ตอนที่5
แม่คะ...หนูพร้อมจะแต่งงาน
เมื่อสงครามสวาทเสร็จสิ้นลง คนทั้งสองนอนพักจนหายเหนื่อยแล้ว จึงพากันลงเล่นน้ำตกเพื่อชำระล้างร่างกาย
“ผมรักคุณนะน้ำผึ้ง”
ศรุตโอบกอดภรรยาหมาดๆของเขาจากทางด้านหลัง เขาพูดในสิ่งที่คิดไว้แล้วว่าต้องพูด แต่ที่มันแตกต่าง คือเขาตั้งใจที่จะพูดคำว่ารักเพียงเพื่อให้หญิงสาวยอมแต่งงานด้วย กลับกลายเป็นการพูดคำว่ารักครั้งนี้ มันออกมาจากปากโดยที่ไม่ได้ฝืนหัวใจตัวเอง
“น้ำผึ้งก็รักคุณค่ะ”
ไม่มีอะไรที่หญิงสาวต้องอายอีกแล้ว มากกว่าคำบอกรัก เธอก็ยอมให้เขาทำมาแล้ว น้ำผึ้งใช้มือทั้งสองข้างจับมือที่กำลังกอดเธอไว้แน่น เหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมือแล้วจะเสียผู้ชายที่เธอรักไป
“ถ้าแม่ของคุณกลับมา เราจะบอกท่าน ว่าเราจะเดินทางไปแต่งงานที่บ้านของคุรทรงวุฒิให้เร็วที่สุด คุณปู่ของคุณป่วยหนัก ท่านไม่ยอมรับการรักษา เรามีเวลาเหลือไม่มากที่จะทำให้ท่านสบายใจ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร”
สำหรับน้ำผึ้งแล้ว นี่เป็นรักครั้งแรกในชีวิตของเธอ หญิงสาวมอบทั้งกายทั้งหัวใจให้เขาไปแล้ว เธอเองก็อยากแต่งงานให้เร็วที่สุดไม่ต่างจากศรุต เพียงแต่มีเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังที่ต่างกัน
“แม่คะน้ำผึ้งพร้อมแล้วที่จะไปแต่งงานกับคุณศรุตที่บ้านของคุณปู่”
หญิงสาวพาศรุตเข้าไปพูดกับมารดาตรงๆ เพราะคิดว่าคงดีกว่ารอให้มารดาถามเรื่องแต่งงานขึ้นมาเอง
“ถ้าลูกแน่ใจ แม่ก็ไม่ขัด เพราะมันเป็นความต้องการของคุณปู่ของลูก แม่กับพ่อเคยทำให้ท่านต้องผิดหวังมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้หลานสาวคนเดียว คงทำให้ท่านยิ้มอย่างมีความสุขแน่ๆ”
มะเดื่อไม่เคยสอนให้น้ำผึ้งคิดโกรธในตัวของทรงวุฒิเลย ถึงแม้เขาจะจงเกลียดจงชังในตัวเธอแค่ไหนก็ตาม แต่มะเดื่อเธอเข้าใจ ว่าพ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกได้เจอคนที่ดีและเหมาะสม ไม่ใช่สาวชาวดอย ที่การศึกษาก็ไม่มี ฐานะก็ยากจนอย่างเธอ
“เราจะเดินทางกันพรุ่งนี้เลยค่ะแม่” ทั้งสองคนวางแผนกันไว้แล้ว
“แม่คงไม่ได้ไป ไว้ลูกจัดการเรื่องแต่งานที่บ้านคุณปู่เรียบร้อย เราค่อยมาจัดงานฉลองตามประสาชาวเขาชาวดอยอย่างเรากันนะลูก”
ทั้งสองคนก้มกราบเท้ามะเดื่อ เพื่อเป็นการขอบคุณที่เข้าใจความรักความต้องการของคนทั้งคู่
“แม่ขอให้ลูกทั้งสองคน มีชีวิตคู่ที่มีความสุข อยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่า หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน” มือสากที่ผ่านการทำงานมาหนักลูบผมลูกทั้งสองอย่างเมตตา
“คุณศรุตฉันฝากลูกสาวด้วยนะ เกิดมาชีวิตของลูกสาวฉันก็เจอแต่ป่าแต่เขา ไปอยู่ในเมืองก็ฝากช่วยสอนช่วยสั่ง วัฒนธรรมการปฏิบัติตัวของคนที่นั่นให้น้ำผึ้งมันด้วย”
ชายหนุ่มรับปาก ทั้งที่หัวใจของเขาตอนนี้มันสับสนไปหมด ภาพของวราลีเข้ามาวนเวียนในสมอง ภาพของน้ำผึ้งก็วนเวียนอยู่ในหัวใจ ศรุตได้แต่หวัง ว่าเวลาจะช่วยเขาหาทางออกที่ที่สุดให้กับเรื่องนี้
“สวัสดีครับ ผมพาคุณน้ำผึ้งมาที่นี่เพื่อพบคุณท่านและเราทั้งคู่พร้อมจะแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วครับ”
ทั้งสองคนก้มกราบลงไปที่เท้าของคนสูงอายุ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวายหน้าบ้าน พร้อมกับร้อยยิ้มที่พยายามซ่อนเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าที่ดุขรึม
“เก่งมากนะศรุต ที่ทำให้ทายาทเพียงคนเดียวของฉันยอมแต่งานด้วย ภายในเวลาไม่กี่วัน”
ทรงวุฒิอาการแย่มากแต่เขาขอหมอยอมเสียชีวิตที่บ้าน ไม่ขอไปนอนโรงพยาบาลแม้แต่คืนเดียว แต่จากเหตุการณ์นี้ทำให้หน้าตาของคนแก่สิ้นหวังดูสดใสขึ้นทันที
งานแต่งงานถูกจัดขึ้นอย่างเร็วที่สุด แขกในงานก็เชิญเฉพาะคนที่สนิมสนม ใช้วิธีการยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการได้ลงข่าวงานแต่งในหน้าหนังสือพิมพ์เพื่อเป็นการประกาศให้คนในสังคมรู้
“สวัสดีค่ะ มาพบใครเหรอคะ”
หญิงสาวชาวดอยยกมือไหว้ทักทาย ผู้หญิงในชุดเปิดอกกระโปรงสั้นอวดขาเรียวยาวอย่างนอบน้อม
“ฉันชื่อวราลี เป็นเพื่อนสนิทของศรุตเขา” หญิงสาวหน้าสวยแนะนำตัว
“เชิญข้างในก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันไปตามคุณศรุตให้”
น้ำผึ้งเชื่อตามคำแนะนำตัว ของผู้หญิงที่อ้างตัวว่าเป็นเพื่อนสนิทของสามีของเธออย่างสนิทใจ
“คุณศรุตคะ มีเพื่อนที่ชื่อวราลีมาหาค่ะ”
ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินชื่อนี้ เพราะตั้งแต่เขากลับมาและแต่งงานกับน้ำผึ้งก็เกือบเดือนแล้ว เขายังไม่ได้ไปหาคนรักเลย
“เดี๋ยวผมออกไปหาเขาเอง คุณไปดูแลคุณท่านเถอะ ช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยดีอยู่”
ชายหนุ่มพยายามที่จะไม่ให้น้ำผึ้งอยู่ร่วมวงสนทนาด้วย หรือแม้แต่จะอยู่ใกล้ๆห้องรับแขกก็ตาม เพราะถ้าเธอรู้ความลับเรื่องนี้ โดยที่คุณทรงวุฒิยังมีชีวิตอยู่ มีหวังทุกอย่างพัง และชายหนุ่มเองก็ไม่อยากเสียน้ำผึ้งไปด้วย
“เดี๋ยวน้ำผึ้งเอาน้ำไปให้นะคะ” หญิงสาวหวังดี
“ไม่ต้อง เอ่อ..ผมหมายถึง ผมกับวราลีต้องออกไปติดต่อเรื่องงานกันข้างนอก คงไม่ได้กินน้ำ”
ศรุตเผลอตัวตวาดภรรยา เพราะความกังวล พอรู้สึกตัวว่าทำผิดไป จึงเปลี่ยนเป็นเสียงอ่อนลง
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นน้ำผึ้งไปอยู่กับคุณปู่นะคะ”
เมื่อหญิงสาวเดินออกจากห้องทำงานของเขาไป ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ลีคุณมาที่นี่ทำไม ถ้าความลับแตกมีหวังคุณกับผมตายคู่แน่”
ศรุตฉุนเฉียวทันที ที่เดินมาที่ห้องรับแขกและเจอหน้ากับคนรัก ที่มองหน้าเขาด้วยความคิดถึง
“ก็ลีคิดถึงคุณ ตั้งแต่กลับมาจนแต่งงานเสร็จ คุณไม่เคยไปหาลีเลยนะคะ” หญิงสาวกอดอกทำท่าแสนงอน
“ผมเพิ่งแต่งงาน คุณจะให้ผมออกไปเพ่นพ่านที่อื่น ให้ตกเป็นเป้าสายตาเหรอ แค่ทุกวันนี้ พวกคนในแวดวงโรงแรม ต่างก็พากันนินทาว่าผมแต่งงานกับหลานสาวคุณทรงวุฒิเพียงเพราะหวังในสมบัติ”
ศรุตมือเท้าเอว ทำท่าเกรี้ยวกราดแต่ยังคงพูดด้วยเสียงเบา เพราะกลัวจะมีคนมาได้ยิน
“แล้วมันไม่จริงเหรอคะ อย่าบอกนะว่าตอนนี้ คุณหลงรักแม่สาวชาวดอยนั่นเข้าแล้ว”
วราลีมือกอดอก เดินเข้ามาใกล้กับชายหนุ่ม จนศรุตเองต้องเดินถอยหลังนี้ เพราะกลัวหญิงสาวจะทำอะไรอย่างไม่ทันคิด
“ผมว่าเราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า ที่นี่คงไม่สะดวก”
“โรงแรมเดิมใช่ไหมคะ” วราลีทำตาเจ้าเล่ห์
“ร้านอาหารร้านประจำดีกว่า” ชายหนุ่มออกความคิดเห็น
“ทำไมล่ะคะ ลีคิดถึงคุณนะ นานแล้วที่เราไม่ได้....”
มือเล็กเอื้อมาจับแขนชายหนุ่มไว้ แต่ก็ถูกเขาสะบัดออก จนเจ้าของมือหน้าเหวอด้วยความตกใจ
“ตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว เจอกันที่ร้านนะครับ”
ศรุตไม่รอฟังวราลีพูดอะไรต่อ เขารีบเดินนำออกจากประตูบ้านไปที่โรงรถทันที
การแสดงออกของคนทั้งสอง อยู่ในสายตาของน้ำผึ้งตลอด เธอยืนแอบดูอยู่ห่างๆ จึงไม่ได้ยินทั้งคู่คุยกัน แต่หญิงสาวก็สัมผัสได้ว่าทั้งคู่ต้องสนิทกันมากจริงๆ
ตอนที่6กลัว “ทำไมคุณถึงไม่ยอมไปนอนกับฉัน คุณรักมันแล้วใช่ไหม” วราลีมองหน้าคนรักด้วยสายตาที่ทั้งเสียใจและผิดหวัง เธอไม่น่ายอมให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเลย “ลีคุณฟังผมนะ ตอนนี้คุณทรงวุฒิยังมีชีวิตอยู่ ถ้าเรื่องระหว่างเราถูกเปิดเผย ท่านยังไม่ได้มอบสมบัติให้ผมกับน้ำผึ้ง ท่านมีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจ ยกให้หลวงได้อย่างที่ท่านบอกทุกเมื่อเลยนะ” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถาม เรื่องรักหรือไม่รัก แต่เขากลับยกเอาเหตุผลเรื่องสมบัติขึ้นมาพูดแทน “แต่ลีใจจะขาดแล้ว ตอนนี้เงินก็ไม่มี เงินเดือนที่คุณเคยให้มันก็ไม่พอ คุณจะให้ลีทำยังไงคะ” “ผมจะโอนเพิ่มให้คุณทุกเดือน แต่คงมากไม่ได้ เพราะอาจจะมีใครในโรงแรมตรวจสอบเจอแล้วไปรายงานคุณท่าน แต่คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ทำให้น้ำผึ้งเขาไม่ไว้ใจผม” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ “ลีสัญญาค่ะ แต่ลีคงต้องขอไปหาคุณบ้าง ไปในฐานะเพื่อนก็ได้” ความผูกพันที่เคยมีให้กัน ทำให้ศรุตใจอ่อน ยอมให้คนรักไปหาเธอที่บ้านของทรงวุฒิได้ แต่ห้ามเธอแสดงท่าทางกิริยาอะไรที่ดูเกินคำว่าเพื่อนในบ้านหลังนั้นเด็ดขาด “แล้วถ้าคุณทรงวุฒิ
ตอนที่7 ความสูญเสีย “ผมว่าคุณควรจะซื้อชุดนอน ชุดสำหรับไปงาน สักสี่ห้าชุดนะ” ศรุตเห็นแต่ภรรยาของเขาใส่แต่ชุดชาวเขาที่เธอเอาติดตัวมาเพียงไม่กี่ชุด “ราคาต้องแพงมากๆแน่เลยค่ะ น้ำผึ้งเกรงใจคุณ” “คุณเป็นภรรยาผม ผมก็ต้องดูแลคุณให้ดีที่สุด” เงินที่ทุกวันนี้ศรุตใช้จ่าย รวมทั้งเงินที่ให้กับวราลีไป เป็นเงินส่วนตัวของเขา ที่ได้จากเงินเดือนและรายได้พิเศษจากงานทนายความ ชุดต่างๆรวมๆกันแล้วเกือบสิบชุด ถูกเอาไปเก็บไว้ที่รถ เพราะวันนี้ชายหนุ่มตั้งใจ จะชวนภรรยาของเขาดูหนังสักเรื่อง “ยังไม่เคยเข้าโรงหนังเลยใช่ไหม”สามีถามภรรยาที่ดูท่าทางจะตื่นเต้น จนมือไม้เย็นเฉียบที่จะได้เข้าโรงหนังเป็นครั้งแรก“ยังเลยค่ะ เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องทำอย่างไรคะ ในโรงหนังมีห้องน้ำไหม”น้ำผึ้งรู้สึกตื่นเต้นจนกลัว ว่าตัวเธอจะไปอยากเข้าห้องน้ำตอนที่หนังเริ่มฉาย“ในโรงหนังไม่มี แต่มาเข้าข้างนอกได้ ถ้าอยากมาเข้าคุณก็บอกเดี๋ยวผมพาออกมา”หนังเรื่องแรกในชีวิตของสาวชาวดอย เป็นหนังสบายๆ ไม่เครียดและไม่รุนแรงศรุตนั่งกุมมือภรรยาไว้ตลอด เพราะกลัวหญิงสาวจะรู้สึกกลั
ตอนที่8หอบความช้ำกลับบ้าน “น้ำผึ้ง คุณอยู่ไหน” ศรุตกลับเข้ามาที่ห้องนอน เพื่อจะพาภรรยาออกไปกินข้างข้างนอก แต่เขาเรียกเธอเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา กระดาษแผ่นเล็กวางอยู่บนหัวเตียง ชายหนุ่มเหลือบไปเห็น เขาหยิบขึ้นมาอ่าน ด้วยหัวใจที่กำลังรู้สึกกลัว ‘คุณกลับไปหาคุณวราลีผู้หญิงที่คุณรักเถอะ ฉันขอเวลาทำใจแล้วจะกลับมาหย่าให้ถูกต้อง ลาก่อนค่ะ’ ศรุตยืนอ่านกระดาแผ่นเล็กด้วยความรู้สึกสับสนมึนงงไปหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น น้ำผึ้งถึงได้มาหนีเขาไปแบบนี้ “หรือคุณได้ยินที่ผมคุยกับวราลี” ชายหนุ่มนึกขึ้นได้ ว่าภรรยาของเขาอาจมาได้ยินที่เขากับคนรักเก่าพูดกัน ศรุตรีบขับรถออกจากบ้านเพื่อตามหาน้ำผึ้ง เพราะคิดว่าเธอคงยังไปได้ไม่ไกล ชายหนุ่มขับรถไปตามเส้นทางที่เขาเคยพาเธอไป แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงา ศรุตเป็นห่วงภรรยาจนแทบจะขาดใจ เพราะหญิงสาวไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียว “น้ำผึ้งคุณอยู่ไหน” จากชายหนุ่มที่หัวใจเข้มแข็ง ตอนนี้เขารู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก เหมือนร่างกายของเขาไร้หัวใจ เพราะเขาได้มอบมันไว้ให้กับหญิงสาวชาวดอยจน
ตอนที่9ง้อ ศรุตไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาต้องการอย่างเดียวคือการเอาครอบครัวของเขาคืนให้กลับมาเป็นอย่างเดิม การขับรถขึ้นเขาในเวลากลางคืนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดนเฉพาะตอนถึงช่วงของทางเข้าหมู่บ้าน แต่ด้วยหัวใจที่มันเรียกร้อง ชายหนุ่มก็ทำได้ทุกอย่าง ความมืดบวกกับไม่คุ้นชินเส้นทาง ทำให้ชายหนุ่มขับรถหลงไปไกลจนถึงหมู่บ้านอื่น ก่อนที่จะจอดถามทางอย่างทุลักทุเลกว่าจะมาถึงหมู่บ้านของน้ำผึ้ง “เสียงรถใครมาดึกเชียว” มะเดี่ยวได้ยินเสียงเครื่องยนต์ตอนแรกก็ไม่แน่ใจ คิดว่าตัวเองฝันไป “น้ำผึ้งเอ๋ย ลงไปดูเป็นเพื่อนแม่หน่อย ใครก็ไม่รู้มา” “จ้าแม่” หญิงสาวรับปากและรีบเปิดประตูห้องนอนเดินตามมารดามาที่บันไดที่อยู่นอกตัวบ้าน “สวัสดีครับคุณแม่” ศรุตรีบลงจากรถมาทักทายแม่ยาย “เอ้า! ไหนว่าน้ำผึ้งมันบอกงานยุ่งเลยมาไม่ได้ แล้วนี้ตามมายังไง ห่างกันแค่ไม่ถึงวัน” มะเดื่อถามลูกเขยด้วยความสงสัย “สงสัยงานจะเสร็จเร็วจ๊ะ แม่ไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวน้ำผึ้งดูแลคุณศรุตเอง” หญิงสาวรีบชิงตอบก่อนสามี เพราะกลัวชายหนุ่มจะพ
ตอนที่10ความจริงทั้งหมด “ลีคุณไม่คิดจะหาเงินมาช่วยผมเลยใช่ไหม” ชูชาติหงุดหงิดใส่วราลีที่ไปเยี่ยมเขาที่โรงพัก เพราะเขาต้องทนอยู่ในห้องขังมาหลายคืนแล้ว “คุณคิดว่าฉันอยู่เฉยๆเหรอ หัวหมุนไปหมดแล้ว เงินไม่ใช่น้อยๆ หยิบยืมใครก็ไม่มีใครเขาให้” หญิงสาวนั่งลงข้างๆสามี ที่มีกรงเหล็กกั้นระหว่างเขากับเธออยู่ ด้วยความเหน็ดเหนื่อย “ไอ้ศรุตล่ะ มันหลงคุณจะตายทำไมไม่ไปขอมันมาให้ได้” “คุณคิดว่าฉันไม่ทำเหรอ คุณรู้ไหมมันรู้เรื่องของเราหมดแล้ว และมันก็ทิ้งฉันไว้ที่บ้านของมัน แต่ตัวมันขึ้นดอยไปกับเมียมันนู่น” เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ วราลียิ่งรู้สึกแค้น เธอกับศรุตรักกันอยู่ดี ๆเพราะข้อเสนอของทรงวุฒิที่มันมาล่อตาล่อใจทำให้เธอยอมให้ศรุตไปแต่งงานเพื่อหวังจะได้สมบัติกองโต แต่กลายเป็นเธอต้องเสียเขาไป “แล้วโง่ไปทำยังไงให้มันจับได้ล่ะ” ชูชาติตะคอกใส่หน้าหญิงสาวที่อยู่นอกห้องขัง “ใช่ฉันมันโง่ ถ้าคุณคิดว่าคุณฉลาดก็หาทางออกจากที่นี่เอาเองแล้วกัน” เมื่อความอดทนมันหมด หญิงสาวก็ไม่อยากอยู่ฟังคำด่าทอจากชูชาติอีก ตอนนี้เธอทั้ง
ตอนที่11นาทีชีวิต “เป็นไงบ้างลูก อากาศหนาวไหมที่น้ำตก” มะเดื่อรีบเดินลงจากบ้านมาช่วยลูกสาวถือของเพราะกลัวคนท้องจะถือไม่ไหว“หนาวมากเลยครับ ดีนะเอาเสื้อกันหนาวกับผ้าห่มติดไปด้วย ผมเลยเผลอหลับไปหลายตื่น” ลูกเขยเล่าให้แม่ยายฟัง“มีความสุขกันมากใช่ไหม”เสียงตะโกนมาจากด้านหลัง เป็นเสียงที่ศรุตได้ยินก็รู้ทันทีว่าใคร“ลีคุณมาที่นี่ทำไม” ศรุตหันหน้าไปถามแขกที่ไม่ได้รับเชิญ“ก็มาดูหน้าอีผู้หญิงที่มันแย่งผัวฉันไง”ดวงตาทั้งสองข้างของหญิงสาวที่มาที่นี่ด้วยความแค้นแดงกร่ำเหมือนดวงตาของปีศาจร้ายที่กำลังมองเหยื่อ“ผัวคุณอยู่ในคุกตอนนี้ คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” ศรุตย้อน“คุณรักมันมากใช่ไหม อีนี่มันรวยคุณถึงรักมัน ฉันรู้ว่าจริงๆคุณยังรักฉันอยู่แต่แค่กลัวจะไม่ได้สมบัติใช่ไหม”วราลีพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนคนกำลังเสียสติ ที่เดี๋ยวก็โมโห เดี๋ยวก็ยิ้มอย่างมีความสุข“ผมรักน้ำผึ้งเพราะตัวเธอ อย่าคิดว่าคนอื่นจะหิวเงินแบบคุณเลยลี คุณกลับไปหาผัวที่แสนจะใจกว้างของคุณเถอะ เขาให้คุณมานอนกับผมเพียงแค่เห็นคุณเป็นตัวหาเงิน คุณทั้งคู่เหมาะกันแล้ว”กรี๊ดดดดดดดวราลีกรี๊ดสุดเสียง ก่อนจะหยิบปืนจากกระเป๋าขึ้น
ตอนที่12ข่าวดีที่สุดในชีวิต ศรุตใช้เวลารักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักถึงสามวันสามคืน มะเดื่อเดินทางมาจากดอยเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวและแจ้งข่าวเรื่องของการจับกุมตัววราลีที่เป็นคนยิงศรุตได้แล้ว “เย็นนี้คุณหมอจะมาดูอาการของคุณศรุตจ๊ะแม่ ถ้าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจะได้ขึ้นมาอยู่ที่ห้องนี้เย็นนี้เลยค่ะ” น้ำผึ้งเล่าให้มารดาฟังด้วยความดีใจ ที่สามีของเธอจะได้มาอยู่ใกล้กับเธอแล้ว “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้แม่จะได้กลับบ้าน แล้วอีกสองสามวันแม่จะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนใหม่” มะเดื่อไม่ค่อยเคยชินกับการอยู่ในเมืองและเธอก็เป็นห่วงบ้านและไร่นาที่ทิ้งมา คุณหมอมาตรวจดูอาการและยอมให้ศรุตขึ้นมาอยู่ที่ห้องพิเศษได้ เป็นข่าวดี ที่น้ำผึ้งรอคอยมาตลอดหลายวัน“ตอนนี้คนไข้หลับไปเพราะฤทธิ์ยา น่าจะอีกเกือบชั่วโมงถึงจะตื่น รบกวนถ้าคนไข้ตื่นแล้วช่วยเรียกพยาบาลด้วยนะคะ”พยาบาลสาวชี้แจงรายละเอียดในการดูแลคนไข้ให้กับน้ำผึ้ง และบอกให้หญิงสาวเรียกเธอทันทีที่ศรุตตื่นหญิงสาวนั่งเฝ้าชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่บนเตียง โดยไม่ยอมลุกไปไหน เพราะกลัว ว่าถ้าสามีของเธอตื่นขึ้นมาเมื่อไหร
8หลบหน้า เหลืออีกไม่กี่เดือน ยิหวาก็จะเรียนจบ เธอต้องกลับจากมหาวิทยาลัยดึกเกือบทุกวัน เพราะต้องเร่งทำวิจัยให้เสร็จ ส่วนภาคินเอง เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย ก็เข้าช่วยพ่อดูแลธุรกิจอย่างเต็มตัว กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกดื่นทุกคืน ข้อที่ชายหนุ่มพยายามส่งหาหญิงสาวไม่เคยได้รับการตอบรับ ภาคินทนไม่ไหวตัดสินใจโทรหาเธอ ถึงได้รู้ว่ายิหวาไม่ได้ใช้เบอร์โทรศัพท์เดิมอีกแล้ว “น้าดาริน ทำไมเดี๋ยวนี้ผมไม่เห็นยิหวาเลย” ชายหนุ่มอดใจไว้ไม่ไหว เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวที่เป็นของเขาแล้ว ทำไมถึงได้หายหน้าไป “ช่วงนี้เห็นบอกว่า ต้องเร่งทำงานวิจัยส่ง เลยต้องอยุ่ทำงานกับเพื่อนๆจนดึกทุกวัน” ดารินอธิบายตามที่ลูกสาวบอกไว้ “กลับดึกแบบนี้ ขึ้นรถเมย์อันตรายแย่ ไหนจะตอนเดินเข้าซอยบ้านมาอีก” ภาคินทำท่าหงุดหงิด “ไม่อันตรายหรอกค่ะ เพื่อนเขามาส่งทุกวัน เห็นว่าเพื่อนผู้ชาย บ้านเขาอยู่ใกล้ๆ เลยแวะมาส่งให้” หญิงสาวให้ตุลย์เพื่อนที่อยู่กลุ่มวิจัยเดียวกัน ส่งแค่เพียงหน้าประตูด้านนอก จึงไม่มีใครเห็น “เพื่อนผู้ชายที่ไหนกัน ผมทำไมไม่เคยรู้ว่
18อบอุ่นพร้อมหน้า “พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปฝากท้องนะ” ภาคินเดินประคองพาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา เข้าไปในบ้านที่เข้าตั้งใจไว้เพื่อเป็นบ้านของครอบครัวที่น่ารักของเขา “วันนี้ยิหวาไม่ต้องแอบเหมือนทุกๆครั้งที่มาที่นี่” คำพูดของหญิงสาว ทำให้ภาคิน สำนึกได้ว่าที่ผ่านมา เขาไม่เป็นลูกผู้ชาย เขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่เขารัก ทำเหมือนเธอเป็นสิ่งไร้ค่า พอถึงเวลาที่เสียไป เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเธอมีค่าแค่ไหน “ฉันขอโทษนะ ที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เรามาเริ่มต้นจุดเทียนกันใหม่ แต่เทียนเล่มนี้ จะมีทั้งความรักและความอบอุ่น เป็นกำบังคอยป้องกันทุกอย่าง ที่จะมาทำให้เทียนแห่งรักนี้ดับลง ฉันสัญญาจะรักและดูแลเธอกับลูกไปตลอดชีวิต” หญิงสาวเชื่อทุกคำที่ภาคินพูด เพราะทุกอย่างที่เขาทำในเวลานี้ มันเป็นบทพิสูจน์แล้ว “ขอบคุณนะคะ ที่ทำทุกอย่างเพื่อยิหวากับลูก” บ้านหลังนี้ ที่ภาคินเคยคิดว่ามันใหญ่เกินไป เพราะมีถึงสี่ห้องนอน แต่ตอนนี้ มันจะเหลือว่างแค่เพียงสองห้อง เพราะอีกห้องต้องเตรียมไว้ สำหรับลูกของเขาที่กำลังจะเกิดมา ศศิวัฒน์กลับไป
17เผชิญหน้ากับทุกปัญหา “ภาคินลูกไปไหนมาทั้งวัน คุณพ่อก็อีกคนยังไม่กลับมาเลย” ฐานิตาลุกออกจาโซฟา เดินมาหาลูกชายที่หน้าประตูบ้าน “ผมไปรับภรรยาผมกลับบ้านครับ” ภาคินยิ้มมุมปาก “ภรรยา ลูกหมายความว่าอะไร” ฐานิตายืนมองหน้าลูกชาย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ภาคินพูด แต่มันต้องเป็นเรื่องที่เธอจะต้องไม่ชอบใจแน่ๆ “สวัสดีค่ะคุณท่าน” ยิหวาเดินตามหลังภาคินเข้ามา “หมายความว่ายังไง ที่ภาคินบอกว่าพาภรรยามา” ฐานิตายืนถลึงตาด้วยความไม่พอใจ“นี่ค่ะ ทะเบียนสมรสเราเพิ่งไปจดกันมา เมื่อช่วงบ่ายนี่เอง”ยิหวายื่นกระดาษในมือของเธอ ให้มารดาของภาคินดู เพื่อให้เธอได้เห็นชื่อชัดๆว่าใครสมรสกับใคร“ไม่จริ๊ง ไม่จริง ภาคินลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่ยอม”ฐานิตาเดินตามทั้งคู่เข้ามาในบ้าน โดยครั้งนี้ยิหวา ไม่ได้นั่งข้างล่างเหมือนแต่ก่อน เธอนั่งบนโซฟาข้างๆสามีของเธอ“ลูกจะต้องแต่งงานกับหนูลิตาเท่านั้น ” ฐานิตากระแทกเสียง“ก็ได้นะคะ ถ้าคุณลิตาจะยอมเป็นเมียน้อย” ยิหวาต่อปากต่อคำ“ยิหวา ฉันหลงคิดว่าเธอมันเป็นเด็กดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับแม่ของเธอ”ฐานิตาลืมตัว
16ตามหัวใจคืน “ยิหวา เธอหลบหน้าฉันทำไม” หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เมื่อจำได้ว่าเสียงที่กำลังเรียกชื้อเธอนั้นคือใคร “คุณภาคิน คุณมาที่นี่ได้ยังไง”หญิงสาวพยายามดึงมือที่จับแขนเธอไว้แน่น แต่มันไม่ขยับเลย“เปิดประตูแล้วเข้าไปคุยกันในห้อง อยากมายืนเถียงกันให้อายคนอื่นเหรอ”ภาคินเคล้นเสียงหนักแน่น แต่เบาเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน“คุณจะตามฉันมาทำไม”ยิหวาตวาดเสียงแหลมใส่หน้าชายหนุ่มทันที เมื่อประตูถูกปิดลง“ก็เพราะเธอหนีออกมาแบบนี้ไง”ภาคินคว้าแขนเล็กไว้และดึงร่างบางอย่างแรง จนหญิงสาวแทบจะเซล้ม“ฉันไม่ได้หนีคุณ แล้วทำไมต้องหนี การที่ฉันจะไปอยู่ที่ไหนทำอะไร มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลย เราก็เป็นแค่อดีตเจ้านายกับลูกสาวคนรับใช้แค่นั้น”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็ปิดปากของเธอด้วยปากของเขา สองมือหนาประคองใบหน้ารูปไข่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม“พอ หยุดเถอะ ฉันรักเธอ ยิหวา ได้ยินไหมฉันรักเธอ” ชายหนุ่มดึงหญิงสาวมากอดไว้ แล้วพูดอยู่ซ้ำๆแบบนั้น“คุณรักฉันไม่ได้ค่ะ คนที่คุณควรรักคือคุณลิตา เขาคือคนที่คุณกำลังจะแต่งงานด้วย”หญิงสาวกัดฟันพูดด้วยความแค้น เธอพูดทุกถ้อยคำช้าๆแ
15พบกันครั้งแรก “เราว่าแกไม่ต้องตามหาลูกสาวแล้วแหละ” คณินพูดเมื่อสายตาของเขาหันไปเห็นผู้หยิงสองคนที่เขาคุ้นเคยในร้านอาหารข้างๆ“ดาริน”ศศิวัฒน์มองตามสายตาของเพื่อนที่มองไปยัง ร้านอาหารอีกร้านที่อยู่ข้างกัน มีเพียงแค่ทางเดินเล็กๆในห้างกั้นอยู่“นานแล้ว แกยังจำได้อยู่อีกเหรอ” คณินแปลกใจที่เพื่อนของเขายังจำคนรักเก่าได้อยู่ ทั้งที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอกันยี่สิบกว่าปี“ฉันไม่ได้ยังจำได้ แต่ฉันไม่เคยลืมต่างหาก” ศศิวัฒน์พูดจากหัวใจเราเข้าไปคุยกับทั้งคู่ตอนนี้คงไม่ดี เดี๋ยวเราว่ารอให้ ดารินกับยิหวาต้องแยกกันกลับบ้าน เรารอคุยกับยิหวาคนเดียวจะดีกว่าคณินเสนอความคิดเห็น และศศิวัฒน์ก็เห็นด้วย เพราะเขาไม่แน่ใจว่าดารินจะยังอยากเจอหน้าเขาอยู่ไหมในที่สุดสองคนแม่ลูกก็แยกกัน ดารินลงไปชั้นล่างเพื่อขึ้นรถกลับ ส่วนยิหวาเดินแยกไปทางร้านขายเครื่องเขียน“ยิหวา” คณินเรียกหลังจากเดินตามหญิงสาวไป“ยิหวา นี่ศศิวัฒน์เพื่อนของฉัน” คณินแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน“สวัสดีค่ะคุณศศิวัฒน์” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมนี่เป็นครั้งแรก ที่ศศิวัฒน์ได้มีโอกาสเห็นหน้าลูกสาวของเขา แบบตัวเป็นๆ และเธอก็มีหน้าตาที่เหมือน
14ความลับ “แกยังจำดารินได้ไหม” คณินเริ่มเข้าเรื่อง “จำได้สิ ผู้หญิงที่ฉันรักทั้งคนนะ แล้วแกถามถึงทำไม แกเจอดารินเหรอ” ศศิวัฒน์ทำท่ากระตือรือร้นอยากรู้ “อืม...เจอทุกวันเลย เจอมาหลายปีแล้วด้วย” คนตอบไม่พูดตรงๆ “หมายความว่าอะไรวะ คณินแกจะมายียวนเพื่ออะไร มีอะไรเกี่ยวกับดาริน แกพูดมาให้หมดเลย” ศศิวัฒน์รักและจริงใจกับดาริน เขาต้องการจะให้เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องกับเขา แต่ทุกอย่างก็พังลง เมื่อมารดาของเขาประกาศผ่านสื่อ ว่าเขากำลังจะแต่งงานกับหญิงสาวชั้นสูง ตั้งแต่นั้นมาศศิวัฒน์ก็ไม่เจอดารินอีกเลย “ดารินเขาอยู่ที่บ้านฉัน ตั้งแต่ที่แม่แกประกาศว่าแกจะแต่งงานนั่นแหละ” คณินเริ่มเล่า “เฮ้ย! แล้วทำไมแกไม่บอกฉัน แกรู้ไหมคณินว่าฉันตามหาดารินจนแทบบ้า” ศศิวัฒน์ขึ้นเสียง “ดารินเขาขอฉันไว้ เขาบอกถ้าฉันบอกแก เขาก็จะพาลูกในท้องหนีไปที่อื่น ฉันสงสารเด็ก” “ลูกในท้อง” ศศิวัฒน์พูดทวนคำพูดของเพื่อน เพราะเขาไม่เคยรู้เลย ว่าดารินท้อง “ใช่ ดารินเขาท้อง” คณินเน้นย้ำ เพราะหวังว่าเพื่อนจะพอเข้าใจ ว่าเรื่องราว
13ตามหา หนึ่งเดือนแล้ว ที่ภาคินไม่ได้เจอไม่ได้คุยไม่ได้ข่าวอะไรของหญิงสาวที่เขาสุดแสนจะคิดถึง ชายหนุ่มคิดถึงครั้งที่เขาไปเรียนอยู่อเมริกา เขาก็เคยทำกับเธอแบบนี้ เธอคงทั้งเจ็บทั้งเสียใจ ไม่ต่างกับเขา “คุณรู้ไหม ภาคินไม่ไปทำงานหลายวันแล้ว ผมถามหนูลิตา เธอก็บอกว่า ภาคินดื่มหนักเกือบทุกคืน” คณินทำงานที่เดียวกับลุกชายและลลิตา เขาถึงมีโอกาสได้สังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูกชาย “คุณคิดว่ายังไงคะ” ฐานิตาไม่เข้าใจ ว่าสามีต้องการจะบอกอะไร “ผมว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ข้างนอกแบบนี้ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ ลูกชายเราเป็นแบบนี้ คุณคิดว่า คนอย่างหนูลิตาเขาจะอยากฝากชีวิตไว้ด้วยเหรอ” ฐานิตาเห็นด้วยกับคำพูดของสามี แต่เธอก็ไม่สามารถจะยอมรับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างลูกชายเธอกับคนงานในบ้านได้ “ไม่ใช่ว่าฉันไม่สงสารลูกนะ แต่คุณจะให้ฉันยอมรับลูกคนรับใช้มาเป็นสะใภ้ ฉันทำใจไม่ได้หรอก” “คุณรังเกียจยิหวา เพียงเพราะมันเป็นลูกสาวคนใช้ใช่ไหม และถ้าสมมุติว่าวันนึง ลูกสาวคนใช้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของข้าราชการระดับสูงในบ้านเมืองเร
12เริ่มต้นชีวิตใหม่ หญิงสาวออกไปอยู่ข้างนอก โดยที่เธอบอกทุกคนยกเว้นภาคิน ฐานิตาเห็นด้วย เพราะเธอคิดว่าการที่ยิหวาออกไปอยู่ที่อื่น ลุกชายของเธอ น่าจะลืมเธอได้อีกไม่นาน และคงยอมที่จะแต่งงานกับลลิตา “ดาริน ถ้าเธอจะออกไปอยู่กับลูกสาวก็ได้นะ แต่ฉันขอเวลาหาคนใหม่มาแทนก่อน ส่วนป้าช้อยก็ให้แกอยู่ที่นี่ต่อเถอะ อย่าเอาแกไปลำบากด้วยเลย” ฐานิตาถึงจะรู้สึกเสียดายดาริน เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้ใจ แต่ก็ต้องยอมแลกกับการที่ลุกชายของเธอจะได้ห่างจากยิหวา “ค่ะคุณท่าน คงอีกสักพัก ถึงจะย้ายตามลูกไป” ดารินเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นแม่ดี ว่าฐานิตาก็ต้องอยากให้ลูกชายของเขาได้ผู้หญิงที่ดีที่สุด “น้าดารินครับ ผมไม่เห็นยิหวาหลายวันแล้ว เธอไปไหน” ภาคินเก็บความอยากรู้และไม่สบายใจไว้ไม่ไหวแล้ว เขาตัดสินใจเข้ามาถามดารินตรงๆ “ยิหวาเขาออกไปอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ แต่น้าก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้บอกไว้” ดารินไม่ได้โกหก เพราะลูกสาวของเธอไม่ได้บอกอะไร มากไปกว่า ว่าที่พักอยู่ใกล้กับที่ทำงาน “ทำไมต้องออกไปอยู่ข้างนอก
11ลาก่อน “เป็นอะไรไป หน้าซีดเชียว” ดารินเดินเข้ามาจับตัวลูกสาว เมื่อเห็ใบหน้าที่ซีดเซียว “แม่คะ ถ้าหนูหางานทำได้ เราไปอยู่ที่อื่นกันนะคะ” หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ทันระวัง ว่ามารดาจะสงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ “ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ จะให้แม่ทิ้งคุณท่าน ทิ้งป้าช้อยไปได้ยังไงกัน” ดารินหันไปทไหน้าดุใส่ลูกสาว “เดี๋ยวไม่มีเรา คุณท่านก็หาแม่บ้านใหม่มาทำงาน แม่จะอยู่เป็นคนใช้เขาไปตลอดชีวิตเหรอ” ยิหวาไม่รู้เหมือนกัน ทำไมเธอถึงกล้าพูดแบบนี้ ทั้งที่ดารินก็สอนเธอตั้งแต่เล็กจนโต ว่าให้รู้จักและสำนึกในบุญคุณของครอบครัวอรรถจิรานนท์ ที่ทำให้เธอกับแม่ มีที่ซุกหัวนอนอย่างเช่นทุกวันนี้ “ยิหวา มันเกิดอะไรขึ้นกันลูก คุณท่านเรียกลูกไปพูดเรื่องอะไร ทำไมถึงออกมาแล้วพูดจาแบบนี้” ดารินเลี้ยงลูกมา เธอรู้ว่าลูกสาวของเธอ ไม่เคยคิดจะไปจากที่นี่ และอยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาพูดจาเอาจริงเอาจังแบบนี้ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หนูไปรีดผ้าต่อนะคะ” นับตั้งแต่วันนั้นยิหวาก็พยายามหางานทำ เอาที่อยู่ไกลจากบ้านของภาคินให้มากที่สุด
10ปล่อยมือหรือเดินต่อ เมื่อไฟถูกปิดลง ความคิดถึงที่ทั้งคู่ต่างถวิลหากันมาเกือบสามปี ก็เหมือนพายุ ที่ถูกปลดปล่อยมาในทันที เสื้อผ้าถูกถอดออกจากเรือนร่างบางเล็กของยิหวา อย่างรวดเร็ว จนเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว ปากหนาทั้งหอมทั้งจูบไปทุกส่วนของร่าง เหมือนเขาอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว “คุณภาคินคะ ยิหวาเจ็บนะ” หญิงสาวร้องบอกเขา เพราะเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังช้ำไปทั้งตัว ไม่มีเสียงตอบจากคนที่กำลังรุกราน แต่เขากลับใช้ทั้งสองมือบีบเคล้นอกอวบขึ้นมาก่อนจะใช้ปากหนาทั้งเลียและดูด อย่างกระหาย จนเจ้าของอกกลมต้องบิดไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน ที่เธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแสนนาน “อ่า...อื้อ......” หญิงสาวกลั้นเสียงครางไว้ไม่ไหวอีกต่อไป โคมไฟหัวเตียงถูกดับลง พร้อมกับความเป็นชายของเขา ที่เข้ามาอยู่ในกลีบชมพูอวบของหญิงสาว สะโพกกลมขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มคอยควบคลุม ให้เธอเคลื่อนไหวตามจังหวะ จากสายน้ำที่ไหลอย่างเชื่องช้า ก็เปลี่ยนเป็นทะเล ที่ถูกเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำจน คนตัวเล็กต้องจิกเล็บสวยลงไปบนแผ่นหลังของชายหนุ่