“ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไรเจ้าคะ?”ซ่งรั่วเจินประหลาดใจ นางเดาว่าวันนี้ที่ศาลาว่าการซุ่นเทียนจะต้องไม่เลิกราโดยดีแน่จึงเรียกพี่สามออกมาด้วยกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามารดาก็มาด้วยเช่นกัน“ถ้าข้าไม่อยู่ คนพวกนี้คงได้รังแกเจ้าตามใจชอบน่ะสิ”หลิ่วหรูเยียนเดินเข้ามาบังซ่งรั่วเจินไว้ด้านหลัง กวาดสายตามองพวกหลินจือเยว่ที่อยู่ข้างๆ“ลูกสาวข้าเป็นถึงบุตรีตระกูลซ่ง เป็นกุลสตรีชาติตระกูลดีทั้งยังเพียบพร้อมด้วยความสามารถ ดนตรีเดินหมากอักษรภาพวาดล้วนเชี่ยวชาญทุกแขนง”“ตอนแรกที่หมั้นหมายกันก็เพราะท่านหลินป๋อมาอ้อนวอนสู่ขอ ข้านึกว่าท่านเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ฮูหยินผู้เฒ่าก็พูดดิบดีว่าจะดูแลเจินเอ๋อร์อย่างดี ข้าจึงตอบตกลง”“ว่าตามตรงก็เป็นเพราะแม่อย่างข้าไม่ดีเอง ตาบอดไปถึงได้หมั้นหมายผิดๆ ให้ลูกสาวของตัวเอง” “เดิมนั้นข้าเห็นแก่หน้าตาของทั้งสองฝ่ายจึงไม่ได้ยืนกรานจะฉีกหน้ากันให้ได้ แต่ยามนี้พวกท่านทำผิดเองแต่ยังคิดจะลากลูกสาวข้าเข้าไปเกี่ยวข้อง ฝันไปเถอะ!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็หันไปทางฉู่จวินถิงพลางกล่าวว่า “ท่านอ๋อง วันนี้ลูกสาวของหม่อมฉันอยู่ในจวนตลอดเวลา จำนวนครั้งที่ออกไปข้างนอกสามารถนับนิ้วได
ส่วนซวงซวง... หากไม่ใช่เพราะซ่งรั่วเจินหมายจะเล่นงานหลินจือเยว่เอาให้ได้ บัดนี้นางคงใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญไปแล้วจะอย่างไรก็ยังเป็นสกุลซ่งอยู่วันยังค่ำที่ทำนางเดือดร้อน!“ท่านอ๋อง เรื่องเข้าฝันที่ว่านี้ล้วนเหลวไหลสิ้นดีเพคะ หวังว่าท่านอ๋องจะคืนความยุติธรรมให้ลูกสาวของหม่อมฉันได้!"“ซ่งฮูหยินวางใจเถิด ข้าไม่ยอมให้ผู้บริสุทธิ์ถูกป้ายสีใส่ความเป็นแน่” ฉู่จวินถิงกล่าวฉินซวงซวงเห็นหลิ่วหรูเยียนมาแสดงอำนาจตน ทำให้ผู้คนต่างเชื่อว่าซ่งรั่วเจินหาได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงเกิดร้อนรนใจขึ้นมาบ้าง“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าซ่งรั่วเจินรู้เรื่องเงินได้อย่างไร แต่ข้ารู้ว่าเรื่องเข้าฝันเป็นจริงแน่!”“ต่งฮูหยินได้รู้ว่าลูกชายตนสิ้นชีพไปแล้ว ก็เพราะการเข้าฝันของซ่งรั่วเจินมิใช่หรือ ก่อนหน้านี้ยังเคยกล่าวขอบคุณกันอยู่แท้ๆ” “บัดนี้กลับกล่าวว่าไม่มีความสามารถเช่นนั้น จะไม่เป็นการหอกโล่ขัดแย้งกันเองหรอกหรือ?”ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา พวกเขาเคยได้ยินเรื่องราวของสกุลต่งมาแล้วเช่นกัน อีกทั้งต่งฮูหยินยังออกปากยอมรับด้วยตนเอง ว่าหากไม่ใช่เพราะซ่งรั่วเจินคุณชายน้อยสกุลต่งคงตายเปล่าเสียแล้ว!“แม่นางซ่ง ใน
เมื่อสองสามีภรรยาสกุลต่งออกตัวเป็นพยานเช่นนี้แล้ว ผู้คนต่างก็อดตะลึงในความสามารถของซ่งรั่วเจินตามไปด้วยไม่ได้“ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินข่าวลือมา ทว่าคิดเพียงออกจะอัศจรรย์จนเกินไป ไม่น่าเป็นจริงได้ นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ยินจากปากของใต้เท้าต่งเองเช่นนี้"“โชคดีที่แม่นางซ่งช่วยให้คุณชายน้อยสกุลต่งพ้นจากความอยุติธรรม ทั้งได้พบกันในฝันเช่นนี้ยิ่งทำต่งฮูหยินคลายทุกข์เศร้าลงได้บ้าง”ตอนที่คุณชายน้อยสกุลต่งหายตัวไป ถึงกับสั่นคลอนไปทั่วเมืองหลวง ต่อมาเมื่อได้รู้ว่าเขาถูกอาสะใภ้ของตนฆ่าตายยิ่งทำผู้คนตกตะลึงมากยิ่งขึ้นสวี่ชิงเหมยตลอดมาเป็นผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านความอ่อนโยนจิตใจดีงาม ใครจะคาดคิดว่านางกลับมีจิตใจโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้หากไม่มีความช่วยเหลือของแม่นางซ่ง เกรงว่าคุณชายน้อยสกุลต่งคงตายอย่างไร้ความยุติธรรมเสียแล้ว กระทั่งคุณชายใหญ่ช้าหรือเร็วก็อาจตกเป็นเหยื่อ ต้องทุกข์ทรมานด้วยเช่นกันฉู่จวินถิงเองก็รู้เรื่องนี้ดี บัดนี้เขาเชื่อแล้วว่าซ่งรั่วเจินมีความสามารถเช่นนี้จริง ส่วนเรื่องที่นางข้องเกี่ยวกับหยวนซิงเชานั้น เขาไม่เคยนึกถึงมาก่อน“ในเมื่อแม่นางซ่งได้ชี้แจงแถลงไขความจริงแ
“หากท่านกังวลเรื่องฉินเซี่ยงเหิงจริง เหตุใดยามพวกท่านไปขอขมาลาโทษสกุลซ่งเมื่อวาน ฉินซวงซวงจึงมิได้อยู่ด้วยเล่า?”“ทั้งบุตรสาวบุตรเขยต่างรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแต่ยังไม่ไปด้วย หรือพวกท่านไม่คิดว่าน่าสงสัย?”“เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงคำแก้ตัวของพวกท่าน!” เหลียงเหยียนกล่าวสุ้มเสียงเกรี้ยวโกรธ“ท่านเป็นแม่ทัพ เดิมควรบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ปวงประชา แต่ท่านกลับสมคบคิดกับหยวนซิงเชายักยอกเงินบรรเทาทุกข์ราษฎร ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์มากมายต้องล้มตาย เจ้าตายเป็นหมื่นครั้งก็ยังไม่พอชดใช้!”ฉินเจิงโกรธจนหน้าดำคล้ำเขียว รู้สึกราวกับโทษทัณฑ์มหันต์ใหญ่ที่ตนไม่ได้ก่อถูกโยนเข้าใส่!“ในเมื่อแม่ทัพฉินไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน เช่นนั้นก็พาตัวลงไปค่อย ๆ ถามค่อย ๆ ซักแล้วกัน!” “นำตัวไป!”ฉู่จวินถิงออกคำสั่งเด็ดขาด ให้พาตัวคนสกุลฉินและสกุลหลินไปด้วยกันทั้งหมด!ฉินเซี่ยงเหิงเห็นฉินซวงซวงกับหลินจือเยว่ถูกพาตัวไป ในใจก็กระวนกระวายขึ้นมา ทว่าเขายังคงไม่ได้สนใจว่าสองคนนั้นจะโดนโทษทัณฑ์เช่นไร ห่วงพะวงเพียงบิดามารดาของตนจะมาช่วยได้เมื่อใดก็เท่านั้นเมื่อวานท่านแม่บอกชัดเจนแล้วว่าวันนี้จะมาช่วยเขาออกไป ศาลาว่าการซุ่นเ
“ที่ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อท่านพี่ของข้าหรอกหรือ? หากไม่ใช่เพราะตระกูลซ่งคอยบีบคั้นจนข้ากลัวว่าเขาจะสูญเสียตำแหน่งขุนนางไป มีหรือข้าจะเสี่ยงทำเช่นนี้ได้!”ฉินซวงซวงกุมปิดใบหน้าที่ถูกตบ สีหน้าเต็มด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หากไม่ใช่เพราะนางทำเพื่อทุกคน มีหรือจะต้องทำเช่นนี้?“เจ้าไร้ทางเลือกจนยอมเสี่ยง เช่นนั้นก็ช่วยพวกเราแก้ไขปัญหานี้เสียสิ ที่เจ้าทำพวกเราถูกจับขังคุกอยู่เช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”ฮูหยินผู้เฒ่าหลินสายตาเคียดแค้น “ชีวิตนี้ข้ายังไม่เคยเหยียบย่างเข้าคุกเลยด้วยซ้ำ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลหลินของข้าจะยังเอาหน้าไปไว้ที่ใดได้?”“ข้าว่านะฮูหยินผู้เฒ่าหลิน เรื่องนี้ลูกสาวข้าก็ทำไปด้วยเจตนาดี หากไม่ใช่เพราะตระกูลเจ้าไร้ความสามารถ มีหรือจะต้องให้ลูกสาวข้ามากังวลใจถึงเพียงนี้?จริงอยู่ที่กู้อวิ๋นเวยโกรธฉินซวงซวง ทว่าคนบ้านตนก็หาได้จำเป็นต้องรับผิดชอบไม่ ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลินผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่นางมันใช้ได้ที่ไหน?“หากพวกเจ้าไม่มัวแต่เสวยสุข ใช้จ่ายเงินทองโดยฟุ่มเฟือย บัดนี้มีหรือจะมีหนี้สินล้นพ้นตัวเช่นนี้?”“ก่อนนี้ข้าได้ยินมาว่าสองปีมานี้เจ้ากินดีอยู่ดี ในจ
“ท่านแม่ ท่านแม่สามี หยุดตีกันเถิด!”ฉินซวงซวงอดร้อนใจไม่ได้ นางยังอยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับจือเยว่ สองตระกูลควรสามัคคีปรองดองกันถึงจะถูกหากปล่อยให้บาดหมางกันต่อไปเช่นนี้ วันนี้สะสางความแค้นเสร็จสิ้น วันหน้าจะคืนดีกันได้อย่างไร?กู้อวิ๋นเวยกับหลินรั่วหลานต่างไม่อาจระงับโทสะได้ ยิ่งฉินซวงซวงพยายามเข้ามาคั่นกลางขวางกั้น ก็ทำให้เส้นผม ใบหน้า และร่างกายของนางเลอะขี้เลนตามไปด้วย ปิดคลุมกระทั่งดวงตาจนแทบมองไม่เห็น!“ท่านพี่ ท่านช่วยเกลี้ยกล่อมท่านแม่หน่อยเถิด” ฉินซวงซวงรีบร้อนเอ่ยหลินจือเยว่ที่ก่อนนี้เคยรู้ซึ้งมาแล้วว่าขี้เลนเหล่านี้สกปรกเพียงใด กลิ่นเหม็นเน่าบนร่างก็แทบทำให้เขาทานทนไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นครานี้เมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ก็ถอยออกห่างโดยสัญชาตญาณ“ท่านแม่ หยุดเถิด”หลินจือเยว่ทำหน้าเคร่ง หันไปทำความเคารพฉินเจิงกับกู้อวิ๋นเวย“ท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ได้ จือเยว่รู้ดีว่าทำผิดไปไม่น้อย ทว่าอย่างไรเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเราควรคิดหาทางออกจากสถานการณ์นี้เสียมากกว่า ไม่ใช่มาทะเลาะเบาะแว้งกันเองอยู่เช่นนี้” ฉินเจิงโมหะสุมแน่นเต็มท้อง แม้จะไม่พอใ
สวี่อิ๋งเฉียวได้ยินถ้อยคำนี้ แววตาทอประกายระยับ ดวงตาคู่นั้นกลับแดงเรื่ออย่างไม่รู้ตัว“แม่นางซ่ง ขอบคุณเจ้า ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”ต่งหานโจวเองก็เข้าใจความนัยของถ้อยคำนี้แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาเองก็ยากจะปกปิดความดีใจเอาไว้ได้“แม่นางซ่ง เจ้าช่างเป็นผู้มีพระคุณของสกุลต่งโดยแท้ ภายภาคหน้ามีเรื่องใดให้พวกเราช่วยเหลือขอให้พูดโดยตรง” “สกุลต่งสามารถทำได้ ไม่มีวันบ่ายเบี่ยงแน่นอน แม้ว่าสกุลต่งทำไม่ได้ ก็จะหาทางทำให้สำเร็จ”ถ้อยคำนี้มีความสำคัญมาก หลิ่วหรูเยียนสงสัยอย่างอดไม่ได้ ลูกสาวของตนเพียงอวยพรหนึ่งประโยค เหตุใดสองคนนี้ถึงกระตือรือร้นเพียงนี้เล่า?“ซ่งฮูหยิน ท่านมีลูกสาวที่ดีคนหนึ่ง ลูกชายเองก็เอาการเอางาน ข้าเชื่อว่าภายภาคหน้าจะต้องดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอน” ต่งหานโจวเอ่ยหลิ่วหรูเยียนมีรอยยิ้มเกลื่อนหน้า “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมออกจากศาลาว่าการซุ่นเทียน กลับได้ยินเสียงฉู่จวินถิงดังขึ้นทางด้านหลัง“แม่นางซ่ง ช้าก่อน”ซ่งรั่วเจินหันหน้าก็มองเห็นฉู่จวินถิงเดินเนิบนาบเข้ามาเห็นเพียงเขาสวมชุดสีดำ รูปร่างเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ รัศมีสูงศักดิ์และกล
“เข้าใจแล้ว ตอนนี้ใต้เท้าเหลียงกับใต้เท้าจ้าวไปที่คุกแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะรู้ผล”……ณ จวนสกุลซ่งซ่งรั่วเจินเพิ่งกลับมาก็พบอวิ๋นเนี่ยนชูที่กำลังเร่งรีบออกจากจวน “เนี่ยนชู นี่เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”“รั่วเจิน เจ้ากลับมาแล้ว!” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจ “เดิมทีวันนี้ข้าอยากมาคุยเล่นกับเจ้า ใครคิดเล่าว่าเจ้าจะไปศาลาว่าการซุ่นเทียน ข้ากำลังจะไปหาเจ้าน่ะ”“เจ้าเล่าให้ข้าฟังทีสิ วันนี้ศาลาว่าการซุ่นเทียนสอบสวนคดีของฉินเซี่ยงเหิงแล้วใช่หรือไม่? มีความคืบหน้าไหม?”ซ่งรั่วเจินส่ายหน้า “ไม่มี”“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?” อวิ๋นเนี่ยนชูเผยสีหน้าไม่พอใจ “เรื่องใหญ่โตเพียงนี้ ไม่ว่าอย่างไรศาลาว่าการซุ่นเทียนก็สมควรมอบคำชี้แจงให้พวกเจ้า ไม่สามารถไม่สนใจไยดีเช่นนี้ได้หรอกกระมัง?”“วันนี้เกิดเรื่องกับสกุลฉินและสกุลหลิน เกรงว่าไม่มีเวลามาใส่ใจฉินเซี่ยงเหิงแล้ว”อวิ๋นเนี่ยนชูเบิกตากว้าง “เกิดเรื่องอันใดกับสกุลฉินรึ?”ซ่งรั่วเจินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด อวิ๋นเนี่ยนชูเพียงรู้สึกเหลือเชื่อ ไม่รู้ว่าสมควรพูดอย่างไร“ฉินซวงซวงใจกล้าเกินไปแล้ว ถึงขั้นกล้าละโมบแม้แต่เงินพรรค์นี้
“หากเรื่องนี้มีเงื่อนงำอยู่จริง เหอเซียงหนิงเองก็น่าสงสารเกินไปแล้วกระมัง!”“นี่คือบีบคั้นคนให้ตาย จะต้องได้รับความทุกข์ใจอย่างหนักเป็นแน่ ซ่งรั่วเจินโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!”กลุ่มคนต่างชี้หน้าบริภาษขึ้นมาระลอกหนึ่ง ฉินซวงซวงลอบลำพองใจภายในใจ เพื่อทำให้ชื่อเสียงซ่งรั่วเจินเสื่อมเสีย นางวางแผนทั้งหมดไว้อย่างดีแล้ว!ฉู่จวินถิงเหลียวมองคนที่เป็นผู้นำของกลุ่มคน ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติ “จับตามองคนเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด ห้ามมิให้หลุดรอดไปได้แม้คนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”“ไม่ต้องกังวล คนเหล่านี้น่าจะถูกซื้อตัวไว้แล้ว จงใจพูดเช่นนี้ อีกเดี๋ยวสอบสวนอย่างละเอียดก็จะรู้ผล”สุ้มเสียงฉู่จวินถิงมั่นใจมาก สอบสวนคนเหล่านี้ เดิมทีก็ไม่ต้องใช้วิธีการมากมายอะไร เพียงถามอย่างไม่ตั้งใจก็สามารถรู้ได้ซ่งรั่วเจินเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “ท่านอ๋องไม่สงสัยหม่อมฉันเลยหรือ?”“เหตุใดข้าต้องสงสัยเจ้าด้วย?” ฉู่จวินถิงสุขุมสงบนิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อแรกเหอเซียงหนิงทำกับเจ้าเยี่ยงไร ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้ว”“ยิ่งไม่ต้องพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเจ้า ต่อให้เป็นฝีมือเจ้า ก็ไม่มีอะไรไม่เหมาะสม”ภายในสายตาของฉู่จวิน
“เจ้าว่ามาเถิด” ฮองเฮาเอ่ยเรือนคิ้วฉู่จวินถิงขมวดขึ้นเล็กน้อย สายตาที่เขาใช้มองไปยังถังเสวี่ยหนิงแกมแฝงด้วยความเยียบเย็นหญิงผู้นี้ยังไม่คิดจะลดราวาศอกอีก!“อย่ากลัวไปเลย มีข้าอยู่”ฉู่จวินถิงหันมองซ่งรั่วเจิน แสดงท่าทีให้นางมั่นใจว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะอยู่ข้างกายนางเสมอซ่งรั่วเจินย่อมไม่หวั่นเกรงต่อเล่ห์กลของถังเสวี่ยหนิงและพรรคพวกอยู่แล้ว ทว่าเมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของฉู่จวินถิง ในใจก็ยังคงอดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่ได้อยู่ดีถังเสวี่ยหนิงกลับเกรงกลัวฉู่จวินถิงเสียจนแทบไม่กล้าสบสายตาเสียด้วยซ้ำ แต่เมื่อหันมองไปยังซ่งรั่วเจิน ท่าทีก็ยังคงกระด้างกระเดื่องเช่นเดิม“คุณหนูซ่ง ข้าได้ยินเรื่องเช่นนี้แล้วก็ตกใจมากจริงๆ มิอยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองหลวงจะยังมีผู้ใดอาจหาญกล้าทำเรื่องเช่นนี้ลงได้ ช่างลบหลู่กฎเกณฑ์ราชสำนักเกินไปแล้ว!”“ดังนั้นข้าจึงอยากใช้โอกาสนี้ถามไถ่ให้ชัดแจ้ง หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”ถ้อยคำหลายต่อหลายคำของถังเสวี่ยหนิง ทำเอาสีหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ต่างพากันสงสัยว่าเป็นเรื่องร้ายแรงประการใดกัน?“รั่วเจิน พวกถังเสวี่ยหนิงดูท่าคงมิได้มีเจตนาดีเป
อวิ๋นเนี่ยนชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ปิดไม่มิดถึงความอิจฉา “โชคดีนักที่หลินจือเยว่มิได้แต่งกับนาง หาไม่แล้วคงคลาดกันกับคนดีเช่นฉู่อ๋องไปแล้วกระมัง?”“ฉู่อ๋องไม่เพียงมีรูปโฉมงดงาม วรยุทธเลิศล้ำ อีกทั้งฐานะยังมิธรรมดา สำคัญที่สุดก็คือผู้คนต่างรู้กันดีว่าฉู่อ๋องอารมณ์ร้ายเพียงใด แต่กลับดีต่อนางอยู่เพียงผู้เดียว เรื่องนี้น่าอิจฉาที่สุดแล้ว”อวิ๋นเฉิงเจ๋อเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างกาย นำเอาภาพใบหน้าฉายแววอิจฉานั้นเก็บเอาไว้จนสุดสายตา ไม่รู้ว่าในใจคิดอ่านถึงสิ่งใดอยู่ทว่าถ้อยคำนี้กลับลอยไปเข้าหูหลินจือเยว่เข้าพอดิบพอดี สีหน้าที่หมองหม่นอยู่ก่อนแล้วจึงได้ย่ำแย่เสียยิ่งกว่าเก่าก่อนนี้เขาคิดเพียงว่าฉู่อ๋องคงหูตามืดบอด ตอนนี้เขาเห็นแจ้งแล้วว่าตนเองต่างหากที่หูตามัวหมองไปเลือกคนผิดมาแต่งงานด้วยจนชีวิตพังพินาศ แต่จะทำกระไรได้อีกเล่า?ฉินซวงซวงยืนจ้องมองคนที่ในชาติที่แล้วนางคอยตามตื๊ออยู่นานอย่างฉู่อ๋อง กระทั่งเคยยอมทอดทิ้งศักดิ์ศรีมาแล้วก็ยังไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นการแลเหลียวจากเขาได้แม้แต่สักครั้ง แต่เขากลับปฏิบัติต่อซ่งรั่วเจินดีเช่นนั้น ทำเอานางริษยาเสียจนแทบบ้าอยู่แล้ว!มีสิทธิ์อะไรกัน?ซ่งรั่ว
เมื่อถือเวลาประกาศผลสุดท้าย ก็พลันระเบิดเสียงฮือฮาดังขึ้นมากลางหมู่ฝูงชน“อันดับหนึ่งได้แก่ฉู่อ๋อง!”สิ้นเสียงประกาศ ผู้คนก็ต่างพากันเอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก ทว่าก็หาได้มีผู้ใดแปลกใจแม้แต่น้อย“ฝีมือการขี่ม้าและยิงธนูของฉู่อ๋องตลอดมาก็ล้วนเหนือผู้ใด วันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตองค์ชายทั้งสองพระองค์ไว้ได้ อีกทั้งยังคว้าชัยได้อันดับหนึ่งมาครอบครอง สมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือเสียจริงๆ!”“ได้ยินมาว่าสองคนที่หนีรอดไปได้ก็ฉู่อ๋องนั่นล่ะที่จับตัวเอาไว้ได้ เก่งกาจยิ่งนัก!”โดยปกติแล้วฉู่จวินถิงไม่ได้ใส่ใจกับความสำเร็จในลักษณะนี้แม้แต่น้อย ทว่าขณะนั้นเอง สายตาของเขาพลันหันมองไปยังซ่งรั่วเจินซ่งรั่วเจินเองก็หันไปมองฉู่อ๋องทันทีที่ได้ยินคำประกาศ เห็นแต่เพียงใบหน้าหล่อเหลาไม่เป็นสองรองใครของเขากำลังคลี่ยิ้มออกมาเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ชั่วขณะนั้น เขาก็ดูคล้ายจะเปล่งประกายเสียยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก รอยยิ้มอบอุ่นของเขาแกมแฝงด้วยความไม่แยแสยี่หระ ยิ่งกว่านั้นยังเปี่ยมอิสระเสรีไม่ยึดติดอันเป็นเอกลักษณ์ของคนหนุ่มทำเอาจังหวะเต้นของหัวใจใครหลายคนต่างสะดุดไปตามๆ กันในฐานะอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้ก็ย่อม
ตั้งแต่ซ่งจิ่งเซินกลับมา เขาก็ได้รับรู้ว่าหลินจือเยว่ทอดทิ้งน้องสาวของตนไปเพราะฉินซวงซวง ในใจก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าขุ่นเคืองเพียงใดเดิมทีคิดจะหาโอกาสสั่งสอนหลินจือเยว่เสียบ้าง ต่อมาได้รู้ว่าพวกน้องสามได้จัดการกันไปแล้ว จนบัดนี้แม้แต่ที่ให้ซุกหัวนอนก็ยังไม่มีจะอยู่หากเป็นคนทั่วไปแล้วเล่าก็ ใครยังจะมีแก่ใจมาพลอดรักกันอวดผู้คนให้อับอายขายขี้หน้าเช่นนี้ โชคยังดีที่น้องหญิงห้ายังไม่ทันได้แต่งออกไปกับคนเช่นนั้น!“หน้าของฉินซวงซวงนี่ก็ช่างหนายากจะหาผู้ใดเทียมเทียบจริงเชียว!”เมิ่งชิ่นหรี่เดินตาหยีด้วยแขยงสายตามาอยู่ข้างกายซ่งรั่วเจิน “ตั้งแต่นางมาวันนี้ก็ทำเอาผู้คนไม่น้อยเกิดไม่พอใจ แต่ดูเหมือนนางจะไม่ใส่ใจสักนิด ซ้ำยังจะมีหน้ามาทำระรื่นอยู่ได้”“ข้าว่าหลินจือเยว่ยิ้มได้มิน่าดูเสียยิ่งกว่าร้องไห้อีก แต่นางราวกับมองไม่เห็นอย่างไรอย่างนั้น ข้าว่าอย่างไรพวกเขาคงไปกันได้ไม่นานนักหรอก”ซ่งรั่วเจินมองเมิ่งชิ่นที่ยู่ตรงหน้าพลางยิ้มบาง “ยันต์คุ้มกายที่ข้าให้ไปใช้ได้ผลดีหรือไม่?”“ได้ผลดียิ่งเลยล่ะ!” เมิ่งชิ่นจับมือซ่งรั่วเจินความตื้นเต้นในใจ หน่วยดวงตาเต็มด้วยความตื้นต้น “หากมิใช่เพราะเจ้า ต
แม้จะกล่าวได้ว่าชื่อเสียงป่นปี้ไปแล้ว แต่ผู้คนต่างรู้ดีว่าอย่างไรนางก็เป็นเหยื่อ ไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์ราวหนูโสโครกบนท้องถนนเฉกเช่นทุกวันนี้หลินจือเยว่เมื่อได้เห็นว่าซ่งจืออวี้เจ้าคนกำยำล่ำหนาผู้นั้นได้เป็นถึงราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสาม ก็อดพาลอิจฉาขึ้นมาไม่ได้อยากจะเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งนั้นไม่ได้ง่ายดาย และแม้จะได้เป็นจริงแล้วก็ต้องเริ่มจากการเป็นราชองครักษ์หลานหลิง ทว่าซ่งจืออวี้กลับข้ามขั้นขึ้นมาเป็นราชองครักษ์หน้าพระที่นั่งขั้นสามโดยตรงเลยเสียนี่ยิ่งไปกว่านั้น ในวันนี้เขาก็ยังมีความดีความชอบจากการช่วยชีพองค์ชายเอาไว้ องค์ชายใหญ่และองค์ชายรองเห็นในส่วนนี้ย่อมพิจารณาเลื่อนขั้นให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความใส่ใจที่ฉู่จวินถิงมีต่อสกุลซ่งเขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่า หนทางของซ่งจืออวี้ย่อมจะต้องราบรื่นไร้อุปสรรคขวากหนามใดขวางกั้น ทว่าวาสนาทั้งหมดทั้งมวลนี้เดิมทีควรจะเป็นของเขาต่างหากเล่า!“จือเยว่ ซ่งรั่วเจินแย่งชิงวาสนาของเราไปเช่นนี้แล้ว ท่านก็ควรจะรู้ได้แล้วว่านางเป็นคนเช่นไร!” ฉินซวงซวงกล่าวหลินจือเยว่ปรายตามองฉินซวงซวง ทั้งที่ครั้งหนึ่งเขาเคยชอบพอนาง
“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? พี่น้องตระกูลซ่งไม่เพียงช่วยเหลือองค์ชายรอง แต่ยังช่วยองค์ชายใหญ่ไว้ด้วย?”ฉินซวงซวงจับมือเหอเซียงหนิงไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ ดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?ชาติที่แล้วคนถูกลอบสังหารคือองค์ชายรองชัดๆ นอกจากนี้ ข้อมูลที่สืบพบในตอนท้ายยังเผยว่าทุกอย่างล้วนเป็นฝีมือองค์ชายใหญ่ เหตุใดชาตินี้จึงไม่เหมือนเดิมเล่า?ถ้าองค์ชายใหญ่ก็ถูกลอบโจมตีด้วย เช่นนั้นแล้วตัวการเบื้องหลังคือใครกันแน่?“ไม่ผิดแน่นอน ครู่ก่อนข้าเห็นกับตาว่าพี่น้องตระกูลซ่งพาองค์ชายใหญ่กับองค์ชายรองกลับมา ซ่งรั่วเจินกับฉู่อ๋องก็กลับมาพร้อมกัน”“หมอหลวงเข้าไปถวายการรักษาในทันที ต่อมายังมีข่าวออกมาว่า องค์ชายทั้งสองถูกลอบโจมตีในเขตล่าสัตว์ของเชื้อพระวงศ์ โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากพี่น้องตระกูลซ่งจึงรักษาชีวิตไว้ได้”เหอเซียงหนิงมีสีหน้าย่ำแย่จนถึงที่สุด เดิมตั้งใจว่าจะใช้โอกาสวันนี้ทำให้ซ่งรั่วเจินพ่ายแพ้เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกคนทั้งเมืองหลวงชิงชังรังเกียจเหมือนหนูข้างถนน ทำร้ายนางจนตกอยู่ในสภาพนี้ ซ่งรั่วเจินมีสิทธิ์อะไรถึงยังมีชีวิตดีๆ อยู่ได้?แต่...ยามนี้ตระกูลซ่งสร้างคว
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดบัญชี รออีกสักหน่อยค่อยไปพูดกับซ่งรั่วเจินให้รู้เรื่องก็ยังไม่สาย“อี้ชวน อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เกากุ้ยเฟยถามอย่างเป็นห่วงฉู่อี้ชวนแสดงคารวะก่อนกล่าวว่า “แม้ลูกจะได้รับบาดเจ็บบ้าง แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”“เช่นนั้นก็ดี” เกากุ้ยเฟยถอนหายใจโล่งอก “เจ้ารีบไปพักผ่อนดีกว่า”ฮ่องเต้รับทราบอาการบาดเจ็บของฉู่อี้ชวนจากปากหมอหลวงแล้ว แม้ไม่ได้สาหัสเท่าฉู่เทียนเช่อ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง ยามนี้ยังมีสีหน้าซีดขาว แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน เด็กคนนี้เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด“นั่งลงพักก่อนเถอะ”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”หลังจากฉู่อี้ชวนมาแล้ว มีเขาบอกเล่ารายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยตัวเอง บวกกับคำบอกเล่าของฉู่จวินถิงก็เป็นการยืนยันความดีความชอบของพี่น้องตระกูลซ่งในที่สุด“ครั้งนี้พวกเจ้าสี่พี่น้องช่วยเหลือองค์ชายทั้งสองเอาไว้ สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ อยากได้รางวัลแบบไหนก็บอกมาได้เลย!”ฮ่องเต้พอพระทัยสี่พี่น้องตระกูลซ่งยิ่งนัก ซ่งหลินข่าวคราวเงียบหาย ทุกคนล้วนยอมรับกันอย่างเงียบๆ ว่าเขาคงไม่
“พวกเจ้าสี่คนบังเอิญผ่านไปบริเวณนั้นพอดี?”ฮ่องเต้กวาดสายตาผ่านพวกซ่งเยี่ยนโจวสี่พี่น้อง ดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กลับทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างมากซ่งเยี่ยนโจวกับซ่งอี้อันล้วนเคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน แม้จะรู้สึกกดดันไม่น้อย แต่ก็ไม่ถึงกับแตกตื่น ซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินกลับรู้สึกว่าสายพระเนตรของฮ่องเต้มีแรงกดดันใหญ่หลวง ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“พวกกระหม่อมสี่คนกำลังล่าสัตว์อยู่แถวนั้นพอดี น้องสามของกระหม่อมไปพบเข้าก่อน พวกกระหม่อมได้ยินเสียงน้องสามจึงรีบตามไปพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งเยี่ยนโจวตอบอย่างไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ทอดพระเนตรซ่งจืออวี้กับซ่งจิ่งเซินพี่น้องฝาแฝดคู่นี้ หน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียด แต่กลับมีลักษณะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงถึงจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพี่น้องฝาแฝดตระกูลซ่งคู่นี้ว่านิสัยต่างกันสุดขั้ว ด้วยเหตุนี้จึงสามารถระบุตัวซ่งจืออวี้ได้อย่างง่ายดาย“เราได้ยินว่ามีมือสังหารถึงแปดคน แต่เจ้าตัวคนเดียวก็กล้าบุกเข้าไป?”ซ่งจืออวี้ตอบด้วยท่าทางกริ่งเกรง “ฝ่าบาท ตอนนั้นกระหม่อมเห็นองค์ชายทั้งสองตกอยู่ในอันตรายจึงกระโจนเข้าไปโด