Share

ตอนที่2.

ตอนที่2.

ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านเอกสารนิ่งโดยไม่พูดจาทำให้เธอมีโอกาสลอบมองเขาเงียบๆ ด้วยใจที่สั่นไหวไม่หาย ใบหน้าหล่อเหลาที่ประดับด้วยดวงตาคมใหญ่ใต้คิ้วหนายาวจรดหางตา จมูกโด่งเป็นสันสวยงามอย่างคนเลือดผสมและริมฝีปากหยักสีเข้มรับกับคางแกร่งมีรอยบุ๋มเล็กน้อยไรเคราที่มีตอหนวดขึ้นจางๆ นั้นไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปแต่กลับทำให้นาวีดูหล่อเหลา เซ็กซี่น่าคลั่งไคล้อย่างที่สาวๆ ในมหาวิทยาลัยกล่าวขานกัน แต่สีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาก็ส่งให้นาวีดูเคร่งขรึมเย็นชาจนเหมือนหุ่นขี้ผึ้งในพิพิธภัณฑ์...

บุษกรแอบถอนหายใจเบาๆ ราวกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหายใจของตน ทั้งยังพยายามนั่งให้ชิดประตูรถฝั่งที่ตนนั่งมากที่สุดเพื่อไม่ให้ระยะห่างของเขากับเธอใกล้กันเกินไป แต่รถยนต์หรูกว้างใหญ่ทั้งรูปลักษณ์และยี่ห้อดังระดับโลกก็กว้างขวางจนมันทำให้เธอรู้สึกตัวเล็กลงไปมาก ยิ่งมานั่งอยู่กับคนร่างกายใหญ่โตอย่างนาวีด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งเหมือนมดตัวเล็กๆ ที่หลงเข้ามาในปราสาทของอสูรร่างยักษ์ผู้ดุดันเหี้ยมโหด... บุษกรหันมองถนนที่คลาคล่ำด้วยรถราขวักไขว่อย่างเหม่อลอยด้วยความอึดอัดและสับสน...

“นั่งมากับฉันมันทำให้คิดหนักมากรึไง ถึงทำหน้าตาเหมือนกำลังจะตายแบบนั้น...”

จู่ๆ เสียงเข้มดุดันของเขาก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันมากว่าสามสิบนาทีที่นั่งรถมาด้วยกันทำให้บุษกรสะดุ้งโหยงหันขวับมามองเขาหน้าตื่น

“ปละ เปล่า นะคะ บูมแค่ เอ่อ...”

บุษกรพูดตะกุกตะกักรู้สึกคอแห้งปากแห้งจนแสบร้าวไปทั้งลำคอ เธอจึงตวัดลิ้นเล็กๆ นั้นเลียริมฝีปากสีเรื่อที่ของตนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้มันแล้วก้มหลบตาเขาอย่างขลาดกลัว...

สายตาของเขาน่ากลัวเหลือเกิน มันวาววับราวกับว่ามีเปลวเพลิงอยู่ในหน่วยตาคมคู่นั้น นี่เธอทำอะไรผิดนักหนาเขาจึงต้องทำหน้ายักษ์ใส่ทุกทีที่เจอหน้ากัน ทั้งที่อยู่ในรั้วบ้านเดียวกันแต่เธอกับเขาก็เหมือนคนแปลกหน้า...

ทั้งที่เคย... ไม่นะ เธอจะต้องไม่คิดถึงเรื่องนั้น... บุษกรหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อคิดถึง อดีต ที่ไม่น่าจดจำ...

“เวลาพูดกับผู้ใหญ่ทำไมไม่มองหน้า...”

คนที่อาวุโสกว่าเสียงดังเหมือนตะคอกยิ่งทำให้เธอน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างง่ายดาย ความรู้สึกที่ถูกอัดแน่นบีบคั้นอยู่ในอกก็ยิ่งเพิ่มความกดดันให้เธอจนปวดร้าวไปทั้งช่องท้องกระบอกตาร้อนผ่าว...

“บูม...” สาวน้อยเงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาที่ฉ่ำพราวด้วยหยาดน้ำใส พอดีกับที่รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนมาจอดยังประตูด้านหลังของคฤหาสน์หลังงาม บุษกรจึงฉวยโอกาสนั้นเปิดประตูลงไปแล้ววิ่งตื๋อไปไขกุญแจแล้วเข้าบ้านไปท่ามกลางสายตาฉุนเฉียวของคนที่มองตามแผ่นหลังเล็กไปอย่างไม่ชอบใจ ก่อนที่คนขับรถจะเคลื่อนรถออกไปเมื่อเห็นว่า คนในปกครอง ของเจ้านายหนุ่มเข้าบ้านแล้วเรียบร้อย... 

เมื่อวิ่งเข้ามาหลบภัยในห้องนอนเล็กของตนแล้วบุษกรก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจจะเก็บกักน้ำตาได้อีกต่อไป น้ำตามากมายหลั่งไหลพรั่งพรูเหมือนว่าเขื่อนพัง ร่างเล็กนั่งอย่างหมดแรงลงบนเตียงนุ่มเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก มือน้อยยกขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กน้อยหลงทาง

“คุณพ่อ คุณแม่ขา น้องบูมคิดถึงคุณพ่อคุณแม่... ฮือออ... พี่วีใจร้ายกับบูมเหลือเกิน...” สาวน้อยกล่าวเจือสะอื้นกับรูปของบิดามารดาบนหัวเตียงที่ส่งยิ้มมาให้เธอเสมอไม่ว่ายามใด...

หากพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็คงโอบกอดเธอและจูบเบาๆ ที่หน้าผาก กล่อมเธอให้หลับด้วยนิทานสักเรื่อง หรือเพลงเพราะๆ จากมารดาสักเพลง แต่ตอนนี้เธอไม่มีใครสักคนที่จะโอบกอดหรือปลอบประโลมยามทุกข์ทนท้อแท้... แม้แต่คนที่รับปากกับพวกท่านก่อนสิ้นใจว่าจะดูแลเธออย่างดีก็ไม่ได้ทำเหมือนที่สัญญาไว้แม้แต่น้อย... 

บุษกรล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้าแล้วค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรันทดเมื่อนึกถึงชะตากรรมของตนเอง...

เมื่อสามปีที่แล้วเธอยังเป็นคุณหนูแสนสวยร่ำรวยไฮโซมีบิดามารดาอยู่กันพร้อมหน้า ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตงดงามดั่งเจ้าหญิง อยากได้อะไรไม่มีที่จะไม่ได้เพราะบิดามารดารักเธอมาก เนื่องจากเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ไฟแรงที่อนาคตกำลังไปได้สวย

แต่แล้วก็เหมือนฟ้าเล่นตลกเมื่อจู่ๆ ธุรกิจส่งออกสินค้าอาหารแช่แข็งของบิดาประสบปัญหาขาดทุนอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เธอกำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่ง และในวันที่จะเข้ามอบตัวเป็นนักศึกษานั้นเอง เป็นวันที่บิดามารดาของเธอเสียชีวิต...

“บูมไปมหาวิทยาลัยก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อกับแม่จะตามไปฉลองด้วยกันทีหลัง... แม่กับพ่อรักลูกนะจ๊ะ”

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากปากของมารดาที่มาส่งเธอขึ้นรถไปมหาวิทยาลัย ใบหน้าของมารดาดูเศร้าสร้อยแต่ก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นทุกวันทำให้เธอไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามันจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของมารดาที่จะได้เห็น...

ระหว่างที่รอบิดามารดาเข้ามาจัดการเรื่องเรียนที่มหาวิทยาลัยเธอรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำสร้อยคอทองคำขาวเส้นงามที่มีจี้รูปหัวใจซึ่งข้างในมันเป็นรูปครอบครัวของเธอนั้นก็ขาดอย่างไม่มีสาเหตุทำให้เธอโทรศัพท์กลับมาหามารดา แต่ปลายสายไม่มีใครรับ เธอพยายามโทรศัพท์หาใครสักคนในบ้าน แต่แล้วก็ไม่มีใครรับจนเมื่อนาวีมารับเธอให้ไปโรงพยาบาลด้วยกัน ทำให้เธอได้รู้ว่ามีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกท่าน...

บิดาของเธอฆ่าตัวตายพร้อมด้วยมารดา...

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status