“ข้ามีอันใดให้กังวลกัน? ข้ากับญาติผู้พี่รู้จักกันมานานหลายปี เขารู้อุปนิสัยของข้าตั้งแต่แรกแล้ว” “ส่วนคนภายนอกจะมองข้าอย่างไร ข้าคร้านจะใส่ใจ เป็นเช่นนี้ดียิ่งนัก ประเดี๋ยวตระกูลอื่นมาสู่ขอตระกูลข้าอีก ข้าจะบ่ายเบี่ยงก็ยากแล้ว”อวิ๋นเนี่ยนชูรื่นเริงใจมาก ถึงขั้นไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ“รั่วเจิน บัดนี้ข้าไม่แน่ใจความคิดของญาติผู้พี่แล้ว เจ้าเองก็รู้ว่าครั้งก่อนที่ข้ากลับไปเยี่ยมญาติ ก็เมามายจนสารภาพความในใจออกไป” “ทว่าเขาไม่ตอบกลับเลยแม้แต่น้อย คล้ายไม่เคยเห็นข้าเป็นสตรีมาก่อน ทั้งๆ ที่เขาดีต่อข้ามาโดยตลอด” “ข้าไม่เชื่อหรอกว่านั่นเป็นเพียงการปฏิบัติต่อน้องสาวเท่านั้น”อวิ๋นเนี่ยนชูถอนหายใจหนักๆ ท่าทางคล้ายแม่นางน้อยที่กำลังมีปัญหาด้านความรัก“หากเจ้าอยากรู้ หาโอกาสลองดูก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับอวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าประหลาดใจ “ลองอย่างไร?”“หากภายในใจเขามีเจ้า ย่อมไม่อาจทนเห็นเจ้าอยู่กับคุณชายผู้อื่นได้ หากเขาไม่มีท่าทีตอบสนองต่อเรื่องนี้ ก็หมายความว่าไม่มีความรู้สึกระหว่างชายหญิง”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก ในหนังสืออวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่ได้แสดงออกอะไรมาโดยตลอดไม่ว่
ซ่งรั่วเจินรู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมาอย่างสุดระงับ ก่อนฝานซืออิ๋งจากไปก็ทะเลาะกับท่านแม่ไปแล้วรอบหนึ่ง นำเงินจากห้องบัญชีไปก็ไม่น้อยเมื่อนั้นเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ เดิมทีภายในบ้านก็วุ่นวายอยู่แล้ว ท่านแม่เองก็ไม่มีใจอยากทะเลาะเช่นเดียวกัน นางอยากไปก็ไปเถอะ ขอเพียงไม่หย่าร้างกับพี่ใหญ่ ทำให้พี่ใหญ่คิดไม่ตกก็พอแล้วในระยะที่ผ่านมานี้ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง อีกทั้งยังไม่เคยถามถึงอาการของพี่ใหญ่“เงินเล็กน้อยเท่านั้นจะใช้พอได้อย่างไร?”ฝานซืออิ๋งนับตั๋วเงินในมือ “ข้าได้ยินมาว่าซ่งรั่วเจินไปจวนโหวเพียงสองปี ถึงขั้นใช้จ่ายเงินมากเพียงนั้น!” “นางเป็นเพียงบุตรสาวคนหนึ่ง บุตรสาวแต่งออกไปก็คือน้ำที่สาดออกไปแล้ว นี่ยังสามารถหักใจได้ เช่นนั้นพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นบุตรสายตรง หรือว่าเบี้ยหวัดรายเดือนยังเทียบนางไม่ได้อีกกระนั้นรึ?”“ดูท่าแล้วพี่สะใภ้ใหญ่คงไม่พอใจข้ามากกระมัง?”ซ่งรั่วเจินเดินออกมา สายตาเย็นชาจับจ้องฝานซืออิ๋งที่อยู่ตรงหน้าในหนังสือฝานซืออิ๋งเป็นหญิงใจดำคนหนึ่ง ในบ้านยังมีน้องชายนักพนันอยู่คนหนึ่ง หลังแต่งกับซ่งเยี่ยนโจวก็หาเรื่องทะเลาะโวยวายจนอยู่ไม่เป็นสุขแท้จริงแล้ว
มองใบหน้าละโมบของฝานซืออิ๋ง ซ่งรั่วเจินแค่นหัวเราะเสียงเย็น “พี่สะใภ้ใหญ่กลับบ้านมารดาไปพักเดียว สมองก็เลอะเลือนไปหมดแล้ว เริ่มฝันแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ เลยกระนั้นหรือ?”“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เยี่ยนโจวเป็นทายาทสายตรงของสกุลซ่ง ข้าเป็นสะใภ้ใหญ่ บัดนี้แม่สามีสุขภาพไม่แข็งแรง ข้าเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือมีอันใดไม่เหมาะสม?”ฝานซืออิ๋งถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินปราดหนึ่ง คิดว่ามารดาพูดได้ถูกต้อง อุบายกลับบ้านมารดาใช้มากไป สกุลซ่งก็ไม่ใส่ใจแล้วทีแรกคิดว่ากลับบ้านมารดาครั้งนี้ พวกเขาจะมาขอร้องให้ตนเองกลับไปโดยเร็ว ใครคาดคิดว่าผ่านมาหลายวันเพียงนี้ อย่าพูดว่าส่งคนไปรับนางกลับมาเลย แม้แต่ส่งคนไปถามไถ่ก็ไม่มีนางทำได้เพียงกลับมาด้วยตนเองอย่างจนใจบัดนี้คิดดูแล้ว มีเพียงอาศัยโอกาสนี้ยึดครองอำนาจดูแลบ้าน สกุลซ่งถึงจะเชื่อฟังนาง!“ท่านแม่สุขภาพดีมาก ไม่ต้องให้ท่านช่วย” ซ่งรั่วเจินพูดเสียงเรียบ“สุขภาพของท่านแม่เป็นเช่นไร ข้ารู้ดียิ่งนัก มิหนำซ้ำแต่ไหนแต่ไรมาท่านแม่ก็ไม่เชี่ยวชาญด้านการค้า หาไม่แล้วก็คงไม่ยกให้เจ้า”ฝานซืออิ๋งคล้ายรู้เรื่องทั้งหมดเหมือนตาเห็น “ระยะนี้ข้าเองก็เรียนรู้อยู่ที่บ้านไ
ส่วนฝานเซี่ยงหรงของตระกูลฝานนั้น ในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันว่าเขาเป็นคนมักมากในกามทั้งยังเป็นผีพนัน หมกตัวอยู่แต่ในหอคณิกาและบ่อนพนัน มักคบหาแต่เพื่อนเกลอที่ไม่น่าไว้วางใจบรรดาหญิงสาวในเมืองหลวงต่างพากันหลีกเลี่ยงเขา ด้วยกลัวว่าจะต้องเข้าไปพัวพันด้วย เช่นนั้นแล้วคงไม่แคล้วชีวิตต้องพังทลาย!“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลฝานช่วงนี้คิดจะหาคู่ให้ฝานเซี่ยงหรง แต่ชื่อเสียงของเขาในเมืองหลวงนั้นเสื่อมเสียไปนานแล้ว พอจะสู่ขอก็ถูกปฏิเสธอยู่ร่ำไป ทำเอาตระกูลฝานเดือดดาลกันอยู่มาก”“ฝานเซี่ยงหรงผู้นี้เป็นคนไม่เอาไหน เดิมก็หาเจ้าสาวที่เหมาะสมไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อหลายวันก่อนก็หนีไปเล่นพนันจนเป็นหนี้สินท่วมหัว”“แล้วเจ้าพี่สะใภ้ของเจ้ากลับคิดจะจับคู่ให้เจ้าอีกหรือ นี่มันไม่ต่างอะไรจากการผลักเจ้าลงกองไฟเลยนะ!”อวิ๋นเนี่ยนชูดึงมือของซ่งรั่วเจินไว้ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล กว่าจะหลุดพ้นจากการถอนหมั้นกับชายชั่วได้สำเร็จ ไม่คิดเลยว่าพี่สะใภ้ในบ้านจะยังวางแผนทำร้ายนางอยู่อีก น่าโมโหนัก!“ข้าเข้าใจดี” ซ่งรั่วเจินตบหลังมือของอวิ๋นเนี่ยนชูเบา ๆ “นางคิดจะผลักข้าเข้ากองไฟ ก็ต้องดูเสียก่อนว่าข้าจะยอมหรือไม่ ยิ่งไปกว่า
“ข้าเพิ่งแต่งงานกับเยี่ยนโจว เขาก็ทิ้งข้าไปออกรบเสียแล้ว สองปีมานี้ข้าก็อยู่ที่จวนคอยทำหน้าที่กตัญญูต่อท่านแม่แทนเขา ไม่เคยปริปากบ่นแม้แต่น้อย” “ข้าอาจจะพลั้งปากไปบ้าง แต่ในใจข้านั้นก็รู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกัน...”ฝานซืออิ๋งน้ำตาคลอด้วยความเศร้า ทว่าภายในใจกลับเต็มไปด้วยความลำพองใจ เพราะนางรู้ว่าแม่สามีอ่อนโยนเสมอ เมื่อใดที่นางร้องไห้ แม่สามีก็มักไม่เอ่ยตำหนิอีก“ท่านกตัญญูอะไรหรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “อยู่ในจวนตลอดมาก็มีเพียงสาวใช้กับแม่นมคอยรับใช้ท่าน ท่านเคยทำกับข้าวให้ท่านแม่สักมื้อหรือส่งเสื้อผ้าให้สักชิ้นหรือไม่?”“ต่อมากระทั่งการไปคำนับท่านแม่ทุกเช้าก็ยังเลี่ยงแล้ว ท่านยังมีหน้ามากล้าพูดว่ากตัญญูอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินไม่คิดจะไว้หน้าแม้แต่น้อย ครอบครัวของเจ้าของร่างเดิมถูกช่วงชิงวาสนาและต้องพบเจอแต่เรื่องแปลกประหลาด บัดนี้เมื่อนางมาแล้ว นางไม่มีทางยอมให้ฝานซืออิ๋งทำตัวได้คืบจะเอาศอกอีกต่อไปฝานซืออิ๋งถึงกับยืนอึ้ง เหตุใดซ่งรั่วเจินถึงได้เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้? เดิมทีนางเป็นคนที่จัดการได้ง่ายมาก หรือว่าหลังจากถูกถอนหมั้นแล้ว ซ่งรั่วเจินจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจน
“พี่สะใภ้บอกให้ข้าแต่งงานกับฝานเซี่ยงหรงเจ้าค่ะ” ซ่งรั่วเจินกล่าวขึ้น“เหลวไหล!” หลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าเขียวคล้ำ อารมณ์ที่เดิมทีอดกลั้นไว้ก็ปะทุขึ้นทันที“เจ้ากำลังจะผลักรั่วเจินให้เข้าไปในกองไฟ!” “ข้าเคยได้ยินเจ้าพูดเรื่องที่ว่า ‘ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดทิ้งไป’ แต่รั่วเจินคือลูกสาวของข้า ต่อให้นางแต่งงานออกไปแล้ว นางก็ยังคงเป็นลูกสาวของข้าตลอดไป เป็นคนของตระกูลซ่ง!”“ยิ่งไปกว่านั้น นางยังไม่ได้แต่งงาน เจ้าพูดเช่นนี้มีเจตนาอันใดกันแน่?”เฉียนชิวเซียงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่พอใจทันที “ซ่งฮูหยิน ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ไยการแต่งงานกับบุตรชายข้าถึงเปรียบเสมือนผลักนางเข้ากองไฟ?”“พวกท่านรู้ดีอยู่แก่ใจ คงไม่จำเป็นต้องให้ข้าต้องพูดชัดเจนกระมัง” หลิ่วหรูเยียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางคร้านจะหันมองฝานเซี่ยงหรง เจ้าคนไม่ได้เรื่องผู้นี้ ตระกูลฝานยังกล้าคิดว่านางจะไม่รู้ว่าฝานซืออิ๋งเอาเงินไปทำอะไรในทุกครั้งหรือ?“บุตรชายของข้าอาจจะมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่รั่วเจินเองก็อายุไม่น้อยแล้ว อีกทั้งยังถูกถอนหมั้น เห็นทีว่าในเมืองหลวงเช่นนี้ย่อมยากท
“เหตุใดจึงจะชอบนางไม่ได้เล่า? รั่วเจินทั้งกิริยามารยาทงาม มีความรู้ งดงามทั้งกายและใจ เพียงแค่เสียเวลาล่าช้าไปสองปี เรื่องถอนหมั้นก็ไม่ใช่ความผิดของนางเสียหน่อย!”“ในเมืองหลวงนี้ยังมีบัณฑิตตาดีอีกมาก และฮูหยินที่เข้าใจเรื่องราวอย่างถ่องแท้ก็มีไม่ใช่น้อย เรื่องแต่งงานของนาง ไม่ต้องให้พวกท่านมากังวล!”หลิ่วหรูเยียนถือว่าซ่งรั่วเจินเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นางจะไม่ยอมให้มีใครมาใส่ร้ายบุตรสาวแม้เพียงคำเดียว“พวกท่านพูดจาดูถูกบุตรสาวข้ากันปาว ๆ เช่นนี้ อย่าได้เอาคำว่าญาติมาอ้างอีกต่อไปเลย ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกท่าน เชิญออกไปเถิด ข้าไม่ส่ง”ซ่งจืออวี้กับซ่งรั่วเจินสบตากัน ทั้งสองต่างรู้สึกประหลาดใจมารดาของพวกเขาแต่เดิมเป็นคนอ่อนโยนเสมอ ครั้งก่อนยังถูกเฉียนชิวเซียงกลั่นแกล้งไม่น้อย แต่วันนี้กลับแสดงความเด็ดขาดอย่างน่าทึ่ง!“ท่าน... ท่านกำลังไล่พวกเราออกไปหรือ?” เฉียนชิวเซียงเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ“บุตรสาวข้าแต่งงานเข้าบ้านพวกท่าน ข้าก็ถือเป็นแขก แต่ตระกูลซ่งผู้สูงศักดิ์กลับไร้ซึ่งมารยาทขั้นพื้นฐาน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงไม่พ้นจะกลายเป็นเรื่องขบขันของผู้คน!”เฉียนชิวเซียงคิดว่าเมื่อพู
ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ต่างพากันทำความเคารพ แต่ในใจยังคงสงสัยว่าเหตุใดสององค์ชายถึงมาเยือนในวันนี้?“บุกเข้าบ้านคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ดูท่าญาติฝ่ายสะใภ้ตระกูลนี้คงไม่ใช่คนดีเท่าไรกระมัง?”ฉู่จวินถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา สองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาได้ทำความเข้าใจตระกูลซ่งมากขึ้น และรู้ว่าตระกูลฝานไม่ใช่ญาติฝ่ายสะใภ้ที่ดีนัก คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มาเห็นพวกเขาสร้างปัญหาให้กับตระกูลซ่งเฉียนชิวเซียงตัวสั่นด้วยความกลัว เหงื่อเย็นไหลพรั่งพรู “ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันเป็นคนพูดตรงไปตรงมา คำพูดอาจฟังไม่ไพเราะ แต่หามีเจตนาร้ายไม่เพคะ!”ฝานซืออิ๋งเมื่อเห็นท่านอ๋องทั้งสองมา นางก็คิดในใจว่าพวกเขาคงมาเยี่ยมเยี่ยนโจวเป็นแน่ บิดาของเยี่ยนโจวก็ไม่อยู่แล้ว คนอื่น ๆ ในตระกูลก็ไม่มีความสัมพันธ์กับท่านอ๋องทั้งสองแม้แต่น้อย เช่นนั้นก็มีเพียงความเป็นไปได้เดียว!เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็ยิ้มอย่างยินดี จัดแต่งผมของตนเองแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องคงมาเยี่ยมเยี่ยนโจวใช่หรือไม่เพคะ? เขาอยู่ในจวน หม่อมฉันเป็นฮูหยินของเขา ให้หม่อมฉันพาท่านอ๋องเข้าไปเถิดเพคะ”“เชิญด้านในเพคะ”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่าง
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต