“เหตุใดจึงจะชอบนางไม่ได้เล่า? รั่วเจินทั้งกิริยามารยาทงาม มีความรู้ งดงามทั้งกายและใจ เพียงแค่เสียเวลาล่าช้าไปสองปี เรื่องถอนหมั้นก็ไม่ใช่ความผิดของนางเสียหน่อย!”“ในเมืองหลวงนี้ยังมีบัณฑิตตาดีอีกมาก และฮูหยินที่เข้าใจเรื่องราวอย่างถ่องแท้ก็มีไม่ใช่น้อย เรื่องแต่งงานของนาง ไม่ต้องให้พวกท่านมากังวล!”หลิ่วหรูเยียนถือว่าซ่งรั่วเจินเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นางจะไม่ยอมให้มีใครมาใส่ร้ายบุตรสาวแม้เพียงคำเดียว“พวกท่านพูดจาดูถูกบุตรสาวข้ากันปาว ๆ เช่นนี้ อย่าได้เอาคำว่าญาติมาอ้างอีกต่อไปเลย ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกท่าน เชิญออกไปเถิด ข้าไม่ส่ง”ซ่งจืออวี้กับซ่งรั่วเจินสบตากัน ทั้งสองต่างรู้สึกประหลาดใจมารดาของพวกเขาแต่เดิมเป็นคนอ่อนโยนเสมอ ครั้งก่อนยังถูกเฉียนชิวเซียงกลั่นแกล้งไม่น้อย แต่วันนี้กลับแสดงความเด็ดขาดอย่างน่าทึ่ง!“ท่าน... ท่านกำลังไล่พวกเราออกไปหรือ?” เฉียนชิวเซียงเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ“บุตรสาวข้าแต่งงานเข้าบ้านพวกท่าน ข้าก็ถือเป็นแขก แต่ตระกูลซ่งผู้สูงศักดิ์กลับไร้ซึ่งมารยาทขั้นพื้นฐาน หากเรื่องนี้แพร่ออกไป คงไม่พ้นจะกลายเป็นเรื่องขบขันของผู้คน!”เฉียนชิวเซียงคิดว่าเมื่อพู
ซ่งรั่วเจินและคนอื่น ๆ ต่างพากันทำความเคารพ แต่ในใจยังคงสงสัยว่าเหตุใดสององค์ชายถึงมาเยือนในวันนี้?“บุกเข้าบ้านคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ดูท่าญาติฝ่ายสะใภ้ตระกูลนี้คงไม่ใช่คนดีเท่าไรกระมัง?”ฉู่จวินถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา สองสามวันที่ผ่านมานี้ เขาได้ทำความเข้าใจตระกูลซ่งมากขึ้น และรู้ว่าตระกูลฝานไม่ใช่ญาติฝ่ายสะใภ้ที่ดีนัก คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มาเห็นพวกเขาสร้างปัญหาให้กับตระกูลซ่งเฉียนชิวเซียงตัวสั่นด้วยความกลัว เหงื่อเย็นไหลพรั่งพรู “ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้วเพคะ หม่อมฉันเป็นคนพูดตรงไปตรงมา คำพูดอาจฟังไม่ไพเราะ แต่หามีเจตนาร้ายไม่เพคะ!”ฝานซืออิ๋งเมื่อเห็นท่านอ๋องทั้งสองมา นางก็คิดในใจว่าพวกเขาคงมาเยี่ยมเยี่ยนโจวเป็นแน่ บิดาของเยี่ยนโจวก็ไม่อยู่แล้ว คนอื่น ๆ ในตระกูลก็ไม่มีความสัมพันธ์กับท่านอ๋องทั้งสองแม้แต่น้อย เช่นนั้นก็มีเพียงความเป็นไปได้เดียว!เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางก็ยิ้มอย่างยินดี จัดแต่งผมของตนเองแล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋องคงมาเยี่ยมเยี่ยนโจวใช่หรือไม่เพคะ? เขาอยู่ในจวน หม่อมฉันเป็นฮูหยินของเขา ให้หม่อมฉันพาท่านอ๋องเข้าไปเถิดเพคะ”“เชิญด้านในเพคะ”ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่าง
“มีเรื่องอันใดที่ท่านแม่กับน้องชายข้าฟังไม่ได้หรือ? พวกเขาอุตส่าห์มาส่งข้า แต่กลับไม่มีแม้แต่น้ำชาให้ดื่ม แล้วจะให้พวกเขากลับไปได้อย่างไร?”ฝานซืออิ๋งเอ่ยอย่างไม่พอใจ ในใจนางรู้สึกว่าเมื่อก่อนทุกคนในตระกูลซ่งปฏิบัติต่อนางด้วยความสุภาพ แต่ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนจะเปลี่ยนท่าทีไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะแม่สามีกับซ่งรั่วเจิน ต่างก็เริ่มตำหนินางแล้ว!ดูท่าว่าในช่วงเวลาที่นางออกจากจวนไป คงมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น นางจะต้องรีบยึดสิทธิ์ในการดูแลจวนให้ได้โดยเร็ว!ซ่งเยี่ยนโจวมองไปยังเฉียนชิวเซียงกับฝานเซี่ยงหรง “หากพวกท่านไม่กลับ เช่นนั้นก็ไปด้วยกัน”“ไปก็ไป ข้ากลัวว่าท่านจะรังแกพี่หญิงของข้า!”ฝานเซี่ยงหรงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับพี่หญิงเพื่อให้ดึงเงินจากตระกูลซ่งมาช่วยใช้หนี้พนัน หากไม่รีบชำระหนี้โดยเร็ว เจ้าหนี้พวกนั้นจะต้องตัดมือเขาเป็นแน่!“พี่ใหญ่ คนพวกนี้ไม่ประสงค์ดี!”ซ่งอี้อันมองไปที่ซ่งเยี่ยนโจวด้วยความกังวล เพราะทุกคนต่างเห็นแล้วว่าครอบครัวของฝานซืออิ๋งช่างไร้เหตุผลสิ้นดี แม้กระทั่งมารดาของพวกเขาซึ่งเป็นคนอ่อนโยนก็ยังอดไม่ได้ที่จะโต้กลับพี่ชายต้องเผชิญหน้า
“คาดไม่ถึงว่าเช้านี้ไท่เฟย[1]จะมีพระราชเสาวนีย์มารับรองให้กับฉินซวงซวง ตรัสว่าจะขอรับประกันในความซื่อสัตย์ของนาง และยืนยันว่านางไม่มีทางสมคบกับขุนนางทุจริต”“ไท่เฟยหรือ?”ซ่งรั่วเจินชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาฉายแววประหลาดใจ ก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเป็นไท่เฟยพระองค์ใดไท่เฟยที่ยังทรงอิทธิพลมาถึงในยามนี้ ก็คงมีเพียงกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานในสมัยฮ่องเต้พระองค์ก่อน นั่นก็คือเซียวไท่เฟยนางจำได้ว่าในนิยายเคยพูดถึงเรื่องนี้ ฉินซวงซวงหลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่ นางได้ไปหาหลินจือเยว่เพื่อจะได้อยู่กับเขาให้เร็วขึ้น พร้อมกันนั้นก็เริ่มวางแผนสำหรับตัวเองการช่วยชีวิตเซียวไท่เฟยเป็นหนึ่งในแผนการที่นางวางไว้ มีบุญคุณช่วยชีวิตครั้งนี้ เปรียบเสมือนการได้รับป้ายทองละเว้นโทษตายและบัดนี้ป้ายทองละเว้นโทษตายนั้นก็ถูกนำมาใช้แล้ว“ในวังหลัง เซียวไท่เฟยมีฐานะสูงส่ง และตระกูลเซียวก็มีอิทธิพลไม่น้อยในราชสำนัก บัดนี้ไท่เฟยออกตัวรับรองให้ตระกูลฉิน อีกทั้งนอกจากเรื่องขุดสมบัติก็ไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่เกี่ยวโยงระหว่างตระกูลฉินหรือตระกูลหลินกับหยวนซิงเชา เกรงว่าเรื่องนี้จะ...”ฉู่จวินถิงมองด้วยสายตาล้ำลึก เรื่องนี้เป
“หากเกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาคงไม่ดีแน่”ฉู่อวิ๋นกุยกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้ฉู่จวินถิง ทำท่าทีราวกับจะบอกว่า ‘ข้ากำลังหวังดีต่อท่านอยู่นะ’เสด็จพี่สามของเขาคงไม่รู้ถึงเสน่ห์ของตนเอง ปกติแค่ยืนเฉย ๆ ก็มีหญิงสาวมากมายตามล้อมหน้าล้อมหลังไม่รู้กี่มากน้อย ยิ่งการมาพูดคุยอย่างกระตือรือร้นถึงบ้านของผู้อื่นเช่นนี้ ยิ่งง่ายที่จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดไม่ใช่หรือ?เขาคิดว่าซ่งรั่วเจินเป็นสตรีที่ดี นางเคยถูกหลินจือเยว่หลอกมาก็น่าเวทนาอยู่แล้ว หากต้องมาพัวพันกับเสด็จพี่สามของเขาอีก เขาก็คงไม่อาจทนดูได้ซ่งรั่วเจินชะงักเล็กน้อย เมื่อนึกถึงตอนที่นางอ่านนิยายมาก่อนหน้านี้ ฉู่จวินถิงเป็นท่านอ๋องผู้โดดเดี่ยวที่ไม่มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักเลยไม่แน่ใจว่าเขาปราศจากอารมณ์ความรู้สึกโดยธรรมชาติ หรืออาจเพราะไม่ได้ชอบสตรีแม้ในขณะที่ฉินซวงซวงกับหลินจือเยว่มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง แต่ชะตาชีวิตของเขาก็ยังไม่มีวี่แววของความรัก บางทีแสงจันทร์ขาวที่เย็นชาอย่างเขาอาจเป็นดั่งดวงจันทร์ที่อยู่ห่างไกลบนฟากฟ้าจนไม่มีใครเอื้อมถึงนางเองก็ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นเลย อีกทั้งนางได้เป็นศัตรูกับพระเอกและนางเอกของโลกนี้แ
ตลอดสองปีที่ผ่านมา ตระกูลฝานมักจะมาขอเงินอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งพวกเขาจะแสร้งทำเป็นยากจนและร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารจนสุดท้ายมารดาก็ต้องยอมให้เงินไป เพราะพวกเขาอ้อนวอนและร้องไห้ไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังเห็นแก่หน้าพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยแต่ครั้งนี้ท่าทีของตระกูลฝานดูต่างจากครั้งก่อน ๆ มาก คงเพราะพวกเขาคิดว่าซ่งเยี่ยนโจวบาดเจ็บหนัก จึงถือโอกาสคิดว่าตนเหนือกว่า และสามารถควบคุมพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์“ท่านพี่ เซี่ยงหรงเป็นน้องชายแท้ ๆ ของข้า ข้าแต่งงานกับท่านมาได้สองปีแล้ว อยู่เงียบ ๆ อย่างเรียบร้อยโดยที่ห้องหอเงียบเหงา หรือท่านไม่มีความรู้สึกผิดบ้างเลยหรือ?”“ไม่มี!”ดวงตาของซ่งเยี่ยนโจวฉายแววเย็นชาออกมา เฉียนชิวเซียงเมื่อเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงกับแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ไม่เห็นลูกสาวของนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ไหนเลยจะอดกลั้นความโกรธเอาไว้ได้อีก?“เยี่ยนโจว เจ้าควรมีจิตใจที่ยุติธรรมบ้าง!”“ตอนที่เราส่งลูกสาวให้แต่งงานกับเจ้า เพราะชื่นชมในตัวเจ้า และมั่นใจว่าเจ้าจะดูแลนางได้เป็นอย่างดี”“แต่บัดนี้ นางรอเจ้าอยู่ถึงสองปีเต็ม หลังจากเจ้ากลับมาแล้วก็มาพูดจาเย็นชาและไร้หัวใจเช่นนี้ เจ้าตอบแทนความภ
ตอนที่ซ่งรั่วเจินมาถึง นางก็ได้ยินบทสนทนาที่ดังออกมาจากด้านใน คิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อย นางยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่พวกเขากลับพูดถึงเรื่องหย่าร้างกันแล้วหรือ?“ท่านแม่ อย่าเสียใจไปเลยเจ้าค่ะ”ซ่งรั่วเจินเห็นหลิ่วหรูเยียนน้ำตาคลอเบ้า จึงกอดแขนของนางเพื่อปลอบโยน นางรู้ว่ามารดาของตนต้องทนทุกข์มากเพียงใดในช่วงสองปีที่ผ่านมา“แม่ไม่เป็นไร” หลิ่วหรูเยียนเช็ดน้ำตาที่หางตา “เจ้าคิดว่าพี่ใหญ่ของเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่?”“ตอนแรกก็หมั้นหมายกับตระกูลลั่วแล้วแท้ๆ ข้ารู้ดีว่าเขามีใจให้แม่นางตระกูลลั่ว แต่กลับถอนหมั้นไปเสียเฉย ๆ แล้วเลือกที่จะแต่งกับซืออิ๋งแทน”“ข้าเคยคิดว่าเขาชอบนางจริงจึงตามใจนาง แต่ตอนนี้เพิ่งกลับมาไม่นานก็พูดเรื่องหย่าร้างเสียแล้ว นี่มันเพราะอะไรกัน?”ซ่งรั่วเจินครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ในอดีต ตอนที่ซ่งเยี่ยนโจวถูกใส่ร้าย แต่เพื่อไม่ให้ท่านพ่อท่านแม่กังวล เขากลับไม่เคยพูดอะไรออกมา แม้ทั้งครอบครัวจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมารดาของนางเชื่อเสมอมาว่าเป็นเพราะเขารักฝานซืออิ๋งจริง จึงดูแลนางอย่างดีตลอดสองปีที่ผ่านมาหากมารดารู้ความจริง เกรงว่านางคงจะเกลียดชังตระกูลฝานอย่างมาก
ฝานซืออิ๋งยืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ สมองทำงานไม่ทัน แค่นี้ก็ตอบตกลงแล้วหรือ?ซ่งเยี่ยนโจวตอบตกลงได้อย่างไร?“ท่าน...ท่านต้องคิดให้ดีนะ หากวันนี้ท่านหย่ากับข้า วันหน้าก็อย่าหวังว่าจะขอให้ข้ากลับมาคืนดีได้อีก!” ฝานซืออิ๋งเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธซ่งเยี่ยนโจวหลุดหัวเราะออกมา เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดฝานซืออิ๋งจึงมีความมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ตอนนั้นหลังได้รู้ว่าตนเองถูกวางหลุมพราง เขาก็เกลียดชังสตรีผู้นี้จนสุดหัวใจ แต่ยอมตกลงแต่งงานด้วยเพราะไม่ต้องการทำให้ครอบครัวเดือดร้อนเขาตัดสินใจเด็ดขาดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ชีวิตนี้ยังจะพูดถึงจิตใจตรงกันผูกสมัครรักใคร่อันใดอีก?ภักดีต่อฮ่องเต้ ทดแทนคุณแผ่นดิน และปกป้องคนในครอบครัวได้ก็พอแล้วนอกเหนือจากนี้ไม่คาดหวังสิ่งใดทั้งนั้นแต่เขากลับทำไม่ได้เลยสักอย่าง ซ้ำร้ายสองปีมานี้ยังทำให้มารดาหนักใจ ทำให้น้องชายน้องสาวต้องเผชิญปัญหามากมายเมื่อซ่งจืออวี้ส่งพู่กันมาให้ ซ่งเยี่ยนโจวก็ตวัดพู่กันเขียนหนังสือหย่าทันทีลายมือคมกริบต่อเนื่องลื่นไหลราวกับว่าปรารถนาจะเขียนมานานแล้ว เพียงแต่เพิ่งมาได้เขียนเอาตอนนี้จนกระทั่งซ่งเยี่ยนโจวลงนามและประทับนิ้วมื
“พูดจาเหลวไหลอะไร? พวกเขาล้วนพูดความจริง!” ถังเสวี่ยหนิงรีบตอบโต้กลับ“เจ้ามีหลักฐานอะไรว่าพวกเขาพูดความจริง?” ซ่งรั่วเจินถามกลับ “ล้วนอาศัยปากพูดทั้งนั้นมิใช่หรือ? ข้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นพวกเจ้าซื้อตัวพวกเขามาปรักปรำข้า!”ถังเสวี่ยหนิงรู้สึกเหลือเชื่อ “พวกเขาล้วนพูดความจริงต่อหน้าแล้ว เจ้ายังปฏิเสธไม่ยอมรับ ไร้ยางอายเกินไปแล้วกระมัง!”“หาสองสามคนออกมาตั้งใจปรักปรำข้า นี่ง่ายดายเกินไปแล้วกระมัง!”ซ่งรั่วเจินเผยสีหน้าเยาะหยัน เลื่อนสายตาหันมองทางคนโกหกเหล่านั้น สายตาคมกริบ“ข้าขอเตือนพวกเจ้า วันนี้ฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินคืนความยุติธรรม มิใช่สถานที่ให้พวกเจ้าพูดจาเหลวไหลได้!”“หากเป็นไปตามที่พวกเจ้าพูดจริง ยืนกรานป้ายความผิดให้ข้า พวกเจ้าเองก็หนีไม่พ้น ทั้งหมดล้วนต้องเข้าคุกหลวง!”“ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าให้คิดให้ดี ถึงตอนนั้นเข้าคุกแล้วอย่าได้นึกเสียใจภายหลัง!”ได้ยินดังนั้น สายตาอวิ๋นจู๋สะท้อนแววตกตะลึง “เข้าคุกหลวง?”พวกเขาถึงขั้นต้องเข้าคุกหลวง?“ย่อมต้องเข้าคุกหลวง ต่อให้น้องหญิงของข้าเป็นผู้สั่งการ แต่คนลงมือคือพวกเจ้า พวกเจ้าคิดว่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้หรือ?” ซ่งอี้อันพูดเสียงเ
สีหน้าเหอเซียงหนิงกระตือรือร้น มองถังเสวี่ยหนิงเป็นผู้มีพระคุณของตนเดิมทีซ่งจืออวี้ยังตื่นเต้น น้องหญิงของตนทำอะไร คนอื่นอาจไม่รู้ แต่เขารู้ดีอยู่เต็มอกคืนวันนั้นทั้งๆ ที่เหอเซียงหนิงวางอุบายทำร้ายน้องหญิงตน ต้องการลักพาตัวน้องหญิงไปที่ตรอกหย่งอัน โชคดีน้องหญิงมีความสามารถ ทำลายแผนของพวกเขาหาไม่แล้ว บัดนี้คนถูกทำลายก็คือน้องหญิง!บัดนี้เหอเซียงหนิงแว้งกัด เขาเองก็กังวลพวกคนที่ถูกส่งออกไปสองสามคนนั้นจะถูกพากลับมาได้ แต่เมื่อได้เห็นว่าใบหน้าเหล่านั้นมิใช่สองสามคนก่อนหน้านี้ กลับสงบใจลงไม่น้อยแล้ว“คุณหนู นั่นไม่ใช่อวิ๋นจู๋หรือ?”เฉินเซียงเห็นหนึ่งในชายกลุ่มนั้น สีหน้าเปลี่ยนไป ภายในสายตาเปี่ยมโทสะระคนความรู้สึกเหลือเชื่อ“ไอ้คนเนรคุณ ที่ผ่านมาคุณหนูดีต่อเขาไม่เลว เขาถึงขั้นถูกพวกเขาซื้อไว้มาทำร้ายท่าน!”ซ่งรั่วเจินเองก็จำหนึ่งในชายเหล่านั้นได้แล้ว เป็นบ่าวรับใช้ภายในเรือนนางก่อนหน้านี้ เมื่อหลายวันก่อนพูดว่ามารดาที่บ้านตายไป นางยังมอบเงินให้หนึ่งก้อนเพื่อให้เขากลับไปจัดการงานศพดีๆใครคาดคิดเล่าว่าจะเป็นคนเนรคุณคนหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ของเหอเซียงหนิงแล้ว?
เห็นว่าอุบายเล็กๆ ถูกเปิดโปงแล้ว ถังเสวี่ยหนิงก็ไม่สามารถเก็บอารมณ์บนสีหน้าได้อีกนางประเมินซ่งรั่วเจินต่ำเกินไปแล้ว!ทำเรื่องต่ำช้าถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังถูกเปิดโปงต่อหน้าธารกำนัล แต่กลับไม่ว้าวุ่น ชนิดที่ว่ายังเกิดความคิดหาข้อผิดพลาดของนางอีกด้วยมิน่าเล่าอายุมากแล้วอีกทั้งยังถอนหมั้น แต่ยังสามารถยั่วยวนฉู่อ๋องได้ เพียงวิธีการนี้ สตรีทั่วไปล้วนไม่ใช่คู่ต่อของนาง“ความคิดเจ้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ทำลายเหอเซียงหนิงเพราะแค้นส่วนตัว ข้าก็แค่อยากเปิดเผยต่อหน้าทุกคนเท่านั้น นี่มีอะไรผิดกัน?”“สำหรับคนไร้เมตตาอย่างเจ้าคนนี้ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ข้าก็แค่อยากทวงความบริสุทธิ์ให้เหอเซียงหนิงเท่านั้น!”ถังเสวี่ยหนิงพูดอย่างองอาจมีคุณธรรม ราวกับวีรสตรีผู้มุ่งมั่นเพื่อปวงประชาอย่างแท้จริง หวังเพียงจับคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายเท่านั้นวันนี้มีนางอยู่ ซ่งรั่วเจินอย่าได้คิดพลิกสถานการณ์กลับมาได้เลย!ครู่ต่อมา นางเลื่อนสายตามองทางเหอเซียงหนิง “เซียงหนิง เอาพยานของเจ้าออกมาเถอะ!”เหอเซียงหนิงกังวลใจ นางไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดว่ายังมีฮองเฮาเป็นผู้ตัดสินหากจั
ซ่งอี้อันเอ่ยปากเสียงเย็น “หากน้องหญิงห้าของข้าถูกพวกเจ้าปรักปรำจนคิดไม่ตกฆ่าตัวตายไป หรือว่าทุกท่านที่นี่มิใช่มือสังหารกันเล่า?”“ไม่มีหลักฐาน อาศัยเพียงปากของนางก็ปรักปรำความผิดแล้ว นี่น่าขันเกินไปแล้ว!”เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมา ทุกคนที่ด่าว่าซ่งรั่วเจินก็เงียบปากลงในทันใด ไม่กล้าตั้งข้อสันนิษฐานส่งเดชอีกซ่งรั่วเจินมองทางพี่รองของตนอย่างแปลกใจ สมเป็นผู้มีพรสวรรค์ของจอหงวน เพียงเปิดปากก็ได้ผลลัพธ์ไม่ธรรมดา“แม่นางถัง เจ้าจงใจพาเหอเซียงหนิงมาพูดเช่นนี้ น่าจะมีหลักฐานกระมัง?”“มิสู้นำออกมาเสียเลย หาไม่แล้วเพื่อปรักปรำข้าจึงแต่งเรื่องออกมาเช่นนี้ แต่ไหนแต่ไรมาบนโลกนี้ไม่ใช่ใครร้องไห้คนนั้นก็มีเหตุผลหรอกนะ”“ข้าและคุณชายสวีบริสุทธิ์ใจต่อกัน เหอเซียงหนิงคิดว่าข้าและนางเป็นศัตรูหัวใจกัน แต่ในสายตาข้า เดิมทีข้าและนางก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้เป็นปรปักษ์กัน ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องหึงหวง”“ขอถามหน่อยเถิด...เหตุใดข้าต้องทำร้ายนางถึงเพียงนี้ด้วยเล่า? คงมิใช่พูดหน้าซื่อตาใส ก็สามารถตั้งข้อหากล่าวโทษข้าได้หรอกกระมัง?”ดวงตาคู่งามดำดุจหมึกของซ่งรั่วเจินจับจ้องถังเสวี่ยหนิง ดวงหน้างดงามขาวนวลไม่มีควา
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต