บทที่ 17 ข้าอยากมีน้องหานเสี่ยว์เดินฟัดเหวี่ยงออกมาอย่างน่าโมโหพร้อมพึมพำต่อว่าเหิงเยว์ที่เขากล่าวว่าตน"ข้ามิน่าช่วยคนเช่นนี้เลย ข้าไม่ได้นอนก็เพราะต้องดูแลทั้งคืนแต่กลับมาถูกต่อว่า ฮึ! จากนี้ต่อให้ท่านหายใจโรยรินอยู่ต่อหน้าแทบจะกราบแทบเท้าข้าก็ไม่ช่วยท่านแน่นอน เฮอะ" เข่อซิงเองก็คันปากอยากพูดจึงได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของหานเสี่ยว์"นั้นสิเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่คุณหนูเฝ้าอยู่ทั้งคืนแท้ ๆ แต่เหตุใดคนที่ได้หน้ากลับเป็นสตรีนางนั้นกันหรือว่าคุณชายเหิงเยว์ฟื้นขึ้นมาพบเจอนางเป็นคนแรกจึงคิดว่านางนั้นเป็นผู้ดูแล นิสัยไม่ดีเลยเจ้าค่ะ""ช่างประไร อย่างไรข้ามันก็แค่นางร้ายในสายตาของคุณชายเหิงเยว์อยู่ดี มีนางมาคอยเฝ้าดูแลก็ดีข้าจะได้มาต้องมานั่งคอยเป็นห่วง ข้าจะนอนพักอย่างสบายใจ ชิ " นางบ่นไม่ขาดปากเท้าก็ได้เดินมาหยุดที่ศาลารับลมกลางเรือน นางนั่งลงสงบสติอารมณ์ โดยมีเข่อซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างกาย หานเสี่ยว์หายใจเข้าออกจนกระทั่งลมหายใจของนางกลับมาเป็นปกติ สายตาของนางเห็นว่ามีเกี้ยวของขุนนางที่ถูกข้ารับใช้แบกมาวางลงที่หน้าเรือน บ่าวรับใช้ของขุนนางผู้นี้ก็มีมากมายหากนางเดาไม่ผิดขุนนางผู้นี้ต้อง
บทที่ 18 แผนของเด็กน้อยทั้งสองเด็กทั้งสองเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของตนเองก็ได้มองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะมุดหัวชนกันเพื่อหารือวางแผน "ลู่เอ๋อร์ก่อนที่จะกินอาหารเย็นข้าจะไปแจ้งท่านอาว่าท่านพ่อทานอาหารพร้อมยาไปเสียแล้วเพื่อไม่ให้ท่านอาต้องไปดูแลท่านพ่อ ส่วนเจ้าไปตามท่านแม่ที่ห้องมาห้องของท่านพ่อให้ได้ แล้วจากนั้นเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่นอนด้วยกัน" ผู้เป็นพี่ได้วางแผนบอกกับน้องสาว"โอ๊ะ ! อย่างนี้เราทั้งสองก็จะมีน้องเล็กเร็ว ๆ สินะเจ้าคะ ข้าตื่นเต้นจังเช่นนั้นข้าจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปทำตามแผนเจ้าคะ" ลู่เอ๋อร์ลี่ตาเล็กลงยิ้มมุมปากอย่างดีใจ "เช่นนั้นก็เอาตามนี้ " เลี่ยงเฟิงเองก็ได้เข้าห้องของตนเองเช่นกันไม่นานนักทั้งสองก็ออกมาจากห้องพร้อม ๆ กันก่อนจะมองหน้าให้กันและพยักหน้าทำตามแผนที่วางไว้ ฝั่งด้านลู่ฟางนางอาบน้ำที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อให้ร่างกายมีกลิ่นหอม จะได้ไปดูแลเหิงเยว์ในค่ำคืนนี้อย่างใกล้ชิดนางมีแผนจะใช้ความใกล้ชิดทำให้เหิงเยว์หวั่นไหวโดยการสวมเสื้อด้านนอกอย่างละหลวมเพื่อเผยให้เห็นตู้โตวเมื่อนางก้มตัวลง นางแสยะยิ้มอยู่หน้ากระจกเมื่อนึกแผนการณ์หากม
บทที่ 19 แผนสำเร็จเลี่ยงเฟิงเดินย่ำเท้าไปที่ห้องของท่านพ่อโดยเร็วเมื่อเขาได้ไปแจ้งต่อท่านอาว่าไม่ต้องมาดูแลท่านพ่อของตนเอง เขาจึงรีบมาก่อนที่ลู่เอ๋อร์จะพาท่านแม่มาถึงก่อน แม้เขายังเป็นเพียงเด็กแต่ก็รู้ดีเรื่องที่ท่านอาลู่ฟางนั้นเสแสร้งเป็นผู้ดูแลท่านพ่อ แต่หาใช่เป็นเช่นนั้นไม่ ความยุติธรรมที่ท่านพ่อเคยสั่งสอนทำให้เลี่ยงเฟิงต้องแจ้งความจริงให้ท่านพ่อได้รู้ว่าผู้ใดที่ดูแลท่านพ่อที่แท้จริงเหิงเยว์แม้จะได้รับบาดเจ็บแต่เขาเองก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทได้รับรู้จึงได้เดินไปที่ห้องทำงานของตนเองหยิบพู่กันจุ่มหมึกดำมาเขียนสารส่งให้กับฝ่าบาท เมื่อเขาเขียนเสร็จแล้วก็ได้เดินออกมาด้านนอกเรียกหาคนสนิทของเขาให้นำสารนี้ไปมอบให้ฝ่าบาท "ตงหยาง เจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่""ขอรับนายท่าน""เจ้าจงนำจดหมายนี้ไปมอบให้แก่ฝ่าบาททีและต้องให้ถึงมือของฝ่าบาทอย่าให้ผู้ใดได้เห็นเนื้อความในนี้เด็ดขาด" ตงหยางรับจดหมายมาซุกเข้าด้านในเสื้อของตนพร้อมรับคำสั่ง"ขอรับ""อย่าพึ่งไป ตลอดเวลาที่ข้าให้เจ้าจับตาดูหานเสี่ยว์นางเป็นเช่นไรบ้าง""ฮูหยินก็ไม่มีท่าทีว่าจะมีแผนอันใดนะขอรับ แถมยังเอ็นดูคุณชายกับคุณหนูเป็นอย่างดี แม
บทที่ 20 ใกล้ชิดเหิงเยว์กินอาหารไปพร้อมหัวใจที่เต้นแรงเมื่อหานเสี่ยว์ป้อนอาหารให้เขา ตัวของนางแทบจะนั่งติดกันกับเขา เหิงเยว์ได้กลิ่นถุงหอมที่โชยออกมาจากกายนางทำให้เขาจำกลิ่นได้ทันทีเป็นนางนั่นเองที่เฝ้าดูแลเขาทั้งคืนหัวใจของเขาเต้นตึกตักความรู้สึกที่เคยเคียดแค้นก็เริ่มจางหายกลับกลายเป็นใจสั่นไหวแทน"ท่านแม่ข้าอิ่มแล้วและวันนี้ท่านแม่มิต้องไปส่งข้ากับท่านพี่ที่ห้องนะเจ้าคะข้ากับท่านพี่กลับเองได้เจ้าค่ะ" ลู่เอ๋อร์ได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์กำลังป้อนอาหารท่านพ่อเสร็จสิ้น "ดี เช่นนั้นข้าเองก็จะกลับห้องเช่นกัน ท่านอิ่มแล้วใช่หรือไม่?" นางหันมาตอบลู่เอ๋อร์พลางหันไปถามชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ "ท่านแม่ ท่านต้องคอยเฝ้าท่านพ่อสิขอรับ หากท่านพ่อไข้ขึ้นตอนกลางคืนจะทำเช่นไร ลู่เอ๋อร์เรารีบไปกันเถอะท่านพ่อกับท่านแม่จะได้พักผ่อน พวกเจ้าเองก็รีบมาเก็บสำรับไปเก็บสะสิ" เลี่ยงเฟิงได้หันไปบอกสาวใช้ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "เดี๋ยวสิ ข้ารับใช้ก็มากมายทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า ไม่เอาหรอกนะ"หานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนแต่ก็ต้องถูกเหิงเยว์ดึงมือเอาไว้ก่อน "อยู่กับข้าก่อนเถอะนะ " จากที่ไม่เคยรู้สึกอะไรกับชายตรงหน้าแม
บทที่ 21 ไม่เห็นน้องเลยรุ่งสางมาเยือนหานเสี่ยว์ลืมตาขึ้นมาก็พบผนังห้องที่ไม่คุ้นเคย จนนางเกือบจะร้องกรี๊ดออกมาแต่ ก็นึกขึ้นมาได้ว่านางได้มานอนอยู่ที่ห้องของเหิงเยว์นางรีบเช็คเสื้อผ้าของตนเองก็พบว่าเสื้อผ้านั้นยังคงอยู่ที่เดิมความกังวลก็ลดลงเป็นโล่งใจนางมองดูคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ นางแต่กลับไม่พบเขาเลย หานเสี่ยว์จึงได้ลุกขึ้นเพื่อกลับห้องของตน"เจ้าตื่นแล้วหรือ"แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงของเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างจิบชาอย่างสบายใจ"เห็นเช่นนี้แล้วยังจะถามอีกหรือเจ้าคะ ""เมื่อไหร่เจ้าจะพูดดี ๆ กับข้าเสียที""แล้วทีท่านล่ะต่อว่าโดยหารู้ความจริงไม่ ผู้ใดดีมาข้าก็ดีกลับ " พูดจบหานเสี่ยว์ก็ได้เปิดประตูกำลังเดินออกไป แต่แล้วก็ต้องพบว่าประตูนั้นก็กำลังถูกเปิดเข้ามาเช่นกัน "ท่านพี่เป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงจนนอนไม่หลับเลย" ลู่ฟางนางรีบมาหาเหิงเยว์ตั้งแต่เช้าตรู่ก็ต้องยืนชะงักใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มตอนนี้ก็ได้หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าหานเสี่ยว์อยู่ในห้องนอนของเหิงเยว์"ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านมานอนกับท่านพี่ ไม่จริง! ท่านพี่รังเกียจท่านนี่น่าไม่มีทางออกไปนะข้าจะเข้าไปหาท่า
บทที่ 22 คำเตือนจากหญิงชรา"เจ้ามาที่ห้องของข้ามีเรื่องอันใด อีกอย่างข้าจะไปไม่ไปที่ใดก็เรื่องของข้า เจ้าไม่ต้องมายุ่ง" เมื่อหลบหลีกไม่ได้นางจึงต้องปกป้องตนเอง "เฮอะ ! นี่ท่านต้องการอันใดกันข้ามาครั้งก่อนข้าได้ยินว่าท่านพี่จะหย่ากับท่านแล้วเหตุใดท่านยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่หย่าไปเลยหรือว่าท่านมีแผนอันใดอีก ""จะให้ข้าบอกเจ้าอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจต่อให้ข้าจะหย่าไม่หย่าก็เรื่องของข้า ส่วนข้ามีแผนอันใดหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้ามันก็แค่ญาติพี่น้องจงรู้จักที่ของตนเองเสียบ้าง อย่าพยายามหวังสูงเกินไปต่อให้ไม่มีข้า ท่านพี่เหิงเยว์ของเจ้าก็ไม่มีทางสนใจเจ้าหรอกนะ ออกไปจากห้องข้าและอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าของเจ้าอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน" หานเสี่ยว์เหนื่อยที่จะต่อปากต่อคำจึงได้ขู่ให้นางกลัวและกลับไปเสีย "ที่ข้าออกไปเพราะไม่ได้หวาดกลัวท่านหรอกนะ คอยดูเถิดสักวันข้าจะเปิดเผยนิสัยที่แท้จริงของท่านด้วยตัวข้าเอง"ลู่ฟางกำมือแน่นก่อนจะเดินออกมาอย่างเจ็บใจ คิดหรือว่าสตรีเช่นนางจะเกรงกลัว นางจึงได้เก็บใจแค้นกลับไปวางแผนเพื่อที่จะกลับมาเอาคืนอย่าสาสม เมื่อนางเดินออกมาจากห้องอย่างฟัดเหวี่ยง
บทที่ 23 หรือเจ้าอยากได้หัวใจของข้ามาถึงเรือนเขาก็ได้ไปพบเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ที่วิ่งเล่นอยู่สวนหลังเรือนโดยมีสาวใช้คอยดูแลอยู่ เมื่อเด็ก ๆ เห็นท่านพ่อของตนก็ดีใจรีบวิ่งเข้ามาหา "ท่านพ่อ ท่านพ่อไปข้างนอกมาหรือเจ้าคะ" เหิงเยว์อุ้มลู่เอ๋อร์ขึ้นมาบนแขนแกร่งก่อนจะใช้มืออีกข้างจับมือของเลี่ยงเฟิงไปนั่งที่เก้าอี้ "ใช่แล้ว วันนี้ข้าออกไปข้างนอกมาและมีของอร่อยมาฝากพวกเจ้าทั้งสองด้วย" "จริงหรือขอรับ ว๊าวข้าชอบขนมขอรับ" ดวงตากลมโตของทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ยินว่ามีของอร่อยมาฝาก เขาวางลู่เอ๋อร์ลงพร้อมหยิบขนมออกมาจากถุงมอบให้ทั้งสอง "ข้ารักท่านพ่อที่สุดเลยเจ้าค่ะ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น""ข้าเองก็รักท่านพ่อเช่นกันจะกินให้อร่อยนะขอรับ" "เจ้าทั้งสองชอบข้าเองก็ดีใจเช่นนั้นเจ้านั่งกินเสร็จก็อย่าลืมไปล้างมือกันด้วยนะ ""ขอรับ /เจ้าค่ะ" เขามองดูเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะบอกให้เด็ก ๆ นั่งกินกันอยู่ที่นี่ส่วนเขานั้นจะนำของไปมอบให้แก่หานเสี่ยว์ เหิงเยว์เดินทอดขามาอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ครั้งที่นางป่วยเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ามา "เหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนไปเลย " เขาเอ่ยพึมพำเมื่อเห็นข้าวของทุกอย่างยังค
บทที่ 24 จับกุมใต้เท้าชั่วเหิงเยว์เดินออกมาหยุดเดินอยู่กลางทางเขาใช้มือทาบอกแกร่งของตน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขามักจะใจสั่นเมื่ออยู่ใกล้นาง เขาใจเต้นแรงเมื่อถูกหานเสี่ยว์สัมผัสแถมยังเอ่ยวาจาแปลก ๆ กับนางอีกด้วย "นี่ข้าเป็นอะไรไป ถึงได้เอ่ยออกมาเช่นนั้น หรือว่าข้านั้นชอบนางเข้าแล้วจริง ๆ ไม่หรอกข้าแค่รู้สึกขอบคุณนางเท่านั้น นั้นสิข้าก็แค่ไม่ค่อยได้ใกล้ชิดสตรีจึงทำให้หวั่นไหว เหิงเยว์ตั้งสติ" เขาบอกกล่าวตนเองแต่ที่น่าแปลกที่ครั้งนี้เขามองนางแต่ทว่าไม่เห็นภาพทับซ้อนของซู่ซ่านเลย หรือว่าตอนนี้ภาพจำของซู่ซ่านได้เลือนลางไปแล้ว เมื่อถึงวันที่เหิงเยว์ต้องไปจัดการจับกุมใต้เท้าเจียวหั่วก็ได้มาถึง เขาแต่งกายออกจากเรือนด้วยชุดที่ทะมัดทะแมงเพื่อนำทหารออกไปจับกุมในครั้งนี้ หานเสี่ยว์นางรู้เรื่องนี้จึงได้เดินมาหาเหิงเยว์ที่นางมาเพราะไม่อยากให้เขาได้รับบาดเจ็บมาอีก แม้จะไม่เข้าใจตนเองแต่ทว่าขาของนางก็ได้มาหยุดอยู่หน้าประตูของเขาเสียแล้ว เหิงเยว์เห็นหานเสี่ยว์มาหาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมากจนเผลอตัวยิ้มออกมา"เจ้ามาหาข้าหรือ""เจ้าค่ะ ออกจากเรือนครั้งนี้ข้าขอให้ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยนะเจ้าคะ""นี่เจ้
บที่ 39 น้องของสองแฝด1 ปีต่อมา หลังจากวันนั้นหานเสี่ยว์ก็ได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันกับเหิงเยว์ใช้เวลาค่ำคืนด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งนางนั้นได้ตั้งท้องให้กับเหิงเยว์จนตอนนี้ท้องเริ่มแก่มากแล้ว แถมฤดูนี้ก็เป็นฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย เหิงเยว์จึงเฝ้าประคบประหงมไม่ให้หานเสี่ยว์ไปใกล้แม่น้ำนั้นอีกเลย ในตอนแรกเขาแทบสั่งให้บ่าวนำดินมากลบบ่อน้ำนั้นไปส่ะเพราะกลัวว่าหานเสี่ยว์คิดจะกลับไปอีก แต่ถูกนางขอไว้ เพราะนี่คือความทรงจำที่ดีของนางหากไม่มีบ่อน้ำนี้ก็ไม่มีนางเช่นกัน เหิงเยว์ถึงยอมตามใจฮูหยินของเขา "คุณหนูเข้าไปด้านในเถิดเจ้าค่ะยืนนาน ๆ จะทำให้เหนื่อยเอาได้นะเจ้าคะท้องของคุณหนูก็โตมากกว่าสตรีที่อายุครรภ์เท่ากันด้วยซ้ำ หรือว่าคุณหนูจะตั้งท้องแฝดเจ้าคะ"เข่อซิงที่คอยประคองหานเสี่ยว์ได้เอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่ท้องของหานเสี่ยว์ "จริงหรือท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีนะสิ" เลี่ยงเฟิงที่เดินมาจากห้องของตนเองก็ได้ยินที่เข่อซิงกล่าว "ท่านแม่จะมีน้องสองคนหรือเจ้าคะ งั้นก็เป็นเรื่องดีเสียจริงข้ากับท่านพี่จะได้ไม่ต้องแย่งกัน น้องจ๋าเจ้าจงออกมาเป็นหญิงหนึ่งบุรุษหนึ่งนะได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่" ลู่เอ๋อร์ใช้มือเล็กลู
บทที่ 38 ทำน้องให้เด็กทั้งสอง"หานเสี่ยว์เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นนี่ก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว ข้าเฝ้ารอเจ้าอยู่ทุกวันเด็ก ๆ ทั้งสองก็อยากเข้ามาหาเจ้าแต่ข้าก็ต้องโกหกไปว่าเจ้าไม่สบาย เพราะข้าไม่อยากให้เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ต้องเสียใจที่รู้ว่าเจ้าจากไป เจ้าอยู่ที่ใดไม่สงสารใจข้าบางหรือ ข้าทำได้เพียงเฝ้ารอเจ้าอย่างท้อใจข้ามิอาจทำเช่นใดได้เลยกับมาหาข้าเถอะนะ หานเสี่ยว์ ไม่สิซู่ซ่าน หรือว่าจิวฉิง ไม่ว่าเจ้าจะชื่อนามอันใดข้าก็รักที่เจ้าเป็นเจ้ากลับมาหาข้าเถอะนะตอนนี้หัวใจของข้าแทบสลายแล้ว อย่าจากข้าไปเลย ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินมั้ยว่าข้ารักเจ้าเพียงใด" น้ำเสียงโศกเศร้าใบหน้าซูบผอมของเหิงเยว์ที่คร่ำครวญอยู่ข้างร่างหานเสี่ยว์พร้อมจับมือนางแน่นไม่ยอมปล่อย "รักเพียงใดหรือเจ้าคะ" จิวฉิงที่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของหานเสี่ยว์ก็ส่งยิ้มพร้อมเอ่ยถามบุรุษที่พร่ำรักนางอยู่ต่อหน้า"ข้ารักเจ้ามาก ชีวิตของข้าก็ให้เจ้าได้ เอ๊ะ! เดี๋ยวสินางยังไม่ฟื้นนี่น่าหรือว่าข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้ว " เหิงเยว์ชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็ตอบคำถามหานเสี่ยว์ จึงได้ใช้มือตบหน้าตนเองเบา ๆจนหานเสี่ยว์ต้องจับมือของเขาเอาไว้"อย่าตีตนเองเลยนี่มิใช่
บทที่ 37 อย่าทิ้งข้าไป"นี่เจ้าจะทิ้งข้า ทิ้งเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ไปจริง ๆ หรือ แล้วข้าจะอยู่อย่างไรเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไร ไม่ข้าไม่เชื่อเจ้าต้องฟื้นสิ ท่านหมอหลอกลวงข้าเจ้าต้องฟื้น แล้วเช่นนี้ข้าจะทนได้อย่างเล่าในเมื่อตอนนี้ข้ารักเจ้าหมดทั้งหัวใจ " ความเคว้งคว้างในหัวใจของเหิงเยว์ได้ก่อตัวขึ้น เขาซบหน้าลงซบร่างกายของหานเสี่ยว์สะอึกไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ภายในห้องก็มีเพียงเสียงร้องไห้ทุกข์ระทมของทุกคน เหิงเยว์ทำอะไรมิได้ทำได้เพียงร้องไห้แม้แต่เรี่ยวแรงที่เช็ดน้ำตาของตนเขายังทำไม่ได้เสมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายไปแล้ว ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่เขาได้เสียซู่ซ่านไปมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ต่อให้เขาเรียกนางซ้ำ ๆ เท่าไร่ร่างบางที่นอนแน่นิ่งก็มิอาจตอบสนอง "ข้ามิอาจจะช่วยเหลือฮูหยินของท่านได้ ต้องขออภัยอีกครั้งร่างที่นอนไร้สติของฮูหยินไม่นานชีพจรอาจจะหยุดเต้น ถึงเวลานั้นท่านคงรู้นะขอรับ หมดหน้าที่ข้าแล้วข้าขอตัว" ท่านหมอโค้งคำนับพร้อมออกจากห้องไป ปล่อยให้เหิงเยว์จมอยู่กับความทรมานใจอยู่เช่นนั้น แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นท่านหมอ แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบเห็
บทที่ 36 ลาก่อนฝั่งด้านหานเสี่ยว์นางกินอาหารเย็นเสร็จสิ้นก็ไล่ให้เข่อซิงกลับไปพักผ่อน วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นวันที่นางรอคอยมาตลอด จึงอ้างกับเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ว่านางมีอาการไม่ค่อยสบายจึงไม่ได้ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย เด็กทั้งสองเห็นท่านแม่มีอาการแปลกไปจึงคิดว่าไม่สบายจริง ๆ และไม่อยากรบกวนให้ท่านแม่ได้พักผ่อน นางรอจนทุกคนเข้านอนเมื่อนางเปิดประตูดูสถานการณ์ด้านนอกเมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงได้เดินออกมาจากห้องเพื่อไปที่สระน้ำอยู่ด้านหลังเรือน ความเงียบสงัดทำให้หานเสี่ยว์เองก็รู็สึกเงียบเหงาเหลือเกิน นางเดินไปอย่างเชื่องช้า มองรอบ ๆ เห็นภาพความทรงจำที่ผ่านมาน้ำตาใส ๆ ก็เริ่มเอ่อนอง ความผูกพันธ์กับคนที่นี่ล้วนมีความหมายกับนางเหลือเกินมันเป็นความทรงจำที่มีค่ามาก ๆ ยิ่งก้าวเท้าเดินก็ยิ่งเจ็บถึงขั่วหัวใจ รอยยิ้มแววตาของเด็กทั้งสองที่คอยยิ้มให้ก็ยิ่งทำให้นางร้องไห้มากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างนางต้องทิ้งไว้ที่นี่ "จากนี้ข้าคงไม่ได้พบเจอพวกเจ้าอีกแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุขในทุก ๆ วัน ลาก่อนนะเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ " เมื่อมาถึงสะพานหานเสี่ยว์ก็ได้ก้าวเท้าขึ้นไปยังสะพานเพื่อไปอยู่ตรงกลางแม่น้ำ ก่อ
บทที่ 35 คำสอนของท่านแม่คล้ายคำกล่าวลารุ่งสางมาเยือนอีกคราหานเสี่ยว์ร้องไห้ทั้งคืนเมื่อนางตื่นเช้ามาเปลือกตาของนางก็มีอาการบวมแดง เข่อซิงได้เข้ามานำน้ำมาให้นางล้างหน้าล้างตาก็ต้องตกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดเพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย"คุณหนูข้านำน้ำมาให้เจ้าค่ะ วันนี้ด้านนอกอากาศดีมากหากคุณหนูล้างหน้าเสร็จแล้วเราไปด้านนอกดีมั้ยเจ้าคะ" "ดีเช่นกัน" หานเสี่ยว์ก็ได้ล้างหน้าล้างตาเข่อซิงเองก็ช่วยแปรงผมให้ ไม่นานทั้งสองก็ได้ออกมารับลมด้านนอกต้นไม้นานาชนิดเริ่มผลิใบเขียวขจี อากาศสดชื่นยิ่งนักหานเสี่ยว์ทอดสายตามองเหล่าผีเสื้อแมลงปอต่างพากันบินวนดมเกสรดอกไม้เพื่อดำรงชีวิต "คงถึงเวลาแล้วสินะ" นางเอ่ยออกมาเมื่อถึงเวลาที่นางจะต้องไปแต่หัวใจของนางตอนนี้ช่างปวดร้าวเหลือเกิน ไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางรอคอยเวลานี้มาตลอด นางคิดว่าวันที่นางไม่อยู่เด็กทั้งสองจะเป็นเช่นไรจะคิดถึงนางหรือไม่? หรือจะร้องไห้คร่ำครวญเพราะคิดถึงนาง แต่หากนางไม่ไปก็เป็นห่วงคุณย่าที่รอคอยนางอยู่อีกโลก นางยังมีห่วงหากจะอยู่ที่นี่ต่อ หานเสี่ยว์ยังคงต้องรอวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงนางถึงจะกลับได้ นางถึงเอ่ยถามเข่อ
บทที่ 34 เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะเข่อซิงเมื่อรับรู้ว่าคุณชายเหิงเยว์ต้องการอยู่เพียงลำพังกับนายหญิงของตนนางก็ก้มหน้าเพื่อรับรู้และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมนางเองก็อยากให้นายหญิงของตนมีความสุขเสียที เพราะอย่างไรตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ก็ได้แสดงท่าทีว่ารักนายหญิงของนางเข้าแล้วและพร้อมจะดูแลนางตลอดไป เพียงแต่นายหญิงของนางต่างหากที่เริ่มเปลี่ยนไป "อย่าพึ่งไปอยู่ชมจันทร์กับข้าเสียก่อน ""ไม่ข้าอยากจะพัก ข้าเหนื่อย" เหิงเยว์มองใบหน้าของหานเสี่ยว์ก่อนจะตัดสินใจอุ้มนางมาอยู่ในอ้อมแขน ทำให้นางตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัวและกลับตกจากอ้อมแขนของเขา"หากข้าอุ้มเจ้าอยู่เช่นนี้เจ้าคงไม่เหนื่อยใช่หรือไม่ ?""อ๊าย ! นี่ท่านทำอะไรของท่านปล่อยข้าลงไปนะ ""ทำไมล่ะ เจ้าเอ่ยเองว่าเจ้าเหนื่อยข้าก็ช่วยให้เจ้าได้พักอยู่นี่อย่างไรล่ะ ""มะ....ไม่ต้องปล่อยข้าลง ข้ายืนเองดีกว่า""ฮึ ก็ได้ " เขาปล่อยนางให้ยืนเอาเอง ตอนนี้หัวใจของหานเสี่ยว์เต้นแรงเมื่อร่างกายสัมผัสกันแถมเมื่อครู่ตอนที่เขาอุ้มนางได้กอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกได้ยินเสียงหัวใจของเหิงเยว์ที่เต้นไม่เป็นจังหวะทั้ง ๆ ที่นางพยายามห
บทที่ 33 ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะหานเสี่ยว์ย้อนคิดในยามที่ตนตกอยู่ในอันตรายมันช่างโหดร้ายมากแค่ไหน ทุกหนทางช่างน่ากลัวจนไม่คิดว่าตนเองจะรอดกลับมายิ่งมารู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของลู่ฟางนางยิ่งโกรธไปมากกว่าเดิม จนไม่สามารถอภัยให้ได้หากเทียบกับสิ่งที่นางทำ"แม้ว่าข้าจะโกรธนางมากเท่าไหร่แต่ข้าก็มิอาจจะสั่งให้ตัดหัวนางได้ ข้าอยากให้นางอยู่ใช้ชีวิตและเรียนรู้ว่าทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้มิได้มาแต่โดยง่ายการใช้ชีวิตก็เช่นกัน ข้าอยากให้โบยนางสัก 50 ครั้งและเนรเทศไม่ให้นางมาเหยียบที่แคว้นพร้อมปลดครอบครัวของนางยึดทรัพย์สินให้จนหมดให้นางไปใช้ชีวิตเยี่ยงสาวรับใช้เจ้าค่ะท่านพ่อ เท่านี้คงเพียงพอ" "เช่นนั้นก็เอาเช่นเจ้ากล่าวมา แล้วเจ้าเล่าเห็นดีกับบทลงโทษนี้หรือไม่ ? " ใต้เท้าห่าวอู่ได้หันไปถามเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล"ขอรับ ไม่ว่าหานเสี่ยว์จะเอ่ยลงโทษนางเช่นใดข้าก็เห็นด้วย เพราะตอนนี้ข้ากับลู่ฟางตัดขาดสายเลือดกันแล้วขอรับ" หานเสี่ยวเหลือบไปมองใบหน้าของเหิงเยว์ก็มิได้เห็นใบหน้าแห่งความกังวลจึงคิดว่าเขาคงคิดอย่างที่เอ่ยมาจริง ๆ เมื่อพูดคุยกับท่านพ่อเสร็จก็ได้เดินทางกลับภายในห้องจึงมีเพียงเหิงเยว์กับหานเสี่ย
บทที่ 32 ตัดขาดลู่ฟางไม่ได้สังเกตใบหน้าของเหิงเยว์เพราะหลงดีใจที่ได้ใกล้ชิดเขา เมื่อมาถึงเรือนของนางเหิงเยว์ก็ได้กระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะผายมือให้นางจับเพื่อกระโดดลงมา "ขอบคุณท่านพี่เหิงเยว์ที่มาส่งข้าที่เรือนเข้ามาด้านในก่อนเจ้าค่ะข้าจะให้สาวใช้เตรียมน้ำชาชั้นดีมาให้ท่านพี่ได้ดื่ม " นางเชิญเขาเข้าเรือนเมื่อนางก้าวเท้าเข้ามาก็ต้องพบกับทหารของวังหลวงจำนวนมากที่ตอนนี้ได้อ้อมล้อมเรือนของนางไว้หมดแล้ว และนี่ก็เป็นแผนของเหิงเยว์เขาได้ให้คนใช้ของเขาไปแจ้งเรื่องนี้กับใต้เท้าห่าวอู่หลังจากที่ช่วยเหลือหานเสี่ยว์ได้แล้ว ใต้เท้าห่าวอู่โมโหมากที่บุตรสาวคนเดียวของเขาต้องมาถูกกระทำเช่นนี้ "นี่มันเรื่องอันใดกันเจ้าคะ เหตุใดทหารถึงมาอยู่ที่เรือนของข้าเต็มไปหมด""เจ้าหยุดเสแสร้งเถอะ ที่หานเสี่ยว์ได้รับบาดเจ็บก็เพราะเจ้ามันเป็นแผนของเจ้า เรื่องราวครั้งนี้ข้ามิอาจปล่อยผ่านไปได้ เจ้าทำเช่นนี้ทำไม" เหิงเยว์ไม่ทนที่จะมองดูนางเสแสร้งต่อไปจึงได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา"ข้ามิได้ทำอันใดนะเจ้าคะ ข้าไม่รู้เรื่องที่ท่านพี่เหิงเยว์เอ่ยมาสักนิด"ลู่ฟางยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแต่แล้วนางก็ถูกดึงจากด้านหลังให้หันไป
บทที่ 31 ไม่มีทางให้อภัยเหิงเยว์ได้ควบม้าจนมาใกล้ถึงหุบเขาก็ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของหานเสี่ยว์เขาจึงได้ควบม้าไปหาเสียงนั่นทันที และเมื่อเขาเห็นนางกำลังถูกชายชั้นต่ำนันกำลังลวนลามยิ่งทำให้เขาเกรี้ยดโกรธเป็นอย่างมากที่กล้าใช้มือสกปรกแตะต้องฮูหยินของเขา เขาได้เข้าไปจัดการกับชายทั้งสองที่ยืนคอยอยู่อีกฝั่ง โดยที่ทั้งสองไม่ทันได้ตอบโต้แม้แต่น้อยไม่ช้าคนของเหิงเยว์ก็ได้ตามมาจนถึง เหิงเยว์มองเห็นหานเสี่ยว์ที่นั่งตัวสั่นร้องไห้ใช้มือกอดอกตนเองเพื่อปิดบังเรือนร่างตนเองเอาไว้ยิ่งทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิมจนอยากจะฆ่าชายชั่วนั้นให้แหลกเป็นชิ้น ๆ แต่เขาเองก็อยากจะรู้ว่านี่คือการปล้นหรือมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังกันแน่ "เจ้าช่างกล้ามายุ่งกับฮูหยินของข้า การตายเท่านั้นที่คู่ควรกับเจ้า" ชายผู้นั้นเห็นว่าคนของเหิงเยว์นั้นมามากเหลือเกินหากเขาสู้ก็คงไม่มีทางรอดและคนของเขาก็ถูกเหิงเยว์จัดการจนหมดแล้ว ก็เกิดอาการกลัวตายทันที "นายท่านข้ากลัวแล้ว อย่าฆ่าข้าเลยนะขอรับ""เจ้ากลัวอย่างนั้นหรือแล้วนางเล่าสตรีที่ไร้ทางสู้เพียงผู้เดียวแต่เจ้าตามไล่ล่านางถึงสามสี่คน ช่างกล้าเอ่ยออกมาว่ากลัวงั้นหรือ" เขาตวาดใส่เสียงแข