เสียงสัญญาณบอกเวลาว่าหมดคาบเรียนดังขึ้นสาวน้อยวัยยี่สิบเศษรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องเรียนของตนทันทีท่าทางร้อนรนเหมือนว่า บุษกร กำลังหนีอะไรสักอย่างจนเพื่อนรักที่เดินตามมาต้องร้องทัก...
“เฮ้ บูม หยุดก่อน นั่นเธอจะรีบไปไหนน่ะ รอด้วยสิ...”
น้ำผึ้ง เพื่อนสาวคนสนิทร้องเรียกพลางเดินแกมวิ่งมาขวางหน้าเพื่อนของตนไว้ด้วยอาการหอบแฮ่กๆ ร่างอวบอิ่มแทบทรุดไปเพราะความเหนื่อยหอบเลยทีเดียว
“ผึ้งมีอะไรกับบูมรึเปล่า บูมรีบ” บุษกรกล่าวร้อนรนพลางหันมองข้างหลังของตนอย่างหวั่นระแวง
“ท่าทางบูมเหมือนกำลังหนีอะไรเลยนะ ผึ้งสังเกตว่าบูมเป็นแบบนี้มาสักระยะแล้วนะโดยเฉพาะในคาบเรียนของอาจารย์ นาวี มีอะไรรึเปล่า...”
บุษกรหน้าซีดลงยิ่งกว่าเดิมดวงตากลมโตดำขลับนั้นเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงว่าตนจะแสดงอาการออกมาชัดเจนขนาดนั้น
“ปละ เปล่านี่ แค่บูมรีบเพราะมีธุระด่วนเท่านั้นเอง...”
“แต่ก็รีบ และมีธุระด่วนเฉพาะวิชาเรียนของฉันสินะ...”
เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอพยายามจะหลบหน้ามายืนอยู่ตรงหน้ายิ่งทำให้บุษกรรู้สึกหวิวๆ เหมือนจะเป็นลมเมื่อเจอสายตาคมกริบของเขาที่มองเมื่อไหร่ก็ทำให้ใจของเธอสั่นไหวราวถูกพายุหมุนลูกใหญ่หอบขึ้นไปบนฟ้าแล้วตกลงมายังพื้นแข็งๆ ทุกที
นาวี คิงส์ลี่ย์ อาจารย์หนุ่มวัยสามสิบเศษว่าที่ซีอีโอแห่ง คิงส์ลี่ย์ แกรนด์ คอนสตรัคชั่น ผู้มาบรรยายพิเศษในภาควิชาภาษาอังกฤษและการบริหารธุรกิจให้กับมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เธอเรียนอยู่ในชั้นปีที่สี่ซึ่งเหลือแค่เทอมเดียวเธอก็จะเรียนจบแล้ว
นาวีเข้ามาเป็นอาจารย์บรรยายพิเศษเมื่อปีที่แล้วในรายวิชาเลือกของคณะที่เธอเรียนอยู่ ที่สำคัญเขายังเป็นอาจารย์พิเศษที่สมบูรณ์แบบเช่นที่สาวๆ ใฝ่ฝันอีกด้วย หล่อเหลา ร่ำรวย ชาติตระกูลดี และยังโสด ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์สาวๆ ในมหาวิทยาลัยหรือบรรดานักศึกษาที่ต่างหลงใหลคลั่งไคล้เขายิ่งกว่าดาราดังเสียอีก
แต่มีเพียงบุษกรเท่านั้นที่พยายามจะหลบหลีกหนีไปให้พ้นจากรัศมีดวงตาคมสีสนิมที่มองเธอราวจะทะลุให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจ...
บุษกรหน้าซีดเผือดพลางหลบตาคมของอาจารย์หนุ่มวุ่นวายจนน้ำผึ้งนึกสงสารเพื่อนรัก ไม่รู้ว่าทำไมบุษกรต้องมีท่าทางแบบนี้ทุกครั้งเมื่อเจอหน้าอาจารย์สุดหล่อมาดเข้มขรึมด้วย
“บุษกรตามฉันมาที่ห้อง มีเอกสารที่ฉันต้องการให้เธอช่วยแปลเพื่อใช้เป็นคะแนนเก็บและเพื่อสอบซ่อม เพราะเธอสอบตกวิชานี้คงไม่ต้องให้ฉันพูดซ้ำสองนะ...”
“ฮ้า.. จริงเหรอบูมที่เธอสอบตกวิชาของอาจารย์นาวี”
น้ำผึ้งตาโตอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินได้แต่มองร่างสูงใหญ่ของอาจารย์หนุ่มรูปหล่อเดินจากไป ด้วยอาการเหมือนคนโดนน็อกกลางอากาศก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนของตน แต่บัวบุษกรก็พยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบที่ตอกย้ำชัดเจน...
บุษกรจำต้องเดินไปตามหลังอาจารย์หนุ่มอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เท้าเรียวก้าวช้าๆ ไปยังห้องพักส่วนตัวของอาจารย์หนุ่มผู้หล่อเหลาด้วยแข้งขาที่สั่นจนแทบจะก้าวขาไม่ออก แต่ความจริงแล้วเธอสั่นไปทั้งตัวต่างหาก...
“ไหวไหมบูม...” น้ำผึ้งซึ่งเดินมาเป็นเพื่อนถามเบาๆ
“ไหวจ้ะ ขอบใจนะที่เดินมาเป็นเพื่อน...”
“โอเค งั้นผึ้งส่งแค่นี้นะ สู้ๆ”
น้ำผึ้งยิ้มให้กำลังใจเพื่อนเต็มที่ บุษกรพยักหน้าแล้วยิ้มตอบเพื่อนรักก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ค่อยๆ เอื้อมมือที่ค่อนข้างสั่นไปเคาะประตูเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากคนที่อยู่ข้างในเธอก็เปิดประตูเข้าไปด้วยความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังเดินเข้าสู่แดนประหารอย่างไรอย่างนั้น...
ตอนนี้เธออยากจะร้องไห้เหลือเกิน... บุษกรบอกตัวเองอย่างขมขื่น...
ตอนที่2.ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านเอกสารนิ่งโดยไม่พูดจาทำให้เธอมีโอกาสลอบมองเขาเงียบๆ ด้วยใจที่สั่นไหวไม่หาย ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยดวงตาคมใหญ่ใต้คิ้วหนายาวจรดหางตา จมูกโด่งเป็นสันสวยงามอย่างคนเลือดผสมและริมฝีปากหยักสีเข้มรับกับคางแกร่งมีรอยบุ๋มเล็กน้อยไรเคราที่มีตอหนวดขึ้นจางๆ นั้นไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปแต่กลับทำให้นาวีดูหล่อเหลา เซ็กซี่น่าคลั่งไคล้อย่างที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยกล่าวขานกัน แต่สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาก็ส่งให้นาวีดูเคร่งขรึมเย็นชาจนเหมือนหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์...บุษกรแอบถอนหายใจเบาๆ ราวกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหายใจของตน ทั้งยังพยายามนั่งให้ชิดประตูรถฝั่งที่ตนนั่งมากที่สุดเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเขากับเธอใกล้กันเกินไป แต่รถยนต์หรูกว้างใหญ่ทั้งรูปลักษณ์และยี่ห้อดังระดับโลกก็กว้างขวางจนมันทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กลงไปมาก ยิ่งมานั่งอยู่กับคนร่างกายใหญ่โตอย่างนาวีด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งเหมือนมดตัวเล็กๆ ที่หลงเข้ามาในปราสาทของอสูรร่างยักษ์ผู้ดุดันเหี้ยมโหด... บุษกรหันมองถนนที่คลาคล่ำด้วยรถราขวักไขว่อย่างเหม่อลอยด้วยความอึดอัดและสับสน...“นั่งมากับฉันมันทำให้คิดหนักมากรึ
ตอนที่3.บิดานั้นยิงมารดาของเธอก่อนที่ท่านจะจ่อยิงตนเองจนเสียชีวิตแต่มารดาของเธอยังมีลมหายใจอยู่ ท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลและพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะได้พบเธอพร้อมทั้งได้สั่งเสียบางอย่าง มารดาฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวของนาวี ซึ่งคุณ ป้าเคียร่า มารดาของนาวีนั้นมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเธอเพราะ ลุงบดินทร์ บิดาของนาวีนั้นเป็นเครือญาติทางฝ่ายบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ก่อนที่มารดาจะสิ้นใจนางได้สั่งเสียให้นาวีดูแลเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบุษกรก็ได้ยินเขารับปากหนักแน่นว่าจะทำตามที่มารดาร้องขอ ซึ่งป้าเคียร่าเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีเพราะท่านรักและเอ็นดูเธออยู่มากเพราะนางไม่มีลูกสาว มารดาของเธอจึงจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของทุกคน...หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงครอบครัวของนาวีได้จัดการงานศพและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างของครอบครัวเธออย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยโดยที่บุษกรได้แต่มองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ตลอดเวลาที่บำเพ็ญกุศลศพของบิดามารดาเธอก็เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงได้รู้ว่
ตอนที่4.แล้วมื้ออาหารเย็นที่แสนจะยาวนานและอึดอัดมากที่สุดกว่าทุกๆ ครั้งอย่างที่เธอรู้สึกได้ก็สิ้นสุดลง คุณป้าเคียร่าชวนเธอเข้าไปรับประทานของหวานที่ห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้อ่านหนังสือและดูทีวีกันสองป้าหลานอีกทั้งยังไม่ชอบใจที่นาวีเอาแต่ทำหน้าตาดุใส่หลานสาวที่รัก นางจึงพาบุษกรหลบคนพาลมาเสีย“หนูบูมเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”“ค่ะคุณป้า”“แล้วคิดไว้รึยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”“ก็ว่าจะไปฝึกงานกับเพื่อนๆ ที่ต่างจังหวัด ญาติของเพื่อนบูมเขามีโรงแรมแล้วก็รีสอร์ตและบริษัทขนส่งอยู่โคราช บูมว่าจะไปฝึกงานที่นั่นค่ะ”บุษกรตอบยิ้มๆ ขณะบีบนวดแข้งขาให้ผู้สูงวัยอย่างเอาใจรักใคร่ซึ่งตอนเด็กๆ เธอมักทำเช่นนี้ให้กับคุณป้าเคียร่าเสมอๆ แม้ตอนนี้เธอก็ยังอยากจะทำเช่นนั้นและคุณป้าเองก็ชอบด้วย“จะลำบากไปไหนไกลๆ ทำไมล่ะจ๊ะ ป้าเป็นห่วง ฝึกงานกับพี่วีเขาไม่ดีกว่าเหรอลูก”“เอ่อ.. คือว่าบูม...”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะว่าหรือดุหรอกลูก ป้าได้ยินคุณลุงบ่นๆ ว่าเลขาของคุณลุงเพิ่งลาออก ตอนนี้ก็มีตำแหน่งว่างอยู่ตั้งหลายตำแหน่งในบริษัทเรา อีกอย่างคุณลุงเองก็งานเยอะ หากหนูบูมไปช่วยแบ่งเบาก็ดีนะลูก อีกหน่อยคุณลุ
ตอนที่5.เสียงห้าวๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้คนที่นั่งหลับตาฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอขณะไกวชิงช้าเบาๆ นั้นลืมตาขึ้นทันทีด้วยอารามตกใจทำให้ร่างเล็กหงายหลังจนแทบจะตกชิงช้าหากเขาไม่รั้งเอวบางไว้พร้อมทั้งจับเชือกชิงช้าไว้ด้วยมืออีกข้าง“อะ เอ่อ...” ดวงตากลมโตเบิกกว้างหาเสียงของตนเองไม่เจอและบุษกรมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าเขา และการที่เธอเงียบไปนานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจคิดไปว่าเธอรังเกียจที่เห็นหน้าเขาหรือไม่ก็กลัวเพราะทำงานส่งเขาไม่ทัน“เป็นใบ้เหรอ แล้วงานที่เอากลับมาแก้น่ะทำเสร็จรึยัง”บุษกรหน้าซีดลงทันทีที่เขาตวัดเสียงใส่หน้าตาขึงขัง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหน้าตึงมากขึ้นเมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรเสียทีเอาแต่นิ่งเงียบทีอยู่กับบิดามารดาของเขาหรืออยู่กับคนอื่น เจ้าหล่อนคุยจ้อยิ้มแย้มสดใส และยิ่งเวลาคุยกับผู้ชายคนอื่นยิ่งระริกรี้เชียวล่ะ นาวีรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงภาพเธอคุยกับหนุ่มๆ คนอื่น...“บะ บูม เอ่อดิฉันกำลังจะกลับไปแก้ค่ะ เอ่อ ขะ ขอตัวนะคะ”บอกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่าติดๆ ขัดๆ น้ำเสียงและสรรพนามฟังดูห่างเหินยิ่งทำให้เขาไม่พอใจดิฉัน อย่างนั้นหรือ ทีคุยกับคนอื่น น้องบูมอย่างนั้น บ