บทที่ 7 เฝ้าไข้
ฝั่งด้านเลี่ยงเฟิงมาถึงห้องอ่านตำราของท่านพ่อเขาก็ไม่ได้มีกระจิตกระใจกับการอ่านตำราสักเท่าไหร่ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงว่าลู่เอ๋อร์อาจจะติดไข้จากหานเสี่ยว์ได้ จนเหิงเยว์สังเกตได้จึงได้จับตำราที่อยู่มือของเลี่ยงเฟิงออกมาจากตัวของเขา
“วันนี้เจ้าเป็นอันใดข้าเห็นเจ้าเอาแต่เหม่อลอยแถมอ่านตำราหน้าเดียวเป็นเวลานาน”
“คือว่าข้าเป็นห่วงลู่เอ๋อร์ขอรับท่านพ่อ”
“ลู่เอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้นกับนางหรือว่าหานเสี่ยว์รังแกนางอีกแล้ว”
“มิใช่ขอรับแต่ที่ข้าเป็นห่วงเพราะกลัวว่านางจะติดไข้จากท่านแม่มากกว่า ก่อนที่ข้าจะมาหาพ่อข้าได้ไปส่งลู่เอ๋อร์ที่ห้องท่านแม่ตามที่นางสั่ง แต่เมื่อข้าไปถึงก็พบว่าท่านแม่นอนสั่นเทาอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียวแถมยังมีท่านหมอมาตรวจร่างกายท่านแม่อีกด้วยไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านแม่จะฟื้นหรือยัง " เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วง ทำให้เหิงเยว์ที่ครุ่นคิดนางบอกว่าจะไปหาท่านพ่อของนางเมื่อฟ้าสาง หรือนี่จะเป็นแผนของนางอีกเพราะนางไม่อยากหย่าอย่างที่นางบอก เขาจึงจะไปดูใบหน้าที่เสแสร้งของนางว่าตอนนี้นางเล่นละครตบตาคนในเรือนจนเชื่อสนิทได้อย่างไร
“เจ้าอ่านตำราอยู่ในห้องนี้ไปก่อนเดี๋ยวข้าจะออกไปทำธุระสักครู่ เรื่องของลู่เอ๋อร์เจ้าเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงนางเดี๋ยวข้าจะไปดูนางเอง” เขาพูดพลางลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้เลี่ยงเฟิงนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง
เหิงเยว์เดินไปห้องของหานเสี่ยว์อย่างรีบร้อนเกรงว่านางจะลงมือทำร้ายบุตรสาวตัวน้อยของตนเอง เมื่อเท้าก้าวเข้ามาในห้องกลับพบเพียงความเงียบสงบเหิงเยว์แปลกใจยิ่งนัก จึงได้เดินเข้าไปที่ห้องนอนของนาง นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เคยเข้ามาที่นี่เลย ตั้งแต่แต่งนางเข้ามาอยู่เรือนของเขา เขาก็ไม่เคยย่างกรายเข้ามาอีก เหิงเยว์กวาดตามองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบผู้ใดแม้กระทั่งบ่าวไพร่ก็ไม่พบสักคนเขาเหลือบตาไปพบร่างบางที่เหงื่อออกท่วมตัวนอนอยู่บนเตียงแถมยังมีลู่เอ๋อร์ที่นอนจับมือนางอยู่เคียงข้างเช่นกัน
“ลู่เอ๋อร์ ลู่เอ๋อร์” เหิงเยว์เขย่าร่างกายของลู่เอ๋อร์พร้อมเอ่ยเสียงเรียกแผ่วเบา ลู่เอ๋อร์ลืมตาสะลึมสะลือก็พบท่านพ่อของตนเองนางดีใจมากที่ท่านพ่อมาหาท่านแม่
“ท่านพ่อท่านมาหาดูอาการท่านแม่หรือเจ้าคะ แต่ท่านแม่ยังไม่ฟื้นเลย แถมเข่อซิงเองก็ไปซื้อยายังไม่กลับมา ท่านแม่จะเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ ตั้งแต่ท่านแม่ตกน้ำไปครานั้นท่านแม่ก็เปลี่ยนไป แถมเข่อซิงเล่าให้ข้าฟังว่าเมื่อคืนนี้ท่านแม่ไปยังสระน้ำนั่นพร้อมกระโดดลงไป ทำให้จับไข้เป็นความผิดของลูกเองท่านพ่อช่วยท่านแม่ด้วยนะเจ้าคะ” ร่างเล็กอ้อนวอนท่านพ่อของตนเองให้เข้าช่วยหานเสี่ยว์ให้หายจากเจ็บไข้ครั้งนี้ เขาลูบหัวของลูกสาวอย่างอ่อนโยนก่อนจะบอกลูกสาวของเขาให้ออกมา
“งั้นเจ้าลุกออกมาก่อน พ่อจะดูว่านางไม่สบายจริงหรือว่านางเสแสร้งแกล้งทำ”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่สบายจริงๆ นะเจ้าคะท่านหมอได้มาตรวจอาการและฝังเข็มให้ท่านแม่แล้วแต่น่าแปลกที่ท่านแม่ยังไม่รู้สึกตัว” ลู่เอ๋อร์มองดูหานเสี่ยว์ด้วยแววตาเป็นห่วงเป็นใย
เหิงเยว์นั่งลงบนเตียงข้างๆ ตัวของหานเสี่ยว์ใช้มือแตะที่แขนของนางเพื่อปลุกให้นางลุกขึ้นมา
“นี่เจ้าอย่ามาเสแสร้ง ตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่ที่เรือนของข้า ข้าไม่เคยเห็นว่าเจ้าไม่สบายเลยสักครั้งนี่เป็นแผนของเจ้าที่ไม่อยากหย่ากับข้าใช่หรือไม่” แต่แล้วเมื่อเขาแตะกายของนางกลับพบว่านางตัวร้อนจริงๆ อย่างที่ลู่เอ๋อร์เอ่ย
ส่วนจิวฉิงนางนอนโทรมไม่รู้สึกตัว รู้แค่เพียงว่าตอนนี้เธอหนักหัวเหลือเกินเมื่อเธอได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ดังอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ลืมตาปรือขึ้นมามองก็พบกับใบหน้าที่คิ้วขมวดเข้าหากัน
“ข้าหิวน้ำ แค่กๆ” จิวฉิงรู้สึกเจ็บคออย่างมากพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกเหิงเยว์ผลักหัวของนางให้นอนลงไปเช่นเดิม
“เจ้าไม่ลุกหรอก นอนอยู่เช่นนั้นเถิดลู่เอ๋อร์เจ้าไปหยิบน้ำที่โต๊ะนั้นมาให้นางที” ลู่เอ๋อร์รีบเดินไปหยิบน้ำตามที่ท่านพ่อสั่งมาให้แก่หานเสี่ยว์ ส่วนเหิงเยว์เองก็ค่อยๆ ประคองให้นางลุกกินน้ำก่อนจะให้นางนอนลงเช่นเดิม
“เจ้าไม่สบายได้อย่างไร หรือที่เจ้ากระโดดลงน้ำเป็นแผนของเจ้าที่ไม่อยากหย่ากับข้ากันแน่” คำพูดบาดจิตได้เอ่ยออกมาจากปากของเขา หากเป็นหานเสี่ยว์ตัวจริงนางคงรู้สึกเจ็บหัวใจ แต่ตอนนี้จิวฉิงกลับไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ
“ข้าไม่ได้ไม่อยากหย่ากับท่านแต่ที่ข้าทำเช่นนั้นเพราะข้าต้องการกลับบ้าน” จิวฉิงที่สลึมสลือก็ได้พูดความจริงออกมา
“เฮอะ! หากเจ้าอยากกลับเรือนของเจ้าจริงๆ ไม่เห็นต้องกระโดดลงน้ำเลย แค่ก้าวเท้าออกจากเรือนของข้าก็สิ้นเรื่อง ข้าเหนื่อยที่จะพูดกับเจ้านอนพักผ่อนเสียเถอะ ลู่เอ๋อร์เจ้าเองก็กลับห้องได้แล้วเดี๋ยวเจ้าจะติดไข้จากนางได้” เขาเอ่ยออกมาอย่างไร้เยื่อใย
“ไม่เอาเจ้าค่ะ ข้าจะรอจนกว่าเข่อซิงจะกลับมา ท่านพ่อทำไมต้องพูดจากับท่านแม่เช่นนี้ด้วยเจ้าคะ แล้วหย่าคืออะไรทำไมต้องหย่าเจ้าคะ”
“ลู่เอ๋อร์เจ้ายังเด็กนักยังไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ไว้เจ้าโตขึ้นจะรู้เอง ส่วนเจ้าหากพร้อมวันใดข้าก็จะหย่าให้เจ้า” เขาพูดจบก็เดินออกไปจากห้องของหานเสี่ยว์ ลู่เอ๋อร์ก็รีบกระโดดขึ้นบนเตียงนอนของหานเสี่ยว์
“ท่านแม่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ดีขึ้นหรือไม่” เด็กน้อยตากลมโตได้เอ่ยถาม
“ข้ารู้สึกปวดหัว เจ้าก็กลับไปห้องของเจ้าเถิดข้าหายดีเจ้าค่อยมาหาข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าติดไข้จากข้า” จิวฉิงลูบใบหน้าของลู่เอ๋อร์อย่างเอ็นดู และบอกให้นางกลับห้องของตนเองก่อน
“ไม่เอาเจ้าค่ะ ข้าจะอยู่กับท่านแม่” นางพูดจบก็ได้หยิบผ้ามาเช็ดตัวให้หานเสี่ยว์ นางยิ่งเอ็นดูเด็กน้อยผู้นี้มากกว่าเดิม ทำไมถึงได้แสนรู้เช่นนี้ แล้วทำไมหานเสี่ยว์ตัวจริงถึงได้รังเกียจเด็กน้อยน่ารักอย่างนี้ลงนะ
ไม่นานเข่อซิงก็ได้กลับมาจากตลาดนำยาไปให้สาวใช้ต้มที่โรงครัวก่อนจะกลับมาหานายหญิงของตน แต่เมื่อมาถึงก็พบว่านายหญิงกำลังนอนกอดลู่เอ๋อร์นอนหลับด้วยกันอยู่บนเตียงนอน ช่างเป็นภาพที่นางไม่คาดคิดจริงๆ สตรีที่โหดร้ายเหตุใดถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เข่อซิงเผลอตัวยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ก่อนจะเดินไปห่มผ้าให้ทั้งสองคนและเดินออกไปด้านนอกให้ทั้งสองได้นอนหลับกันอย่างสบาย
หลายวันผ่านมาร่างกายของหานเสี่ยว์ก็ได้หายจากไข้หวัด นางก็ได้สนิทกับลู่เอ๋อร์มากขึ้น ส่วนเลี่ยงเฟิงเองก็ยังคงไม่ไว้ใจนางสักเท่าไหร่แต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวนางเหมือนที่ผ่านมา
เหิงเยว์ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่เรือนสักเท่าไหร่เพราะฝ่าบาทได้เรียกเขาเข้าไปพบ เหิงเยว์ได้รับตำแหน่งขุนนางเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน เขามีหน้าที่ตรวจดูการทำงานของเหล่าเสนาบดีใต้เท้าตามท้องถิ่น ตอนนี้มีข่าวเรื่องการยักยอกอาหารที่ต้องส่งเข้าวังหลวงฝ่าบาทจึงเรียกเขาเข้าไปพบเพื่อหารือ
เรือนของเหิงเยว์
“เฮ้อ! เมื่อไหร่จะถึงฤดูใบไม้ผลินะ ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าของเหิงเยว์ผู้เย็นชานี้เลย ปานนี้คุณย่าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ คงเป็นห่วงฉันมากสินะที่ไม่ได้ติดต่อไป ไปที่สระน้ำอีกดีมั้ยนะ” จิวฉิงนั่งจิบน้ำชาที่สวนหลังเรือนพลางคิดเรื่องจะกลับไปโลกของตนเอง
“เป็นถึงลูกสาวของใต้เท้าใหญ่โต มีสามีเป็นขุนนางทำไมถึงได้เหงาใจเช่นนี้นะ หานเสี่ยว์ฉันไม่รู้จักคุณหรอกนะแต่นับถือหัวใจของคุณมากๆ ที่สามารถอดทนมาได้ทั้งๆ ที่คุณชายเหิงเยว์อะไรนั้นไม่ได้เหลียวมองคุณแม้แต่หางตา” จิวฉิงบ่นพึมพำก่อนที่จะได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวของเด็กๆ ที่กำลังเดินตามหาตนเอง
“ท่านแม่ วันนี้ข้ามีอะไรให้ท่านดูด้วยเจ้าค่ะ “จิวฉิงดึงสติให้กลับมาเป็นหานเสี่ยว์หันไปยิ้มกว้างให้ลู่เอ๋อร์
“ข้าชักตื่นเต้นแล้วสิ ไหนดูสิเจ้ามีอะไรให้ข้าดู” ลู่เอ๋อร์หยิบกระดาษที่ผับเป็นนกให้แก่หานเสี่ยว์ดู นี่เป็นสิ่งที่นางสอนให้แก่ลู่เอ๋อร์ในหลายวันมานี้ นางมองดูเด็กน้อยพร้อมตบมือให้กับความเก่งของนาง
“เจ้าเก่งเสียจริงข้าสอนไปแค่ครั้งสองครั้งแต่เจ้ากลับทำมาได้สวยงามขนาดนี้ อย่างนี้ต้องมีรางวัลเอามือเจ้าออกมา” ลู่เอ๋อร์เองก็ตื่นเต้นที่ท่านแม่จะให้รางวัลแก่นาง นางหยิบลูกกวาดออกจากระเป๋าใส่มือของลู่เอ๋อร์
“ว๊าว ท่านแม่นี่มันลูกกวาดนี่น่า” ตาของลู่เอ๋อร์ส่องประกายแวววาวเมื่อเห็นลูกกวาดหลากสีที่อยู่ในอุ้งมือน้อย ๆ ของตน แต่แล้วสีหน้าของนางก็ต้องเศร้าสลดลง
“เป็นอันใด ทำไมเจ้าถึงมีสีหน้าเช่นนั้น”
“ข้ากินลูกกวาดนี่ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ท่านพ่อสั่งห้ามไม่ให้ข้ากิน” หานเสี่ยว์ถอนหายใจคิดว่าตนเองทำผิดอะไร ก่อนจะลูบหัวของลู่เอ๋อร์อย่างเอ็นดู
“เจ้าก็อย่าบอกท่านพ่อเจ้าสิเก็บเป็นความลับของเราสองคน ข้าไม่เอ่ย เจ้าไม่เอ่ยก็ไม่มีผู้ใดรู้” ลู่เอ๋อร์ยิ้มร่าออกมาพร้อมแกะลูกกวาดเข้าปากและหลับตารับรสชาติหอมหวานของลูกกวาด จู่ๆ เลี่ยงเฟิงก็ได้วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
บทที่ 8 หากบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไรหานเสี่ยว์เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเลี่ยงเฟิงก็รีบถามทันที“เป็นอันใดสีหน้าของเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ ”“ที่ต้นไม้ใหญ่ตรงด้านหน้าห้องของท่านพ่อ ข้าเห็นนกน้อยตกลงมาข้าสงสารอยากจะนำตัวนกน้อยไปไว้บนรัง หากแม่นกกลับมาจะได้พบเจอลูกน้อย แต่ว่าเขาไม่สามารถปีนขึ้นไปได้” เลี่ยงเฟิงก้มหน้าสงสารนกน้อยที่อยู่ในมือ“เจ้าช่างมีจิตใจที่ดีเหลือเกิน มาเถิดนำข้าไปที่รังของมัน ข้าจะส่งนกขึ้นรังเอง” จิวฉิง ถอนหายใจคิดว่าเรื่องใหญ่อะไร“แต่ว่าฮูหยินเจ้าคะ ท่านพึ่งหายจะมีแรงปีนป่ายต้นไม้หรือเจ้าคะ อีกอย่างตั้งแต่ข้าตามดูแลท่านมาท่านไม่เคยปีนป่ายต้นไม้สักครา หากท่านตกต้นไม้จะเกิดอันใดขึ้นข้าไม่อยากนึกเลย” เข่อซิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง“วางใจเถิดเข่อซิง ข้าทำได้” ใช่แล้วหากเป็นจิวฉิงนางทำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้นางไปทำงานของสาวใช้นางก็สามารถทำได้สบาย ทั้งสี่คนก็ได้เดินไปที่ต้นไม้หน้าห้องของเหิงเยว์ จิวฉิงไม่รอช้าเมื่อเห็นต้นไม้ที่เลี่ยงเฟิงบอกก็ได้แบมือขอนกน้อยเพื่อนำไปไว้ที่รังของมัน นางปีนขึ้นไปอย่างง่ายดายโชคดีที่ต้นไม้ไม่ได้สูงเท่าไหร่นัก เด็กๆ ทั้
บทที่ 9 อ้อมกอดที่อบอุ่นเหิงเยว์กลับมาจากวังหลวงอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อมาถึงเรือนก็ได้นำม้าให้แก่บ่าวไปผูกไว้ที่คอก เขาเองก็อยากกลับมาพักผ่อนที่ห้องแต่เมื่อเดินเข้ามาใกล้จะถึงห้องของตนเองก็ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเด็ก ๆ เรียกท่านแม่ เขาวิตกกังวลคิดว่าหานเสี่ยว์จะทำมิดีมิร้ายกับเด็ก ๆ อีกแต่เมื่อเขาไปถึงก็เห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังล่วงหล่นมาจากต้นไม้ เขารีบกระโดดเข้าไปรับนางทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรกลัวนางจะได้รับบาดเจ็บเสียมากกว่า อิสตรีปากร้ายจิตใจโหดเหี้ยมเช่นนางเมื่อเขาเห็นนางนอนเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สมกับเป็นนางสักเท่าไหร่นักและจิตใจของเขาเองก็หงุดหงิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่อเขารับตัวนางไว้ได้ใจของเหิงเยว์โมโหมากที่นางไม่รู้จักระวังตัวหากได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้นางต้องนอนอยู่บนเตียงนานหลายวันเป็นแน่ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของนางอย่างใกล้ชิดใจของเขาก็เริ่มสั่นไหว นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ ทั้งที่เขาต้องเกลียดนางที่คอยรังแกเด็ก ๆ เขาจึงทำได้เพียงตวาดใส่นางอย่างหงุดหงิดใจ ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่เคยสังเกตหรือเพราะว่านางเปลี่ยนไปถึงทำให้เขาว้าวุ่นหัวใจได้ถึงเพียงนี้ ก่อนที่นางจะขอโทษแล
บทที่ 10 ฝันร้ายเมื่อส่งเด็ก ๆ เข้านอนเสร็จแล้ว หานเสี่ยว์ก็ได้เดินกลับห้องของตัวเอง เหิงเยว์มองดูนางพร้อมกับเดินตามหลังนางไปอย่าง ๆ ช้าหานเสี่ยว์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ได้ดังเพียงแค่เท้าเดียวนางจึงหยุดเดินและหันไปมองด้านหลังก็พบเหิงเยว์ที่เดินตามมา“นี่ท่านเดินตามข้ามาจะมาหาเรื่องอะไรข้าอีก "“ข้าก็แค่เดินตามทางเท่านั้นไม่ได้เดินตามเจ้าเสียหน่อย ”"แต่ว่าห้องของท่านไม่ได้มาทางนี้เสียหน่อย ""ข้าจะเดินไปที่ใดล้วนแต่เป็นที่ของข้า ไม่ว่าข้าจะย่างกรายที่ใดมันเกี่ยวอันใดกับเจ้าเล่า""เฮอะ แล้วแต่ท่านเถิดเจ้าค่ะ" หานเสี่ยว์หันหน้าเดินหนีเหิงเยว์อย่างไม่สนใจแต่เขาก็ยังคงเดินตามนางอยู่จนหานเสี่ยว์รู้สึกอึดอัด นางจึงหยุดเดินเพื่อถามเขาให้รู้ความ"นี่ ท่านจะเดินตามข้าไปถึงเมื่อไหร่ หากท่านจะเอ่ยว่าเดินไปทางใดก็เรื่องของท่าน แต่ช่วยเดินไปทางอื่นได้หรือไม่ หรือว่าท่านมีเรื่องอันใดข้องใจก็เอ่ยออกมา""เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้ามีแผนอันใดกันแน่ ที่เข้าหาบุตรของข้าทั้งสองคน สตรีเช่นเจ้าข้าไม่เชื่อว่าจะเปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วปานนี้""เฮ้อ ! จะต้องให้ข้าทำเช่นใด ท่านถึงจะเชื่อว่าข้ามิได้มีแผนอันใด ""แล้วเห
บทที่ 11 ผู้มาเยือนหานเสี่ยว์ได้ออกมานั่งอยู่ที่ห้องโถงเพราะตอนนี้ลู่เอ๋อร์ยังคงนอนอยู่บนเตียง นางได้มานั่งจิบชาเพื่อรอลู่เอ๋อร์ตื่นจะได้กินอาหารพร้อมกันแต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาทางนางอย่างเร่งรีบ“ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ” เลี่ยงเฟิงเหนื่อยหอบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาหานเสี่ยว์นางจึงรีบลุกขึ้นไปจับกายของเลี่ยงเฟิงอย่างสงสัย“เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเช่นนี้ด้วย”“ลู่เอ๋อร์ ลู่เอ๋อร์หายไปขอรับ สาวใช้ได้ออกตามหานางจนทั่วห้องก็ไม่พบ หรือว่าท่านแม่จะทำร้ายนาง ไม่! ไม่ใช่หรอกท่านแม่เปลี่ยนไปแล้วนี่น่า หรือว่าท่านทรงเสแสร้งทำดีกับพวกเราทำให้พวกเราหลงเชื่อ และจัดการหรือขอรับ”หานเสี่ยว์ที่กำลังซึ้งที่พี่ชายเป็นห่วงน้องสาวได้มากขนาดนี้ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดที่เลี่ยงเฟิงเอ่ยคำหลังออกมาอย่างแผ่วเบา“เจ้ายังคิดว่าข้าทำเช่นนั่นอยู่หรือ ไม่แน่ข้าคงจะจับน้องสาวของเจ้าโยนลงน้ำแล้วก็ได้ หรือไม่ข้าก็ให้ชายฉกรรจ์จับตัวลู่เอ๋อร์ไปขายเป็นทาสให้กับใต้เท้าไปอื่นดีล่ะ " ใบหน้าของเลี่ยงเฟิงซีดเซียวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงของหานเสี่ยว์ที่เอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย“ท่าน ท่านใจร้า
บทที่ 12 ข้าจะเผยความชั่วของนางเองหานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนทอดสายตามองไปด้านนอกหน้าต่างตอบคำถามที่ลู่ฟางได้เอ่ยถาม“ใช่ ! ข้าเองไม่อยากจะให้นางต้องมาเลี้ยงดูเด็ก ๆ อีกต่อไป ตลอดเวลาที่นางแต่งเข้ามาข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้นางเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางรังแกเด็ก ๆ จนกระทั้งตอนที่นางตกน้ำจากการผลักของลู่เอ๋อร์ ข้าก็ได้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเสียจริงปล่อยให้นางรักแกลูกของตนเองได้” เขาเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดไม่รู้เรื่องที่ลูก ๆ ของเขาต้องทนทุกข์ทรมานใจเช่นนี้“แล้วทำไมท่านพี่ถึงได้ไม่ลงโทษฮูหยินของท่านล่ะเจ้าคะเด็ก ๆ น่าสงสารเสียจริง”ลู่ฟางใบหน้าเศร้าสลดทำท่าทีสงสารเด็ก ๆ แสร้งว่าตนเองนั้นไม่รู้เรื่องทั้ง ๆ ที่นางเองก็รับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางไม่อยากจะบอกเหิงเยว์เพราะนางอยากให้เหิงเยว์ได้รับรู้ด้วยตนเอง และหย่าพร้อมไล่หานเสี่ยว์ออกจากเรือนนี้ไปส่ะ หลังจากนั้นนางจะเข้ามาแทนที่เอง“เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อของนางเป็นขุนนางที่มีอำนาจ แค่นางยอมหย่าให้ข้าก็ดีมากแล้ว ในตอนแรกนางบอกจะหย่าให้แท้ ๆ แต่จู่ ๆ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปไม่ยอมหย่าเสียอย่างนั้น ข้าเองจึงไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างช
บทที่ 13 ออกตรวจตราเท้าคู่งามได้หยุดเดินพร้อมหันกลับมาถามบุรุษที่เดินตามหลังเอ่ยถามเสียงทุ่มต่ำ“ตอนนี้ก็ส่งเด็ก ๆ เข้านอนเสร็จสิ้นแล้วท่านเอ่ยเรื่องที่ท่านอยากพูดกับข้ามาเถิด " “ข้าอยากจะถามเจ้าเรื่องหย่า ตอนนี้ร่างกายของเจ้าก็หายดีแล้วเมื่อไหร่เจ้าจะไปแจ้งท่านพ่อของเจ้าเสียที”“ข้าก็คิดว่าเรื่องอันใด อย่างไรท่านเองก็ทนมาได้ตั้งห้าปี ช่วยทนต่ออีกสักนิดไม่ได้หรืออย่างไร ? หรือว่าท่านอยากจะใช้เวลาร่วมกับลู่ฟางในเร็ววัน เรื่องหย่าท่านไม่ต้องกังวลเมื่อถึงเวลาข้ายอมหย่าให้ท่านแน่แต่ยังไม่ใช่เวลานี้” คำพูดที่ออกจากปากของหานเสี่ยว์ทำให้เหิงเยว์ไม่พอใจเท่าไหร่นักที่นางพูดถึงลู่ฟาง“นี่เจ้าทำไมต้องเอ่ยถึงผู้อื่นด้วย แล้วทำไมต้องรอเวลาในเมื่อช้าหรือเร็วอย่างไรเจ้ากับข้าก็หย่ากันอยู่ดี "“ท่านไม่ต้องห่วงเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิข้าจะหย่าให้ท่านแน่นอน ส่วนเรื่องเหตุผลอะไรข้าไม่ขอเอ่ยหากหมดเรื่องจะคุยข้าต้องขอตัวก่อน” หานเสี่ยว์ไม่อยากจะสนทนาต่อจึงรีบเดินหนี เหิงเยว์ก็ยิ่งไม่เข้าใจนางจะหย่าเหตุใดต้องรอ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนเขามีเรื่องที่ต้องจัดการเสียก่อน เป็นเรื่องที่ฝ่าบาทมอบหมายเขาต้องออกเ
บทที่ 14 โดนลอบทำร้ายภายในห้องที่น่าอึดอัดผู้คนต่างพากันใส่หน้ากากเข้าหากันแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มให้แก่กันแต่ทว่าจิตใจนั้นมิใช่อย่างที่ใบหน้าแสดงอยู่ เหิงเยว์เองก็ทำท่าจิบสุราเพียงเล็กน้อยก่อนจะแอบรินทิ้งเมื่อใต้เท้าเจียวหั่วละสายตา ไม่นานฮูหยินก็ยกไก่ตุ๋นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมเครื่องเคียงมากมาย“ไก่ตุ๋นแสนอร่อยของข้ามาแล้วเจ้าค่ะ "“กลิ่นหอมมากเลยขอรับ วันนี้ข้าต้องเจริญอาหารแน่ ๆ เลย " เหิงเยว์วางจอกสุราลงจ้องมองเนื้อไก่ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชื่นชม“แค่ท่านเอ่ยชมและชอบอาหารของข้าข้าก็ดีใจมากเลยเจ้าค่ะ งั้นน่องไก่น่องนี้ข้าขอยกให้ท่าน” ฮูหยินหยิบไก่มอบให้เหิงเยว์เขาเองก็กินเพื่อไม่ให้นางสงสัย เมื่อเขากินอิ่มก็ขอตัวกลับ ใต้เท้าเจียวหั่วกับฮูหยินก็ได้เดินออกมาส่งเหิงเยว์ที่หน้าเรือน“หากวันใดท่านผ่านมาที่นี่อีกก็แวะมาได้เสมอนะขอรับข้าจะให้ฮูหยินทำไก่ตุ๋นให้ท่านได้กินอีก”“วันนี้ข้าอร่อยมาก ไหนจะสุราที่ท่านได้มาช่างมีรสชาติแตกต่างจากแคว้นของเรานัก”“โฮ๊ะ ๆ ใช่มั้ยขอรับแคว้นเรานั้นเทียบไม่ติดเลยหากท่านชอบ ข้าได้มารอบหน้าจะให้บ่าวไปส่งให้ถึงที่เรือนเลยขอรับ ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะขอรับ”เหิงเ
บทที่ 15 คอยดูแลหานเสี่ยว์ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้เลือดของเหิงเยว์ก็ไหลไม่หยุดกลิ่นเลือดคละคลุ้งเต็มเสื้อผ้าของนางเพราะตอนนี้นางกำลังโอบกอดร่างกายของเขาอยู่ไม่นานบ่าวไพรก็ได้พากันแตกตื่นมาช่วยยกร่างที่ได้รับบาดเจ็บของเหิงเยว์เข้าไปที่ห้องของเขา หานเสี่ยว์ตั้งสติเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แม้ว่านางจะไม่ได้ถูกชะตาแต่อย่างไรชายผู้นี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเองนางจึงได้เข้ามาในห้องของเขา ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ไปนำถังนำสะอาดและผ้ามาให้นาง "นี่เจ้าไปนำน้ำสะอาดมาให้ข้าพร้อมผ้าผืนเล็กโดยเร็ว""เจ้าค่ะฮูหยิน" นางได้รับคำสั่งและรีบเดินออกไปหาสิ่งที่หานเสี่ยว์สั่ง สาวใช้เดินกลับมาพร้อมถังน้ำยื่นผ้ามอบให้แก่หานเสี่ยว์นางได้นำผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้ผ้าหมาดเช็ดร่างกายของเหิงเยว์ที่นอนไร้สติอยู่ "มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอมาแล้ว" สาวใช้ที่อยู่หน้าห้องเห็นท่านหมอเดินมาพร้อมเข่อซิงก็ได้เอ่ยออกมาเสียงดัง "เกิดอันใดขึ้นกับท่านผู้ตรวจการหรือขอรับ""ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านหมอช่วยตรวจเขาที " หานเสี่ยว์ร้อนใจกลัวว่าชายที่นอนอยู่บนเตียงจะจากเด็ก ๆ ไป ท่านหมอได้สั่งให้บ่าวถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดออกพร้อมพลิกตัวข
บทที่ 29 เกิดอะไรขึ้นหานเสี่ยว์หลบหนีมาได้แต่ทว่าจู่ ๆ นางเกิดสะดุดกิ่งไม้ทำให้ล้มลงชายที่ตามนางมาคนแรกก็ได้เห็นว่านางได้รับบาดเจ็บจึงได้กระโดดลงจากหลังม้าพร้อมหัวเราะเยาะเย้ย"ฮึ ฮึ เป็นเพียงสตรีบอบบางคิดว่าจะหนีข้าได้อย่างนั้นหรือ""เจ้าอย่าเข้ามานะ หากเจ้าต้องการปล้นของมีค่าก็อยู่บนเกี้ยวเหตุใดต้องตามมาทำร้ายพวกข้าด้วย""ก็เพราะว่าข้าไม่ได้ต้องการของนะสิ สิ่งที่ข้าต้องการคือการตายของท่านต่างหาก " ใจของหานเสี่ยว์สั่นวูบเมื่อได้ยินว่าชายที่ตามมานั้นต้องการชีวิตนาง แต่นางจะมาสั่นกลัวไม่ได้นางจะสู้ให้ถึงที่สุด ชายฉกรรจ์ชักดาบออกมาเล็งใส่คอของหานเสี่ยว์แต่ทว่าตอนนี้หานเสี่ยว์เองได้กำดินไว้ในมือเมื่อนางได้จังหวะจึงหว่านดินใส่ตาของเขาก่อนที่ดาบจะฟันเข้าหานาง"ข้าไม่ยอมให้เจ้าเอาชีวิตของข้าไปได้ง่าย ๆ หรอก" "โอ๊ย! แสบตา " เมื่อหานเสี่ยว์เห็นชายคนนั้นทรุดตัวนั่งลงเพราะเจ็บตานางจึงรีบยืนขึ้นใช้ไม้ที่ถือมาด้วยฟาดใส่หัวของมัน ก่อนที่จะวิ่งหนีต่อแต่ตอนนี้นางก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าสงสัยตอนที่นางล้มลงเมื่อครู่ข้อเท้าจะพลิกแต่นางก็ฝืนพาตัวเองหนีความเจ็บเท่านี้ทำอันใดนางไม่ได้ ชายอีกคนที่ตามม
บทที่ 28 ไม่ต้องห่วงข้าเกี้ยวของหานเสี่ยว์เดินทางมาได้สักระยะก็ต้องพบสิ่งไม่คาดคิด เกี้ยวถูกวางลงและบ่าวด้านนอกรีบเรียกฮูหยินอย่างตื่นตระหนก "ฮูหยินขอรับตอนนี้เกิดเรื่องไม่รู้ว่าเป็นโจรป่าหรือว่ามีผู้ปองร้าย พวกข้าจะถ่วงเวลาต่อสู้กับคนพวกนั้นฮูหยินรีบพาคุณชายกับคุณหนีเถอะขอรับ " เข่อซิงตกใจมากรีบเร่งหานเสี่ยว์"คุณหนูเรารีบหนีเถอะเจ้าค่ะ ""เดี๋ยวก่อนข้าหาของก่อน" หานเสี่ยว์ก็หวาดกลัวไม่แพ้กันแต่ตอนที่นางอยู่ที่เรือนนางเห็นกล่องกำไลของเหิงเยว์ มันเป็นของสิ่งแรกที่เขาให้นางเป็นของขวัญนางจึงอยากนำไปด้วยเมื่อนางหาของเจอก็ได้พากันลงมาจากเกี้ยวมองเห็นชายกรรจ์จำนวนสี่คนกำลังต่อสู้กับบ่าวรับใช้ "เข่อซิงเจ้าจับมือเลี่ยงเฟิง ส่วนลู่เอ๋อร์จับมือข้า เร็วเถิดหากคนของเราต้านไม่ไหวเราอาจจะถูกทำร้ายเอาได้" "ท่านแม่ข้ากลัว " ดวงตาของลู่เอ๋อร์เริ่มแดงก่ำ นางจึงรีบปลอบพร้อมพานางวิ่งหนี"ไม่ต้องกลัวข้าอยู่นี่เรารีบหนีเถอะ" แม้ว่าหานเสี่ยว์เองก็หวาดกลัวจับใจแต่ตอนนี้นางต้องละทิ้งความกลัวนี้ทิ้งเสียก่อนเพราะเด็กทั้งสองต้องอยู่ในการดูแลของนาง นางจะไม่ให้เด็กทั้งสองได้รับบาดเจ็บ ทั้งสี่คนก็ได้วิ่งหนีเข
บทที่ 27 ความฝันนางเดินมานั่งลงบนเตียงนุ่มของหานเสี่ยว์ก่อนจะนอนราบลงบนที่นอนก่อนจะผล็อยหลับไป หมอกควันคละฟุ้งหนาเตอะจิวฉิงตื่นขึ้นมาเห็นสตรีงดงามกำลังนั่งแปรงผมอยู่ที่หน้ากระจก จากเห็นจากด้านหลังก็รู้ว่าสตรีที่งดงามผู้นี้นั้นเป็นเจ้าของร่างตัวจริง"ท่านกลับมาแล้วหรือ ข้าดีใจจังเพราะข้าจะได้กลับโลกของข้าแล้ว" จิวฉิงดีใจรีบเอ่ยออกมา "ข้าไม่ได้กลับมาเพียงแต่ข้ามาหาเจ้าก็เท่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามีความผิดที่ใหญ่หลวงแม้ตายไปแล้วก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ข้ามิอาจจะกลับมาใช้ชีวิตได้อีกต่อไปข้าจึงอยากจะมาขอร้องเจ้า จงใช้ชีวิตเป็นข้าต่อไปและมอบความรักให้แก่เด็ก ๆ ทั้งสองทีเพราะตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่นั้นข้าไม่เคยทำดีสักหนพอข้าตายไปกลับมาสำนึกได้ ""ไม่นะ ข้าเองก็ต้องกลับโลกของข้า ข้ามีคุณย่าที่ต้องดูแลท่านกับมาเถอะนะ ตอนนี้ท่านรู้หรือไม่ว่าคุณชายเหิงเยว์บุรุษที่ท่านรักเริ่มมีใจให้ท่านแล้ว สิ่งที่ท่านต้องการตอนนี้ก็ได้สมหวังแล้ว ท่านต้องกลับมานะ" จิวฉิงรีบอธิบายบอกแก่หานเสี่ยว์ตัวจริงแต่ทว่านางกลับยิ้มกว้างให้แก่จิวฉิงไม่นานเรือนร่างของนางก็จางหายไป แต่ก่อนที่จะจางหายไปนางได้เอ่ยบางอย่างก่
บทที่ 26 ข้าได้รับบาดเจ็บหานเสี่ยว์นางได้เก็บเสื้อผ้าของใช้ของตนลงหีบเสื้อผ้า เพื่อนำไปเปลี่ยนตอนอยู่ที่เรือนของท่านพ่อก็พบกล่องไม้เล็ก ๆ ที่อยู่ในกล่องผ้า นางจึงเปิดดูก็เห็นว่าเป็นกำไลหยกที่เหิงเยว์มอบให้ หานเสี่ยว์ใช้มือหยิบจับขึ้นมาดูพร้อมสวมใส่มันช่างเข้ากับนางยิ่งนักแต่เมื่อยิ่งมองดูก็ทำให้หัวใจของหานเสี่ยว์รู้สึกเศร้าใจ เพราะนี้ไม่ใช่ของนางแต่เป็นของหานเสี่ยว์ตัวจริงต่างหาก นางจึงเก็บใส่ไว้ในกล่อง หูของนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินมาหานางจึงเผลอตัววางกล่องนั้นใส่กล่องหีบเสื้อผ้าตนเองไปด้วย หานเสี่ยว์ปิดหีบก่อนจะลุกขึ้นไปดูว่าผู้ใดที่มาหาตน เมื่อนางเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นก็เห็นสีหน้าตื่นตระหนกเป็นกังวลของเหิงเยว์ที่เดินเข้ามาหานางอย่างเร่งรีบ "เหตุใดท่านถึงมามีสีหน้าเช่นนี้เกิดเรื่องอันใดไม่ดีหรือเจ้าคะ " หานเสี่ยว์เอ่ยถามอย่างสงสัย "เจ้าจะกลับเรือนของเจ้าหรือ อย่าไปได้หรือไม่ อยู่ที่นี่ก่อนหากเจ้าไปเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไรเจ้าไม่สงสารเด็ก ๆ หรือ เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์น่าเวทนาที่ถูกมารดาจากไปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เด็กทั้งสองนั้นรักเจ้ามากเพียงใดเจ้าก็รู้หากเจ้าไปเด็กทั้งสอ
บทที่ 25 แผนชั่วเหิงเยว์ลงจากหลังม้าบ่าวในเรือนก็ได้มารับม้าไปเก็บที่คอกเขาเดินมาหาทั้งสามคน"ท่านพ่อ ท่านพ่อปลอดภัยดีหรือไม่เจ้าคะ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่" เขาอุ้มลู่เอ๋อร์เมื่อนางวิ่งเข้ามาหา"ไม่เลยข้าไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด คงเป็นเพราะก่อนจะออกไปข้าได้กำลังใจดี ๆ จึงมีไม่ศัตรูที่ใดมาทำร้ายได้" เขาพูดพร้อมหันไปมองหานเสี่ยว์สายตาหวานเยิ้ม นางสบตาเขาก็รีบหลบสายตาทันที "กลับมาปลอดภัยก็ดีแล้วเช่นนี้ข้าเองก็หมดห่วง ""จริงสิเจ้าคะ ในเมื่อมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้ข้าว่าคุณชายเหิงเยว์น่าจะฉลองสักหน่อย ไม่แน่นะเจ้าคะคุณงามความดีในครั้งนี้คุณชายอาจจะได้รับตรงแหน่งที่ใหญ่กว่าเดิม เช่นนี้ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ""นั้นสินะ เช่นนั้นเจ้าไปบอกพ่อครัวให้จัดอาการพร้อมสุรามาคืนนี้ในเรือนของเราจะจัดเลี้ยงฉลอง" เหิงเยว์เห็นดีด้วยกับความคิดของเข่อซิง เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ได้ยินก็พากันยิ้มร่าดีใจ นานเท่าไหร่แล้วที่เรือนของพวกเขาไม่มีงานรื่นเริงเลย " เย้ ๆ เลี้ยงฉลองข้าชอบ จะได้มีขนมแสนอร่อยกินมากมาย" เลี่ยงเฟิงได้เอ่ยออกมา"ใช่แล้วท่านพี่ข้าจะกินให้เต็มที่เลย" "พวกเจ้ากินได้แต่ต้องกินเพียงเล็กน
บทที่ 24 จับกุมใต้เท้าชั่วเหิงเยว์เดินออกมาหยุดเดินอยู่กลางทางเขาใช้มือทาบอกแกร่งของตน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามักจะใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้นาง เขาใจเต้นแรงเมื่อถูกหานเสี่ยว์สัมผัสแถมยังเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนางอีกด้วย "นี่ข้าเป็นอะไรไป ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น หรือว่าข้านั้นชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ ไม่หรอกข้าแค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้น นั้นสิข้าก็แค่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรีจึงทำให้หวั่นไหว เหิงเยว์ตั้งสติ" เขาบอกกล่าวตนเองแต่ที่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขามองนางแต่ทว่าไม่เห็นภาพทับซ้อนของซู่ซ่านเลย หรือว่าตอนนี้ภาพจำของซู่ซ่านได้เลือนลางไปแล้ว เมื่อถึงวันที่เหิงเยว์ต้องไปจัดการจับกุมใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้มาถึง เขาแต่งกายออกจากเรือนด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อนำทหารออกไปจับกุมในครั้งนี้ หานเสี่ยว์นางรู้เรื่องนี้จึงได้เดินมาหาเหิงเยว์ที่นางมาเพราะไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บมาอีก แม้จะไม่เข้าใจตนเองแต่ทว่าขาของนางก็ได้มาหยุดอยู่หน้าประตูของเขาเสียแล้ว เหิงเยว์เห็นหานเสี่ยว์มาหาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนเผลอตัวยิ้มออกมา"เจ้ามาหาข้าหรือ""เจ้าค่ะ ออกจากเรือนครั้งนี้ข้าขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ""นี่เจ้
บทที่ 23 หรือเจ้าอยากได้หัวใจของข้ามาถึงเรือนเขาก็ได้ไปพบเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ที่วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นท่านพ่อของตนก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา "ท่านพ่อ ท่านพ่อไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ" เหิงเยว์อุ้มลู่เอ๋อร์ขึ้นมาบนแขนแกร่งก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือของเลี่ยงเฟิงไปนั่งที่เก้าอี้ "ใช่แล้ว วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมาและมีของอร่อยมาฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย" "จริงหรือขอรับ ว๊าวข้าชอบขนมขอรับ" ดวงตากลมโตของทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ยินว่ามีของอร่อยมาฝาก เขาวางลู่เอ๋อร์ลงพร้อมหยิบขนมออกมาจากถุงมอบให้ทั้งสอง "ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น""ข้าเองก็รักท่านพ่อเช่นกันจะกินให้อร่อยนะขอรับ" "เจ้าทั้งสองชอบข้าเองก็ดีใจเช่นนั้นเจ้านั่งกินเสร็จก็อย่าลืมไปล้างมือกันด้วยนะ ""ขอรับ /เจ้าค่ะ" เขามองดูเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ นั่งกินกันอยู่ที่นี่ส่วนเขานั้นจะนำของไปมอบให้แก่หานเสี่ยว์ เหิงเยว์เดินทอดขามาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ครั้งที่นางป่วยเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามา "เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนไปเลย " เขาเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นข้าวของทุกอย่างยังค
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า