Share

ตอนที่3.

ตอนที่3.

บิดานั้นยิงมารดาของเธอก่อนที่ท่านจะจ่อยิงตนเองจนเสียชีวิตแต่มารดาของเธอยังมีลมหายใจอยู่ ท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลและพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะได้พบเธอพร้อมทั้งได้สั่งเสียบางอย่าง มารดาฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวของนาวี ซึ่งคุณ ป้าเคียร่า มารดาของนาวีนั้นมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเธอเพราะ ลุงบดินทร์ บิดาของนาวีนั้นเป็นเครือญาติทางฝ่ายบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ก่อนที่มารดาจะสิ้นใจนางได้สั่งเสียให้นาวีดูแลเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบุษกรก็ได้ยินเขารับปากหนักแน่นว่าจะทำตามที่มารดาร้องขอ ซึ่งป้าเคียร่าเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีเพราะท่านรักและเอ็นดูเธออยู่มากเพราะนางไม่มีลูกสาว มารดาของเธอจึงจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของทุกคน...

หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงครอบครัวของนาวีได้จัดการงานศพและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างของครอบครัวเธออย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยโดยที่บุษกรได้แต่มองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ตลอดเวลาที่บำเพ็ญกุศลศพของบิดามารดาเธอก็เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงได้รู้ว่าตนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านที่จะซุกหัวนอน

ทุกอย่างถูกขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ และเธอจำต้องมาอาศัยอยู่กับครอบครัวนาวีในฐานะหลานสาวของคุณบดินทร์กับคุณเคียร่าแต่เนื่องจากบุษกรไม่อยากเป็นขี้ปากของใคร แล้วยังมีเหตุผลส่วนตัวที่เธอไม่อาจจะปริปากบอกใครได้ เธอจึงขออนุญาตอยู่เรือนเล็กซึ่งเป็นบ้านพักของ ป้าพริ้ง แม่บ้านเก่าแก่ซึ่งอยู่กับลูกจ้างสาวอีกสองคน แม้คุณเคียร่าจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลและท่าทางเย็นชาไม่ชอบหน้าเธอของบุตรชายตนแล้วป้าเคียร่าจึงอนุญาต แต่ก็ให้ขึ้นมารับประทานอาหารและมาอยู่เป็นเพื่อนนางทุกวันแล้วค่อยกลับเรือนเล็ก

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมทั้งเสียงเรียกอยู่หน้าห้องทำให้บุษกรรีบเช็ดน้ำตาจากแก้มแล้วเดินไปเปิดประตูก็เห็น พี่ส้ม ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นใบหน้าและตาแดงก่ำของเจ้าของห้อง

“อุ๊ย คุณหนูบูมของพี่ส้มเป็นอะไรไปคะเนี่ย... ใครรังแกบอกพี่ส้มมาเลยค่ะ พี่ส้มจะไปจัดการมันเอง”

พี่ส้มสาวใหญ่วัยสี่สิบที่หวงแหนชีวิตโสดของตนมากกว่าสิ่งใดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำท่าขึงขังอีกด้วย

“ไม่มีหรอกค่ะ น้องบูมแค่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นเอง”

“โถๆ คุณหนูของพี่ส้ม ไม่เป็นไรนะคะคุณพ่อคุณแม่ท่านไปสบายแล้ว ตอนนี้คุณหนูมีพี่ส้มที่พร้อมจะดูแลคุณหนูนะคะ อย่าเศร้าไปเลยค่ะ”

พี่ส้มโอบกอดร่างเล็กๆ ของเธอไว้แน่นทั้งลูบหลังลูบไหล่ด้วยความรักและเวทนา

“ขอบคุณนะคะ พี่ส้มกับป้าพริ้งดีกับน้องบูมมาตลอดเลย จนน้องบูมเกรงใจพี่ส้มกับป้าพริ้งเหลือเกิน”

“คุณหนูอย่าคิดมากสิคะ คุณหนูเป็นลูกสาวของคุณบารมีซึ่งท่านก็มีบุญคุณกับพวกเรามาตลอด หากไม่ได้คุณพ่อของคุณหนูที่ช่วยเหลือ พี่ส้มกับป้าพริ้ง ก็คงไม่มีชีวิตที่ดีและสุขสบายเหมือนทุกวันนี้หรอกค่ะ พี่ส้มรักคุณหนูนะคะ” พี่ส้มลูบแก้มนวลที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตานั้นแผ่วเบา

“น้องบูมก็รักพี่ส้มค่ะ” บุษกรยิ้มบางๆ ให้พี่ส้มอย่างขอบคุณ

คุณพ่อของเธอเคยเล่าเรื่องของพี่ส้มให้ฟังว่าขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านระหว่างทางบิดาของเธอเจอกับทั้งสองป้าหลานนี้กำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างอยู่ข้างถนน โดยมีชายฉกรรจ์ห้าคนวิ่งติดตามมาแล้วเข้าไปฉุดกระชากพี่ส้มเข้าไปพงหญ้าข้างทางที่เปลี่ยวสงัด และพยายามจะฉุดพี่ส้มไปขืนใจเพื่อชดใช้หนี้สิน ที่ป้าพริ้งผู้ซึ่งเลี้ยงดูพี่ส้มมาตั้งแต่เล็กๆ หยิบยืมมาใช้จ่ายช่วงที่ยากลำบาก บิดาของเธอเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ลังเลและพาสองป้าหลานออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัย

มารสังคมพวกนั้นก็ถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะทำชั่วกับคนอื่นมามากมาย บิดาของเธอพาทั้งสองป้าหลานมาหาป้าเคียร่าและฝากฝังให้ทำงานด้วยก่อนจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศพร้อมเธอกับมารดา ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ และทุกครั้งที่มาบ้านป้าเคียร่าทั้งป้าพริ้งและพี่ส้มก็จะดูแลเธออย่างดี เอาอกเอาใจราวเจ้าหญิงเลยทีเดียว ซึ่งเธอก็ชอบมากตามประสาเด็ก จนเมื่อเรียนจบประดับไฮสคูลบิดามารดาก็กลับมาอยู่ที่เมืองไทยจนกระทั่งเกิดเรื่องน่าเศร้าในครอบครัวของเธอ...

“คุณหนูไปล้างหน้าล้างตาเถอะค่ะ คุณป้าเคียร่าเรียกหาแน่ะ”

“ค่ะ” ว่าแล้วสาวน้อยก็รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินอย่างเร่งรีบไปยังเรือนใหญ่

เมื่อเท้าเรียวเหยียบย่างเข้ามาในห้องรับประทานอาหารอันโอ่โถงใจดวงน้อยก็เต้นระรัวเมื่อเห็นสายตาวาววับของคนตัวโตที่มองมายังตนนั้นเหมือนว่าโกรธกันมาสักร้อยชาติพันชาติ

“อ้าวหนูบูมมานั่งข้างๆ ป้านี่เร็ว วันนี้ไม่สบายรึเปล่าลูกทำไมขึ้นมาช้าล่ะ”

คุณป้าเคียร่าถามด้วยน้ำเสียงอาทรพลางลูบหลังลูบไหล่สาวน้อยตัวบางที่นั่งลงข้างๆ ด้วยความอ่อนน้อม บุษกรยิ้มบางๆ ให้นางแล้วอ้อมแอ้มตอบ

“น้องบูมเผลอหลับไปน่ะค่ะคุณป้า น้องบูมขอโทษนะคะที่ให้รอ”

“ผมว่าต่อไปนี้เราก็ทานเฉพาะพวกเราก็พอมั้งครับคุณแม่ คนที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่ตรงเวลาปล่อยให้ผู้ใหญ่รอแบบนี้ไม่ควรจะมาร่วมโต๊ะกับเรานะครับ”

“วี ทำไมพูดแบบนี้กับน้องล่ะ เรานี่ใช้ไม่ได้เลยนะ”

คุณบดินทร์ดุลูกชายคนเก่งอย่างไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นหน้านวลซีดลงทันตาของหลานสาวผู้น่าสงสารแล้วคุณบดินทร์ยิ่งอยากจะตบกบาลลูกชายนัก

“คุณพ่อคุณแม่ก็เอาใจเธอเกินไป จนจะเสียคน” นาวีหน้าตึงเมื่อถูกบิดาตำหนิตรงๆ

“เอาล่ะๆ ทานข้าวกันได้แล้ว น้องบูมจ๊ะนี่ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้าเยอะๆ ของโปรดหนูจ้ะป้าพริ้งนี่ทำสุดฝีมือเพื่อน้องบูมเลยนะ”

“ขอบคุณค่ะคุณป้า”

บุษกรยิ้มน่ารักให้ผู้สูงวัยเมื่อคุณป้าเคียร่าตักกับข้าวที่เธอโปรดปรานใส่จานให้อย่างเอาใจ สาวน้อยก้มหน้ารับประทานอาหารของตนไปอย่างกล้ำกลืน รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตจากคนที่นั่งตรงข้าม น้ำร้อนๆ เอ่อคลอดวงตาด้วยความน้อยใจ เธอพยายามฝืนมันไว้ไม่ให้มันไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตนไม่เช่นนั้นเธอก็คงถูกนาวีต่อว่าต่างๆ นานาอีกแน่นอน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status