๑
กลิ่นกรุ่น
“ นังจวง ๆ เอ็งรีบไปตามยายกล่ำมาประเดี๋ยวนี้ คุณหญิงท่านใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว ”
เสียงโหวกเหวกดังไปทั่วอาณาบริเวณเรือนไม้ใหญ่ บ่าวไพร่วิ่งวุ่นกันไปทั่ว บ้างก็วิ่งเข้าครัวเพื่อตระเตรียมหม้อดินมาต้มน้ำรอยายกล่ำ ผู้ซึ่งเป็นหมอตำแยผู้มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน
“ แล้วนี่มีผู้ใดไปแจ้งท่านเจ้าคุณแล้วหรือไม่ ไอ้แจ้ง ข้าให้เอ็งไปบอก แล้วนี่เอ็งไปมาแล้วหรืออย่างไร ”
“ ข้าให้คนไปแจ้งแล้วจ้ะพี่ น่าจะอีกสักประเดี๋ยวท่านเจ้าคุณน่าจะถึงจ้ะ ”
“ อย่าให้พลาดเชียวนะไอ้แจ้ง ”
ไอ้มาด หัวหน้าบ่าวในเรือนกำชับให้แน่ใจ ก่อนจะรีบเดินออกไปดูตรงส่วนอื่นต่อระหว่างที่รอหมอตำแยที่ส่งคนไปตามที่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนเท่าใดนัก
“ พี่มาด ยายกล่ำมาหรือยังพี่ คุณหญิงเจ็บท้องมานานแล้วนะพี่ ”
“ กูรู้แล้ว กูก็ร้อนใจไม่ต่างจากมึงหรอก ”
“ พี่จะมัวแต่ร้อนใจไม่ได้นะพี่มาด คนเจ็บท้องคือคุณหญิงท่าน รีบให้ใครไปเร่งประเดี๋ยวนี้เลย ”
“ เออๆ กูรู้แล้ว มึงรีบเข้าไปดูคุณหญิงท่านซะ ทางนี้กูจัดการเอง ไอ้แจ้งๆ มึงรีบไปฉุดยายกล่ำมาประเดี๋ยวนี้ ถ้าเดินไม่ไหว มึงก็อุ้มยายกล่ำวิ่งมาให้ทัน ไป!! ”
บ่าวหนุ่มรูปร่างกำยำ กุลีกุจอวิ่งไปยังทางบ้านหมอตำแย แต่ไม่ทันไรบ่าวที่ส่งไปตามก็แบกยายกล่ำขึ้นหลังวิ่งตาลีตาเหลือกมาถึงพอดี
“ ปล่อยข้าลงตรงนี้แหละ ไม่ต้องแบกข้าขึ้นกะได เดี๋ยวข้าก็ร่วงลงมาตายก่อนได้ทำคลอดพอดี แล้วนี่ให้ใครต้มน้ำร้อนไว้แล้วรึยัง ”
เสียงผู้อาวุโสกล่าวก่อนจะรีบก้าวอาด ๆ ขึ้นไปบนเรือน หลังจากยายกล่ำขึ้นไปบนเรือนได้ครู่ใหญ่ เจ้าคุณวรจิตร ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รูปร่างองอาจสมส่วน ก็ก้าวขึ้นไปบนเรือนที่ตอนนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาเงียบสงบเช่นเดิม มีก็เพียงแต่บ่าวรับใช้บนเรือนใหญ่เท่านั้นที่ยังเดินเข้าออกห้องของคุณหญิงท่าน
“ คุณท่านเจ้าขา คุณท่านได้ลูกชายเจ้าค่ะ ”
บ่าวคนสนิทของคุณหญิงรีบบอก ก่อนที่รอยยิ้มดีใจจะเผยให้เห็น ส่วนผู้เป็นนายก็รีบเดินข้ามธรณีประตูเข้าไปทันที
ภายในห้องบางส่วนก็ถูกทำความสะอาดไปบ้างแล้ว แต่ในสายตาของเจ้าคุณก็ยังมีสภาพไม่ต่างจากสนามรบสักเท่าใดนัก ร่างสูงปรี่เข้าไปหาหญิงสาวที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเตียงนอน โดยมีบ่าวและยายกล่ำคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
“ แข็งแรงแล้วก็ปลอดภัยทั้งแม่ ทั้งลูกเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ แต่คุณหญิงท่านจะอ่อนเพลียเล็กน้อย พักสักสองสามวันเรี่ยวแรงก็จะดีขึ้นตามเวลาเจ้าค่ะ ”
“ ขอบใจเอ็งมากยายกล่ำ ข้าจ่ายให้เอ็งอย่างงามทีเดียว เดี๋ยวเอ็งไปหาไอ้มาด มันจะจัดการให้เอ็งเอง ”
“ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ หลังจากนี้ก็แค่ให้คุณหญิงอยู่ไฟให้ครบนะเจ้าคะ ฉันบอกนังจวงไว้แล้วเจ้าค่ะ ”
“ ได้ ขอบใจเอ็งมาก ”
ยายกล่ำยกมือไหว้ลาเจ้าบ้าน ก่อนจะเดินตามบ่าวในบ้านเพื่อไปรับค่าเหนื่อยที่ไอ้มาด เจ้าคุณวรจิตรนั่งมองคุณหญิงกลอยที่นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน มือกร้านค่อยๆ กอบกุมมือเล็กอย่างแผ่วเบา นิ้วโป้งบรรจงเกลี่ยหลังมือด้วยความทะนุถนอม
“ คุณพี่... ”
เสียงเรียกแผ่วเบา ดึงสายตาของชายที่นั่งข้างเตียงให้มองไปที่ใบหน้ามน ดวงตาดำขลับที่มองชายผู้เป็นที่รัก ก่อนที่น้ำใสจะเอ่อคลอ
“ เป็นเช่นไรบ้างแม่กลอย เจ็บตรงไหนหรือไม่ ”
“ เจ็บกาย...แต่น้องดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะคุณพี่ น้องมีลูกชายให้คุณพี่ได้ ”
“ ลูกของพี่กับแม่กลอย ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงพี่ก็ดีใจทั้งสิ้น เสียดายก็แต่พี่ไม่ได้อยู่ข้างแม่กลอยในเพลาสำคัญเช่นนี้ ”
“ เรื่องนี้น้องไม่โกรธคุณพี่เลยเจ้าค่ะ แค่น้องตื่นมาได้เห็นหน้าคุณพี่กับลูกชายของเรา น้องก็ดีใจเหลือประมาณแล้วเจ้าค่ะ ”
คุณหญิงกลอยค่อย ๆ ประคองบุตรชายที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด เขย่าตัวเบา ๆ เมื่อได้ยินเสียงลูกน้อย ท่านเจ้าคุณโน้มตัวเข้าไปมองหน้าบุตรชายคนแรกของตนเองพร้อมหัวใจที่พองโต
“ คุณพี่จะให้ชื่อลูกว่ากระไรดีเจ้าคะ ”
“ พี่ไปขอให้หลวงพ่อที่วัดบวรวรรณท่านตั้งให้แล้ว หลวงพ่อท่านว่าลูกเราคนนี้เกิดจากความรักของแม่กลอยกับพี่ ท่านให้ชื่อว่า ‘รักษ์’ แม่กลอยชอบหรือไม่ ”
“ ชอบเจ้าค่ะคุณพี่ ชื่อก็เพราะความหมายก็ดีเจ้าค่ะ แล้วลูกล่ะเจ้าชอบหรือไม่ ‘พ่อรักษ์’ ของแม่ ”
พ่อรักษ์เติบโตมาจวบจนอายุครบสามขวบปี ถูกฟูมฟักเลี้ยงดูด้วยความรักเต็มเปี่ยม เจ้าคุณวรจิตรเองหลังเสร็จจากการทำงานก็ตรงกลับเรือนไม่เคยต้องให้เมียและลูกชายต้องรอเลยสักครั้ง คุณหญิงกลอยก็ทำหน้าที่เมียได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่พักหลัง ๆ มานี้คุณหญิงเริ่มเจ็บออดออดแอดแอด มีบางครั้งก็นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้อยู่หลายวัน แต่เพราะลูกชายก็อยู่ในวัยที่กำลังซุกซน ทำให้บางครั้งต้องฝืนตนเองมาดูแลลูก และในเช้าวันนี้ก็เช่นกันคุณหญิงนอนพักผ่อนอยู่ที่แคร่บนเรือนใหญ่ โดยมีบ่าวรับใช้คอยพัดวีให้อยู่ข้าง ๆ ไม่ไกลออกไปก็มีบ่าวบนเรือนคอยดูแลบุตรชายของตนเองอีกที
“ คุณหญิงเจ้าขา ”
เสียงบ่าวหน้าตาสะสวยคนหนึ่งวิ่งตาตื่นขึ้นมาบนเรือน ส่งผลให้คนที่เพิ่งได้งีบหลับไปครู่หนึ่งลืมตาขึ้นมองไปยังคนต้นเสียง
“ มีกระไรแม่จวง วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว ”
“ นังปรุงมันเจ็บท้องจะคลอดเจ้าค่ะคุณหญิง ”
“ อย่างนั้นเอ็งก็ไปตามยายกล่ำมาอย่าช้าที เห็นว่าท้องแรกนี่ ข้ารู้ดีเจ็บเจียนตายเทียว ”
“ เจ้าค่ะคุณหญิง ”
คุณหญิงสั่งบ่าวเสร็จก็ทำทีจะลุกขึ้น แต่ก็โดนบ่าวข้างกายพูดดักไว้เสียก่อน
“ พักเถิดเจ้าค่ะคุณหญิง เรื่องของบ่าวก็ให้พวกบ่าว ๆ จัดการกันเองเถิดเจ้าค่ะ แค่คุณหญิงเมตตาให้ยายกล่ำมาทำคลอดให้ก็เป็นบุญโขแล้วเจ้าค่ะ ”
“ แต่พวกเอ็งเป็นบ่าวในเรือน ก็เหมือนเป็นญาติพี่น้องของข้า การดูแลพวกเอ็งก็เหมือนเป็นการทดแทนที่พวกเอ็งดูแลข้ากับลูก ”
“ คุณหญิงเจ้าขา พวกบ่าวก็แค่บ่าวรับใช้ ไม่อยากยกตนเสมอนายหรอกเจ้าค่ะ เหาจะกินหัวเอานะเจ้าคะ ”
“ ดูพูดเข้า ถ้าอย่างนั้นพวกเอ็งก็ไปดูให้เรียบร้อยแทนข้าที มีสิ่งใดขาดเหลือก็จัดหาให้ครบ อย่าให้แม่กับลูกลำบากเชียว ”
“ เจ้าค่ะ พักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ช่วงนี้คุณหญิงยิ่งเจ็บไข้บ่อยจนท่านเจ้าคุณแทบไม่เป็นอันทำงานแล้วเจ้าค่ะ ”
“ พวกเอ็งก็พูดเกินไป ข้านอนพักก็ได้ ”
คุณหญิงค่อย ๆ เอนหลังลงไปตามเดิม สายตาก็มองไปยังลูกชาย รอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นลูกชายกำลังเล่นอยู่กับบ่าว
“ ครานี้เจ้าก็จะได้มีเพื่อนวัยใกล้ ๆ กันไว้เล่นด้วยแล้วหนาลูกแม่ ”
เสียงนกร้องจากบนท้องฟ้าที่เจือไปด้วยสีส้ม ลมเย็นพัดเบา ๆ ที่ชานเรือน ร่างกำยำของท่านเจ้าคุณเดินเข้าไปหาร่างอรชรที่ตอนนี้ดูซูบผอมเพราะอาการเจ็บป่วย ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงด้านข้างใช้นิ้วกร้านเกลี่ยแก้มนวล
“ คุณพี่... ”
“ เป็นอย่างไรแม่กลอย เห็นบ่าวบอกพี่ว่าวันนี้ก็จับไข้อีกแล้วรึ ”
“ ก็ลมฟ้าลมฝนเจ้าค่ะคุณพี่ บ่าวไพร่ก็หายาให้น้องกินทั้งวันเจ้าค่ะ นี่น้องเองก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ เลยคิดว่าจะชวนคุณพี่ไปที่เรือนบ่าวกับน้องเสียหน่อย คุณพี่ไปกับน้องได้หรือไม่เจ้าคะ ”
“ แม่กลอยจะไปเรือนบ่าวทำไม มีกระไรก็เรียกบ่าวมันขึ้นมาบนเรือนไม่ดีกว่ารึ ”
“ พอดีวันนี้แม่ปรุงคลอดลูกชาย น้องอยากจะไปดูหน้าเด็กเสียหน่อยเจ้าค่ะ คุณพี่ไปกับน้องนะเจ้าคะพาพ่อรักษ์ไปด้วย ”
“ แต่นี้ใกล้จะค่ำแล้วหนา พี่ว่าวันพรุ่งค่อยไปดีหรือไม่ พี่ไม่อยากให้แม่กลอยตากน้ำค้างประเดี๋ยวจะเจ็บไข้เสียเปล่า ๆ ”
“ แต่น้องอยากไปดูเด็กจริง ๆ นะเจ้าคะคุณพี่ ”
“ ก็ได้แม่กลอยพี่พาแม่กลอยไปก็ได้ แต่หาเสื้อหาผ้าใส่ให้หนาหน่อยดีหรือไม่ อากาศเย็นแล้วเดี๋ยวจะเจ็บไข้เอาเสียอีก ”
แม้ใจไม่ได้อยากพาไปเสียเท่าไหร่ แต่เมื่อมองดวงตาที่สุกใสของเมียทีไรเป็นต้องใจอ่อน ขัดไม่ได้เสียทุกครั้ง
“ นังปรุง ๆ ท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงมาเยี่ยมเอ็งน่ะ ลุกขึ้นมาเร็วเข้า ”
“ แม่จวงนี่ก็กระไร จะไปเรียกให้แม่ปรุงลุกมาได้อย่างไร คนเพิ่งจะคลอดลูก เดี๋ยวข้าขึ้นไปดูเอง ”
คุณหญิงกลอยท้วงติงบ่าวของตนเอง ก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นไปบนเรือนบ่าวกับผู้เป็นสามี ร่างอวบที่นอนอิดโรยให้รีบลุกขึ้นเมื่อเห็นผู้เป็นนายขึ้นมาบนเรือน นังปรุงรีบลุกขึ้นมาก่อนจะขยับผ้ามาพันปทุมถันให้เรียบร้อยเพราะกำลังให้นมลูกชาย คุณหญิงกลอยอุ้มพ่อรักษ์ไว้ในอ้อมกอด แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ฟูกนอนอย่างไม่ถือตัว โดยมีเจ้าคุณวรจิตรมองดูอยู่ไม่ไกล
“ เป็นเช่นไรบ้างแม่ปรุง ”
รอยยิ้มอ่อนโยนส่งไปให้แม่คนใหม่ ก่อนจะมองไปยังเด็กตัวน้อยผิวเหี่ยวย่น ที่นอนอยู่บนเปล
“ บ่าวไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้บ่าวก็ลงไปทำงานได้เช่นเดิมเจ้าค่ะ ”
“ อย่าเชียวนะแม่ปรุงเพิ่งจะคลอดมาหยก ๆ อู่ยังไม่ทันเข้าที่เข้าทางจะไปทำงานหนัก ๆ ได้อย่างไร พักเสียให้หายดี บ่าวไพร่ในเรือนมีออกมากมายช่วยกันไปก่อนเสียก็ย่อมได้ ”
“ บุญของบ่าวเหลือเกินเจ้าค่ะ ”
แม่ปรุงน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน ตัวสั่นเทาเพราะแรงสะอื้น
“ ดูเอาสิหยุดร้องได้แล้วแม่ปรุง ไหนขอข้าอุ้มลูกแม่ปรุงเสียหน่อยได้หรือไม่ ”
คุณหญิงพูดพลางวางพ่อรักษ์ลงบนฟูก ก่อนจะเอื้อมไปอุ้มเด็กชายมาไว้ในอ้อมอก เขย่าเด็กน้อยเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
“ แล้วนี่พ่อเจ้าหนูน้อยนี่ไปไหนเสียล่ะแม่ปรุง ”
“ พ่อมันป่วยตายไปเมื่อสามสี่เดือนก่อนแล้วเจ้าค่ะคุณหญิง ”
“ อย่างนั้นรึ...ช่างอาภัพเสียจริง อย่างนี้แล้วก็ไม่มีผู้ใดตั้งชื่อให้ลูกแม่ปรุงน่ะสิ ”
“ เจ้าค่ะ พ่อมันตายไปเสียก่อนจะได้ตั้งชื่อให้มันเจ้าค่ะ ”
“ เช่นนั้นคุณพี่เจ้าคะ คุณพี่ตั้งชื่อให้เจ้าหนูนี่ได้หรือไม่เจ้าคะ น้องใคร่อยากได้เด็กคนนี้ให้เป็นเพื่อนเล่นกับพ่อรักษ์เจ้าค่ะ ”
“ หากเจ้าเวทนามัน พี่ก็ไม่ขัดเจ้าดอก ”
ท่านเจ้าคุณมองในเรือนบ่าวโดยทั่ว ก่อนจะหันออกมามองนอกเรือนพบต้นดอกซ่อนกลิ่นที่กำลังออกดอกขาวสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมไปทั่วอาณาบริเวณ
“ เช่นนั้นก็เรียกมันว่า ‘ไอ้กลิ่น’ ก็แล้วกัน ยามนี้ข้าออกมาเจอมันพร้อม ๆ กับกลิ่นหอมของดอกซ่อนกลิ่น ชื่อนี้ข้าว่าเหมาะกับมันแล้ว ”
“ ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ เป็นบุญของบ่าวกับลูกเหลือเกินเจ้าค่ะ ”
คุณหญิงมองดูเด็กชายในอ้อมแขน ก่อนพ่อรักษ์ที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ จะเอื้อมมาจับมือน้อยของ ‘เจ้ากลิ่น’
“ ว่าอย่างไรพ่อรักษ์ จากนี้ไปเจ้าหนูน้อยคนนี้จะเป็นเพื่อนเล่นกับลูกนะจ๊ะ ”
คุณหญิงกลอยมองดูลูกชายของตนจับมือเจ้ากลิ่นด้วยความเอ็นดู พ่อรักษ์เองก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ไปให้ ถึงแม้จะยังไม่ได้รู้เรื่องราวกระไรมากนัก แต่พ่อรักษ์น่าจะพอใจกับเพื่อนคนนี้เป็นแน่แท้
๒ ครั้นกลีบบุปผาโรย กาลเวลาผ่านพ้นมาจนพ่อรักษ์อายุจวนจะครบเก้าขวบ เจ้ากลิ่นเองก็เติบโตมาเป็นเด็กชายสมวัย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเติบโตมากับบุตรชายของท่านเจ้าคุณหรืออย่างไร ผิวพรรณของลูกบ่าวผู้นี้ถึงได้ผุดผ่อง ผิดแผกจากลูกบ่าวคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรือนเดียวกัน และด้วยความที่เจ้ากลิ่นนั้นเป็นเด็กไม่ดื้อไม่ซน คุณหญิงกลอยจึงเอ็นดูมันยิ่งนัก “ แค่ก ๆ ” เสียงไอแห้ง ๆ ดังมาจากคุณหญิงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่ศาลาข้างเรือนใหญ่ มือเรียวกำลังประคองท้องที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว แต่ร่างกายกลับดูซูบผอมไม่เหมือนคนท้องใกล้คลอดแม้แต่น้อย “ ขึ้นเรือนดีหรือไม่เจ้าคะคุณหญิง บ่าวเห็นคุณหญิงไอถี่เหลือเกินเจ้าค่ะ ” “ พ่อรักษ์กับพ่อกลิ่นยังเล่นกันอยู่ ข้าไม่อยากห้ามลูกที่กำลังสนุก อีกอย่างข้าจะมีโอกาสได้ดูลูกเล่นได้เช่นนี้อีกนานไหมก็มิรู้ได้ ” “ คุณหญิงอย่าเอ่ยเช่นนี้สิเจ้าคะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะเจ้าคะคุณหญิง ” เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยกระไรตอบกลับ เพราะไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าตัวเองว่าร่างกายนั้นกำลัง
๓ มั่นคงดั่งทานตะวัน “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ” คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้ “ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ” เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู “ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ” “ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ” “ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ” “ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ” “ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ” “ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอร
๔ เข้มแข็งดุจผกากรอง สองร่างกายเปลือยเปล่าบนตั่งนอนที่มีเบาะยัดนุ่นหุ้มด้วยผ้าพื้นสีแดง มือใหญ่ของพ่อรักษ์กอบกุมปทุมถันของนางกลางเมืองอย่าง “จำเรียน” ร่างอรชรค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนย่ำรุ่ง หลังผ่านค่ำคืนสวาทกับบุตรชายของท่านเจ้าคุณมีชื่อ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในวัยกลัดมันหรืออย่างไร จำเรียนจึงต้องปรนเปรอชายหนุ่มผู้นี้จนร่างกายบอบช้ำไปแทบทั้งตัว กว่าจะได้หลับตาพักก็ตอนที่แสงโคมสีแดงที่อยู่ในเรือนไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเรือนแห่งนี้ได้เวลาหลับไหล “ อือ.... ” เสียงครางในลำคอ พร้อมกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้นจนจำเรียนต้องพยายามดันแขนไว้ “ คุณรักษ์เจ้าคะ ขอจำเรียนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ” “ ล้างทำไมให้เปลืองเวลาไปเล่า อีกประเดี๋ยวข้าก็ทำให้เอ็งเหนียวตัวอีกรอบแล้ว เอ็งดูสิตัวของข้ามันต้องการเอ็งอีกรอบแล้วเห็นหรือไม่จำเรียน ” พ่อรักษ์ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังส่วนที่กำลังขยายใหญ่ตรงกลางลำตัว จำเรียนจ้องมองไปยังส่วนนั้น ก่อนที่ร่างบางจะโดนร่างแกร่งจับพลิกตัวลงกับเบาะนอน พร้อม ๆ กับบทเพลงบรร
๕ สบดวงเนตร สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง “ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ” แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ “ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ” พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง “ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
๖ อวลกลิ่นพุดตาน “ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ” “ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” “ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ” “ เจ้าค่ะ... ” “ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ” “ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ” ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย “ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ” แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ “ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
๗ เบญจมาศในหมู่ภมร “ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด “ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ “ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ” “ จะ...เจ้าค่ะ ” นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว “ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ” พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ “ นั่งลง ” “ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ” “ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ” “ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ” “ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้
๘ เจ็บกายแต่เต็มใจ เปลือกตาดำคล้ำค่อย ๆ เปิดขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วตัว ดวงตาดำหรี่มองบุคคลข้าง ๆ ที่ดูเลือนรางไปหมด “ คุณรักษ์ขอรับ... ” เสียงเจ้ากลิ่นทำให้พ่อรักษ์แค่นยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเพ่งมองไปยังใบหน้าขาวของบ่าวจนมองเห็นชัดในสายตาของตนเอง “ ดูทำหน้าเข้าซีพ่อกลิ่น ข้ายังไม่ได้ตายเสียหน่อย ” “ คุณรักษ์อย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ มันเป็นลางไม่ดีนะขอรับ ” “ แล้วนี่ใครเป็นคนพาข้ากลับมาที่เรือนหรือพ่อกลิ่น ” “ พี่จอมกับลุงมาดขอรับ ” “ แล้วพ่อข้ารู้เรื่องหรือไม่พ่อกลิ่น ” เจ้ากลิ่นพยักหน้าเบา ๆ ด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนที่หัวทุยของมันจะโดนมือกร้านลูบเพื่อให้คลายกังวล “ ไม่ต้องห่วงข้าดอกพ่อกลิ่น...แล้วนี่พ่อกลิ่นมาเฝ้าข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ” “ เมื่อคืนขอรับ พอมีคนมาแจ้งข่าวท่านเจ้าคุณก็สั่งให้บ่าวในเรือนไปพาคุณรักษ์มาที่เรือนขอรับ ท่านเจ้าคุณให้หมอยามาดูคุณรักษ์แล้วก็ให้กินยาให้หมดสามวันขอรับ แล้วนี่คุณรักษ์หิวหรือยังขอรับ ” “ หิวแล้วซีพ่อก
๙ เป็นเวรหรือกรรม “ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ” ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน “ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ” “ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ” “ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ” " จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ” “ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ” “ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ” “ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ” “ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ” ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ
๓๓เดือดดาลพ่อรักษ์กินข้าวเช้าที่น้องสาวเอามาให้จนหมดสำรับ มื้อนี้ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ แต่ถึงแม้ภายในใจจะโล่งอกเพราะตนเองนั้นไม่ได้มีกระไรเกินเลยกับเมียในนาม แต่พอมานั่งคิดดูแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันล่วงเลยจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ นั้นมีสาเหตุมาจากคนเพียงแค่คนเดียว เมื่อนึกได้แล้วพ่อรักษ์ก็ได้แต่นึกก่นด่าตนเองอยู่ในใจ ที่ผ่านมามัวแต่เห็นแก่ความรู้สึกของตนเองเพียงอย่างเดียว จนมองไม่เห็นถึงต้นตอของปัญหาเลยสักนิด“ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง...เข้ามาหากูที ”“ เจ้าคะคุณรักษ์ มีกระไรให้บ่าวทำหรือเจ้าคะ ”“ มึงไปดูทีว่าคุณหญิงพุดตานอยู่ที่ห้องหรือไม่ ”“ คุณหญิงออกไปตลาดตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ คุณรักษ์มีกระไรหรือไม่เจ้าคะ ”“ ไม่มี...เอ็งจะไปทำกระไรก็ไปเถิด อีกประเดี๋ยวข้าก็จะกลับเรือนข้าแล้ว ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของแม่รำพึง แววตามีประกายกระไรบางอย่าง ในใจครุ่นคิดว่าต่อแต่นี้ตนเองจะต้องใช้ชีวิตให้มีสติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะไม่ปล่อยให้อารมณ์นำพาตนเองให้ทำกระไรโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอีกแล้วคืนนี้พ่อรักษ์มานั่งมองจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่บนนภา หวนรำ
๓๒ผิดแผนเสียงหรีดหริ่งร้องระงมในคืนที่หนาวเหน็บเช่นคืนนี้ ร่างขาวนวลเอวคอดกิ่วนอนหันหลังให้กับร่างคร้ามสีเข้มลมหายใจไม่เป็นจังหวะ บ้างสั้น บ้างยาวที่พ่นออกมาของพ่อรักษ์นั้นยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้เย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อข่มตาหลับอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงได้ แม้ว่าค่ำคืนตั้งแต่แต่งงานกันเข้ามาก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยิ่งเมื่อเจ้ากลิ่นออกจากเรือนนี้ไปแล้วก็ยิ่งดูเหมือนว่าพ่อรักษ์นั้นจะปิดกั้นตนเองออกจากคนอื่น ๆ“ นวลว่าตั้งแต่วันพรุ่ง นวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลนะเจ้าคะ... ”“ ... ”“ นวลรู้ดีเจ้าค่ะว่าคุณพี่มิได้รักนวล แต่ที่เราต้องแต่งงานกันเยี่ยงนี้เป็นเพราะนวลไม่กล้าเอง ตั้งแต่วันพรุ่งนวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลเราสองคนจะได้มิต้องมาอึดอัดใจกันเยี่ยงนี้นะเจ้าคะ ”แม่นวลลออเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงของแมลงคลออยู่ไกล ๆ พ่อรักษ์ได้แต่นอนฟังอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาพรูใหญ่“ แม่นวลก็นอนเสียที่ห้องนี้ ห้องหับใหญ่สะดวกกว่าห้องเล็กเดิมที่เคยนอน ส่วนข้าจะกลับไปนอนที่เรือนเล็กหลัง
๓๑จำต้องปล่อยไปงานแต่งของพ่อรักษ์กับแม่นวลถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่แม่นวลลออกับพ่อรักษ์นั้นทำผิดผีกันนั้นแพร่งพรายออกไปยังนอกเรือน ไม่ต้องบอกก็รู้แจ้งว่าเป็นฝีมือของผู้ใดหากไม่ใช่คุณพุดตานบ่าวไพร่ในเรือนต่างง่วนอยู่กับการตระเตรียมงานให้พร้อม ข้าวปลาอาหารของมงคลต่าง ๆ ถูกตระเตรียมไว้มิให้ขาดตกบกพร่อง ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกคุณพุดตานเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ปานว่าของเหล่านี้นั้นมีพร้อมมานานแล้วเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่เกิดเรื่องของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออ เจ้ากลิ่นก็กลับมานอนที่เรือนบ่าวเพราะไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของมันไปกระทบกับแม่นวลลออ คราแรกพ่อรักษ์มิยอมทำตามเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับแม่นวลลออ แต่เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงชาวบ้านร้านประชาด้านนอก ชื่อเสียงของแม่นวลก็พลอยด่างพร้อยไปด้วย เจ้ากลิ่นจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าหากเรื่องของมันกับพ่อกลิ่นออกไปยังคนนอกเรือนอีก รังแต่จะทำให้ท่านเจ้าคุณเสียชื่อและอาจจะทำให้อาการเจ็บไข้ที่ดูเหมือนดีขึ้นให้กลับมาทรุดหนักเอาได้ พ่อรักษ์จึงยอมให้เจ้ากลิ่นกลับมานอนที่เรือนบ่าว ส่วนตนเองก็นอนอยู่ที่เรือนเล็กมิได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เรือนใหญ่ แม้ว่าท่านเ