2
แม่เลี้ยงใจร้าย
“เจ้าหยุดตื่นกลัวเถิด ข้าเองก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนี้แม้ว่าจะโกรธที่นางคอยตบตีเรา แต่ข้าก็ไม่เคยคิดอยากให้เรื่องมันเกิดขึ้นเช่นนี้สักหน่อย” เด็กชายได้ปลอบน้องสาวของตน
“เฮือก! .” เสียงหายใจเฮือกใหญ่ทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องหันไปมองด้วยความเร็ว
“ท่านพี่นางฟื้นแล้ว”
“เดี๋ยวข้าจะไปตามท่านพ่อเจ้าอยู่ที่นี่” เด็กชายได้เอ่ยบอกน้องสาวของตนแล้ววิ่งออกไป เด็กหญิงตัวเล็กจ้องมองร่างที่นอนอยู่บนเตียง
จิวฉิงลืมตาขึ้นมากวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่คุ้นเคยกับสถานที่ที่ตัวเองอยู่ในตอนนี้นัก จำได้ว่าตัวเองนั้นตกลงสู่แม่น้ำหรือที่นี่คือสวรรค์ แต่แล้วเธอก็หันไปสบตากับเด็กหญิงตัวเล็กที่ยืนจ้องเธออยู่ข้างเตียง
“นี่หนู ที่นี่ที่ไหน” จิวฉิงได้เอ่ยถามเด็กคนนั้นพร้อมลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอน เด็กน้อยที่กลัวแม่เลี้ยงผู้นี้อยู่แล้วรีบตอบกลับมาอย่างสั่นกลัว
“ท่านแม่ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจท่านแม่อย่าลงโทษท่านพี่นะเจ้าคะข้าเป็นคนทำทั้งหมด” เด็กหญิงตัวเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ราวกับว่านางไปทำอันใดให้เด็กคนนี้หวาดกลัวกัน จิวฉิงเลยลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้มือจับที่แขนของเด็กหญิง
“ทำไมต้องกลัวฉันด้วยล่ะ ฉันแค่ถามเท่านั้นแต่หนูทำเหมือนฉันเป็นนางยักษ์ไปได้” แต่ทว่าเด็กกลัวเธอมาก ๆ จนน้ำตาใส ๆ ไหลออกมาจากดวงตากลมโต
“เจ้าจะทำอันใดลู่เอ๋อร์ปล่อยนางเดี๋ยวนี้” เสียงเย็นยะเยือกได้เอ่ยขึ้นมาทำให้จิวฉิงรีบหันไปมองผู้ที่กำลังย่างกรายเข้ามา แววตาดำสนิทราวกับหมึกดำแผ่ซ่านความอำมหิต เธอก็รีบปล่อยมือจากเด็กนั้นทันที
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าเองก็คิดว่าเจ้าเป็นสหายที่ดีของซู่ซ่าน และรักเอ็นดูลูก ๆ ของข้าแต่ทว่าเจ้ากลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมรังแกบุตรของข้าเสมอมา ต่อจากนี้ข้าจะไม่ใยดีกับเจ้า และไม่เกรงกลัวแม้ว่าเจ้าตระกูลของเจ้าจะมีอำนาจเพียงใดหากเจ้ากล้าลงมือกับบุตรทั้งสองของข้าอีกข้าจะอยู่เฉย ๆ แน่ ลู่เอ๋อร์ เลี่ยงเฟิงกลับไปที่ห้องของพวกเจ้าหากนางรักแกเจ้าอีกแจ้งข้าทันที” ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าจิวฉิงได้ต่อว่านางและหันไปบอกกับลูกให้กลับห้องของตน
“เดี๋ยวสิ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ฉันแค่ถามเท่านั้นเองว่าที่นี่ที่ไหน” จิวฉิงรีบอธิบายให้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าได้ฟัง
“เจ้าจะเสแสร้งอันใดอีกข้าจะไม่หลงกลเจ้าอีกต่อไป” เขาพูดจบก็ได้ออกไปปล่อยให้จิวฉิงงงงวยกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจำได้ว่าเธอตกลงสู่แม่น้ำแล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่เคยมาเช่นนี้
เมื่อทั้งหมดออกไปด้านนอกจิวฉิงเองก็ได้รีบหาคันฉ่องมาดูใบหน้าของตนเองตอนนี้ พบว่านี่ไม่ใช่ตัวของเธอแถมร่างนี้ช่างสวยงามอย่างมาก จิวฉิงตกใจจนทำให้คันฉ่องหล่นลงจากมือตนเองลงบนพื้นทำให้สาวใช้ที่อยู่ด้านนอกรีบเข้ามาดู
“คุณหนูเกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ” เข่อซิงหญิงสาวใช้ที่ติดตามเจ้าของร่างนี้มาตั้งแต่เด็กได้เข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน ฉันจะกลับบ้านพาฉันกลับบ้านที” จิวฉิงเริ่มกลัวจนเกิดความประหม่าที่ไม่รู้ว่าที่ตัวเองอยู่ตอนนี้คือที่ไหน
“โธ่! คุณหนูท่านตกน้ำทำให้ความทรงจำของท่านหายไปเลยหรือเจ้าคะ คุณหนูเป็นบุตรสาวของท่านเสนาบดีห่าวอู่นามว่าหานเสี่ยว์ และตอนนี้คุณหนูก็ได้มาเป็นฮูหยินของคุณชายเหิงเยว์เจ้าค่ะ” เข่อซิงอธิบายให้จิวฉิงฟัง
“แล้วเด็กทั้งสองเป็นลูกของฉันด้วยเหรอ” จิวฉิงพยายามลำดับเหตุการณ์เด็กทั้งสองเมื่อครู่เรียกตนเองว่าท่านแม่หรือว่าจะเป็นลูกของเจ้าของร่างนี้
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ เด็กสองคนนั้นเป็นบุตรของสหายของท่านอย่างไรเจ้าคะ หรือว่าคุณหนูจำอันใดไม่ได้เลยงั้นหรือ ข้าจะไปตามท่านหมอมาตรวจดูอาการของท่านนะเจ้าคะ" เข่อซิงเงยหน้ามองเจ้านายของตนอย่างสงสัย
"ไม่ต้องข้าไม่ได้เป็นอะไรอาจจะแค่ความทรงจำขาดหายชั่วคราวไม่นานความทรงจำอาจจะกลับมาในเร็ววัน"จิวฉิงรีบบอกกับสาวใช้ เข่อซิงจึงได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับร่างนี้ให้ฟัง ทำให้จิวฉิงถึงกับเอามือทาบอกไม่คิดเลยว่าคนที่มีหน้าตางดงามเพียงนี้ถึงได้ใจร้ายเช่นนี้ ไม่แปลกที่ชายคนนั้นถึงได้โกรธเคืองร่างนี้ถึงเพียงนี้
“เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างนี้นี่เอง อย่างนั้นวิญญาณของฉันกับเจ้าของร่างนี้คงได้ทะลุมิติสลับกันสินะ แม้จะสุขสบายที่ไม่ได้ทำงานอะไรแต่ฉันก็เป็นห่วงคุณย่าเหลือเกิน คงต้องอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาทางกลับไปยังโลกเดิมให้ได้ ต่อจากนี้ฉันจะอยู่ที่นี่ต้องทำตัวดี ๆ สะแล้วไม่อย่างนั้นคงได้ถูกคุณชายอะไรนั้นตัดคอแน่ ๆ แค่เห็นแววตาก็น่ากลัวมาก ๆ แล้ว ฉันต้องเปลี่ยนแปลงการพูดก่อนสินะ” จิวฉิงได้ยืนขึ้นไปหันมองไปทางหน้าต่างก่อนจะพึมพำอย่างเบา ๆ เพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
“ว่าแต่คุณชายอะไรนั้นได้ชอบหานเสี่ยว์หรือไม่” จิวฉิงอยากรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงได้เอ่ยถามเข่อซิง
“มีเพียงคุณหนูเท่านั้นเจ้าค่ะที่ชอบคุณชายเหิงเยว์ฝ่ายเดียว ตั้งแต่มาอยู่ที่เรือนนี้คุณชายไม่เคยมานอนกับคุณหนูที่ห้องเลย ข้าเองก็แปลกใจเหตุใดคุณหนูถึงไม่หย่ากับคุณชายเหิงเยว์แล้วไปหาคุณชายตระกูลอื่นแทน ทั้ง ๆ ที่ใบหน้าของคุณหนูก็งดงามไม่รองจากผู้ใด แถมยังต้องมาเลี้ยงเด็กแฝดทั้งสองนี่อีกด้วย ข้าเข้าใจคุณหนูนะเจ้าคะที่มักจะรังแกเด็ก ๆ เพราะเห็นเด็กนั้นเป็นขวากหนามคอยทิ่มแทงอก แม้บางครั้งข้าไม่เห็นด้วยก็เถิด” เข่อซิงได้เอ่ยออกมาด้วยความอยากรู้ความคิดของนายหญิงตนเอง
“นั้นสิ แล้วทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วยทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รักตัวเองเลย แต่ก็ช่างเถิดในเมื่อเป็นเช่นนี้จากนี้ข้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่แต่ตอนนี้ข้าต้องกินอะไรก่อนถึงจะมีแรงเจ้าไปหาอะไรอร่อยมาให้ข้ากินที “เข่อซิงมองนายหญิงของจนจนคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปนำอาหารมาให้คุณหนูโปรดรอสักครู่” เข่อซิงเดินออกไปด้านนอกเพื่อไปนำอาหารมาให้นางกิน จิวฉิงได้เดินดูเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องใช้แต่งกายต่าง ๆ มากสะจนเลือกไม่ถูกว่าจะใส่ชิ้นไหน
“เฮ้อ! โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับฉันกัน ให้ฉันกลับไปเหน็ดเหนื่อยเหมือนเดิมจะดีกว่า คุณย่ารอฉันอยู่ฉันจะกลับไปให้ได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปลี่ยนนิสัย ฉันจะต้องทำดีกับเด็กให้มาก ๆ เอาล่ะหานเสี่ยว์ฉันจะขอเปลี่ยนนิสัยเธอต่อจากนี้เธอต้องเป็นแม่เลี้ยงที่ดีให้ได้” จิวฉิงนั่งรอไม่นานเข่อซิงก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับสาวใช้อีกสองคนที่ยกสำรับเข้ามา จัดแจงวางไว้บนโต๊ะอาหาร สาวใช้ที่เดินเข้ามาก็ไม่ต่างจากเด็กหญิงที่เธอเจอเมื่อตอนที่ฟื้นเลย หานเสี่ยว์ต้องโหดร้ายแค่ไหนถึงทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้ขนาดนี้
“อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ” เข่อซิงได้บอกกับจิวฉิงที่ตอนนี้กำลังครุ่นคิดอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
3ท่านมีแผนอันใดจิวฉิงหันมามองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะมากมาย เธอรีบเดินมานั่งลงบนเก้าอี้พร้อมจับตะเกียบมาคีบอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย การที่ทะลุมิติในครั้งนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปสำหรับเธอ เพราะต่อจากนี้เธอไม่ต้องตื่นเช้าหลับดึกและไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ จิวฉิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เมื่อกินอาหารเสร็จแล้วเธอก็ได้เดินดูรอบ ๆ บริเวณเรือนของคุณชายเหิงเยว์เข่อซิงก็ได้บอกรายละเอียดว่าวัน ๆ เธอต้องทำอะไรบ้าง เธอต้องดูแลทุกอย่างในเรือนเพราะเป็นฮูหยินของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข้ารับใช้หรือว่าเรื่องเบี้ยอัฐค่าใช้จ่ายทั้งหมดรายงานต่อคุณชายเหิงเยว์ได้รับรู้ในแต่ละรอบ จิวฉิงได้เรียนรู้โดยเร็วโชคดีที่เธออ่านตัวหนังสือในโลกนี้ออก จึงได้เปิดอ่านรายรับรายจ่ายของเรือนแห่งนี้ ตาเธอลุกวาวเมื่อเห็นยอดเงินมากมายหากนับว่าเป็นโลกปัจจุบันบ้านของคุณชายผู้นี้อยู่ในระดับร่ำรวยทีเดียว จิวฉิงจึงได้รีบหันไปถามเข่อซิงโดยเร็วด้วยความอยากรู้“เข่อซิง หากนี่เป็นรายรับรายจ่ายของคุณชายเหิงเยว์เช่นนี้เท่ากับว่าตระกูลของข้าต้องมีมากกว่านี้ใช่มั้ย?” “ก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ ตระกูลของคุณหนูเป็นตระกูลที่ร่ำรวยแถมท่านใต
บทที่ 4 อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้าจิวฉิงได้บอกให้เข่อซิงไปสั่งพ่อครัวของที่นี่จัดอาหารมาให้ทั้งสามได้กินด้วยกัน ผ่านไปสักระยะก็มีสาวใช้ได้ยกสำรับมาจัดวางอยู่บนโต๊ะจนเต็มไปหมด จิวฉิงมองดูเด็กทั้งสองยังคงกลัวว่านางมีแผนร้ายเมื่ออาหารมาวางตรงหน้าจิวฉิงก็ได้นำตะเกียบคีบทุกอย่างเข้าปากอย่างละนิดอย่างละน้อยจนทำให้เด็กมั่นใจว่านางไม่ได้วางยาพิษ“เห็นมั้ยว่าข้าไม่คิดจะทำอันใดพวกเจ้าหากข้าใส่ยาพิษปานนี้ข้าคงโดนพิษไปแล้ว กินเถิดตอนที่ทุกอย่างยังร้อน ๆ หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย ” เด็กทั้งสองมองหน้ากันก่อนผู้เป็นพี่ได้พยักหน้าให้น้องสาวกินอาหารที่อยู่ตรงหน้าจิวฉิงมองดูทั้งสองอย่างเอ็นดู ทั้งสามคนก็ได้กินอาหารอย่างอร่อย ๆ จิวฉิงได้พูดคุยอย่างที่เจ้าของร่างไม่เคยทำมาก่อน“เจ้าทั้งสองได้ร่ำเรียนหนังสือหรือไม่ ?”“ตัวของข้าท่านพ่อให้อ่านตำราอยู่ที่เรือนเสียก่อนเพราะท่านอาจารย์ยังไม่รับข้าเป็นศิษย์”“อย่างนี้นี่เอง แล้วลู่เอ๋อร์เล่า ?”“ท่านแม่ข้าเป็นสตรีหน้าที่ของข้าคือการเรียนรู้การเย็บปักถักร้อยเจ้าค่ะ แต่ข้ายังเด็กนักท่านพ่อให้ข้าเรียนรู้กิริยาเท่านั้นเจ้าค่ะ” ลู่เอ๋อร์เริ่มกล้าที่จะพูดกับ
บทที่ 5 หาทางกลับจิวฉิงยิ้มร่าออกมาอย่างดีใจ“ท่านเอ่ยออกมาเองนะห้ามกลับคำ รุ่งเช้าข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งท่านพ่อหลังจากนั้นข้าจะออกจากเรือนของท่านทันที” คำพูดของนางทำเอาเหิงเยว์ต้องสงสัยคิ้วขมวดเข้าหากัน นางยอมมาอยู่ที่เรือนของเขานานนับ 5 ปี ไม่ยอมไปไหนแต่เหตุใดวันนี้นางถึงดีใจที่เขาจะหย่าให้นางเช่นนี้ แต่ก็ดีเช่นกันตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้มีใจให้นางสักนิด แม้นางจะงดงามแต่เวลาที่มองใบหน้าของนางก็เห็นใบหน้าของภรรยาทับซ้อนเข้ามาทุกครั้ง ทำให้เขาไม่เคยมานอนที่ห้องของนางเลยตั้งแต่แต่งนางเข้ามา“หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็เป็นการดีต่อตระกูลของข้าเช่นกัน” พูดจบเหิงเยว์ก็ได้เดินออกไปด้านนอก เข่อซิงก็ได้เดินเข้ามาเห็นนายหญิงของตนเองยิ้มมุมปากนางจึงเกิดความสงสัยมีเรื่องอันใดที่ทำให้นางมีความสุขได้ขนาดนี้ “คุณหนูยิ้มเช่นนี้มีเรื่องดี ๆ อันใด หรือเจ้าคะ”“เข่อซิง คุณชายเหิงเยว์บอกว่าจะหย่าให้ข้า วันรุ่งขึ้นข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อท่านพ่อเจ้ารีบไปพักผ่อนเถิดข้าเองก็จะไปพักเช่นกัน ” เข่อซิงงงงวยเอะใจที่เห็นคุณหนูดีใจขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางต้องร้องกรี๊ดออกมาไม่พอใจเป็นแน่ และไม่มีทา
บทที่ 6 ไข้หวัดรุ่งสางของอีกวันแสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบร่างกายของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้นางกลับมีอาการหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย เข่อซิงที่เขามาดูแลจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ของหานเสี่ยว์ในทุก ๆ เช้าเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนเองยังไม่ตื่นก็รู้สึกผิดแปลกเพราะหานเสี่ยว์นั้นมักจะตื่นมารอเข่อซิงในทุก ๆ เช้าเพื่อให้นางยกน้ำมาให้ล้างตา เข่อซิงจึงได้เข้าไปดูที่ห้องนอนก็พบว่าหานเสี่ยว์นอนหนาวสั่นอยู่บนเตียงนอน เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นเหงื่อที่ผุดออกมาจากรูขุมขนมากมาย“คุณหนู คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ” เข่อซิงมาจับตัวของหานเสี่ยว์ก็รับรู้ถึงความร้อนของร่างกายราวกับเพลิงเผาไหม้“โอ๊ะ! คุณหนูท่านตัวร้อนมากเลย นี่ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามานี่ที " เข่อซิงเรียกสาวใช้อีกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน“มีอะไรหรือ ".“เจ้าไปตามท่านหมอมาตรวจร่างกายของฮูหยินที ดูเหมือนนางจะไม่สบาย” เข่อซิงสั่งสาวใช้ให้ไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว “ได้ข้าจะไปตามเดี๋ยวนี้” สาวใช้รีบเดินออกไปตามท่านหมอที่โรงหมอในหมู่บ้านทันที ส่วนเข่อซิงก็ได้นำผ้ากระถังน้ำมาเช็ดตัวให้หานเสี่ยว์บรรเทาความร้อนลงได้บ้างฝั่งด้านลู่เอ๋อร์นางตื่นเต้นมากที่จะได้ไปห
บทที่ 7 เฝ้าไข้ฝั่งด้านเลี่ยงเฟิงมาถึงห้องอ่านตำราของท่านพ่อเขาก็ไม่ได้มีกระจิตกระใจกับการอ่านตำราสักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงว่าลู่เอ๋อร์อาจจะติดไข้จากหานเสี่ยว์ได้ จนเหิงเยว์สังเกตได้จึงได้จับตำราที่อยู่มือของเลี่ยงเฟิงออกมาจากตัวของเขา“วันนี้เจ้าเป็นอันใดข้าเห็นเจ้าเอาแต่เหม่อลอยแถมอ่านตำราหน้าเดียวเป็นเวลานาน”“คือว่าข้าเป็นห่วงลู่เอ๋อร์ขอรับท่านพ่อ”“ลู่เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือว่าหานเสี่ยว์รังแกนางอีกแล้ว”“มิใช่ขอรับแต่ที่ข้าเป็นห่วงเพราะกลัวว่านางจะติดไข้จากท่านแม่มากกว่า ก่อนที่ข้าจะมาหาพ่อข้าได้ไปส่งลู่เอ๋อร์ที่ห้องท่านแม่ตามที่นางสั่ง แต่เมื่อข้าไปถึงก็พบว่าท่านแม่นอนสั่นเทาอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวแถมยังมีท่านหมอมาตรวจร่างกายท่านแม่อีกด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านแม่จะฟื้นหรือยัง " เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง ทำให้เหิงเยว์ที่ครุ่นคิดนางบอกว่าจะไปหาท่านพ่อของนางเมื่อฟ้าสาง หรือนี่จะเป็นแผนของนางอีกเพราะนางไม่อยากหย่าอย่างที่นางบอก เขาจึงจะไปดูใบหน้าที่เสแสร้งของนางว่าตอนนี้นางเล่นละครตบตาคนในเรือนจนเชื่อสนิทได้อย่างไร“เจ้าอ่านตำราอยู่ในห้องนี้ไปก่อนเดี๋ยวข
บทที่ 8 หากบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไรหานเสี่ยว์เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเลี่ยงเฟิงก็รีบถามทันที“เป็นอันใดสีหน้าของเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ ”“ที่ต้นไม้ใหญ่ตรงด้านหน้าห้องของท่านพ่อ ข้าเห็นนกน้อยตกลงมาข้าสงสารอยากจะนำตัวนกน้อยไปไว้บนรัง หากแม่นกกลับมาจะได้พบเจอลูกน้อย แต่ว่าเขาไม่สามารถปีนขึ้นไปได้” เลี่ยงเฟิงก้มหน้าสงสารนกน้อยที่อยู่ในมือ“เจ้าช่างมีจิตใจที่ดีเหลือเกิน มาเถิดนำข้าไปที่รังของมัน ข้าจะส่งนกขึ้นรังเอง” จิวฉิง ถอนหายใจคิดว่าเรื่องใหญ่อะไร“แต่ว่าฮูหยินเจ้าคะ ท่านพึ่งหายจะมีแรงปีนป่ายต้นไม้หรือเจ้าคะ อีกอย่างตั้งแต่ข้าตามดูแลท่านมาท่านไม่เคยปีนป่ายต้นไม้สักครา หากท่านตกต้นไม้จะเกิดอันใดขึ้นข้าไม่อยากนึกเลย” เข่อซิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง“วางใจเถิดเข่อซิง ข้าทำได้” ใช่แล้วหากเป็นจิวฉิงนางทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้นางไปทำงานของสาวใช้นางก็สามารถทำได้สบาย ทั้งสี่คนก็ได้เดินไปที่ต้นไม้หน้าห้องของเหิงเยว์ จิวฉิงไม่รอช้าเมื่อเห็นต้นไม้ที่เลี่ยงเฟิงบอกก็ได้แบมือขอนกน้อยเพื่อนำไปไว้ที่รังของมัน นางปีนขึ้นไปอย่างง่ายดายโชคดีที่ต้นไม้ไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก เด็กๆ ทั้
บทที่ 9 อ้อมกอดที่อบอุ่นเหิงเยว์กลับมาจากวังหลวงอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อมาถึงเรือนก็ได้นำม้าให้แก่บ่าวไปผูกไว้ที่คอก เขาเองก็อยากกลับมาพักผ่อนที่ห้องแต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้จะถึงห้องของตนเองก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเด็ก ๆ เรียกท่านแม่ เขาวิตกกังวลคิดว่าหานเสี่ยว์จะทำมิดีมิร้ายกับเด็ก ๆ อีกแต่เมื่อเขาไปถึงก็เห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังล่วงหล่นมาจากต้นไม้ เขารีบกระโดดเข้าไปรับนางทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรกลัวนางจะได้รับบาดเจ็บเสียมากกว่า อิสตรีปากร้ายจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนางเมื่อเขาเห็นนางนอนเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สมกับเป็นนางสักเท่าไหร่นักและจิตใจของเขาเองก็หงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อเขารับตัวนางไว้ได้ใจของเหิงเยว์โมโหมากที่นางไม่รู้จักระวังตัวหากได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้นางต้องนอนอยู่บนเตียงนานหลายวันเป็นแน่ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางอย่างใกล้ชิดใจของเขาก็เริ่มสั่นไหว นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ทั้งที่เขาต้องเกลียดนางที่คอยรังแกเด็ก ๆ เขาจึงทำได้เพียงตวาดใส่นางอย่างหงุดหงิดใจ ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่เคยสังเกตหรือเพราะว่านางเปลี่ยนไปถึงทำให้เขาว้าวุ่นหัวใจได้ถึงเพียงนี้ ก่อนที่นางจะขอโทษแล
บทที่ 10 ฝันร้ายเมื่อส่งเด็ก ๆ เข้านอนเสร็จแล้ว หานเสี่ยว์ก็ได้เดินกลับห้องของตัวเอง เหิงเยว์มองดูนางพร้อมกับเดินตามหลังนางไปอย่าง ๆ ช้าหานเสี่ยว์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ได้ดังเพียงแค่เท้าเดียวนางจึงหยุดเดินและหันไปมองด้านหลังก็พบเหิงเยว์ที่เดินตามมา“นี่ท่านเดินตามข้ามาจะมาหาเรื่องอะไรข้าอีก "“ข้าก็แค่เดินตามทางเท่านั้นไม่ได้เดินตามเจ้าเสียหน่อย ”"แต่ว่าห้องของท่านไม่ได้มาทางนี้เสียหน่อย ""ข้าจะเดินไปที่ใดล้วนแต่เป็นที่ของข้า ไม่ว่าข้าจะย่างกรายที่ใดมันเกี่ยวอันใดกับเจ้าเล่า""เฮอะ แล้วแต่ท่านเถิดเจ้าค่ะ" หานเสี่ยว์หันหน้าเดินหนีเหิงเยว์อย่างไม่สนใจแต่เขาก็ยังคงเดินตามนางอยู่จนหานเสี่ยว์รู้สึกอึดอัด นางจึงหยุดเดินเพื่อถามเขาให้รู้ความ"นี่ ท่านจะเดินตามข้าไปถึงเมื่อไหร่ หากท่านจะเอ่ยว่าเดินไปทางใดก็เรื่องของท่าน แต่ช่วยเดินไปทางอื่นได้หรือไม่ หรือว่าท่านมีเรื่องอันใดข้องใจก็เอ่ยออกมา""เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้ามีแผนอันใดกันแน่ ที่เข้าหาบุตรของข้าทั้งสองคน สตรีเช่นเจ้าข้าไม่เชื่อว่าจะเปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วปานนี้""เฮ้อ ! จะต้องให้ข้าทำเช่นใด ท่านถึงจะเชื่อว่าข้ามิได้มีแผนอันใด ""แล้วเห
บทที่ 24 จับกุมใต้เท้าชั่วเหิงเยว์เดินออกมาหยุดเดินอยู่กลางทางเขาใช้มือทาบอกแกร่งของตน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามักจะใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้นาง เขาใจเต้นแรงเมื่อถูกหานเสี่ยว์สัมผัสแถมยังเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนางอีกด้วย "นี่ข้าเป็นอะไรไป ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น หรือว่าข้านั้นชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ ไม่หรอกข้าแค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้น นั้นสิข้าก็แค่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรีจึงทำให้หวั่นไหว เหิงเยว์ตั้งสติ" เขาบอกกล่าวตนเองแต่ที่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขามองนางแต่ทว่าไม่เห็นภาพทับซ้อนของซู่ซ่านเลย หรือว่าตอนนี้ภาพจำของซู่ซ่านได้เลือนลางไปแล้ว เมื่อถึงวันที่เหิงเยว์ต้องไปจัดการจับกุมใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้มาถึง เขาแต่งกายออกจากเรือนด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อนำทหารออกไปจับกุมในครั้งนี้ หานเสี่ยว์นางรู้เรื่องนี้จึงได้เดินมาหาเหิงเยว์ที่นางมาเพราะไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บมาอีก แม้จะไม่เข้าใจตนเองแต่ทว่าขาของนางก็ได้มาหยุดอยู่หน้าประตูของเขาเสียแล้ว เหิงเยว์เห็นหานเสี่ยว์มาหาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนเผลอตัวยิ้มออกมา"เจ้ามาหาข้าหรือ""เจ้าค่ะ ออกจากเรือนครั้งนี้ข้าขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ""นี่เจ้
บทที่ 23 หรือเจ้าอยากได้หัวใจของข้ามาถึงเรือนเขาก็ได้ไปพบเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ที่วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นท่านพ่อของตนก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา "ท่านพ่อ ท่านพ่อไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ" เหิงเยว์อุ้มลู่เอ๋อร์ขึ้นมาบนแขนแกร่งก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือของเลี่ยงเฟิงไปนั่งที่เก้าอี้ "ใช่แล้ว วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมาและมีของอร่อยมาฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย" "จริงหรือขอรับ ว๊าวข้าชอบขนมขอรับ" ดวงตากลมโตของทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ยินว่ามีของอร่อยมาฝาก เขาวางลู่เอ๋อร์ลงพร้อมหยิบขนมออกมาจากถุงมอบให้ทั้งสอง "ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น""ข้าเองก็รักท่านพ่อเช่นกันจะกินให้อร่อยนะขอรับ" "เจ้าทั้งสองชอบข้าเองก็ดีใจเช่นนั้นเจ้านั่งกินเสร็จก็อย่าลืมไปล้างมือกันด้วยนะ ""ขอรับ /เจ้าค่ะ" เขามองดูเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ นั่งกินกันอยู่ที่นี่ส่วนเขานั้นจะนำของไปมอบให้แก่หานเสี่ยว์ เหิงเยว์เดินทอดขามาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ครั้งที่นางป่วยเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามา "เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนไปเลย " เขาเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นข้าวของทุกอย่างยังค
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า
บทที่ 20 ใกล้ชิดเหิงเยว์กินอาหารไปพร้อมหัวใจที่เต้นแรงเมื่อหานเสี่ยว์ป้อนอาหารให้เขา ตัวของนางแทบจะนั่งติดกันกับเขา เหิงเยว์ได้กลิ่นถุงหอมที่โชยออกมาจากกายนางทำให้เขาจำกลิ่นได้ทันทีเป็นนางนั่นเองที่เฝ้าดูแลเขาทั้งคืนหัวใจของเขาเต้นตึกตักความรู้สึกที่เคยเคียดแค้นก็เริ่มจางหายกลับกลายเป็นใจสั่นไหวแทน"ท่านแม่ข้าอิ่มแล้วและวันนี้ท่านแม่มิต้องไปส่งข้ากับท่านพี่ที่ห้องนะเจ้าคะข้ากับท่านพี่กลับเองได้เจ้าค่ะ" ลู่เอ๋อร์ได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังป้อนอาหารท่านพ่อเสร็จสิ้น "ดี เช่นนั้นข้าเองก็จะกลับห้องเช่นกัน ท่านอิ่มแล้วใช่หรือไม่?" นางหันมาตอบลู่เอ๋อร์พลางหันไปถามชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "ท่านแม่ ท่านต้องคอยเฝ้าท่านพ่อสิขอรับ หากท่านพ่อไข้ขึ้นตอนกลางคืนจะทำเช่นไร ลู่เอ๋อร์เรารีบไปกันเถอะท่านพ่อกับท่านแม่จะได้พักผ่อน พวกเจ้าเองก็รีบมาเก็บสำรับไปเก็บสะสิ" เลี่ยงเฟิงได้หันไปบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "เดี๋ยวสิ ข้ารับใช้ก็มากมายทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า ไม่เอาหรอกนะ"หานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องถูกเหิงเยว์ดึงมือเอาไว้ก่อน "อยู่กับข้าก่อนเถอะนะ " จากที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับชายตรงหน้าแม
บทที่ 19 แผนสำเร็จเลี่ยงเฟิงเดินย่ำเท้าไปที่ห้องของท่านพ่อโดยเร็วเมื่อเขาได้ไปแจ้งต่อท่านอาว่าไม่ต้องมาดูแลท่านพ่อของตนเอง เขาจึงรีบมาก่อนที่ลู่เอ๋อร์จะพาท่านแม่มาถึงก่อน แม้เขายังเป็นเพียงเด็กแต่ก็รู้ดีเรื่องที่ท่านอาลู่ฟางนั้นเสแสร้งเป็นผู้ดูแลท่านพ่อ แต่หาใช่เป็นเช่นนั้นไม่ ความยุติธรรมที่ท่านพ่อเคยสั่งสอนทำให้เลี่ยงเฟิงต้องแจ้งความจริงให้ท่านพ่อได้รู้ว่าผู้ใดที่ดูแลท่านพ่อที่แท้จริงเหิงเยว์แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่เขาเองก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้จึงได้เดินไปที่ห้องทำงานของตนเองหยิบพู่กันจุ่มหมึกดำมาเขียนสารส่งให้กับฝ่าบาท เมื่อเขาเขียนเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาด้านนอกเรียกหาคนสนิทของเขาให้นำสารนี้ไปมอบให้ฝ่าบาท "ตงหยาง เจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่""ขอรับนายท่าน""เจ้าจงนำจดหมายนี้ไปมอบให้แก่ฝ่าบาททีและต้องให้ถึงมือของฝ่าบาทอย่าให้ผู้ใดได้เห็นเนื้อความในนี้เด็ดขาด" ตงหยางรับจดหมายมาซุกเข้าด้านในเสื้อของตนพร้อมรับคำสั่ง"ขอรับ""อย่าพึ่งไป ตลอดเวลาที่ข้าให้เจ้าจับตาดูหานเสี่ยว์นางเป็นเช่นไรบ้าง""ฮูหยินก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีแผนอันใดนะขอรับ แถมยังเอ็นดูคุณชายกับคุณหนูเป็นอย่างดี แม
บทที่ 18 แผนของเด็กน้อยทั้งสองเด็กทั้งสองเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของตนเองก็ได้มองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะมุดหัวชนกันเพื่อหารือวางแผน "ลู่เอ๋อร์ก่อนที่จะกินอาหารเย็นข้าจะไปแจ้งท่านอาว่าท่านพ่อทานอาหารพร้อมยาไปเสียแล้วเพื่อไม่ให้ท่านอาต้องไปดูแลท่านพ่อ ส่วนเจ้าไปตามท่านแม่ที่ห้องมาห้องของท่านพ่อให้ได้ แล้วจากนั้นเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่นอนด้วยกัน" ผู้เป็นพี่ได้วางแผนบอกกับน้องสาว"โอ๊ะ ! อย่างนี้เราทั้งสองก็จะมีน้องเล็กเร็ว ๆ สินะเจ้าคะ ข้าตื่นเต้นจังเช่นนั้นข้าจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปทำตามแผนเจ้าคะ" ลู่เอ๋อร์ลี่ตาเล็กลงยิ้มมุมปากอย่างดีใจ "เช่นนั้นก็เอาตามนี้ " เลี่ยงเฟิงเองก็ได้เข้าห้องของตนเองเช่นกันไม่นานนักทั้งสองก็ออกมาจากห้องพร้อม ๆ กันก่อนจะมองหน้าให้กันและพยักหน้าทำตามแผนที่วางไว้ ฝั่งด้านลู่ฟางนางอาบน้ำที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อให้ร่างกายมีกลิ่นหอม จะได้ไปดูแลเหิงเยว์ในค่ำคืนนี้อย่างใกล้ชิดนางมีแผนจะใช้ความใกล้ชิดทำให้เหิงเยว์หวั่นไหวโดยการสวมเสื้อด้านนอกอย่างละหลวมเพื่อเผยให้เห็นตู้โตวเมื่อนางก้มตัวลง นางแสยะยิ้มอยู่หน้ากระจกเมื่อนึกแผนการณ์หากม
บทที่ 17 ข้าอยากมีน้องหานเสี่ยว์เดินฟัดเหวี่ยงออกมาอย่างน่าโมโหพร้อมพึมพำต่อว่าเหิงเยว์ที่เขากล่าวว่าตน"ข้ามิน่าช่วยคนเช่นนี้เลย ข้าไม่ได้นอนก็เพราะต้องดูแลทั้งคืนแต่กลับมาถูกต่อว่า ฮึ! จากนี้ต่อให้ท่านหายใจโรยรินอยู่ต่อหน้าแทบจะกราบแทบเท้าข้าก็ไม่ช่วยท่านแน่นอน เฮอะ" เข่อซิงเองก็คันปากอยากพูดจึงได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของหานเสี่ยว์"นั้นสิเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่คุณหนูเฝ้าอยู่ทั้งคืนแท้ ๆ แต่เหตุใดคนที่ได้หน้ากลับเป็นสตรีนางนั้นกันหรือว่าคุณชายเหิงเยว์ฟื้นขึ้นมาพบเจอนางเป็นคนแรกจึงคิดว่านางนั้นเป็นผู้ดูแล นิสัยไม่ดีเลยเจ้าค่ะ""ช่างประไร อย่างไรข้ามันก็แค่นางร้ายในสายตาของคุณชายเหิงเยว์อยู่ดี มีนางมาคอยเฝ้าดูแลก็ดีข้าจะได้มาต้องมานั่งคอยเป็นห่วง ข้าจะนอนพักอย่างสบายใจ ชิ " นางบ่นไม่ขาดปากเท้าก็ได้เดินมาหยุดที่ศาลารับลมกลางเรือน นางนั่งลงสงบสติอารมณ์ โดยมีเข่อซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างกาย หานเสี่ยว์หายใจเข้าออกจนกระทั่งลมหายใจของนางกลับมาเป็นปกติ สายตาของนางเห็นว่ามีเกี้ยวของขุนนางที่ถูกข้ารับใช้แบกมาวางลงที่หน้าเรือน บ่าวรับใช้ของขุนนางผู้นี้ก็มีมากมายหากนางเดาไม่ผิดขุนนางผู้นี้ต้อง
บทที่ 16 ไร้น้ำใจ ข่างเรื่องที่เหิงเยว์โดนรอบทำร้ายก็ได้เลื่องลือไปจนทั่วจนถึงหูของลู่ฟางนางจึงรีบเดินทางมาเยี่ยมเหิงเยว์อย่างเป็นห่วงด้วยใจที่ร้อนรน "ข้ามาพบท่านพี่เหิงเยว์ตอนนี้ท่านพี่ฟื้นหรือยัง? " เมื่อมาถึงเรือนของเหิงเยว์ลู่ฟางก็ได้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ในเรือนอย่างร้อนใจ"คุณหนูลู่ฟาง ตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ยังคงไม่รู้สึกตัวขอรับ" "เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านพี่เหิงเยว์ที่ห้องนอนเอง ท่านพี่คงได้รับบาดเจ็บมากเลยสินะ "ดวงตาเศร้าสร้อยเมื่อนึกภาพที่เหิงเยว์นอนป่วย"ข้ามิอาจจะเอ่ยได้เพราะฮูหยินสั่งห้ามมิให้บ่าวไพร่ในเรือนพูดเรื่องนี้ขอรับ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" พูดจบบ่าวรับใช้ก็ได้เดินจากไปเมื่อลู่ฟางได้ยินเช่นนั้นก็เคลือบแคลงใจหรือการบาดเจ็บนี่จะเป็นฝีมือของหานเสี่ยว์"เหตุใดถึงสั่งห้ามไม่ให้บ่าวที่เรือนเอ่ยเรื่องนี้หรือว่าเรื่องที่ท่านพี่เหิงเยว์ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับนางกันนะ ช่างเป็นสตรีที่เหี้ยมโหดเสียจริง ข้าก็คิดว่านางจะรักท่านพี่มาก ๆ เสียอีก " นางพึมพำอยู่ผู้เดียวพร้อมย่างกรายไปหาเหิงเยว์ที่ห้องเมื่อนางเข้ามาเห็นก็พบเหิงเยว์นอนอยู่บนเตียงนอนยังไม่ฟื้นนางเข้าไปใกล้ ๆ มองดูใบหน้าที่ซีด