แชร์

บทที่ 135

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
“ใช่”

ฉู่อวิ๋นกุยอึ้งไป “???”

ฉู่จวินถิงคิดถึงความสามารถที่ซ่งรั่วเจินแสดงออกมาให้เห็นแล้วก็หยักมุมปากเป็นรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มี

ความสามารถของแม่นางผู้นี้...ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เมื่อฉู่จวินถิงกับฉู่อวิ๋นกุยไปถึง หลินจือเยว่กับฉินซวงซวงก็ถูกนำตัวออกมา

ทว่าชั่วขณะที่ทั้งคู่ปรากฏตัว ทุกคนก็ได้กลิ่นเหม็นหึ่งสุดจะบรรยายจนต้องปิดจมูกไว้โดยไม่รู้ตัว

“เหม็นชะมัด เพิ่งตกส้วมมาหรือไร?”

“คนสภาพดูไม่ได้สองคนนี้คงไม่ใช่ท่านหลินป๋อกับหลินฮูหยินหรอกนะ? เหตุใดถึงอยู่ในสภาพนี้ได้?”

หลินรั่วหลานเคยเห็นบุตรชายของตนในสภาพนี้เสียที่ไหน เข้าใจว่าเขาคงถูกทารุณอย่างไร้มนุษยธรรมระหว่างอยู่ในคุก ฉับพลันนั้นก็ร้องไห้โฮออกมา

“สวรรค์! ลูกข้าเป็นผู้บริสุทธิ์นะ พวกเจ้าทรมานเขาโดยพลการในคุกได้อย่างไร?”

กู้อวิ๋นเวยเห็นบุตรสาวของตนเองตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถ พวงแก้มแดงเรื่อผมเผ้ายุ่งเหยิงก็มีสีหน้าปวดใจ ปฏิกิริยาไม่แพ้หลินรั่วหลานเลยแม้แต่น้อย

“ใต้เท้า ตีคนไม่ตีหน้า ถึงอย่างไรซวงซวงก็เป็นเด็กสาวผู้หนึ่ง ไยต้องตบหน้านางด้วยเจ้าคะ?”

ฉู่จวินถิงกวาดสายตามองคนทั้งคู่ คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แล้วมองไปทางเหลียงเห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 136

    “ข้าเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้น แต่พี่ชายเป็นคนลงไม้ลงมือกับข้าก่อนนี่เจ้าคะ!”ฉินซวงซวงอดจะน้อยใจไม่ได้ ชาติก่อนแม้ตอนแรกจะไม่ได้ดั่งใจเท่าไรนัก แต่ภายหลังเรียกได้ว่าเรียกลมได้ลม ดีไปเสียหมดทุกอย่างเดิมนึกว่าได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งจะยิ่งรุ่งโรจน์กว่าเดิม คิดไม่ถึงว่ากลับต้องเจอแต่ปัญหาเต็มไปหมด!“เมื่อวานพี่ชายเจ้าถูกโบยสาหัสขนาดนั้นก็เพราะเชื่อคำแนะนำของเจ้า แต่กลายเป็นว่าไม่มีประโยชน์เลยสักนิด เขาจะไม่พอใจก็เป็นเรื่องธรรมดา เจ้าที่เป็นน้องสาวเรื่องแค่นี้ก็ไม่เข้าใจเลยงั้นรึ?”กู้อวิ๋นเวยอดจะตำหนิไม่ได้ หลังนางกลับไปเมื่อวานนี้พอคิดถึงว่าตนเองสูญเสียร้านค้าไปก็ปวดใจเหลือจะกล่าวร้านค้าบนถนนเส้นนั้นไม่ได้ทำเงินในระดับธรรมดา หลายปีมานี้ที่พวกตนมีชีวิตสุขสบายถึงเพียงนี้ก็เพราะมีร้านค้าเหล่านั้นตอนนี้กลับดีนัก นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้วยังสูญเสียมากกว่าเดิม รู้เช่นนี้แต่แรกก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก!“คำพูดของท่านแม่หมายความว่าข้าสมควรถูกพี่ชายตบงั้นหรือเจ้าคะ?” ฉินซวงซวงประท้วงเสียงกรุ่น“นี่มันท่าทีอันใดของเจ้า?” กู้อวิ๋นเวยไม่พอใจ ลูกคนนี้กล้าเถียงนางหน้าต่อหน้าคนมากมายเลยงั้นรึ?ฉินซว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 137

    “หรือว่าหลินฮูหยินมีความสามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน ถึงได้ฝันเห็นที่ซ่อนของขุมทรัพย์?”ดวงตาดำขลับดุจหยกนิลของฉู่จวินถิงสะท้อนประกายคมปลาบ ราศีที่แสนกดดันนั้นทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนอดจะร้อนตัวไม่ได้“หม่อมฉัน...” ฉินซวงซวงสะอึก หากต่อมาก็กล่าวต่อไปว่า “เป็นซ่งรั่วเจิน! จะต้องเป็นฝีมือซ่งรั่วเจินแน่ๆ เพคะ!”“ก่อนหน้านี้นางก็บงการความฝันของต่งฮูหยิน ทำให้ต่งฮูหยินรู้ความจริงเกี่ยวกับการตายของลูกชายไม่ใช่หรือ?”“ซ่งรั่วเจินสตรีผู้นั้นแค้นใจที่หม่อมฉันแย่งคู่หมั้นของนางมา ทั้งรู้ว่าพวกหม่อมฉันจำเป็นต้องใช้เงิน ถึงได้จงใจทำให้หม่อมฉันฝันเห็นเรื่องนี้ ทำให้หม่อมฉันนึกว่านี่เป็นโอกาสคลี่คลายปัญหาตรงหน้า!”ฉู่จวินถิงมุ่นคิ้ว นึกถึงฉากที่ซ่งรั่วเจินพาตนเองไปดูเมื่อวานนี้อย่างไม่อาจเลี่ยง“ในเมื่อเจ้าสงสัยว่าเป็นการกระทำของซ่งรั่วเจิน ทั้งทราบความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าดี ไยจึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เช่นนี้มิเท่ากับย้อนแย้งงั้นหรือ?”“หม่อมฉัน...ตอนนั้นหม่อมฉันคิดไม่ถึง เข้าใจว่าเป็นโอกาสที่ฟ้าประทานให้ ถึงได้เรียกท่านพี่ไปดูด้วยกันเพคะ”ดวงตาคมของฉู่จวินถิงฉายแววเคลือบแคลง “หากพูดเช่นนี้ หมายความว

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 138

    “สวรรค์ไม่มีตาจริงๆ! ความชอบที่ลูกชายข้าเสี่ยงชีวิตสร้างมาในสมรภูมิ ถูกนังคนชั้นต่ำนี่ทำพินาศหมดแล้ว!”“เขาซื่อสัตย์ดีงาม ภักดีสนองคุณชาติ เดิมมีบุพเพครองคู่กับแม่นางตระกูลซ่ง แต่นางกลับตามไปเกาะแกะลูกชายข้าถึงชายแดน”“เขาอายุยังน้อย ไร้ประสบการณ์ไม่รู้เท่าทันจึงถูกหลอก วันนี้ทำให้เขาสูญเสียยศโหวไปยังไม่พอ ยังไปขนของโจรกลับมาอีกด้วย!”เมื่อหลินรั่วหลานร่ำไห้รำพันเช่นนี้ ทุกคนก็เริ่มสงสัยในตัวฉินซวงซวงอย่างไรเสีย หลินจือเยว่ยุ่งจนหัวหมุนเพราะเรื่องเงินในช่วงหลายวันนี้ ทุกคนล้วนทราบดีกลับเป็นฉินซวงซวงเสียอีก คนฝันคือนาง เรื่องเงินก็เป็นนางที่นัดแนะกับโรงแลกเงิน น่ากลัวว่านางอาจมีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ ก็ได้!“ซ่งรั่วเจินจงใจทำร้ายหม่อมฉันจริงๆ นะเพคะ นางบงการความฝันของหม่อมฉัน ในความฝันยังเตรียมการให้หม่อมฉันพร้อมสรรพ หม่อมฉันแค่ต้องทำตามที่เห็นในความฝันก็พอ!”ฉินซวงซวงยืนกรานเรื่องนี้ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้ซ่งรั่วเจินแสดงความสามารถนี้ออกมากันเล่า?ห่างจากศาลาว่าการซุ่นเทียนไม่ไกล ซ่งจืออวี้เห็นฉินซวงซวงโยนความผิดทั้งหมดมาให้น้องสาวตัวเองก็โมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ“สตรีผู้นี้ไร้ยางอา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 139

    ดวงตาฉินซวงซวงฉายแววเคียดแค้นชิงชัง “เจ้าโกรธแค้นอยู่ในใจมาโดยตลอดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา จำต้องยอมรับว่าสมใจเจ้าแล้ว!”“หลินฮูหยิน สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นคนคือการรู้จักตนเอง ทุกคนล้วนรู้ว่าข้าเป็นฝ่ายถอนหมั้น หากข้าพิสมัยในจวนตระกูลหลินจริง ไยต้องทำเช่นนั้น?”“ส่วนความโกรธแค้นที่เจ้าอ้างก็เป็นแค่ความคิดข้างเดียวของเจ้าเท่านั้น”ใบหน้างามพิลาศของซ่งรั่วเจินสะท้อนความไม่แยแส “บุรุษดีๆ ในเมืองหลวงมีมากมายถมไป ไม่ได้มีแค่หลินจือเยว่คนเดียวเสียหน่อย” “หลังจากข้าถอนหมั้นก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าอีก ข้าไม่จำเป็นต้องลำบากวางแผนพวกนี้เลยสักนิด”ท่าทีพูดอย่างไม่ใส่ใจของนางราวกับว่าไม่เคยเห็นหลินจือเยว่อยู่ในสายตาเลยก็ไม่ปาน“เจ้าจะไม่แค้นใจได้อย่างไร? เจ้าตรากตรำดูแลจวนตระกูลหลินมาถึงสองปี หากเจ้าไม่มีใจให้สามีข้า ไยต้องทำถึงขนาดนั้น?”ฉินซวงซวงวาจาเชือดเฉือน นางจะต้องเปิดโปงโฉมหน้าเสแสร้งจอมปลอมของซ่งรั่วเจินให้ได้!นางชอบเขาขนาดนั้นแท้ๆ ชาติก่อนนางตายไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจปานนั้น แล้วจะไม่สนใจเลยสักนิดได้อย่างไรกัน?“ที่ข้าดูแลจวนตระกูลหลินก็เพราะข้ากับเขามีพันธะหมั้นหมา

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 140

    “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ นางเดาว่าวันนี้ที่ศาลาว่าการซุ่นเทียนจะต้องไม่เลิกราโดยดีแน่จึงเรียกพี่สามออกมาด้วยกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามารดาก็มาด้วยเช่นกัน“ถ้าข้าไม่อยู่ คนพวกนี้คงได้รังแกเจ้าตามใจชอบน่ะสิ”หลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาบังซ่งรั่วเจินไว้ด้านหลัง กวาดสายตามองพวกหลินจือเยว่ที่อยู่ข้างๆ“ลูกสาวข้าเป็นถึงบุตรีตระกูลซ่ง เป็นกุลสตรีชาติตระกูลดีทั้งยังเพียบพร้อมด้วยความสามารถ ดนตรีเดินหมากอักษรภาพวาดล้วนเชี่ยวชาญทุกแขนง”“ตอนแรกที่หมั้นหมายกันก็เพราะท่านหลินป๋อมาอ้อนวอนสู่ขอ ข้านึกว่าท่านเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดดิบดีว่าจะดูแลเจินเอ๋อร์อย่างดี ข้าจึงตอบตกลง”“ว่าตามตรงก็เป็นเพราะแม่อย่างข้าไม่ดีเอง ตาบอดไปถึงได้หมั้นหมายผิดๆ ให้ลูกสาวของตัวเอง” “เดิมนั้นข้าเห็นแก่หน้าตาของทั้งสองฝ่ายจึงไม่ได้ยืนกรานจะฉีกหน้ากันให้ได้ แต่ยามนี้พวกท่านทำผิดเองแต่ยังคิดจะลากลูกสาวข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง ฝันไปเถอะ!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็หันไปทางฉู่จวินถิงพลางกล่าวว่า “ท่านอ๋อง วันนี้ลูกสาวของหม่อมฉันอยู่ในจวนตลอดเวลา จำนวนครั้งที่ออกไปข้างนอกสามารถนับนิ้วได

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 141

    ส่วนซวงซวง... หากไม่ใช่เพราะซ่งรั่วเจินหมายจะเล่นงานหลินจือเยว่เอาให้ได้ บัดนี้นางคงใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญไปแล้วจะอย่างไรก็ยังเป็นสกุลซ่งอยู่วันยังค่ำที่ทำนางเดือดร้อน!“ท่านอ๋อง เรื่องเข้าฝันที่ว่านี้ล้วนเหลวไหลสิ้นดีเพคะ หวังว่าท่านอ๋องจะคืนความยุติธรรมให้ลูกสาวของหม่อมฉันได้!"“ซ่งฮูหยินวางใจเถิด ข้าไม่ยอมให้ผู้บริสุทธิ์ถูกป้ายสีใส่ความเป็นแน่” ฉู่จวินถิงกล่าวฉินซวงซวงเห็นหลิ่วหรูเยียนมาแสดงอำนาจตน ทำให้ผู้คนต่างเชื่อว่าซ่งรั่วเจินหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเกิดร้อนรนใจขึ้นมาบ้าง“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าซ่งรั่วเจินรู้เรื่องเงินได้อย่างไร แต่ข้ารู้ว่าเรื่องเข้าฝันเป็นจริงแน่!”“ต่งฮูหยินได้รู้ว่าลูกชายตนสิ้นชีพไปแล้ว ก็เพราะการเข้าฝันของซ่งรั่วเจินมิใช่หรือ ก่อนหน้านี้ยังเคยกล่าวขอบคุณกันอยู่แท้ๆ” “บัดนี้กลับกล่าวว่าไม่มีความสามารถเช่นนั้น จะไม่เป็นการหอกโล่ขัดแย้งกันเองหรอกหรือ?”ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขาเคยได้ยินเรื่องราวของสกุลต่งมาแล้วเช่นกัน อีกทั้งต่งฮูหยินยังออกปากยอมรับด้วยตนเอง ว่าหากไม่ใช่เพราะซ่งรั่วเจินคุณชายน้อยสกุลต่งคงตายเปล่าเสียแล้ว!“แม่นางซ่ง ใน

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 142

    เมื่อสองสามีภรรยาสกุลต่งออกตัวเป็นพยานเช่นนี้แล้ว ผู้คนต่างก็อดตะลึงในความสามารถของซ่งรั่วเจินตามไปด้วยไม่ได้“ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินข่าวลือมา ทว่าคิดเพียงออกจะอัศจรรย์จนเกินไป ไม่น่าเป็นจริงได้ นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ยินจากปากของใต้เท้าต่งเองเช่นนี้"“โชคดีที่แม่นางซ่งช่วยให้คุณชายน้อยสกุลต่งพ้นจากความอยุติธรรม ทั้งได้พบกันในฝันเช่นนี้ยิ่งทำต่งฮูหยินคลายทุกข์เศร้าลงได้บ้าง”ตอนที่คุณชายน้อยสกุลต่งหายตัวไป ถึงกับสั่นคลอนไปทั่วเมืองหลวง ต่อมาเมื่อได้รู้ว่าเขาถูกอาสะใภ้ของตนฆ่าตายยิ่งทำผู้คนตกตะลึงมากยิ่งขึ้นสวี่ชิงเหมยตลอดมาเป็นผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านความอ่อนโยนจิตใจดีงาม ใครจะคาดคิดว่านางกลับมีจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้หากไม่มีความช่วยเหลือของแม่นางซ่ง เกรงว่าคุณชายน้อยสกุลต่งคงตายอย่างไร้ความยุติธรรมเสียแล้ว กระทั่งคุณชายใหญ่ช้าหรือเร็วก็อาจตกเป็นเหยื่อ ต้องทุกข์ทรมานด้วยเช่นกันฉู่จวินถิงเองก็รู้เรื่องนี้ดี บัดนี้เขาเชื่อแล้วว่าซ่งรั่วเจินมีความสามารถเช่นนี้จริง ส่วนเรื่องที่นางข้องเกี่ยวกับหยวนซิงเชานั้น เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน“ในเมื่อแม่นางซ่งได้ชี้แจงแถลงไขความจริงแ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 143

    “หากท่านกังวลเรื่องฉินเซี่ยงเหิงจริง เหตุใดยามพวกท่านไปขอขมาลาโทษสกุลซ่งเมื่อวาน ฉินซวงซวงจึงมิได้อยู่ด้วยเล่า?”“ทั้งบุตรสาวบุตรเขยต่างรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแต่ยังไม่ไปด้วย หรือพวกท่านไม่คิดว่าน่าสงสัย?”“เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคำแก้ตัวของพวกท่าน!” เหลียงเหยียนกล่าวสุ้มเสียงเกรี้ยวโกรธ“ท่านเป็นแม่ทัพ เดิมควรบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ปวงประชา แต่ท่านกลับสมคบคิดกับหยวนซิงเชายักยอกเงินบรรเทาทุกข์ราษฎร ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์มากมายต้องล้มตาย เจ้าตายเป็นหมื่นครั้งก็ยังไม่พอชดใช้!”ฉินเจิงโกรธจนหน้าดำคล้ำเขียว รู้สึกราวกับโทษทัณฑ์มหันต์ใหญ่ที่ตนไม่ได้ก่อถูกโยนเข้าใส่!“ในเมื่อแม่ทัพฉินไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน เช่นนั้นก็พาตัวลงไปค่อย ๆ ถามค่อย ๆ ซักแล้วกัน!” “นำตัวไป!”ฉู่จวินถิงออกคำสั่งเด็ดขาด ให้พาตัวคนสกุลฉินและสกุลหลินไปด้วยกันทั้งหมด!ฉินเซี่ยงเหิงเห็นฉินซวงซวงกับหลินจือเยว่ถูกพาตัวไป ในใจก็กระวนกระวายขึ้นมา ทว่าเขายังคงไม่ได้สนใจว่าสองคนนั้นจะโดนโทษทัณฑ์เช่นไร ห่วงพะวงเพียงบิดามารดาของตนจะมาช่วยได้เมื่อใดก็เท่านั้นเมื่อวานท่านแม่บอกชัดเจนแล้วว่าวันนี้จะมาช่วยเขาออกไป ศาลาว่าการซุ่นเ

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 602

    “สกุลหลิ่วจะถูกปลดตำแหน่งขุนนางหรือไม่?” ซ่งรั่วเจินมองเขาอย่างสงสัย สายตาแยกดำขาวอย่างชัดเจนภายใต้แสงจันทร์ทอประกายระยับ สุกสกาวเป็นพิเศษสุ้มเสียงนางนุ่มนวล เพียงแค่เอ่ยถามเรียบๆ หนึ่งประโยค ทว่าตกอยู่ในหูของฉู่จวินถิง กลับอยากจะทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นจริง“แน่นอน”เส้นเสียงของเขาต่ำหนัก สุ้มเสียงมั่นใจอย่างมากซ่งรั่วเจินเลิกคิ้วขึ้น “หลายปีมานี้ภายใต้การช่วยเหลือของสกุลฉินใต้เท้าหลิ่วก็สร้างผลงานไว้บ้าง แม้ว่าบัดนี้มีความผิดสลับตัวเด็ก แต่ทำให้เขาถูกลดตำแหน่งนั้นง่าย ปลดตำแหน่งขุนนางกลับไม่ง่ายถึงเพียงนั้น”เรื่องพรรค์นี้ในแวดวงขุนนาง แท้จริงแล้วเป็นเรื่องส่วนตัวของสองตระกูล คนอื่นมากที่สุดก็ล้วนรับชมความครึกครื้นยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นายท่านหลิ่วโยนความผิดทั้งหมดไว้บนตัวญาติฝ่ายหญิง หากเป็นเรื่องภายในเรือน ย่อมเกี่ยวข้องกับเขาไม่มากเพียงแต่ นางรู้ดีมากว่านายท่านหลิ่วจะต้องมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ นายหญิงหลิ่วเองก็วางอุบายเพื่อให้เขาโชคดีในเส้นทางของขุนนาง คนที่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้...ไม่มีผู้บริสุทธิ์แม้คนเดียว“เจ้าเชื่อข้าหรือไม่?”ฉู่จวินถิงเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าด้านข

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 601

    “พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าปีนั้นสกุลกู้เคยคิดจะให้กู้อวิ๋นเวยแต่งงานกับแม่ทัพซ่ง แต่ท้ายที่สุดงานแต่งนี้ก็ไม่สำเร็จ?คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้ว แม่ทัพซ่งยังเป็นลูกเขยของสกุลกู้ นี่นับว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตใช่หรือไม่?”“ข้าก็พูดแล้วสกุลกู้ซื่อสัตย์ภักดีทั้งตระกูล เหตุใดอุปนิสัยของกู้อวิ๋นเวยจึงแตกต่างออกไปถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูล ตกอับจนมีจุดจบเฉกเช่นทุกวันนี้ บัดนี้นับว่าเข้าใจทั้งหมดแล้ว การกระทำนั้นยังไม่เหมือนสกุลหลิ่วทุกกระเบียดนิ้วอีกหรือ?”ทุกคนต่างพากันส่ายหน้า รู้สึกเพียงสลดใจบัดนี้หลิ่วหรูเยียนกำลังนั่งอยู่ร่วมกับพวกราชครูกู้ ได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงเรื่องในตอนแรก“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าอุบัติเหตุในตอนนั้นจะทำให้เจ้าต้องตกลำบากอยู่ภายนอกมานานหลายปีถึงเพียงนี้ เป็นแม่ทำผิดต่อเจ้า...”ฮูหยินผู้เฒ่ากู้จับมือหลิ่วหรูเยียนพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่ผ่านมานางก็เคยได้ยินเรื่องของหลิ่วหรูเยียน รู้ว่าหลายปีมานี้นางใช้ชีวิตอยู่ที่สกุลหลิ่วอย่างยากลำบาก ยังแปลกใจเหตุใดสกุลหลิ่วลำเอียงถึงเพียงนี้เพียงแต่ เดิมทีก็เป็นลูกของบ้านอื่น พวกเขาไม่สามารถพูดอะไรได้บัด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 600

    “ลูกที่ใส่ใจเลี้ยงดูมานานหลายปี ย่อมไม่ใช่พูดว่าตัดสายสัมพันธ์ก็ตัดขาดไปเลยได้ข้าผิดไปแล้ว เป็นข้าทำผิดต่อซ่งฮูหยิน ทำผิดต่อสกุลกู้!”ได้ยินแผนการของสกุลหลิ่วที่ก่อนหน้านี้ทุกคนหยั่งเดาเอาไว้แล้ว คราวนี้ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างอดไม่ได้ นี่วางอุบายได้อย่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วกระมัง!ผลประโยชน์ล้วนถูกพวกเขาเอาเปรียบจนหมดสิ้น!หากไม่ใช่กู้อวิ๋นเวยไร้ความสามารถ ก่อความวุ่นวายจนสกุลกู้ตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเขาสกุลหลิ่วก็สามารถอาศัยความสัมพันธ์นี้ดึงความสัมพันธ์ของสกุลกู้ให้ใกล้ชิดกันได้ ยิ่งไม่ต้องพูดว่าหลิ่วหรูเยียนมีความสามารถถึงเพียงนี้ ทำให้พวกเขาเอาเปรียบได้สีหน้าราชครูกู้แข็งทื่อดุจเหล็ก พูดเสียงโกรธขึ้ง “บัดนี้พวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก!”“ราชครูกู้ ท่านระงับโทสะก่อน นี่ล้วนเป็นเรื่องที่ฮูหยินของข้าทำ เดิมทีข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้!”นายท่านหลิ่วเห็นความลับถูกเปิดเผยแล้ว รีบโยนเรื่องทั้งหมดไว้ที่นายหญิงหลิ่วนายหญิงหลิ่วตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าคนนอนเคียงหมอนร่วมกันมานานหลายปีเห็นปัญหาใหญ่มาเยือนก็ผลักนางออกไปในทันที พูดเสียงโกรธขึ้ง“นี่ เหตุใดถึงโยนทั้งหมดมาที่ข้าคนเดียวเล่า?ทั้งๆ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 599

    เผชิญหน้ากับคำวิงวอนขอความเมตตาจากนายท่านหลิ่ว ราชครูกู้ไม่ชายตาแลมองเขาเลยสักครั้ง ใบหน้าหยาบกร้านกำลังสบมองกู้อวิ๋นเวย ภายในสายตาเปี่ยมความสงสารและห่วงใย“ลูกเอ๋ย หลายปีมานี้ เจ้าลำบากแล้ว เป็นพวกเราทำผิดต่อเจ้า”หลิ่วหรูเยียนยังมิอาจยอมรับความจริงที่ว่าตนเป็นลูกของสกุลกู้ในทันทีเลยได้ เพียงแต่เผชิญหน้ากับท่าทางสงสารนั้นของราชครูกู้และฮูหยินผู้เฒ่ากู้ เพียงครู่เดียวนางก็ใจอ่อนแล้วเมื่อหลายวันก่อนได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากู้ครั้งแรกนางก็รู้สึกคุ้นเคย หลายปีมานี้ไม่เคยรู้สึกสนิทสนมเช่นนี้มาก่อน บัดนี้ได้เห็นราชครูกู้ นางก็รู้สึกว่าตนเองหน้าตาคล้ายเขาอยู่บ้าง ขอบตาแดงเรื่อโดยไม่รู้ตัวที่แท้...นี่ต่างหากคือพ่อแม่แท้ๆ ของนาง!นึกถึงเมื่อแรกนางเคยได้ยินมาว่าสกุลกู้รักใคร่เอ็นดูลูกสาวเพียงคนเดียวมาก ความรุ่งโรจน์ในเวลานั้นทำให้แม่นางในเมืองหลวงมากมายต่างพากันอิจฉาตอนนั้น นางเองก็เคยอิจฉากู้อวิ๋นเวย อย่างไรเสียสำหรับนางแล้ว ยังไม่ต้องพูดว่ารักใคร่เอ็นดูเช่นนี้เลย แม้แต่พี่น้องเองก็ปฏิบัติคล้ายนางเป็นส่วนเกิน“ไม่ ไม่เจ้าค่ะ”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ใบหน้ากลับประดับยิ้มนางเข้าใจ สกุลกู้มิ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 598

    วาจาคมกริบนี้ฉีกหน้าสกุลหลิ่วอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาต่อมาคนภายในงานเข้าใจแล้วก่อนหน้านี้คนที่ยังคิดว่าสกุลหลิ่วพูดมีเหตุผลและน่าสงสารมาก บัดนี้รู้สึกเพียงถูกตบหน้าหนึ่งฉาดด้วยมือที่มองไม่เห็น!อีกฝ่ายเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาที่ใดกัน เห็นชัดว่าพวกเขาหน้าซื่อใจคดอีกทั้งยังเย็นชา ยังไม่ต้องพูดว่าเอาเปรียบสกุลกู้ ยังสามารถแสร้งทำท่าทางเป็นคนดีกล่าวโทษหลิ่วหรูเยียนได้อีกด้วยหากไม่ใช่วันนี้ถูกเปิดโปงโดยบังเอิญ เช่นนั้นน่ากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนก็ต้องถูกตราหน้าว่าทำผิดต่อสกุลหลิ่วและกลายเป็นวัวเป็นม้าเลี้ยงดูตอบแทนบุญคุณไปชั่วชีวิต ถึงขั้นยังถูกด่าว่าทำร้ายคุณหนูสกุลหลิ่วที่แท้จริงอีกด้วย!ภายใต้การใคร่ครวญอย่างละเอียด นี่น่ากลัวมากเพียงใดกัน?“หลิ่วเฟยเยี่ยนและกู้อวิ๋นเวยมีความสัมพันธ์ที่ดีมากมิใช่หรือ? ที่ผ่านมาข้าเคยพบพวกเขามิใช่เพียงครั้งเดียว น่ากลัวว่าพี่สาวน้องสาวคู่นี้นับญาติกันตั้งนานแล้วกระมัง!”“ไม่เพียงแค่นี้! ที่ผ่านมาข้ายังเคยเห็นกู้อวิ๋นเวยเข้าออกสกุลหลิ่วอีกด้วย ตอนนั้นข้าก็คิดว่าแปลก ปกติแล้วกู้อวิ๋นเวยคนนี้ไม่เคยเห็นคนทั่วไปอยู่ในสายตาด้วยฐานะของสกุลหลิ่ว นางน่าจะไม่สนใจ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 597

    “เดิมทียังคิดว่าไม่รู้จะนับญาติยามใดถึงจะเหมาะสม คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นวันแต่งงานของพี่ใหญ่ นี่ก็นับเป็นเรื่องมงคลยิ่งขึ้นไปอีกกระมัง?” ซ่งอี้อันหัวเราะเบาๆซ่งเยี่ยนโจวผลิยิ้ม “ข้าดูแล้วท่านตา ท่านยายและท่านลุงทั้งสองท่านล้วนดีมาก เทียบกับปลิงเหล่านั้นแล้วไม่รู้ดียิ่งกว่ามากเพียงใดท่านแม่นับญาติแล้ว ภายภาคหน้าก็ไม่ต้องถูกสกุลหลิ่วบีบบังคับอีกต่อไป คิดแล้วก็ดีใจยิ่งนัก”แม้พูดว่าเกิดเรื่องเอะอะวุ่นวายในวันแต่งงานหลายครั้ง แต่มองดูผลลัพธ์แล้วเขากลับดีใจมาก คิดว่าชิงอินเองก็ดีใจเฉกเดียวกันซ่งจืออวี้มองสองสามคนที่รู้เรื่องตั้งแต่แรกแล้ว เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกท่านล้วนรู้เรื่องแล้ว มีแค่ข้าไม่รู้?”“อย่าเสียใจไปเลย ข้าเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้นี่แหละ” ซ่งจิ่งเซินเอ่ยปลอบซ่งจืออวี้ “เหตุใดข้าไม่อยากจะเชื่อกันเล่า?”ซ่งอี้อันมองทั้งหมดเงียบๆ พูดว่า “ตอนนั้นอุ้มเด็กผิดตัวไป...น่ากลัวว่าอาจไม่ใช่อุบัติเหตุกระมัง”หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเชื่อว่าอาจอุ้มเด็กผิดไปจริง แต่พวกเขารู้จักอุปนิสัยของสกุลหลิ่วดีมาก ภายใต้สถานการณ์ไม่รู้ว่าลูกของตนอยู่ที่ใด ไฉนเลยจะเลี้ยงดูมารดาให้เติบใหญ่ได้?

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 596

    ทว่า ในเมื่อพวกเขาชอบแสดงละคร เช่นนั้นก็ให้พวกเขาแสดงอีกสักครู่เถอะขณะเดียวกันคนเหล่านั้นยิ่งเชื่อพวกเขามาก รอความจริงถูกเปิดเผยแล้ว คนโกรธแค้นที่สุดก็คือพวกเขาเฉกเดียวกัน นี่ก็คือธรรมชาติของมนุษย์“พอดีเลย ข้าทำนายออกมาได้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของท่านแม่ก็อยู่ในเมืองหลวง ยิ่งไปกว่านั้นยังมาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนี้อีกด้วย!”ชั่วขณะที่เสียงของซ่งรั่วเจินเพิ่งจบลง ดวงตาของทุกคนภายในงานล้วนเผยแววตกใจ จากนั้นกลายเป็นตกตะลึงพรึงเพริด“เมื่อแรกแม่นางซ่งก็ช่วยสวีฮูหยินตามหาลูกสาวที่หายตัวไปนานพบมิใช่หรือ? นางจะต้องทำนายออกมาได้แน่ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของซ่งฮูหยินเป็นใคร!”“คนก็อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้ คงมิได้หมายความว่าอีกฝ่ายคือบ่าวสูงวัยหรือหญิงบ้านนอกหรอกกระมัง?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน ประโยคนี้มีความหมายท่วมท้น ทุกคนย้อนนึกคิดอย่างอดไม่ได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าบ้านใดคลอดลูกในเวลาไล่เรี่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าหลิ่ว อายุฮูหยินของอีกฝ่ายยังห่างจากหลิ่วหรูเยียนไม่มากฮูหยินผู้เฒ่ากู้ได้ยินถ้อยคำนี้แล้ว ดูตกใจเล็กน้อย ความทรงจำในตอนแรกอย่างหนึ่งผุดออกจากสมองนางจำได้ยามตนเองตั้งครรภ์กู้อวิ๋นเวยเคยได้พบฮูหยินผู้เฒ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 595

    ยิ่งคนสกุลหลิ่วนำความจริงออกบิดเบือนเช่นนี้ ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้างหลิ่วหรูเยียนมิใช่บุตรในไส้ ดังนั้นที่สกุลหลิ่วลำเอียงก็นับว่าเข้าใจได้ ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นครอบครัวอื่นแล้ว ความลำเอียงเช่นนี้เรียกได้ว่ามิอาจหลีกเลี่ยงอยู่แล้วแม้จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ยังยากจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้ นับประสาอะไรกับเด็กที่มิใช่สายเลือดเดียวกันหากหลิ่วหรูเยียนเป็นเพียงบุตรของบ่าวรับใช้ เมื่อถูกสับเปลี่ยนให้มาเสวยสุขเป็นคุณหนูในจวน ก็นับว่าโชคมหาศาลหล่นทับนางแล้ว!“หากว่ากันตามนี้ หลิ่วหรูเยียนก็ติดค้างบุญคุณสกุลหลิ่วอยู่เช่นกัน ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยทรัพย์สินมากหน่อยก็เป็นการสมควรแล้ว มิเช่นนั้นจะมีวาสนาได้เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์หรือ?”“บุตรสาวแท้ๆ ของสกุลหลิ่วบัดนี้ก็ไม่รู้ไปอยู่แห่งหนใด ทว่าสกุลหลิ่วรู้ความจริงนี้แล้วยังคงเก็บงำไว้มิยอมปริปาก ก็มิใช่ว่าใจคอกว้างขวางมากแล้วหรือ?”กระแสความคิดเริ่มโน้มเอียงไปอีกทาง คนรอบข้างต่างพูดกันไปต่างๆ นานา บ้างเริ่มเข้าอกเข้าใจถึงความใจคอคับแคบแล้งน้ำใจของสกุลหลิ่วต่งฮูหยินและจางเหวินที่มองดูเหตุการณ์มีหรือจะอดรนทนฟังได้?“หาก

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 594

    “อะไรกัน? ใต้เท้าหลิ่วมิกล้าอย่างนั้นหรือ?” ฉู่จวิ้นถิงกล่าวเสียงขรึมใต้เท้าหลิ่วนิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนมีทีท่าคล้ายหมดเรี่ยวแรงแล้วก็มิปาน พลางหันมองนายหญิงหลิ่วด้วยความจนใจ “ช่างเถิด เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วก็พูดไปเสียเถิด”นายหญิงหลิ่วย่อมไม่อยากที่จะยอมรับความจริง ทว่ากลับรู้ดีว่าไม่อาจเลี่ยงต่อไปได้อีก นางจึงได้แผดเสียงร่ำไห้โหยหวน “ข้าเองก็มิรู้เช่นกันว่สารเลวคนไหนมันสับเปลี่ยนลูกข้าไป!”“หลายปีมานี้ข้าก็เลี้ยงดูหรูเยียนดังบุตรในไส้มาโดยตลอด จนเมื่อไม่นานมานี้จึงเพิ่งได้รู้ว่านางมิใช่บุตรสาวแท้ๆ ของข้า! แต่อย่างไรพระคุณเลี้ยงดูย่อมยิ่งใหญ่กว่าพระคุณให้กำเนิด หรือเพียงเพราะเรื่องเท่านี้ก็ทำให้มิอาจยอมรับข้าผู้นี้เป็นแม่เจ้าแล้ว?” ใต้เท้าหลิ่วเองก็กล่าวด้วยสีหน้าปวดร้าวเช่นกัน “ครานั้น ฮูหยินข้าตั้งครรภ์ลูกถึงสิบเดือนจนคลอดออกมา บัดนี้กลับไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าลูกไปอยู่แห่งหนใด หรือยังจะกล่าวโทษพวกข้าด้วย?”“ที่พวกข้าปิดเอาไว้มิยอมพูด ก็เพราะมิต้องการให้หรูเยียนปฏิบัติห่างเหินต่อพวกข้า มินึกเลยว่า...”ผู้คนได้เห็นสกุลหลิ่วออกปากยอมรับด้วยตนเองเช่นนี้แล้วก็อดทอดถอนใจไม่ได้ เส

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status