บทที่ 4 อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้า
จิวฉิงได้บอกให้เข่อซิงไปสั่งพ่อครัวของที่นี่จัดอาหารมาให้ทั้งสามได้กินด้วยกัน ผ่านไปสักระยะก็มีสาวใช้ได้ยกสำรับมาจัดวางอยู่บนโต๊ะจนเต็มไปหมด จิวฉิงมองดูเด็กทั้งสองยังคงกลัวว่านางมีแผนร้ายเมื่ออาหารมาวางตรงหน้าจิวฉิงก็ได้นำตะเกียบคีบทุกอย่างเข้าปากอย่างละนิดอย่างละน้อยจนทำให้เด็กมั่นใจว่านางไม่ได้วางยาพิษ
“เห็นมั้ยว่าข้าไม่คิดจะทำอันใดพวกเจ้าหากข้าใส่ยาพิษปานนี้ข้าคงโดนพิษไปแล้ว กินเถิดตอนที่ทุกอย่างยังร้อน ๆ หากเย็นแล้วจะไม่อร่อย ” เด็กทั้งสองมองหน้ากันก่อนผู้เป็นพี่ได้พยักหน้าให้น้องสาวกินอาหารที่อยู่ตรงหน้า
จิวฉิงมองดูทั้งสองอย่างเอ็นดู ทั้งสามคนก็ได้กินอาหารอย่างอร่อย ๆ จิวฉิงได้พูดคุยอย่างที่เจ้าของร่างไม่เคยทำมาก่อน
“เจ้าทั้งสองได้ร่ำเรียนหนังสือหรือไม่ ?”
“ตัวของข้าท่านพ่อให้อ่านตำราอยู่ที่เรือนเสียก่อนเพราะท่านอาจารย์ยังไม่รับข้าเป็นศิษย์”
“อย่างนี้นี่เอง แล้วลู่เอ๋อร์เล่า ?”
“ท่านแม่ข้าเป็นสตรีหน้าที่ของข้าคือการเรียนรู้การเย็บปักถักร้อยเจ้าค่ะ แต่ข้ายังเด็กนักท่านพ่อให้ข้าเรียนรู้กิริยาเท่านั้นเจ้าค่ะ” ลู่เอ๋อร์เริ่มกล้าที่จะพูดกับหานเสี่ยว์
“เช่นนั้นก็ดีต่อจากนี้ไปลู่เอ๋อร์เจ้าต้องมาหาที่ห้องของข้าหลังจากที่เจ้ากินอาหารเช้าเสร็จข้าจะพาเจ้าทำเรื่องสนุก ๆ เองส่วนกิริยามารยาทนั้นข้าว่าเจ้ามีเพียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ”
จิวฉิงยิ้มอย่างดีใจที่เด็ก ๆ กล้าที่จะพูดกับนางแล้ว
เหิงเยว์ที่กลับมาจากด้านนอก ห้องของเขาต้องเดินผ่านห้องโถงใหญ่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะกัน เขาเลยเดินเข้าไปดูก็พบว่าหานเสี่ยว์กำลังนั่งกินอาหารกับเด็ก ๆ อยู่ เขารีบเข้าไปห้ามเด็ก ๆ ไม่ให้กินอาหารกับนาง หานเสี่ยว์ต้องมีแผนร้ายแน่ ๆ นางคงจะจัดการกับลูกของเขาที่ทำให้นางตกลงในบึงน้ำ ไม่เช่นนั้นสตรีที่ใจโหดเหี้ยมเช่นนางคงไม่มาทำเช่นนี้กับเด็ก ๆได้
“นี่เจ้าทำอันใดลูกของข้า เลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์วางตะเกียบเดี๋ยวนี้ นางบังคับพวกเจ้าอีกแล้วหรือ” น้ำเสียงเข้มขรึมได้เอ่ยขึ้นมาทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงหันไปมองเป็นทางเดียว แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงย่างเท้าเข้ามาด้วยความเร่งรีบดึงลูกทั้งสองออกมาจากเก้าอี้
“นี่ท่านเด็ก ๆ ยังไม่อิ่มท่านมาทำเช่นนี้ทำไมกัน ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเด็กทั้งสองสักนิด” เขาจ้องมองหน้าเธอด้วยดวงตาแข็งกร้าว
“สตรีเช่นเจ้า ข้าไม่มีทางไว้ใจว่าเจ้าไม่มีแผนอันใด เจ้าอาจจะใส่ยาพิษลงไปในอาหารก็ได้ นี่พวกเจ้าไปตามท่านหมอมาตรวจดูร่างกายของลูกข้าเดี๋ยวนี้” เหิงเยว์ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นเขายังมองว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าเป็นสตรีที่เสแสร้งริษยาที่จะคอยรังแกลูก ๆ ของเขา
“ดีเช่นนั้นก็ให้ท่านหมอมาตรวจข้าด้วยเพราะข้าเองก็กินอาหารที่อยู่บนโต๊ะนี่ทุกอย่างและข้าก็กินก่อนเด็ก ๆ ด้วยซ้ำ พ่อกับลูกช่างเหมือนกันเสียจริงเห็นข้าเป็นนางมารหรือไง ไปสิรีบไปตามท่านหมอมา หากว่าร่างกายของเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ไม่มีพิษแม้แต่นิดเดียวท่านต้องขอโทษที่กล่าวหาข้าด้วย” แม้ว่าจิวฉิงจะหวั่นกลัวชายที่อยู่ตรงหน้าแต่เธอจะไม่ยอมให้เขามาต่อว่าได้อีกต่อไป
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านพี่กินอาหารพวกนี้กับท่านแม่ไม่มียาพิษหรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่ออย่าต่อว่าท่านแม่เลย ข้าขอบคุณท่านแม่มากนะเจ้าคะวันนี้ข้ากินอาหารเยอะเลยตอนนี้อิ่มแล้วต้องขอตัวกลับห้องก่อน แล้วพรุ้งนี้ข้าจะไปหาท่านแม่นะเจ้าคะ”ลู่เอ๋อร์เริ่มเปิดใจให้หานเสี่ยว์เพราะนางเปลี่ยนไปมากจริง ๆ และไม่อยากให้ท่านพ่อกับนางต้องมาทะเลาะกันลู่เอ๋อร์จึงได้บอกแก่ท่านพ่อของตน
“เห็นมั้ย ว่าข้าไม่ได้ทำใดเลย " เหิงเยว์ยังคงมองนางไม่ละสายตาเขายังคงไม่เชื่อว่านางจะทำตัวดีกับลูก ๆ ของเขา
“หากเจ้าอิ่มแล้วก็กลับห้องเถิด เลี่ยงเฟิงเจ้าเองก็กลับไปพร้อมลู่เอ๋อร์เถิด” เขาหันไปบอกเด็ก ๆ อย่างอ่อนโยนแตกต่างจากมองจิวฉิงเมื่อครู่ยิ่งนัก
“ได้ขอรับท่านพ่อ ลู่เอ๋อร์เราไปกันเถิด” เด็กทั้งสองได้จับมือกันเดินออกไป เมื่อไม่มีเด็ก ๆ แล้วเหิงเยว์ก็ได้กวักมือไล่ให้สาวใช้ออกไปด้านนอกเขามีเรื่องที่จะพูดกับหานเสี่ยว์เพียงลำพัง
เข่อซิงเมื่อเห็นสัญญาณก็ได้เดินออกไปรอด้านนอก
“นี่เข่อซิงเจ้าไปไหน รอข้าด้วย ” จิวฉิงรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเหิงเยว์นางก็ไม่อยากอยู่ที่นี่กับเขาเพียงสองคนจึงลุกขึ้นจะเดินตามเข่อซิงออกไป แต่แล้วก็ต้องถูกเหิงเยว์ขว้างหน้าเอาไว้ก่อน
“จะรีบไปที่ใด "
“ตอนนี้ก็มืดแล้วข้าก็ต้องกลับห้องนะสิ ท่านหลีกทางข้าหน่อยสิ”
“ตอนนี้ในห้องมีเพียงเจ้ากับข้าเลิกเสแสร้งเสียที เจ้ามีแผนอันใดถึงทำดีกับลูกของข้า ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วใช่หรือไม่หากเจ้ากล้ารังแกลูกของข้าอีกข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ”
เหิงเยว์เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จนจิวฉิงเดินถอยหลังนั่งลงที่เก้าอี้ แม้ร่างเดิมจะไม่เกรงกลัวแถมยังมีจิตใจที่แข็งแกร่งแตกต่างจากจิวฉิงยิ่งนัก เธอก็เป็นแค่หญิงสาวที่ถูกต่อว่าข่มเหงเรื่อยมาเมื่อเจอเช่นนี้ก็ทำให้นางเกรงกลัวชายตรงหน้าเช่นกัน
“ขะ.. ข้าไม่มีแผนอันใดเลย ข้าแค่อยากให้เด็ก ๆ มีความสุขเท่านั้น”นางได้เอ่ยออกมาเสียงสั่น
“เจ้าโกหก เมื่อก่อนเจ้าไม่เห็นเคยหลบตาข้าแต่ตอนนี้แม้กระทั่งหน้าของข้าเจ้ายังไม่กล้ามอง เจ้ามีแผนอันใดบอกข้ามาเดี๋ยวนี้” เหิงเยว์ตะโกนใส่จิวฉิงจนนางตกใจเงยหน้ามองเขาที่กำลังจ้องนางอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่แล้วนางก็ต้องตกตะลึงใบหน้าที่เข้ารูปหล่อเหลานัยษ์ตาสีน้ำตาลแวววาวเป็นประกายของเหิงเยว์ทำให้จิวฉิงเข้าใจแล้วทำไมหานเสี่ยว์ถึงได้ตกหลุมรักชายผู้นี้ถึงขั้นยอมเป็นแม่เลี้ยงของเด็ก ๆ
“ว่าแล้วทำไมถึงได้ยอมถึงขนาดนี้เพราะหล่อมาก ๆ อย่างนี้นี่เอง” จิวฉิงเผลอตัวใช้มือจับหน้าของเหิงเยว์อย่างลืมตัว
“ทำบ้าอะไรของเจ้า ” เขาได้ปัดมือของนางออกอย่างไม่ยั้งมือ ทำให้จิวฉิงได้สติ
“โอ๊ย เจ็บนะ! "
“อย่าทำเช่นนี้อีก อย่างไรข้าก็ไม่มีทางชอบสตรีเช่นเจ้า และไม่มีวันชอบเจ้า หากเจ้าอยากจะหย่าข้าก็พร้อมที่จะหย่าให้เจ้า”
บทที่ 5 หาทางกลับจิวฉิงยิ้มร่าออกมาอย่างดีใจ“ท่านเอ่ยออกมาเองนะห้ามกลับคำ รุ่งเช้าข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งท่านพ่อหลังจากนั้นข้าจะออกจากเรือนของท่านทันที” คำพูดของนางทำเอาเหิงเยว์ต้องสงสัยคิ้วขมวดเข้าหากัน นางยอมมาอยู่ที่เรือนของเขานานนับ 5 ปี ไม่ยอมไปไหนแต่เหตุใดวันนี้นางถึงดีใจที่เขาจะหย่าให้นางเช่นนี้ แต่ก็ดีเช่นกันตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็ไม่ได้มีใจให้นางสักนิด แม้นางจะงดงามแต่เวลาที่มองใบหน้าของนางก็เห็นใบหน้าของภรรยาทับซ้อนเข้ามาทุกครั้ง ทำให้เขาไม่เคยมานอนที่ห้องของนางเลยตั้งแต่แต่งนางเข้ามา“หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็เป็นการดีต่อตระกูลของข้าเช่นกัน” พูดจบเหิงเยว์ก็ได้เดินออกไปด้านนอก เข่อซิงก็ได้เดินเข้ามาเห็นนายหญิงของตนเองยิ้มมุมปากนางจึงเกิดความสงสัยมีเรื่องอันใดที่ทำให้นางมีความสุขได้ขนาดนี้ “คุณหนูยิ้มเช่นนี้มีเรื่องดี ๆ อันใด หรือเจ้าคะ”“เข่อซิง คุณชายเหิงเยว์บอกว่าจะหย่าให้ข้า วันรุ่งขึ้นข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อท่านพ่อเจ้ารีบไปพักผ่อนเถิดข้าเองก็จะไปพักเช่นกัน ” เข่อซิงงงงวยเอะใจที่เห็นคุณหนูดีใจขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางต้องร้องกรี๊ดออกมาไม่พอใจเป็นแน่ และไม่มีทา
บทที่ 6 ไข้หวัดรุ่งสางของอีกวันแสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบร่างกายของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้นางกลับมีอาการหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย เข่อซิงที่เขามาดูแลจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ของหานเสี่ยว์ในทุก ๆ เช้าเมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนเองยังไม่ตื่นก็รู้สึกผิดแปลกเพราะหานเสี่ยว์นั้นมักจะตื่นมารอเข่อซิงในทุก ๆ เช้าเพื่อให้นางยกน้ำมาให้ล้างตา เข่อซิงจึงได้เข้าไปดูที่ห้องนอนก็พบว่าหานเสี่ยว์นอนหนาวสั่นอยู่บนเตียงนอน เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็เห็นเหงื่อที่ผุดออกมาจากรูขุมขนมากมาย“คุณหนู คุณหนูท่านไม่สบายหรือเจ้าคะ” เข่อซิงมาจับตัวของหานเสี่ยว์ก็รับรู้ถึงความร้อนของร่างกายราวกับเพลิงเผาไหม้“โอ๊ะ! คุณหนูท่านตัวร้อนมากเลย นี่ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามานี่ที " เข่อซิงเรียกสาวใช้อีกคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาด้านใน“มีอะไรหรือ ".“เจ้าไปตามท่านหมอมาตรวจร่างกายของฮูหยินที ดูเหมือนนางจะไม่สบาย” เข่อซิงสั่งสาวใช้ให้ไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว “ได้ข้าจะไปตามเดี๋ยวนี้” สาวใช้รีบเดินออกไปตามท่านหมอที่โรงหมอในหมู่บ้านทันที ส่วนเข่อซิงก็ได้นำผ้ากระถังน้ำมาเช็ดตัวให้หานเสี่ยว์บรรเทาความร้อนลงได้บ้างฝั่งด้านลู่เอ๋อร์นางตื่นเต้นมากที่จะได้ไปห
บทที่ 7 เฝ้าไข้ฝั่งด้านเลี่ยงเฟิงมาถึงห้องอ่านตำราของท่านพ่อเขาก็ไม่ได้มีกระจิตกระใจกับการอ่านตำราสักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงว่าลู่เอ๋อร์อาจจะติดไข้จากหานเสี่ยว์ได้ จนเหิงเยว์สังเกตได้จึงได้จับตำราที่อยู่มือของเลี่ยงเฟิงออกมาจากตัวของเขา“วันนี้เจ้าเป็นอันใดข้าเห็นเจ้าเอาแต่เหม่อลอยแถมอ่านตำราหน้าเดียวเป็นเวลานาน”“คือว่าข้าเป็นห่วงลู่เอ๋อร์ขอรับท่านพ่อ”“ลู่เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือว่าหานเสี่ยว์รังแกนางอีกแล้ว”“มิใช่ขอรับแต่ที่ข้าเป็นห่วงเพราะกลัวว่านางจะติดไข้จากท่านแม่มากกว่า ก่อนที่ข้าจะมาหาพ่อข้าได้ไปส่งลู่เอ๋อร์ที่ห้องท่านแม่ตามที่นางสั่ง แต่เมื่อข้าไปถึงก็พบว่าท่านแม่นอนสั่นเทาอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวแถมยังมีท่านหมอมาตรวจร่างกายท่านแม่อีกด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านแม่จะฟื้นหรือยัง " เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง ทำให้เหิงเยว์ที่ครุ่นคิดนางบอกว่าจะไปหาท่านพ่อของนางเมื่อฟ้าสาง หรือนี่จะเป็นแผนของนางอีกเพราะนางไม่อยากหย่าอย่างที่นางบอก เขาจึงจะไปดูใบหน้าที่เสแสร้งของนางว่าตอนนี้นางเล่นละครตบตาคนในเรือนจนเชื่อสนิทได้อย่างไร“เจ้าอ่านตำราอยู่ในห้องนี้ไปก่อนเดี๋ยวข
บทที่ 8 หากบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไรหานเสี่ยว์เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเลี่ยงเฟิงก็รีบถามทันที“เป็นอันใดสีหน้าของเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ ”“ที่ต้นไม้ใหญ่ตรงด้านหน้าห้องของท่านพ่อ ข้าเห็นนกน้อยตกลงมาข้าสงสารอยากจะนำตัวนกน้อยไปไว้บนรัง หากแม่นกกลับมาจะได้พบเจอลูกน้อย แต่ว่าเขาไม่สามารถปีนขึ้นไปได้” เลี่ยงเฟิงก้มหน้าสงสารนกน้อยที่อยู่ในมือ“เจ้าช่างมีจิตใจที่ดีเหลือเกิน มาเถิดนำข้าไปที่รังของมัน ข้าจะส่งนกขึ้นรังเอง” จิวฉิง ถอนหายใจคิดว่าเรื่องใหญ่อะไร“แต่ว่าฮูหยินเจ้าคะ ท่านพึ่งหายจะมีแรงปีนป่ายต้นไม้หรือเจ้าคะ อีกอย่างตั้งแต่ข้าตามดูแลท่านมาท่านไม่เคยปีนป่ายต้นไม้สักครา หากท่านตกต้นไม้จะเกิดอันใดขึ้นข้าไม่อยากนึกเลย” เข่อซิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง“วางใจเถิดเข่อซิง ข้าทำได้” ใช่แล้วหากเป็นจิวฉิงนางทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้นางไปทำงานของสาวใช้นางก็สามารถทำได้สบาย ทั้งสี่คนก็ได้เดินไปที่ต้นไม้หน้าห้องของเหิงเยว์ จิวฉิงไม่รอช้าเมื่อเห็นต้นไม้ที่เลี่ยงเฟิงบอกก็ได้แบมือขอนกน้อยเพื่อนำไปไว้ที่รังของมัน นางปีนขึ้นไปอย่างง่ายดายโชคดีที่ต้นไม้ไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก เด็กๆ ทั้
บทที่ 9 อ้อมกอดที่อบอุ่นเหิงเยว์กลับมาจากวังหลวงอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อมาถึงเรือนก็ได้นำม้าให้แก่บ่าวไปผูกไว้ที่คอก เขาเองก็อยากกลับมาพักผ่อนที่ห้องแต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้จะถึงห้องของตนเองก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเด็ก ๆ เรียกท่านแม่ เขาวิตกกังวลคิดว่าหานเสี่ยว์จะทำมิดีมิร้ายกับเด็ก ๆ อีกแต่เมื่อเขาไปถึงก็เห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังล่วงหล่นมาจากต้นไม้ เขารีบกระโดดเข้าไปรับนางทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรกลัวนางจะได้รับบาดเจ็บเสียมากกว่า อิสตรีปากร้ายจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนางเมื่อเขาเห็นนางนอนเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สมกับเป็นนางสักเท่าไหร่นักและจิตใจของเขาเองก็หงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อเขารับตัวนางไว้ได้ใจของเหิงเยว์โมโหมากที่นางไม่รู้จักระวังตัวหากได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้นางต้องนอนอยู่บนเตียงนานหลายวันเป็นแน่ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางอย่างใกล้ชิดใจของเขาก็เริ่มสั่นไหว นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ทั้งที่เขาต้องเกลียดนางที่คอยรังแกเด็ก ๆ เขาจึงทำได้เพียงตวาดใส่นางอย่างหงุดหงิดใจ ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่เคยสังเกตหรือเพราะว่านางเปลี่ยนไปถึงทำให้เขาว้าวุ่นหัวใจได้ถึงเพียงนี้ ก่อนที่นางจะขอโทษแล
บทที่ 10 ฝันร้ายเมื่อส่งเด็ก ๆ เข้านอนเสร็จแล้ว หานเสี่ยว์ก็ได้เดินกลับห้องของตัวเอง เหิงเยว์มองดูนางพร้อมกับเดินตามหลังนางไปอย่าง ๆ ช้าหานเสี่ยว์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ได้ดังเพียงแค่เท้าเดียวนางจึงหยุดเดินและหันไปมองด้านหลังก็พบเหิงเยว์ที่เดินตามมา“นี่ท่านเดินตามข้ามาจะมาหาเรื่องอะไรข้าอีก "“ข้าก็แค่เดินตามทางเท่านั้นไม่ได้เดินตามเจ้าเสียหน่อย ”"แต่ว่าห้องของท่านไม่ได้มาทางนี้เสียหน่อย ""ข้าจะเดินไปที่ใดล้วนแต่เป็นที่ของข้า ไม่ว่าข้าจะย่างกรายที่ใดมันเกี่ยวอันใดกับเจ้าเล่า""เฮอะ แล้วแต่ท่านเถิดเจ้าค่ะ" หานเสี่ยว์หันหน้าเดินหนีเหิงเยว์อย่างไม่สนใจแต่เขาก็ยังคงเดินตามนางอยู่จนหานเสี่ยว์รู้สึกอึดอัด นางจึงหยุดเดินเพื่อถามเขาให้รู้ความ"นี่ ท่านจะเดินตามข้าไปถึงเมื่อไหร่ หากท่านจะเอ่ยว่าเดินไปทางใดก็เรื่องของท่าน แต่ช่วยเดินไปทางอื่นได้หรือไม่ หรือว่าท่านมีเรื่องอันใดข้องใจก็เอ่ยออกมา""เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้ามีแผนอันใดกันแน่ ที่เข้าหาบุตรของข้าทั้งสองคน สตรีเช่นเจ้าข้าไม่เชื่อว่าจะเปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วปานนี้""เฮ้อ ! จะต้องให้ข้าทำเช่นใด ท่านถึงจะเชื่อว่าข้ามิได้มีแผนอันใด ""แล้วเห
บทที่ 11 ผู้มาเยือนหานเสี่ยว์ได้ออกมานั่งอยู่ที่ห้องโถงเพราะตอนนี้ลู่เอ๋อร์ยังคงนอนอยู่บนเตียง นางได้มานั่งจิบชาเพื่อรอลู่เอ๋อร์ตื่นจะได้กินอาหารพร้อมกันแต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาทางนางอย่างเร่งรีบ“ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ” เลี่ยงเฟิงเหนื่อยหอบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาหานเสี่ยว์นางจึงรีบลุกขึ้นไปจับกายของเลี่ยงเฟิงอย่างสงสัย“เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเช่นนี้ด้วย”“ลู่เอ๋อร์ ลู่เอ๋อร์หายไปขอรับ สาวใช้ได้ออกตามหานางจนทั่วห้องก็ไม่พบ หรือว่าท่านแม่จะทำร้ายนาง ไม่! ไม่ใช่หรอกท่านแม่เปลี่ยนไปแล้วนี่น่า หรือว่าท่านทรงเสแสร้งทำดีกับพวกเราทำให้พวกเราหลงเชื่อ และจัดการหรือขอรับ”หานเสี่ยว์ที่กำลังซึ้งที่พี่ชายเป็นห่วงน้องสาวได้มากขนาดนี้ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดที่เลี่ยงเฟิงเอ่ยคำหลังออกมาอย่างแผ่วเบา“เจ้ายังคิดว่าข้าทำเช่นนั่นอยู่หรือ ไม่แน่ข้าคงจะจับน้องสาวของเจ้าโยนลงน้ำแล้วก็ได้ หรือไม่ข้าก็ให้ชายฉกรรจ์จับตัวลู่เอ๋อร์ไปขายเป็นทาสให้กับใต้เท้าไปอื่นดีล่ะ " ใบหน้าของเลี่ยงเฟิงซีดเซียวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงของหานเสี่ยว์ที่เอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย“ท่าน ท่านใจร้า
บทที่ 12 ข้าจะเผยความชั่วของนางเองหานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนทอดสายตามองไปด้านนอกหน้าต่างตอบคำถามที่ลู่ฟางได้เอ่ยถาม“ใช่ ! ข้าเองไม่อยากจะให้นางต้องมาเลี้ยงดูเด็ก ๆ อีกต่อไป ตลอดเวลาที่นางแต่งเข้ามาข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้นางเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางรังแกเด็ก ๆ จนกระทั้งตอนที่นางตกน้ำจากการผลักของลู่เอ๋อร์ ข้าก็ได้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเสียจริงปล่อยให้นางรักแกลูกของตนเองได้” เขาเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดไม่รู้เรื่องที่ลูก ๆ ของเขาต้องทนทุกข์ทรมานใจเช่นนี้“แล้วทำไมท่านพี่ถึงได้ไม่ลงโทษฮูหยินของท่านล่ะเจ้าคะเด็ก ๆ น่าสงสารเสียจริง”ลู่ฟางใบหน้าเศร้าสลดทำท่าทีสงสารเด็ก ๆ แสร้งว่าตนเองนั้นไม่รู้เรื่องทั้ง ๆ ที่นางเองก็รับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางไม่อยากจะบอกเหิงเยว์เพราะนางอยากให้เหิงเยว์ได้รับรู้ด้วยตนเอง และหย่าพร้อมไล่หานเสี่ยว์ออกจากเรือนนี้ไปส่ะ หลังจากนั้นนางจะเข้ามาแทนที่เอง“เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อของนางเป็นขุนนางที่มีอำนาจ แค่นางยอมหย่าให้ข้าก็ดีมากแล้ว ในตอนแรกนางบอกจะหย่าให้แท้ ๆ แต่จู่ ๆ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปไม่ยอมหย่าเสียอย่างนั้น ข้าเองจึงไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างช
บทที่ 29 เกิดอะไรขึ้นหานเสี่ยว์หลบหนีมาได้แต่ทว่าจู่ ๆ นางเกิดสะดุดกิ่งไม้ทำให้ล้มลงชายที่ตามนางมาคนแรกก็ได้เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บจึงได้กระโดดลงจากหลังม้าพร้อมหัวเราะเยาะเย้ย"ฮึ ฮึ เป็นเพียงสตรีบอบบางคิดว่าจะหนีข้าได้อย่างนั้นหรือ""เจ้าอย่าเข้ามานะ หากเจ้าต้องการปล้นของมีค่าก็อยู่บนเกี้ยวเหตุใดต้องตามมาทำร้ายพวกข้าด้วย""ก็เพราะว่าข้าไม่ได้ต้องการของนะสิ สิ่งที่ข้าต้องการคือการตายของท่านต่างหาก " ใจของหานเสี่ยว์สั่นวูบเมื่อได้ยินว่าชายที่ตามมานั้นต้องการชีวิตนาง แต่นางจะมาสั่นกลัวไม่ได้นางจะสู้ให้ถึงที่สุด ชายฉกรรจ์ชักดาบออกมาเล็งใส่คอของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้หานเสี่ยว์เองได้กำดินไว้ในมือเมื่อนางได้จังหวะจึงหว่านดินใส่ตาของเขาก่อนที่ดาบจะฟันเข้าหานาง"ข้าไม่ยอมให้เจ้าเอาชีวิตของข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก" "โอ๊ย! แสบตา " เมื่อหานเสี่ยว์เห็นชายคนนั้นทรุดตัวนั่งลงเพราะเจ็บตานางจึงรีบยืนขึ้นใช้ไม้ที่ถือมาด้วยฟาดใส่หัวของมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีต่อแต่ตอนนี้นางก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าสงสัยตอนที่นางล้มลงเมื่อครู่ข้อเท้าจะพลิกแต่นางก็ฝืนพาตัวเองหนีความเจ็บเท่านี้ทำอันใดนางไม่ได้ ชายอีกคนที่ตามม
บทที่ 28 ไม่ต้องห่วงข้าเกี้ยวของหานเสี่ยว์เดินทางมาได้สักระยะก็ต้องพบสิ่งไม่คาดคิด เกี้ยวถูกวางลงและบ่าวด้านนอกรีบเรียกฮูหยินอย่างตื่นตระหนก "ฮูหยินขอรับตอนนี้เกิดเรื่องไม่รู้ว่าเป็นโจรป่าหรือว่ามีผู้ปองร้าย พวกข้าจะถ่วงเวลาต่อสู้กับคนพวกนั้นฮูหยินรีบพาคุณชายกับคุณหนีเถอะขอรับ " เข่อซิงตกใจมากรีบเร่งหานเสี่ยว์"คุณหนูเรารีบหนีเถอะเจ้าค่ะ ""เดี๋ยวก่อนข้าหาของก่อน" หานเสี่ยว์ก็หวาดกลัวไม่แพ้กันแต่ตอนที่นางอยู่ที่เรือนนางเห็นกล่องกำไลของเหิงเยว์ มันเป็นของสิ่งแรกที่เขาให้นางเป็นของขวัญนางจึงอยากนำไปด้วยเมื่อนางหาของเจอก็ได้พากันลงมาจากเกี้ยวมองเห็นชายกรรจ์จำนวนสี่คนกำลังต่อสู้กับบ่าวรับใช้ "เข่อซิงเจ้าจับมือเลี่ยงเฟิง ส่วนลู่เอ๋อร์จับมือข้า เร็วเถิดหากคนของเราต้านไม่ไหวเราอาจจะถูกทำร้ายเอาได้" "ท่านแม่ข้ากลัว " ดวงตาของลู่เอ๋อร์เริ่มแดงก่ำ นางจึงรีบปลอบพร้อมพานางวิ่งหนี"ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี่เรารีบหนีเถอะ" แม้ว่าหานเสี่ยว์เองก็หวาดกลัวจับใจแต่ตอนนี้นางต้องละทิ้งความกลัวนี้ทิ้งเสียก่อนเพราะเด็กทั้งสองต้องอยู่ในการดูแลของนาง นางจะไม่ให้เด็กทั้งสองได้รับบาดเจ็บ ทั้งสี่คนก็ได้วิ่งหนีเข
บทที่ 27 ความฝันนางเดินมานั่งลงบนเตียงนุ่มของหานเสี่ยว์ก่อนจะนอนราบลงบนที่นอนก่อนจะผล็อยหลับไป หมอกควันคละฟุ้งหนาเตอะจิวฉิงตื่นขึ้นมาเห็นสตรีงดงามกำลังนั่งแปรงผมอยู่ที่หน้ากระจก จากเห็นจากด้านหลังก็รู้ว่าสตรีที่งดงามผู้นี้นั้นเป็นเจ้าของร่างตัวจริง"ท่านกลับมาแล้วหรือ ข้าดีใจจังเพราะข้าจะได้กลับโลกของข้าแล้ว" จิวฉิงดีใจรีบเอ่ยออกมา "ข้าไม่ได้กลับมาเพียงแต่ข้ามาหาเจ้าก็เท่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีความผิดที่ใหญ่หลวงแม้ตายไปแล้วก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ข้ามิอาจจะกลับมาใช้ชีวิตได้อีกต่อไปข้าจึงอยากจะมาขอร้องเจ้า จงใช้ชีวิตเป็นข้าต่อไปและมอบความรักให้แก่เด็ก ๆ ทั้งสองทีเพราะตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่นั้นข้าไม่เคยทำดีสักหนพอข้าตายไปกลับมาสำนึกได้ ""ไม่นะ ข้าเองก็ต้องกลับโลกของข้า ข้ามีคุณย่าที่ต้องดูแลท่านกับมาเถอะนะ ตอนนี้ท่านรู้หรือไม่ว่าคุณชายเหิงเยว์บุรุษที่ท่านรักเริ่มมีใจให้ท่านแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการตอนนี้ก็ได้สมหวังแล้ว ท่านต้องกลับมานะ" จิวฉิงรีบอธิบายบอกแก่หานเสี่ยว์ตัวจริงแต่ทว่านางกลับยิ้มกว้างให้แก่จิวฉิงไม่นานเรือนร่างของนางก็จางหายไป แต่ก่อนที่จะจางหายไปนางได้เอ่ยบางอย่างก่
บทที่ 26 ข้าได้รับบาดเจ็บหานเสี่ยว์นางได้เก็บเสื้อผ้าของใช้ของตนลงหีบเสื้อผ้า เพื่อนำไปเปลี่ยนตอนอยู่ที่เรือนของท่านพ่อก็พบกล่องไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ในกล่องผ้า นางจึงเปิดดูก็เห็นว่าเป็นกำไลหยกที่เหิงเยว์มอบให้ หานเสี่ยว์ใช้มือหยิบจับขึ้นมาดูพร้อมสวมใส่มันช่างเข้ากับนางยิ่งนักแต่เมื่อยิ่งมองดูก็ทำให้หัวใจของหานเสี่ยว์รู้สึกเศร้าใจ เพราะนี้ไม่ใช่ของนางแต่เป็นของหานเสี่ยว์ตัวจริงต่างหาก นางจึงเก็บใส่ไว้ในกล่อง หูของนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาหานางจึงเผลอตัววางกล่องนั้นใส่กล่องหีบเสื้อผ้าตนเองไปด้วย หานเสี่ยว์ปิดหีบก่อนจะลุกขึ้นไปดูว่าผู้ใดที่มาหาตน เมื่อนางเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นสีหน้าตื่นตระหนกเป็นกังวลของเหิงเยว์ที่เดินเข้ามาหานางอย่างเร่งรีบ "เหตุใดท่านถึงมามีสีหน้าเช่นนี้เกิดเรื่องอันใดไม่ดีหรือเจ้าคะ " หานเสี่ยว์เอ่ยถามอย่างสงสัย "เจ้าจะกลับเรือนของเจ้าหรือ อย่าไปได้หรือไม่ อยู่ที่นี่ก่อนหากเจ้าไปเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไรเจ้าไม่สงสารเด็ก ๆ หรือ เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์น่าเวทนาที่ถูกมารดาจากไปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เด็กทั้งสองนั้นรักเจ้ามากเพียงใดเจ้าก็รู้หากเจ้าไปเด็กทั้งสอ
บทที่ 25 แผนชั่วเหิงเยว์ลงจากหลังม้าบ่าวในเรือนก็ได้มารับม้าไปเก็บที่คอกเขาเดินมาหาทั้งสามคน"ท่านพ่อ ท่านพ่อปลอดภัยดีหรือไม่เจ้าคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" เขาอุ้มลู่เอ๋อร์เมื่อนางวิ่งเข้ามาหา"ไม่เลยข้าไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด คงเป็นเพราะก่อนจะออกไปข้าได้กำลังใจดี ๆ จึงมีไม่ศัตรูที่ใดมาทำร้ายได้" เขาพูดพร้อมหันไปมองหานเสี่ยว์สายตาหวานเยิ้ม นางสบตาเขาก็รีบหลบสายตาทันที "กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้วเช่นนี้ข้าเองก็หมดห่วง ""จริงสิเจ้าคะ ในเมื่อมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ข้าว่าคุณชายเหิงเยว์น่าจะฉลองสักหน่อย ไม่แน่นะเจ้าคะคุณงามความดีในครั้งนี้คุณชายอาจจะได้รับตรงแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิม เช่นนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ""นั้นสินะ เช่นนั้นเจ้าไปบอกพ่อครัวให้จัดอาการพร้อมสุรามาคืนนี้ในเรือนของเราจะจัดเลี้ยงฉลอง" เหิงเยว์เห็นดีด้วยกับความคิดของเข่อซิง เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ได้ยินก็พากันยิ้มร่าดีใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เรือนของพวกเขาไม่มีงานรื่นเริงเลย " เย้ ๆ เลี้ยงฉลองข้าชอบ จะได้มีขนมแสนอร่อยกินมากมาย" เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมา"ใช่แล้วท่านพี่ข้าจะกินให้เต็มที่เลย" "พวกเจ้ากินได้แต่ต้องกินเพียงเล็กน
บทที่ 24 จับกุมใต้เท้าชั่วเหิงเยว์เดินออกมาหยุดเดินอยู่กลางทางเขาใช้มือทาบอกแกร่งของตน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามักจะใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้นาง เขาใจเต้นแรงเมื่อถูกหานเสี่ยว์สัมผัสแถมยังเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนางอีกด้วย "นี่ข้าเป็นอะไรไป ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น หรือว่าข้านั้นชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ ไม่หรอกข้าแค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้น นั้นสิข้าก็แค่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรีจึงทำให้หวั่นไหว เหิงเยว์ตั้งสติ" เขาบอกกล่าวตนเองแต่ที่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขามองนางแต่ทว่าไม่เห็นภาพทับซ้อนของซู่ซ่านเลย หรือว่าตอนนี้ภาพจำของซู่ซ่านได้เลือนลางไปแล้ว เมื่อถึงวันที่เหิงเยว์ต้องไปจัดการจับกุมใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้มาถึง เขาแต่งกายออกจากเรือนด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อนำทหารออกไปจับกุมในครั้งนี้ หานเสี่ยว์นางรู้เรื่องนี้จึงได้เดินมาหาเหิงเยว์ที่นางมาเพราะไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บมาอีก แม้จะไม่เข้าใจตนเองแต่ทว่าขาของนางก็ได้มาหยุดอยู่หน้าประตูของเขาเสียแล้ว เหิงเยว์เห็นหานเสี่ยว์มาหาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนเผลอตัวยิ้มออกมา"เจ้ามาหาข้าหรือ""เจ้าค่ะ ออกจากเรือนครั้งนี้ข้าขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ""นี่เจ้
บทที่ 23 หรือเจ้าอยากได้หัวใจของข้ามาถึงเรือนเขาก็ได้ไปพบเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ที่วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นท่านพ่อของตนก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา "ท่านพ่อ ท่านพ่อไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ" เหิงเยว์อุ้มลู่เอ๋อร์ขึ้นมาบนแขนแกร่งก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือของเลี่ยงเฟิงไปนั่งที่เก้าอี้ "ใช่แล้ว วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมาและมีของอร่อยมาฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย" "จริงหรือขอรับ ว๊าวข้าชอบขนมขอรับ" ดวงตากลมโตของทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ยินว่ามีของอร่อยมาฝาก เขาวางลู่เอ๋อร์ลงพร้อมหยิบขนมออกมาจากถุงมอบให้ทั้งสอง "ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น""ข้าเองก็รักท่านพ่อเช่นกันจะกินให้อร่อยนะขอรับ" "เจ้าทั้งสองชอบข้าเองก็ดีใจเช่นนั้นเจ้านั่งกินเสร็จก็อย่าลืมไปล้างมือกันด้วยนะ ""ขอรับ /เจ้าค่ะ" เขามองดูเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ นั่งกินกันอยู่ที่นี่ส่วนเขานั้นจะนำของไปมอบให้แก่หานเสี่ยว์ เหิงเยว์เดินทอดขามาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ครั้งที่นางป่วยเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามา "เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนไปเลย " เขาเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นข้าวของทุกอย่างยังค
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า