่รอบ กับความไม่ได้ดั่งใจจากเด็กหนุ่มตรงหน้า!ปันย่อตัวลงนั่ง โดยเลือกนั่งชิดขอบโซฟา ครานี้ดวงตาเยือกเย็นของคนที่จับตามองอยู่ตลอดเวลาคมวาวขึ้น ปันสะดุ้งใจสั่นแล้วเขยิบเข้ามาอีกนิด หากแต่ยังไม่ถึงจุดที่อีกฝ่ายใช้มือตบลงไปก่อนหน้านั้น“หากยังไม่เข้ามาอีกครึ่งนาที ผมจะลากให้มานั่งบนตัก!” เสียงทุ้มเรียบหากฟังดูมีอำนาจ“หา!”
ปันหรี่ตามอง ใจเต้นตุ๊บๆต่อมๆ “มะไม่มี มือถือครับ” ตวงตาคมกริบจิกมอง “นายจงใจหลบหน้า คิดจะหนีหนี้ฉันต่างหาก อย่ามาหาข้ออ้างว่าไม่มีมือถือ” “หนีอะไรของคุณ ก็เห็นอยู่ว่าผมเร่งทำงานอยู่เนี่ย” “แล้วมือถือไปไหน” “หาย” คนถูกกล่าวหาตอบเสียงสะบัด แต่เดร์ไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงหรืออาการของปันนัก โดยเขาเลือกที่จะถามต่อ“แน่ใจว่าหาย หรือไม่อยากเห็นข้อความของผม” “หายจริงๆ ครับ นี่ผมต้องหางานทำเพื่อซื้อใหม่อยู่ อย่ามาเร่งเร้าผมได้ไหมเล่า” “ผมไม่ได้เร่ง แค่อยากรู้เหตุผล เพื่อที่ได้จัดการกับลูกหนี้อย่างนายถูก” “คนอย่างผม ไม่ ‘เหลี่ยม’ จัดหรอกครับ จะจัดการอะไรผม ก็มีแค่ตัว อยากได้ก็เอาไปเลย” คำว่าเหลี่ยมมองคนตรงหน้านิ่ง แต่คน ‘เหลี่ยม’ เยอะอย่างเดร์ถือว่านั่นคือคำชม เขายกยิ้มพอใจแล้วพูดขึ้นเสียงย้ำชัด “ดี นายพูดแล้วนะ”คนตรงไปตรงมาอย่างปันคิดไม่เท่าทันก็รีบพูดรับ“ครับ คนอย่างนายปันไม่มีอะไรก็จริง แต่มีคำพูด คำไหนคำนั้น” “นายพูดแล้วนะห้ามกลืนน้ำลายตัวเอง” เดร์ย้ำอีกค
ปันรีบเอียงหลบ ทำหน้าหวาดเสียว “ผมไม่ได้แกล้ง แต่ผมลืมจริงๆ” ปันรีบบอกไปใหม่อีกครั้งแสนส่งสายตาคาดโทษแล้วหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อแจ็คแก็ตออกมา ก่อนจะยื่นมาตรงหน้าปัน “เอาไป”“โทรศัพท์? ของผมนี่” ปันพูดเสียงตื่นตกใจและดีใจในคราเดียวกัน โดยมือก็รับมือถือมาเปิดดูหน้าจอว่ายังใช้ได้เหมือนเดิมอยู่หรือไม่“เออ ไม่คิดจะตามหามันบ้างหรือไง เห็นเสียงเรียกข้อความเด้งเตือน จนเครื่องพังไปแล้วมั่ง”“แล้วไปอยู่ที่พี่ได้ยังไง” เกมถามแทนเจ้าของที่มัวแต่ดีใจและกดสำรวจดูมือถือว่ายังปกติดีอยู่หรือไม่ เลยไม่ได้ยินคำพูดของแสน“บังเอิญมันร่วงตกตอนที่เจ้าของมันสะบัดก้นเดินหนีพี่นั่นแหละ”“เดินหนี?”“ใช่ พี่ไปแหย่รังแตน แตนเลยงอนเดินหนี”แล้วเกมก็ประติดประต่อเรื่องราวเอาเอง และพอเข้าใจได้ ว่ารุ่นพี่ชอบแหย่รุ่นน้องคนนี้นี่เอง“เป็นไงยังใช้ได้ดีอยู่ไหม”“ใช้ได้ปกติดี...” ปันตอบเกม แล้วเงยหน้าไปบอกรุ่นพี่อีกครั้ง “ขอบคุณมากนะครับ เนี่ยผมหาจนถอดใจแล้ว กะว่าต้องรีบหาตังค์ไปซื้อใหม่ให้ได้”“เถอะ รู้งี้ไม่เอามาคืนก็ดี”“เอามาคืนน้องนะดีแล้วพี่” เกมแทรกขึ้นแสนแสบมองหน้ารุ่นน้องแล้วยิ้ม “ล้อเล่น ก็ต้องหาทางคืนนั่นแ