Share

บทที่ 127

Author: จี้เวยเวย
หลินจือเยว่ยื่นตั๋วเงินในมือออกไป

“นี่คือตั๋วเงินแปดล้านตำลึง เจ้าจงนับต่อหน้า ภายภาคหน้าพวกเราไม่ติดค้างกันอีก!”

“ได้เลย”

หนึ่งประโยคแผ่วเบาผ่านเข้าหูหลินจือเยว่ กลับทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก!

ทั้งๆ ที่ซ่งรั่วเจินปักใจอยู่กับเขา บัดนี้กลับคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่สนใจเขาเลยสักนิด นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?

“นับตั้งแต่วันนี้ไป เจ้าก็อย่าได้นำเรื่องในอดีตมาข่มขู่ข้าอีก สกุลซ่งกับสกุลหลินของพวกเราไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันแล้ว” หลินจือเยว่พูดออกไปอย่างอดไม่ได้

“ย่อมเป็นเช่นนั้น”

ซ่งรั่วเจินพยักหน้า นับตั๋วเงินในมือ เกิดความรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาสายหนึ่งภายในใจ

เมื่อคืนสองคนนี้ขุดเงินทองทรัพย์สมบัติมากเพียงนี้ ระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งคืนก็แลกตั๋วเงินมาได้แล้ว

ว่องไวเหลือเกิน!

หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงสบตากันแวบหนึ่ง เดิมทีวันนี้ต้องการมาโวยวายใหญ่โต ไม่ใช่พวกเขาโวยวาย แต่ปรารถนาจะได้เห็นซ่งรั่วเจินโวยวายสักครั้ง

ใครคาดคิดเล่าว่าอีกฝ่ายตกปากรับคำง่ายดายเพียงนี้ ราวกับชกปุยนุ่นก็มิปาน อึดอัดคับข้องใจอย่างบอกไม่ถูกภายในใจ

“อิงตามที่ข้ารู้ ระยะนี้ท่านหลินป๋ออับจนหนทาง ไม่มีผู้ใดให
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
tyuiop
สนุกมากๆๆจริงต่อเลยจ้า
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 128

    “เหลวไหล!”สีหน้าฉินซวงซวงแข็งกระด้างไป “พี่ชายข้าใกล้จะถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว พวกเจ้าคิดใช้เรื่องนี้ล่ามพี่ชายข้าไว้ในคุก ไม่มีวันเสียหรอก!”“งั้นหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินตกลงบนคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในที่ห่างออกไปไม่ไกล มุมปากยกขึ้นหนึ่งข้างอย่างนึกสนุก“หลินฮูหยิน ข้าคนนี้ทำนายแม่นยำนัก เห็นแก่เจ้าที่คืนเงินข้า วันนี้ข้าขอทำนายให้เจ้าสักครั้ง พี่ชายของเจ้าจะออกมายามใดนั้นยังไม่อาจรู้ได้ แต่เจ้าจะกลับเข้าคุกยามใด ข้ากลับสามารถบอกเจ้าได้”“ก็คือวันนี้นี่เอง”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ ริษยาแค้นเคืองข้าจนเริ่มพูดเหลวไหลแล้ว!”ฉินซวงซวงโกรธจนหัวเราะออกมา “เจ้าคิดว่าตนเองเป็นปรมาจารย์ลัทธิเต๋าเก่งกาจกระนั้นหรือ ยังมอบคำทำนายให้ข้า ข้าว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าสกุลซ่งจะต้องตกต่ำเป็นแน่!”จากนั้น ชั่วขณะเสียงของฉินซวงซวงหยุดลง เสียงเยียบเย็นของจ้าวเหวินซูพลันดังขึ้น“ท่านหลินป๋อ หลินฮูหยิน ตามพวกเราไปเที่ยวหนึ่งเถอะ!”หลินจือเยว่มองเห็นจ้าวเหวินซู ยากจะอดกลั้นความงุนงงเอาไว้ได้ “ใต้เท้าจ้าว นี่หมายความว่าอย่างไร?”“ท่านหลินป๋อทำสิ่งใดไว้หรือว่ายังไม่รู้? ก่อนนี้ยามอยู่ใน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 129

    จ้าวเหวินซูสบถเสียงเย็น “ข้าเองก็ขอเตือนท่านหนึ่งประโยค นักการท่านอื่นไปตรวจค้นจวนของท่านแล้ว เงินที่หายไปของราชสำนักล้วนประทับตราไว้ เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าใช่เงินชุดนั้นที่หายไปหรือไม่!”สีหน้าหลินจือเยว่ซีดเผือดลง เขามองทางฉินซวงซวงอย่างว้าวุ่นใจ “ซวงซวง นี่เกิดอันใดขึ้น?”“ข้า ข้าเองก็ไม่รู้”ฉินซวงซวงเองก็ว้าวุ่นใจ จู่ๆ นางก็นึกถึงถ้อยคำของซ่งรั่วเจินทั้งหมดขึ้นได้ หันหน้าไปอย่างมีโทสะ “เป็นเจ้า! เป็นเจ้าใช่หรือไม่!”“หลินฮูหยินกำลังพูดอันใด เหตุใดข้าฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจ?”ซ่งรั่วเจินแกล้งสงสัย หันหน้ามองทางจ้าวเหวินซู “ใต้เท้าจ้าว ยึดตามที่ท่านพูดแล้ว เงินที่พวกเขาคืนข้าก็คือเงินถูกขโมยมาใช่หรือไม่?”“ใช่แล้ว” จ้าวเหวินซูพยักหน้า“เช่นนั้นขอมอบตั๋วเงินนี้ให้ใต้เท้าจ้าวก่อนก็แล้วกัน”ซ่งรั่วเจินมีสีหน้าเสียดาย “ข้าคิดว่าหลินจือเยว่มาคืนเงินจริงเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะนำเงินที่ขโมยออกจากราชสำนักมาให้ข้า นี่คือต้องการทำร้ายพวกเราสกุลซ่งใช่หรือไม่?”“ลำบากแม่นางซ่งแล้ว เรื่องนี้ตรวจสอบก็จะรู้ผลได้อย่างว่องไว น้ำลดหินย่อมโผล่ออกมา”จ้าวเหวินซูเองก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 130

    “ใต้เท้า นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ แต่ไหนแต่ไรมาลูกชายข้าเป็นขุนนางมือสะอาด ไฉนเลยจะสามารถทำเรื่องทุจริตบิดเบือนกฎหมายได้?”นางเพิ่งพูดจบ นักการก็ยกเงินบนโต๊ะวิ่งออกมา“ใต้เท้า ข้าน้อยพบเงินหนึ่งกล่อง ด้านล่างยังประทับตราที่หายไปชุดนั้นด้วยขอรับ!”เหลียงเหยียนรับเงินไป มองเห็นตราประทับด้านล่าง สีหน้าบึ้งตึง “เอาตัวไป!”หลินรั่วหลานยังไม่ทันเอ่ยปากต่อก็ถูกคนจับไว้แล้ว แขนสองข้างถูกรวบไว้ด้านหลัง ร้องโอดครวญไม่หยุด“นี่ต้องเข้าใจผิดไปเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรมาลูกข้าซื่อสัตย์ ไม่มีวันทำเรื่องทุจริตบิดเบือนกฎหมาย ใต้เท้า ท่านต้องสืบสวนให้กระจ่างนะเจ้าคะ!”“หลักฐานชี้ชัดแล้ว ยังมีอะไรให้แก้ตัวอีกเล่า?”เหลียงเหยียนมองฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าเล่ห์แวบหนึ่ง ใบหน้าซื่อตรงไม่ประจบสอพลอนั้นเยียบเย็น “หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงถูกจับตัวไปแล้ว ข้าชี้แนะพวกเจ้าให้รีบสารภาพออกมาโดยเร็ว ประเดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาได้!”หลินรั่วหลานอึ้งงัน “ลูกชายข้าถูกพวกท่านจับไปแล้ว? นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดใหญ่แล้ว!”“พวกเจ้าจงค้นหาอย่างละเอียด ห้ามเมินข้ามจุดน่าสงสัยไปเป็นอันขาด!”เหลียนเหยียนไม่สนใจหลินรั่วหลานอีก หลักฐาน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 131

    ฉินซวงซวงมีสีหน้าใสซื่อ “จือเยว่ ท่านต้องเชื่อข้านะ ข้ารู้เรื่องนี้จากความฝันจริงๆ คิดว่านี่คือโอกาสดีที่ฟ้าประทานให้พวกเรา” “ข้ารู้ว่าท่านถูกซ่งรั่วเจินกดดันจนสิ้นไร้หนทาง ต้องการเงินจำนวนมากมาใช้หนี้จึงได้ทำเช่นนี้ ของโจรอะไรกัน ข้าไม่รู้เรื่องเลยสักนิด”“แต่เงินพวกนี้ไม่เพียงไม่ช่วยคลี่คลายปัญหาเร่งด่วนของพวกเรา แต่ยังทำให้เจ้ากับข้าตกที่นั่งลำบากกว่าเดิม!”หลินจือเยว่ร้อนรุ่มใจเหลือจะกล่าว เวลาสั้นๆ แค่วันเดียว เขาก็ต้องเปลี่ยนจากความยินดีเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อวานนี้มาเป็นติดคุกหัวโต!ถ้าไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง เกรงว่าคงต้องจบเห่เหมือนที่ผู้คุมสองคนนั้นพูดไว้แล้ว!“จือเยว่ ข้าคิดว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับซ่งรั่วเจินเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นนางจะคาดเดาทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?”ฉินซวงซวงรีบร้อนแก้ตัว “ไม่แน่ว่า...ไม่แน่ว่านางอาจจงใจให้ข้าฝันเห็นอะไรแบบนี้เพื่อทำให้พวกเราตกที่นั่งลำบากก็เป็นได้ นางช่างชั่วร้ายนัก!”นางไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้จึงโยนความผิดทั้งหมดไปให้ซ่งรั่วเจิน มิหนำซ้ำ หากใคร่ครวญถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของซ่งรั่วเจิน นางยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้จะต้องรู้อะไร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 132

    “ถ้าเจ้าไม่บอกให้ข้าทำเรื่องพวกนี้ เรื่องนี้จะเปิดเผยออกมาได้อย่างไร?”ฉินเซี่ยงเหิงพูดเต็มปากเต็มคำ แววตาเจ็บแค้น เขารู้สึกมากขึ้นทุกทีว่าสิ่งที่ฉินซวงซวงเสนอมาเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสิ้นดี!ตอนนี้ซ่งอี้อันจับได้แล้วว่าเรียงความถูกขโมยไป แม้เขาเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องหาหลักฐานไม่เจอแน่นอน แต่ตอนนี้เขาอยู่ในคุก กังวลใจเหลือเกินว่าอาจเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงขึ้นมานอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพักนี้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง จ้าวซูหว่านก็คงไม่มาเกาะแกะเขา เรื่องราวก็คงไม่มีทางแดงออกมา เขาก็ไม่ต้องกลายเป็นเรื่องตลกขบขันของคนทั้งเมืองหลวง!“ท่านพูดอะไรก็ใช้สติคิดเสียบ้าง! พักนี้คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวงคือท่านไม่ใช่หรือ? ข้าได้ประโยชน์จากเรื่องนี้สักนิดหรือไม่?”“ข้าเค้นสมองครุ่นคิดเพื่อท่าน หวังว่าท่านจะสอบได้ตำแหน่งดีๆ ในการสอบฤดูใบไม้ผลิ ยามนี้ในเมืองหลวงมีใครไม่ชมเชยว่าท่านเขียนเรียงความได้ดีบ้าง? พวกตระกูลใหญ่ชนชั้นสูงล้วนแต่ชื่นชมท่าน”“เดิมนั้นแค่ท่านสงบเสงี่ยม รอเงียบๆ จนหลังการสอบฤดูใบไม้ผลิเส้นทางราชการก็จะราบรื่นเอง ได้แต่งงานกับคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่ท่านกลับไปพลอดรักกับจ้าวซูห

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 133

    “พวกเจ้าถ่ายหนักในนี้งั้นรึ?”ผู้คุมปิดจมูกทำท่าอยากจะอาเจียน “เป็นคุณชายกับคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่ใช่หรือไร? ไฉนจึงไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้?”คนทั้งสามสงบอารมณ์ลงได้แล้วก็รู้สึกอับอาย ใบหน้าร้อนผ่าว พอมาได้ยินคำพูดเช่นนั้น สีหน้าก็ยิ่งปั้นยากกว่าเดิม“พวกข้า...พวกข้าเปล่านะ”“ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าได้ถ่ายหนักหรือไม่ได้ถ่าย ใต้เท้าเรียกพวกเจ้าไปสอบสวน ตามพวกข้ามาเถอะ!”ฉินซวงซวงกับหลินจือเยว่มองหน้ากัน ถ้าไปสอบสวนในสภาพนี้ คนอื่นเห็นเข้าจะคิดอย่างไร?“ท่านผู้คุม หาสถานที่ให้พวกข้าอาบน้ำผลัดอาภรณ์ก่อนได้หรือไม่?” ฉินซวงซวงสางผมพลางเอ่ยถาม“เจ้าคิดว่าคุกเป็นบ้านเจ้างั้นหรือ? ยังต้องให้พวกเจ้าอาบน้ำอีก ฝันหวานไปหรือไม่?”ผู้คุมปิดจมูกเอ่ยด้วยสีหน้ารังเกียจ “ปล่อยราดตัวเองโดยไม่สนใจหน้าตาขนาดนี้ ยังจะสนเรื่องพวกนี้อีก ข้าว่าพวกเจ้าดูไม่เหมือนคนห่วงหน้าตาสักเท่าไหร่ รีบไปดีกว่า!”ฉินซวงซวงกำหมัดแน่น โมโหจนกัดฟันกรอด อดจะร้อนใจไม่ได้“จือเยว่ ท่านรีบหาวิธีเข้าสิ ถ้าถูกคนอื่นเห็นในสภาพนี้ พวกเราจบเห่แน่!”หลินจือเยว่มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่เคยต้องอับอายขายหน้าเพียงนี้มาก่อน “เมื่อครู่ข้

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 134

    “ใต้เท้า ถ้าจะจับก็ไม่ควรจับข้า ควรจับครอบครัวแม่ทัพฉินต่างหาก ข้าไม่รู้เรื่องของโจรด้วยซ้ำ เงินทั้งหมดนั้นก็เป็นฉินซวงซวงให้มา!” เจ้ากรมอาญาเหลียงเหยียนสงสัยอยู่เป็นทุนเดิม ไม่แน่ว่าตระกูลฉินอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เป็นได้หลังหลินจือเยว่สร้างความชอบทางทหารกลับมาก็คบหาสมาคมกับคนในราชสำนักไม่น้อย อาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ส่วนแม่ทัพฉินยิ่งมีชื่อเสียงมานานหลายปี มีเส้นสายซับซ้อนในแวดวงขุนนางเห็นลูกเขยกำลังจะสูญเสียตำแหน่งราชการไป เขาจะทนนิ่งดูดายอยู่ได้หรือ?“ท่านแม่ทัพฉิน ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ข้าน้อยก็คงไม่ต้องไปเชิญ มาพูดคุยให้กระจ่างด้วยกันเถิดขอรับ!”ฉินเจิงหน้าเปลี่ยนสี “นี่เกี่ยวอันใดกับข้า ใต้เท้าเหลียงต้องสอบสวนให้กระจ่างถึงจะถูก”“แม่ทัพฉินวางใจ ความจริงของเรื่องนี้จะกระจ่างในวันนี้แน่นอน หากไม่เกี่ยวข้องกับแม่ทัพฉินก็ไม่มีทางทำให้พวกท่านด่างพร้อย แต่ถ้าเกี่ยวข้องก็ย่อมไม่มีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”เหลียงเหยียนผายมือแสดงท่าทางเชื้อเชิญให้ทุกคนเข้าไปขณะเดียวกัน มีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยมารวมตัวกันหน้าศาลาว่าการ หลังจากได้ยินว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับจวนแม่ทัพฉินแล

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 135

    “ใช่”ฉู่อวิ๋นกุยอึ้งไป “???”ฉู่จวินถิงคิดถึงความสามารถที่ซ่งรั่วเจินแสดงออกมาให้เห็นแล้วก็หยักมุมปากเป็นรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มีความสามารถของแม่นางผู้นี้...ไม่ธรรมดาเลยจริงๆเมื่อฉู่จวินถิงกับฉู่อวิ๋นกุยไปถึง หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงก็ถูกนำตัวออกมาทว่าชั่วขณะที่ทั้งคู่ปรากฏตัว ทุกคนก็ได้กลิ่นเหม็นหึ่งสุดจะบรรยายจนต้องปิดจมูกไว้โดยไม่รู้ตัว“เหม็นชะมัด เพิ่งตกส้วมมาหรือไร?”“คนสภาพดูไม่ได้สองคนนี้คงไม่ใช่ท่านหลินป๋อกับหลินฮูหยินหรอกนะ? เหตุใดถึงอยู่ในสภาพนี้ได้?”หลินรั่วหลานเคยเห็นบุตรชายของตนในสภาพนี้เสียที่ไหน เข้าใจว่าเขาคงถูกทารุณอย่างไร้มนุษยธรรมระหว่างอยู่ในคุก ฉับพลันนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา“สวรรค์! ลูกข้าเป็นผู้บริสุทธิ์นะ พวกเจ้าทรมานเขาโดยพลการในคุกได้อย่างไร?”กู้อวิ๋นเวยเห็นบุตรสาวของตนเองตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถ พวงแก้มแดงเรื่อผมเผ้ายุ่งเหยิงก็มีสีหน้าปวดใจ ปฏิกิริยาไม่แพ้หลินรั่วหลานเลยแม้แต่น้อย“ใต้เท้า ตีคนไม่ตีหน้า ถึงอย่างไรซวงซวงก็เป็นเด็กสาวผู้หนึ่ง ไยต้องตบหน้านางด้วยเจ้าคะ?”ฉู่จวินถิงกวาดสายตามองคนทั้งคู่ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แล้วมองไปทางเหลียงเห

Latest chapter

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status