บทที่ 10 ฝันร้าย
เมื่อส่งเด็ก ๆ เข้านอนเสร็จแล้ว หานเสี่ยว์ก็ได้เดินกลับห้องของตัวเอง เหิงเยว์มองดูนางพร้อมกับเดินตามหลังนางไปอย่าง ๆ ช้า
หานเสี่ยว์ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไม่ได้ดังเพียงแค่เท้าเดียวนางจึงหยุดเดินและหันไปมองด้านหลังก็พบเหิงเยว์ที่เดินตามมา
“นี่ท่านเดินตามข้ามาจะมาหาเรื่องอะไรข้าอีก "
“ข้าก็แค่เดินตามทางเท่านั้นไม่ได้เดินตามเจ้าเสียหน่อย ”
"แต่ว่าห้องของท่านไม่ได้มาทางนี้เสียหน่อย "
"ข้าจะเดินไปที่ใดล้วนแต่เป็นที่ของข้า ไม่ว่าข้าจะย่างกรายที่ใดมันเกี่ยวอันใดกับเจ้าเล่า"
"เฮอะ แล้วแต่ท่านเถิดเจ้าค่ะ" หานเสี่ยว์หันหน้าเดินหนีเหิงเยว์อย่างไม่สนใจแต่เขาก็ยังคงเดินตามนางอยู่จนหานเสี่ยว์รู้สึกอึดอัด นางจึงหยุดเดินเพื่อถามเขาให้รู้ความ
"นี่ ท่านจะเดินตามข้าไปถึงเมื่อไหร่ หากท่านจะเอ่ยว่าเดินไปทางใดก็เรื่องของท่าน แต่ช่วยเดินไปทางอื่นได้หรือไม่ หรือว่าท่านมีเรื่องอันใดข้องใจก็เอ่ยออกมา"
"เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้ามีแผนอันใดกันแน่ ที่เข้าหาบุตรของข้าทั้งสองคน สตรีเช่นเจ้าข้าไม่เชื่อว่าจะเปลี่ยนนิสัยได้รวดเร็วปานนี้"
"เฮ้อ ! จะต้องให้ข้าทำเช่นใด ท่านถึงจะเชื่อว่าข้ามิได้มีแผนอันใด "
"แล้วเหตุไฉนเจ้าถึงไม่กลับเรือนของเจ้าไปแจ้งท่านใต้เท้าเพื่อให้บอกกล่าวพ่อของเจ้าเรื่องที่สองเราจะหย่ากัน ” หานเสี่ยว์ฉุดคิดก่อนที่นางจะป่วย นางได้บอกกับเหิงเยว์ว่าจะหย่าแต่ทว่าตอนนี้นางยังคงหย่ากับเขาไม่ได้ จึงรีบครุ่นคิดหาแผนการอยู่ที่นี่ต่อจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ
“เรื่องนั้นข้าจำได้ดี เรื่องที่ข้ากับท่านจะหย่ากันแต่ตอนนี้ข้ายังไม่อยากหย่า อย่างไรเสียเราทั้งสองต่างก็อยู่กันเพียงแค่นาม ท่านก็อยู่ของท่านข้าก็อยู่ของข้า สักวันข้าพร้อมจะหย่าให้ท่านเอง "
“ฮึ ฮึ !! ข้าคิดไว้ไม่มีผิด เจ้าไม่มีทางจะหย่าให้ข้าได้ง่าย ๆ แน่ ๆ ”
“ท่านไม่ต้องกังวลใจ ที่ข้าอยู่ต่อเพราะได้สัญญากับเด็กทั้งสองไว้ว่าจะมาส่งเข้านอนในทุกคืนเท่านั้นหากวันใดเด็ก ๆ รู้ความข้าจะหย่ากับท่านเอง " หานเสี่ยว์พูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องตัวเอง ตอนนี้นางไม่ได้คิดจะชอบพอคุณชายเหิงเยว์เพราะนางไม่ใช่เจ้าของร่างและความรู้สึกของนางก็ไม่เหมือนกัน ส่วนเหิงเยว์ก็มองตามแผ่นหลังนางที่เดินย่ำเท้าไปอย่างรวดเร็ว เข่อซิงเดินก็รีบเดินตามไปติด ๆ
“ต่อให้เจ้ามีแผนร้ายอันใดข้าจะขัดขวางเจ้าทุกทาง " เหิงเยว์พูดจบก็ได้เดินหันหลังกลับห้องตัวเอง ก่อนที่เขาจะเข้าไปที่ห้องก็ได้เรียกคนสนิทที่คอยตามติดตัวเขานั้น สั่งให้ตามเฝ้ามองดูการกระทำของหานเสี่ยว์อย่าให้นางได้รู้ตัวหากมีเรื่องอะไรที่จะเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ ให้แจ้งเขาทันที
"ตงหยาง เจ้าคอยจับตาดูหานเสี่ยว์อย่าให้นางได้รู้ตัว หากนางจะทำอะไรไม่ดีต่อลูก ๆ ของข้าเจ้ารีบมาแจ้งข้าโดยเร็ว ต่อจากนี้นี่คืองานของเจ้าและมารายงานข้าทุกวัน"
"ข้ารับ " ตงหยางก้มหัวโค้งลงรับคำสั่งเหิงเยว์ก็ได้เดินเข้าไปที่ห้องของตัวเอง
ใกล้จะรุ่งสางของอีกวัน
หานเสี่ยว์ยังคงนอนอยู่บนเตียงอย่างสบาย จู่ ๆ ก็ได้มีเสียงเล็ก ๆ ที่ดังอยู่ใกล้ ๆ
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ “ หานเสี่ยว์บิดไปมาก่อนจะลืมตามองดูก็พบว่าตอนนี้ลู่เอ๋อร์ ได้มานั่งทำตาแป๋วอยู่ข้างเตียง
“เจ้ามาหาข้าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ มีเรื่องอันใดหรือ ” เพราะดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นท้องฟ้ายังคงมีความมืดสลัว ทำให้หานเสี่ยว์รีบลุกขึ้นมาถามลู่เอ๋อร์ด้วยความเป็นห่วง
“ท่านแม่ ข้าฝันร้ายเจ้าค่ะ ” แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแถมน้ำเสียงที่เอ่ยออกมาก็สั่นเครือ หานเสี่ยว์จึงคว้าร่างเล็กมาโอบกอด
“เจ้าฝันร้ายนั้นรึ ไม่เป็นอะไรนะตอนนี้เจ้าอยู่ในอ้อมกอดของข้าแล้ว ไม่มีสิ่งใดมาทำอะไรเจ้าได้” ร่างเล็กสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของหานเสี่ยว์ได้เอ่ยออกมา
“ข้าฝันว่าท่านพ่อกลับมาที่เรือนเลือดนองเต็มตัว ท่านแม่ข้ากลัวเจ้าค่ะ ข้ากลัวเหลือเกิน” หานเสี่ยว์ลูบหลังลู่เอ๋อร์เบา ๆ
“เจ้าอย่าคิดมากเลย นั้นเป็นแค่ความฝันเท่านั้น อีกอย่างท่านพ่อของเจ้าเป็นคนเก่งไม่มีผู้ใดทำอันใดพ่อของเจ้าได้ มาเถิดขึ้นมานอนบนเตียงข้าจะคอยกอดเจ้าเอง นอนต่ออีกหน่อยเถิดนะอีกหลายชั่วยามกว่าจะเช้า “ ลู่เอ๋อร์พยักหน้ากระโดดขึ้นเดียงพร้อมนอนในอ้อมกอดของหานเสี่ยว์ เมื่อนางรู้สึกสบายใจก็ได้หลับไปอย่างอบอุ่น หานเสี่ยว์เองก็ยังง่วงอยู่เมื่อเห็นว่าลู่เอ๋อร์หลับนางก็ได้ผล็อยหลับตามเช่นกัน
ไม่นานท้องฟ้าก็สว่าง เข่อซิงมาทำหน้าที่ของนางในทุก ๆ เช้า เมื่อเข้ามาในห้องนอนเพื่อยกน้ำมาให้หานเสี่ยว์ล้างหน้าก็พบว่าตอนนี้นอนกำลังนอนกอดกับคุณหนูลู่เอ๋อร์อยู่
“เอ๊ะ ! คุณหนูลู่เอ๋อร์มานอนอยู่บนเตียงกับคุณหนูหานเสี่ยว์ได้อย่างไรในเมื่อไปส่งคุณหนูที่ห้องก่อนจะกลับมาพักผ่อน” เข่อซิงวางถังน้ำไว้บนโต๊ะพร้อมพึมพำผู้เดียวแต่ตอนนี้หานเสี่ยว์ได้ตื่นนอนแล้ว
“เข่อซิง เข่อซิง” หานเสี่ยว์เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาเข่อซิงจึงได้หันไปมองตามเสียงเรียก
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ข้าเตรียมน้ำมาให้เจ้าค่ะว่าแต่คุณหนูลู่เอ๋อร์มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ’” หานเสี่ยว์พยายามลุกขึ้นอย่างช้า ๆ กลัวว่าลู่เอ๋อร์จะตื่น เมื่อนางลงจากเตียงนอนได้ก็ได้ห่มผ้าให้กับลู่เอ๋อร์ ส่วนตนเองนั้นก็ได้มานั่งที่เก้าอี้ก่อนจะล้างหน้า เข่อซิงก็ได้ยื่นผ้าสำหรับเช็ดหน้าไว้ให้
“นางมาหาข้าตอนใกล้สว่าง นางบอกว่านางฝันร้าย "
“ฝันร้ายหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว นางฝันว่าท่านพ่อของนางนั้นกลับมาเรือนพร้อมเลือดท่วมตัว แค่ความฝันเท่านั้นไม่เห็นต้องหวาดกลัวขนาดนั้นเลย”
“จะไม่กวาดกลัวได้อย่างไรเจ้าคะ คุณหนูก็รู้นิเจ้าคะว่าหากฝันเช่นนี้มันเป็นลางแจ้งเหตุล่วงหน้า "
“นี่เจ้าคิดอย่างนั้นรึ แต่ข้าไม่เชื่อหรอกนะ ก็แค่ความฝันของเด็กเท่านั้น ”ในเมื่อนางมาจากอีกมิติหนึ่งเรื่องความฝันแจ้งเหตุล้วงหน้านั้นล้วนไร้สาระสำหรับนาง
บทที่ 11 ผู้มาเยือนหานเสี่ยว์ได้ออกมานั่งอยู่ที่ห้องโถงเพราะตอนนี้ลู่เอ๋อร์ยังคงนอนอยู่บนเตียง นางได้มานั่งจิบชาเพื่อรอลู่เอ๋อร์ตื่นจะได้กินอาหารพร้อมกันแต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาทางนางอย่างเร่งรีบ“ท่านแม่ ท่านแม่ขอรับ” เลี่ยงเฟิงเหนื่อยหอบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาหานเสี่ยว์นางจึงรีบลุกขึ้นไปจับกายของเลี่ยงเฟิงอย่างสงสัย“เหตุใดเจ้าถึงรีบร้อนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเช่นนี้ด้วย”“ลู่เอ๋อร์ ลู่เอ๋อร์หายไปขอรับ สาวใช้ได้ออกตามหานางจนทั่วห้องก็ไม่พบ หรือว่าท่านแม่จะทำร้ายนาง ไม่! ไม่ใช่หรอกท่านแม่เปลี่ยนไปแล้วนี่น่า หรือว่าท่านทรงเสแสร้งทำดีกับพวกเราทำให้พวกเราหลงเชื่อ และจัดการหรือขอรับ”หานเสี่ยว์ที่กำลังซึ้งที่พี่ชายเป็นห่วงน้องสาวได้มากขนาดนี้ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินคำพูดที่เลี่ยงเฟิงเอ่ยคำหลังออกมาอย่างแผ่วเบา“เจ้ายังคิดว่าข้าทำเช่นนั่นอยู่หรือ ไม่แน่ข้าคงจะจับน้องสาวของเจ้าโยนลงน้ำแล้วก็ได้ หรือไม่ข้าก็ให้ชายฉกรรจ์จับตัวลู่เอ๋อร์ไปขายเป็นทาสให้กับใต้เท้าไปอื่นดีล่ะ " ใบหน้าของเลี่ยงเฟิงซีดเซียวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงของหานเสี่ยว์ที่เอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่งเฉย“ท่าน ท่านใจร้า
บทที่ 12 ข้าจะเผยความชั่วของนางเองหานเสี่ยว์ลุกขึ้นยืนทอดสายตามองไปด้านนอกหน้าต่างตอบคำถามที่ลู่ฟางได้เอ่ยถาม“ใช่ ! ข้าเองไม่อยากจะให้นางต้องมาเลี้ยงดูเด็ก ๆ อีกต่อไป ตลอดเวลาที่นางแต่งเข้ามาข้าเองก็ไม่ได้มีใจให้นางเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางรังแกเด็ก ๆ จนกระทั้งตอนที่นางตกน้ำจากการผลักของลู่เอ๋อร์ ข้าก็ได้รับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาข้าเป็นพ่อที่ไม่เอาไหนเสียจริงปล่อยให้นางรักแกลูกของตนเองได้” เขาเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดไม่รู้เรื่องที่ลูก ๆ ของเขาต้องทนทุกข์ทรมานใจเช่นนี้“แล้วทำไมท่านพี่ถึงได้ไม่ลงโทษฮูหยินของท่านล่ะเจ้าคะเด็ก ๆ น่าสงสารเสียจริง”ลู่ฟางใบหน้าเศร้าสลดทำท่าทีสงสารเด็ก ๆ แสร้งว่าตนเองนั้นไม่รู้เรื่องทั้ง ๆ ที่นางเองก็รับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่นางไม่อยากจะบอกเหิงเยว์เพราะนางอยากให้เหิงเยว์ได้รับรู้ด้วยตนเอง และหย่าพร้อมไล่หานเสี่ยว์ออกจากเรือนนี้ไปส่ะ หลังจากนั้นนางจะเข้ามาแทนที่เอง“เจ้าก็รู้ว่าท่านพ่อของนางเป็นขุนนางที่มีอำนาจ แค่นางยอมหย่าให้ข้าก็ดีมากแล้ว ในตอนแรกนางบอกจะหย่าให้แท้ ๆ แต่จู่ ๆ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปไม่ยอมหย่าเสียอย่างนั้น ข้าเองจึงไม่รู้จะทำอย่างไร อีกอย่างช
บทที่ 13 ออกตรวจตราเท้าคู่งามได้หยุดเดินพร้อมหันกลับมาถามบุรุษที่เดินตามหลังเอ่ยถามเสียงทุ่มต่ำ“ตอนนี้ก็ส่งเด็ก ๆ เข้านอนเสร็จสิ้นแล้วท่านเอ่ยเรื่องที่ท่านอยากพูดกับข้ามาเถิด " “ข้าอยากจะถามเจ้าเรื่องหย่า ตอนนี้ร่างกายของเจ้าก็หายดีแล้วเมื่อไหร่เจ้าจะไปแจ้งท่านพ่อของเจ้าเสียที”“ข้าก็คิดว่าเรื่องอันใด อย่างไรท่านเองก็ทนมาได้ตั้งห้าปี ช่วยทนต่ออีกสักนิดไม่ได้หรืออย่างไร ? หรือว่าท่านอยากจะใช้เวลาร่วมกับลู่ฟางในเร็ววัน เรื่องหย่าท่านไม่ต้องกังวลเมื่อถึงเวลาข้ายอมหย่าให้ท่านแน่แต่ยังไม่ใช่เวลานี้” คำพูดที่ออกจากปากของหานเสี่ยว์ทำให้เหิงเยว์ไม่พอใจเท่าไหร่นักที่นางพูดถึงลู่ฟาง“นี่เจ้าทำไมต้องเอ่ยถึงผู้อื่นด้วย แล้วทำไมต้องรอเวลาในเมื่อช้าหรือเร็วอย่างไรเจ้ากับข้าก็หย่ากันอยู่ดี "“ท่านไม่ต้องห่วงเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิข้าจะหย่าให้ท่านแน่นอน ส่วนเรื่องเหตุผลอะไรข้าไม่ขอเอ่ยหากหมดเรื่องจะคุยข้าต้องขอตัวก่อน” หานเสี่ยว์ไม่อยากจะสนทนาต่อจึงรีบเดินหนี เหิงเยว์ก็ยิ่งไม่เข้าใจนางจะหย่าเหตุใดต้องรอ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนเขามีเรื่องที่ต้องจัดการเสียก่อน เป็นเรื่องที่ฝ่าบาทมอบหมายเขาต้องออกเ
บทที่ 14 โดนลอบทำร้ายภายในห้องที่น่าอึดอัดผู้คนต่างพากันใส่หน้ากากเข้าหากันแม้ใบหน้าจะยิ้มแย้มให้แก่กันแต่ทว่าจิตใจนั้นมิใช่อย่างที่ใบหน้าแสดงอยู่ เหิงเยว์เองก็ทำท่าจิบสุราเพียงเล็กน้อยก่อนจะแอบรินทิ้งเมื่อใต้เท้าเจียวหั่วละสายตา ไม่นานฮูหยินก็ยกไก่ตุ๋นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมเครื่องเคียงมากมาย“ไก่ตุ๋นแสนอร่อยของข้ามาแล้วเจ้าค่ะ "“กลิ่นหอมมากเลยขอรับ วันนี้ข้าต้องเจริญอาหารแน่ ๆ เลย " เหิงเยว์วางจอกสุราลงจ้องมองเนื้อไก่ที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างชื่นชม“แค่ท่านเอ่ยชมและชอบอาหารของข้าข้าก็ดีใจมากเลยเจ้าค่ะ งั้นน่องไก่น่องนี้ข้าขอยกให้ท่าน” ฮูหยินหยิบไก่มอบให้เหิงเยว์เขาเองก็กินเพื่อไม่ให้นางสงสัย เมื่อเขากินอิ่มก็ขอตัวกลับ ใต้เท้าเจียวหั่วกับฮูหยินก็ได้เดินออกมาส่งเหิงเยว์ที่หน้าเรือน“หากวันใดท่านผ่านมาที่นี่อีกก็แวะมาได้เสมอนะขอรับข้าจะให้ฮูหยินทำไก่ตุ๋นให้ท่านได้กินอีก”“วันนี้ข้าอร่อยมาก ไหนจะสุราที่ท่านได้มาช่างมีรสชาติแตกต่างจากแคว้นของเรานัก”“โฮ๊ะ ๆ ใช่มั้ยขอรับแคว้นเรานั้นเทียบไม่ติดเลยหากท่านชอบ ข้าได้มารอบหน้าจะให้บ่าวไปส่งให้ถึงที่เรือนเลยขอรับ ขอให้ท่านเดินทางปลอดภัยนะขอรับ”เหิงเ
บทที่ 15 คอยดูแลหานเสี่ยว์ไม่เคยพบเจอเรื่องเช่นนี้เลือดของเหิงเยว์ก็ไหลไม่หยุดกลิ่นเลือดคละคลุ้งเต็มเสื้อผ้าของนางเพราะตอนนี้นางกำลังโอบกอดร่างกายของเขาอยู่ไม่นานบ่าวไพรก็ได้พากันแตกตื่นมาช่วยยกร่างที่ได้รับบาดเจ็บของเหิงเยว์เข้าไปที่ห้องของเขา หานเสี่ยว์ตั้งสติเดินเข้ามาด้วยความเป็นห่วง แม้ว่านางจะไม่ได้ถูกชะตาแต่อย่างไรชายผู้นี้ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเองนางจึงได้เข้ามาในห้องของเขา ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ไปนำถังนำสะอาดและผ้ามาให้นาง "นี่เจ้าไปนำน้ำสะอาดมาให้ข้าพร้อมผ้าผืนเล็กโดยเร็ว""เจ้าค่ะฮูหยิน" นางได้รับคำสั่งและรีบเดินออกไปหาสิ่งที่หานเสี่ยว์สั่ง สาวใช้เดินกลับมาพร้อมถังน้ำยื่นผ้ามอบให้แก่หานเสี่ยว์นางได้นำผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้ผ้าหมาดเช็ดร่างกายของเหิงเยว์ที่นอนไร้สติอยู่ "มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอมาแล้ว" สาวใช้ที่อยู่หน้าห้องเห็นท่านหมอเดินมาพร้อมเข่อซิงก็ได้เอ่ยออกมาเสียงดัง "เกิดอันใดขึ้นกับท่านผู้ตรวจการหรือขอรับ""ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน ท่านหมอช่วยตรวจเขาที " หานเสี่ยว์ร้อนใจกลัวว่าชายที่นอนอยู่บนเตียงจะจากเด็ก ๆ ไป ท่านหมอได้สั่งให้บ่าวถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดออกพร้อมพลิกตัวข
บทที่ 16 ไร้น้ำใจ ข่างเรื่องที่เหิงเยว์โดนรอบทำร้ายก็ได้เลื่องลือไปจนทั่วจนถึงหูของลู่ฟางนางจึงรีบเดินทางมาเยี่ยมเหิงเยว์อย่างเป็นห่วงด้วยใจที่ร้อนรน "ข้ามาพบท่านพี่เหิงเยว์ตอนนี้ท่านพี่ฟื้นหรือยัง? " เมื่อมาถึงเรือนของเหิงเยว์ลู่ฟางก็ได้เอ่ยถามบ่าวรับใช้ในเรือนอย่างร้อนใจ"คุณหนูลู่ฟาง ตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ยังคงไม่รู้สึกตัวขอรับ" "เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านพี่เหิงเยว์ที่ห้องนอนเอง ท่านพี่คงได้รับบาดเจ็บมากเลยสินะ "ดวงตาเศร้าสร้อยเมื่อนึกภาพที่เหิงเยว์นอนป่วย"ข้ามิอาจจะเอ่ยได้เพราะฮูหยินสั่งห้ามมิให้บ่าวไพร่ในเรือนพูดเรื่องนี้ขอรับ ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" พูดจบบ่าวรับใช้ก็ได้เดินจากไปเมื่อลู่ฟางได้ยินเช่นนั้นก็เคลือบแคลงใจหรือการบาดเจ็บนี่จะเป็นฝีมือของหานเสี่ยว์"เหตุใดถึงสั่งห้ามไม่ให้บ่าวที่เรือนเอ่ยเรื่องนี้หรือว่าเรื่องที่ท่านพี่เหิงเยว์ได้รับบาดเจ็บเกี่ยวข้องกับนางกันนะ ช่างเป็นสตรีที่เหี้ยมโหดเสียจริง ข้าก็คิดว่านางจะรักท่านพี่มาก ๆ เสียอีก " นางพึมพำอยู่ผู้เดียวพร้อมย่างกรายไปหาเหิงเยว์ที่ห้องเมื่อนางเข้ามาเห็นก็พบเหิงเยว์นอนอยู่บนเตียงนอนยังไม่ฟื้นนางเข้าไปใกล้ ๆ มองดูใบหน้าที่ซีด
บทที่ 17 ข้าอยากมีน้องหานเสี่ยว์เดินฟัดเหวี่ยงออกมาอย่างน่าโมโหพร้อมพึมพำต่อว่าเหิงเยว์ที่เขากล่าวว่าตน"ข้ามิน่าช่วยคนเช่นนี้เลย ข้าไม่ได้นอนก็เพราะต้องดูแลทั้งคืนแต่กลับมาถูกต่อว่า ฮึ! จากนี้ต่อให้ท่านหายใจโรยรินอยู่ต่อหน้าแทบจะกราบแทบเท้าข้าก็ไม่ช่วยท่านแน่นอน เฮอะ" เข่อซิงเองก็คันปากอยากพูดจึงได้เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของหานเสี่ยว์"นั้นสิเจ้าคะ ทั้ง ๆ ที่คุณหนูเฝ้าอยู่ทั้งคืนแท้ ๆ แต่เหตุใดคนที่ได้หน้ากลับเป็นสตรีนางนั้นกันหรือว่าคุณชายเหิงเยว์ฟื้นขึ้นมาพบเจอนางเป็นคนแรกจึงคิดว่านางนั้นเป็นผู้ดูแล นิสัยไม่ดีเลยเจ้าค่ะ""ช่างประไร อย่างไรข้ามันก็แค่นางร้ายในสายตาของคุณชายเหิงเยว์อยู่ดี มีนางมาคอยเฝ้าดูแลก็ดีข้าจะได้มาต้องมานั่งคอยเป็นห่วง ข้าจะนอนพักอย่างสบายใจ ชิ " นางบ่นไม่ขาดปากเท้าก็ได้เดินมาหยุดที่ศาลารับลมกลางเรือน นางนั่งลงสงบสติอารมณ์ โดยมีเข่อซิงยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างกาย หานเสี่ยว์หายใจเข้าออกจนกระทั่งลมหายใจของนางกลับมาเป็นปกติ สายตาของนางเห็นว่ามีเกี้ยวของขุนนางที่ถูกข้ารับใช้แบกมาวางลงที่หน้าเรือน บ่าวรับใช้ของขุนนางผู้นี้ก็มีมากมายหากนางเดาไม่ผิดขุนนางผู้นี้ต้อง
บทที่ 18 แผนของเด็กน้อยทั้งสองเด็กทั้งสองเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องของตนเองก็ได้มองหน้ากันอย่างมีเลศนัยก่อนจะมุดหัวชนกันเพื่อหารือวางแผน "ลู่เอ๋อร์ก่อนที่จะกินอาหารเย็นข้าจะไปแจ้งท่านอาว่าท่านพ่อทานอาหารพร้อมยาไปเสียแล้วเพื่อไม่ให้ท่านอาต้องไปดูแลท่านพ่อ ส่วนเจ้าไปตามท่านแม่ที่ห้องมาห้องของท่านพ่อให้ได้ แล้วจากนั้นเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านพ่อกับท่านแม่นอนด้วยกัน" ผู้เป็นพี่ได้วางแผนบอกกับน้องสาว"โอ๊ะ ! อย่างนี้เราทั้งสองก็จะมีน้องเล็กเร็ว ๆ สินะเจ้าคะ ข้าตื่นเต้นจังเช่นนั้นข้าจะรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปทำตามแผนเจ้าคะ" ลู่เอ๋อร์ลี่ตาเล็กลงยิ้มมุมปากอย่างดีใจ "เช่นนั้นก็เอาตามนี้ " เลี่ยงเฟิงเองก็ได้เข้าห้องของตนเองเช่นกันไม่นานนักทั้งสองก็ออกมาจากห้องพร้อม ๆ กันก่อนจะมองหน้าให้กันและพยักหน้าทำตามแผนที่วางไว้ ฝั่งด้านลู่ฟางนางอาบน้ำที่โรยด้วยกลีบกุหลาบเพื่อให้ร่างกายมีกลิ่นหอม จะได้ไปดูแลเหิงเยว์ในค่ำคืนนี้อย่างใกล้ชิดนางมีแผนจะใช้ความใกล้ชิดทำให้เหิงเยว์หวั่นไหวโดยการสวมเสื้อด้านนอกอย่างละหลวมเพื่อเผยให้เห็นตู้โตวเมื่อนางก้มตัวลง นางแสยะยิ้มอยู่หน้ากระจกเมื่อนึกแผนการณ์หากม
บที่ 39 น้องของสองแฝด1 ปีต่อมา หลังจากวันนั้นหานเสี่ยว์ก็ได้ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันกับเหิงเยว์ใช้เวลาค่ำคืนด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั่งนางนั้นได้ตั้งท้องให้กับเหิงเยว์จนตอนนี้ท้องเริ่มแก่มากแล้ว แถมฤดูนี้ก็เป็นฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย เหิงเยว์จึงเฝ้าประคบประหงมไม่ให้หานเสี่ยว์ไปใกล้แม่น้ำนั้นอีกเลย ในตอนแรกเขาแทบสั่งให้บ่าวนำดินมากลบบ่อน้ำนั้นไปส่ะเพราะกลัวว่าหานเสี่ยว์คิดจะกลับไปอีก แต่ถูกนางขอไว้ เพราะนี่คือความทรงจำที่ดีของนางหากไม่มีบ่อน้ำนี้ก็ไม่มีนางเช่นกัน เหิงเยว์ถึงยอมตามใจฮูหยินของเขา "คุณหนูเข้าไปด้านในเถิดเจ้าค่ะยืนนาน ๆ จะทำให้เหนื่อยเอาได้นะเจ้าคะท้องของคุณหนูก็โตมากกว่าสตรีที่อายุครรภ์เท่ากันด้วยซ้ำ หรือว่าคุณหนูจะตั้งท้องแฝดเจ้าคะ"เข่อซิงที่คอยประคองหานเสี่ยว์ได้เอ่ยขึ้นพร้อมมองไปที่ท้องของหานเสี่ยว์ "จริงหรือท่านแม่ เช่นนั้นก็ดีนะสิ" เลี่ยงเฟิงที่เดินมาจากห้องของตนเองก็ได้ยินที่เข่อซิงกล่าว "ท่านแม่จะมีน้องสองคนหรือเจ้าคะ งั้นก็เป็นเรื่องดีเสียจริงข้ากับท่านพี่จะได้ไม่ต้องแย่งกัน น้องจ๋าเจ้าจงออกมาเป็นหญิงหนึ่งบุรุษหนึ่งนะได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่" ลู่เอ๋อร์ใช้มือเล็กลู
บทที่ 38 ทำน้องให้เด็กทั้งสอง"หานเสี่ยว์เมื่อไหร่เจ้าจะฟื้นนี่ก็ล่วงเลยมาหลายวันแล้ว ข้าเฝ้ารอเจ้าอยู่ทุกวันเด็ก ๆ ทั้งสองก็อยากเข้ามาหาเจ้าแต่ข้าก็ต้องโกหกไปว่าเจ้าไม่สบาย เพราะข้าไม่อยากให้เลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ต้องเสียใจที่รู้ว่าเจ้าจากไป เจ้าอยู่ที่ใดไม่สงสารใจข้าบางหรือ ข้าทำได้เพียงเฝ้ารอเจ้าอย่างท้อใจข้ามิอาจทำเช่นใดได้เลยกับมาหาข้าเถอะนะ หานเสี่ยว์ ไม่สิซู่ซ่าน หรือว่าจิวฉิง ไม่ว่าเจ้าจะชื่อนามอันใดข้าก็รักที่เจ้าเป็นเจ้ากลับมาหาข้าเถอะนะตอนนี้หัวใจของข้าแทบสลายแล้ว อย่าจากข้าไปเลย ข้ารักเจ้า เจ้าได้ยินมั้ยว่าข้ารักเจ้าเพียงใด" น้ำเสียงโศกเศร้าใบหน้าซูบผอมของเหิงเยว์ที่คร่ำครวญอยู่ข้างร่างหานเสี่ยว์พร้อมจับมือนางแน่นไม่ยอมปล่อย "รักเพียงใดหรือเจ้าคะ" จิวฉิงที่ฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของหานเสี่ยว์ก็ส่งยิ้มพร้อมเอ่ยถามบุรุษที่พร่ำรักนางอยู่ต่อหน้า"ข้ารักเจ้ามาก ชีวิตของข้าก็ให้เจ้าได้ เอ๊ะ! เดี๋ยวสินางยังไม่ฟื้นนี่น่าหรือว่าข้าสติฟั่นเฟือนไปแล้ว " เหิงเยว์ชะงักเมื่อจู่ ๆ เขาก็ตอบคำถามหานเสี่ยว์ จึงได้ใช้มือตบหน้าตนเองเบา ๆจนหานเสี่ยว์ต้องจับมือของเขาเอาไว้"อย่าตีตนเองเลยนี่มิใช่
บทที่ 37 อย่าทิ้งข้าไป"นี่เจ้าจะทิ้งข้า ทิ้งเลี่ยงเฟิงกับลู่เอ๋อร์ไปจริง ๆ หรือ แล้วข้าจะอยู่อย่างไรเด็กทั้งสองจะอยู่อย่างไร ไม่ข้าไม่เชื่อเจ้าต้องฟื้นสิ ท่านหมอหลอกลวงข้าเจ้าต้องฟื้น แล้วเช่นนี้ข้าจะทนได้อย่างเล่าในเมื่อตอนนี้ข้ารักเจ้าหมดทั้งหัวใจ " ความเคว้งคว้างในหัวใจของเหิงเยว์ได้ก่อตัวขึ้น เขาซบหน้าลงซบร่างกายของหานเสี่ยว์สะอึกไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด ภายในห้องก็มีเพียงเสียงร้องไห้ทุกข์ระทมของทุกคน เหิงเยว์ทำอะไรมิได้ทำได้เพียงร้องไห้แม้แต่เรี่ยวแรงที่เช็ดน้ำตาของตนเขายังทำไม่ได้เสมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายไปแล้ว ความรู้สึกนี้เหมือนตอนที่เขาได้เสียซู่ซ่านไปมันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ต่อให้เขาเรียกนางซ้ำ ๆ เท่าไร่ร่างบางที่นอนแน่นิ่งก็มิอาจตอบสนอง "ข้ามิอาจจะช่วยเหลือฮูหยินของท่านได้ ต้องขออภัยอีกครั้งร่างที่นอนไร้สติของฮูหยินไม่นานชีพจรอาจจะหยุดเต้น ถึงเวลานั้นท่านคงรู้นะขอรับ หมดหน้าที่ข้าแล้วข้าขอตัว" ท่านหมอโค้งคำนับพร้อมออกจากห้องไป ปล่อยให้เหิงเยว์จมอยู่กับความทรมานใจอยู่เช่นนั้น แต่แล้วจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา ในตอนแรกเขาคิดว่าเป็นท่านหมอ แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบเห็
บทที่ 36 ลาก่อนฝั่งด้านหานเสี่ยว์นางกินอาหารเย็นเสร็จสิ้นก็ไล่ให้เข่อซิงกลับไปพักผ่อน วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เป็นวันที่นางรอคอยมาตลอด จึงอ้างกับเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ว่านางมีอาการไม่ค่อยสบายจึงไม่ได้ไปร่วมโต๊ะอาหารด้วย เด็กทั้งสองเห็นท่านแม่มีอาการแปลกไปจึงคิดว่าไม่สบายจริง ๆ และไม่อยากรบกวนให้ท่านแม่ได้พักผ่อน นางรอจนทุกคนเข้านอนเมื่อนางเปิดประตูดูสถานการณ์ด้านนอกเมื่อไม่เห็นผู้ใดจึงได้เดินออกมาจากห้องเพื่อไปที่สระน้ำอยู่ด้านหลังเรือน ความเงียบสงัดทำให้หานเสี่ยว์เองก็รู็สึกเงียบเหงาเหลือเกิน นางเดินไปอย่างเชื่องช้า มองรอบ ๆ เห็นภาพความทรงจำที่ผ่านมาน้ำตาใส ๆ ก็เริ่มเอ่อนอง ความผูกพันธ์กับคนที่นี่ล้วนมีความหมายกับนางเหลือเกินมันเป็นความทรงจำที่มีค่ามาก ๆ ยิ่งก้าวเท้าเดินก็ยิ่งเจ็บถึงขั่วหัวใจ รอยยิ้มแววตาของเด็กทั้งสองที่คอยยิ้มให้ก็ยิ่งทำให้นางร้องไห้มากกว่าเดิม แต่ทุกอย่างนางต้องทิ้งไว้ที่นี่ "จากนี้ข้าคงไม่ได้พบเจอพวกเจ้าอีกแล้ว หวังว่าพวกเจ้าจะมีความสุขในทุก ๆ วัน ลาก่อนนะเลี่ยงเฟิงลู่เอ๋อร์ " เมื่อมาถึงสะพานหานเสี่ยว์ก็ได้ก้าวเท้าขึ้นไปยังสะพานเพื่อไปอยู่ตรงกลางแม่น้ำ ก่อ
บทที่ 35 คำสอนของท่านแม่คล้ายคำกล่าวลารุ่งสางมาเยือนอีกคราหานเสี่ยว์ร้องไห้ทั้งคืนเมื่อนางตื่นเช้ามาเปลือกตาของนางก็มีอาการบวมแดง เข่อซิงได้เข้ามานำน้ำมาให้นางล้างหน้าล้างตาก็ต้องตกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใดเพราะเป็นเรื่องของเจ้านาย"คุณหนูข้านำน้ำมาให้เจ้าค่ะ วันนี้ด้านนอกอากาศดีมากหากคุณหนูล้างหน้าเสร็จแล้วเราไปด้านนอกดีมั้ยเจ้าคะ" "ดีเช่นกัน" หานเสี่ยว์ก็ได้ล้างหน้าล้างตาเข่อซิงเองก็ช่วยแปรงผมให้ ไม่นานทั้งสองก็ได้ออกมารับลมด้านนอกต้นไม้นานาชนิดเริ่มผลิใบเขียวขจี อากาศสดชื่นยิ่งนักหานเสี่ยว์ทอดสายตามองเหล่าผีเสื้อแมลงปอต่างพากันบินวนดมเกสรดอกไม้เพื่อดำรงชีวิต "คงถึงเวลาแล้วสินะ" นางเอ่ยออกมาเมื่อถึงเวลาที่นางจะต้องไปแต่หัวใจของนางตอนนี้ช่างปวดร้าวเหลือเกิน ไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิดทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนนางรอคอยเวลานี้มาตลอด นางคิดว่าวันที่นางไม่อยู่เด็กทั้งสองจะเป็นเช่นไรจะคิดถึงนางหรือไม่? หรือจะร้องไห้คร่ำครวญเพราะคิดถึงนาง แต่หากนางไม่ไปก็เป็นห่วงคุณย่าที่รอคอยนางอยู่อีกโลก นางยังมีห่วงหากจะอยู่ที่นี่ต่อ หานเสี่ยว์ยังคงต้องรอวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงนางถึงจะกลับได้ นางถึงเอ่ยถามเข่อ
บทที่ 34 เรามาจบเรื่องนี้กันเถอะเข่อซิงเมื่อรับรู้ว่าคุณชายเหิงเยว์ต้องการอยู่เพียงลำพังกับนายหญิงของตนนางก็ก้มหน้าเพื่อรับรู้และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเหมือนเดิมนางเองก็อยากให้นายหญิงของตนมีความสุขเสียที เพราะอย่างไรตอนนี้คุณชายเหิงเยว์ก็ได้แสดงท่าทีว่ารักนายหญิงของนางเข้าแล้วและพร้อมจะดูแลนางตลอดไป เพียงแต่นายหญิงของนางต่างหากที่เริ่มเปลี่ยนไป "อย่าพึ่งไปอยู่ชมจันทร์กับข้าเสียก่อน ""ไม่ข้าอยากจะพัก ข้าเหนื่อย" เหิงเยว์มองใบหน้าของหานเสี่ยว์ก่อนจะตัดสินใจอุ้มนางมาอยู่ในอ้อมแขน ทำให้นางตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัวและกลับตกจากอ้อมแขนของเขา"หากข้าอุ้มเจ้าอยู่เช่นนี้เจ้าคงไม่เหนื่อยใช่หรือไม่ ?""อ๊าย ! นี่ท่านทำอะไรของท่านปล่อยข้าลงไปนะ ""ทำไมล่ะ เจ้าเอ่ยเองว่าเจ้าเหนื่อยข้าก็ช่วยให้เจ้าได้พักอยู่นี่อย่างไรล่ะ ""มะ....ไม่ต้องปล่อยข้าลง ข้ายืนเองดีกว่า""ฮึ ก็ได้ " เขาปล่อยนางให้ยืนเอาเอง ตอนนี้หัวใจของหานเสี่ยว์เต้นแรงเมื่อร่างกายสัมผัสกันแถมเมื่อครู่ตอนที่เขาอุ้มนางได้กอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตกได้ยินเสียงหัวใจของเหิงเยว์ที่เต้นไม่เป็นจังหวะทั้ง ๆ ที่นางพยายามห
บทที่ 33 ใกล้ถึงเวลาแล้วสินะหานเสี่ยว์ย้อนคิดในยามที่ตนตกอยู่ในอันตรายมันช่างโหดร้ายมากแค่ไหน ทุกหนทางช่างน่ากลัวจนไม่คิดว่าตนเองจะรอดกลับมายิ่งมารู้ว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของลู่ฟางนางยิ่งโกรธไปมากกว่าเดิม จนไม่สามารถอภัยให้ได้หากเทียบกับสิ่งที่นางทำ"แม้ว่าข้าจะโกรธนางมากเท่าไหร่แต่ข้าก็มิอาจจะสั่งให้ตัดหัวนางได้ ข้าอยากให้นางอยู่ใช้ชีวิตและเรียนรู้ว่าทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้มิได้มาแต่โดยง่ายการใช้ชีวิตก็เช่นกัน ข้าอยากให้โบยนางสัก 50 ครั้งและเนรเทศไม่ให้นางมาเหยียบที่แคว้นพร้อมปลดครอบครัวของนางยึดทรัพย์สินให้จนหมดให้นางไปใช้ชีวิตเยี่ยงสาวรับใช้เจ้าค่ะท่านพ่อ เท่านี้คงเพียงพอ" "เช่นนั้นก็เอาเช่นเจ้ากล่าวมา แล้วเจ้าเล่าเห็นดีกับบทลงโทษนี้หรือไม่ ? " ใต้เท้าห่าวอู่ได้หันไปถามเหิงเยว์ที่ยืนอยู่ไม่ไกล"ขอรับ ไม่ว่าหานเสี่ยว์จะเอ่ยลงโทษนางเช่นใดข้าก็เห็นด้วย เพราะตอนนี้ข้ากับลู่ฟางตัดขาดสายเลือดกันแล้วขอรับ" หานเสี่ยวเหลือบไปมองใบหน้าของเหิงเยว์ก็มิได้เห็นใบหน้าแห่งความกังวลจึงคิดว่าเขาคงคิดอย่างที่เอ่ยมาจริง ๆ เมื่อพูดคุยกับท่านพ่อเสร็จก็ได้เดินทางกลับภายในห้องจึงมีเพียงเหิงเยว์กับหานเสี่ย
บทที่ 32 ตัดขาดลู่ฟางไม่ได้สังเกตใบหน้าของเหิงเยว์เพราะหลงดีใจที่ได้ใกล้ชิดเขา เมื่อมาถึงเรือนของนางเหิงเยว์ก็ได้กระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะผายมือให้นางจับเพื่อกระโดดลงมา "ขอบคุณท่านพี่เหิงเยว์ที่มาส่งข้าที่เรือนเข้ามาด้านในก่อนเจ้าค่ะข้าจะให้สาวใช้เตรียมน้ำชาชั้นดีมาให้ท่านพี่ได้ดื่ม " นางเชิญเขาเข้าเรือนเมื่อนางก้าวเท้าเข้ามาก็ต้องพบกับทหารของวังหลวงจำนวนมากที่ตอนนี้ได้อ้อมล้อมเรือนของนางไว้หมดแล้ว และนี่ก็เป็นแผนของเหิงเยว์เขาได้ให้คนใช้ของเขาไปแจ้งเรื่องนี้กับใต้เท้าห่าวอู่หลังจากที่ช่วยเหลือหานเสี่ยว์ได้แล้ว ใต้เท้าห่าวอู่โมโหมากที่บุตรสาวคนเดียวของเขาต้องมาถูกกระทำเช่นนี้ "นี่มันเรื่องอันใดกันเจ้าคะ เหตุใดทหารถึงมาอยู่ที่เรือนของข้าเต็มไปหมด""เจ้าหยุดเสแสร้งเถอะ ที่หานเสี่ยว์ได้รับบาดเจ็บก็เพราะเจ้ามันเป็นแผนของเจ้า เรื่องราวครั้งนี้ข้ามิอาจปล่อยผ่านไปได้ เจ้าทำเช่นนี้ทำไม" เหิงเยว์ไม่ทนที่จะมองดูนางเสแสร้งต่อไปจึงได้เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา"ข้ามิได้ทำอันใดนะเจ้าคะ ข้าไม่รู้เรื่องที่ท่านพี่เหิงเยว์เอ่ยมาสักนิด"ลู่ฟางยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแต่แล้วนางก็ถูกดึงจากด้านหลังให้หันไป
บทที่ 31 ไม่มีทางให้อภัยเหิงเยว์ได้ควบม้าจนมาใกล้ถึงหุบเขาก็ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของหานเสี่ยว์เขาจึงได้ควบม้าไปหาเสียงนั่นทันที และเมื่อเขาเห็นนางกำลังถูกชายชั้นต่ำนันกำลังลวนลามยิ่งทำให้เขาเกรี้ยดโกรธเป็นอย่างมากที่กล้าใช้มือสกปรกแตะต้องฮูหยินของเขา เขาได้เข้าไปจัดการกับชายทั้งสองที่ยืนคอยอยู่อีกฝั่ง โดยที่ทั้งสองไม่ทันได้ตอบโต้แม้แต่น้อยไม่ช้าคนของเหิงเยว์ก็ได้ตามมาจนถึง เหิงเยว์มองเห็นหานเสี่ยว์ที่นั่งตัวสั่นร้องไห้ใช้มือกอดอกตนเองเพื่อปิดบังเรือนร่างตนเองเอาไว้ยิ่งทำให้เขาโมโหมากกว่าเดิมจนอยากจะฆ่าชายชั่วนั้นให้แหลกเป็นชิ้น ๆ แต่เขาเองก็อยากจะรู้ว่านี่คือการปล้นหรือมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังกันแน่ "เจ้าช่างกล้ามายุ่งกับฮูหยินของข้า การตายเท่านั้นที่คู่ควรกับเจ้า" ชายผู้นั้นเห็นว่าคนของเหิงเยว์นั้นมามากเหลือเกินหากเขาสู้ก็คงไม่มีทางรอดและคนของเขาก็ถูกเหิงเยว์จัดการจนหมดแล้ว ก็เกิดอาการกลัวตายทันที "นายท่านข้ากลัวแล้ว อย่าฆ่าข้าเลยนะขอรับ""เจ้ากลัวอย่างนั้นหรือแล้วนางเล่าสตรีที่ไร้ทางสู้เพียงผู้เดียวแต่เจ้าตามไล่ล่านางถึงสามสี่คน ช่างกล้าเอ่ยออกมาว่ากลัวงั้นหรือ" เขาตวาดใส่เสียงแข