“หากท่านกังวลเรื่องฉินเซี่ยงเหิงจริง เหตุใดยามพวกท่านไปขอขมาลาโทษสกุลซ่งเมื่อวาน ฉินซวงซวงจึงมิได้อยู่ด้วยเล่า?”“ทั้งบุตรสาวบุตรเขยต่างรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแต่ยังไม่ไปด้วย หรือพวกท่านไม่คิดว่าน่าสงสัย?”“เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคำแก้ตัวของพวกท่าน!” เหลียงเหยียนกล่าวสุ้มเสียงเกรี้ยวโกรธ“ท่านเป็นแม่ทัพ เดิมควรบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ปวงประชา แต่ท่านกลับสมคบคิดกับหยวนซิงเชายักยอกเงินบรรเทาทุกข์ราษฎร ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์มากมายต้องล้มตาย เจ้าตายเป็นหมื่นครั้งก็ยังไม่พอชดใช้!”ฉินเจิงโกรธจนหน้าดำคล้ำเขียว รู้สึกราวกับโทษทัณฑ์มหันต์ใหญ่ที่ตนไม่ได้ก่อถูกโยนเข้าใส่!“ในเมื่อแม่ทัพฉินไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน เช่นนั้นก็พาตัวลงไปค่อย ๆ ถามค่อย ๆ ซักแล้วกัน!” “นำตัวไป!”ฉู่จวินถิงออกคำสั่งเด็ดขาด ให้พาตัวคนสกุลฉินและสกุลหลินไปด้วยกันทั้งหมด!ฉินเซี่ยงเหิงเห็นฉินซวงซวงกับหลินจือเยว่ถูกพาตัวไป ในใจก็กระวนกระวายขึ้นมา ทว่าเขายังคงไม่ได้สนใจว่าสองคนนั้นจะโดนโทษทัณฑ์เช่นไร ห่วงพะวงเพียงบิดามารดาของตนจะมาช่วยได้เมื่อใดก็เท่านั้นเมื่อวานท่านแม่บอกชัดเจนแล้วว่าวันนี้จะมาช่วยเขาออกไป ศาลาว่าการซุ่นเ
“ที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อท่านพี่ของข้าหรอกหรือ? หากไม่ใช่เพราะตระกูลซ่งคอยบีบคั้นจนข้ากลัวว่าเขาจะสูญเสียตำแหน่งขุนนางไป มีหรือข้าจะเสี่ยงทำเช่นนี้ได้!”ฉินซวงซวงกุมปิดใบหน้าที่ถูกตบ สีหน้าเต็มด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หากไม่ใช่เพราะนางทำเพื่อทุกคน มีหรือจะต้องทำเช่นนี้?“เจ้าไร้ทางเลือกจนยอมเสี่ยง เช่นนั้นก็ช่วยพวกเราแก้ไขปัญหานี้เสียสิ ที่เจ้าทำพวกเราถูกจับขังคุกอยู่เช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินสายตาเคียดแค้น “ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเหยียบย่างเข้าคุกเลยด้วยซ้ำ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลหลินของข้าจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้?”“ข้าว่านะฮูหยินผู้เฒ่าหลิน เรื่องนี้ลูกสาวข้าก็ทำไปด้วยเจตนาดี หากไม่ใช่เพราะตระกูลเจ้าไร้ความสามารถ มีหรือจะต้องให้ลูกสาวข้ามากังวลใจถึงเพียงนี้?จริงอยู่ที่กู้อวิ๋นเวยโกรธฉินซวงซวง ทว่าคนบ้านตนก็หาได้จำเป็นต้องรับผิดชอบไม่ ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่นางมันใช้ได้ที่ไหน?“หากพวกเจ้าไม่มัวแต่เสวยสุข ใช้จ่ายเงินทองโดยฟุ่มเฟือย บัดนี้มีหรือจะมีหนี้สินล้นพ้นตัวเช่นนี้?”“ก่อนนี้ข้าได้ยินมาว่าสองปีมานี้เจ้ากินดีอยู่ดี ในจ
“ท่านแม่ ท่านแม่สามี หยุดตีกันเถิด!”ฉินซวงซวงอดร้อนใจไม่ได้ นางยังอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับจือเยว่ สองตระกูลควรสามัคคีปรองดองกันถึงจะถูกหากปล่อยให้บาดหมางกันต่อไปเช่นนี้ วันนี้สะสางความแค้นเสร็จสิ้น วันหน้าจะคืนดีกันได้อย่างไร?กู้อวิ๋นเวยกับหลินรั่วหลานต่างไม่อาจระงับโทสะได้ ยิ่งฉินซวงซวงพยายามเข้ามาคั่นกลางขวางกั้น ก็ทำให้เส้นผม ใบหน้า และร่างกายของนางเลอะขี้เลนตามไปด้วย ปิดคลุมกระทั่งดวงตาจนแทบมองไม่เห็น!“ท่านพี่ ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมท่านแม่หน่อยเถิด” ฉินซวงซวงรีบร้อนเอ่ยหลินจือเยว่ที่ก่อนนี้เคยรู้ซึ้งมาแล้วว่าขี้เลนเหล่านี้สกปรกเพียงใด กลิ่นเหม็นเน่าบนร่างก็แทบทำให้เขาทานทนไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นครานี้เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ก็ถอยออกห่างโดยสัญชาตญาณ“ท่านแม่ หยุดเถิด”หลินจือเยว่ทำหน้าเคร่ง หันไปทำความเคารพฉินเจิงกับกู้อวิ๋นเวย“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ได้ จือเยว่รู้ดีว่าทำผิดไปไม่น้อย ทว่าอย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเราควรคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้เสียมากกว่า ไม่ใช่มาทะเลาะเบาะแว้งกันเองอยู่เช่นนี้” ฉินเจิงโมหะสุมแน่นเต็มท้อง แม้จะไม่พอใ
สวี่อิ๋งเฉียวได้ยินถ้อยคำนี้ แววตาทอประกายระยับ ดวงตาคู่นั้นกลับแดงเรื่ออย่างไม่รู้ตัว“แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้า ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”ต่งหานโจวเองก็เข้าใจความนัยของถ้อยคำนี้แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาเองก็ยากจะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้“แม่นางซ่ง เจ้าช่างเป็นผู้มีพระคุณของสกุลต่งโดยแท้ ภายภาคหน้ามีเรื่องใดให้พวกเราช่วยเหลือขอให้พูดโดยตรง” “สกุลต่งสามารถทำได้ ไม่มีวันบ่ายเบี่ยงแน่นอน แม้ว่าสกุลต่งทำไม่ได้ ก็จะหาทางทำให้สำเร็จ”ถ้อยคำนี้มีความสำคัญมาก หลิ่วหรูเยียนสงสัยอย่างอดไม่ได้ ลูกสาวของตนเพียงอวยพรหนึ่งประโยค เหตุใดสองคนนี้ถึงกระตือรือร้นเพียงนี้เล่า?“ซ่งฮูหยิน ท่านมีลูกสาวที่ดีคนหนึ่ง ลูกชายเองก็เอาการเอางาน ข้าเชื่อว่าภายภาคหน้าจะต้องดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน” ต่งหานโจวเอ่ยหลิ่วหรูเยียนมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมออกจากศาลาว่าการซุ่นเทียน กลับได้ยินเสียงฉู่จวินถิงดังขึ้นทางด้านหลัง“แม่นางซ่ง ช้าก่อน”ซ่งรั่วเจินหันหน้าก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินเนิบนาบเข้ามาเห็นเพียงเขาสวมชุดสีดำ รูปร่างเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ รัศมีสูงศักดิ์และกล
“เข้าใจแล้ว ตอนนี้ใต้เท้าเหลียงกับใต้เท้าจ้าวไปที่คุกแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะรู้ผล”……ณ จวนสกุลซ่งซ่งรั่วเจินเพิ่งกลับมาก็พบอวิ๋นเนี่ยนชูที่กำลังเร่งรีบออกจากจวน “เนี่ยนชู นี่เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”“รั่วเจิน เจ้ากลับมาแล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจ “เดิมทีวันนี้ข้าอยากมาคุยเล่นกับเจ้า ใครคิดเล่าว่าเจ้าจะไปศาลาว่าการซุ่นเทียน ข้ากำลังจะไปหาเจ้าน่ะ”“เจ้าเล่าให้ข้าฟังทีสิ วันนี้ศาลาว่าการซุ่นเทียนสอบสวนคดีของฉินเซี่ยงเหิงแล้วใช่หรือไม่? มีความคืบหน้าไหม?”ซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “ไม่มี”“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องใหญ่โตเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรศาลาว่าการซุ่นเทียนก็สมควรมอบคำชี้แจงให้พวกเจ้า ไม่สามารถไม่สนใจไยดีเช่นนี้ได้หรอกกระมัง?”“วันนี้เกิดเรื่องกับสกุลฉินและสกุลหลิน เกรงว่าไม่มีเวลามาใส่ใจฉินเซี่ยงเหิงแล้ว”อวิ๋นเนี่ยนชูเบิกตากว้าง “เกิดเรื่องอันใดกับสกุลฉินรึ?”ซ่งรั่วเจินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด อวิ๋นเนี่ยนชูเพียงรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่รู้ว่าสมควรพูดอย่างไร“ฉินซวงซวงใจกล้าเกินไปแล้ว ถึงขั้นกล้าละโมบแม้แต่เงินพรรค์นี้
“ข้ามีอันใดให้กังวลกัน? ข้ากับญาติผู้พี่รู้จักกันมานานหลายปี เขารู้อุปนิสัยของข้าตั้งแต่แรกแล้ว” “ส่วนคนภายนอกจะมองข้าอย่างไร ข้าคร้านจะใส่ใจ เป็นเช่นนี้ดียิ่งนัก ประเดี๋ยวตระกูลอื่นมาสู่ขอตระกูลข้าอีก ข้าจะบ่ายเบี่ยงก็ยากแล้ว”อวิ๋นเนี่ยนชูรื่นเริงใจมาก ถึงขั้นไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ“รั่วเจิน บัดนี้ข้าไม่แน่ใจความคิดของญาติผู้พี่แล้ว เจ้าเองก็รู้ว่าครั้งก่อนที่ข้ากลับไปเยี่ยมญาติ ก็เมามายจนสารภาพความในใจออกไป” “ทว่าเขาไม่ตอบกลับเลยแม้แต่น้อย คล้ายไม่เคยเห็นข้าเป็นสตรีมาก่อน ทั้งๆ ที่เขาดีต่อข้ามาโดยตลอด” “ข้าไม่เชื่อหรอกว่านั่นเป็นเพียงการปฏิบัติต่อน้องสาวเท่านั้น”อวิ๋นเนี่ยนชูถอนหายใจหนักๆ ท่าทางคล้ายแม่นางน้อยที่กำลังมีปัญหาด้านความรัก“หากเจ้าอยากรู้ หาโอกาสลองดูก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับอวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าประหลาดใจ “ลองอย่างไร?”“หากภายในใจเขามีเจ้า ย่อมไม่อาจทนเห็นเจ้าอยู่กับคุณชายผู้อื่นได้ หากเขาไม่มีท่าทีตอบสนองต่อเรื่องนี้ ก็หมายความว่าไม่มีความรู้สึกระหว่างชายหญิง”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก ในหนังสืออวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่ได้แสดงออกอะไรมาโดยตลอดไม่ว่
ซ่งรั่วเจินรู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมาอย่างสุดระงับ ก่อนฝานซืออิ๋งจากไปก็ทะเลาะกับท่านแม่ไปแล้วรอบหนึ่ง นำเงินจากห้องบัญชีไปก็ไม่น้อยเมื่อนั้นเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ เดิมทีภายในบ้านก็วุ่นวายอยู่แล้ว ท่านแม่เองก็ไม่มีใจอยากทะเลาะเช่นเดียวกัน นางอยากไปก็ไปเถอะ ขอเพียงไม่หย่าร้างกับพี่ใหญ่ ทำให้พี่ใหญ่คิดไม่ตกก็พอแล้วในระยะที่ผ่านมานี้ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง อีกทั้งยังไม่เคยถามถึงอาการของพี่ใหญ่“เงินเล็กน้อยเท่านั้นจะใช้พอได้อย่างไร?”ฝานซืออิ๋งนับตั๋วเงินในมือ “ข้าได้ยินมาว่าซ่งรั่วเจินไปจวนโหวเพียงสองปี ถึงขั้นใช้จ่ายเงินมากเพียงนั้น!” “นางเป็นเพียงบุตรสาวคนหนึ่ง บุตรสาวแต่งออกไปก็คือน้ำที่สาดออกไปแล้ว นี่ยังสามารถหักใจได้ เช่นนั้นพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นบุตรสายตรง หรือว่าเบี้ยหวัดรายเดือนยังเทียบนางไม่ได้อีกกระนั้นรึ?”“ดูท่าแล้วพี่สะใภ้ใหญ่คงไม่พอใจข้ามากกระมัง?”ซ่งรั่วเจินเดินออกมา สายตาเย็นชาจับจ้องฝานซืออิ๋งที่อยู่ตรงหน้าในหนังสือฝานซืออิ๋งเป็นหญิงใจดำคนหนึ่ง ในบ้านยังมีน้องชายนักพนันอยู่คนหนึ่ง หลังแต่งกับซ่งเยี่ยนโจวก็หาเรื่องทะเลาะโวยวายจนอยู่ไม่เป็นสุขแท้จริงแล้ว
มองใบหน้าละโมบของฝานซืออิ๋ง ซ่งรั่วเจินแค่นหัวเราะเสียงเย็น “พี่สะใภ้ใหญ่กลับบ้านมารดาไปพักเดียว สมองก็เลอะเลือนไปหมดแล้ว เริ่มฝันแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ เลยกระนั้นหรือ?”“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เยี่ยนโจวเป็นทายาทสายตรงของสกุลซ่ง ข้าเป็นสะใภ้ใหญ่ บัดนี้แม่สามีสุขภาพไม่แข็งแรง ข้าเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือมีอันใดไม่เหมาะสม?”ฝานซืออิ๋งถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินปราดหนึ่ง คิดว่ามารดาพูดได้ถูกต้อง อุบายกลับบ้านมารดาใช้มากไป สกุลซ่งก็ไม่ใส่ใจแล้วทีแรกคิดว่ากลับบ้านมารดาครั้งนี้ พวกเขาจะมาขอร้องให้ตนเองกลับไปโดยเร็ว ใครคาดคิดว่าผ่านมาหลายวันเพียงนี้ อย่าพูดว่าส่งคนไปรับนางกลับมาเลย แม้แต่ส่งคนไปถามไถ่ก็ไม่มีนางทำได้เพียงกลับมาด้วยตนเองอย่างจนใจบัดนี้คิดดูแล้ว มีเพียงอาศัยโอกาสนี้ยึดครองอำนาจดูแลบ้าน สกุลซ่งถึงจะเชื่อฟังนาง!“ท่านแม่สุขภาพดีมาก ไม่ต้องให้ท่านช่วย” ซ่งรั่วเจินพูดเสียงเรียบ“สุขภาพของท่านแม่เป็นเช่นไร ข้ารู้ดียิ่งนัก มิหนำซ้ำแต่ไหนแต่ไรมาท่านแม่ก็ไม่เชี่ยวชาญด้านการค้า หาไม่แล้วก็คงไม่ยกให้เจ้า”ฝานซืออิ๋งคล้ายรู้เรื่องทั้งหมดเหมือนตาเห็น “ระยะนี้ข้าเองก็เรียนรู้อยู่ที่บ้านไ
ฉู่อวิ๋นกุยและสี่พี่น้องสกุลซ่งสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล แต่ไหนแต่ไรมาฉู่อ๋องไม่ใช่คนปากไม่มีหูรูด ยิ่งไม่มีวันโจมตีองค์ชายสี่ร่างกายอ่อนแอโดยไร้สาเหตุในเมื่อเขาทำถึงเพียงนี้ ก็หมายความว่าเขาไม่ชอบเหลียงอ๋องเพราะเหตุนี้ ซ่งรั่วเจินจึงสังเกตเห็นว่าไม่ว่าอวิ๋นอ๋องหรือพี่ชายของตนก็ล้วนมีท่าทีเปลี่ยนไปในเวลาเพียงชั่วพริบตาฉู่เทียนเช่อเกิดความสงสัย หรือว่าฉู่อ๋องและเหลียงอ๋องมีความขัดแย้งใดที่เขาไม่รู้?“น้องสี่ ก่อนหน้านี้ข้ารู้เพียงว่าไม่ว่าโยนลูกศรลงไหหรือโยนห่วงเจ้าก็ล้วนแม่นยำทั้งสิ้น ในเมื่อวันนี้มาแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราได้ประจักษ์ต่อสายตาสักหน่อย”ฉู่เทียนเช่อยังแย้มยิ้มดังเดิม หยิบห่วงทางด้านข้างวางไว้ในมือฉู่ซิ่นเหลียงเขาไม่สนใจหรอกว่าระหว่างทั้งสองคนมีความขัดแย้งกันหรือไม่ หากว่ามี นั่นก็ดีอย่างไม่ต้องสงสัย!“เช่นนั้นข้าจะลองดู”ฉู่ซิ่นเหลียงพยักหน้ายิ้มๆ สายตาสะท้อนแสงเย็นชาวูบหนึ่ง ครุ่นคิดภายในใจตกลงเขาปกปิดที่ใดไม่ดีถึงถูกฉู่อ๋องสังเกตเห็น?ทุกคนเห็นเหลียงอ๋องผู้อ่อนแอยกห่วงขึ้น มองแจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลๆ วัดระยะครู่หนึ่งแล้วโยนออกไปได้เห็นห่วงนั้นสั่นไหวเล็กน้อยบ
ชั่วขณะฉู่จวินถิงได้เห็นเหลียงอ๋อง นัยน์ตาไร้คลื่นอารมณ์สะท้อนแสงเย็นวูบหนึ่งซ่งรั่วเจินสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉู่จวินถิง ลอบตกตะลึงภายในใจ ใช่หรือไม่ว่าเขาพบอะไรเข้าแล้ว?ภายในหนังสือ ทีแรกไม่มีใครสังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ทะเยอทะยานของเหลียงอ๋อง เขาลอบวางอุบายอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด รับชมองค์ชายท่านอื่นกัดกันเหมือนสุนัขด้วยสายตาเย็นชาอยู่วงนอกและได้รับผลปะโยชน์ไปในตอนสุดท้ายกอปรกับเดิมทีหลินจือเยว่และฉินซวงซวงก็มีรัศมีของพระเอกนางเอก เพียงสองคนลงมือก็ไม่มีเรื่องใดไม่สามารถจัดการได้ทว่า บัดนี้หลินจือเยว่และฉินซวงซวงไร้ประโยชน์ไปแล้ว คาดว่าเหลียงอ๋องต้องการทำถึงขั้นนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องยากกระมัง“ขอบคุณน้องหกมากที่ห่วงใย ระยะนี้ร่างกายข้าดีขึ้นบ้างแล้ว” เหลียงอ๋องผลิยิ้ม กลับไอออกมาสองทีโดยไม่รู้ตัว“เสด็จพี่ แม้ว่าระยะนี้อากาศอุ่นแล้ว แต่ท่านจะต้องรักษาสุขภาพให้ดี อย่าต้องความเย็นเป็นอันขาด ช่วงต้นวสันต์อากาศเย็นมากนัก เป็นหวัดได้ง่ายที่สุด” ฉู่มู่เหยาพูดอย่างห่วงใยฉู่เทียนเช่อมองสถานการณ์ของโยนลูกศรลงไหและพูดว่า “น้องสาม หากวันนี้เจ้าต้องการคว้าชัยชนะ น่ากลัวว่าไม่ง่ายถ
บัดนี้ได้เห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง ก็อยากจะมอบสิ่งที่นางชอบทั้งหมดมาวางไว้ต่อหน้านาง“เสด็จพี่ มองเห็นแจกันดอกไม้อยู่ไกลที่สุดทางด้านหน้านั้นหรือไม่? ขอเพียงโยนลงเจ้านั่น ก็จะสามารถคว้าชัยชนะการแข่งขันโยนห่วงได้!”ฉู่อวิ๋นกุยชี้แจกันดอกไม้ที่อยู่ไกลที่สุด รอบข้างแจกันดอกไม้ล้วนเต็มไปด้วยห่วงที่คล้องเพียงความว่างเปล่า ตอนนี้ยังไม่มีคนโยนลงซ่งรั่วเจินเพ่งพินิจเล็กน้อย พบว่าแจกันดอกไม้ไม่เพียงแต่สูง ขนาดของปากแจกันยังแตกต่างจากห่วงไม่มากอีกด้วย คิดจะโยนให้ลงนั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก!“งานเทศกาลโคมไฟของทุกปี การโยนห่วงนี้ยากที่สุด ข้าแทบจะไม่เคยเห็นคนโยนลงมาก่อน” ฉู่อวิ๋นกุยพูดอย่างเสียดายลั่วชิงอินเห็นแจกันดอกไม้ใหญ่ถึงเพียงนั้น ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “เยี่ยนโจว การโยนห่วงนี้ยากเกินไปแล้วกระมัง มีคนโยนลงจริงหรือ?”“ยากจริงนั่นล่ะ แทบจะไม่มีใครสามารถโยนลงได้ จะต้องแม่นยำมากถึงจะใช้ได้ ต่อให้เป็นข้าก็ยากจะทำได้”ซ่งเยี่ยนโจวพยักหน้า แต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีคนชื่นชมวิชายุทธ์ของเขา แต่บัดนี้ได้เห็นแจกันดอกไม้ขนาดเท่าห่วง รู้สึกเพียงว่าความยากนั้นมากเกินไป ดูท่าแล้วไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนส
ฉู่มู่เหยาเบิกตากว้าง เผยสีหน้าตกตะลึง นางคิดว่าซ่งจิงเซินได้สติแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะสูญเสียความทรงจำไป?“ข้ายังไม่แต่งงานเพราะคิดถึงเจ้า?” ซ่งจิ่งเซินถูกประโยคนี้ทำให้โมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว “เจ้าวางใจได้ ข้าจะต้องแต่งงานแน่ เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันแต่งกับเจ้า”“เจ้าและชวีคั่วสมควรเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง ข้าชี้แนะเจ้าให้รีบแต่งงาน ประเดี๋ยวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน”เคอหยวนจื่อโมโหแทบแย่ “ท่านยังไม่ยอมรับ!”ฉู่มู่เหยาปิดปากหัวเราะ ลดเสียงให้เบาลง “คุณชายสี่ซ่ง เหตุใดเจ้ายังไม่ยอมแต่งงานเล่า? คงไม่ใช่ว่ากำลังรอเคอหยวนจื่อจริงๆ หรอกกระมัง?”ซ่งจิ่งเซินผินมองนางแวบหนึ่ง “องค์หญิง ท่านสนใจเรื่องงานแต่งของกระหม่อมทั้งวี่ทั้งวันเช่นนี้ไปทำไม? คงไม่ใช่...”ฉู่มู่เหยาเห็นสีหน้าหยอกเย้าของฝ่ายชาย สีหน้าแข็งทื่อไป “อะไรกันเล่า? ข้าไม่ได้สนใจงานแต่งของเจ้าเสียหน่อย”“ไม่ใช่ก็ดี” ซ่งจิ่งเซินถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง “หาไม่แล้วองค์หญิงดีๆ คนหนึ่งคิดอยากเป็นแม่สื่อ นั่นจะดีได้อย่างไร?”ฉู่มู่เหยา “???”“พี่สะใภ้ ข้าทนไม่ไหวแล้ว เขาถึงขั้นพูดว่าข้าอยากเป็นแม่สื่อ เจ้ารีบหาทางอุดปากเขาเถอ
ตอนนั้นเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตในพิธีล่าสัตว์ ต่อให้ผ่านไปนานแล้ว ทุกคนก็ยังจำได้ดังเดิม“ซ่งจิ่งเซิน แม่นางเคอท่านนั้นของเจ้าถูกตีน่าสารยิ่งนัก เจ้าไม่ไปช่วยหรือ?”ฉู่มู่เหยากะพริบตามองซ่งจิ่งเซิน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม ระยะนี้ซ่งจิ่งเซินมักได้เห็นเรื่องตลกของนาง วันนี้นับว่าถึงตานางหยอกล้อซ่งจิ่งเซินแล้วซ่งจิ่งเซินเหล่มองนาง “พูดเช่นนี้แล้ว วันนี้คุณชายเสิ่นท่านนั้นของท่านเองก็อาจจะมาเช่นกัน มิสู้ลองหาดู?”ฉู่มู่เหยา “...หุบปากเจ้าเสีย”ซ่งจิ่งเซินเห็นรอยยิ้มฉู่มู่เหยาหายวับไปในทันใด หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “ก็แค่หนังหน้านี้ของท่าน ยังคิดล้อกระหม่อมเล่นอีกหรือ? กลับไปฝึกดีๆ เถอะ”ฉู่มู่เหยา “! ! !”กู้ฮวนเอ๋อร์และซ่งรั่วเจินเห็นท่าทางทะเลาะกันของสองคนนี้ สบตากันแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันช่างครึกครื้นเสียจริง“ที่นี่เอะอะเกินไปแล้ว พวกเราไปโยนห่วงทางนั้นเถอะ!” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยปาก หันมองทางกู้ฮวนเอ๋อร์อีกครั้ง “อีกเดี๋ยวเจ้าชอบสิ่งใดก็บอกข้า ข้าจะช่วยเอามาให้เจ้า!”กู้ฮวนเอ๋อร์พยักหน้าลงด้วยความดีใจ จนกระทั่งตอนนี้ นางถึงเชื่อว่าอวิ๋นอ๋องชอบนางจริงๆ และยอมคบหากับน
ถังเสวี่ยหนิงย่อมไม่ยอมแพ้ เคอหยวนจื่อคนนี้มีดีอะไร ไม่ว่ามองอย่างไรซ่งจิ่งเซินก็ดีกว่านางมากนักไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดถึงตาบอด ไปชอบผู้หญิงคนนี้ได้!ต้องรู้ว่าเมื่อแรกเคอหยวนจื่อร่ำรวยยิ่งกว่าบุตรีจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างนางเสียอีก บัดนี้เห็นนางตกต่ำถึงขั้นนี้ นางกลับรู้สึกมีความสุขภายในใจ“มิน่าเล่าพวกเจ้าสองคนถึงสามารถเป็นสหายกันได้ ได้ยินมาว่าเสิ่นหวยอันทำได้กระทั่งทำลายชื่อเสียงขององค์หญิงเพื่อให้ได้เป็นราชบุตรเขย”“พวกเจ้ามีเวลาพูดไร้สาระอยู่ที่นี่ มิสู้ดูให้ดี องค์หญิงมู่เหยาและซ่งจิ่งเซินอยู่ด้วยกันแล้วเหมาะสมกันมากเพียงใด!”ต่อจากคำพูดของถังเสวี่ยหนิงที่เพิ่งจบลง สายตาของพวกเคอหยวนจื่อสองคนก็หันมองไปอย่างอดไม่ได้ มองเห็นฉู่มู่เหยาและซ่งจิ่งเซินกำลังพูดคุยหัวเราะให้กัน สนิทสนมกันไม่ธรรมดา“พวกเขาสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ตั้งแต่ยามใด?”เคอหยวนจื่อโง่งมแล้ว มองทางซ่งปี้อวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ซ่งปี้อวิ๋นพูดว่าองค์หญิงและเสิ่นหวยอันมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ซ่งปี้อวิ๋นจึงอารมณ์ไม่ดีนี่มันเรื่องอะไรกัน?ซ่งปี้อวิ๋นเองก็ตกใจอย่างสุดระงับ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า
“ทว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าเคยได้ยินข่าวหมั้นหมายของทั้งสองคนหรือไม่?” ถังเสวี่ยหนิงถามกลับเถียนเจียวเจียวนี่ถึงวางใจลง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสื้อผ้าหนึ่งชุดไม่นับเป็นอะไร ตอนนั้นซ่งจิ่งเซินนำของดีมากมายมามอบให้เคอหยวนจื่อ แต่สุดท้ายเจ้าดูเถอะ ยังไม่ใช่พูดว่าไม่เอาก็ไม่เอาแล้วหรอกหรือ?”ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเบาๆ พวกเขาย่อมได้ยินสถานการณ์ของเคอหยวนจื่อมาก่อน“พวกเจ้ากำลังว่าข้าหรือ?”เคอหยวนจื่อและซ่งปี้อวิ๋นยืนอยู่ด้วยกัน วันนี้ครึกครื้นอย่างมาก ทั้งสองคนย่อมไม่พลาดไป กอปรกับฉู่อ๋องโยนลูกศรลงไห ไม่รู้ว่าเรียกความสนใจของคนมากี่มากน้อย ดังนั้นพวกนางสองคนก็มารับชมความครึกครื้นเฉกเดียวกันคิดไม่ถึงเลยว่ายังไม่ทันได้เห็นสถานการณ์อย่างชัดเจน ก็ได้ยินสองคนนี้นินทาตนเอง สีหน้าเคอหยวนจื่อเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์ถังเสวี่ยหนิงและเถียนเจียวเจียวเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าขณะกำลังนินทาคนก็จะบังเอิญได้พบเจ้าตัว ใบหน้าเผยแววเก้อกระดาก แต่กลับมาเป็นปกติอย่างว่องไวชาติกำเนิดของเคอหยวนจื่อยังไม่เพียงพอให้พวกนางชายตาแล!“ว่าเจ้าแล้วจะทำไมเล่า? หรือว่าไม่ใช่ความจริง?” เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน
ซ่งรั่วเจินเห็นฉู่จวินถิงท่ามกลางกลุ่มคน เขาคล้ายเกิดมาเป็นตัวเอก รัศมีเปล่งประกายเหนือผู้อื่น ท่วงท่าสง่างามดุจหยก ทำให้คนยากจะเมินข้ามได้เทียบกับท่าทางเย็นชาในอดีต เขาในวันนี้มีรัศมีของชายหนุ่มมากหลายส่วนมองเห็นเขาคว้าชัยชนะครั้งแรกไปได้ ชั่วขณะหันใบหน้าประดับยิ้มมามองนาง หัวใจของนางเองก็ถูกทำให้หวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หัวใจเต้นเร็วยิ่งขึ้น“องค์ชาย นี่คือรางวัลคว้าชัยชนะโยนลูกศรลงไหของท่าน”ฝ่ายชายยื่นพู่สีแดงหนึ่งพวงมาให้อย่างเคารพนบนอบฉู่จวินถิงรับพู่ไป เดินมาหยุดต่อหน้าซ่งรั่วเจินด้วยท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามยามสบมองนางอ่อนโยนเป็นพิเศษ“เก็บไว้ให้ดี ข้าจะไปคว้าชัยชนะกลับมาให้มากๆ”ซ่งรั่วเจินมองพู่แดงในมือของตน แม้ว่าเป็นเพียงของรางวัลของผู้ชนะ กลับทำได้งดงามประณีตมาก ถักหัวใจสีแดงอย่างซับซ้อนห้อยเหรียญเอาไว้ ต่อให้นำมาเป็นเครื่องประดับก็งดงามไม่น้อยสำคัญที่สุดคือ...เสียงเปี่ยมความมั่นใจ คล้ายสามีไปหาเงินกลับมาได้และมอบให้ฮูหยินจัดการแม่นางรอบข้างได้เห็นภาพนี้ ภายในสายตาเปี่ยมความอิจฉา ใครสามารถคิดออกเล่าว่าฉู่อ๋องผู้สูงส่งและเย็นชาจะมีวันที่อ่อนโยนต่อแม่นาง
ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินทางด้านข้าง ลดเสียงให้เบาลง “ข้าจะคว้าชัยชนะกลับมาให้เจ้าให้ได้”ทุกคนล้วนเห็นว่าฉู่อ๋องคิดจะโยนลูกศรลงไหจริง ภายในสายตาเปี่ยมความตกตะลึงพรึงเพริด นี่ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรือ!ภายในกลุ่มคน ถังเสวี่ยหนิงเองก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้แล้ว มองเห็นฉู่อ๋องพาซ่งรั่วเจินออกมาเปิดเผยในฐานะคนรัก ภายในสายตาเปี่ยมความแค้นเคือง“ข้าดูแล้วฉู่อ๋องไม่ได้ชอบแม่นางซ่งลึกซึ้งมากมายอะไร หากชอบถึงเพียงนั้น ป่านนี้คงแต่งงานรับคนกลับไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวไม่ใช่หรือ?”เถียนเจียวเจียวเผยสีหน้าเย้ยหยัน นางเองก็ริษยาซ่งรั่วเจิน ถือสิทธิ์อะไรสตรีคนนี้วาสนาดีถึงเพียงนี้!ทว่าเห็นฉู่อ๋องกลับมาแล้ว ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน นางรู้สึกมีความสุขไม่น้อยภายในใจบัดนี้เห็นซ่งอี้อันแสดงความสามารถในราชสำนักได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ บิดาของนางชื่นชมเป็นครั้งคราว มารดาเองก็เสียดายที่นางไม่สามารถแต่งกับซ่งอี้อันได้ หาไม่แล้วบัดนี้จะต้องกลายเป็นที่อิจฉาของทุกคนแน่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษซ่งรั่วเจิน!“ไม่มีความเคลื่อนไหวจริงนั่นแหละ แต่ข้าได้ยินว่าฉู่อ๋องคล้ายมีเจตนาสู่ข