“ที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อท่านพี่ของข้าหรอกหรือ? หากไม่ใช่เพราะตระกูลซ่งคอยบีบคั้นจนข้ากลัวว่าเขาจะสูญเสียตำแหน่งขุนนางไป มีหรือข้าจะเสี่ยงทำเช่นนี้ได้!”ฉินซวงซวงกุมปิดใบหน้าที่ถูกตบ สีหน้าเต็มด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หากไม่ใช่เพราะนางทำเพื่อทุกคน มีหรือจะต้องทำเช่นนี้?“เจ้าไร้ทางเลือกจนยอมเสี่ยง เช่นนั้นก็ช่วยพวกเราแก้ไขปัญหานี้เสียสิ ที่เจ้าทำพวกเราถูกจับขังคุกอยู่เช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินสายตาเคียดแค้น “ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเหยียบย่างเข้าคุกเลยด้วยซ้ำ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลหลินของข้าจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้?”“ข้าว่านะฮูหยินผู้เฒ่าหลิน เรื่องนี้ลูกสาวข้าก็ทำไปด้วยเจตนาดี หากไม่ใช่เพราะตระกูลเจ้าไร้ความสามารถ มีหรือจะต้องให้ลูกสาวข้ามากังวลใจถึงเพียงนี้?จริงอยู่ที่กู้อวิ๋นเวยโกรธฉินซวงซวง ทว่าคนบ้านตนก็หาได้จำเป็นต้องรับผิดชอบไม่ ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่นางมันใช้ได้ที่ไหน?“หากพวกเจ้าไม่มัวแต่เสวยสุข ใช้จ่ายเงินทองโดยฟุ่มเฟือย บัดนี้มีหรือจะมีหนี้สินล้นพ้นตัวเช่นนี้?”“ก่อนนี้ข้าได้ยินมาว่าสองปีมานี้เจ้ากินดีอยู่ดี ในจ
“ท่านแม่ ท่านแม่สามี หยุดตีกันเถิด!”ฉินซวงซวงอดร้อนใจไม่ได้ นางยังอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับจือเยว่ สองตระกูลควรสามัคคีปรองดองกันถึงจะถูกหากปล่อยให้บาดหมางกันต่อไปเช่นนี้ วันนี้สะสางความแค้นเสร็จสิ้น วันหน้าจะคืนดีกันได้อย่างไร?กู้อวิ๋นเวยกับหลินรั่วหลานต่างไม่อาจระงับโทสะได้ ยิ่งฉินซวงซวงพยายามเข้ามาคั่นกลางขวางกั้น ก็ทำให้เส้นผม ใบหน้า และร่างกายของนางเลอะขี้เลนตามไปด้วย ปิดคลุมกระทั่งดวงตาจนแทบมองไม่เห็น!“ท่านพี่ ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมท่านแม่หน่อยเถิด” ฉินซวงซวงรีบร้อนเอ่ยหลินจือเยว่ที่ก่อนนี้เคยรู้ซึ้งมาแล้วว่าขี้เลนเหล่านี้สกปรกเพียงใด กลิ่นเหม็นเน่าบนร่างก็แทบทำให้เขาทานทนไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นครานี้เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ก็ถอยออกห่างโดยสัญชาตญาณ“ท่านแม่ หยุดเถิด”หลินจือเยว่ทำหน้าเคร่ง หันไปทำความเคารพฉินเจิงกับกู้อวิ๋นเวย“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ได้ จือเยว่รู้ดีว่าทำผิดไปไม่น้อย ทว่าอย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเราควรคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้เสียมากกว่า ไม่ใช่มาทะเลาะเบาะแว้งกันเองอยู่เช่นนี้” ฉินเจิงโมหะสุมแน่นเต็มท้อง แม้จะไม่พอใ
สวี่อิ๋งเฉียวได้ยินถ้อยคำนี้ แววตาทอประกายระยับ ดวงตาคู่นั้นกลับแดงเรื่ออย่างไม่รู้ตัว“แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้า ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”ต่งหานโจวเองก็เข้าใจความนัยของถ้อยคำนี้แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาเองก็ยากจะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้“แม่นางซ่ง เจ้าช่างเป็นผู้มีพระคุณของสกุลต่งโดยแท้ ภายภาคหน้ามีเรื่องใดให้พวกเราช่วยเหลือขอให้พูดโดยตรง” “สกุลต่งสามารถทำได้ ไม่มีวันบ่ายเบี่ยงแน่นอน แม้ว่าสกุลต่งทำไม่ได้ ก็จะหาทางทำให้สำเร็จ”ถ้อยคำนี้มีความสำคัญมาก หลิ่วหรูเยียนสงสัยอย่างอดไม่ได้ ลูกสาวของตนเพียงอวยพรหนึ่งประโยค เหตุใดสองคนนี้ถึงกระตือรือร้นเพียงนี้เล่า?“ซ่งฮูหยิน ท่านมีลูกสาวที่ดีคนหนึ่ง ลูกชายเองก็เอาการเอางาน ข้าเชื่อว่าภายภาคหน้าจะต้องดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน” ต่งหานโจวเอ่ยหลิ่วหรูเยียนมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมออกจากศาลาว่าการซุ่นเทียน กลับได้ยินเสียงฉู่จวินถิงดังขึ้นทางด้านหลัง“แม่นางซ่ง ช้าก่อน”ซ่งรั่วเจินหันหน้าก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินเนิบนาบเข้ามาเห็นเพียงเขาสวมชุดสีดำ รูปร่างเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ รัศมีสูงศักดิ์และกล
“เข้าใจแล้ว ตอนนี้ใต้เท้าเหลียงกับใต้เท้าจ้าวไปที่คุกแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะรู้ผล”……ณ จวนสกุลซ่งซ่งรั่วเจินเพิ่งกลับมาก็พบอวิ๋นเนี่ยนชูที่กำลังเร่งรีบออกจากจวน “เนี่ยนชู นี่เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”“รั่วเจิน เจ้ากลับมาแล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจ “เดิมทีวันนี้ข้าอยากมาคุยเล่นกับเจ้า ใครคิดเล่าว่าเจ้าจะไปศาลาว่าการซุ่นเทียน ข้ากำลังจะไปหาเจ้าน่ะ”“เจ้าเล่าให้ข้าฟังทีสิ วันนี้ศาลาว่าการซุ่นเทียนสอบสวนคดีของฉินเซี่ยงเหิงแล้วใช่หรือไม่? มีความคืบหน้าไหม?”ซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “ไม่มี”“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องใหญ่โตเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรศาลาว่าการซุ่นเทียนก็สมควรมอบคำชี้แจงให้พวกเจ้า ไม่สามารถไม่สนใจไยดีเช่นนี้ได้หรอกกระมัง?”“วันนี้เกิดเรื่องกับสกุลฉินและสกุลหลิน เกรงว่าไม่มีเวลามาใส่ใจฉินเซี่ยงเหิงแล้ว”อวิ๋นเนี่ยนชูเบิกตากว้าง “เกิดเรื่องอันใดกับสกุลฉินรึ?”ซ่งรั่วเจินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด อวิ๋นเนี่ยนชูเพียงรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่รู้ว่าสมควรพูดอย่างไร“ฉินซวงซวงใจกล้าเกินไปแล้ว ถึงขั้นกล้าละโมบแม้แต่เงินพรรค์นี้
“ข้ามีอันใดให้กังวลกัน? ข้ากับญาติผู้พี่รู้จักกันมานานหลายปี เขารู้อุปนิสัยของข้าตั้งแต่แรกแล้ว” “ส่วนคนภายนอกจะมองข้าอย่างไร ข้าคร้านจะใส่ใจ เป็นเช่นนี้ดียิ่งนัก ประเดี๋ยวตระกูลอื่นมาสู่ขอตระกูลข้าอีก ข้าจะบ่ายเบี่ยงก็ยากแล้ว”อวิ๋นเนี่ยนชูรื่นเริงใจมาก ถึงขั้นไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ“รั่วเจิน บัดนี้ข้าไม่แน่ใจความคิดของญาติผู้พี่แล้ว เจ้าเองก็รู้ว่าครั้งก่อนที่ข้ากลับไปเยี่ยมญาติ ก็เมามายจนสารภาพความในใจออกไป” “ทว่าเขาไม่ตอบกลับเลยแม้แต่น้อย คล้ายไม่เคยเห็นข้าเป็นสตรีมาก่อน ทั้งๆ ที่เขาดีต่อข้ามาโดยตลอด” “ข้าไม่เชื่อหรอกว่านั่นเป็นเพียงการปฏิบัติต่อน้องสาวเท่านั้น”อวิ๋นเนี่ยนชูถอนหายใจหนักๆ ท่าทางคล้ายแม่นางน้อยที่กำลังมีปัญหาด้านความรัก“หากเจ้าอยากรู้ หาโอกาสลองดูก็ใช้ได้แล้วไม่ใช่หรือ?” ซ่งรั่วเจินถามกลับอวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าประหลาดใจ “ลองอย่างไร?”“หากภายในใจเขามีเจ้า ย่อมไม่อาจทนเห็นเจ้าอยู่กับคุณชายผู้อื่นได้ หากเขาไม่มีท่าทีตอบสนองต่อเรื่องนี้ ก็หมายความว่าไม่มีความรู้สึกระหว่างชายหญิง”ซ่งรั่วเจินยกมุมปาก ในหนังสืออวิ๋นเฉิงเจ๋อไม่ได้แสดงออกอะไรมาโดยตลอดไม่ว่
ซ่งรั่วเจินรู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมาอย่างสุดระงับ ก่อนฝานซืออิ๋งจากไปก็ทะเลาะกับท่านแม่ไปแล้วรอบหนึ่ง นำเงินจากห้องบัญชีไปก็ไม่น้อยเมื่อนั้นเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ เดิมทีภายในบ้านก็วุ่นวายอยู่แล้ว ท่านแม่เองก็ไม่มีใจอยากทะเลาะเช่นเดียวกัน นางอยากไปก็ไปเถอะ ขอเพียงไม่หย่าร้างกับพี่ใหญ่ ทำให้พี่ใหญ่คิดไม่ตกก็พอแล้วในระยะที่ผ่านมานี้ พี่สะใภ้ใหญ่ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง อีกทั้งยังไม่เคยถามถึงอาการของพี่ใหญ่“เงินเล็กน้อยเท่านั้นจะใช้พอได้อย่างไร?”ฝานซืออิ๋งนับตั๋วเงินในมือ “ข้าได้ยินมาว่าซ่งรั่วเจินไปจวนโหวเพียงสองปี ถึงขั้นใช้จ่ายเงินมากเพียงนั้น!” “นางเป็นเพียงบุตรสาวคนหนึ่ง บุตรสาวแต่งออกไปก็คือน้ำที่สาดออกไปแล้ว นี่ยังสามารถหักใจได้ เช่นนั้นพี่ใหญ่ของเจ้าเป็นบุตรสายตรง หรือว่าเบี้ยหวัดรายเดือนยังเทียบนางไม่ได้อีกกระนั้นรึ?”“ดูท่าแล้วพี่สะใภ้ใหญ่คงไม่พอใจข้ามากกระมัง?”ซ่งรั่วเจินเดินออกมา สายตาเย็นชาจับจ้องฝานซืออิ๋งที่อยู่ตรงหน้าในหนังสือฝานซืออิ๋งเป็นหญิงใจดำคนหนึ่ง ในบ้านยังมีน้องชายนักพนันอยู่คนหนึ่ง หลังแต่งกับซ่งเยี่ยนโจวก็หาเรื่องทะเลาะโวยวายจนอยู่ไม่เป็นสุขแท้จริงแล้ว
มองใบหน้าละโมบของฝานซืออิ๋ง ซ่งรั่วเจินแค่นหัวเราะเสียงเย็น “พี่สะใภ้ใหญ่กลับบ้านมารดาไปพักเดียว สมองก็เลอะเลือนไปหมดแล้ว เริ่มฝันแม้แต่ตอนกลางวันแสกๆ เลยกระนั้นหรือ?”“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เยี่ยนโจวเป็นทายาทสายตรงของสกุลซ่ง ข้าเป็นสะใภ้ใหญ่ บัดนี้แม่สามีสุขภาพไม่แข็งแรง ข้าเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือมีอันใดไม่เหมาะสม?”ฝานซืออิ๋งถลึงตาใส่ซ่งรั่วเจินปราดหนึ่ง คิดว่ามารดาพูดได้ถูกต้อง อุบายกลับบ้านมารดาใช้มากไป สกุลซ่งก็ไม่ใส่ใจแล้วทีแรกคิดว่ากลับบ้านมารดาครั้งนี้ พวกเขาจะมาขอร้องให้ตนเองกลับไปโดยเร็ว ใครคาดคิดว่าผ่านมาหลายวันเพียงนี้ อย่าพูดว่าส่งคนไปรับนางกลับมาเลย แม้แต่ส่งคนไปถามไถ่ก็ไม่มีนางทำได้เพียงกลับมาด้วยตนเองอย่างจนใจบัดนี้คิดดูแล้ว มีเพียงอาศัยโอกาสนี้ยึดครองอำนาจดูแลบ้าน สกุลซ่งถึงจะเชื่อฟังนาง!“ท่านแม่สุขภาพดีมาก ไม่ต้องให้ท่านช่วย” ซ่งรั่วเจินพูดเสียงเรียบ“สุขภาพของท่านแม่เป็นเช่นไร ข้ารู้ดียิ่งนัก มิหนำซ้ำแต่ไหนแต่ไรมาท่านแม่ก็ไม่เชี่ยวชาญด้านการค้า หาไม่แล้วก็คงไม่ยกให้เจ้า”ฝานซืออิ๋งคล้ายรู้เรื่องทั้งหมดเหมือนตาเห็น “ระยะนี้ข้าเองก็เรียนรู้อยู่ที่บ้านไ
ส่วนฝานเซี่ยงหรงของตระกูลฝานนั้น ในเมืองหลวงเป็นที่รู้กันว่าเขาเป็นคนมักมากในกามทั้งยังเป็นผีพนัน หมกตัวอยู่แต่ในหอคณิกาและบ่อนพนัน มักคบหาแต่เพื่อนเกลอที่ไม่น่าไว้วางใจบรรดาหญิงสาวในเมืองหลวงต่างพากันหลีกเลี่ยงเขา ด้วยกลัวว่าจะต้องเข้าไปพัวพันด้วย เช่นนั้นแล้วคงไม่แคล้วชีวิตต้องพังทลาย!“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลฝานช่วงนี้คิดจะหาคู่ให้ฝานเซี่ยงหรง แต่ชื่อเสียงของเขาในเมืองหลวงนั้นเสื่อมเสียไปนานแล้ว พอจะสู่ขอก็ถูกปฏิเสธอยู่ร่ำไป ทำเอาตระกูลฝานเดือดดาลกันอยู่มาก”“ฝานเซี่ยงหรงผู้นี้เป็นคนไม่เอาไหน เดิมก็หาเจ้าสาวที่เหมาะสมไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อหลายวันก่อนก็หนีไปเล่นพนันจนเป็นหนี้สินท่วมหัว”“แล้วเจ้าพี่สะใภ้ของเจ้ากลับคิดจะจับคู่ให้เจ้าอีกหรือ นี่มันไม่ต่างอะไรจากการผลักเจ้าลงกองไฟเลยนะ!”อวิ๋นเนี่ยนชูดึงมือของซ่งรั่วเจินไว้ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล กว่าจะหลุดพ้นจากการถอนหมั้นกับชายชั่วได้สำเร็จ ไม่คิดเลยว่าพี่สะใภ้ในบ้านจะยังวางแผนทำร้ายนางอยู่อีก น่าโมโหนัก!“ข้าเข้าใจดี” ซ่งรั่วเจินตบหลังมือของอวิ๋นเนี่ยนชูเบา ๆ “นางคิดจะผลักข้าเข้ากองไฟ ก็ต้องดูเสียก่อนว่าข้าจะยอมหรือไม่ ยิ่งไปกว่า
“ชิ้ง!”กู้ชิงฉือสัมผัสได้ว่ากระบี่คมสายหนึ่งผ่านข้างกายตนไป ไรผมช่อหนึ่งถูกตัด ตกตะลึงพรึงเพริดภายในใจ“นี่ให้เจ้า”ฉู่จวินถิงลังเลไปครู่หนึ่ง ยัดยันต์คุ้มภัยใส่มือกู้ชิงฉือ“เก็บไว้ให้ดีแทนข้าด้วย!”ครู่ต่อมา กู้ชิงฉือก็มองเห็นคู่ต่อสู้เบื้องหน้า ภายในสายตาสั่นสะท้าน ก้มหน้ามองดู นี่คือกระดาษยันต์สีเหลืองหนึ่งใบ“ท่านอ๋อง ท่านยกให้ข้า เช่นนั้นท่านจะทำเยี่ยงไร!”ไต้ซือเทียนจีเห็นฉู่จวินถิงมอบยันต์ให้กู้ชิงฉือ ภายในสายตาสะท้อนแววตกตะลึง ฉู่อ๋องอยู่ภายนอกได้ชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา ถึงขั้นมอบของป้องกันชีวิตให้ผู้อื่น?คนผู้นี้...มีภูมิหลังเช่นไร?“ไม่ต้องห่วงข้า”ฉู่จวินถิงหลับตาลง ได้ยินเสียงฝ่าอากาศรอบด้าน แยกแยะตำแหน่ง“ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!”พลังอันแข็งแกร่งปะทุออกมา ฉู่จวินถิงเคลื่อนไหวอย่างว่องไว ราวกับมังกรเคลื่อนไหวก็มิปาน หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่ดาบในมือจะพุ่งแทงออกไปอย่างฉับพลัน“อ๊าก!”เสียงแผดร้องสายหนึ่งดังขึ้น ศพร่างหนึ่งปรากฏต่อหน้าทุกคน“ไอ้พวกชั่ว!”ภายในสายตาฉู่จวินถิงสะท้อนความอำมหิต คนผ่านเข้าไปกลางตรอกเล็ก ทั้งๆ
ซ่งรั่วเจินติดตามซ่งเยี่ยนโจวเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมไว้ บัดนี้ถูกขวางไว้ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดผ่านทางซ่งเยี่ยนโจวหยิบป้าย ทั้งสองคนผ่านเข้าไปอย่างราบรื่น“ภายนอกเป็นทหารของทางการรับผิดชอบค้นหา ส่วนภายในและภายนอกเมือง ฉู่อ๋องคล้ายพบความผิดปกติ ดังนั้นจึงพาคนไปค้นหาก่อน”ซ่งเยี่ยนโจวพาซ่งรั่วเจินขี่ม้าไป ว่องไวอย่างมากจากนั้นระยะทางใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ซ่งรั่วเจินมองผ่านการสัมผัสของผีทวงชีวิตที่เริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตกตะลึงภายในใจ เวลาสั้นถึงเพียงนี้ ฉู่อ๋องถึงขั้นพบที่ซ่อนตัวของไต้ซือเทียนจีแล้ว?“บัดนี้สถานการณ์เป็นเช่นไร?” ซ่งเยี่ยนโจวเอ่ยถาม“ท่านหัวหน้าราชองครักษ์ ท่านมาแล้ว” จ้าวเจียงแม่ทัพที่เป็นหัวหน้าได้พบซ่งเยี่ยนโจวรีบตอบ “มีหนึ่งหน่วยหายไประหว่างค้นหาขอรับ ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังพาคนออกค้นหา”“เรื่องวันนี้พูดไปแล้วก็แปลกมาก คนกลุ่มหนึ่งอยู่ดีๆ ก็หายไป ท่านว่าแปลกหรือไม่?”เพียงซ่งรั่วเจินได้ยิน พูดเสียงเครียด “อยู่ที่ใด?”จ้าวเจียงเห็นซ่งเยี่ยนโจวถึงขั้นพาแม่นางท่านหนึ่งมาด้วย ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ แต่มองอย่างละเอียดแล้วก็จำฐานะของอีกฝ่ายได้ ท่าทีเคารพน
ซ่งรั่วเจินพยักหน้าเบาๆ รีบตามหลังไปฉู่จวินถิงพากลุ่มคนฝีมือดีเริ่มออกค้นหาในบริเวณที่เลือกไว้ ตั้งใจเอ่ยเตือนไม่ให้ปล่อยเบาะแสใดหนึ่งหน่วยภายในนั้นกำลังค้นหาตรอกเบื้องหน้า เดินไปๆ กลับๆ พบว่าตรอกนี้ยาวมาก ถึงขั้นเกิดความรู้สึกเดินไปไม่สุดทางทีแรกทุกคนยังไม่พบอะไร จนกระทั่งเดินเป็นรอบที่สาม นี่ถึงพบว่าเคยมาสถานที่เบื้องหน้ามาก่อน เหมือนกับสถานที่ที่เคยมาก่อนหน้านี้ทุกกระเบียดนิ้ว“ผิดปกติ เมื่อครู่พวกเราค้นหาที่นี่แล้วมิใช่หรือ เหตุใดรู้สึกว่ากลับว่าอีกครั้งแล้วเล่า?”“ใช่แล้ว เมื่อครู่ข้ามาที่นี่ ประตูใหญ่เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ข้ายังยกหินก้อนนี้ไว้ที่อีกฝั่งด้วย ต่อให้บ้านเรือนละแวกนี้คล้ายกัน แต่ก็ไม่มีวันเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเช่นนี้!”คนเป็นหัวหน้าขมวดคิ้วแน่น “เร็ว พวกเราออกจากตรอกนี้ไป!”“ขอรับ” ทุกคนไม่ใส่ใจการค้นหาอีก เร่งฝีเท้าว่องไวยิ่งขึ้นออกจากตรอกเล็กนี้จากนั้นทุกคนเพิ่งถึงหน้าตรอก ก็พบว่าพวกเขากลับมาอยู่ภายในตรอกเล็กอีกครั้ง สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไป“นี่โดนของกลางวันแสกๆ เลยหรือ?”ทุกคนต่างหันหน้ามองกัน เรื่องโดนของแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ถ้ามีแค่ค
“เช่นนั้นก็ค่อยๆ ค้นหา ค้นหาทุกครัวเรือน ห้ามมิให้ปล่อยที่ใดไปเป็นอันขาด โดยเฉพาะห้องใต้หลังคา ห้องใต้ดิน ไปจนถึงคอกวัวแกะหมู ต้องหาทั้งหมดให้ละเอียด!” ฉู่จวินถิงเอ่ยออกมา“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง!”บัดนี้ทุกคนจำภาพวาดไว้ในสมองแล้ว ท่านอ๋องพูดว่าขอเพียงจับคนได้ จะตกรางวัลให้อย่างงาม!กององครักษ์หลวงเริ่มค้นหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่พลาดที่ใดไป อีกทั้งยังไม่ปล่อยโอกาสให้คนหลุดรอดไปได้ไต้ซือเทียนจีได้รับข่าวอย่างรวดเร็ว ยามได้รู้ว่าฉู่อ๋องนำทหารออกค้นหา ก็รู้ว่ากำลังค้นหาตนเอง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์มากผิดปติ“ในเมื่อสามารถทำนายมาถึงข้าได้ ซ่งรั่วเจินคนนี้รับมือยากไม่ผิดไปดังคาด!”หลายวันก่อนเขาหลบซ่อน วางอุบายวางค่ายกล เดิมทีคนทั่วไปไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเขาพบ นี่ทำให้เขากล้าอยู่ที่เมืองหลวงต่อใครคาดคิดเล่าว่าภายในมือซ่งรั่วเจินไม่รู้ลมหายใจของเขา ถึงขั้นสามารถทำนายตำแหน่งที่เขาอยู่ได้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ!“ไต้ซือ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร? กององครักษ์หลวงมีความสามารถไม่น้อย ฉู่อ๋องเองก็วิชายุทธสูง หากถูกเขาจับได้ พวกเราจะต้องหนีไม่พ้นแน่!”ทุกคนร้อนใจขึ้นมาอย่างสุดระงับ หลายว
“เจ้าคงมิใช่หลอกคนหรอกกระมัง?” อวิ๋นหงหล่างเผยสีหน้าสงสัยซ่งจืออวี้กลอกตาขาว “ตาแก่ไร้ยางอายคนนี้ คิดสงสัยใครที่นี่? ช่วยท่านแล้วไม่พูดขอบคุณ ยังสงสัยน้องหญิงของข้าอีกกระนั้นรึ?”“ไปๆ ๆ รีบพาหญิงแก่แพศยาชาเขียวคนนี้ไสหัวไปได้แล้ว เห็นแล้วขยะแขยง!”“อีกเดี๋ยวส่งเงินมาให้ข้า หากภายในหนึ่งชั่วยามยังมาไม่ถึง ข้าจะไปแจ้งทางการ!”“พวกเจ้าเลิกยื่นเหม่อได้แล้ว ให้พวกเจ้าส่งแขก หากยังไม่ยอมไป ก็ใช้ไม้พองไล่ออกไป!”บ่าวรับใช้ทางด้านข้างดึงสติกลับมาได้ ต่างพากันถลันขึ้นไป เตรียมไล่คนอวิ๋นหงหล่างเองก็ไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อ ทำได้เพียงพาอนุอวิ๋นจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปวดใจไม่หยุด นั่นคือเงินสามแสนตำลึงเชียวนะ!หันมองอนุอวิ๋นข้างกาย เขาเกิดโทสะขึ้นมาสายหนึ่ง หากไม่ใช่นางหาเรื่อง เรื่องราวก็คงไม่ต้องกลายเป็นเช่นนี้!จนกระทั่งทั้งสองคนจากไป ซ่งจืออวี้ก็พบว่าสายตาทุกคนล้วนตกลงบนตัวของตน เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ามองข้าทำอันใด?”“พี่สาม ชาเขียวที่ท่านพูดหมายความว่าอะไร?” ซ่งจิ่งเซินแปลกใจอยู่บ้างซ่งจืออวี้ผายมือ “ข้าเองก็ไม่รู้ เรียนมาจากน้องหญิงห้า”ซ่งรั่วเจินเห็นทุกคนมองตนสีหน้าแป
นางจำรายการสินเดิมในปีนั้นได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงกำไรของร้านค้าที่เป็นสินเดิมเพราะหลายปีมานี้ผิดหวังกับอวิ๋นหงหล่างมาก นางจึงหันไปสนใจการค้านางและกู้หรูเยียนเป็นสหายที่ดีต่อกัน การค้าของสกุลซ่งดีมากถึงเพียงนี้ ย่อมชี้แนะนางเป็นอย่างดี ดังนั้นเงินที่หาได้ย่อมมีไม่น้อย ภายในนั้นเขียนไว้ในบัญชีรวมมากมายทว่านางเก็บรักษาบัญชีของร้านไว้อย่างดี แม้แต่ภายในจวนเบิกเงินของนางไปมากน้อยเพียงใด นางก็จำได้ทั้งหมดบัดนี้...จะเอาคืนกลับมาให้หมด!“พี่หญิง คืนของให้ท่านย่อมเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่ท่านเองก็ต้องการมากเกินไปแล้ว”อนุอวิ๋นเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ หันมองอวิ๋นหงหล่างอย่างกังวล กลัวเขาโมโหลงนามลงไปอวิ๋นหงหล่างย่อมไม่ยอมให้เกิดปัญหาตามมาอย่างต่อเนื่อง แม้ปวดใจ แต่ยังลงนามประทับลายนิ้วมือลงไป“ตอนนี้ใช้ได้แล้ว พวกเจ้าสามารถช่วยคนได้แล้วกระมัง!”เห็นจางเหวินเก็บหนังสือหย่าไป ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ “ให้ข้าลงมือช่วยอนุอวิ๋นก็ย่อมได้ สามแสนตำลึง!”ถ้อยคำนี้พูดออกมา อวิ๋นหงหล่างก็โง่งมแล้ว “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”“ซ่งรั่วเจิน เจ้าอย่าทำเลยเถิดเกินไปนัก ทั้งๆ ที่เจ้าพูดว่าขอเพียงลงนามในหน
“ข้าคิดไว้ดีตั้งแต่แรกแล้ว นับตั้งแต่วันที่ติดตามท่านแม่ออกจากสกุลอวิ๋น ข้าก็ไม่คิดกลับไปอีก”พูดไป อวิ๋นเนี่ยนชูก็เหลือบมองอวิ๋นเฉิงเจ๋อแวบหนึ่ง พูดว่า “ภายภาคหน้าไม่ว่าข้าแต่งกับใคร ต่อให้เป็นเพียงสามัญชนคนหนึ่ง ข้าก็ยินดี”อย่างไรเสีย ชาตินี้หากไม่สามารถแต่งงานกับคนที่รักได้ ไม่ว่าแต่งกับใครก็ล้วนเหมือนกันเมื่อแรกท่านแม่แต่งงานกับท่านพ่อ ทุกคนล้วนพูดว่าแต่งได้ดี แต่สุดท้ายได้รับอะไรเล่า?อวิ๋นเฉิงเจ๋อได้ยินว่าอวิ๋นเนี่ยนชูจะแต่งงานกับสามัญชน ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือภายในแขนเสื้อกำแน่น ภายในก้นบึ้งของสายตาซับซ้อน“เจ้า ดีนักนะ!” อวิ๋นหงหล่างโมโหจนหัวเราะออกมา “ถึงตอนนั้นเจ้าหาทางออกไปได้ อย่ามาขอข้าให้ช่วยเจ้าก็แล้วกัน!”“ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้น ตรงข้ามกันภายในหัวใจท่านพ่อ ซีหว่านล้วนสำคัญที่สุดมาโดยตลอด”“นางทำผิดมากเพียงใดล้วนไม่เป็นไร ข้าเพียงทำผิดเล็กน้อยก็ถูกลงโทษ หากข้าตามท่านกลับไป ภายภาคหน้าบ้านหลังนี้มีอนุอวิ๋นดูแล ข้ายังจะมีชีวิตที่ดีอีกหรือ?”อวิ๋นเนี่ยนชูคิดตกแล้ว เดิมทีอนุอวิ๋นก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาล้วนมองออก มีเพียงบิดาที่มองไม่ออกบางที...บิดาอาจไม่ยอมมอง
“ยังมีเจ้า!” หลิ่วหรูเยียนชี้อนุอวิ๋น “ตอนยังเป็นสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ช่างเถอะ บัดนี้แก่จนหน้าเหลืองแล้วกลับยังไม่แก้ไข หากชอบร้องไห้ถึงเพียงนั้น ตอนจัดงานศพก็ไปร้องที่นั่นสิ วิ่งมาสร้างความอัปมงคลที่จวนซ่งของพวกเราทำอันใด!”คนสกุลซ่งหันมองมารดาอย่างแปลกใจ ที่ผ่านมามารดาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่เคยพูดจาเช่นนี้มาก่อน คำพูดวันนี้ช่าง...สาแก่ใจจริงๆ!จางเหวินที่เดิมทีโมโหแทบแย่กลับถูกคำพูดของหลิ่วหรูเยียนทำให้ขำจนหัวเราะออกมานางหวนนึกถึงเมื่อครั้นยังอยู่ในวัยแรกรุ่น กู้หรูเยียนมีอุปนิสัยอ่อนโยนรังแกง่าย เพราะได้รับความทุกข์จากสกุลหลิ่ว ครอบครัวลำเอียง นางอธิบายไปแล้วก็ไม่มีใครฟัง หนำซ้ำยังถูกลงโทษ ดังนั้นกู้หรูเยียนจึงชินชากับการไม่อธิบายจนกระทั่งมีคนพูดว่าร้ายนาง นางได้เห็นคนอ่อนโยนนุ่มนวลเสมอมาอย่างกู้หรูเยียนออกมาตอบโต้คน ถึงขั้นด่ากลับไปความสะเทือนใจในตอนนั้นก็คล้ายตอนนี้ ฉากตรงหน้าแทบจะซ้อนทับกัน“หลายปีมานี้เจ้าไม่บอกข้ามาโดยตลอด หากข้ารู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าได้รับความทุกข์เช่นนี้ จะต้องช่วยเจ้าด่าชายโฉดหญิงชั่วไร้ยางอายคู่นี้ดีๆ แน่!”จางเหวินจับมือกู้หรูเยียนไว้ ขอบตาแดงเรื่อ “ห
“ข้าไม่ช่วย เดิมทีก็ถูกต้องตามหลักการ หาไม่แล้วคนชั่วในใต้หล้านี้ล้วนมาขอให้ข้าช่วยแก้ผลกรรมให้ นั่นยังไม่กลายเป็นโลกของคนชั่วอีกหรือ?”ซ่งรั่วเจินหัวเราะออกมา “ใต้เท้าอวิ๋น ท่านเป็นขุนนางในราชสสำนักมาหลายสิบปี ถึงขั้นไม่มีหลักคุณธรรมขั้นพื้นฐานกระนั้นหรือ?”“หากท่านคิดว่าท่านพูดมีเหตุผล ก็สามารถพูดเรื่องทั้งหมดออกมาได้ พอดีจะได้ถามคนทั่วหล้าว่าคิดเห็นเหมือนท่านหรือไม่!”เพียงอนุอวิ๋นได้ยินก็รีบพูด “ข้ามิได้เชิญผีน้อยมาทำร้ายพี่หญิง ข้าเพียงหวังให้นางและนายท่านกลับมาคืนดีกัน ข้าเองก็ถูกคนชั่วนั่นหลอก”“หากข้ารู้ตั้งแต่แรกก็ไม่มีวันทำเช่นนี้”“อ้อ งั้นหรือ?” ซ่งรั่วเจินเอ่ยปากเสียงเรียบ เนตรขนงเจือรอยยิ้ม “บัดนี้มีคนทำผิดเหมือนท่านไม่น้อย ราชสำนักมีบัญชีรายชื่ออยู่ในมือแล้ว”“ไม่สู้ไปถามคนเหล่านั้นดู ตกลงพวกเขารู้หรือไม่ว่าที่เชิญผีน้อยมาก็เพื่อทำร้ายคน?”“ถ้อยคำนี้ ท่านหลอกตนเองก็ช่างเถอะ คิดว่าคนทั่วหล้าโง่เขลาเหมือนท่านหรือ?”สายตาซ่งรั่วเจินคมกริบ “ทำร้ายคนและช่วยคน ทำร้ายคนต้องชดใช้มากยิ่งกว่า หากท่านทำเพราะอยากให้ทั้งสองคนคืนดีกันจริง สิ่งที่ท่านเชิญกลับไป สมควรเป็นพระพุทธ