บทที่ 14 โดนลอบทำร้าย
ภายในห้องที่น่าอึดอัดผู้คนต่างพากันใส่หน้ากากเข้าหากันแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มให้แก่กันแต่ทว่าจิตใจนั้นมิใช่อย่างที่ใบหน้าแสดงอยู่ เหิงเยว์เองก็ทำท่าจิบสุราเพียงเล็กน้อยก่อนจะแอบรินทิ้งเมื่อใต้เท้าเจียวหั่วละสายตา ไม่นานฮูหยินก็ยกไก่ตุ๋นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมเครื่องเคียงมากมาย
“ไก่ตุ๋นแสนอร่อยของข้ามาแล้วเจ้าค่ะ "
“กลิ่นหอมมากเลยขอรับ วันนี้ข้าต้องเจริญอาหารแน่ ๆ เลย " เหิงเยว์วางจอกสุราลงจ้องมองเนื้อไก่ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชื่นชม
“แค่ท่านเอ่ยชมและชอบอาหารของข้าข้าก็ดีใจมากเลยเจ้าค่ะ งั้นน่องไก่น่องนี้ข้าขอยกให้ท่าน” ฮูหยินหยิบไก่มอบให้เหิงเยว์เขาเองก็กินเพื่อไม่ให้นางสงสัย เมื่อเขากินอิ่มก็ขอตัวกลับ ใต้เท้าเจียวหั่วกับฮูหยินก็ได้เดินออกมาส่งเหิงเยว์ที่หน้าเรือน
“หากวันใดท่านผ่านมาที่นี่อีกก็แวะมาได้เสมอนะขอรับข้าจะให้ฮูหยินทำไก่ตุ๋นให้ท่านได้กินอีก”
“วันนี้ข้าอร่อยมาก ไหนจะสุราที่ท่านได้มาช่างมีรสชาติแตกต่างจากแคว้นของเรานัก”
“โฮ๊ะ ๆ ใช่มั้ยขอรับแคว้นเรานั้นเทียบไม่ติดเลยหากท่านชอบ ข้าได้มารอบหน้าจะให้บ่าวไปส่งให้ถึงที่เรือนเลยขอรับ ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะขอรับ”
เหิงเยว์ได้รับม้าจากคนใช้ของใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้กระโดดขึ้นมาก่อนจะควบออกจากเรือนของเขา ก็ได้พบกับคนสนิทของตนที่รออยู่ด้านนอก
"คุณชายเรื่องที่คุณชายให้ข้าตรวจตราดูมีเรื่องที่น่าสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งขอรับ ข้าได้ยินเหล่าคนใช้ของใต้เท้าเจียวหั่วพูดคุยกันแถมยังมีรถม้าขนของออกไปแต่ว่าข้าตามออกไปทำให้พวกนั้นรู้ตัว พวกนั้นฉลาดพอตัวเมื่อรู้ว่ามีผู้ตามก็ได้ใช้เส้นทางลัดเลาะจนข้าตามไม่ทันขอรับ ส่วนเรื่องที่ข้าได้ยินมาว่าคนใช้พวกนั้นพูดกันว่าท่านใต้เท้าเจียวหั่วมีสายอยู่ที่วังหลวงขอรับ จึงได้ขนย้ายของก่อนที่คุณชายจะมาที่นี่ " พอเหิงเยว์ได้ยินคำบอกเล่าของบ่าวใช้เขาเขาก็ครุ่นคิด
"ข้าว่าแล้วเชียว ยิ่งของใช้ในเรือนของใต้เท้าเจียวหั่วข้ามั่นใจว่ามิใช่ของปลอม และข้าเองก็คิดอยู่แล้วว่าต้องมีใต้เท้าที่มีอำนาจคอยช่วยเหลืออยู่ไม่งั้นใต้เท้าชั้นผู้น้อยอย่างใต้เท้าเจียวหั่วมิกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้ เจ้าไปตามสืบเรื่องนี้มาให้ข้าทีเดี๋ยวข้าจะกลับที่เรือนก่อนเมื่อมีเรื่องอะไรเจ้ารายงานข้าทันทีและเจ้าก็ไปสืบว่าให้ได้ว่าเจ้าใต้เท้าเจียวหั่วนำของที่ได้จากชาวบ้านไปไว้ที่ใด" บ่าวรับใช้ได้พยักหน้าก่อนจะควบม้าออกไป เหิงเยว์ก็ได้เดินทางกลับเรือน
ส่วนด้านใต้เท้าเจียวหั่วเมื่อเหิงเยว์หันหลังให้เขาจากรอยยิ้มก็กลายเป็นใบหน้าเกรี้ยวโกรธทันที จู่ ๆ ก็มีบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามากระซิบข้างหู
"ท่านใต้เท้าเมื่อครู่ข้าถูกชายผู้หนึ่งเกือบตามไปพบที่คลังเก็บของ ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคนของท่านผู้ตรวจการขอรับ โชคดีที่พวกข้ารู้ตัวทันจึงได้ปรับเปลี่ยนเส้นทางทำให้เขาตามพวกข้าไม่พบ" แววตาที่โหดเหี้ยมของใต้เท้าเจียวหัวก็ได้จ้องมองที่บ่าวก่อนจะรับสั่งให้บ่าวตนเองไปสั่งสอนเหิงเยว์ให้รู้จักหลาบจำ
"ท่านผู้ตรวจการอยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัว โชคดีที่นายใหญ่ได้ส่งคนมาบอกเราเสียก่อน ฮึ ฮึ เจ้าพาลูกน้องของข้าไปจัดการสั่งสอนให้ผู้ตรวจการหลาบจำเสียทีจะได้รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเข้ามายุ่ง ไม่ต้องเอาถึงตายแค่สั่งสอนก็เพียงพอ" ใต้เท้าเจียวหั่วแสยะยิ้มอย่างชั่งร้ายก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
คนใช้ของใต้เท้าเจียวหั่วรับคำสั่งของเจ้านายตนเองก่อนจะไปเรียกชายฉกรรจ์ที่ถูกฝึกมาคอยคุ้มกันใต้เท้าเจียวหั่วเพื่อไปสั่งสอนเหิงเยว์ตามที่เจ้านายสั่ง ชายฉกรรจ์จำนวนห้าหกคนก็ได้ควบม้าออกไปทำตามสั่ง
ฝั่งด้านเหิงเยว์เขาก็ได้ควบม้ามาได้สักระยะก็เข้าสู่เขตของป่าที่เป็นทางผ่านกลับเรือนของตน แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามีเงาที่ดักรออยู่ด้านหน้าเขาจึงได้กระตุกเชือกม้าให้หยุดวิ่งพร้อมตะโกนออกไปโดยไม่เกรงกลัว
"พวกเจ้าเป็นใคร ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีจำนวนหลายคนเช่นนี้จะคอยแอบซุ่มอยู่ทำไม " เมื่อสิ้นเสียงของเหิงเยว์ชายฉกรรจ์ที่ดักซุ่มอยู่ก็ได้ก้าวเท้าออกมาจากมุมมืด เหิงเยว์กวาดตามองก็พบว่ามีชายฉกรรจ์อยู่หกคน เขามีเพียงผู้เดียวแม้จะมีฝีมือดีก็อาจจะได้รับบาดเจ็บกลับไปหากเกิดการต่อสู้กัน
"หูตาดีเสียจริงสมกับเป็นท่านผู้ตรวจการ หากเป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกันข้าจะได้จัดการกับท่านให้สิ้นเรื่อง " ไม่ทันที่เหิงเยว์จะเอ่ยอันใดชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ได้ชักดาบออกมาวิ่งกรู่เข้ามาหาเหิงเยว์ เขาเองก็ได้ชักดาบที่พกติดตัวมาต่อสู่กับชายฉกรรจ์พวกนั้น เขาได้จัดการกับชายฉกรรจ์ไปได้ถึงสามคนแต่ทว่าตอนนี้เหิงเยว์เองก็ได้รับบาดเจ็บที่แขนเมื่อหลบดาบของอีกคนโดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็ได้ถูกดาบของอีกคนฟันเข้าที่แขนโชคดีที่เขาหันตัวหลบได้จึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อเขากำลังจะสู้ต่อแต่ก็ต้องถูกดอกธนูที่พุ่งมาจากด้านหลังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บล้มลง
"ฮึ ฮึ แม้ว่าท่านจะเก่งกาจแต่พวกข้าก็ได้เตรียมตัวมาอย่างดี พวกเรากลับเจ้านายสั่งมาให้ทำเพียงได้รับบาดเจ็บไม่ต้องถึงตาย ส่วนท่านผู้ตรวจการนายใหญ่ของข้าได้สั่งมาบอกว่าต่อจากนี้จงอยู่อย่างเงียง ๆ และอย่าจุ่นเข้ามายุ่งเรื่องของผู้อื่นอีก" ชายที่ดูเหมือนจะเป็นคนคุมชายทั้งหมดได้เดินเข้ามาใกล้เหิงเยว์ที่กำลังล้มลงกับพื้นเพราะทนความเจ็บไม่ไหว
"ข้าเองก็ฝากบอกเจ้านายพวกเจ้าด้วย หากข้ารอดไปได้วันนี้ข้าจะจัดการเจ้านายพวกเจ้าด้วยมือของข้าเอง" เหิงเยว์กัดฟันพ่นคำพูดออกไปก่อนที่ชายฉกรรจ์พวกนั้นจะหัวเราะเยาะและควบม้าจากไป
โชคดีที่ลูกดอกธนูไม่ได้โดนหัวใจของเขา แต่โดนอีกฝั่งแทนเหิงเยว์กลั้นใจดึงดอกธนูออกจากด้านหลังก่อนจะกระโดดขึ้นม้าเพื่อกลับเรือนด้วยความเร็วแม้จะเจ็บปวดเพียงใดเขาต้องพาตนเองกลับเรือนให้ได้เสียก่อน เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของใต้เท้าเจียวหั่วเป็นแน่
ฝั่งด้านหานเสี่ยว์วันนี้นางได้พาเด็กกินอาหารเย็นเสร็จก็ได้ไปส่งเข้านอนก่อนที่นางจะเดินกลับห้องของตนเองนางได้เงยหน้ามองดวงจันทร์วันนี้ช่างงดงามจริง ๆ ลมพัดผ่านร่างกายที่เย็นสบายทำให้นางอยากจะยืนมองดูดวงจันทร์สักพักค่อยเข้าไปที่ห้องตนเอง
"เข่อซิง ข้าจะชมจันทร์สักครู่หากเจ้าเหน็ดเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนเถิด อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องของข้าแล้วเจ้ามิต้องเป็นห่วง" หานเสี่ยว์ได้หันไปบอกแก่เข่อซิงที่เดินตามหลังนางไม่ห่าง
"ข้าไม่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ ไม่ว่าคุณหนูจะยืนมองจันทร์จนถึงรุ่งสางข้าก็จะอยู่กับท่านเจ้าค่ะ"
"เจ้านี่ช่างเป็นสาวใช้ที่แสนดีจริง ๆ อย่างนั้นข้าขอยืนรับลมสักครู่"
"ได้เจ้าค่ะ" หานเสี่ยว์มองจันทร์ที่สาดส่องแสงสว่างมาทำให้นางหวนคิดถึงโลกของตนเองปานนี้จะเป็นเช่นไรบ้างนะ ทำให้นางเปล่าเปลี่ยวหัวใจเหลือเกิน แม้จะมีเด็ก ๆ คอยข้างกายแต่อย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ ๆ ของนางอยู่ดี
"แกร่กๆ แกร่กๆ" หานเสี่ยว์เดินมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงอะไรอยู่ในพุ่มไม้ดังขึ้น ทำให้นางตกหยุดชะงักเพราะความกลัว
"เข่อซิงเจ้าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่" เข่อซิงเองก็ได้ยินเช่นเดียวกับนางและคิดว่าเป็นวิญญาณจึงได้เดินเข้ามาใกล้หานเสี่ยว์ด้วยความกลัว
"ข้าเองก็ได้ยินเช่นกันเจ้าค่ะ คุณหนูรีบกลับห้องกันเถอะเจ้าค่ะ"
"นั้นสิ เรารีบไปกันเถิด" หานเสี่ยว์กำลังจะเดินไปจู่ ๆ ก็ถูกมือมาจับที่แขนของนางทำให้หานเสี่ยว์ตกใจอย่างมากพร้อมกรี๊ดร้องออกมา
"กรี๊ด ผีหลอก" เข่อซิงเมื่อเห็นบุรุษที่เปียกโชกไปด้วยเลือดนางเองก็คิดว่าเป็นวิญญาณก็ได้วิ่งหนีหานเสี่ยว์
"คุณหนูแม้ข้าจะจงรักภักดีต่อคุณหนูเพียงใดแต่ครั้งนี้ข้าต้องขอไปก่อนนะเจ้าคะ" หานเสี่ยว์ยืนตัวสั่นเทาหลับตาปี้ด้วยความกลัวแต่แล้วจู่ ๆ ร่างที่ยืนจับแขนของนางอยู่ก็ได้เอ่ยขึ้นมา
"ข้าเอง เหิงเยว์" น้ำเสียงแหบพร่าได้เอ่ยออกมาก่อนจะล้มลงกับพื้นหานเสี่ยว์รีบลืมตามองดูก็พบว่าเป็นเหิงเยว์จริง ๆ
"คุณชายเหิงเยว์ นี่ท่านเป็นอะไรไปเกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน เข่อซิงนี่มิใช่วิญญาณแต่เป็นคนคือคุณเหิงเยว์ รีบไปตามท่านหมอมาโดยเร็ว" หานเสี่ยว์จากหวาดกลัววิญญาณแต่ทว่าตอนนี้นางกลับเป็นห่วงชายที่นอนแน่นิ่งไม่ตอบแม้แต่คำเดียวนางนั่งลงประคองหัวของเขาไว้ก่อนจะสำรวจดูร่างกายก็พบว่าเขานั้นได้รับบาดเจ็บมา ชั่วครู่เรื่องความฝันของลู่เอ๋อร์ก็แวบเข้ามาในหัวของนาง ช่างเป็นความฝันบอกเหตุเสียจริง
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ข้าจะรีบไปตามท่านหมอเดี๋ยวนี้แล้วคุณชายเหิงเยว์ท่านจะพาไปที่ห้องไหวหรือเจ้าคะ "
"เช่นนั้นก่อนเจ้าจะไปตามท่านหมอเจ้าไปเรียกบ่าวมาช่วยข้าเสียก่อน" เข่อซิงตื่นตระหนกรีบพยักหน้ารับคำสั่งและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
บทที่ 15 คอยดูแลหานเสี่ยว์ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้เลือดของเหิงเยว์ก็ไหลไม่หยุดกลิ่นเลือดคละคลุ้งเต็มเสื้อผ้าของนางเพราะตอนนี้นางกำลังโอบกอดร่างกายของเขาอยู่ไม่นานบ่าวไพรก็ได้พากันแตกตื่นมาช่วยยกร่างที่ได้รับบาดเจ็บของเหิงเยว์เข้าไปที่ห้องของเขา หานเสี่ยว์ตั้งสติเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แม้ว่านางจะไม่ได้ถูกชะตาแต่อย่างไรชายผู้นี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเองนางจึงได้เข้ามาในห้องของเขา ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ไปนำถังนำสะอาดและผ้ามาให้นาง "นี่เจ้าไปนำน้ำสะอาดมาให้ข้าพร้อมผ้าผืนเล็กโดยเร็ว""เจ้าค่ะฮูหยิน" นางได้รับคำสั่งและรีบเดินออกไปหาสิ่งที่หานเสี่ยว์สั่ง สาวใช้เดินกลับมาพร้อมถังน้ำยื่นผ้ามอบให้แก่หานเสี่ยว์นางได้นำผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้ผ้าหมาดเช็ดร่างกายของเหิงเยว์ที่นอนไร้สติอยู่ "มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอมาแล้ว" สาวใช้ที่อยู่หน้าห้องเห็นท่านหมอเดินมาพร้อมเข่อซิงก็ได้เอ่ยออกมาเสียงดัง "เกิดอันใดขึ้นกับท่านผู้ตรวจการหรือขอรับ""ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านหมอช่วยตรวจเขาที " หานเสี่ยว์ร้อนใจกลัวว่าชายที่นอนอยู่บนเตียงจะจากเด็ก ๆ ไป ท่านหมอได้สั่งให้บ่าวถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดออกพร้อมพลิกตัวข
บทที่ 16 ไร้น้ำใจ ข่างเรื่องที่เหิงเยว์โดนรอบทำร้ายก็ได้เลื่องลือไปจนทั่วจนถึงหูของลู่ฟางนางจึงรีบเดินทางมาเยี่ยมเหิงเยว์อย่างเป็นห่วงด้วยใจที่ร้อนรน "ข้ามาพบท่านพี่เหิงเยว์ตอนนี้ท่านพี่ฟื้นหรือยัง? " เมื่อมาถึงเรือนของเหิงเยว์ลู่ฟางก็ได้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ในเรือนอย่างร้อนใจ"คุณหนูลู่ฟาง ตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ยังคงไม่รู้สึกตัวขอรับ" "เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านพี่เหิงเยว์ที่ห้องนอนเอง ท่านพี่คงได้รับบาดเจ็บมากเลยสินะ "ดวงตาเศร้าสร้อยเมื่อนึกภาพที่เหิงเยว์นอนป่วย"ข้ามิอาจจะเอ่ยได้เพราะฮูหยินสั่งห้ามมิให้บ่าวไพร่ในเรือนพูดเรื่องนี้ขอรับ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" พูดจบบ่าวรับใช้ก็ได้เดินจากไปเมื่อลู่ฟางได้ยินเช่นนั้นก็เคลือบแคลงใจหรือการบาดเจ็บนี่จะเป็นฝีมือของหานเสี่ยว์"เหตุใดถึงสั่งห้ามไม่ให้บ่าวที่เรือนเอ่ยเรื่องนี้หรือว่าเรื่องที่ท่านพี่เหิงเยว์ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับนางกันนะ ช่างเป็นสตรีที่เหี้ยมโหดเสียจริง ข้าก็คิดว่านางจะรักท่านพี่มาก ๆ เสียอีก " นางพึมพำอยู่ผู้เดียวพร้อมย่างกรายไปหาเหิงเยว์ที่ห้องเมื่อนางเข้ามาเห็นก็พบเหิงเยว์นอนอยู่บนเตียงนอนยังไม่ฟื้นนางเข้าไปใกล้ ๆ มองดูใบหน้าที่ซีด
บทที่ 17 ข้าอยากมีน้องหานเสี่ยว์เดินฟัดเหวี่ยงออกมาอย่างน่าโมโหพร้อมพึมพำต่อว่าเหิงเยว์ที่เขากล่าวว่าตน"ข้ามิน่าช่วยคนเช่นนี้เลย ข้าไม่ได้นอนก็เพราะต้องดูแลทั้งคืนแต่กลับมาถูกต่อว่า ฮึ! จากนี้ต่อให้ท่านหายใจโรยรินอยู่ต่อหน้าแทบจะกราบแทบเท้าข้าก็ไม่ช่วยท่านแน่นอน เฮอะ" เข่อซิงเองก็คันปากอยากพูดจึงได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของหานเสี่ยว์"นั้นสิเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่คุณหนูเฝ้าอยู่ทั้งคืนแท้ ๆ แต่เหตุใดคนที่ได้หน้ากลับเป็นสตรีนางนั้นกันหรือว่าคุณชายเหิงเยว์ฟื้นขึ้นมาพบเจอนางเป็นคนแรกจึงคิดว่านางนั้นเป็นผู้ดูแล นิสัยไม่ดีเลยเจ้าค่ะ""ช่างประไร อย่างไรข้ามันก็แค่นางร้ายในสายตาของคุณชายเหิงเยว์อยู่ดี มีนางมาคอยเฝ้าดูแลก็ดีข้าจะได้มาต้องมานั่งคอยเป็นห่วง ข้าจะนอนพักอย่างสบายใจ ชิ " นางบ่นไม่ขาดปากเท้าก็ได้เดินมาหยุดที่ศาลารับลมกลางเรือน นางนั่งลงสงบสติอารมณ์ โดยมีเข่อซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างกาย หานเสี่ยว์หายใจเข้าออกจนกระทั่งลมหายใจของนางกลับมาเป็นปกติ สายตาของนางเห็นว่ามีเกี้ยวของขุนนางที่ถูกข้ารับใช้แบกมาวางลงที่หน้าเรือน บ่าวรับใช้ของขุนนางผู้นี้ก็มีมากมายหากนางเดาไม่ผิดขุนนางผู้นี้ต้อง
บทที่ 18 แผนของเด็กน้อยทั้งสองเด็กทั้งสองเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของตนเองก็ได้มองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะมุดหัวชนกันเพื่อหารือวางแผน "ลู่เอ๋อร์ก่อนที่จะกินอาหารเย็นข้าจะไปแจ้งท่านอาว่าท่านพ่อทานอาหารพร้อมยาไปเสียแล้วเพื่อไม่ให้ท่านอาต้องไปดูแลท่านพ่อ ส่วนเจ้าไปตามท่านแม่ที่ห้องมาห้องของท่านพ่อให้ได้ แล้วจากนั้นเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่นอนด้วยกัน" ผู้เป็นพี่ได้วางแผนบอกกับน้องสาว"โอ๊ะ ! อย่างนี้เราทั้งสองก็จะมีน้องเล็กเร็ว ๆ สินะเจ้าคะ ข้าตื่นเต้นจังเช่นนั้นข้าจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปทำตามแผนเจ้าคะ" ลู่เอ๋อร์ลี่ตาเล็กลงยิ้มมุมปากอย่างดีใจ "เช่นนั้นก็เอาตามนี้ " เลี่ยงเฟิงเองก็ได้เข้าห้องของตนเองเช่นกันไม่นานนักทั้งสองก็ออกมาจากห้องพร้อม ๆ กันก่อนจะมองหน้าให้กันและพยักหน้าทำตามแผนที่วางไว้ ฝั่งด้านลู่ฟางนางอาบน้ำที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อให้ร่างกายมีกลิ่นหอม จะได้ไปดูแลเหิงเยว์ในค่ำคืนนี้อย่างใกล้ชิดนางมีแผนจะใช้ความใกล้ชิดทำให้เหิงเยว์หวั่นไหวโดยการสวมเสื้อด้านนอกอย่างละหลวมเพื่อเผยให้เห็นตู้โตวเมื่อนางก้มตัวลง นางแสยะยิ้มอยู่หน้ากระจกเมื่อนึกแผนการณ์หากม
บทที่ 19 แผนสำเร็จเลี่ยงเฟิงเดินย่ำเท้าไปที่ห้องของท่านพ่อโดยเร็วเมื่อเขาได้ไปแจ้งต่อท่านอาว่าไม่ต้องมาดูแลท่านพ่อของตนเอง เขาจึงรีบมาก่อนที่ลู่เอ๋อร์จะพาท่านแม่มาถึงก่อน แม้เขายังเป็นเพียงเด็กแต่ก็รู้ดีเรื่องที่ท่านอาลู่ฟางนั้นเสแสร้งเป็นผู้ดูแลท่านพ่อ แต่หาใช่เป็นเช่นนั้นไม่ ความยุติธรรมที่ท่านพ่อเคยสั่งสอนทำให้เลี่ยงเฟิงต้องแจ้งความจริงให้ท่านพ่อได้รู้ว่าผู้ใดที่ดูแลท่านพ่อที่แท้จริงเหิงเยว์แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่เขาเองก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้จึงได้เดินไปที่ห้องทำงานของตนเองหยิบพู่กันจุ่มหมึกดำมาเขียนสารส่งให้กับฝ่าบาท เมื่อเขาเขียนเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาด้านนอกเรียกหาคนสนิทของเขาให้นำสารนี้ไปมอบให้ฝ่าบาท "ตงหยาง เจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่""ขอรับนายท่าน""เจ้าจงนำจดหมายนี้ไปมอบให้แก่ฝ่าบาททีและต้องให้ถึงมือของฝ่าบาทอย่าให้ผู้ใดได้เห็นเนื้อความในนี้เด็ดขาด" ตงหยางรับจดหมายมาซุกเข้าด้านในเสื้อของตนพร้อมรับคำสั่ง"ขอรับ""อย่าพึ่งไป ตลอดเวลาที่ข้าให้เจ้าจับตาดูหานเสี่ยว์นางเป็นเช่นไรบ้าง""ฮูหยินก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีแผนอันใดนะขอรับ แถมยังเอ็นดูคุณชายกับคุณหนูเป็นอย่างดี แม
บทที่ 20 ใกล้ชิดเหิงเยว์กินอาหารไปพร้อมหัวใจที่เต้นแรงเมื่อหานเสี่ยว์ป้อนอาหารให้เขา ตัวของนางแทบจะนั่งติดกันกับเขา เหิงเยว์ได้กลิ่นถุงหอมที่โชยออกมาจากกายนางทำให้เขาจำกลิ่นได้ทันทีเป็นนางนั่นเองที่เฝ้าดูแลเขาทั้งคืนหัวใจของเขาเต้นตึกตักความรู้สึกที่เคยเคียดแค้นก็เริ่มจางหายกลับกลายเป็นใจสั่นไหวแทน"ท่านแม่ข้าอิ่มแล้วและวันนี้ท่านแม่มิต้องไปส่งข้ากับท่านพี่ที่ห้องนะเจ้าคะข้ากับท่านพี่กลับเองได้เจ้าค่ะ" ลู่เอ๋อร์ได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังป้อนอาหารท่านพ่อเสร็จสิ้น "ดี เช่นนั้นข้าเองก็จะกลับห้องเช่นกัน ท่านอิ่มแล้วใช่หรือไม่?" นางหันมาตอบลู่เอ๋อร์พลางหันไปถามชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "ท่านแม่ ท่านต้องคอยเฝ้าท่านพ่อสิขอรับ หากท่านพ่อไข้ขึ้นตอนกลางคืนจะทำเช่นไร ลู่เอ๋อร์เรารีบไปกันเถอะท่านพ่อกับท่านแม่จะได้พักผ่อน พวกเจ้าเองก็รีบมาเก็บสำรับไปเก็บสะสิ" เลี่ยงเฟิงได้หันไปบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "เดี๋ยวสิ ข้ารับใช้ก็มากมายทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า ไม่เอาหรอกนะ"หานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องถูกเหิงเยว์ดึงมือเอาไว้ก่อน "อยู่กับข้าก่อนเถอะนะ " จากที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับชายตรงหน้าแม
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 24 จับกุมใต้เท้าชั่วเหิงเยว์เดินออกมาหยุดเดินอยู่กลางทางเขาใช้มือทาบอกแกร่งของตน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามักจะใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้นาง เขาใจเต้นแรงเมื่อถูกหานเสี่ยว์สัมผัสแถมยังเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนางอีกด้วย "นี่ข้าเป็นอะไรไป ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น หรือว่าข้านั้นชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ ไม่หรอกข้าแค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้น นั้นสิข้าก็แค่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรีจึงทำให้หวั่นไหว เหิงเยว์ตั้งสติ" เขาบอกกล่าวตนเองแต่ที่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขามองนางแต่ทว่าไม่เห็นภาพทับซ้อนของซู่ซ่านเลย หรือว่าตอนนี้ภาพจำของซู่ซ่านได้เลือนลางไปแล้ว เมื่อถึงวันที่เหิงเยว์ต้องไปจัดการจับกุมใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้มาถึง เขาแต่งกายออกจากเรือนด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อนำทหารออกไปจับกุมในครั้งนี้ หานเสี่ยว์นางรู้เรื่องนี้จึงได้เดินมาหาเหิงเยว์ที่นางมาเพราะไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บมาอีก แม้จะไม่เข้าใจตนเองแต่ทว่าขาของนางก็ได้มาหยุดอยู่หน้าประตูของเขาเสียแล้ว เหิงเยว์เห็นหานเสี่ยว์มาหาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนเผลอตัวยิ้มออกมา"เจ้ามาหาข้าหรือ""เจ้าค่ะ ออกจากเรือนครั้งนี้ข้าขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ""นี่เจ้
บทที่ 23 หรือเจ้าอยากได้หัวใจของข้ามาถึงเรือนเขาก็ได้ไปพบเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ที่วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นท่านพ่อของตนก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา "ท่านพ่อ ท่านพ่อไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ" เหิงเยว์อุ้มลู่เอ๋อร์ขึ้นมาบนแขนแกร่งก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือของเลี่ยงเฟิงไปนั่งที่เก้าอี้ "ใช่แล้ว วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมาและมีของอร่อยมาฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย" "จริงหรือขอรับ ว๊าวข้าชอบขนมขอรับ" ดวงตากลมโตของทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ยินว่ามีของอร่อยมาฝาก เขาวางลู่เอ๋อร์ลงพร้อมหยิบขนมออกมาจากถุงมอบให้ทั้งสอง "ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น""ข้าเองก็รักท่านพ่อเช่นกันจะกินให้อร่อยนะขอรับ" "เจ้าทั้งสองชอบข้าเองก็ดีใจเช่นนั้นเจ้านั่งกินเสร็จก็อย่าลืมไปล้างมือกันด้วยนะ ""ขอรับ /เจ้าค่ะ" เขามองดูเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ นั่งกินกันอยู่ที่นี่ส่วนเขานั้นจะนำของไปมอบให้แก่หานเสี่ยว์ เหิงเยว์เดินทอดขามาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ครั้งที่นางป่วยเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามา "เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนไปเลย " เขาเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นข้าวของทุกอย่างยังค
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า
บทที่ 20 ใกล้ชิดเหิงเยว์กินอาหารไปพร้อมหัวใจที่เต้นแรงเมื่อหานเสี่ยว์ป้อนอาหารให้เขา ตัวของนางแทบจะนั่งติดกันกับเขา เหิงเยว์ได้กลิ่นถุงหอมที่โชยออกมาจากกายนางทำให้เขาจำกลิ่นได้ทันทีเป็นนางนั่นเองที่เฝ้าดูแลเขาทั้งคืนหัวใจของเขาเต้นตึกตักความรู้สึกที่เคยเคียดแค้นก็เริ่มจางหายกลับกลายเป็นใจสั่นไหวแทน"ท่านแม่ข้าอิ่มแล้วและวันนี้ท่านแม่มิต้องไปส่งข้ากับท่านพี่ที่ห้องนะเจ้าคะข้ากับท่านพี่กลับเองได้เจ้าค่ะ" ลู่เอ๋อร์ได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังป้อนอาหารท่านพ่อเสร็จสิ้น "ดี เช่นนั้นข้าเองก็จะกลับห้องเช่นกัน ท่านอิ่มแล้วใช่หรือไม่?" นางหันมาตอบลู่เอ๋อร์พลางหันไปถามชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "ท่านแม่ ท่านต้องคอยเฝ้าท่านพ่อสิขอรับ หากท่านพ่อไข้ขึ้นตอนกลางคืนจะทำเช่นไร ลู่เอ๋อร์เรารีบไปกันเถอะท่านพ่อกับท่านแม่จะได้พักผ่อน พวกเจ้าเองก็รีบมาเก็บสำรับไปเก็บสะสิ" เลี่ยงเฟิงได้หันไปบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "เดี๋ยวสิ ข้ารับใช้ก็มากมายทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า ไม่เอาหรอกนะ"หานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องถูกเหิงเยว์ดึงมือเอาไว้ก่อน "อยู่กับข้าก่อนเถอะนะ " จากที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับชายตรงหน้าแม
บทที่ 19 แผนสำเร็จเลี่ยงเฟิงเดินย่ำเท้าไปที่ห้องของท่านพ่อโดยเร็วเมื่อเขาได้ไปแจ้งต่อท่านอาว่าไม่ต้องมาดูแลท่านพ่อของตนเอง เขาจึงรีบมาก่อนที่ลู่เอ๋อร์จะพาท่านแม่มาถึงก่อน แม้เขายังเป็นเพียงเด็กแต่ก็รู้ดีเรื่องที่ท่านอาลู่ฟางนั้นเสแสร้งเป็นผู้ดูแลท่านพ่อ แต่หาใช่เป็นเช่นนั้นไม่ ความยุติธรรมที่ท่านพ่อเคยสั่งสอนทำให้เลี่ยงเฟิงต้องแจ้งความจริงให้ท่านพ่อได้รู้ว่าผู้ใดที่ดูแลท่านพ่อที่แท้จริงเหิงเยว์แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่เขาเองก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้จึงได้เดินไปที่ห้องทำงานของตนเองหยิบพู่กันจุ่มหมึกดำมาเขียนสารส่งให้กับฝ่าบาท เมื่อเขาเขียนเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาด้านนอกเรียกหาคนสนิทของเขาให้นำสารนี้ไปมอบให้ฝ่าบาท "ตงหยาง เจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่""ขอรับนายท่าน""เจ้าจงนำจดหมายนี้ไปมอบให้แก่ฝ่าบาททีและต้องให้ถึงมือของฝ่าบาทอย่าให้ผู้ใดได้เห็นเนื้อความในนี้เด็ดขาด" ตงหยางรับจดหมายมาซุกเข้าด้านในเสื้อของตนพร้อมรับคำสั่ง"ขอรับ""อย่าพึ่งไป ตลอดเวลาที่ข้าให้เจ้าจับตาดูหานเสี่ยว์นางเป็นเช่นไรบ้าง""ฮูหยินก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีแผนอันใดนะขอรับ แถมยังเอ็นดูคุณชายกับคุณหนูเป็นอย่างดี แม
บทที่ 18 แผนของเด็กน้อยทั้งสองเด็กทั้งสองเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของตนเองก็ได้มองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะมุดหัวชนกันเพื่อหารือวางแผน "ลู่เอ๋อร์ก่อนที่จะกินอาหารเย็นข้าจะไปแจ้งท่านอาว่าท่านพ่อทานอาหารพร้อมยาไปเสียแล้วเพื่อไม่ให้ท่านอาต้องไปดูแลท่านพ่อ ส่วนเจ้าไปตามท่านแม่ที่ห้องมาห้องของท่านพ่อให้ได้ แล้วจากนั้นเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่นอนด้วยกัน" ผู้เป็นพี่ได้วางแผนบอกกับน้องสาว"โอ๊ะ ! อย่างนี้เราทั้งสองก็จะมีน้องเล็กเร็ว ๆ สินะเจ้าคะ ข้าตื่นเต้นจังเช่นนั้นข้าจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปทำตามแผนเจ้าคะ" ลู่เอ๋อร์ลี่ตาเล็กลงยิ้มมุมปากอย่างดีใจ "เช่นนั้นก็เอาตามนี้ " เลี่ยงเฟิงเองก็ได้เข้าห้องของตนเองเช่นกันไม่นานนักทั้งสองก็ออกมาจากห้องพร้อม ๆ กันก่อนจะมองหน้าให้กันและพยักหน้าทำตามแผนที่วางไว้ ฝั่งด้านลู่ฟางนางอาบน้ำที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อให้ร่างกายมีกลิ่นหอม จะได้ไปดูแลเหิงเยว์ในค่ำคืนนี้อย่างใกล้ชิดนางมีแผนจะใช้ความใกล้ชิดทำให้เหิงเยว์หวั่นไหวโดยการสวมเสื้อด้านนอกอย่างละหลวมเพื่อเผยให้เห็นตู้โตวเมื่อนางก้มตัวลง นางแสยะยิ้มอยู่หน้ากระจกเมื่อนึกแผนการณ์หากม
บทที่ 17 ข้าอยากมีน้องหานเสี่ยว์เดินฟัดเหวี่ยงออกมาอย่างน่าโมโหพร้อมพึมพำต่อว่าเหิงเยว์ที่เขากล่าวว่าตน"ข้ามิน่าช่วยคนเช่นนี้เลย ข้าไม่ได้นอนก็เพราะต้องดูแลทั้งคืนแต่กลับมาถูกต่อว่า ฮึ! จากนี้ต่อให้ท่านหายใจโรยรินอยู่ต่อหน้าแทบจะกราบแทบเท้าข้าก็ไม่ช่วยท่านแน่นอน เฮอะ" เข่อซิงเองก็คันปากอยากพูดจึงได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของหานเสี่ยว์"นั้นสิเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่คุณหนูเฝ้าอยู่ทั้งคืนแท้ ๆ แต่เหตุใดคนที่ได้หน้ากลับเป็นสตรีนางนั้นกันหรือว่าคุณชายเหิงเยว์ฟื้นขึ้นมาพบเจอนางเป็นคนแรกจึงคิดว่านางนั้นเป็นผู้ดูแล นิสัยไม่ดีเลยเจ้าค่ะ""ช่างประไร อย่างไรข้ามันก็แค่นางร้ายในสายตาของคุณชายเหิงเยว์อยู่ดี มีนางมาคอยเฝ้าดูแลก็ดีข้าจะได้มาต้องมานั่งคอยเป็นห่วง ข้าจะนอนพักอย่างสบายใจ ชิ " นางบ่นไม่ขาดปากเท้าก็ได้เดินมาหยุดที่ศาลารับลมกลางเรือน นางนั่งลงสงบสติอารมณ์ โดยมีเข่อซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างกาย หานเสี่ยว์หายใจเข้าออกจนกระทั่งลมหายใจของนางกลับมาเป็นปกติ สายตาของนางเห็นว่ามีเกี้ยวของขุนนางที่ถูกข้ารับใช้แบกมาวางลงที่หน้าเรือน บ่าวรับใช้ของขุนนางผู้นี้ก็มีมากมายหากนางเดาไม่ผิดขุนนางผู้นี้ต้อง
บทที่ 16 ไร้น้ำใจ ข่างเรื่องที่เหิงเยว์โดนรอบทำร้ายก็ได้เลื่องลือไปจนทั่วจนถึงหูของลู่ฟางนางจึงรีบเดินทางมาเยี่ยมเหิงเยว์อย่างเป็นห่วงด้วยใจที่ร้อนรน "ข้ามาพบท่านพี่เหิงเยว์ตอนนี้ท่านพี่ฟื้นหรือยัง? " เมื่อมาถึงเรือนของเหิงเยว์ลู่ฟางก็ได้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ในเรือนอย่างร้อนใจ"คุณหนูลู่ฟาง ตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ยังคงไม่รู้สึกตัวขอรับ" "เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านพี่เหิงเยว์ที่ห้องนอนเอง ท่านพี่คงได้รับบาดเจ็บมากเลยสินะ "ดวงตาเศร้าสร้อยเมื่อนึกภาพที่เหิงเยว์นอนป่วย"ข้ามิอาจจะเอ่ยได้เพราะฮูหยินสั่งห้ามมิให้บ่าวไพร่ในเรือนพูดเรื่องนี้ขอรับ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" พูดจบบ่าวรับใช้ก็ได้เดินจากไปเมื่อลู่ฟางได้ยินเช่นนั้นก็เคลือบแคลงใจหรือการบาดเจ็บนี่จะเป็นฝีมือของหานเสี่ยว์"เหตุใดถึงสั่งห้ามไม่ให้บ่าวที่เรือนเอ่ยเรื่องนี้หรือว่าเรื่องที่ท่านพี่เหิงเยว์ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับนางกันนะ ช่างเป็นสตรีที่เหี้ยมโหดเสียจริง ข้าก็คิดว่านางจะรักท่านพี่มาก ๆ เสียอีก " นางพึมพำอยู่ผู้เดียวพร้อมย่างกรายไปหาเหิงเยว์ที่ห้องเมื่อนางเข้ามาเห็นก็พบเหิงเยว์นอนอยู่บนเตียงนอนยังไม่ฟื้นนางเข้าไปใกล้ ๆ มองดูใบหน้าที่ซีด