บิดานั้นยิงมารดาของเธอก่อนที่ท่านจะจ่อยิงตนเองจนเสียชีวิตแต่มารดาของเธอยังมีลมหายใจอยู่ ท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลและพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะได้พบเธอพร้อมทั้งได้สั่งเสียบางอย่าง มารดาฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวของนาวี ซึ่งคุณ ป้าเคียร่า มารดาของนาวีนั้นมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเธอเพราะ ลุงบดินทร์ บิดาของนาวีนั้นเป็นเครือญาติทางฝ่ายบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ก่อนที่มารดาจะสิ้นใจนางได้สั่งเสียให้นาวีดูแลเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบุษกรก็ได้ยินเขารับปากหนักแน่นว่าจะทำตามที่มารดาร้องขอ ซึ่งป้าเคียร่าเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีเพราะท่านรักและเอ็นดูเธออยู่มากเพราะนางไม่มีลูกสาว มารดาของเธอจึงจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของทุกคน...
หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงครอบครัวของนาวีได้จัดการงานศพและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างของครอบครัวเธออย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยโดยที่บุษกรได้แต่มองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ตลอดเวลาที่บำเพ็ญกุศลศพของบิดามารดาเธอก็เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงได้รู้ว่าตนไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่บ้านที่จะซุกหัวนอน
ทุกอย่างถูกขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้ และเธอจำต้องมาอาศัยอยู่กับครอบครัวนาวีในฐานะหลานสาวของคุณบดินทร์กับคุณเคียร่าแต่เนื่องจากบุษกรไม่อยากเป็นขี้ปากของใคร แล้วยังมีเหตุผลส่วนตัวที่เธอไม่อาจจะปริปากบอกใครได้ เธอจึงขออนุญาตอยู่เรือนเล็กซึ่งเป็นบ้านพักของ ป้าพริ้ง แม่บ้านเก่าแก่ซึ่งอยู่กับลูกจ้างสาวอีกสองคน แม้คุณเคียร่าจะไม่เห็นด้วย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลและท่าทางเย็นชาไม่ชอบหน้าเธอของบุตรชายตนแล้วป้าเคียร่าจึงอนุญาต แต่ก็ให้ขึ้นมารับประทานอาหารและมาอยู่เป็นเพื่อนนางทุกวันแล้วค่อยกลับเรือนเล็ก
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมทั้งเสียงเรียกอยู่หน้าห้องทำให้บุษกรรีบเช็ดน้ำตาจากแก้มแล้วเดินไปเปิดประตูก็เห็น พี่ส้ม ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้องก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นใบหน้าและตาแดงก่ำของเจ้าของห้อง
“อุ๊ย คุณหนูบูมของพี่ส้มเป็นอะไรไปคะเนี่ย... ใครรังแกบอกพี่ส้มมาเลยค่ะ พี่ส้มจะไปจัดการมันเอง”
พี่ส้มสาวใหญ่วัยสี่สิบที่หวงแหนชีวิตโสดของตนมากกว่าสิ่งใดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำท่าขึงขังอีกด้วย
“ไม่มีหรอกค่ะ น้องบูมแค่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่เท่านั้นเอง”
“โถๆ คุณหนูของพี่ส้ม ไม่เป็นไรนะคะคุณพ่อคุณแม่ท่านไปสบายแล้ว ตอนนี้คุณหนูมีพี่ส้มที่พร้อมจะดูแลคุณหนูนะคะ อย่าเศร้าไปเลยค่ะ”
พี่ส้มโอบกอดร่างเล็กๆ ของเธอไว้แน่นทั้งลูบหลังลูบไหล่ด้วยความรักและเวทนา
“ขอบคุณนะคะ พี่ส้มกับป้าพริ้งดีกับน้องบูมมาตลอดเลย จนน้องบูมเกรงใจพี่ส้มกับป้าพริ้งเหลือเกิน”
“คุณหนูอย่าคิดมากสิคะ คุณหนูเป็นลูกสาวของคุณบารมีซึ่งท่านก็มีบุญคุณกับพวกเรามาตลอด หากไม่ได้คุณพ่อของคุณหนูที่ช่วยเหลือ พี่ส้มกับป้าพริ้ง ก็คงไม่มีชีวิตที่ดีและสุขสบายเหมือนทุกวันนี้หรอกค่ะ พี่ส้มรักคุณหนูนะคะ” พี่ส้มลูบแก้มนวลที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตานั้นแผ่วเบา
“น้องบูมก็รักพี่ส้มค่ะ” บุษกรยิ้มบางๆ ให้พี่ส้มอย่างขอบคุณ
คุณพ่อของเธอเคยเล่าเรื่องของพี่ส้มให้ฟังว่าขณะที่กำลังขับรถกลับบ้านระหว่างทางบิดาของเธอเจอกับทั้งสองป้าหลานนี้กำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่างอยู่ข้างถนน โดยมีชายฉกรรจ์ห้าคนวิ่งติดตามมาแล้วเข้าไปฉุดกระชากพี่ส้มเข้าไปพงหญ้าข้างทางที่เปลี่ยวสงัด และพยายามจะฉุดพี่ส้มไปขืนใจเพื่อชดใช้หนี้สิน ที่ป้าพริ้งผู้ซึ่งเลี้ยงดูพี่ส้มมาตั้งแต่เล็กๆ หยิบยืมมาใช้จ่ายช่วงที่ยากลำบาก บิดาของเธอเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่ลังเลและพาสองป้าหลานออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัย
มารสังคมพวกนั้นก็ถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะทำชั่วกับคนอื่นมามากมาย บิดาของเธอพาทั้งสองป้าหลานมาหาป้าเคียร่าและฝากฝังให้ทำงานด้วยก่อนจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศพร้อมเธอกับมารดา ตอนนั้นเธอยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ และทุกครั้งที่มาบ้านป้าเคียร่าทั้งป้าพริ้งและพี่ส้มก็จะดูแลเธออย่างดี เอาอกเอาใจราวเจ้าหญิงเลยทีเดียว ซึ่งเธอก็ชอบมากตามประสาเด็ก จนเมื่อเรียนจบประดับไฮสคูลบิดามารดาก็กลับมาอยู่ที่เมืองไทยจนกระทั่งเกิดเรื่องน่าเศร้าในครอบครัวของเธอ...
“คุณหนูไปล้างหน้าล้างตาเถอะค่ะ คุณป้าเคียร่าเรียกหาแน่ะ”
“ค่ะ” ว่าแล้วสาวน้อยก็รีบเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินอย่างเร่งรีบไปยังเรือนใหญ่
เมื่อเท้าเรียวเหยียบย่างเข้ามาในห้องรับประทานอาหารอันโอ่โถงใจดวงน้อยก็เต้นระรัวเมื่อเห็นสายตาวาววับของคนตัวโตที่มองมายังตนนั้นเหมือนว่าโกรธกันมาสักร้อยชาติพันชาติ
“อ้าวหนูบูมมานั่งข้างๆ ป้านี่เร็ว วันนี้ไม่สบายรึเปล่าลูกทำไมขึ้นมาช้าล่ะ”
คุณป้าเคียร่าถามด้วยน้ำเสียงอาทรพลางลูบหลังลูบไหล่สาวน้อยตัวบางที่นั่งลงข้างๆ ด้วยความอ่อนน้อม บุษกรยิ้มบางๆ ให้นางแล้วอ้อมแอ้มตอบ
“น้องบูมเผลอหลับไปน่ะค่ะคุณป้า น้องบูมขอโทษนะคะที่ให้รอ”
“ผมว่าต่อไปนี้เราก็ทานเฉพาะพวกเราก็พอมั้งครับคุณแม่ คนที่ไม่มีความรับผิดชอบไม่ตรงเวลาปล่อยให้ผู้ใหญ่รอแบบนี้ไม่ควรจะมาร่วมโต๊ะกับเรานะครับ”
“วี ทำไมพูดแบบนี้กับน้องล่ะ เรานี่ใช้ไม่ได้เลยนะ”
คุณบดินทร์ดุลูกชายคนเก่งอย่างไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นหน้านวลซีดลงทันตาของหลานสาวผู้น่าสงสารแล้วคุณบดินทร์ยิ่งอยากจะตบกบาลลูกชายนัก
“คุณพ่อคุณแม่ก็เอาใจเธอเกินไป จนจะเสียคน” นาวีหน้าตึงเมื่อถูกบิดาตำหนิตรงๆ
“เอาล่ะๆ ทานข้าวกันได้แล้ว น้องบูมจ๊ะนี่ต้มข่าไก่ใส่เห็ดนางฟ้าเยอะๆ ของโปรดหนูจ้ะป้าพริ้งนี่ทำสุดฝีมือเพื่อน้องบูมเลยนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
บุษกรยิ้มน่ารักให้ผู้สูงวัยเมื่อคุณป้าเคียร่าตักกับข้าวที่เธอโปรดปรานใส่จานให้อย่างเอาใจ สาวน้อยก้มหน้ารับประทานอาหารของตนไปอย่างกล้ำกลืน รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตจากคนที่นั่งตรงข้าม น้ำร้อนๆ เอ่อคลอดวงตาด้วยความน้อยใจ เธอพยายามฝืนมันไว้ไม่ให้มันไหลออกมาประจานความอ่อนแอของตนไม่เช่นนั้นเธอก็คงถูกนาวีต่อว่าต่างๆ นานาอีกแน่นอน
ตอนที่4.แล้วมื้ออาหารเย็นที่แสนจะยาวนานและอึดอัดมากที่สุดกว่าทุกๆ ครั้งอย่างที่เธอรู้สึกได้ก็สิ้นสุดลง คุณป้าเคียร่าชวนเธอเข้าไปรับประทานของหวานที่ห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้อ่านหนังสือและดูทีวีกันสองป้าหลานอีกทั้งยังไม่ชอบใจที่นาวีเอาแต่ทำหน้าตาดุใส่หลานสาวที่รัก นางจึงพาบุษกรหลบคนพาลมาเสีย“หนูบูมเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”“ค่ะคุณป้า”“แล้วคิดไว้รึยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”“ก็ว่าจะไปฝึกงานกับเพื่อนๆ ที่ต่างจังหวัด ญาติของเพื่อนบูมเขามีโรงแรมแล้วก็รีสอร์ตและบริษัทขนส่งอยู่โคราช บูมว่าจะไปฝึกงานที่นั่นค่ะ”บุษกรตอบยิ้มๆ ขณะบีบนวดแข้งขาให้ผู้สูงวัยอย่างเอาใจรักใคร่ซึ่งตอนเด็กๆ เธอมักทำเช่นนี้ให้กับคุณป้าเคียร่าเสมอๆ แม้ตอนนี้เธอก็ยังอยากจะทำเช่นนั้นและคุณป้าเองก็ชอบด้วย“จะลำบากไปไหนไกลๆ ทำไมล่ะจ๊ะ ป้าเป็นห่วง ฝึกงานกับพี่วีเขาไม่ดีกว่าเหรอลูก”“เอ่อ.. คือว่าบูม...”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะว่าหรือดุหรอกลูก ป้าได้ยินคุณลุงบ่นๆ ว่าเลขาของคุณลุงเพิ่งลาออก ตอนนี้ก็มีตำแหน่งว่างอยู่ตั้งหลายตำแหน่งในบริษัทเรา อีกอย่างคุณลุงเองก็งานเยอะ หากหนูบูมไปช่วยแบ่งเบาก็ดีนะลูก อีกหน่อยคุณลุ
ตอนที่5.เสียงห้าวๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้คนที่นั่งหลับตาฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอขณะไกวชิงช้าเบาๆ นั้นลืมตาขึ้นทันทีด้วยอารามตกใจทำให้ร่างเล็กหงายหลังจนแทบจะตกชิงช้าหากเขาไม่รั้งเอวบางไว้พร้อมทั้งจับเชือกชิงช้าไว้ด้วยมืออีกข้าง“อะ เอ่อ...” ดวงตากลมโตเบิกกว้างหาเสียงของตนเองไม่เจอและบุษกรมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าเขา และการที่เธอเงียบไปนานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจคิดไปว่าเธอรังเกียจที่เห็นหน้าเขาหรือไม่ก็กลัวเพราะทำงานส่งเขาไม่ทัน“เป็นใบ้เหรอ แล้วงานที่เอากลับมาแก้น่ะทำเสร็จรึยัง”บุษกรหน้าซีดลงทันทีที่เขาตวัดเสียงใส่หน้าตาขึงขัง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหน้าตึงมากขึ้นเมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรเสียทีเอาแต่นิ่งเงียบทีอยู่กับบิดามารดาของเขาหรืออยู่กับคนอื่น เจ้าหล่อนคุยจ้อยิ้มแย้มสดใส และยิ่งเวลาคุยกับผู้ชายคนอื่นยิ่งระริกรี้เชียวล่ะ นาวีรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงภาพเธอคุยกับหนุ่มๆ คนอื่น...“บะ บูม เอ่อดิฉันกำลังจะกลับไปแก้ค่ะ เอ่อ ขะ ขอตัวนะคะ”บอกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่าติดๆ ขัดๆ น้ำเสียงและสรรพนามฟังดูห่างเหินยิ่งทำให้เขาไม่พอใจดิฉัน อย่างนั้นหรือ ทีคุยกับคนอื่น น้องบูมอย่างนั้น บ
ตอนที่6.ทางด้านนาวีที่กลับเข้าห้องทำงานของตนก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนอย่างหงุดหงิดไม่สบอารมณ์กับความร้อนระอุที่อัดแน่นอยู่ในกาย ซึ่งอาการเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ ยายคุณหนูขี้แย บุษกร... เด็กในปกครองของเขา คำคำนี้มันคือเส้นบางๆ ที่กางกั้นเขาไว้จากความรู้สึกทั้งมวลที่มีต่อเธอ..“บ้าที่สุด...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอแล้วหลับตาลงด้วยความเคร่งเครียดกับอารมณ์ที่เริ่มไม่มั่นคงของตนเอง แล้วภาพในอดีตก็แล่นเข้ามาในสมองเพียงแค่เขาหลับตาลง...เมื่อสี่ปีก่อนในวันฉลองรับปริญญาโทของนาวี บิดามาดาและญาติสนิทไม่กี่คนเดินทางไปที่ที่รีสอร์ตญาติคนหนึ่งของบิดาในจังหวัดเชียงราย และในครั้งนั้นครอบครัวของบุษกรก็ไปร่วมยินดีกับนาวีด้วย การเลี้ยงฉลองวันแรกผ่านไปด้วยดีและวันต่อมาต่างก็พากันเดินสายไปทำบุญในที่ต่างๆ ซึ่งผู้สูงวัยต่างก็ชื่นชอบกันมาก ส่วนเด็กๆ ก็ติดตามไปทำบุญด้วย แต่จากการที่ไปปาร์ตี้ต่อกับเพื่อนๆ ในเมืองทำให้นาวีอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกจากที่นอนไปกับบิดามารดา เขาจึงขออยู่บ้านซึ่งนาวีเองก็ไม่รู้ว่าบุษกรอยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงนัดหญิงสาวสวยคนหนึ่งมาพบที่บ้านพักซึ่งปลูกห่างกันพอ
ตอนที่7.“โอ๋ๆ นิ่งซะคนดี ไม่ต้องตกใจนะ”ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาพูดไปแบบนั้นซึ่งนาวีเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะพูดอะไรที่ดูงี่เง่าแบบนั้นกับคนที่ตัวสั่นอยู่กับอกกว้างเปล่าเปลือยของตน เพราะเขาไม่ได้กลัดกระดุมเสื้อร่างเล็กดูบอบบางราวแก้วใสทว่าอวบอิ่มตามวัยสาวเบียดชิดกับร่างแกร่งด้วยความตระหนกนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นตกใจกับเสียงฟ้าผ่าและแสงแปลบปลาบบนท้องฟ้านั้นไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามีสิ่งที่น่ากลัวกว่าอยู่ใกล้ตัว และไม่รู้เลยว่าวงแขนแกร่งของคนตัวโตที่ตนซุกซบอยู่นั้นเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวบางแน่นขึ้น และตอนนี้เธอก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนร่างกึ่งเปลือยของเขาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่เพิ่งลุกไปเมื่อครู่นี้ในขณะที่สาวน้อยกำลังหวาดหวั่นกับสถานการณ์ธรรมชาติที่เหมือนบ้าคลั่งอยู่ภายนอก คนที่กำลังถูกธรรมชาติของร่างกายเล่นงานก็กำลังข่มอารมณ์ฝ่ายต่ำที่รบกวนจิตใจอยู่อย่างสุดกำลัง แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายบวกกับความต้องการที่ถูกขัดขวางเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งกลิ่นสาบสาวกรุ่นกลิ่นยั่วเย้าและบรรยากาศนำพาไปเช่นนี้นาวีจึงทำในสิ่งที่อำนาจฝ่ายมืดดำบงการ โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาภายหลัง...บุษ
ตอนที่8.การตอบสนองอย่างน่ารักของเธอทำให้นาวีไม่อาจยับยั้งชั่งใจอะไรได้อีกต่อไป มือร้อนที่สำรวจดงดอกไม้สดฉ่ำละออกไปถูกทดแทนด้วยปากและลิ้นร้ายกาจพลิกพลิ้วดื่มกินน้ำหวานจากกายสาวที่ไหลเอ่อ ความหวานหอมของกลิ่นเนื้อสาวแรกแย้มยิ่งทำให้มึนเมาเกินกว่าจะคิดถึงความเหมาะสมผิดชอบชั่วดี ยิ่งเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนของแม่สาวน้อยร่างบางที่ดังก้องไปทั้งห้องก็ยั่วเย้าให้อารมณ์หนุ่มกระเจิดกระเจิง ใบหน้าหล่อเหลาละจากใจกลางร่างสาวแล้วขยับร่างกายให้พรักพร้อมที่จะโจนจ้วงเข้าสู่แอ่งเสน่หา และทันทีที่แก่นกายใหญ่โตแทรกเข้าไปเพียงนิดแม่สาวน้อยที่สั่นเร่าอยู่ใต้ร่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดน้ำตาใสๆ เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าแดงก่ำ“โอ๊ย.. จะ เจ็บ ฮือ พี่วีออกไปนะ..” มือน้อยที่เคยลูบไล้กายแกร่งอย่างหลงใหลบัดนี้ทั้งผลักไสทุบตีเขาพัลวัน...“ชู่ววว คนดีนิ่งๆ ก่อน แล้วมันจะดีขึ้นพี่สัญญา น้องบูมคนดีนิ่งก่อนนะครับ...”ปลอบเธอทั้งใบหน้าบิดเบ้ด้วยความทรมานและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกกับช่องทางคับแน่นที่โอบรัด นาวีพรมจูบไปทั้งใบหน้าแดงก่ำเรื่อยมายังทรวงอกอิ่มฟ้อนเฟ้นลูบไล้เรือนกายอรชรสร้างความหวั่นไหวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใ
ตอนที่9.“ครับผม พี่กล้าเอง” กล้า ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมเข้มแบบฉบับหนุ่มไทยแท้รูปร่างสูงใหญ่ผมยาวระบ่ากว้างกรามแกร่งเต็มไปด้วยหนวดเคราแม้จะไม่ได้ยาวเฟื้อยดูดิบเถื่อน เพราะกร้านงานในไร่แต่มีเสน่ห์สไตล์หนุ่มลูกทุ่งและเขาก็เป็นเพื่อนรักของนาวีด้วยแน่นอนว่าเสน่ห์ของหนุ่มทั้งสองก็กินกันไม่ลง ชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย“สวัสดีค่ะพี่กล้า ไม่คิดว่าจะได้เจอหนุ่มชาวไร่ที่นี่เลยนะคะ” “แหม่.. น้องบูมก็พูดเกินไปครับหนุ่มชาวไร่ชาวนาอย่างพี่กล้าก็มาหาดูอะไรสวยๆ งามๆ ในเมืองบ้างล่ะครับ”“ผึ้งว่าเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะ แถวนี้อากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”น้ำผึ้งซึ่งยังเคืองคนที่ว่าเธออ้วนม่อต้อไม่หายเอ่ยชวนใบหน้าบึ้งตึง ไม่หันมามองคนตัวโตที่คอยแต่จะหาเรื่องตนทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“พี่กล้าไปด้วยกันสิคะ นานๆ จะได้เจอกันที”“บูม.. ไปชวนเขาทำไม เราที่หมายถึงคือผึ้งกับบูมเท่านั้นนะ”น้ำผึ้งหน้าหงิกเมื่อบุษกรเอ่ยชวนกล้าและชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าจะปฏิเสธเสียด้วยสิ“งั้นดีเลย พี่หิวพอดี ไปร้านไหนน้องบูมเลือกเลยครับ”“ไปร้านนี้เลยค่ะ มาเถอะผึ้ง” บุษกรจูงมือน้ำผึ้งที่ทำท่าจะอ้าปากประท้วงไปยั
ตอนที่10.“บูม ผึ้งกลับแล้วนะ เดี๋ยวจะไปเรียกแท็กซี่กลับเองไม่อยากร่วมทางกับพวกคนเถื่อน” น้ำผึ้งปรายตามองคนตัวสูงอย่างฉุนเฉียวไม่หาย“อ้าวทำไมล่ะผึ้ง”“คนขี้ขลาดก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับน้องบูม”กล้ายกยิ้มหยันๆ ทำให้น้ำผึ้งหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายและโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ ตั้งแต่เจอกับกล้าเธอก็ถูกเขาแขวะจิกกัดตลอด ตอนนี้ยังบังอาจมาดูถูกเธอด้วย น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วสะบัดหน้าหนี“ฉันจะไปรอในรถก็แล้วกัน..” พูดแล้วก็กระแทกเท้าเดินไปนั่งรอเขาบนรถซ้ำยังแกล้งปิดประตูรถของเขาเสียเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนกล้าแอบย่นคออย่างหวาดเสียวว่าประตูจะหลุดออกมาจากตัวรถ“อิอิ.. เสียวสันหลังวาบเลยใช่ไหมคะพี่กล้า” บุษกรหัวเราะอย่างอดไม่ไหว“เราก็เหมือนกันยายตัวแสบ”กล้าไม่ตอบแต่หันมาขยี้เรือนผมสลวยของเธออย่างเอ็นดูแกมหมั่นไส้สาวน้อยตรงหน้าที่วันนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้วด้วยความชื่นชม บุษกรสวยน่ารักและเก่ง ที่สามารถทำให้ใครบางคนแทบแดดิ้นตายเพียงเพราะเธอปรายตามอง และคนที่กำลังจะดิ้นตายก็เดินมายังพวกเขาด้วยใบหน้าถมึงทึง“ทำอะไรกัน แล้วแกมาทำไมวะไอ้กล้า” ถามเสียงขุ่นแววตากร้าวจัดแต่ไม่ได้ทำให้กล้าหวาดหวั่นแต่แอบขันเ
ตอนที่11.“เก่งขึ้นเยอะเลยนะตั้งแต่มีผู้ชายมาส่งถึงบ้าน จะบอกอะไรให้นะ ไอ้กล้ามันไม่โง่เอาผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างเธอมาเป็นเมียหรอก แล้วก็สึกหรอแล้วแบบนี้มันยิ่งไม่เอา”“หยาบคาย... ปล่อยฉันนะคนถ่อย ทุเรศที่สุด”เหมือนถูกตบหน้ากลางสี่แยกบุษกรดิ้นรนอย่างฉุนเฉียว อารมณ์ที่น้อยเนื้อต่ำใจอยู่แล้วยิ่งมาถูกเขาดูถูกเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกบีบอัดจนแตกระเบิด เธอจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว นั่นคือสิ่งที่บุษกรคิด แต่นาวีกลับคิดไปอีกทาง“หึ.. คิดจะดิ้นเพื่อยั่วฉันเหรอ ไม่สำเร็จหรอกสาวน้อย หรือหากฉันจะนอนกับเธออีกครั้งนั่นก็เพื่อสั่งสอนให้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเธอได้จำไว้ว่ารสสวาทของฉันมันเป็นยังไง และหากยังอยากจะอ่อยเพื่อนฉันหรือผู้ชายคนไหนอีกฉันจะสั่งสอนเธอให้หลาบจำกว่านี้”“ทำไมต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย ฉันไปทำอะไรให้คุณวีนักหนา ทำไม...”ถามเขาทั้งน้ำตานองหน้าทั้งผลักทั้งทุบอกกว้างให้ถอยห่างก็ดูจะไม่เป็นผลและสรรพนามที่พูดกับเขา ไม่เหมือนกับที่พูดกับคนอื่นๆ ก็ยิ่งทำให้คนที่ขุ่นเคืองอยู่แล้วยิ่งฉุนจัดมากขึ้นคิดพาลอย่างคนเอาแต่ใจ“ทีหลังพูดกับผัวให้พูดเพราะๆ กว่านี้หน่อยนะบุษกร ฉันเคยบอกแ
ตอนที่54.อวสานสามคนพ่อแม่ลูกกลับมาถึงบ้านคุณปู่คุณย่าก็ออกมารับหลานรักไปอาบน้ำอาบท่า น้องนาวาก็เล่าเรื่องราวที่ตนได้ไปพบเจอให้คุณปู่คุณย่าฟังอย่างตื่นเต้นด้วยคำพูดที่ชัดบ้างไม่ชัดบ้างแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มด้วยความสุขเมื่อพ่อหนูน้อยเล่าขาน คุณปู่ก็คอยเสริมคำพูดที่ไม่ชัดให้กับหลานชาย“นาวาให้อาหางปาด้วยล่ะ ปาตัวหย้ายหย่าย”“อาหาร ครับเด็กดีไม่ใช่ อาหาง”“อาหาร” เด็กชายพูดตามคุณปู่แล้วยิ้มแป้นเมื่อคุณปู่ยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชมว่าเยี่ยมมาก “ย่าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่า แล้วลงมาทานข้าว”“ดีคับ เดี๋ยวนาวาหอมแก้มคุงแม่บูมก่อง...”เด็กชายบอกแล้ววิ่งมาหามารดาซึ่งก็เอียงแก้มไว้รอท่า พอหอมแก้มคุณแม่แล้วก็ไม่ละเลยที่จะหอมแก้มคุณพ่อด้วย“แก้มคุงพ่อไม่หอมเลย”น้องนาวาทำทีเบะปากคุณพ่อจึงแกล้งกอดรัดร่างกลมๆ นั้นแล้วหอมแก้มใสของลูกชายแรงๆ น้องนาวาหัวเราะชอบใจก่อนจะดิ้นรนออกจากวงแขนคุณพ่อวิ่งไปหาคุณปู่คุณย่า“เจ้าตัวร้าย..” นาวีมองตามหลังลูกชายที่เดินร้องเพลงเจื้อยแจ้วไปกับคุณปู่คุณย่า“ความร้ายกาจคงได้มาจากคุณพ่อเต็มๆ ค่ะ” บุษกรย้อนสามียิ้มๆ“ก็ถ้าไม่ร้ายกาจ จะมีเมียสวยๆ ลูกน่ารักๆ เหรอครับ”“ค่า ร้ายกาจจน
ตอนที่53.“อื้ม พี่วี อย่าซนสิคะ พอแล้ว...” เสียงหวานห้ามปรามกระเส่าแผ่วพร่าเมื่อมือร้อนผ่าวของสามีไม่อยู่สุข“ก็พี่ยังไม่อิ่มนี่นา บูมสนใจแต่น้องนาวาไม่สนใจพี่นาวีเลย”ปากว่าแต่มือไม่หยุดยุ่มย่ามกับนวลเนื้อนุ่มมือของภรรยาที่นับวันยิ่งสวยผุดผาดบาดตาบาดใจจนเขาอดใจไม่ไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ตอนนี้น้องนาวีครบหนึ่งขวบแล้ว และวันนี้คุณปู่คุณย่าพาน้องนาวาไปซื้อของขวัญวันเกิดแบบพิเศษหลังจากที่ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านแล้วและเดินทางไปทำบุญเลี้ยงอาหาร พร้อมทั้งแจกทุนการศึกษาให้เด็กกำพร้า เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และเหมือนว่าคุณปู่คุณย่าจะวางแผนไว้ดี ตกค่ำก็หลอกล่อพาหลานชายไปนอนด้วยเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งนาวีอยากใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด“พี่วีน่ะมักมาก ต่อให้บูมสนใจพี่วีแค่ไหนก็ไม่พอหรอกค่ะ”หญิงสาวหันมามองสามีตาเขียวแล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อตัวตนของเขาที่ยังอยู่ในร่างสาวเหยียดขยายขึ้นมาอีกรอบพร้อมทั้ง
ตอนที่52.บุษกรรู้สึกสงสารชะตากรรมของธัญญาลักษณ์จนน้ำตาซึมกับเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้น“ทีนี้น้องบูมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมพี่ยังคบหากับแคทอยู่ แต่เธอก็คงจะอยู่กับเราได้ไม่นาน อาการของเธอแย่ลงทุกวัน”“ค่ะ บูมขอโทษที่คิดมากเรื่องนี้”“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกน้องบูม ก็เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังนัก แต่พี่ลืมไปว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เมียพี่เข้าใจผิดและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”“บูมยอมรับค่ะว่าหึงพี่วีกับพี่แคท...”บุษกรสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาโตที่ตนเผลอพูดออกไปแต่ทำให้คนฟังหัวใจพองโตรู้ได้ทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา“พี่รักบูม / บูมรักพี่วี...”หนุ่มสาวพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งตัวเช่นกัน“เอ่อ... พี่วีแย่งบูมพูดทำไมคะ คนเขาอุตส่าห์ว่าจะพูดก่อน” เธอทุบอกกว้างของเขาเขินๆ ในขณะที่นาวียิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอมใจ
ตอนที่51บุษกรย่องออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ขลุกอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อทำใจ ร่างที่กลับมาบอบบางดังเดิมแต่ก็อวบอิ่มขึ้นในส่วนที่ควร หลบให้ร่างสูงที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำด้วยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ“สู้ๆ นะบูม เราต้องทำได้...”หญิงสาวบอกตนเองขณะเดินไปนั่งอ่านหนังสือรอสามีทำธุระส่วนตัว สิบนาทีผ่านไปนาวีก็ออกมาจากห้องน้ำร่างแกร่งที่กลับมาแข็งแรงทรงเสน่ห์ดังเดิมสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวเท่านั้น ทำให้บุษกรเมินหน้าหนีด้วยใจที่เต้นแรง ไอ้ที่คิดๆ ไว้ว่าจะพูดกับเขาเริ่มตีกันสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว“น้องบูมอ่านอะไรอยู่เหรอครับ”ร่างสูงเดินมาหาคนที่ก้มหน้างุดอยู่กับหนังสือในมือ ท่าทางตื่นๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดู บุษกรก็ยังคงเป็นสาวขี้อายตื่นกลัวเขาอยู่เสมอ แต่ยามที่เจ้าหล่อนดื้อรั้นเย็นชาก็ทำให้เขาเกรงๆ เธออยู่ไม่น้อย“บูมกำลังจะไปนอนแล้วค่ะ”หญิงสาวรีบวางหนังสือแล้วลุกขึ้นคิดว่าจะหลบไปตั้งหลักก่อน เพราะตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกิน แต่
ตอนที่50.“ว้าว ลูกชายพ่อแต่งตัวหล่อจัง หล่อเหมือนพ่อเลย”บุษกรค้อนคุณพ่อสุดหล่ออย่างหมั่นไส้แล้วหน้าแดงกับแผงอกเปล่าเปลือยของเขา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน นาวีก็ยังทำให้ใจสาวหวั่นไหวได้ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ล่อแหลมเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้เลือดในกายสาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าละอาย“ทำไมพี่วีไม่แต่งตัวเสียทีล่ะคะ”“อะไรนะ...” นาวีมัวแต่ยิ้มให้ลูกชายไม่ทันฟังที่เธอพูดและคิดว่าตนเองหูแว่วเมื่อได้ยินสรรพนามที่สนิทสนมของเธอ แต่หญิงสาวก็ลุกขึ้นอุ้มลูกออกไปเสียก่อน เขาจึงรีบแต่งตัวตามออกไปสามพ่อลูกเดินลงมาหาคุณปู่คุณย่าที่รอรับหลานรักไปเดินเล่น บุษกรยื่นร่างอวบของลูกชายให้ผู้เป็นย่าซึ่งยื่นแขนมารอรับเจ้าตัวเล็กก็รู้อ้อนรีบยื่นแขนอวบๆ ไปหาผู้เป็นย่าแล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นด้วยไร้เดียงสาเพราะเด็กชายจำได้ดีเมื่อคุณย่า คุณปู่อุ้มจะต้องหอมแก้มตนดังนั้นน้องนาวาจึงเรียนรู้ที่จะทำตามซึ่งมันทำให้คุณปู่คุณย่าทั้งรักทั้งหลงหลานตัวน้อย“หนูบูมกับวีไปทานข้าวกันเถอะลูก
ตอนที่ 49.“ก็แล้วทำไมไม่พูดไม่บอกความจริงในใจให้น้องรับรู้ล่ะ มานั่งถอนหายใจทิ้งมันมีประโยชน์อะไร”“คุณพ่อรู้ได้ยังไงครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”“ก็สิ่งที่ลูกเป็น คือสิ่งที่พ่อเคยผ่านมาก่อนไงล่ะ” คุณบดินทร์วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหน้าลูกชายจริงจัง“ฟังพ่อนะวี ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเหมือนคนป่วย ป่วยทางจิตใจ ใจที่ขาดความรักก็เหมือนใจที่ตายแล้ว อะไรที่ตายแล้วก็ไร้ประโยชน์...”“แต่ผม... เธอคงเกลียดผม”นาวีไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะในใจของเขานั้นมันตื้อตันและสับสนไปเสียทุกอย่าง“นาวี ตอนนี้ลูกมีครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์แล้วนะ มีเมียและลูกที่น่ารัก ตาหนูเป็นดังแก้วตาดวงใจของเราทุกคน ตาหนูคงไม่ต้องการเติบโตมาท่ามกลางความหวาดระแวงแคลงใจของพ่อแม่หรอกนะ”“ผม...”“วีควรบอกน้อง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึก พ่อบอกได้เพียงเท่านี้” คุณบดินทร์ตบบ่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบ
ตอนที่48.น้ำผึ้งส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นว่าสามีของตนกำลังจะอ้าปากต่อล้อต่อเถียงกับนาวี แต่แล้วนาทีต่อมาทุกคนต่างหันขวับไปที่ประตูห้องคลอดที่เปิดออกมาก นายแพทย์ใหญ่วัยกลางคนเดินยิ้มออกมานาวีรีบถลาเข้าไปหาคุณหมอทันที“ยินดีด้วยนะครับ คุณนาวีได้ลูกชาย สมบูรณ์แข็งแรงดีครับ...”“เย้...” ทุกคนที่รอคอยฟังข่าวดีต่างโห่ร้องด้วยความยินดี นาวีวิ่งไปกอดมารดากับบิดาของตนด้วยความซาบซึ้งใจ ความเป็นพ่อมันช่างวิเศษเหลือเกิน...บุษกรได้รับการดูแลอย่างดีจากนางพยาบาลพิเศษที่มาคอยดูแลเธอถึงที่บ้านตามความต้องการของคุณเคียร่ากับคุณบดินทร์ที่อยากให้ลูกสะใภ้คนสวยได้รับการเอาใจใส่ดูแลด้วยวิธีการอยู่ไฟตามแบบโบราณที่คุณบดินทร์เคยให้ภรรยาอยู่ไฟเมื่อครั้งให้กำเนิดนาวีนั่นเอง ด้วยเห็นว่าวิถีไทยเช่นนี้มีประโยชน์และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยไว้ด้วย อีกทั้งสมุนไพรของไทยก็มีส่วนช่วยให้ทั้งแม่และลูกสุขภาพแข็งแรง ส่วนคุณพ่อจอมเห่อก็คอยดูแลเธอทุกย่างก้าวเลยก็ว่าได้ นาวีคอยดูแลเธอก
ตอนที่47.ทางด้านนาวีก็กำลังครุ่นคิดเมื่อวางงานในมือลง ชายหนุ่มก็ปิดโน้ตบุ๊กแล้วเดินออกมาหน้าเต็นท์หลังใหญ่ที่ตอนนี้หน้าเต็นท์ของเขานั้นมีดอกไม้หลากหลายชิด และสีสันทั้งปลูกลงดินและปลูกในกระถางออกดอกบานสะพรั่งแล้วก็นึกถึงคนเอามาปลูกให้ บุษกรชอบดอกไม้และผู้หญิงทุกคนก็คงชอบดอกไม้เหมือนๆ กัน มันทำให้คนมองดอกไม้เหล่านี้คิดถึงพวกเธอได้เสมอ บุษกรฉลาดที่มาปลูกดอกไม้ไว้หน้าเต็นท์เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนๆ เขาก็จะได้เห็นและได้กลิ่นดอกไม้ของเธอ ทุกครั้งที่เห็น เขาก็จะนึกถึงใบหน้าสวยหวานกับรอยยิ้มสดใสของเธอ กลิ่นหอมของดอกไม้ก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงความหอมของเรือนร่างงดงามอวบอิ่ม คิดถึงผิวเนื้อเนียนละมุนที่เคยได้สัมผัสตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาที่เขากับบุษกรได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ แม้ไม่ได้ใกล้ชิดกันเช่นคู่รักหรือสามีภรรยาทั่วไปก็ตาม แต่การที่ได้เฝ้ามองกันอยู่ห่างๆ ทำให้เขาได้รู้ใจตนเองมากขึ้น ได้พูดกับเธอบ้างเล็กน้อย และได้มองเธออยู่ไกลๆ ตามข้อตกลงที่เขายังคงทำตามอย่างเคร่งครัด ก็ยิ่งทำให้ประจักษ์กับตนเองว่าเขาขาดเธอกับลูกไม
ตอนที่46.เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่นาวีแหกกฎที่ตกลงกันไว้เข้าไปหาบุษกรโดยหวังจะคิดทำตามใจตนเองด้วยความที่อดทนไม่ได้กับแรงกดดันรอบด้าน แต่เขากลับได้รับรู้ถึงสัมผัสอันแสนวิเศษระหว่างพ่อแม่ลูกแล้วและได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง นาวีก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากชายหนุ่มที่เคยเย็นชา เจ้ายศเจ้าอย่างและดุดันจนคนรอบข้างนึกเกรงขามไม่กล้าเข้าใกล้ กลายเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่น ยิ้มง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ซ้ำยังมีน้ำใจและจิตสาธารณะจนไม่น่าเชื่อ แม้แต่บุษกรเองที่เคยเห็นแต่ใบหน้ามึนตึงราวยักษ์วัดแจ้ง ท่าทางเย็นชาเมินหมางและไว้ตัวของเขามาตลอดยังรู้สึกทึ่งที่นาวีได้เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้หลังจากคืนนั้นนาวีไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่นาวีจะมามองหน้าหวานๆ ของเธอก่อนกลับไปนอนที่เต็นท์ของเขาดังเดิม เวลารับประทานอาหารเขาก็จะมาคอยดูว่าเธอกินอะไรบ้างในแต่ละวันแล้วอาสาไปซื้อมาให้ และทำอาหารให้เธอแทนแม่ครัวของเปรมซึ่งเปรมก็อนุญาต จากที่เปรมเคยโกรธและเกลียดสิ่งที่นาวีทำกับบุษกร จากที่เคยตั้งแง่รังเกียจและกลั่นแกล้งนาวีเพื่อแก้เผ็ดแทนหญิงสาว