ถังลู่เหมยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องที่เธอหายเป็นปกติกับพี่ชายก่อนทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาช่วยเธอในบางเรื่อง ส่วนพ่อกับแม่นั้นคงต้องรออีกสักพัก เมื่อไรที่หาวิธีแยกบ้านได้แล้วค่อยบอกก็ยังไม่สาย ส่วนตอนนี้เธอยังต้องการใช้ความเป็นคนบ้าเพื่อปั่นป่วนบ้านใหญ่และย่าถังจนทนไม่ได้และยอมให้บ้านรองแยกบ้านเสียก่อน
“อาเหมยมีเรื่องอะไรจะบอกพี่หรือ” ถังอี้คุนเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย
“พี่ใหญ่ เวลานี้น้องสาวพี่หายจากอาการป่วยไข้และกลับมาเป็นปกติแล้วนะ แถมตอนนี้สติสัมปชัญญะก็รับรู้ได้อย่างเช่นคนปกติทั่วไปแล้ว อาเหมยคนนี้ไม่ได้บ้าอีกแล้วนะคะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างจริงจังพร้อมกับสบตาพี่ชายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะมีความตกใจอยู่มาก แต่ถังอี้คุนยังคงมีความนิ่งสงบไม่แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมา แต่เขากลับถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เพราะอะไร อาการเหล่านั้นถึงได้หายไป อาเหมยบอกพี่ได้ไหม”
“ตอนฉันป่วย ฉันสติหลุดลอยไป เหมือนฉันฝันว่าได้ไปพบกับคุณตาชราท่านหนึ่ง ท่านวาดภาพกลางอากาศและชี้นิ้วจิ้มมาที่หน้าผากของฉัน ตอนนั้นมันช่างทรมานเหลือเกิน คิดว่าจะไม่ได้กลับมาพบหน้าทุกคนอีกแล้ว แต่พอฟื้นขึ้นมา ฉันกลับรู้สึกว่ามีทุกอย่างคล้ายกับคนปกติ และฉันจำได้ว่าคุณตาท่านนั้นได้บอกที่ซ่อนสมบัติเหล่านี้ไว้ พอฉันฟื้นขึ้นมาฉันเลยขึ้นเขามาดูน่ะ แล้วก็เห็นว่ามีจริง ๆ ด้วย” หญิงสาวยิ้มให้พี่ชายอย่างอ่อนโยน ส่วนเรื่องท่านตานั้นเป็นเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมาทั้งนั้น
คราวนี้ใบหน้าของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา บ่งบอกว่าเขาดีใจมากที่น้องสาวหายเป็นปกติแล้ว
“ดี ดีจริง ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ เรื่องนี้ควรจะบอกกับพ่อแม่ให้รู้ด้วยนะ พ่อกับแม่เป็นห่วงน้องมากรู้ไหม เราไปบอกพ่อกับแม่กันเถอะ” ถังอี้คุนพูดขึ้นอย่างดีใจ และจะจูงมือน้องสาวกลับไปหาพ่อแม่ แต่ทว่าถังลู่เหมยกลับรั้งเขาไว้ก่อน
“ไม่ได้นะคะพี่ใหญ่ เรื่องนี้ยังบอกพ่อกับแม่ไม่ได้” หญิงสาวรีบพูดห้ามออกมาทันที ก่อนจะรีบพูดประโยคต่อมาเมื่อเห็นสายตาสงสัยส่งมาจากพี่ใหญ่ของเธอ
“ฉันจะบอกพ่อกับแม่ก็ตอนที่เราแยกบ้านได้แล้ว ตอนนี้น้องสาวคนนี้พี่ ขอใช้ความบ้าที่มีให้เป็นประโยชน์เสียก่อน พี่อย่าลืมสิว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันถูกรังแกมากแค่ไหน!! คราวนี้ฉันของเอาคืนสักหน่อยเถอะ” เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจนั้นหวังว่าจะเอาคืนบ้านใหญ่กับย่าถังให้ได้เสียก่อน
“หมายความว่าอย่างไร อาเหมยมีวิธีที่จะแยกบ้านแล้วเหรอ ท่านตาแนะนำไว้หรือเปล่า” ชายหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นไม่น้อย ในใจนั้นหวังว่าน้องสาวจะมีแผนการที่สามารถทำให้แยกบ้านได้
“ตอนนี้ยังค่ะ แต่เราสองคนต้องหาวิธีเอาต้นโสมพวกนี้และเห็ดหลินจือไปขายก่อนเพื่อจะได้มีเงิน ฉันว่าร้านขายยาใหญ่ ๆ น่าจะรับซื้อด้วยราคาดีเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของหายาก” ถังลู่เหมยพูดขึ้นอย่างที่เธอต้องการ เรื่องแยกบ้านเธอยังไม่มีแผนการหรอก แต่เธอจะใช้ความบ้านี่แหละทำให้บ้านรองแยกบ้านให้ได้ ส่วนเวลานี้สิ่งที่ควรทำก่อน คือการนำต้นโสมและเห็ดหลินจือไปขาย โดยที่ไม่ให้บ้านใหญ่รู้เรื่องต่างหากล่ะ
ถังอี้คุนได้ฟังอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะเขารู้แล้วว่าจะนำของพวกนี้ไปขายที่ไหน
“พี่จะรับหน้าที่นำสิ่งเหล่านี้ไปขายเอง พี่พอจะรู้จักร้านขายยาใหญ่ ๆ อยู่บ้าง ส่วนเรื่องเงินคงต้องไปฝากที่ร้านรับฝากเงินหรือธนาคารของรัฐน่าจะปลอดภัยกว่า” ถังอี้คุนมองว่าเรื่องนำของพวกนี้ไปขายคงไม่เกินกำลังตนเอง และร้านที่เขามองไว้คือร้านของเถ้าแก่จางที่เขาเพิ่งไปซื้อยามาเมื่อไม่นานมานี้
“แล้วเราจะเอาของพวกนี้ลงไปได้อย่างไรล่ะพี่ใหญ่ โดยที่ไม่ให้บ้านใหญ่เห็น เพราะถ้าย่าเห็นคงโดนแย่งไปหมดแน่ ๆ ” หญิงสาวยังคงกังวลใจในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากย่ามหาประลัยรู้ว่าเธอและพี่ชายมีของล้ำค่ามากขนาดนั้น คงได้มายึดไปหมดแน่ เท่ากับที่ทำมาทั้งหมดกลับสูญเปล่า
“เรื่องนั้นไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้พี่จะรีบขึ้นมาขุดตั้งแต่เช้ามืด แล้วเอาไปขายโดยที่ไม่ให้ย่าและบ้านใหญ่รู้ตัว” ชายหนุ่มเสนอขึ้นมาเพราะคิดว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุด แต่กลับโดนถังลู่เหมยห้ามไว้
“อย่างนั้นไม่ได้หรอกพี่ใหญ่ ฉันกลัวว่าจะมีใครมาพบโสมและเห็ดหลินจือพวกนี้เสียก่อนน่ะสิ อีกทั้งวันนี้พี่เพิ่งจะลางาน หากต้องลาพรุ่งนี้อีก ฉันคิดว่าคนต้องสงสัยแน่ ๆ” หญิงสาวบอกออกมาอย่างกังวลใจ
“จริงอย่างที่อาเหมยบอกนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ เราเดินอ้อมเขากันสักหน่อยก็จะไปโผล่อีกหมู่บ้านหนึ่งแล้ว แค่นี้ก็เข้าเมืองไปขายของพวกนี้ได้แล้ว” ชายหนุ่มเสนอความคิดนี้ขึ้นมาเพราะสามารถเดินผ่านเขาลูกนี้ไปที่อีกหมู่บ้านได้ แค่นี้ก็หลบสายตาจากบ้านใหญ่ได้แล้ว
ถังลู่เหมยคิดตาม ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยสักหน่อยที่ต้องเดินอ้อม แต่ก็ดีกว่าเดินผ่านหมู่บ้านตนเอง เธอจึงได้พยักหน้าตกลง
“เอาอย่างที่พี่ใหญ่พูดมาก็ได้ เรารีบไปหาไม้มาขุดโสมพวกนี้กันเถอะ จะได้รีบเอาไปขาย” หญิงสาวรีบบอกกับพี่ชาย
ถังอี้คุนพยักหน้าตาม ก่อนจะพูดกับน้องสาวว่า “ถ้าอย่างนั้นอาเหมยไปหาใบไม้ใหญ่ ๆ มา เราจะได้ห่อต้นโสมกับเห็ดหลินจือ เดี๋ยวทางนี้พี่จะขุดเอง”
“อืม” ถังลู่เหมยตอบรับทันที จากนั้นจึงหันหลังเดินจากไปเพื่อหาใบไม้ใบใหญ่มาห่อหุ้มสมุนไพรมีค่าพวกนี้
ส่วนทางด้านถังอี้คุน แม้จะไม่เคยขุดต้นโสมพวกนี้มาก่อนแต่ก็พอจะรู้วิธีอยู่บ้าง ชายหนุ่มพยายามทำอย่างเบามือที่สุด เพื่อที่ไม่ให้ทรัพย์สินที่มีค่าพวกนี้ช้ำมือไปเสียก่อน
ชายหนุ่มใช้เวลาพักใหญ่ กว่าจะขุดต้นโสมทั้งหมดเสร็จ ซึ่งนับแล้วรวมสิบสองต้น
“ทำไมต้นโสมพวกนี้ถึงมีมากมายเหลือเกินนะ ทำไมเราไม่เคยเห็นมาก่อน และชาวบ้านที่หาของป่าก็คงจะไม่เคยเห็นเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลือเยอะแบบนี้” ถังอี้คุนไม่เข้าใจว่าทำไมต้นโสมเหล่านี้ถึงผ่านตาชาวบ้านที่มาหาของป่าไปได้ ทั้ง ๆ ที่มันก็สะดุดตาไม่น้อย
“ฉันกลับมาแล้วพี่ใหญ่ นี่ใบไม้” ถังลู่เหมยรีบเดินมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นใบไม้ให้กับพี่ชาย พร้อมกับเดินไปช่วยเอาสมุนไพรห่ออย่างสวยงามและเบามือ
“พี่ยังไม่ได้เอาเห็ดหลินจือมาเลยเหรอ ฉันเห็นว่ามันมีหลายดอกนะน่าจะขายได้ราคาดี ส่วนโสมพวกนี้หัวใหญ่มาก น่าจะโสมร้อยปีหรือเปล่า ถ้าใช่ก็คงมีราคาแพงไม่ต่างกัน” ถังลู่เหมยพูดขึ้นมาระหว่างที่มองไปรอบ ๆ ซึ่งตัวเธอเองไม่รู้หรอกว่าโสมพวกนี้ราคาเท่าไรและมีอายุมากแค่ไหน เคยอ่านแต่ในนิยายที่บอกว่าหากโสมมีอายุหลายร้อยปีจะขายได้เงินเยอะ และจำนวนที่พี่ชายเก็บได้ก็สิบกว่าต้น นี่ยังไม่รวมเห็ดหลินจืออีกนะ แบบนี้ก็แสดงว่าบ้านรองกำลังจะไม่อดอยากอีกต่อไปแล้วสินะ
“พี่ไม่แน่ใจเหมือนกัน ต้องไปถามที่ร้านขายยาของหมอจางก่อน ร้านนี้น่าจะไม่กดราคาของพวกเรา แต่ตอนนี้รีบเก็บเห็ดกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะกลับมามืด คราวนี้ล่ะบ้านใหญ่คงเข้ามาหาเรื่องอีกแน่” ถังอี้คุนรีบบอกน้องสาว เพราะเขาไม่ต้องการมีปัญหากับบ้านใหญ่เวลานี้ ส่วนเรื่องขายสมุนไพรนั้นเขาเลือกที่จะขายให้กับหมอจาง เพราะเขาคิดว่าคงไม่ถูกกดราคาแน่นอน
จากนั้นสองพี่น้องก็สบตาและพยักหน้าให้กัน ก่อนจะรีบช่วยกันเก็บเห็ดหลินจือ เพื่อรีบเข้าเมืองเพื่อนำไปขาย ถ้าจะไปทางอีกหมู่บ้านมันต้องเดินอ้อมเล็กน้อย หากช้ากว่านี้จะได้กลับบ้านมืดค่ำพอดี และถ้าเกิดพ่อกับแม่กลับถึงบ้านก่อน คงตามหาตัวถังลู่เหมยกันจนวุ่นวายอีกแน่
บทที่ 13 เป็นเศรษฐีหมื่นหยวนสองพี่น้องเดินอ้อมมายังอีกหมู่บ้าน แม้จะเหนื่อยสักหน่อยแต่ก็ยอมที่จะเหนื่อยเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ถูกบ้านใหญ่แย่งชิงเอาของไป ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามาถึงในหมู่บ้านด้วยการเดิน ถังอี้คุนได้ไปซื้อผ้ามาจากชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะเอามาห่มให้น้องสาวที่ไม่สบาย แต่จริงๆ เอามาห่อโสมและเห็ดหลินจือ จากนั้นชายหนุ่มจึงว่าจ้างเหมาเกวียนไปยังร้านขายยาของหมอจางที่อยู่ในเมืองพอเถ้าแก่จางเห็นว่า ถังอี้คุนมาเยือนที่ร้านขายยาอีกครั้งจึงทักทายด้วยความแปลกใจปนร้อนใจ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าน้องสาวอาการไม่ดีขึ้น”“เปล่าครับหมอจาง นี่ลู่เหมยน้องสาวผมเอง ตอนนี้เธออาการดีขึ้นมากแล้วครับ แต่เราสองพี่น้องมีเรื่องจะสอบถามครับ” ถังอี้คุนรีบแนะนำตัวน้องสาวให้อีกฝ่ายรู้จัก พร้อมกับกระซิบถามเพราะนี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก“....” ถังลู่เหมยก้มศีรษะทักทายเล็กน้อย“อืม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” หมอจางถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากเขามองว่าหญิงสาวคนนี้เหมือนไม่มีอาการป่วยอะไรเลย ซึ่งมันต่างจากอาการที่เขาได้ฟังอย่างสิ้นเชิง แถมท่าทางของชายหนุ่มก็ดูแปลกกว่าตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้ถังลู่เหมยเข
บทที่ 14 ยังคงแกล้งบ้าเหมือนเดิม“ดีแล้ว ในเมื่อทั้งสองคนมีเอกสารมาด้วย จะได้เปิดบัญชีพร้อมกัน” หมอจางพูดสนับสนุนให้สองพี่น้องเปิดบัญชีของรัฐ แต่เขาไม่มั่นใจว่าหญิงสาวที่สติไม่ดีคนนี้จะสามารถเปิดได้ไหม จึงพูดขึ้นมาอย่างกังวลใจเล็กน้อย “แต่ฉันไม่มั่นใจนะว่าอาเหมยจะสามารถเปิดบัญชีได้หรือไม่ เนื่องจากเธอเป็นบุคคลที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้” หมอจางพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าสติไม่ดีหรือเป็นบ้า เพื่อรักษาจิตใจของสองพี่น้อง จึงพูดเพียงว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถังอี้คุนมองหน้าน้องสาวอย่างคล้ายกับจะปรึกษา เพราะเงินพวกนี้เธอเป็นคนหามา จะฝากบัญชีเขาคนเดียวก็คงไม่ได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะเอาเงินของน้องด้วย“พี่ใหญ่เก็บไว้ เก็บเงินไว้เยอะ ๆ เลยนะ เอาไว้ซื้อขนมให้อาเหมย นะนะ ฮ่า ๆ ชอบกินขนม” ถังลู่เหมยพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนเด็ก ๆ ที่สนใจแต่ขนมเท่านั้นนี่คือสัญญาณของเธอเพื่อที่จะบอกพี่ชายว่าให้เอาเงินทั้งหมดฝากไว้ที่เขา เพราะอย่างไรเธอก็คือครอบครัวของบ้านรองถังไปแล้วเมื่อได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ ชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งไปให้เธอ เพราะถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเงินนี่ก็คือของถังลู่เหมยอยู่ดี“ตกลง
บทที่ 15 ปะทะกับย่าถัง“ไหนว่าไม่สบายยังไงล่ะ คนไม่สบายที่ไหนกันออกไปเที่ยวเล่นจนกลับมาเย็นค่ำแบบนี้กัน” ย่าถังที่นั่งอยู่กับลูกสะใภ้คนโปรดก็พูดจากระทบกระทั่งหลานสาวสติไม่ดีทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามาถังลู่เหมยทำท่าจะไม่ยอมและกำลังจะสวนกลับ แต่โดนพี่ชายห้ามไว้เสียก่อน“อาเหมยเข้าห้องไปดีกว่านะ เดินมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” ถังอี้คุนพูดขึ้นพร้อมกับลากเธอเดินไปห้องที่บ้านรองพักอาศัยอยู่“พี่ดึงฉันมาทำไม คนแก่กะโหลกกะลาปากเสียแบบนั้นสมควรจะต้องโดนเอาคืนเสียบ้าง” ถังลู่เหมยพูดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว“แต่นั่นคือแม่ของพ่อนะ จะทำอะไรก็คิดถึงพ่อบ้าง อีกอย่างพี่กลัวพวกเขาจะสังเกตว่าพี่ซุกซาลาเปาไว้ เกิดมีเรื่องแล้วมันหล่นออกมา จะโดยแย่งไปทั้งหมดนะ” ถังอี้คุนรีบบอกน้องสาวออกไป“อย่างนั้นจะปล่อยผ่านไปให้สักครั้งก็แล้วกัน” ถังลู่เหมยกอดอกพูดอย่างไว้ท่า เธอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีเรื่องให้เอาคืนแน่และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินมื้อเย็น กลายเป็นว่าถังลู่เหมยถูกย่าถังสั่งห้ามไม่ให้กินข้าว แม้ว่าเธอจะกินซาลาเปาจนอิ่มท้องแล้วก็ตาม แต่มีเหรอที่เธอจะยอมให้หญิงชราคนนี้กลั่นแกล้ง พ
บทที่ 16 แอบซ่อนเงินที่หามาเมื่อเข้าในห้อง ถังลู่เหมยมองอาหารที่บ้านใหญ่แบ่งมาให้ด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมกับทอดถอนใจออกมา ต่อให้จะไม่มีอาหารอย่างซาลาเปาที่กินไปก่อนหน้านี้จนอิ่มท้อง เธอก็ทนกินอาหารพวกนี้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แถมอาหารตรงหน้าไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว ดูแล้วน่าจะแตกต่างจากบ้านใหญ่มากนัก“เดี๋ยวพ่อกับแม่กินซาลาเปานี้ดีกว่าครับ ผมและน้องซื้อมาจากในเมือง รีบกินเสียก่อนที่บ้านใหญ่จะมาเห็นเถอะ” ถังอี้คุนรีบหยิบถุงซาลาเปาออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะบอกพ่อกับแม่ให้รีบกิน“นี่มัน! ลูกเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ ไหนจะเงินค่าพาน้องไปหาหมออีก” เหนียงฟางเห็นซาลาเปาก็ตาโตและถามออกไปอย่างตกใจ เพราะนี่จะต้องใช้เงินจำนวนมากแน่“ผมไปทำงานในตลาดมืดครับ เจอนายจ้างใจดีเลยได้จ่ายจ้างมาสิบหยวน แต่ผมจะต้องไปทำงานให้เธออีกครั้งครับ” ถังอี้คุนตอบออกไปตามความจริงบางส่วน เพราะเขาเจอนายจ้างใจดีจริง ๆ“โอ้ ช่างโชคดีอะไรแบบนี้” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาอย่างดีใจ“ครับผมกับอาเหมยโชคดีจริง ๆ แต่ตอนนี้พ่อกับแม่รับกินเถอะครับ เดี๋ยวกลิ่นลอยออกไปแล้วย่าจะรู้แล้วจะมาแย่งไปหมด” ชายหนุ่มรีบพูดให้พ่อแม่รีบกินเพราะซาลาเปานั้นส่ง
บทที่ 17 คลังแสงและมิติวิเศษที่ตามมาตกดึกคืนนั้น ถังลู่เหมยฝันว่าเธอได้กลับไปที่เซฟเฮ้าท์ ซึ่งเป็นที่กบดานของทีมเธอในชีวิตที่แล้ว ภายในที่นี่มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงห้องเก็บอาวุธ โดยมีทั้งอาวุธต่อสู้ธรรมดาไปจนถึงอาวุธหนัก แล้วยังมีอาหารและยาที่ครบครันอีกด้วย“ทำไมฉันถึงกลับมาที่นี่ได้ล่ะ ในเมื่อฉันตายจากยุคนี้แล้ว”หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกับสิ่งที่เห็น อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าเธอนั้นกลับมาที่นี่ได้อย่างไร เรื่องนี้มันน่าแปลกใจมาก“หรือว่าฉันจะมีมิติเหมือนในนิยาย แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าบ้านรองจะโดนคนจากคนบ้านใหญ่รังแก หึหึ แบบนี้ดีมากเลย” หญิงสาวพูดออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจ เมื่อคิดได้ว่าเธอน่าจะมีมิติในนิยายอย่างที่เคยฟังจากแม่ค้าแถวที่พักชอบพูดคุยกัน มันสนุกจนเธอไปซื้อมาอ่านในยามว่าง จึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ไปสำรวจบ้านดูดีกว่า ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”พูดจบเธอไม่รอช้า รีบวิ่งสำรวจบ้านว่ามีทุกอย่างเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะก่อนที่เธอจะตายในหน้าที่ ได้ซื้ออาหารและของใช้หลายอย่างมาเก็บไว้ รวมถึงข้าวของและเสื้อผ้าที่เธอตั้งใจจะเอาไปบริจาคให้คนบน
บทที่ 18 จุดประสงค์การใช้ของในมิติคำพูดนี้ของน้องสาวทำให้ชายหนุ่มเกิดความสนใจ เลยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตื่นเต้น “เรื่องมหัศจรรย์ อะไรบอกพี่ได้ไหม”“ได้สิ พี่ใหญ่เป็นพี่ชายของฉัน ทำไมฉันจะบอกไม่ได้ พี่คอยดูอะไรนะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เพราะถ้าหากไม่ไว้ใจพี่ชายคนนี้ เธอคงไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วและเธอคงไม่บอกว่าหายบ้าแล้วหรอกนะถังลู่เหมยมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเห็น ก่อนจะแบมือออกตรงหน้าพี่ชายแล้วนึกถึงแซนต์วิช เท่านั้นแหละ แซนต์วิชสองสามชิ้นก็วางอยู่บนมือของเธอ“เฮ้ย!!” นี่คือคำอุทานของถังอี้คุน แม้จะตกใจมากแค่ไหนแต่เขากลับไม่ถอยหนีจากน้องสาว เขาทำเพียงสบตาเธอก่อนจะถามขึ้น “นี่คือเรื่องอัศจรรย์ของอาเหมยเหรอ”“ใช่ค่ะ นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ฉันจะบอกพี่ ไม่เพียงแค่ขนมเท่านั้น ยังมีอาหารและของกินอีกหลายอย่างรวมถึงเนื้อหมู่ ไก่ ปลา และพวกข้าวสาร ที่ฉันเรียกออกมาได้ราวกับเล่นกล” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบัง“อาเหมยทำได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านตาคนนั้น...” ชายหนุ่มถามขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ และนึกถึงท่านตาคนนั้นที่น้องสาวเคยเล่าให้ฟัง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าท่านตาคนนั้นคงให้ของวิ
บทที่ 19 มาหาเรื่องเองแล้วจะมาโทษใครถังลู่เหมยเรียกเอาขนมปังออกมาจากมิติหนึ่งก้อน แล้วฉีกกลางแบะออก จากนั้นจึงเรียกยาถ่ายที่มีในมิติออกมา ก่อนจะโรยใส่ตรงกลางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เธอมาหาเรื่องเองนะถงซิน” ถังลู่เหมยแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเจ้าเล่ห์จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู แล้วทำท่าเหมือนคนสติไม่ดีแบบเดิม พร้อมกับกัดกินขนมปังตรงที่ไม่ได้โรยยาถ่ายไว้“เรียกทำไม” ถังลู่เหมยถามไปแบบหาเรื่อง แต่พอนึกได้จึงทำท่าเอาขนมปังไปแอบด้านหลังเหมือนกลัวอีกคนจะเห็น“นั่นอะไร แกเอาอะไรซ่อนไว้นังลู่เหมย นังบ้า เอาออกมาดูสิ” ถังถงซินตาลุกวาว พอเห็นว่าอีกฝ่ายแอบซ่อนของกินอะไรไว้ จึงเอ่ยถามทันที“ถงซินบ้า บ้ากว่าอาเหมย ไม่สวยแล้วยังบ้า บ้า คนนี้คนบ้า ฮ่าๆ” หญิงสาวไม่ตอบแต่ยังลอยหน้าลอยตาด่ากลับ และพูดซ้ำ ๆ คำพวกนี้ไม่หยุดเธอหลอกด่าจนผู้มาเยือนเริ่มโมโห “นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังถงซินตวาดกลับไปทันทีเหมือนกัน“นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังลู่เหมยพูดย้อนกลับไปเหมือนอีกฝ่ายทุกคำแถมยังยกมือชี้หน้าไปด้วย จนถังถงซินโมโหและพุ่งเข้าหาเธอ เพื่อหวังทำร้ายพร้อมกับแย่งชิงขนมปังไป“นี่แกแอบซ่อนขนมปังใช่ไหม นังบ้า เอามาน
บทที่ 20 บอกความจริงพ่อแม่ถังลู่เหมยคิดว่าคนบ้านใหญ่ที่ดีกับบ้านรองและเธอคงมีเพียงถังเจี้ยนเฉียยวคนนี้เท่านั้น จึงคุยเล่นกับเขาได้อย่างสนิทใจ“อาเหมยหายแล้ว นอนมากเบื่อ ๆ” เธอยังคงพูดจาเหมือนเดิม แต่ไม่โมโหร้ายใส่เหมือนกับคนอื่น ๆ ของบ้านรอง“เอานี่ลูกอม เอาไว้กิน พี่ไปทำงานก่อนนะ” ชายหนุ่มพักครู่ใหญ่แล้วเลยต้องรีบกลับไปทำงาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงของทุกคนแล้วเหมือนกัน แต่ก่อนจะไปไม่ลืมที่จะมอบลูกอมที่เด็ก ๆ ชอบให้กับน้องสาวจากบ้านรอง เขาเชื่อว่าแม้ร่างกายของเธอจะไม่ต่างจากหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ความคิดเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งท่านั้น ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมย่าและคนอื่น ๆ ถึงได้ทำร้ายเธอที่ไร้เดียงสาเช่นนี้แววตาของชายหนุ่มมองถังลู่เหมยด้วยความอ่อนโยน ด้วยสัญชาตญาณของเธอเอง ก็ไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายจากชายคนนี้ เธอจึงยื่นมือมารับและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณพี่เฉียว อาเหมยไม่ดื้อ นั่งเงียบ ๆ นะ”เมื่อได้รับคำสัญญา ถังเจี้ยนเฉียวก็เบาใจและหมดห่วงเรื่องอันตราย คนเราไว้ใจใครไม่ได้หรอก ยิ่งน้องสาวคนนี้ไร้เดียงสาและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ หากมีใครล่อลวงไปจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ล่ะจากนั้นเขาจึงกลับไป
บทที่ 20 บอกความจริงพ่อแม่ถังลู่เหมยคิดว่าคนบ้านใหญ่ที่ดีกับบ้านรองและเธอคงมีเพียงถังเจี้ยนเฉียยวคนนี้เท่านั้น จึงคุยเล่นกับเขาได้อย่างสนิทใจ“อาเหมยหายแล้ว นอนมากเบื่อ ๆ” เธอยังคงพูดจาเหมือนเดิม แต่ไม่โมโหร้ายใส่เหมือนกับคนอื่น ๆ ของบ้านรอง“เอานี่ลูกอม เอาไว้กิน พี่ไปทำงานก่อนนะ” ชายหนุ่มพักครู่ใหญ่แล้วเลยต้องรีบกลับไปทำงาน เพราะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาพักเที่ยงของทุกคนแล้วเหมือนกัน แต่ก่อนจะไปไม่ลืมที่จะมอบลูกอมที่เด็ก ๆ ชอบให้กับน้องสาวจากบ้านรอง เขาเชื่อว่าแม้ร่างกายของเธอจะไม่ต่างจากหญิงสาวคนหนึ่ง แต่ความคิดเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งท่านั้น ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมย่าและคนอื่น ๆ ถึงได้ทำร้ายเธอที่ไร้เดียงสาเช่นนี้แววตาของชายหนุ่มมองถังลู่เหมยด้วยความอ่อนโยน ด้วยสัญชาตญาณของเธอเอง ก็ไม่รู้สึกถึงภัยอันตรายจากชายคนนี้ เธอจึงยื่นมือมารับและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ขอบคุณพี่เฉียว อาเหมยไม่ดื้อ นั่งเงียบ ๆ นะ”เมื่อได้รับคำสัญญา ถังเจี้ยนเฉียวก็เบาใจและหมดห่วงเรื่องอันตราย คนเราไว้ใจใครไม่ได้หรอก ยิ่งน้องสาวคนนี้ไร้เดียงสาและไม่สามารถช่วยตัวเองได้ หากมีใครล่อลวงไปจะเอาแรงที่ไหนไปสู้ล่ะจากนั้นเขาจึงกลับไป
บทที่ 19 มาหาเรื่องเองแล้วจะมาโทษใครถังลู่เหมยเรียกเอาขนมปังออกมาจากมิติหนึ่งก้อน แล้วฉีกกลางแบะออก จากนั้นจึงเรียกยาถ่ายที่มีในมิติออกมา ก่อนจะโรยใส่ตรงกลางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“เธอมาหาเรื่องเองนะถงซิน” ถังลู่เหมยแสยะยิ้มออกมาอย่างเจ้าเจ้าเล่ห์จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู แล้วทำท่าเหมือนคนสติไม่ดีแบบเดิม พร้อมกับกัดกินขนมปังตรงที่ไม่ได้โรยยาถ่ายไว้“เรียกทำไม” ถังลู่เหมยถามไปแบบหาเรื่อง แต่พอนึกได้จึงทำท่าเอาขนมปังไปแอบด้านหลังเหมือนกลัวอีกคนจะเห็น“นั่นอะไร แกเอาอะไรซ่อนไว้นังลู่เหมย นังบ้า เอาออกมาดูสิ” ถังถงซินตาลุกวาว พอเห็นว่าอีกฝ่ายแอบซ่อนของกินอะไรไว้ จึงเอ่ยถามทันที“ถงซินบ้า บ้ากว่าอาเหมย ไม่สวยแล้วยังบ้า บ้า คนนี้คนบ้า ฮ่าๆ” หญิงสาวไม่ตอบแต่ยังลอยหน้าลอยตาด่ากลับ และพูดซ้ำ ๆ คำพวกนี้ไม่หยุดเธอหลอกด่าจนผู้มาเยือนเริ่มโมโห “นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังถงซินตวาดกลับไปทันทีเหมือนกัน“นี่นังบ้า แกด่าฉันเหรอ” ถังลู่เหมยพูดย้อนกลับไปเหมือนอีกฝ่ายทุกคำแถมยังยกมือชี้หน้าไปด้วย จนถังถงซินโมโหและพุ่งเข้าหาเธอ เพื่อหวังทำร้ายพร้อมกับแย่งชิงขนมปังไป“นี่แกแอบซ่อนขนมปังใช่ไหม นังบ้า เอามาน
บทที่ 18 จุดประสงค์การใช้ของในมิติคำพูดนี้ของน้องสาวทำให้ชายหนุ่มเกิดความสนใจ เลยถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะตื่นเต้น “เรื่องมหัศจรรย์ อะไรบอกพี่ได้ไหม”“ได้สิ พี่ใหญ่เป็นพี่ชายของฉัน ทำไมฉันจะบอกไม่ได้ พี่คอยดูอะไรนะ” หญิงสาวพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เพราะถ้าหากไม่ไว้ใจพี่ชายคนนี้ เธอคงไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วและเธอคงไม่บอกว่าหายบ้าแล้วหรอกนะถังลู่เหมยมองซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครมาเห็น ก่อนจะแบมือออกตรงหน้าพี่ชายแล้วนึกถึงแซนต์วิช เท่านั้นแหละ แซนต์วิชสองสามชิ้นก็วางอยู่บนมือของเธอ“เฮ้ย!!” นี่คือคำอุทานของถังอี้คุน แม้จะตกใจมากแค่ไหนแต่เขากลับไม่ถอยหนีจากน้องสาว เขาทำเพียงสบตาเธอก่อนจะถามขึ้น “นี่คือเรื่องอัศจรรย์ของอาเหมยเหรอ”“ใช่ค่ะ นี่แหละคือสิ่งมหัศจรรย์ที่ฉันจะบอกพี่ ไม่เพียงแค่ขนมเท่านั้น ยังมีอาหารและของกินอีกหลายอย่างรวมถึงเนื้อหมู่ ไก่ ปลา และพวกข้าวสาร ที่ฉันเรียกออกมาได้ราวกับเล่นกล” หญิงสาวตอบกลับไปอย่างไม่ปิดบัง“อาเหมยทำได้อย่างไร อย่าบอกนะว่าท่านตาคนนั้น...” ชายหนุ่มถามขึ้นมาอย่างตื่นตกใจ และนึกถึงท่านตาคนนั้นที่น้องสาวเคยเล่าให้ฟัง“ใช่ค่ะ ฉันคิดว่าท่านตาคนนั้นคงให้ของวิ
บทที่ 17 คลังแสงและมิติวิเศษที่ตามมาตกดึกคืนนั้น ถังลู่เหมยฝันว่าเธอได้กลับไปที่เซฟเฮ้าท์ ซึ่งเป็นที่กบดานของทีมเธอในชีวิตที่แล้ว ภายในที่นี่มีเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงห้องเก็บอาวุธ โดยมีทั้งอาวุธต่อสู้ธรรมดาไปจนถึงอาวุธหนัก แล้วยังมีอาหารและยาที่ครบครันอีกด้วย“ทำไมฉันถึงกลับมาที่นี่ได้ล่ะ ในเมื่อฉันตายจากยุคนี้แล้ว”หญิงสาวพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกับสิ่งที่เห็น อีกทั้งยังไม่เข้าใจว่าเธอนั้นกลับมาที่นี่ได้อย่างไร เรื่องนี้มันน่าแปลกใจมาก“หรือว่าฉันจะมีมิติเหมือนในนิยาย แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ต่อไปก็ไม่ต้องห่วงแล้วว่าบ้านรองจะโดนคนจากคนบ้านใหญ่รังแก หึหึ แบบนี้ดีมากเลย” หญิงสาวพูดออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจ เมื่อคิดได้ว่าเธอน่าจะมีมิติในนิยายอย่างที่เคยฟังจากแม่ค้าแถวที่พักชอบพูดคุยกัน มันสนุกจนเธอไปซื้อมาอ่านในยามว่าง จึงยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ไปสำรวจบ้านดูดีกว่า ว่าจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง”พูดจบเธอไม่รอช้า รีบวิ่งสำรวจบ้านว่ามีทุกอย่างเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะก่อนที่เธอจะตายในหน้าที่ ได้ซื้ออาหารและของใช้หลายอย่างมาเก็บไว้ รวมถึงข้าวของและเสื้อผ้าที่เธอตั้งใจจะเอาไปบริจาคให้คนบน
บทที่ 16 แอบซ่อนเงินที่หามาเมื่อเข้าในห้อง ถังลู่เหมยมองอาหารที่บ้านใหญ่แบ่งมาให้ด้วยความเบื่อหน่าย พร้อมกับทอดถอนใจออกมา ต่อให้จะไม่มีอาหารอย่างซาลาเปาที่กินไปก่อนหน้านี้จนอิ่มท้อง เธอก็ทนกินอาหารพวกนี้ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน แถมอาหารตรงหน้าไม่มีประโยชน์เลยสักนิดเดียว ดูแล้วน่าจะแตกต่างจากบ้านใหญ่มากนัก“เดี๋ยวพ่อกับแม่กินซาลาเปานี้ดีกว่าครับ ผมและน้องซื้อมาจากในเมือง รีบกินเสียก่อนที่บ้านใหญ่จะมาเห็นเถอะ” ถังอี้คุนรีบหยิบถุงซาลาเปาออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะบอกพ่อกับแม่ให้รีบกิน“นี่มัน! ลูกเอาเงินจากที่ไหนไปซื้อ ไหนจะเงินค่าพาน้องไปหาหมออีก” เหนียงฟางเห็นซาลาเปาก็ตาโตและถามออกไปอย่างตกใจ เพราะนี่จะต้องใช้เงินจำนวนมากแน่“ผมไปทำงานในตลาดมืดครับ เจอนายจ้างใจดีเลยได้จ่ายจ้างมาสิบหยวน แต่ผมจะต้องไปทำงานให้เธออีกครั้งครับ” ถังอี้คุนตอบออกไปตามความจริงบางส่วน เพราะเขาเจอนายจ้างใจดีจริง ๆ“โอ้ ช่างโชคดีอะไรแบบนี้” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาอย่างดีใจ“ครับผมกับอาเหมยโชคดีจริง ๆ แต่ตอนนี้พ่อกับแม่รับกินเถอะครับ เดี๋ยวกลิ่นลอยออกไปแล้วย่าจะรู้แล้วจะมาแย่งไปหมด” ชายหนุ่มรีบพูดให้พ่อแม่รีบกินเพราะซาลาเปานั้นส่ง
บทที่ 15 ปะทะกับย่าถัง“ไหนว่าไม่สบายยังไงล่ะ คนไม่สบายที่ไหนกันออกไปเที่ยวเล่นจนกลับมาเย็นค่ำแบบนี้กัน” ย่าถังที่นั่งอยู่กับลูกสะใภ้คนโปรดก็พูดจากระทบกระทั่งหลานสาวสติไม่ดีทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามาถังลู่เหมยทำท่าจะไม่ยอมและกำลังจะสวนกลับ แต่โดนพี่ชายห้ามไว้เสียก่อน“อาเหมยเข้าห้องไปดีกว่านะ เดินมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” ถังอี้คุนพูดขึ้นพร้อมกับลากเธอเดินไปห้องที่บ้านรองพักอาศัยอยู่“พี่ดึงฉันมาทำไม คนแก่กะโหลกกะลาปากเสียแบบนั้นสมควรจะต้องโดนเอาคืนเสียบ้าง” ถังลู่เหมยพูดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว“แต่นั่นคือแม่ของพ่อนะ จะทำอะไรก็คิดถึงพ่อบ้าง อีกอย่างพี่กลัวพวกเขาจะสังเกตว่าพี่ซุกซาลาเปาไว้ เกิดมีเรื่องแล้วมันหล่นออกมา จะโดยแย่งไปทั้งหมดนะ” ถังอี้คุนรีบบอกน้องสาวออกไป“อย่างนั้นจะปล่อยผ่านไปให้สักครั้งก็แล้วกัน” ถังลู่เหมยกอดอกพูดอย่างไว้ท่า เธอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีเรื่องให้เอาคืนแน่และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินมื้อเย็น กลายเป็นว่าถังลู่เหมยถูกย่าถังสั่งห้ามไม่ให้กินข้าว แม้ว่าเธอจะกินซาลาเปาจนอิ่มท้องแล้วก็ตาม แต่มีเหรอที่เธอจะยอมให้หญิงชราคนนี้กลั่นแกล้ง พ
บทที่ 14 ยังคงแกล้งบ้าเหมือนเดิม“ดีแล้ว ในเมื่อทั้งสองคนมีเอกสารมาด้วย จะได้เปิดบัญชีพร้อมกัน” หมอจางพูดสนับสนุนให้สองพี่น้องเปิดบัญชีของรัฐ แต่เขาไม่มั่นใจว่าหญิงสาวที่สติไม่ดีคนนี้จะสามารถเปิดได้ไหม จึงพูดขึ้นมาอย่างกังวลใจเล็กน้อย “แต่ฉันไม่มั่นใจนะว่าอาเหมยจะสามารถเปิดบัญชีได้หรือไม่ เนื่องจากเธอเป็นบุคคลที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้” หมอจางพยายามหลีกเลี่ยงคำว่าสติไม่ดีหรือเป็นบ้า เพื่อรักษาจิตใจของสองพี่น้อง จึงพูดเพียงว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ถังอี้คุนมองหน้าน้องสาวอย่างคล้ายกับจะปรึกษา เพราะเงินพวกนี้เธอเป็นคนหามา จะฝากบัญชีเขาคนเดียวก็คงไม่ได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะเอาเงินของน้องด้วย“พี่ใหญ่เก็บไว้ เก็บเงินไว้เยอะ ๆ เลยนะ เอาไว้ซื้อขนมให้อาเหมย นะนะ ฮ่า ๆ ชอบกินขนม” ถังลู่เหมยพูดขึ้นพร้อมกับปรบมือเหมือนเด็ก ๆ ที่สนใจแต่ขนมเท่านั้นนี่คือสัญญาณของเธอเพื่อที่จะบอกพี่ชายว่าให้เอาเงินทั้งหมดฝากไว้ที่เขา เพราะอย่างไรเธอก็คือครอบครัวของบ้านรองถังไปแล้วเมื่อได้ยินน้องสาวพูดแบบนี้ ชายหนุ่มจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนส่งไปให้เธอ เพราะถึงอย่างไรเขาก็คิดว่าเงินนี่ก็คือของถังลู่เหมยอยู่ดี“ตกลง
บทที่ 13 เป็นเศรษฐีหมื่นหยวนสองพี่น้องเดินอ้อมมายังอีกหมู่บ้าน แม้จะเหนื่อยสักหน่อยแต่ก็ยอมที่จะเหนื่อยเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่ถูกบ้านใหญ่แย่งชิงเอาของไป ในที่สุดทั้งสองก็เข้ามาถึงในหมู่บ้านด้วยการเดิน ถังอี้คุนได้ไปซื้อผ้ามาจากชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะเอามาห่มให้น้องสาวที่ไม่สบาย แต่จริงๆ เอามาห่อโสมและเห็ดหลินจือ จากนั้นชายหนุ่มจึงว่าจ้างเหมาเกวียนไปยังร้านขายยาของหมอจางที่อยู่ในเมืองพอเถ้าแก่จางเห็นว่า ถังอี้คุนมาเยือนที่ร้านขายยาอีกครั้งจึงทักทายด้วยความแปลกใจปนร้อนใจ “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าน้องสาวอาการไม่ดีขึ้น”“เปล่าครับหมอจาง นี่ลู่เหมยน้องสาวผมเอง ตอนนี้เธออาการดีขึ้นมากแล้วครับ แต่เราสองพี่น้องมีเรื่องจะสอบถามครับ” ถังอี้คุนรีบแนะนำตัวน้องสาวให้อีกฝ่ายรู้จัก พร้อมกับกระซิบถามเพราะนี่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก“....” ถังลู่เหมยก้มศีรษะทักทายเล็กน้อย“อืม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” หมอจางถามพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย เนื่องจากเขามองว่าหญิงสาวคนนี้เหมือนไม่มีอาการป่วยอะไรเลย ซึ่งมันต่างจากอาการที่เขาได้ฟังอย่างสิ้นเชิง แถมท่าทางของชายหนุ่มก็ดูแปลกกว่าตอนที่เจอกันก่อนหน้านี้ถังลู่เหมยเข
บทที่ 12 ตัดสินใจบอกพี่ชายถังลู่เหมยสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เธอตัดสินใจแล้วว่าจะบอกเรื่องที่เธอหายเป็นปกติกับพี่ชายก่อนทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาช่วยเธอในบางเรื่อง ส่วนพ่อกับแม่นั้นคงต้องรออีกสักพัก เมื่อไรที่หาวิธีแยกบ้านได้แล้วค่อยบอกก็ยังไม่สาย ส่วนตอนนี้เธอยังต้องการใช้ความเป็นคนบ้าเพื่อปั่นป่วนบ้านใหญ่และย่าถังจนทนไม่ได้และยอมให้บ้านรองแยกบ้านเสียก่อน “อาเหมยมีเรื่องอะไรจะบอกพี่หรือ” ถังอี้คุนเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย“พี่ใหญ่ เวลานี้น้องสาวพี่หายจากอาการป่วยไข้และกลับมาเป็นปกติแล้วนะ แถมตอนนี้สติสัมปชัญญะก็รับรู้ได้อย่างเช่นคนปกติทั่วไปแล้ว อาเหมยคนนี้ไม่ได้บ้าอีกแล้วนะคะ” หญิงสาวตอบกลับอย่างจริงจังพร้อมกับสบตาพี่ชายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแม้จะมีความตกใจอยู่มาก แต่ถังอี้คุนยังคงมีความนิ่งสงบไม่แสดงท่าทางตื่นตกใจออกมา แต่เขากลับถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เพราะอะไร อาการเหล่านั้นถึงได้หายไป อาเหมยบอกพี่ได้ไหม”“ตอนฉันป่วย ฉันสติหลุดลอยไป เหมือนฉันฝันว่าได้ไปพบกับคุณตาชราท่านหนึ่ง ท่านวาดภาพกลางอากาศและชี้นิ้วจิ้มมาที่หน้าผากของฉัน ตอนนั้นมันช่างทรมานเหลือเกิน คิดว่าจะไม่ได้กลับม