Home / รักโบราณ / ดั่งบุปผา ดุจจันทรา / บทที่ 7 สหายเล่าเรียน

Share

บทที่ 7 สหายเล่าเรียน

last update Last Updated: 2025-04-21 15:30:49

ยามเช้าของวันต่อมา หยางจินจินตื่นแต่เช้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ตำหนักของฉินกุ้ยเฟยในทันที ยามนี้วังหลังยังไม่มีฮองเฮาพระองค์ใหม่ ฉินกุ้ยเฟยจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจปกครองวังหลังเพียงผู้เดียว ฝ่าบาทเองก็ทรงโปรดปรานและไว้ใจนางไม่น้อย ผู้คนต่างเล่าลือกันว่า ตำแหน่งว่าที่ฮองเฮาพระองค์ใหม่ย่อมต้องตกเป็นของฉินกุ้ยเฟยไม่ช้าก็เร็ว 

แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ดีเท่าฉินกุ้ยเฟย เดิมทีพี่สาวของนางตายจากไปนานแล้ว นางเองก็อดทนกัดฟันเลี้ยงดูหยางจิ่งมาราวกับบุตรในอุทร ทั้งที่ความจริงนางเกลียดชังหยางจิ่งยิ่งนัก นางกับมารดาของหยางจิ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากัน นางเป็นบุตรของภรรยารอง ต้องทุ่มเทกำลังแรงกายไปไม่ใช่น้อยกว่าจะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ หากนางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอก ยามนี้ตำแหน่งฮองเฮาคงตกเป็นของนางนานแล้ว ไม่ต้องมาทนรอคอยอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้!!!

ฝ่าบาทเองก็ช่างกระไร นางทำดีถึงเพียงนี้ ผ่านมาหลายสิบปีกลับยังได้เป็นเพียงฉินกุ้ยเฟย ช่างน่าเจ็บใจนัก

"ถวายพระพรฉินกุ้ยเฟยเพคะ"

ฉินกุ้ยเฟยที่กำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มพลันปรายตามองหยางจินจินคราหนึ่ง เดิมทีนางไม่ได้ใส่ใจองค์หญิงที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยผู้นี้เท่าใดนัก แต่ทว่าฝ่าบาทกลับให้นางจัดการหาคุณหนูจวนตระกูลสูงศักดิ์เข้ามาเป็นพระสหายร่วมเรียนของหยางจินจิน แม้ที่ผ่านมาฝ่าบาทจะดูเหมือนไม่ใส่ใจหยางจินจินเท่าใดนัก แต่ทว่าในใจก็ยังคงห่วงใยอยู่บ้าง เพราะยามนี้หยางจินจินเป็นองค์หญิงที่เหลืออยู่เพียงผู้เดียวในวังหลวงแห่งนี้แล้ว

"ไม่ต้องมากพิธี ลุกขึ้นเถิด"

"ขอบพระทัยเพคะ"

"มานั่งก่อนสิ ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับเจ้าเสียหน่อย"

หยางจินจินพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้ไม่ไกลจากฉินกุ้ยเฟยมากนัก ฉินกุ้ยเฟยที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาทันที

"เสด็จพ่อของเจ้าให้ข้าหาคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์มาร่วมเป็นสหายเล่าเรียนของเจ้า แต่เจ้าคงรู้ใช่หรือไม่ ด้วยฐานะของเจ้า จะมีคุณหนูตระกูลใดกันอยากคบหากับเจ้า นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์อันใดแล้ว ยังจะเสียเวลาพวกนางอีกด้วยกระมัง"

หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้างุดไม่ได้เอ่ยวาจาใด นางจะเอ่ยสิ่งใดได้ ยามนี้นางยังต้องพึงพิงสตรีนางนี้ในอีกหลาย ๆ เรื่อง วันใดที่ฉินกุ้ยเฟยได้เป็นฮองเฮา นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะยังอยู่ในวังหลวงได้อย่างสงบสุขหรือไม่

เพียงฉินกุ้ยเฟยไม่สร้างความลำบากใจให้นางก็ขอบคุณแล้ว

เมื่อเห็นว่าหยางจินจินสงบเสงี่ยมไม่มีปากเสียง ฉินกุ้ยเฟยก็พึงพอใจไม่น้อย 

"เอาเถิด ข้าจะจัดการให้เจ้าไม่ต้องกังวล ไปเถิด"

"เพคะ"

ฉินกุ้ยเฟยคร้านจะสนทนากับหยางจินจินให้มากความ จึงไล่นางกลับไปเสีย หยางจินจินเดินออกมาจากตำหนักของฉินกุ้ยเฟย ระหว่างทางนางได้พบกับหยางจิ่งที่กำลังเดินผ่านทางมาพอดี

"เสด็จพี่"

หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นจึงหันไปมองหยางจินจินคราหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาเอ่ยถามน้องสาวของตน

"จินเอ๋อร์ ได้ยินว่าเจ้าไปพบกับฉินกุ้ยเฟยมาหรือ?"

"เพคะ นางเพียงเรียกข้าไปพูดจาเรื่องสหายเล่าเรียน"

หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ 

ในชาติก่อนนั้น หยางจินจินต้องเลือกพระสหายเล่าเรียน แต่เพราะนางมีฐานะต่ำต้อย ไม่ได้เกิดจากฮองเฮาและสนมซึ่งเป็นที่โปรดปราน จึงได้พบเจอสหายเรียนที่ไม่ได้เรื่องเท่าใดนัก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะฉินกุ้ยเฟยจัดการทั้งหมด สตรีนางนี้ช่างไร้ความเมตตาเสียจริง เขาคิดผิดยิ่งนักที่หลงเคารพเชื่อฟังนางในชาติก่อน

หยางจิ่งพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยกับกับน้องสาวตนทันที

"จินเอ๋อร์ เจ้าตามข้าไปพบเสด็จพ่อเถิด"

หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าทันที เสด็จพ่อในความทรงจำของนาง เขาช่างเย็นชาต่อนางเหลือเกิน หากนางเสนอหน้าไปให้เขาเห็น เขาอาจจะเกลียดนางมากกว่าเดิมก็เป็นได้

เมื่อเห็นท่าทีไม่สบายใจของหยางจินจิน หยางจิ่งก็ยื่นมือของเขาไปลูบศีรษะน้องสาวตนคราหนึ่ง

"ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่"

"เสด็จพี่"

"พวกเราไปด้วยกัน เชื่อข้า"

"เช่นนั้นก็ได้เพคะ"

หยางจินจินยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามหยางจิ่งเข้าไปในตำหนักมังกรสวรรค์

ยามนี้ฮ่องเต้หยางหลิงไท่กำลังนั่งอ่านตำราพลางดื่มชาอยู่บนโต๊ะทรงอักษร เมื่อเห็นว่าหยางจิ่งมาพบเขาก็ยิ้มให้พระโอรสของตนเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหยางจินจินที่ยืนอยู่ข้างกายหยางจิ่ง พลางขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกไป

"ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"

"ถวายพระพรเสด็จพ่อเพคะ"

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับหยางจินจิน

"ข้าสั่งให้ฉินกุ้นเฟยเรียกเจ้าไปหารือเรื่องสหายเล่าเรียน แล้วเหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่อีก นี่ใช่สถานที่ที่สตรีเช่นเจ้าควรมาหรือ?"

หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็กำมือแน่น หยางจิ่งยกมือของตนไปตบเข้าที่แผ่นหลังของน้องสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยกับบิดาอย่างนอบน้อม

"เสด็จพ่อ เดิมทีที่ลูกพาจินเอ๋อร์มาที่นี่ ก็เพราะมีเรื่องอยากหารือกับเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่มองมองหยางจิ่งคราหนึ่ง วันนี้เขาคล้ายไม่ได้กลิ่นสุราของบุตรชายบัดซบผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

หยางจิ่งเป็นบุตรชายที่เขารักที่สุด แต่ทว่ากลับไม่เอาไหน อาจารย์สอนสิ่งใดก็ไม่ยอมฟัง ตำราก็ไม่อ่าน วัน ๆ เอาแต่ดื่มสุราจนเมามาย

วันนี้ที่มาหาเขาได้ มิใช่ว่ามีเรื่องพิเรนทร์มาเสนอแนะเขาหรอกกระมัง!!!

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่จ้องมองบุตรชายของตนด้วยแววตาหวาดระแวงคราหนึ่ง หยางจิ่งรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก พฤติกรรมในชาติก่อนของเขานั้นเขาจำได้ดี แม้เขาจะฉลาด มีความสามารถ แต่เขากลับไม่ใฝ่เรียน นำความสามารถในการต่อสู้ไปแอบต่อยตีกับพวกนักเลงนอกวังหลวง บางคราก็ทุบตีเหล่าองครักษ์ ถือดาบไล่ฟันขันทีเขาก็ทำมาแล้ว!!!

ไม่แปลกที่เสด็จพ่อจะหวาดระแวงเขาถึงเพียงนี้

"เสด็จพ่อ ที่ลูกมาวันนี้เพราะอยากหารือเรื่องสหายเล่าเรียนของจินเอ๋อร์พ่ะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ที่ได้ยินเช่นนนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ย

"ข้าให้เสด็จแม่ของเจ้าจัดการแล้ว"

"เสด็จพ่อ เรื่องนี้ท่านควรออกหน้าเอง จินเอ๋อร์เป็นบุตรสาวของท่าน แม้เสด็จแม่จะรับปากว่าจะหาสหายเล่าเรียนให้จินเอ๋อร์ แต่ท่านพ่อรู้หรือไม่ ลูกได้ยินข่าวลือว่าคุณหนูจวนอื่น ๆ ต่างไม่อยากเข้าวังมาร่ำเรียนกับจินเอ๋อร์ เพราะนางมีฐานะต่ำต้อย แม้เสด็จแม่จะออกหน้า แต่นางเป็นเพียงกุ้ยเฟยมิใช่ฮองเฮา ย่อมอาจเกิดข้อผิดพลาดได้ เสด็จพ่อ พี่หญิงใหญ่ตายจากไปแล้ว ยามนี้เหลือจินเอ๋อร์เพียงคนเดียวที่รั้งตำแหน่งองค์หญิง หากนางพบเจอเรื่องไม่ดีเช่นพี่หญิงใหญ่ เสด็จพ่อแน่ใจหรือพ่ะย่ะค่ะว่าจะไม่เสียพระทัย"

หยางจิ่งจำต้องฝืนใจเรียกสตรีชั่วช้าเช่นฉินกุ้ยเฟยว่าเสด็จแม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเรียกเช่นนี้มาตั้งแต่วัยเยาว์ ย่อมต้องจำใจเรียกเช่นนี้ต่อไปเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธ

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย คำพูดของหยางจิ่งนับว่าไม่เลว 

มันกินยาผิดมาหรือไรจึงคิดเรื่องดี ๆ ได้?

หรือว่าตกน้ำจนหัวไปกระแทกกับสิ่งใดเข้าให้?

"เสด็จพ่อ"

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ละความสงสัยในใจ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับหยางจิ่ง

"อืม เช่นนั้นข้าจะจัดการเอง หยางจินจินเจ้าไปเตรียมตัว อย่าก่อเรื่องเล่า แล้วผู้ใดกันว่าเจ้าต่ำต้อย"

"เอ่อ..."

"กลัวมันทำไมกัน ข้าไม่ออกหน้าเจ้าก็สู้คนไม่ได้หรือ เจ้าเป็นถึงองค์หญิงรองนะ อีกอย่างเจ้าเป็นสตรี จะให้ข้าไปยุ่งกับเจ้ามากย่อมไม่เหมาะนัก เรียนรู้จากพี่ชายเจ้าให้มาก เจ้าจำไม่ได้หรือ เขาเคยกระโดดถีบองครักษ์เชียวนะ"

หยางจิ่งยกมือขึ้นเกาศีรษะตนคราหนึ่ง หยางจินจินที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันไม่น้อย

แท้จริงท่านพ่อไม่ได้เกลียดนางหรอกหรือ?

แล้วท่าทีที่เย็นชาเวลาพบนางทุกครานั่นหมายความว่าเช่นไรกัน?

หยางจินจินทำได้เพียงคิดในใจ แต่ทว่าไม่กล้าเอ่ยถามออกไปเลยแม้แต่ครึ่งคำ

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ก็ให้หยางจินจินกลับตำหนักตนไปก่อน อีกทั้งยังส่งสาวใช้ไปดูแลนางเพิ่มอีกหลายคน เรื่องนี้สร้างความแปลกใจให้แก่เหล่านางกำนัลขันทีไม่น้อย แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เหล่าสาวใช้ต่างไม่กล้าเอ่ยวาจาเหน็บแนมหรือดูแคลนหยางจินจินเท่าแต่ก่อนอีก

เมื่อหยางจินจินออกไปแล้ว ฮ่องเต้หยางหลิงไท่จึงหันมาเอ่ยกับหยางจิ่งทันที

"เจ้าก็เช่นกัน โตถึงเพียงนี้แล้ว ยังทำให้ข้าปวดหัว ได้ยินว่าเจ้าหนีเรียนอีกแล้ว อาจิ่ง เจ้าดูโจวอวี้หานสหายเจ้าเป็นตัวอย่างสิ เขาอายุเท่าเจ้า แต่ทว่ากลับเป็นรองแม่ทัพแล้ว แต่เจ้าที่เป็นถึงองค์ชายกลับบุ๋นไม่รู้บู๊ไม่สน เจ้านี่มันช่างทำข้าปวดหัวยิ่งนัก!!!"

หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย หากเป็นในชาติก่อนการที่ได้ยินเสด็จพ่อเอาเขาไปเปรียบกับโจวอวี้หานเช่นนี้เขาย่อมไม่พอใจเป็นแน่

แต่ครั้งนี้มันต่างกัน เขาจะไม่ทำให้เสด็จพ่อต้องทุกข์ใจเพราะเขาอีกแล้ว

"ลูกจะตั้งใจเรียนพ่ะย่ะค่ะ"

"ฮะ?"

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่ตกใจจนตำราแทบร่วงลงจากมือ

เขาหูฝาดไปใช่หรือไม่?

"เสด็จพ่อ ตกใจอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

"อาจิ่ง เจ้าป่วยหรือ?"

"ไม่นี่พ่ะย่ะค่ะ"

"แล้วเหตุใดจึง..."

"ลูกบอกว่าจะตั้งใจเรียน ไม่ดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?"

"ดีสิ ย่อมต้องดีอยู่แล้ว เจ้าเป็นโอรสองค์โต ตำแหน่งรัชทายาทนี้อย่างไรย่อมต้องเป็นของเจ้า"

"ให้ลูกร่ำเรียนอย่างสำราญใจก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตำแหน่งอันใดลูกยังไม่อยากคิดถึงมัน โอ๊ะ นั่นสุราขวดใหม่หรือพ่ะย่ะค่ะ ลูกขอดื่มสักหน่อย"

"บัดซบ นั่นมันของข้า!!!"

"โธ่ เสด็จพ่อ ดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โอ้วว มีหลายขวดด้วย ลูกขอหมดเลยนะพ่ะย่ะค่ะ เฮ้อ ลูกเหนื่อยแล้ว ขอกลับไปนอนพักที่ตำหนักก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ"

"อาจิ่ง!!!"

ฮ่องเต้หยางหลิงไท่มองดูบุตรชายของตนเดินจากไปพร้อมขวดสุราในมือก็ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดในใจ

ลูกเฮงซวย!!! เอาไปหมดแล้วข้าจะดื่มสิ่งใดกัน เจ้าคิดว่าข้ามือไม่สั่นหรือ!!!

ไม่ได้ดื่มมันจะสั่นทั้งตัวเอาได้นะ!!!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 8 เข้าวัง

    สามวันต่อมา ได้มีราชโองการจากฮ่องเต้หยางหลิงไท่ ประกาศให้คุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์ เข้าร่วมคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค์หญิงรองหยางจินจินเดิมทีหากไม่มีราชโองการจากฝ่าบาท เหล่าขุนนางก็พอจะหลับหูหลับตาไม่ส่งบุตรสาวของตนไป องค์หญิงรองนางนี้อย่างไรเสียพวกเขาก็หาผลประโยชน์อันใดจากนางไม่ได้อยู่แล้วแต่ทว่าเมื่อมีราชโองการออกมาเช่นนี้ ย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้พวกเขาจำต้องส่งบุตรสาวของตนเข้าร่วมคัดเลือกเป็นพระสหายเล่าเรียนในครานี้ด้วย ไม่เว้นแม้แต่ โจวหว่านหรูยามนี้โจวหว่านหรูกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงที่เรือนใหญ่ พลางมองดูมารดาของตนกำลังเย็บปักผ้าเช็ดหน้าอย่างประณีตงดงาม หากพูดเรื่องการบ้านการเรือนนั้น นางไม่เก่งเลยสักอย่าง นางชื่นชอบการยิงธนู ขี่ม้า ฟันดาบ แม้ท่านแม่จะสอนนางเท่าใดนางก็ไม่สามารถทำออกมาได้ดีเลยสักอย่าง แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่ก็ไม่เคยบังคับนางให้ทำในสิ่งที่นางไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย"หวานหว่าน อีกไม่กี่วันเจ้าจะต้องเข้าวังเพื่อคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค์หญิงรอง เจ้าเตรียมตัวให้ดีเล่า""เจ้าค่ะ"โจวหว่านหรูรับคำ ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องราวในกาลก่อนนั้นหลังจากที่นางตกหลุมรักหยางจิ่

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 9 พบโจทก์เก่า

    เจียงหมิงเจ๋อคล้ายรับรู้ได้ถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังพุ่งเป้ามาที่ตน เขาจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาของคนทั้งสองสบประสานกันในชั่วขณะนั้น โจวหว่านหรูพลันใจเต้นตึกตักจนแทบควบคุมตนเองไม่ได้ นางรีบเก็บสายตาของตนกลับคืนทันทีหากบอกว่าคนผู้นั้นที่ก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์น่ากลัวแล้ว คนที่น่ากลัวกว่าคนผู้นั้นก็คือเจียงหมิงเจ๋อ!!!หลังจากที่เจียงหมิงเจ๋อหนีออกไปจากแคว้นเป่ยฉินได้สำเร็จ นางไม่รู้เลยว่าเขาไปอยู่ที่ใด ยามที่เขายังอยู่ในวังหลวงนางได้พบกับเขาอยู่บ่อยครั้ง ในตอนนั้นนางคิดว่าเขาช่างน่าสงสารเหลือเกิน แต่ทว่าเมื่อได้รับรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของเขา นางจึงได้รู้ว่าคนผู้นี้ช่างเสแสร้งแกล้งทำได้อย่างแนบเนียนจนน่าตกใจเจียงหมิงเจ๋อปรายตามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเดินจากไปพร้อมแม่นมที่คอยประคองเขา เมื่อลับสายตาผู้คน เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น พลางคิดถึงสายตาที่โจวหว่านหรูมองตนเมื่อครู่นี้ด้วยความสงสัยเหตุใดแววตาของนางที่มองเขาจึงมีแต่ความหวาดกลัวและระแวดระวังเช่นนั้นเล่า?หรือนางจะรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด? เป็นไปไม่ได้!!! ได้ยินว่านางคือเหล่าคุณหนูที่ถูกเรียกตัวเข้ามาคัดเลือกเป็นสหายเล่าเรียนขององค

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 10 มีวาสนาร่วมกัน

    แน่นอนว่าการเข้าวังหลวงมาในครั้งนี้ เป้าหมายแรกไม่ใช่การเข้ามาค้นหาจุดเริ่มต้นของการเกิดโศกนาฏกรรมในชาติก่อน แต่มันคือการที่นางจะได้เข้ามาพบกับสหายรักอีกคราหยางจินจิน องค์หญิงรองผู้นี้ชาติที่แล้วคือสหายรักของนางยามที่นางเข้าวังหลวงมา ก็มักจะมีหยางจินจินที่สามารถพูดคุยด้วยได้ แม้ว่าหยางจิ่งจะไม่ชอบใจที่นางสนทนากับหยางจินจินเท่าใดนัก แต่ทว่านางหาได้ใส่ใจไม่ ทุกคราที่นางไม่สบายใจก็จะมีหยางจินจินที่รับฟังนาง องค์หญิงผู้ไร้เดียงสานางนี้ ชาติที่แล้วกลับพบจุดจบที่น่าเวทนาเหลือเกิน ยามมีชีวิตอยู่ก็ลำบากมากพอแล้ว กลับถูกพี่ชายเช่นหยางจิ่งกลั่นแกล้งและสร้างความลำบากให้เสมอ เพียงเพราะไม่ชอบหน้าและอยากหาที่ระบายอารมณ์นางจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ได้รู้ข่าวว่าหยางจินจินถูกสังหารตายในคืนเข้าหอ นางร้องไห้จนทำสิ่งใดไม่ถูก กินไม่ได้นอนไม่หลับไปหลายวันจนถึงขั้นล้มป่วยต้นเหตุมันมาจากหยางจิ่ง ที่สนับสนุนฝ่าบาทให้ส่งหยางจินจินไปแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีที่แคว้นฉีคนผู้นั้นช่างน่ารังเกียจและน่าชิงชังเหลือเกิน!!!"แม่นาง เจ้าช่วยรับผิงกั๋วในมือของข้าที ข้ากำลังจะลงไปแล้ว โอ๊ะ!!!"โจวหว่านหรูยังไม่ทัน

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 11 บรยากาศมาคุ

    หยางจิ่งที่ได้เห็นเช่นนั้นจึงหันไปมองหยางเฉิงคราหนึ่ง เขาลอบกำหมัดแน่น ในใจคิดอยากจะฆ่าน้องชายร่วมบิดาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เพื่อให้สาสมกับสิ่งชั่วช้าที่หยางเฉิงทำกับเขาและเสด็จพ่อ วางยาบิดาตนเอง สังหารพี่ชายตนเอง และทำให้ให้โจวหว่านหรูต้องฆ่าตัวตาย!!!แม้จะเกลียดชังหยางเฉิงจนแทบอยากจะดื่มเลือดกินเนื้อ แต่ทว่าหยางจิ่งจำต้องทำทุกอย่างให้ไร้พิรุธ เขาปรับสีหน้าตนให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้หยางเฉิงสังเกตเห็นความผิดปกติในชาติก่อนหยางเฉิงยอมเขาทุกอย่าง เขาเองก็วางตนใหญ่โตข่มเหงหยางเฉิง เพราะฉินกุ้ยเฟยตัวดีสั่งสอนเขาในทางไม่ดี บอกว่าเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท ว่าที่ฮ่องเต้เป่ยฉินในภายภาคหน้า เขาไม่จำเป็นต้องเห็นหัวผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่จะต้องก้มหัวให้เขา ยามนั้นเขาหลงคิดว่าฉินกุ้ยเฟยรักเขาเหมือนบุตรแท้ ๆ ยามที่เขารังแกหยางเฉิงก็ไม่ตำหนิ อีกทั้งยังเข้าข้างเขา เขาอยากทำสิ่งใดก็ไม่เคยขัดใจเลยสักครา อีกทั้งยังออกรับแทนเขายามที่ถูกเสด็จพ่อตำหนิแต่ความจริงแล้วมันคือกับดัก กับดักที่หลอกให้เขาตายใจ เขาถูกขุนนางยื่นฎีกาว่าทำตัวไม่เหมาะสม รังแกพี่น้อง ไม่สนใจเล่าเรียน ทุบตีรังแกคนที่ด้อยกว่าทุกอย่างล้วนเป็นแ

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 12 สหายเล่าเรียน

    ด้านหยางเฉิงนั้นหลังจากที่แยกตัวออกมาจากหยางจิ่งแล้ว เขาจึงมุ่งหน้ามาที่ตำหนักของฉินกุ้ยเฟยมารดาของตน ฉินกุ้ยเฟยที่เห็นว่าลูกรักมาหาก็ดีใจไม่น้อย รีบให้นางกำนัลนำชาร้อนและของว่างมาให้หยางเฉิง ก่อนจะไล่เหล่าข้ารับใช้ออกไปด้านนอกจนหมด เมื่อในตำหนักเหลือเพียงพวกนางสองคนแม่ลูกแล้ว นางจึงเอ่ยถามหยางเฉิงทันที"ผู้ใดทำให้อาเฉิงของแม่อารมณ์เสียมากัน"ฉินกุ้ยเฟยเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปจับไหล่บุตรชายของตนอย่างรักใคร่ หยางเฉิงในยามนี้นั้นสลัดทิ้งท่าทีองค์ชายรองผู้สง่างามและจิตใจดีออกไปจนหมดสิ้น แววตาของเขาดุดัน เขากำมือตนเองแน่น ก่อนจะเอ่ยกับมารดาของตน"เสด็จแม่ ข้าเกลียดหยางจิ่ง!!!""ช้าก่อน อย่าส่งเสียงดังไปสิ ใจเย็น ๆ ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ"หยางเฉิงควบคุมตนเองไม่อยู่แล้ว เขาอยากจะหาใครสักคนมาระบายความเกลียดชังนี้ออกไป"อาเฉิง""เสด็จแม่ หยางจิ่งดูแปลกไปพ่ะย่ะค่ะ ลูกพูดจายุแยงให้มันโมโหเหมือนทุกครา แต่ทว่าครั้งนี้มันกลับไม่ใส่ใจ อีกทั้งยังดูสนิทสนมกับหยางจินจินอีกด้วย"ฉินกุ้ยเฟยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ระยะนี้นางไม่ได้ใส่ใจหยางจิ่งเท่าใดนัก แม้เขาจะมาพบนางแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกไปมิใช่หรือ"เ

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 13 สืบ

    เมื่อออกจากวังหลวงมาแล้ว โจวหว่านหรูก็พบกับโจวอวี้หานและเย่หยวนที่กำลังยืนรอนางอยู่หน้าประตูวังหลวงพร้อมกับรถม้าของจวนตระกูลโจว โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างยิ่งชาตินี้นางจะเก็บเกี่ยวทุกความอบอุ่นและความรักจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ใหญ่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หนทางข้างหน้าเป็นเช่นไรนางเองยังไม่อาจคาดเดาได้ แต่นางจะพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อปกป้องคนในตระกูลโจวให้ปลอดภัยให้ได้"น้องเล็ก"โจวอวี้หานที่เห็นว่าน้องสาวของตนออกมาแล้วก็ดีใจไม่น้อย ช่วงเวลาที่โจวหว่านหรูไม่อยู่ที่จวนนั้น ภายในจวนดูเงียบเหงาไม่น้อยเลย"พี่ใหญ่""ท่านพ่อท่านแม่ให้พี่มารอรับเจ้า อีกทั้งยังมอบตั๋วเงินมาไม่น้อยเลย ท่านพ่อบอกว่าอยู่ในวังหลวงหลายวันเจ้าคงจะเบื่อเป็นแน่ จึงอยากให้เจ้าได้ผ่อนคลาย"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้น พี่ใหญ่พาข้าไปเดินเล่นที่ตลาดทีเถิด ข้าอยากจะผ่อนคลายเสียหน่อย""ได้สิ เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถิด""เจ้าค่ะ"โจวหว่านหรูก้าวเดินเข้ามาในรถม้า โจวอวี้หานตามน้องสาวเข้าไปนั่งในรถม้าด้วย ก่อนจะเร่งเดินทางไปที่ตลาดทันทีเมื่อมาถึงตลาด โจวหว่านหร

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 14 หลอกใช้

    ยามนี้เข้าสู่ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าจึงค่อนข้างแจ่มใสไม่น้อยเลย เจียงหมิงเจ๋อออกมาเดินเล่นรับลมอยู่ที่ใต้ต้นดอกเหมยไม่ไกลจากที่พักของเขามากนัก เขาปรายตามองเหล่าทหารที่ติดตามอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่เย็นชา แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ อีกทั้งยังส่งเสียงไอออกมาเป็นระยะเหล่าทหารที่ได้เห็นเช่นนั้นก็นึกดูแคลนเจียงหมิงเจ๋อไม่น้อย องค์ชายขี้โรคเช่นนี้ฝ่าบาทจะรับเอาไว้เป็นตัวประกันทำไมกัน ใช้ประโยชน์ใดไม่ได้ อีกไม่นานก็คงจะป่วยตายอยู่ในวังนี้กระมังเจียงหมิงเจ๋อมีหรือจะไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นดูแคลนตน แต่เขาจะทำสิ่งใดได้เล่า ทำได้เพียงอดทนเท่านั้นเขาคร้านจะใส่ใจกับทหารชั้นต่ำเหล่านั้น จึงทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่ดูแคลนของพวกมันเสีย ก่อนจะหันมาเอ่ยถามแม่นมเถียนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา"มีข่าวส่งมาหรือไม่แม่นม?""ทูลองค์ชาย ยังไม่มีเลยเพคะ""คนของเราที่แฝงตัวเข้ามาเล่า""ยามนี้ยังไม่กล้ากระทำการสิ่งใดเพคะ เนื่องจากวังหลวงคุ้มกันแน่นหนา คนของเราจะทำสิ่งใดก็ลำบากไม่น้อยเลย"เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น หนทางที่เขาจะหนีไปได้มันช่างริบหรี่เหลือเกิน แต่เขาไม่มีทางยอมแพ้เสียหรอกเมื่

    Last Updated : 2025-04-21
  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 15 ดอกมู่ตาน

    เจียงหมิงเจ๋อเก็บสายตาของตนกลับคืน ก่อนจะเดินกลับมาที่พักของตน เมื่อมาถึงก็พบกับนางกำนัลน้อยผู้หนึ่งกำลังยกถ้วยโจ๊กเข้ามาให้เขา เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองถ้วยโจ๊กตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะยกมันขึ้นมากินด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ในใจนึกค่อนขอดไม่น้อยหลังถูกจับมาเป็นเชลยเขาได้ยินว่าแคว้นเยี่ยนและแคว้นเป่ยฉินทำสัญญายุติสงคราม แคว้นเยี่ยนยินยอมเป็นเมืองขึ้นของแคว้นเป่ยฉิน ทั้งยังยินยอมส่งของมีค่าและอาวุธอีกมากมายมาที่เป่ยฉิน เนื่องจากแคว้นเยี่ยนของเขามีเหมืองแร่เหล็กที่สามารถหลอมออกมาเป็นอาวุธชั้นดีได้ ทั้งหมดเป็นเพราะพี่ชายบัดซบของเขา จึงทำให้แคว้นเยี่ยนจำต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เจียงหยงหลางยอมยุติสงครามเพื่อให้ตนเองได้อยู่อย่างสุขสบายบนบัลลังก์ต่อไป ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉินก็ได้อาวุธชั้นดีในราคาที่ไม่สูงมาก บางครายังได้ของบรรณาการชั้นดีที่แคว้นเยี่ยนส่งมาให้อยู่เสมออีกด้วยต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แต่คนที่ทุกข์ที่สุดกลับเป็นเขา!!เจียงหมิงเจ๋อกำมือแน่น ก่อนจะเงยหน้าไปมองนางกำนัลน้อยผู้นั้น พร้อมกับพยักหน้าคราหนึ่ง นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทีที่ไร้พิรุธเมื่อนางกำนั

    Last Updated : 2025-04-21

Latest chapter

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   ตอนพิเศษ

    ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาวนัก แต่ทว่าภายในตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนนั้นกลับคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งปรารถนาเจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูแต่งงานกันมาร่วมปีแล้ว แต่ทว่ายังคงไม่มีบุตร อาจเพราะได้รับพิษในครานั้น ทำให้การมีบุตรไม่ใช่เรื่องง่ายบนเตียงใหญ่ เจียงหมิงเจ๋อกำลังตระกองกอดร่างบางระหงตรงหน้าอย่างทะนุถนอม ริมฝีปากหนาใหญ่ทาบทับลงไปบนริมฝีปากบางสวยของนางอย่างอ่อนโยน ก่อนจะบดขยี้อย่างเร่าร้อนราวกับคนเอาแต่ใจ ลิ้นอุ่นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของนางและเกี่ยวกระหวัดกันอย่างเมามัน ยามนี้ร่างกายของคนทั้งสองเปลือยเปล่า กลิ่นหอมกำยานอ่อน ๆ ยิ่งกระตุ้นกำหนัดให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น เจียงหมิงเจ๋อผละริมฝีปากออกจากนาง แล้วจึงจูบไซ้ไปตามซอกคอขาวเนียน ก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาเรื่อย สองมือหนาใหญ่บีบขยำดอกบัวงามทั้งสองข้างของนางอย่างเต็มไม้เต็มมือ พร้อมกับครอบริมฝีปากกลืนกินจุกบัวสีหวานอย่างลำพองใจ โจวหว่านหรูส่งเสียงครางกระเส่าพลางบิดกายเร่า ๆ ไปมาด้วยความเสียวซ่าน กายสาวถูกบุรุษตรงหน้าลูบคลำเชยชมอย่างไม่ยอมลดละ เจียงหมิงเจ๋อสอดแทรกแท่งหยกสวรรค์เข้าไปในกายของนาง ก่อนจะขยับกายอย่างช้า ๆ แล้วเร่

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 66

    ยามนี้เจียงหมิงเจ๋อและโจวหว่านหรูกำลังเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินเพื่อมุ่งหน้าออกจากวังหลวง ฉับพลันนางก็หันมาเอ่ยถามเขา“เจียงหมิงเจ๋อ ท่านเอ่ยสิ่งใดฝ่าบาทจึงเห็นด้วยง่ายดายเช่นนี้ ข้าคิดว่าจะไม่ทรงเห็นด้วยเสียอีก”เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันมามองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ โจวหว่านหรูหนังตากระตุกรู้สึกว่าบุรุษตรงหน้าเริ่มจะออกอาการเจ้าเล่ห์ใส่นางอีกแล้ว“อย่ามองข้าแบบนี้สิ”“ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ข้าเอ่ยเพียงว่า ขอเพียงมีเจ้าข้างกาย และครอบครัวของเจ้าสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ใต้หล้านี้ข้ายกให้แคว้นเป่ยฉินทั้งหมด ข้าขอมีเพียงแคว้นเยี่ยนและมีเจ้าก็พอ”โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“ท่านทำได้จริง ๆ หรือ”“ทำได้สิ คนอย่างข้าไม่เคยเอ่ยวาจาโป้ปด”“แต่ท่านเคยแกล้งป่วยนะ”“โจวหว่านหรู เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ที่ข้าทำเพราะความอยู่รอดเพียงเท่านั้น”โจวหว่านหรูจ้องมองเจียงหมิงเจ๋อด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย“หากไม่เชื่อ ข้าคงไม่เลือกท่าน”เจียงหมิงเจ๋อที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มกว้าง โจวหว่านหรูพลันใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเขา“เจ้าจะไม่มีวันเสียใจที่เลือกข้า

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 65

    โจวหว่านหรูเดินทางกลับมาที่แคว้นเป่ยฉิน หยางจิ่งที่ได้รู้ข่าวว่าโจวหว่านหรูกลับมาถึงแล้ว ก็รีบมาพบนางในทันทีสตรีตรงหน้ายามนี้งดงามเป็นสาวงามสะพรั่งแล้ว โจวหว่านหรูหันมามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้เขาเล็กน้อยหลายปีที่ไม่ได้พบกัน มันทำให้นางเข้าใจหัวใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้วนางไม่อาจกลับไปรักเขาเฉกเช่นเดิมได้อีก แม้ในใจของนางจะไม่สามารถตัดขาดจากหยางจิ่งได้อย่างสนิทใจ แต่ทว่านางเองก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดชังเขาแล้ว นางไม่ได้รู้สึกว่าเขากำลังติดค้างสิ่งใดกับนางอยู่ บางคราทุกสิ่งที่มันเปลี่ยนไปแล้วย่อมไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก จะคงไว้เพียงเรื่องราวดี ๆ ในอดีตที่จะให้จดจำแม้จะดูเหมือนสตรีที่เห็นแก่ตัว แต่โจวหว่านหรูคิดเสมอว่าในเมื่อนางมีชีวิตอีกชาติหนึ่งแล้ว นางควรมีสิทธิ์เลือกในสิ่งที่นางต้องการคราก่อนนางยังไม่แน่ใจในหัวใจของตนเองมากเท่าใดนัก แต่เมื่อได้หลับฝันไปตื่นหนึ่ง ได้รู้ความจริงบางอย่าง ใจของนางก็เริ่มชัดเจนขึ้นหยางจิ่งคือรักแรกของนางส่วนเจียงหมิงเจ๋อคือคนที่นางเลือก เพราะไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้เขาคือคนที่ทำเพื่อนางมากที่สุด“หวานหว่าน เจ้ากลับมาแล้ว”หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำ

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 64

    เช้าวันต่อมา โจวหว่านหรูควบม้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางของประตูวังหลวง ระหว่างทางนั้นนางมองเห็นหยางจิ่งที่ยืนมองนางอยู่ที่ด้านหน้าประตู เขาสวมชุดสีขาวทั้งชุด ดูแล้วช่างงดงามสง่าราวกับเทพเซียน นางสั่งให้ม้าหยุด ก่อนจะกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงเข้ามาหาเขา หยางจิ่งยิ้มให้นางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"แต่งเป็นบุรุษเช่นนี้นับว่าไม่เลวเลย"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"อืม"หยางจิ่งจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย พลางเอ่ย"หวานหว่าน เจ้าจะกลับมาเมื่อใด"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่งด้วยแววตาที่อ่อนโยน ก่อนจะเอ่ย"ยังไม่รู้เหมือนกัน อาจจะหนึ่งปี สามปี หรือห้าปี ข้าอยากจะไปทำตามความฝัน ท่องไปในยุทธภพ"หยางจิ่งจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก เขาอยากยื่นมือไปดึงรั้งนางใจจะขาด แต่ทว่าอีกใจก็ไม่อยากทำลายสิ่งที่นางถวิลหา ตั้งแต่ได้รู้ว่านางตั้งใจจะไปท่องเที่ยวทั่วทั้งใต้หล้า เขาก็ตกใจไม่น้อย เดิมทีคิดจะพานางเข้าวัง แต่งนางเป็นชายาเอก แต่ทว่านางกลับปฏิเสธเขาข้ายังไม่คิดจะแต่งงานกับผู้ใดในยามนี้"ข้าจะรอเจ้า ต่อให้รอทั้งชีวิต ข้าก็จะรอ"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ โจวหว่านห

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 63

    ที่ตำหนักมังกรสวรรค์แคว้นเยี่ยนยามนี้มีเหล่าทหารกำลังผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าเวรยาม โจวหว่านหรูรีบตรงมาที่แห่งนี้ทันทีที่ได้ทราบเรื่องราวจากหยางจินจินแท้จริงแล้วนางไม่ได้ฝัน เป็นเขาจริง ๆ ที่ช่วยนาง เขาป้อนโลหิตให้นางดิื่มเพื่อระงับพิษไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายนาง"ข้าอยากพบเจียงหมิงเจ๋อ"เหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามปรายตามองนางคราหนึ่ง แต่ทว่าไม่ได้เอ่ยสิ่งใด โจวหว่านหรูที่กำลังร้อนใจ พลันจ้องมองสตรีนางหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักมังกรสวรรค์ นางสวมชุดเยี่ยงสตรีสูงศักดิ์ ใบหน้างดงามไม่น้อย นางจ้องมองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้าก็คือโจวหว่านหรูกระมัง"โจวหว่านหรูที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง สตรีนางนั้นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าคือพระสนมเอกของฝ่าบาท ยามนี้ฝ่าบาทคงกำลังรอพบเจ้าอยู่ เจ้าเข้าไปเถิด"ฟ่านฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไปไม่แม้แต่จะมองนางอีก โจวหว่านหรูไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในทันที เมื่อมาถึงนางก็พบกับเจียงหมิงเจ๋อที่กำลังเอนกายนอนพิงขอบเตียง ใบหน้าหล่อเหลายามนี้ซีดเซียวราวกับคนป่วยไข้ เมื่อรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามา เขาจึงหันไปมองคราหนึ่ง ก่อนที่แววตาจะฉาย

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 62

    หยางจิ่งนั้นยามนี้กำลังเดินออกมาจากตำหนักเหลียนฉง เมื่อออกมาก็ได้พบกับโจวอวี้หาน เฉินป๋อเหวิน รวมถึงหยางจินจินที่กำลังยืนรออยู่ด้านนอกตำหนัก เขามีท่าทีแปลกใจไม่น้อย ก่อนจะเอ่ย"พวกเจ้ามาได้เช่นไรกัน"โจวอวี้หานยิ้มให้หยางจิ่งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย"ข้าเป็นห่วงน้องเล็กจึงรีบติดตามมาสมทบกับเจ้า เฉินป๋อเหวินและหยางจินจินก็เป็นห่วงนางเช่นกัน จึงขอติดตามข้ามาด้วย"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูนางสักระยะ ข้ามีเรื่่องต้องไปจัดการ”โจวอวี้หานที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที"เรื่องใดหรือ"หยางจิ่งถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"สมุนไพรที่ใช้ถอนพิษไม่เพียงพอ ข้าจำต้องขึ้นเขาไปเก็บมันมา""ข้าไปกับท่านด้วย"หยางจิ่งหันไปจ้องมองเฉินป๋อเหวินคราหนึ่ง ก่อนจะพบว่าในดวงตาของเฉินป๋อเหวินดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหึงหวงอันใดกัน เขาจึงเอ่ยกับเฉินป๋อเหวินด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าเดิม"ทางไปเก็บสมุนไพรอยู่บนเขา ข้าได้ยินว่ามันทั้งหนาวเหน็บและอันตรายไม่น้อย กลับมาแล้วอาจจะไม่ดีต่อสุขภาพ เจ้า...""ต่อให้ต้องตาย

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 61

    เจียงหมิงเจ๋อปรายตามองหยางจิ่งคราหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้น เหล่าทหารแคว้นเยี่ยนของเขาก็พุ่งเข้าสังหารทหารแคว้นฉีในทันที อู๋เจี๋ยตื่นตระหนกไม่น้อย เพียงมองอาภรณ์ที่สวมใส่เขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าผู้มาใหม่นี่คือใครฮ่องเต้แคว้นเยี่ยนเช่นนั้นหรือ!!!เจียงหมิงเจ๋อจ้องมองอู๋เจี๋ยคราหนึ่ง ก่่อนจะเอ่ย"เจ้าสินะ ที่ขโมยศีรษะของเจียงหย่งหลางส่งไปให้ฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน ศีรษะของพี่ชายข้าก็เสียบประจานอยู่ที่หน้าประตูชายแดนดี ๆ เจ้ากลับไร้มรรยาทเอาหัวเขาไปเที่ยวเล่น ช่างบังอาจนัก!!!"อู๋เจี๋ยตกใจไม่น้อย ไม่คาดคิดว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะถูกล่วงรู้ได้รวดเร็วเช่นนี้เขารู้ว่ายามนี้ไม่อาจต่อกรได้แล้ว เจียงหมิงเจ๋อพาทหารแคว้นฉู่ที่ยามนี้รวมเป็นหนึ่งกับแคว้นเยี่ยนบุกเข้ามาเพื่อจัดการเขา มันเป็นไปได้เช่นไรไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเจ๋อต้องสังหารหยางจิ่งหรอกหรือ!!!อู๋เจี๋ยไม่รั้งรอ เขารีบควบม้าคิดจะหนี เจียงหมิงเจ๋อยกยิ้มมุมปาก มีหรือที่เขาจะปล่อยศัตรูให้รอดไปได้ ใครที่มันคิดรุกรานเขา เขาไม่เคยเก็บเอาไว้เจียงหมิงเจ๋อคว้าคันธนูมาจากฟ่านเฉียน ก่อนจะยกขึ้นเล็งไปที่อู๋เจี๋ย ลูกธนูพุ่งฝ่าอากาศก่อนจะทะลุเข้าไปที่กลางอกข

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 60

    โจวหว่านหรูสวมชุดเกราะเตรียมออกรบ ในมือของนางถือดาบยาวที่ส่องประกายวาววับ ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและพุ่งทะยานออกไปที่ประตูชายแดนในทันที โดยมีหยางจิ่งและโจวอวี้หานเป็นผู้นำทัพ ยามนี้แขนของท่านพ่อนางดีขึ้นมากแล้ว เมื่อภัยมาถึงด้วยนิสัยของท่านพ่อย่อมไม่อาจอยู่เฉยได้ด้านหยางจินจินนั้นคอยดูแลเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บและถูกหามกลับเข้ามา ใจของนางสั่นไหวไม่น้อยหยางจิ่งที่ควบม้ามายังสนามรบ เมื่อได้มองเห็นกองกำลังทหารเรือนแสนที่แคว้นฉียกทัพมาก็จ้องมองด้วยแววตาเย็นเยียบ ก่อนจะมองไปที่อู๋เจี๋ยซึ่งเป็นผู้นำทัพออกรบอู๋เจี๋ยจ้องมองหยางจิ่งอย่างไม่ละสายตาเช่นเดียวกัน ก่อนจะปรายตามามองโจวหว่านหรูคราหนึ่ง ในใจนึกเสียดายที่ไม่อาจนำสาวงามนางนี้มาครอบครองได้ หากเขารบชนะศึกในครานี้และหยางจิ่งพ่ายแพ้ เขาจะลากตัวนางกลับแคว้นฉีและทรมานให้สาแก่ใจโจวหว่านหรูจ้องมองอู๋เจี๋ยด้วยแววตาเกลียดชัง"ไม่คิดว่าคนแคว้นฉีจะตีสองหน้าได้เก่งกาจปานนี้ อาศัยช่วงที่ทัพของข้าอ่อนไหว ตลบหลังได้อย่างหน้าไม่อาย"หยางจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ อู๋เจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"ว่าแคว้นฉีขอ

  • ดั่งบุปผา ดุจจันทรา   บทที่ 59

    หยางจิ่งรีบเข้ามากอดโจวหว่านหรูทันที ก่อนจะเอ่ย"เจ้ากลับมาแล้ว รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใด ข้าแทบจะพลิกแผ่นดินตามหาเจ้า"โจวหว่านหรูไม่ได้ขัดขืนหยางจิ่ง ยังคงปล่อยให้เขากอดนางอยู่เช่นนั้น"ข้าเหนื่อยแล้ว"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"เช่นนั้นเรากลับเป่ยฉินกันเถิด"หยางจิ่งกำลังจะพาโจวหว่านหรูเดินไปยังรถม้า แต่ทว่านางกลับรั้งมือของเขาเอาไว้ หยางจิ่งหันกลับมามองนางคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ย"มีสิ่งใดหรือ"โจวหว่านหรูจ้องมองหยางจิ่ง ก่อนจะเอ่ย"ข้าหายไปแคว้นเยี่ยนตั้งหลายวัน ท่านไม่สงสัยข้าเลยหรือ"หยางจิ่งที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะของนางอย่างรักใคร่"ข้าไม่สนใจ และไม่ติดใจเรื่องใดทั้งสิ้น ข้ารู้ว่าคนเช่นเจ้าหากถูกเอาเปรียบเจ้ายอมตายดีกว่า จริงหรือไม่"โจวหว่านหรูยิ้มออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา หยางจิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ของนางเขาไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว แต่วันนี้นางกลับยิ้มให้เขาอีกคราโจวหว่านหรูก้าวขึ้นมานั่งบนรถม้า ก่อนจะหันมามองหยางจินจินที่นั่งอยู่ หยางจินจินก็ห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status