ความผิดที่เธอไม่ได้ก่อ... กลับกลายเป็นตราบาปดำมืดที่เธอถูกบังคับให้แบกรับโดยไม่มีทางเลือก มินตรา ไม่เคยคาดคิดเลยว่า อุบัติเหตุเพียงเสี้ยววินาทีนั้นจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอจนไม่อาจหวนคืนได้อีก เพียงเพราะพี่ชายของเธอ ขับรถชนผู้หญิงที่เขารักจนบาดเจ็บสาหัสและหลบหนีอย่างไร้ความรับผิดชอบ ชีวิตของเธอจึงถูกผลักเข้าสู่วังวนแห่งการลงทัณฑ์ที่โหดร้าย “ธีรัช” ชายผู้มีทุกอย่างทั้งอำนาจ เกียรติยศ และหัวใจที่แข็งดั่งเหล็กกล้า มองเธอเป็นดั่งอาญาชีวิต เขาทำลายศักดิ์ศรีของเธออย่างไม่ไว้หน้า กดขี่เหยียบย่ำเธอด้วยความเกลียดชังที่สุมอยู่เต็มอก ดึงเธอเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความหนาวเย็นและการลงโทษที่ไม่เคยปรานี ทว่า... เมื่อเวลาค่อยๆ ล่วงผ่าน ความจริงที่ถูกฝังลึกกลับค่อยๆ เปิดเผย ผู้หญิงที่เขาเคยตราหน้าว่าเป็นนางมารร้ายในชีวิต คือคนที่เคยยื่นมือช่วยชีวิตเขาไว้ในวันที่เขาอ่อนแอที่สุด แต่ในวันที่เขารู้ตัว... เธอกลับพร้อมจะเดินจากไปตลอดกาล ทิ้งเขาไว้ให้จมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ไม่มีวันลบเลือน โอกาสครั้งที่สองจะยังมีอยู่จริงหรือไม่... เมื่อหัวใจทั้งสองดวงเต็มไปด้วยรอยแผลที่ไม่มีวันลืมเลือน
Lihat lebih banyakเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในห้องนอนที่เงียบงัน กลับดังชัดเจนผิดปกติในยามนี้ จนทำให้มินตราสะดุ้งสุดตัว
เธอมองหน้าจอแสดงหมายเลขแปลกตาด้วยความลังเล ความรู้สึกไม่สบายใจบางอย่างก่อตัวขึ้นในอก ก่อนที่เธอจะตัดสินใจกดรับสาย "คุณเป็นญาติของคุณมินทร์ใช่ไหมคะ?" เสียงสุภาพแต่เร่งรีบดังมาจากปลายสาย "ค่ะ... ฉันเป็นน้องสาวของเขา" มินตราตอบเสียงแผ่ว แม้ในใจจะเริ่มหวั่นไหวอย่างรุนแรง "ดิฉันโทรมาจากโรงพยาบาลค่ะ ตอนนี้มีเรื่องด่วนที่จำเป็นต้องแจ้งให้คุณทราบโดยด่วน" "เรื่องด่วน?" เธอทวนคำอย่างไม่เข้าใจ มือที่จับโทรศัพท์เริ่มกำแน่นจนข้อนิ้วซีดเผือด ความกังวลแล่นเข้าสู่หัวใจเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า "มีอุบัติเหตุรถชน ผู้บาดเจ็บอาการสาหัส และเราได้รับข้อมูลว่าคุณมินทร์อาจเป็นผู้ขับขี่รถคันที่ก่อเหตุ..." ปลายสายหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยเสียงเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม "ตอนนี้ผู้บาดเจ็บยังไม่รู้สึกตัว และอยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ" โลกทั้งใบของมินตราเหมือนหยุดหมุนในพริบตาเดียว เสียงลมหายใจของตัวเองยังฟังดูแผ่วเบาเกินกว่าจะเป็นจริง หูอื้อราวกับอยู่ในสุญญากาศ "ผู้บาดเจ็บเป็นใครเหรอคะ?" เธอถามเสียงสั่น ในใจภาวนาให้ไม่ใช่ชื่อที่เธอกำลังหวาดกลัวที่สุด "คุณพิมพ์นารา ทิพยการค่ะ" ชื่อที่คุ้นเคยดั่งตรึงอยู่ในหัวใจ ทำให้มินตรารู้สึกเหมือนเลือดในกายถูกแช่แข็งจนไม่อาจขยับตัวได้อีก "พิมพ์นารา" อดีตเพื่อนรักที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันแทบทุกวินาที หญิงสาวผู้กลายมาเป็นคนสำคัญที่สุดในหัวใจของ "ธีรัช" ผู้ชายที่เธอเคยเฝ้ามองด้วยความรักมาตลอดชีวิต และตอนนี้... พี่ชายของเธอกลับเป็นคนทำร้ายผู้หญิงคนนั้น มินตราสูดลมหายใจลึกจนอกไหวหวั่น พยายามฝืนไม่ให้ตัวเองล้มพับอยู่ตรงนั้น "ตอนนี้เธออาการเป็นยังไงบ้างคะ?" "ยังไม่รู้สึกตัวค่ะ แพทย์กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเธอ แต่สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤติ เราอยากให้ญาติของคนขับมาที่โรงพยาบาล เพื่อดำเนินเรื่องทางกฎหมายด้วยค่ะ" ร่างกายของมินตราเริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ความกลัว ความผิด และความสิ้นหวังถาโถมใส่เธอพร้อมกันราวพายุ ธีรัช เขาจะต้องรู้เรื่องนี้ในไม่ช้า และเมื่อเขารู้...เขาจะเกลียดเธอจนไม่มีทางให้อภัยได้อีก ภาพใบหน้าของเขาฉายชัดในหัว ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยแฝงด้วยความอบอุ่น แต่บัดนี้ เธอรู้ดีว่าจะมีเพียงความเย็นชาและโทสะที่รอเธออยู่ "ฉัน... ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ" เสียงที่เอ่ยตอบออกไปนั้นสั่นไหวจนแทบจับใจความไม่ได้ มินตรารีบกดวางสาย ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดตัวลงนั่งบนขอบเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง เธอเอามือกุมหน้าอกที่เจ็บปวดราวถูกบีบรัด หายใจติดขัดอย่างทรมาน เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างร้อนรน ก่อนที่เสียงของแม่จะดังตามมา "มินตรา! เกิดอะไรขึ้นลูก ใครโทรมาดึดดื่นป่านนี้?" "แม่..." น้ำเสียงของมินตราสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำด้วยหยาดน้ำตาที่กักเก็บเอาไว้สุดความสามารถ "พี่มินทร์... พี่ขับรถชนคนค่ะ... แล้วหนีไป..."เพราะในความทรงจำของเขา...ธีรัชไม่เคยจำหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ชัดเจนเลยเขาจำได้เพียงแค่ความรู้สึกของมือเล็กๆ ที่ยื่นมาคว้าเขาไว้ในวินาทีที่เขากำลังจมดิ่งสู่ความตาย และโบสีฟ้าที่ปลายเปียผมของเธอเพราะพิมพ์นาราไม่เคยปฏิเสธว่าเธอคือคนที่ช่วยเขาในวันนั้นดังนั้นสำหรับเขา พิมพ์นาราจึงกลายเป็น รักแรก เป็นคนที่เขาคิดว่าตนเป็นหนี้ชีวิต เป็นเงาที่ผูกพันอยู่ในใจ โดยไม่เคยมีข้อกังขาใดๆธีรัชนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานสลัวๆ แสงสีส้มนวลจากโคมไฟสะท้อนบนใบหน้าคมคายที่ดูเคร่งขรึม มือใหญ่ถือแก้วไวน์เอาไว้ แต่เนื้อไวน์สีเข้มในแก้วกลับนิ่งสนิทราวกับสะท้อนสภาพจิตใจของเขาในตอนนี้จิตใจที่ล่องลอยไปไกล... ไกลกว่าที่เขาอยากจะยอมรับช่วงนี้...เขาฝันถึงเหตุการณ์นั้นบ่อยขึ้น วันที่เขาจมน้ำ วันที่ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายฝันถึงมือเล็กๆ ที่ยื่นมาจากท่ามกลางกระแสน้ำเย็นเฉียบ ดวงตากลมโตที่เปี่ยมด้วยความกล้าหาญฝันถึงโบสีฟ้า... ที่ปลายเปียผมและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจที่สุด คือใบหน้าของเด็กผู้หญิงในฝัน...มันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆและเธอ...ไม่ใช่พิมพ์นาราแต่กลับเป็น “มินตราWธีรัชกำแก้วไวน์แน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากทางเดินข้างห้องครัว กลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยมาตามสายลมบางเบา เธอเงยตาขึ้นเล็กน้อย ก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่อยู่ตรงนั้นธีรัชในชุดสูทสีเข้มเนี้ยบกริบ ดูสมบูรณ์แบบและสง่างามเกินเอื้อม มือข้างหนึ่งของเขาล้วงกระเป๋าอย่างสบายๆ ขณะที่อีกข้างถือแก้วไวน์แกว่งเบาๆ ราวกับไม่มีอะไรเร่งรีบในโลกใบนี้เขามองเธอด้วยสายตาเรียบเฉย... เรียบเสียจนอ่านไม่ออกว่าข้างในนั้นมีความรู้สึกแบบไหนซ่อนอยู่"ทำอะไร?""ฉัน... ล้างจานค่ะ" เธอตอบเสียงเบา ก้มหน้าลงจนแทบจมลงไปในอ่างล้างจาน"ดี..." ธีรัชเอ่ยเสียงเนิบช้า "เหมาะกับเธอดี"ใช่...นี่คือสิ่งที่เขาต้องการ กดเธอให้ตกต่ำ ลากเธอลงสู่ความต่ำต้อยที่สุดที่เขาจะทำได้ธีรัชยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเชื่องช้า ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้จนเงาของเขาทาบทับตัวเธอจากนั้นเขาโน้มตัวลง กระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ราวกับมีดปลายแหลม"อย่าคิด...ว่าจะมีสิทธิ์ได้รับความเคารพจากใครในบ้านหลังนี้""สำหรับฉัน..." ธีรัชเว้นจังหวะ ก่อนจะกดเสียงต่ำเฉียบอีกระลอก"เธอไม่มีค่ามากไปกว่าคนใช้คนหนึ่ง หรืออาจจะน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ"จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมามอ
"อย่าลืม... ตำแหน่งของเธอที่นี่คืออะไร มินตรา"เขากระซิบเย็นๆ ราวกับลมหายใจของปีศาจ"เธออยู่ที่นี่ได้เพราะพี่ 'อนุญาต' ให้มาอยู่ในฐานะทาสไถ่บาปของครอบครัวสกปรกของเธอเท่านั้น""แค่เห็นหน้าเธอ..." ธีรัชกัดฟันแน่น"พี่ก็แทบอยากอาเจียน"หญิงสาวกำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในเนื้อฝ่ามือเธอรู้... รู้ดีว่าเขาเกลียดเธอแต่เธอไม่คิดเลย... ว่าเขาจะเหยียบย่ำเธอจนแทบไม่เหลือเศษเสี้ยวศักดิ์ศรีเช่นนี้"เธอรู้ไหม... ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าเธอ ฉันนึกถึงอะไร?"มินตราส่ายหน้าเบาๆ ร่างกายสั่นไหว"พี่เห็นพิมพ์... นอนนิ่งอยู่บนเตียงไอซียู" ธีรัชพูดเสียงพร่า"เห็นเธอหมดสติ มีแต่สายระโยงระยางเต็มตัว..."ความเจ็บปวดสั่นสะเทือนในเสียงของเขา... แต่ในดวงตาคมกริบยังคงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความเกลียดชัง"และเธอรู้ไหม... มันทำให้พี่เกลียดเธอมากแค่ไหน?"น้ำตาที่เธอพยายามกลั้นไว้ ไหลรินลงข้างแก้มอย่างไร้เสียง"ทุกครั้งที่มองหน้าเธอ..."ธีรัชกดเสียงต่ำ ดวงตาแดงก่ำ"พี่อยากให้เธอเจ็บ เหมือนที่พิมพ์นาราเจ็บ"โลกทั้งใบของมินตราเหมือนถล่มลงมาใส่เธอในวินาทีนั้น"ถ้าเลือกได้..." เสียงของเขาแผ่วต่ำ"พี่อยากให้คนที่นอนอยู่บนเตียง
เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เธอและพิมพ์นารา เพื่อนสนิทที่สนิทที่สุดในชีวิต ได้รับเชิญให้เข้าร่วมค่ายอาสาสมัครในหมู่บ้านห่างไกลทางภาคเหนือหน้าที่ของพวกเธอคือช่วยกันสร้างโรงเรียนเล็กๆ ให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล และที่นั่นเอง... คือครั้งแรกที่เธอได้พบกับเขาธีรัช ชายหนุ่มวัยสิบเก้าปีในตอนนั้น รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าคมสันอย่างชายหนุ่มในวัยเริ่มต้นความงามสมบูรณ์เต็มที่ เสน่ห์บางอย่างในตัวเขาดึงดูดสายตาทุกคนให้จับจ้องอย่างไม่อาจละได้ เขามาพร้อมกลุ่มเพื่อนจากโรงเรียนเอกชนชื่อดัง คนกลุ่มนั้นดูแตกต่างจากเธอและพิมพ์นาราอย่างสิ้นเชิงเขาอยู่คนละโลกกับเธอ...แต่ในวันนั้น โลกสองใบบังเอิญมาบรรจบกัน"ดูเขาสิ หล่อมากเลย..."พิมพ์นารากระซิบกระซาบข้างหูเธอด้วยดวงตาเป็นประกายมินตราเพียงยิ้มและหัวเราะเบาๆ แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งที่ในใจ... มีประกายบางอย่างอุ่นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้เธอเองก็แอบชมชอบเขา... เหมือนกับสาวๆ ในค่ายคนอื่นๆจนกระทั่งวันหนึ่ง... วันที่ฝนตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา ดินบนเขาอ่อนตัวลง และเกิดเหตุดินสไลด์อย่างไม่คาดคิดเสียงตะโกนโหวกเหวกดังไปทั่วบริเวณ ทุกคนแตกตื่น รีบหนีเอาตัวรอดอย่างโกล
มินตราฝืนกลืนน้ำลายลงคอ พยายามข่มก้อนสะอื้นที่พุ่งขึ้นมาจุกแน่นในอก ก่อนจะก้าวเดินตามบอดี้การ์ดเข้าไปในตัวบ้านพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบสะท้อนเงาของเธอรางๆ แสงไฟระยิบระยับบนเพดานที่เคยงดงาม บัดนี้กลับเหมือนแสงจ้าจากห้องสอบสวนที่พร้อมจะแฉทุกบาดแผลของเธอให้โลกเห็นเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากชั้นบนธีรัช...ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำก้าวลงบันไดอย่างสง่างาม ราวกับเจ้าชายในเทพนิยายแต่แววตาของเขา... กลับเย็นเยียบแข็งกร้าวจนทำลายภาพฝันทุกอย่างจนไม่เหลือซากมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ท่าทางสงบนิ่งแต่แฝงด้วยอำนาจที่กดทับให้ทุกสิ่งรอบตัวสั่นสะท้าน"เธอมาถึงเร็วกว่าที่คิด" เขาพูดเสียงเรียบ มุมปากกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดเยาะมินตราเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่จะสบตาเขาทำได้เพียงยืนนิ่ง ปล่อยให้สายตาคมกริบคู่นั้นกวาดประเมินเธอราวกับมองเศษขยะ"คิดว่าการยอมมาที่นี่แล้ว... ทุกอย่างจะจบเหรอ?" น้ำเสียงของเขาเย็นชาเจือรังเกียจ "พี่ยังไม่ลืมหรอกนะ ว่าพี่ชายเธอมันทำอะไรไว้"มินตราหลุบตาต่ำลง หัวใจบอบช้ำแทบขาดเป็นเสี่ยงๆไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกไป... มันก็ไม่มีวันเปลี่ยนความ
"พี่ธีรัช... ได้โปรดเถอะค่ะ หยุดทำร้ายครอบครัวมินเถอะ...""หยุด?" ธีรัชทวนคำนั้นด้วยเสียงเยาะเย้ยในลำคอ "เธอคิดว่าพี่จะหยุดง่ายๆ งั้นเหรอ มินตรา? พี่ชายของเธอทำลายชีวิตของพิมพ์นารา คนที่พี่รักมากที่สุด แล้วเธอกล้าขอให้พี่หยุดงั้นเหรอ?""มินขอโทษค่ะ... มินตราขอโทษแทนพี่มินทร์ แต่... แต่แม่ของมินไม่เกี่ยวเลยนะคะ แม่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ได้โปรดเถอะ พี่ธีรัช..." เธอกระซิบอ้อนวอน ทั้งเสียงและหัวใจที่กำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรง"พี่จะหยุดก็ต่อเมื่อเธอรับผิดชอบแทนมัน!" ธีรัชประกาศกร้าว ราวกับพิพากษาโทษประหารชีวิตให้เธอมินตรารู้ดี... รู้ดีกว่าใครว่าธีรัชเกลียดเธอแต่เขาไม่เคยรู้เลย... ไม่เคยแม้แต่จะสังเกต ว่าเธอเคยรู้สึกอย่างไรกับเขาเธอไม่เคยอยากเป็นศัตรูของเขา ไม่เคยอยากถูกมองด้วยสายตาเย็นชาดูแคลนเช่นนี้แต่ในท้ายที่สุด... เธอกลับต้องเป็นผู้รับโทษแทน ทั้งที่ไม่เคยทำผิดแม้แต่น้อยหากความรักที่เธอมีให้เขา... กลับต้องถูกตอบแทนด้วยความเกลียดชังถึงเพียงนี้แล้วเธอควรจะรู้สึกอย่างไร?"ถ้าเธอไม่อยากเห็นแม่เธอทรุดหนักไปกว่านี้..." เสียงของธีรัชเยียบเย็น "ถ้าเธออยากให้ร้านของแม่เธอกลับมาเปิดได้... ก
หลังจากวันที่ธีรัชตวาดใส่เธอที่โรงพยาบาล ไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อมา ชีวิตของมินตราก็พังทลายลงอย่างไร้ความปรานีข่าวพาดหัวตัวใหญ่โหมกระพือไปทั่วหน้าสื่อออนไลน์และหน้าหนังสือพิมพ์"ทายาทร้านขนมชื่อดัง ขับรถชนแล้วหนี!"แม้ชื่อของพี่มินทร์จะถูกเซ็นเซอร์ไว้บางส่วน แต่ตระกูล "ม." ที่สื่อพูดถึงนั้น... ไม่มีใครไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวของเธอเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นไม่ขาดสายตั้งแต่เช้า เสียงกริ่งที่แต่เดิมเคยหมายถึงข่าวดี ตอนนี้กลับกลายเป็นสัญญาณแห่งหายนะที่ทำให้หัวใจทุกคนในบ้านสั่นระริกคนโทรมาไม่ใช่แค่เพื่อนหรือคนรู้จัก แต่รวมถึงนักข่าวที่คอยคุ้ยหาข่าวฉาว ผู้หวังดีที่เต็มไปด้วยคำพูดเสียดสี และคนแปลกหน้าที่ส่งข้อความข่มขู่มาทางโซเชียลมีเดียอย่างไม่หยุดหย่อนธุรกิจเบเกอรี่เล็กๆ ของแม่ ร้านขนมที่เคยอบอวลด้วยกลิ่นหอมหวานและเสียงหัวเราะของลูกค้า ตอนนี้กลับเงียบงันจนน่าหวาดหวั่นลูกค้าหายไปเหมือนถูกกวาดล้างอย่างไรอย่างนั้น โต๊ะทุกตัวกลับว่างเปล่า พนักงานที่เคยทำงานกันอย่างคล่องแคล่วก็พากันก้มหน้าหลบสายตา บรรยากาศเงียบเย็นจนหนาวสะท้านแม่ของเธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น... จนกระทั่งมีชายชุดดำสองคน เดิน
เสียงตวาดดังลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตากลมโตแดงก่ำด้วยหยาดน้ำตา ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ"พี่...พี่ธีรัช..." เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นเครือ"เธอยังมีหน้ามานั่งร้องไห้อีกเหรอ?! พี่ชายของเธอเพิ่งชนคนจนปางตาย แล้วมันไปไหน?! หรือว่าเธอเป็นคนช่วยให้มันหนีออกนอกประเทศ?!""ไม่นะ! มินไม่ได้ทำแบบนั้น!" มินตราสะอื้นทั้งที่พยายามกลั้นเสียงไว้สุดกำลัง"โกหก!!"ธีรัชกระชากแขนเล็กๆ ของมินตราเต็มแรงอย่างไร้ความปรานี ร่างบางเซถลาไปข้างหน้าจนเกือบล้ม มือของเธอสั่นระริกขณะที่พยายามแกะมือแข็งกร้าวของเขาออกจากตัว"มินไม่รู้จริงๆ... ว่าพี่มินทร์จะหนี มินพยายามติดต่อหลายครั้งแล้ว ขอร้องเขาแล้ว... ขอร้องจริงๆ!" เสียงของหญิงสาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ความเสียใจ และความสิ้นหวังที่ทับถมกันจนแทบระเบิดแต่สำหรับธีรัช ไม่มีคำไหนในประโยคเหล่านั้นสามารถสั่นคลอนความเกลียดชังในอกของเขาได้เขาไม่เชื่อ!ไม่แม้แต่นิดเดียว!"โกหก เธอเป็นน้องมัน! เธอจะไม่รู้อะไรเลยได้ยังไง?!""สาบานได้! มินสาบานได้ว่ามินไม่รู้!"มินตราอ้อนวอน น้ำตาไหลพรากลงมาตามใบหน้าซีดเซียว ขณะที่พยายามดิ้นหนี แต่ยิ่งขืนตัว แขน
เสียงโทรศัพท์สั่นครืดอยู่บนโต๊ะไม้สักตัวใหญ่ในห้องประชุมสุดหรูของโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางมหานครเซี่ยงไฮ้ เสียงที่ควรเป็นเพียงสิ่งรบกวนเล็กน้อยในระหว่างการเจรจาธุรกิจ กลับดังชัดเจนราวระฆังเตือนภัยในหูของธีรัชชายหนุ่มเหลือบตาลงมองหน้าจอแวบหนึ่ง เลขาของเขา "อัญชลี" กำลังโทรเข้ามาแปลก... เธอไม่เคยโทรเข้ามาในเวลาที่เขาอยู่ระหว่างประชุม ยกเว้นจะมีเรื่องคอขาดบาดตายเท่านั้นธีรัชขมวดคิ้วแน่น กดปิดสายก่อนจะหันกลับไปสนใจกับงานตรงหน้า“คุณธีรัช ตกลงตามนี้ได้ไหมครับ?” เจ้าของบริษัทชาวจีนเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษสุภาพ มือผายไปทางสไลด์ข้อมูลโครงการพันล้านที่ยังเปิดค้างอยู่บนหน้าจอธีรัชสูดลมหายใจลึก พยายามตั้งสติกลับมา แต่นิ้วมือกลับเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว... โทรศัพท์ยังคงสั่นไม่หยุด ครืด... ครืด... ครืด...‘ใครกันแน่... โทรมารัวขนาดนี้...’ เขาขบกรามแน่น ความรำคาญเริ่มก่อตัวในอกสุดท้าย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะกดรับสายด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ"ว่าไง?"ปลายสายไม่ใช่เสียงรายงานธุรกิจอย่างที่เขาคิดกลับเป็นเสียงของอัญชลีที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกจนเกือบกลายเป็นกรีดร้อง"คุณธีรัช! เกิดเรื่อ
Komen