ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านเอกสารนิ่งโดยไม่พูดจาทำให้เธอมีโอกาสลอบมองเขาเงียบๆ ด้วยใจที่สั่นไหวไม่หาย ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยดวงตาคมใหญ่ใต้คิ้วหนายาวจรดหางตา จมูกโด่งเป็นสันสวยงามอย่างคนเลือดผสมและริมฝีปากหยักสีเข้มรับกับคางแกร่งมีรอยบุ๋มเล็กน้อยไรเคราที่มีตอหนวดขึ้นจางๆ นั้นไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปแต่กลับทำให้นาวีดูหล่อเหลา เซ็กซี่น่าคลั่งไคล้อย่างที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยกล่าวขานกัน แต่สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาก็ส่งให้นาวีดูเคร่งขรึมเย็นชาจนเหมือนหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์...
บุษกรแอบถอนหายใจเบาๆ ราวกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหายใจของตน ทั้งยังพยายามนั่งให้ชิดประตูรถฝั่งที่ตนนั่งมากที่สุดเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเขากับเธอใกล้กันเกินไป แต่รถยนต์หรูกว้างใหญ่ทั้งรูปลักษณ์และยี่ห้อดังระดับโลกก็กว้างขวางจนมันทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กลงไปมาก ยิ่งมานั่งอยู่กับคนร่างกายใหญ่โตอย่างนาวีด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งเหมือนมดตัวเล็กๆ ที่หลงเข้ามาในปราสาทของอสูรร่างยักษ์ผู้ดุดันเหี้ยมโหด... บุษกรหันมองถนนที่คลาคล่ำด้วยรถราขวักไขว่อย่างเหม่อลอยด้วยความอึดอัดและสับสน...
“นั่งมากับฉันมันทำให้คิดหนักมากรึไง ถึงทำหน้าตาเหมือนกำลังจะตายแบบนั้น...”
จู่ๆ เสียงเข้มดุดันของเขาก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันมากว่าสามสิบนาทีที่นั่งรถมาด้วยกันทำให้บุษกรสะดุ้งโหยงหันขวับมามองเขาหน้าตื่น
“ปละ เปล่า นะคะ บูมแค่ เอ่อ...”
บุษกรพูดตะกุกตะกักรู้สึกคอแห้งปากแห้งจนแสบร้าวไปทั้งลำคอ เธอจึงตวัดลิ้นเล็กๆ นั้นเลียริมฝีปากสีเรื่อที่ของตนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้มันแล้วก้มหลบตาเขาอย่างขลาดกลัว...
สายตาของเขาน่ากลัวเหลือเกิน มันวาววับราวกับว่ามีเปลวเพลิงอยู่ในหน่วยตาคมคู่นั้น นี่เธอทำอะไรผิดนักหนาเขาจึงต้องทำหน้ายักษ์ใส่ทุกทีที่เจอหน้ากัน ทั้งที่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกันแต่เธอกับเขาก็เหมือนคนแปลกหน้า...
ทั้งที่เคย... ไม่นะ เธอจะต้องไม่คิดถึงเรื่องนั้น... บุษกรหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคิดถึง อดีต ที่ไม่น่าจดจำ...
“เวลาพูดกับผู้ใหญ่ทำไมไม่มองหน้า...”
คนที่อาวุโสกว่าเสียงดังเหมือนตะคอกยิ่งทำให้เธอน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ความรู้สึกที่ถูกอัดแน่นบีบคั้นอยู่ในอกก็ยิ่งเพิ่มความกดดันให้เธอจนปวดร้าวไปทั้งช่องท้องกระบอกตาร้อนผ่าว...
“บูม...” สาวน้อยเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่ฉ่ำพราวด้วยหยาดน้ำใส พอดีกับที่รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนมาจอดยังประตูด้านหลังของคฤหาสน์หลังงาม บุษกรจึงฉวยโอกาสนั้นเปิดประตูลงไปแล้ววิ่งตื๋อไปไขกุญแจแล้วเข้าบ้านไปท่ามกลางสายตาฉุนเฉียวของคนที่มองตามแผ่นหลังเล็กไปอย่างไม่ชอบใจ ก่อนที่คนขับรถจะเคลื่อนรถออกไปเมื่อเห็นว่า คนในปกครอง ของเจ้านายหนุ่มเข้าบ้านแล้วเรียบร้อย...
เมื่อวิ่งเข้ามาหลบภัยในห้องนอนเล็กของตนแล้วบุษกรก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจจะเก็บกักน้ำตาได้อีกต่อไป น้ำตามากมายหลั่งไหลพรั่งพรูเหมือนว่าเขื่อนพัง ร่างเล็กนั่งอย่างหมดแรงลงบนเตียงนุ่มเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก มือน้อยยกขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กน้อยหลงทาง
“คุณพ่อ คุณแม่ขา น้องบูมคิดถึงคุณพ่อคุณแม่... ฮือออ... พี่วีใจร้ายกับบูมเหลือเกิน...” สาวน้อยกล่าวเจือสะอื้นกับรูปของบิดามารดาบนหัวเตียงที่ส่งยิ้มมาให้เธอเสมอไม่ว่ายามใด...
หากพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงโอบกอดเธอและจูบเบาๆ ที่หน้าผาก กล่อมเธอให้หลับด้วยนิทานสักเรื่อง หรือเพลงเพราะๆ จากมารดาสักเพลง แต่ตอนนี้เธอไม่มีใครสักคนที่จะโอบกอดหรือปลอบประโลมยามทุกข์ทนท้อแท้... แม้แต่คนที่รับปากกับพวกท่านก่อนสิ้นใจว่าจะดูแลเธออย่างดีก็ไม่ได้ทำเหมือนที่สัญญาไว้แม้แต่น้อย...
บุษกรล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้าแล้วค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรันทดเมื่อนึกถึงชะตากรรมของตนเอง...
เมื่อสามปีที่แล้วเธอยังเป็นคุณหนูแสนสวยร่ำรวยไฮโซมีบิดามารดาอยู่กันพร้อมหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตงดงามดั่งเจ้าหญิง อยากได้อะไรไม่มีที่จะไม่ได้เพราะบิดามารดารักเธอมาก เนื่องจากเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ไฟแรงที่อนาคตกำลังไปได้สวย
แต่แล้วก็เหมือนฟ้าเล่นตลกเมื่อจู่ๆ ธุรกิจส่งออกสินค้าอาหารแช่แข็งของบิดาประสบปัญหาขาดทุนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เธอกำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง และในวันที่จะเข้ามอบตัวเป็นนักศึกษานั้นเอง เป็นวันที่บิดามารดาของเธอเสียชีวิต...
“บูมไปมหาวิทยาลัยก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะตามไปฉลองด้วยกันทีหลัง... แม่กับพ่อรักลูกนะจ๊ะ”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากปากของมารดาที่มาส่งเธอขึ้นรถไปมหาวิทยาลัย ใบหน้าของมารดาดูเศร้าสร้อยแต่ก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นทุกวันทำให้เธอไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามันจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของมารดาที่จะได้เห็น...
ระหว่างที่รอบิดามารดาเข้ามาจัดการเรื่องเรียนที่มหาวิทยาลัยเธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำสร้อยคอทองคำขาวเส้นงามที่มีจี้รูปหัวใจซึ่งข้างในมันเป็นรูปครอบครัวของเธอนั้นก็ขาดอย่างไม่มีสาเหตุทำให้เธอโทรศัพท์กลับมาหามารดา แต่ปลายสายไม่มีใครรับ เธอพยายามโทรศัพท์หาใครสักคนในบ้าน แต่แล้วก็ไม่มีใครรับจนเมื่อนาวีมารับเธอให้ไปโรงพยาบาลด้วยกัน ทำให้เธอได้รู้ว่ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกท่าน...
บิดาของเธอฆ่าตัวตายพร้อมด้วยมารดา...
ตอนที่3.บิดานั้นยิงมารดาของเธอก่อนที่ท่านจะจ่อยิงตนเองจนเสียชีวิตแต่มารดาของเธอยังมีลมหายใจอยู่ ท่านถูกนำส่งโรงพยาบาลและพยายามยื้อลมหายใจสุดท้ายเพื่อจะได้พบเธอพร้อมทั้งได้สั่งเสียบางอย่าง มารดาฝากฝังเธอไว้กับครอบครัวของนาวี ซึ่งคุณ ป้าเคียร่า มารดาของนาวีนั้นมีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของเธอเพราะ ลุงบดินทร์ บิดาของนาวีนั้นเป็นเครือญาติทางฝ่ายบิดาของเธอนั่นเอง ซึ่งท่านทั้งสองสนิทสนมกันมาก ก่อนที่มารดาจะสิ้นใจนางได้สั่งเสียให้นาวีดูแลเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งในวันนั้นบุษกรก็ได้ยินเขารับปากหนักแน่นว่าจะทำตามที่มารดาร้องขอ ซึ่งป้าเคียร่าเองก็รับปากว่าจะดูแลเธออย่างดีเพราะท่านรักและเอ็นดูเธออยู่มากเพราะนางไม่มีลูกสาว มารดาของเธอจึงจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเสียใจของทุกคน...หลังจากที่บิดามารดาเสียชีวิตลงครอบครัวของนาวีได้จัดการงานศพและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างของครอบครัวเธออย่างรวดเร็ว และเรียบร้อยโดยที่บุษกรได้แต่มองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านั้น อีกทั้งยังตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจ ตลอดเวลาที่บำเพ็ญกุศลศพของบิดามารดาเธอก็เอาแต่ร้องไห้จนไม่เป็นอันทำอะไร และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจึงได้รู้ว่
ตอนที่4.แล้วมื้ออาหารเย็นที่แสนจะยาวนานและอึดอัดมากที่สุดกว่าทุกๆ ครั้งอย่างที่เธอรู้สึกได้ก็สิ้นสุดลง คุณป้าเคียร่าชวนเธอเข้าไปรับประทานของหวานที่ห้องนั่งเล่น เพื่อจะได้อ่านหนังสือและดูทีวีกันสองป้าหลานอีกทั้งยังไม่ชอบใจที่นาวีเอาแต่ทำหน้าตาดุใส่หลานสาวที่รัก นางจึงพาบุษกรหลบคนพาลมาเสีย“หนูบูมเหลืออีกเทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”“ค่ะคุณป้า”“แล้วคิดไว้รึยังว่าจะไปฝึกงานที่ไหน”“ก็ว่าจะไปฝึกงานกับเพื่อนๆ ที่ต่างจังหวัด ญาติของเพื่อนบูมเขามีโรงแรมแล้วก็รีสอร์ตและบริษัทขนส่งอยู่โคราช บูมว่าจะไปฝึกงานที่นั่นค่ะ”บุษกรตอบยิ้มๆ ขณะบีบนวดแข้งขาให้ผู้สูงวัยอย่างเอาใจรักใคร่ซึ่งตอนเด็กๆ เธอมักทำเช่นนี้ให้กับคุณป้าเคียร่าเสมอๆ แม้ตอนนี้เธอก็ยังอยากจะทำเช่นนั้นและคุณป้าเองก็ชอบด้วย“จะลำบากไปไหนไกลๆ ทำไมล่ะจ๊ะ ป้าเป็นห่วง ฝึกงานกับพี่วีเขาไม่ดีกว่าเหรอลูก”“เอ่อ.. คือว่าบูม...”“ไม่ต้องกลัวว่าพี่เขาจะว่าหรือดุหรอกลูก ป้าได้ยินคุณลุงบ่นๆ ว่าเลขาของคุณลุงเพิ่งลาออก ตอนนี้ก็มีตำแหน่งว่างอยู่ตั้งหลายตำแหน่งในบริษัทเรา อีกอย่างคุณลุงเองก็งานเยอะ หากหนูบูมไปช่วยแบ่งเบาก็ดีนะลูก อีกหน่อยคุณลุ
ตอนที่5.เสียงห้าวๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้คนที่นั่งหลับตาฮัมเพลงเบาๆ ในลำคอขณะไกวชิงช้าเบาๆ นั้นลืมตาขึ้นทันทีด้วยอารามตกใจทำให้ร่างเล็กหงายหลังจนแทบจะตกชิงช้าหากเขาไม่รั้งเอวบางไว้พร้อมทั้งจับเชือกชิงช้าไว้ด้วยมืออีกข้าง“อะ เอ่อ...” ดวงตากลมโตเบิกกว้างหาเสียงของตนเองไม่เจอและบุษกรมักเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เจอหน้าเขา และการที่เธอเงียบไปนานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจคิดไปว่าเธอรังเกียจที่เห็นหน้าเขาหรือไม่ก็กลัวเพราะทำงานส่งเขาไม่ทัน“เป็นใบ้เหรอ แล้วงานที่เอากลับมาแก้น่ะทำเสร็จรึยัง”บุษกรหน้าซีดลงทันทีที่เขาตวัดเสียงใส่หน้าตาขึงขัง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มหน้าตึงมากขึ้นเมื่อเห็นเธอไม่พูดอะไรเสียทีเอาแต่นิ่งเงียบทีอยู่กับบิดามารดาของเขาหรืออยู่กับคนอื่น เจ้าหล่อนคุยจ้อยิ้มแย้มสดใส และยิ่งเวลาคุยกับผู้ชายคนอื่นยิ่งระริกรี้เชียวล่ะ นาวีรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงภาพเธอคุยกับหนุ่มๆ คนอื่น...“บะ บูม เอ่อดิฉันกำลังจะกลับไปแก้ค่ะ เอ่อ ขะ ขอตัวนะคะ”บอกเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร่าติดๆ ขัดๆ น้ำเสียงและสรรพนามฟังดูห่างเหินยิ่งทำให้เขาไม่พอใจดิฉัน อย่างนั้นหรือ ทีคุยกับคนอื่น น้องบูมอย่างนั้น บ
ตอนที่6.ทางด้านนาวีที่กลับเข้าห้องทำงานของตนก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ของตนอย่างหงุดหงิดไม่สบอารมณ์กับความร้อนระอุที่อัดแน่นอยู่ในกาย ซึ่งอาการเหล่านี้มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาคิดถึงเธอ ยายคุณหนูขี้แย บุษกร... เด็กในปกครองของเขา คำคำนี้มันคือเส้นบางๆ ที่กางกั้นเขาไว้จากความรู้สึกทั้งมวลที่มีต่อเธอ..“บ้าที่สุด...” ชายหนุ่มสบถเบาๆ ในลำคอแล้วหลับตาลงด้วยความเคร่งเครียดกับอารมณ์ที่เริ่มไม่มั่นคงของตนเอง แล้วภาพในอดีตก็แล่นเข้ามาในสมองเพียงแค่เขาหลับตาลง...เมื่อสี่ปีก่อนในวันฉลองรับปริญญาโทของนาวี บิดามาดาและญาติสนิทไม่กี่คนเดินทางไปที่ที่รีสอร์ตญาติคนหนึ่งของบิดาในจังหวัดเชียงราย และในครั้งนั้นครอบครัวของบุษกรก็ไปร่วมยินดีกับนาวีด้วย การเลี้ยงฉลองวันแรกผ่านไปด้วยดีและวันต่อมาต่างก็พากันเดินสายไปทำบุญในที่ต่างๆ ซึ่งผู้สูงวัยต่างก็ชื่นชอบกันมาก ส่วนเด็กๆ ก็ติดตามไปทำบุญด้วย แต่จากการที่ไปปาร์ตี้ต่อกับเพื่อนๆ ในเมืองทำให้นาวีอ่อนเพลียเกินกว่าจะลุกจากที่นอนไปกับบิดามารดา เขาจึงขออยู่บ้านซึ่งนาวีเองก็ไม่รู้ว่าบุษกรอยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงนัดหญิงสาวสวยคนหนึ่งมาพบที่บ้านพักซึ่งปลูกห่างกันพอ
ตอนที่7.“โอ๋ๆ นิ่งซะคนดี ไม่ต้องตกใจนะ”ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาพูดไปแบบนั้นซึ่งนาวีเองก็ไม่คิดว่าตนเองจะพูดอะไรที่ดูงี่เง่าแบบนั้นกับคนที่ตัวสั่นอยู่กับอกกว้างเปล่าเปลือยของตน เพราะเขาไม่ได้กลัดกระดุมเสื้อร่างเล็กดูบอบบางราวแก้วใสทว่าอวบอิ่มตามวัยสาวเบียดชิดกับร่างแกร่งด้วยความตระหนกนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่นตกใจกับเสียงฟ้าผ่าและแสงแปลบปลาบบนท้องฟ้านั้นไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามีสิ่งที่น่ากลัวกว่าอยู่ใกล้ตัว และไม่รู้เลยว่าวงแขนแกร่งของคนตัวโตที่ตนซุกซบอยู่นั้นเกี่ยวกระหวัดรัดรอบเอวบางแน่นขึ้น และตอนนี้เธอก็กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนร่างกึ่งเปลือยของเขาอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ที่เพิ่งลุกไปเมื่อครู่นี้ในขณะที่สาวน้อยกำลังหวาดหวั่นกับสถานการณ์ธรรมชาติที่เหมือนบ้าคลั่งอยู่ภายนอก คนที่กำลังถูกธรรมชาติของร่างกายเล่นงานก็กำลังข่มอารมณ์ฝ่ายต่ำที่รบกวนจิตใจอยู่อย่างสุดกำลัง แต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่อยู่ในร่างกายบวกกับความต้องการที่ถูกขัดขวางเมื่อครู่ก่อนหน้านี้ รวมทั้งกลิ่นสาบสาวกรุ่นกลิ่นยั่วเย้าและบรรยากาศนำพาไปเช่นนี้นาวีจึงทำในสิ่งที่อำนาจฝ่ายมืดดำบงการ โดยไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาภายหลัง...บุษ
ตอนที่8.การตอบสนองอย่างน่ารักของเธอทำให้นาวีไม่อาจยับยั้งชั่งใจอะไรได้อีกต่อไป มือร้อนที่สำรวจดงดอกไม้สดฉ่ำละออกไปถูกทดแทนด้วยปากและลิ้นร้ายกาจพลิกพลิ้วดื่มกินน้ำหวานจากกายสาวที่ไหลเอ่อ ความหวานหอมของกลิ่นเนื้อสาวแรกแย้มยิ่งทำให้มึนเมาเกินกว่าจะคิดถึงความเหมาะสมผิดชอบชั่วดี ยิ่งเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนของแม่สาวน้อยร่างบางที่ดังก้องไปทั้งห้องก็ยั่วเย้าให้อารมณ์หนุ่มกระเจิดกระเจิง ใบหน้าหล่อเหลาละจากใจกลางร่างสาวแล้วขยับร่างกายให้พรักพร้อมที่จะโจนจ้วงเข้าสู่แอ่งเสน่หา และทันทีที่แก่นกายใหญ่โตแทรกเข้าไปเพียงนิดแม่สาวน้อยที่สั่นเร่าอยู่ใต้ร่างก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดน้ำตาใสๆ เปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าแดงก่ำ“โอ๊ย.. จะ เจ็บ ฮือ พี่วีออกไปนะ..” มือน้อยที่เคยลูบไล้กายแกร่งอย่างหลงใหลบัดนี้ทั้งผลักไสทุบตีเขาพัลวัน...“ชู่ววว คนดีนิ่งๆ ก่อน แล้วมันจะดีขึ้นพี่สัญญา น้องบูมคนดีนิ่งก่อนนะครับ...”ปลอบเธอทั้งใบหน้าบิดเบ้ด้วยความทรมานและอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกกับช่องทางคับแน่นที่โอบรัด นาวีพรมจูบไปทั้งใบหน้าแดงก่ำเรื่อยมายังทรวงอกอิ่มฟ้อนเฟ้นลูบไล้เรือนกายอรชรสร้างความหวั่นไหวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใ
ตอนที่9.“ครับผม พี่กล้าเอง” กล้า ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคมเข้มแบบฉบับหนุ่มไทยแท้รูปร่างสูงใหญ่ผมยาวระบ่ากว้างกรามแกร่งเต็มไปด้วยหนวดเคราแม้จะไม่ได้ยาวเฟื้อยดูดิบเถื่อน เพราะกร้านงานในไร่แต่มีเสน่ห์สไตล์หนุ่มลูกทุ่งและเขาก็เป็นเพื่อนรักของนาวีด้วยแน่นอนว่าเสน่ห์ของหนุ่มทั้งสองก็กินกันไม่ลง ชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยแม้แต่น้อย“สวัสดีค่ะพี่กล้า ไม่คิดว่าจะได้เจอหนุ่มชาวไร่ที่นี่เลยนะคะ” “แหม่.. น้องบูมก็พูดเกินไปครับหนุ่มชาวไร่ชาวนาอย่างพี่กล้าก็มาหาดูอะไรสวยๆ งามๆ ในเมืองบ้างล่ะครับ”“ผึ้งว่าเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะ แถวนี้อากาศเริ่มไม่ดีแล้ว”น้ำผึ้งซึ่งยังเคืองคนที่ว่าเธออ้วนม่อต้อไม่หายเอ่ยชวนใบหน้าบึ้งตึง ไม่หันมามองคนตัวโตที่คอยแต่จะหาเรื่องตนทุกครั้งที่เจอหน้ากัน“พี่กล้าไปด้วยกันสิคะ นานๆ จะได้เจอกันที”“บูม.. ไปชวนเขาทำไม เราที่หมายถึงคือผึ้งกับบูมเท่านั้นนะ”น้ำผึ้งหน้าหงิกเมื่อบุษกรเอ่ยชวนกล้าและชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าจะปฏิเสธเสียด้วยสิ“งั้นดีเลย พี่หิวพอดี ไปร้านไหนน้องบูมเลือกเลยครับ”“ไปร้านนี้เลยค่ะ มาเถอะผึ้ง” บุษกรจูงมือน้ำผึ้งที่ทำท่าจะอ้าปากประท้วงไปยั
ตอนที่10.“บูม ผึ้งกลับแล้วนะ เดี๋ยวจะไปเรียกแท็กซี่กลับเองไม่อยากร่วมทางกับพวกคนเถื่อน” น้ำผึ้งปรายตามองคนตัวสูงอย่างฉุนเฉียวไม่หาย“อ้าวทำไมล่ะผึ้ง”“คนขี้ขลาดก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับน้องบูม”กล้ายกยิ้มหยันๆ ทำให้น้ำผึ้งหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายและโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ ตั้งแต่เจอกับกล้าเธอก็ถูกเขาแขวะจิกกัดตลอด ตอนนี้ยังบังอาจมาดูถูกเธอด้วย น้ำผึ้งสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วสะบัดหน้าหนี“ฉันจะไปรอในรถก็แล้วกัน..” พูดแล้วก็กระแทกเท้าเดินไปนั่งรอเขาบนรถซ้ำยังแกล้งปิดประตูรถของเขาเสียเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนกล้าแอบย่นคออย่างหวาดเสียวว่าประตูจะหลุดออกมาจากตัวรถ“อิอิ.. เสียวสันหลังวาบเลยใช่ไหมคะพี่กล้า” บุษกรหัวเราะอย่างอดไม่ไหว“เราก็เหมือนกันยายตัวแสบ”กล้าไม่ตอบแต่หันมาขยี้เรือนผมสลวยของเธออย่างเอ็นดูแกมหมั่นไส้สาวน้อยตรงหน้าที่วันนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้วด้วยความชื่นชม บุษกรสวยน่ารักและเก่ง ที่สามารถทำให้ใครบางคนแทบแดดิ้นตายเพียงเพราะเธอปรายตามอง และคนที่กำลังจะดิ้นตายก็เดินมายังพวกเขาด้วยใบหน้าถมึงทึง“ทำอะไรกัน แล้วแกมาทำไมวะไอ้กล้า” ถามเสียงขุ่นแววตากร้าวจัดแต่ไม่ได้ทำให้กล้าหวาดหวั่นแต่แอบขันเ
ตอนที่54.อวสานสามคนพ่อแม่ลูกกลับมาถึงบ้านคุณปู่คุณย่าก็ออกมารับหลานรักไปอาบน้ำอาบท่า น้องนาวาก็เล่าเรื่องราวที่ตนได้ไปพบเจอให้คุณปู่คุณย่าฟังอย่างตื่นเต้นด้วยคำพูดที่ชัดบ้างไม่ชัดบ้างแต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มด้วยความสุขเมื่อพ่อหนูน้อยเล่าขาน คุณปู่ก็คอยเสริมคำพูดที่ไม่ชัดให้กับหลานชาย“นาวาให้อาหางปาด้วยล่ะ ปาตัวหย้ายหย่าย”“อาหาร ครับเด็กดีไม่ใช่ อาหาง”“อาหาร” เด็กชายพูดตามคุณปู่แล้วยิ้มแป้นเมื่อคุณปู่ยกนิ้วโป้งขึ้นชื่นชมว่าเยี่ยมมาก “ย่าว่าเราไปอาบน้ำกันดีกว่า แล้วลงมาทานข้าว”“ดีคับ เดี๋ยวนาวาหอมแก้มคุงแม่บูมก่อง...”เด็กชายบอกแล้ววิ่งมาหามารดาซึ่งก็เอียงแก้มไว้รอท่า พอหอมแก้มคุณแม่แล้วก็ไม่ละเลยที่จะหอมแก้มคุณพ่อด้วย“แก้มคุงพ่อไม่หอมเลย”น้องนาวาทำทีเบะปากคุณพ่อจึงแกล้งกอดรัดร่างกลมๆ นั้นแล้วหอมแก้มใสของลูกชายแรงๆ น้องนาวาหัวเราะชอบใจก่อนจะดิ้นรนออกจากวงแขนคุณพ่อวิ่งไปหาคุณปู่คุณย่า“เจ้าตัวร้าย..” นาวีมองตามหลังลูกชายที่เดินร้องเพลงเจื้อยแจ้วไปกับคุณปู่คุณย่า“ความร้ายกาจคงได้มาจากคุณพ่อเต็มๆ ค่ะ” บุษกรย้อนสามียิ้มๆ“ก็ถ้าไม่ร้ายกาจ จะมีเมียสวยๆ ลูกน่ารักๆ เหรอครับ”“ค่า ร้ายกาจจน
ตอนที่53.“อื้ม พี่วี อย่าซนสิคะ พอแล้ว...” เสียงหวานห้ามปรามกระเส่าแผ่วพร่าเมื่อมือร้อนผ่าวของสามีไม่อยู่สุข“ก็พี่ยังไม่อิ่มนี่นา บูมสนใจแต่น้องนาวาไม่สนใจพี่นาวีเลย”ปากว่าแต่มือไม่หยุดยุ่มย่ามกับนวลเนื้อนุ่มมือของภรรยาที่นับวันยิ่งสวยผุดผาดบาดตาบาดใจจนเขาอดใจไม่ไหวทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ ตอนนี้น้องนาวีครบหนึ่งขวบแล้ว และวันนี้คุณปู่คุณย่าพาน้องนาวาไปซื้อของขวัญวันเกิดแบบพิเศษหลังจากที่ทำบุญเลี้ยงพระที่บ้านแล้วและเดินทางไปทำบุญเลี้ยงอาหาร พร้อมทั้งแจกทุนการศึกษาให้เด็กกำพร้า เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต และเหมือนว่าคุณปู่คุณย่าจะวางแผนไว้ดี ตกค่ำก็หลอกล่อพาหลานชายไปนอนด้วยเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง ซึ่งนาวีอยากใช้เวลานี้ให้คุ้มค่าที่สุด“พี่วีน่ะมักมาก ต่อให้บูมสนใจพี่วีแค่ไหนก็ไม่พอหรอกค่ะ”หญิงสาวหันมามองสามีตาเขียวแล้วก็หน้าแดงก่ำเมื่อตัวตนของเขาที่ยังอยู่ในร่างสาวเหยียดขยายขึ้นมาอีกรอบพร้อมทั้ง
ตอนที่52.บุษกรรู้สึกสงสารชะตากรรมของธัญญาลักษณ์จนน้ำตาซึมกับเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้น“ทีนี้น้องบูมเข้าใจแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมพี่ยังคบหากับแคทอยู่ แต่เธอก็คงจะอยู่กับเราได้ไม่นาน อาการของเธอแย่ลงทุกวัน”“ค่ะ บูมขอโทษที่คิดมากเรื่องนี้”“พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้บอกน้องบูม ก็เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าฟังนัก แต่พี่ลืมไปว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้เมียพี่เข้าใจผิดและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”“บูมยอมรับค่ะว่าหึงพี่วีกับพี่แคท...”บุษกรสารภาพเสียงอ่อย ก่อนจะเงยหน้ามองเขาตาโตที่ตนเผลอพูดออกไปแต่ทำให้คนฟังหัวใจพองโตรู้ได้ทันทีว่าเธอเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเขา“พี่รักบูม / บูมรักพี่วี...”หนุ่มสาวพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งตัวเช่นกัน“เอ่อ... พี่วีแย่งบูมพูดทำไมคะ คนเขาอุตส่าห์ว่าจะพูดก่อน” เธอทุบอกกว้างของเขาเขินๆ ในขณะที่นาวียิ้มกว้างด้วยความอิ่มเอมใจ
ตอนที่51บุษกรย่องออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ขลุกอยู่ในนั้นเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อทำใจ ร่างที่กลับมาบอบบางดังเดิมแต่ก็อวบอิ่มขึ้นในส่วนที่ควร หลบให้ร่างสูงที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำด้วยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ“สู้ๆ นะบูม เราต้องทำได้...”หญิงสาวบอกตนเองขณะเดินไปนั่งอ่านหนังสือรอสามีทำธุระส่วนตัว สิบนาทีผ่านไปนาวีก็ออกมาจากห้องน้ำร่างแกร่งที่กลับมาแข็งแรงทรงเสน่ห์ดังเดิมสวมเพียงกางเกงผ้าฝ้ายขายาวตัวเดียวเท่านั้น ทำให้บุษกรเมินหน้าหนีด้วยใจที่เต้นแรง ไอ้ที่คิดๆ ไว้ว่าจะพูดกับเขาเริ่มตีกันสับสนวุ่นวายอยู่ในหัว“น้องบูมอ่านอะไรอยู่เหรอครับ”ร่างสูงเดินมาหาคนที่ก้มหน้างุดอยู่กับหนังสือในมือ ท่าทางตื่นๆ ของเธอทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างเอ็นดู บุษกรก็ยังคงเป็นสาวขี้อายตื่นกลัวเขาอยู่เสมอ แต่ยามที่เจ้าหล่อนดื้อรั้นเย็นชาก็ทำให้เขาเกรงๆ เธออยู่ไม่น้อย“บูมกำลังจะไปนอนแล้วค่ะ”หญิงสาวรีบวางหนังสือแล้วลุกขึ้นคิดว่าจะหลบไปตั้งหลักก่อน เพราะตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงเหลือเกิน แต่
ตอนที่50.“ว้าว ลูกชายพ่อแต่งตัวหล่อจัง หล่อเหมือนพ่อเลย”บุษกรค้อนคุณพ่อสุดหล่ออย่างหมั่นไส้แล้วหน้าแดงกับแผงอกเปล่าเปลือยของเขา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน นาวีก็ยังทำให้ใจสาวหวั่นไหวได้ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งเห็นเขาในสภาพที่ล่อแหลมเซ็กซี่ขยี้ใจแบบนี้เลือดในกายสาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างน่าละอาย“ทำไมพี่วีไม่แต่งตัวเสียทีล่ะคะ”“อะไรนะ...” นาวีมัวแต่ยิ้มให้ลูกชายไม่ทันฟังที่เธอพูดและคิดว่าตนเองหูแว่วเมื่อได้ยินสรรพนามที่สนิทสนมของเธอ แต่หญิงสาวก็ลุกขึ้นอุ้มลูกออกไปเสียก่อน เขาจึงรีบแต่งตัวตามออกไปสามพ่อลูกเดินลงมาหาคุณปู่คุณย่าที่รอรับหลานรักไปเดินเล่น บุษกรยื่นร่างอวบของลูกชายให้ผู้เป็นย่าซึ่งยื่นแขนมารอรับเจ้าตัวเล็กก็รู้อ้อนรีบยื่นแขนอวบๆ ไปหาผู้เป็นย่าแล้วหอมแก้มเหี่ยวย่นด้วยไร้เดียงสาเพราะเด็กชายจำได้ดีเมื่อคุณย่า คุณปู่อุ้มจะต้องหอมแก้มตนดังนั้นน้องนาวาจึงเรียนรู้ที่จะทำตามซึ่งมันทำให้คุณปู่คุณย่าทั้งรักทั้งหลงหลานตัวน้อย“หนูบูมกับวีไปทานข้าวกันเถอะลูก
ตอนที่ 49.“ก็แล้วทำไมไม่พูดไม่บอกความจริงในใจให้น้องรับรู้ล่ะ มานั่งถอนหายใจทิ้งมันมีประโยชน์อะไร”“คุณพ่อรู้ได้ยังไงครับว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”“ก็สิ่งที่ลูกเป็น คือสิ่งที่พ่อเคยผ่านมาก่อนไงล่ะ” คุณบดินทร์วางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหน้าลูกชายจริงจัง“ฟังพ่อนะวี ตอนนี้ลูกทั้งสองคนเหมือนคนป่วย ป่วยทางจิตใจ ใจที่ขาดความรักก็เหมือนใจที่ตายแล้ว อะไรที่ตายแล้วก็ไร้ประโยชน์...”“แต่ผม... เธอคงเกลียดผม”นาวีไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะในใจของเขานั้นมันตื้อตันและสับสนไปเสียทุกอย่าง“นาวี ตอนนี้ลูกมีครอบครัวที่เกือบจะสมบูรณ์แล้วนะ มีเมียและลูกที่น่ารัก ตาหนูเป็นดังแก้วตาดวงใจของเราทุกคน ตาหนูคงไม่ต้องการเติบโตมาท่ามกลางความหวาดระแวงแคลงใจของพ่อแม่หรอกนะ”“ผม...”“วีควรบอกน้อง ในทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองรู้สึก พ่อบอกได้เพียงเท่านี้” คุณบดินทร์ตบบ่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเบ
ตอนที่48.น้ำผึ้งส่ายหน้ายิ้มๆ เมื่อเห็นว่าสามีของตนกำลังจะอ้าปากต่อล้อต่อเถียงกับนาวี แต่แล้วนาทีต่อมาทุกคนต่างหันขวับไปที่ประตูห้องคลอดที่เปิดออกมาก นายแพทย์ใหญ่วัยกลางคนเดินยิ้มออกมานาวีรีบถลาเข้าไปหาคุณหมอทันที“ยินดีด้วยนะครับ คุณนาวีได้ลูกชาย สมบูรณ์แข็งแรงดีครับ...”“เย้...” ทุกคนที่รอคอยฟังข่าวดีต่างโห่ร้องด้วยความยินดี นาวีวิ่งไปกอดมารดากับบิดาของตนด้วยความซาบซึ้งใจ ความเป็นพ่อมันช่างวิเศษเหลือเกิน...บุษกรได้รับการดูแลอย่างดีจากนางพยาบาลพิเศษที่มาคอยดูแลเธอถึงที่บ้านตามความต้องการของคุณเคียร่ากับคุณบดินทร์ที่อยากให้ลูกสะใภ้คนสวยได้รับการเอาใจใส่ดูแลด้วยวิธีการอยู่ไฟตามแบบโบราณที่คุณบดินทร์เคยให้ภรรยาอยู่ไฟเมื่อครั้งให้กำเนิดนาวีนั่นเอง ด้วยเห็นว่าวิถีไทยเช่นนี้มีประโยชน์และเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยไว้ด้วย อีกทั้งสมุนไพรของไทยก็มีส่วนช่วยให้ทั้งแม่และลูกสุขภาพแข็งแรง ส่วนคุณพ่อจอมเห่อก็คอยดูแลเธอทุกย่างก้าวเลยก็ว่าได้ นาวีคอยดูแลเธอก
ตอนที่47.ทางด้านนาวีก็กำลังครุ่นคิดเมื่อวางงานในมือลง ชายหนุ่มก็ปิดโน้ตบุ๊กแล้วเดินออกมาหน้าเต็นท์หลังใหญ่ที่ตอนนี้หน้าเต็นท์ของเขานั้นมีดอกไม้หลากหลายชิด และสีสันทั้งปลูกลงดินและปลูกในกระถางออกดอกบานสะพรั่งแล้วก็นึกถึงคนเอามาปลูกให้ บุษกรชอบดอกไม้และผู้หญิงทุกคนก็คงชอบดอกไม้เหมือนๆ กัน มันทำให้คนมองดอกไม้เหล่านี้คิดถึงพวกเธอได้เสมอ บุษกรฉลาดที่มาปลูกดอกไม้ไว้หน้าเต็นท์เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนๆ เขาก็จะได้เห็นและได้กลิ่นดอกไม้ของเธอ ทุกครั้งที่เห็น เขาก็จะนึกถึงใบหน้าสวยหวานกับรอยยิ้มสดใสของเธอ กลิ่นหอมของดอกไม้ก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงความหอมของเรือนร่างงดงามอวบอิ่ม คิดถึงผิวเนื้อเนียนละมุนที่เคยได้สัมผัสตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาที่เขากับบุษกรได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบห่างๆ อย่างห่วงๆ แม้ไม่ได้ใกล้ชิดกันเช่นคู่รักหรือสามีภรรยาทั่วไปก็ตาม แต่การที่ได้เฝ้ามองกันอยู่ห่างๆ ทำให้เขาได้รู้ใจตนเองมากขึ้น ได้พูดกับเธอบ้างเล็กน้อย และได้มองเธออยู่ไกลๆ ตามข้อตกลงที่เขายังคงทำตามอย่างเคร่งครัด ก็ยิ่งทำให้ประจักษ์กับตนเองว่าเขาขาดเธอกับลูกไม
ตอนที่46.เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่นาวีแหกกฎที่ตกลงกันไว้เข้าไปหาบุษกรโดยหวังจะคิดทำตามใจตนเองด้วยความที่อดทนไม่ได้กับแรงกดดันรอบด้าน แต่เขากลับได้รับรู้ถึงสัมผัสอันแสนวิเศษระหว่างพ่อแม่ลูกแล้วและได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง นาวีก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากชายหนุ่มที่เคยเย็นชา เจ้ายศเจ้าอย่างและดุดันจนคนรอบข้างนึกเกรงขามไม่กล้าเข้าใกล้ กลายเป็นชายหนุ่มที่อบอุ่น ยิ้มง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน ซ้ำยังมีน้ำใจและจิตสาธารณะจนไม่น่าเชื่อ แม้แต่บุษกรเองที่เคยเห็นแต่ใบหน้ามึนตึงราวยักษ์วัดแจ้ง ท่าทางเย็นชาเมินหมางและไว้ตัวของเขามาตลอดยังรู้สึกทึ่งที่นาวีได้เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้หลังจากคืนนั้นนาวีไม่เข้ามาวุ่นวายกับเธอตามที่ได้ตกลงกันไว้แต่นาวีจะมามองหน้าหวานๆ ของเธอก่อนกลับไปนอนที่เต็นท์ของเขาดังเดิม เวลารับประทานอาหารเขาก็จะมาคอยดูว่าเธอกินอะไรบ้างในแต่ละวันแล้วอาสาไปซื้อมาให้ และทำอาหารให้เธอแทนแม่ครัวของเปรมซึ่งเปรมก็อนุญาต จากที่เปรมเคยโกรธและเกลียดสิ่งที่นาวีทำกับบุษกร จากที่เคยตั้งแง่รังเกียจและกลั่นแกล้งนาวีเพื่อแก้เผ็ดแทนหญิงสาว