๔
เข้มแข็งดุจผกากรอง
สองร่างกายเปลือยเปล่าบนตั่งนอนที่มีเบาะยัดนุ่นหุ้มด้วยผ้าพื้นสีแดง มือใหญ่ของพ่อรักษ์กอบกุมปทุมถันของนางกลางเมืองอย่าง “จำเรียน”
ร่างอรชรค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนย่ำรุ่ง หลังผ่านค่ำคืนสวาทกับบุตรชายของท่านเจ้าคุณมีชื่อ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในวัยกลัดมันหรืออย่างไร จำเรียนจึงต้องปรนเปรอชายหนุ่มผู้นี้จนร่างกายบอบช้ำไปแทบทั้งตัว กว่าจะได้หลับตาพักก็ตอนที่แสงโคมสีแดงที่อยู่ในเรือนไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเรือนแห่งนี้ได้เวลาหลับไหล
“ อือ.... ”
เสียงครางในลำคอ พร้อมกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้นจนจำเรียนต้องพยายามดันแขนไว้
“ คุณรักษ์เจ้าคะ ขอจำเรียนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ”
“ ล้างทำไมให้เปลืองเวลาไปเล่า อีกประเดี๋ยวข้าก็ทำให้เอ็งเหนียวตัวอีกรอบแล้ว เอ็งดูสิตัวของข้ามันต้องการเอ็งอีกรอบแล้วเห็นหรือไม่จำเรียน ”
พ่อรักษ์ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังส่วนที่กำลังขยายใหญ่ตรงกลางลำตัว จำเรียนจ้องมองไปยังส่วนนั้น ก่อนที่ร่างบางจะโดนร่างแกร่งจับพลิกตัวลงกับเบาะนอน พร้อม ๆ กับบทเพลงบรรเลงรสสวาทที่กำลังปะทุไปพร้อมกับเสียงไก่ขันตอนย่ำรุ่ง
“ คุณรักษ์เจ้าขา...อื้ออออ ”
“ คุณรักษ์ขอรับ คุณท่านเรียกหาขอรับ ”
เมื่อขาเหยียบย่างเข้ามาภายในบริเวณเรือน ไอ้มาดก็วิ่งเข้ามาแจ้งทันที พ่อรักษ์มีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีทีท่าทุกข์ร้อนสิ่งใด ก่อนก้าวเท้าเดินขึ้นเรือนใหญ่
“ คุณพ่อเรียกข้ามามีกระไรหรือขอรับ ”
เพียะ!!
พ่อรักษ์หันหน้ากลับมามองไปยังชายผู้เป็นบิดาที่ตอนนี้ใบหน้าดูช่างน่ากริ่งเกรง มือไม้สั่นเพราะความโมโห พ่อรักษ์เองก็ไม่ต่างกันแววตาแข็งกร้าวจนบ่าวไพร่ที่อยู่รอบข้างก็หวาดกลัวไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่แม่รำพึงที่ตอนนี้ยืนดูอยู่ใกล้ ๆ
“ คุณพ่อเจ้าขา ใจเย็นเถิดเจ้าค่ะ ”
“ เจ้าจะให้พ่อใจเย็นกับพี่ของเจ้าได้เยี่ยงไร ทำงามหน้าดีนัก ไม่น่าให้มึงเกิดมาให้เสียข้าวสุกเรือนกู ”
“ เจ้าคุณพ่อ...คุณพี่ ”
รำพึงได้แต่มองทั้งสองคนด้วยแววตาตื่นกลัว ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าความสัมพันธ์ของพ่อและพี่ชายไม่สู้ดีนัก แต่ก็ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่เหตุการณ์จะรุนแรงถึงเพียงนี้
“ คุณพ่อมีเรื่องที่จะคุยกับข้าเรื่องนี้หรือขอรับ มีกระไรอีกหรือไม่ขอรับ ”
“ มึงมันโอหังนัก กูอยากจะรู้จริง ๆ หากไม่มีกูคุ้มกะลาหัว มึงจะอยู่รอดมาจนถึงบัดนี้หรือไม่ ”
“ ข้าคงไม่รอดหรอกขอรับคุณพ่อ แต่คุณพ่อมิต้องกลัวนะขอรับ ข้ายังคงอยู่พึ่งใบบุญของคุณพ่อไปอีกนานขอรับ ”
“ ไอ้รักษ์...มึงไปให้พ้นหน้ากูบัดเดี๋ยวนี้ ไป!! ”
พ่อรักษ์เดินลงจากเรือนตรงไปที่สวนด้านหลัง ทิ้งให้บิดาและน้องสาวอยู่บนเรือนกันตามลำพังอย่างที่ท่านเจ้าคุณ ต้องการ
“ คุณพ่อ...กินน้ำเสียหน่อยนะเจ้าคะ ”
“ ขอบใจมากรำพึง อย่างน้อยพ่อก็ยังพอมีเจ้านี่แหละที่ยังพอพึ่งพาได้บ้าง ”
“ ลูกไม่ได้ทำกระไรเลยเจ้าค่ะคุณพ่อ ตอนคุณพ่อไม่อยู่เรือนหลายวัน ลูกเห็นก็เพียงแต่คุณพี่ที่คอยดูแลบ่าวไพร่แลเรื่องในเรือนอย่างมิขาดตกบกพร่องเลยนะเจ้าคะ ”
“ เป็นเพราะมันไม่ได้มีเรื่องใหญ่กระไรให้ดูแลน่ะสิ ส่วนบ่าวในเรือนพวกมันก็อยู่กันดีอยู่แล้ว พ่อไม่เคยเห็นพวกมันจะมีเรื่องกระไรมาให้หนักใจเท่ากับพี่ชายของเจ้าหรอก ”
“ คุณพ่อเจ้าคะ... ”
“ ไปพักผ่อนเสียเถอะรำพึง ต่อจากนี้พ่อเห็นจะต้องพึ่งเจ้าช่วยดูแลบ่าวไพร่ในเรือนเสียทีแล้ว ”
“ เจ้าค่ะ คุณพ่อก็นอนพักเสียบ้างนะเจ้าคะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ”
รำพึงแยกตัวออกไป ปล่อยให้เจ้าคุณวรจิตรพักผ่อนเงียบ ๆ
“ พี่เหนื่อยเหลือเกิน...แม่กลอย ”
ท่านเจ้าคุณเปรยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ในหัวก็เอาแต่คิดถึงเรื่องบุตรชายที่ไปได้ยินมา
“ หากแม่กลอยยังอยู่ ลูกเราคงเติบใหญ่มาได้ดีกว่านี้แน่ เฮ้อ... ”
สายลมเอื่อย ๆ พัดผ่านต้นไม้ที่ปลูกอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ ให้ร่มเงาที่ดูสดชื่นและร่มเย็น ร่างสูงที่ตอนนี้ดูจะใจเย็นลงแล้วนอนเงียบ ๆ อยู่ตรงนี้มาครู่ใหญ่ ท่อนแขนแกร่งที่ก่ายหน้าผากลดลงมาไว้ที่แผงอก ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้า ๆ แล้วลืมตามองดูต้นไม้ด้านบนก่อนจะลุกขึ้นมานั่งพิงต้นไม้
“ วันนี้ทำไมไม่เห็นพ่อกลิ่นเลย ”
พ่อรักษ์อดแปลกใจไม่ได้เมื่อไม่เห็นบ่าวข้างกายเหมือนเช่นทุกที หากเป็นเพลาปกติแล้วเจ้ากลิ่นจะต้องมานั่งอยู่เงียบ ๆ เป็นเพื่อนกับตนไม่เคยห่างเลยสักครา แต่ครานี้กลับไม่มีเจ้ากลิ่นอยู่ข้าง ๆ เหมือนเช่นก่อน พ่อรักษ์จึงรู้สึกวูบโหวงในอก
พ่อรักษ์ลุกขึ้นเดินไปยังเรือนบ่าวที่อยู่ท้ายสวนระหว่างทางที่เดินไปพวกบ่าวไพร่ก็เอาแต่ลอบมองพ่อรักษ์แปลก ๆ แต่พ่อรักษ์ก็หาได้สนใจมุ่งหน้าไปยังเรือนบ่าวเพื่อไปตามหาคนที่อยากเจอ
“ พ่อกลิ่น...พ่อกลิ่นอยู่หรือไม่ ”
พ่อรักษ์ตะโกนเรียกบ่าวอยู่หน้าเรือน ถึงแม้ความจริงพ่อรักษ์จะเดินเข้าไปเสียเลยก็ย่อมได้ แต่เพราะพ่อรักษ์รู้นิสัยใจคอของเจ้ากลิ่นดีว่ามิชอบให้ผู้ใดเข้าไปยุ่มย่ามกับเรือนพักอาศัยของตน
“ คุณรักษ์...มีกระไรให้บ่าวรับใช้หรือไม่เจ้าคะ ”
“ พ่อกลิ่นไม่อยู่หรือแม่ปรุง ”
พ่อรักษ์กล่าวกับนังปรุงด้วยน้ำเสียงสุภาพ เพราะเมื่อคราที่มารดาของตนตายไปก็ได้แม่ปรุงนี่แหละเป็นคนปลอบโยนและคอยให้เจ้ากลิ่นมาอยู่ข้างตนมิได้ขาด พ่อรักษ์จึงรักและเคารพในตัวของนังปรุงเฉกเช่นแม่คนหนึ่ง
“ พอดีไอ้กลิ่นมันมีไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณรักษ์มีกระไรเดี๋ยวอิฉันไปทำให้ได้นะเจ้าคะ ”
“ พ่อกลิ่นไม่สบายหรือแม่ปรุง เป็นกระไรมากหรือไม่ แล้วหยูกยาเล่ามีอยู่หรือ ให้ข้าเข้าไปดูพ่อกลิ่นเสียหน่อยเถิดแม่ปรุง ”
พ่อรักษ์คิ้วขมวดมุ่นเอ่ยรัว พร้อมก้าวอาด ๆ จะเข้าไปในเรือน
“ คุณรักษ์ไม่ต้องห่วงไอ้กลิ่นมันหรอกขอรับ ข้ากับป้าปรุงดูแลมันดีกว่าคนที่ทำให้มันเจ็บเสียอีกขอรับ ”
พ่อรักษ์หันไปมองตามเสียง ร่างหนาผิวคล้ำที่ไม่คุ้นตาเดินถือจอบเข้ามาเหมือนคนจะมาหาเรื่องชวนตี
“ มึงเป็นใคร แล้วเมื่อครู่มึงหมายความว่ากระไร ”
“ อย่าไปฟังไอ้จอมมันเลยเจ้าค่ะคุณรักษ์ มันก็พูดไปเลื่อนเปื้อนเจ้าค่ะ ไอ้จอมเอ็งเงียบปากไปเชียว “
นังปรุงเอ่ยปรามบ่าวหนุ่มที่ในมือถือจอบเหมือนพร้อมที่จะเอามันเป็นอาวุธได้ทุกเมื่อ
“ กูถามว่าเมื่อครู่มึงหมายความว่ากระไร ตอบกูมา ”
“ คุณรักษ์เจ้าขาอย่าไปฟังไอ้จอมมันพูดเลยเจ้าค่ะ ”
“ อย่าขัดข้าแม่ปรุง ”
น้ำเสียงมาพร้อมกับความดุดันในแววตา ส่งผลให้นังปรุงต้องเงียบปากก่อนจะค่อย ๆ ถอยตัวออกมาดูแทน
“ มึงพูดมา แจ้งกูมาให้กระจ่าง ”
ไอ้จอมดุนลิ้นอย่างยียวน แววตาไม่ยี่หระของจอมส่งผลให้พ่อรักษ์คิ้วกระตุก
“ แม่....ขอน้ำฉันกินหน่อยสิจ๊ะแม่... ”
เสียงอ่อนแรงเอ่ยขึ้นเพราะความแห้งผากในลำคอ มือขาวรับกะลาทรงกลมเล็ก ๆ ที่มีน้ำฝนบรรจุอยู่ในนั้นมากินก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง
ดวงตาปูดบวมค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามีคนนั่งอยู่ไม่ไกล ร่างสลัวค่อย ๆ เด่นชัดเข้ามาในสายตาของเจ้ากลิ่น ใบหน้าคร้ามของพ่อรักษ์ดูเรียบเฉยจนเจ้ากลิ่นเองก็มิรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของผู้เป็นนายได้เลยแม้แต่น้อย
“ คุณรักษ์หรือขอรับ.... ”
“ มิต้องลุกขึ้นมาดอก พักเสียเถอะ ”
น้ำเสียงที่แม้จะดูไร้อารมณ์แต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใย แต่เจ้ากลิ่นกลับคิดว่านายของมันกำลังโมโหเพราะสีหน้าที่ไม่แสดงออกของพ่อรักษ์
“ เห็นคุณรักษ์กลับเรือนมาแล้วบ่าวก็เบาใจขอรับ เมื่อวานบ่าวตามหาคุณรักษ์ไปเสียทั่วเลยขอรับ ”
“ เป็นห่วงเป็นใยข้าถึงเพียงนี้เลยหรือพ่อกลิ่น ”
“ ห่วงซีขอรับ แม่ข้าบอกว่าคุณหญิงกลอยเคยกำชับกับข้าเมื่อยังเด็กว่าให้ข้ารับใช้คุณรักษ์ให้ดีนี่ขอรับ ”
“ เด็กขนาดนั้นเจ้าจำได้ด้วยหรือพ่อกลิ่น ”
“ แค่คลับคล้ายคลับคลาขอรับ ว่าแต่คุณรักษ์มาเรือนบ่าวมีงานกระไรให้บ่าวทำหรือขอรับ ”
“ เขียวช้ำไปทั่วตัวเช่นนี้แล้ว พ่อจะทำงานได้เยี่ยงไร นอนพักสักสองสามวันให้หายดีเสียเถิด แล้วก็นี่...ข้าเอาของที่พ่อกลิ่นชอบมาให้ ”
พ่อรักษ์ยื่นกระทงใบตองสีเขียวเข้มด้านในบรรจุขนมพระพายก้อนกลม ๆ ที่มีทั้งสีเขียวสีฟ้า ราดด้วยน้ำกะทิข้น ๆ ดูน่ากิน เจ้ากลิ่นดูขนมที่รับมาด้วยความสนใจ
“ ขนมพระพายหรือขอรับ บ้านไหนมีงานแต่งหรือขอรับ คุณรักษ์ถึงหามาได้น่ะขอรับ ”
“ ขนมที่พ่อชอบกิน ต่อให้ไม่มีงานมงคล ข้าก็หามาให้พ่อกลิ่นกินได้ทั้งหมดนั่นแหละ ”
“ เป็นบุญของบ่าวอย่างไอ้กลิ่นเสียจริงขอรับคุณรักษ์ ขอบคุณนะขอรับ ”
“ รีบกินเสียเถิด จะได้พักผ่อน ”
พ่อรักษ์เอ่ยบอก มือหนายื่นไปลูบหัวทุยด้วยความเอ็นดู มุมปากยกยิ้มเพราะแก้มขาวของเจ้ากลิ่นกำลังเคี้ยวขนมจนแก้มป่อง
“ ค่อย ๆ กินสิพ่อกลิ่น ”
พ่อรักษ์ปาดกะทิที่เปื้อนมุมปากของเจ้ากลิ่นออก นึกย้อนไปช่วงที่มารดายังมีชีวิตอยู่ ครั้งที่ตนกับเจ้ากลิ่นยังเล็กนัก แต่ก็จำได้ว่าเคยทำเฉกเช่นเดียวกับที่ตนทำกับเจ้ากลิ่นในตอนนี้มาก่อน
“ กินเปื้อนเปรอะหมดอีกแล้วพ่อกลิ่นของน้า อร่อยถึงเพียงนั้นเลยรึ ”
“ ขอรับคุณน้า ขนมที่คุณน้าให้ข้ากินอร่อยทุกอย่างเลยขอรับ ”
“ ช่างพูดช่างจาเสียจริงพ่อ ใช่มั้ยพ่อรักษ์น้องพูดจาฉอเลาะอย่างที่แม่พูดจริงหรือไม่ ”
“ จริงขอรับคุณแม่ พ่อกลิ่นช่างพูดช่างจานักขอรับ ”
พ่อรักษ์ได้แต่ทอดถอนในใจ ครุ่นคิดแต่เพียงว่าหากแม่ของตนยังอยู่ตนจะใช้ชีวิตได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้บ้างหรือไม่
“ เป็นกระไรหรือขอรับคุณรักษ์ ”
เจ้ากลิ่นถามเมื่อเห็นว่านายของมันสีหน้าไม่สู้ดีเท่าใดนัก
“ ข้าเองมิได้เป็นกระไรดอก ตัวพ่อกลิ่นนั่นแหละที่เป็น บอกข้าได้หรือไม่ว่าผู้ใดทำเจ้า ”
“ บ่าวไม่บอกดอกขอรับ บอกไปเดี๋ยวคุณรักษ์ก็ไปมีเรื่องมีราวให้คุณท่านเดือดร้อนใจอีก ”
“ เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นรึ ”
“ หรือไม่จริงเล่าขอรับ... ”
“ พ่อกลิ่นก็เห็นว่าข้าเป็นตัวปัญหาอย่างนั้นหรือ ”
น้ำเสียงทอดถอนใจส่งตรงไปให้เจ้ากลิ่น จนมันต้องรีบบอกเพราะกลัวนายของตนเข้าใจผิด
“ มิใช่เช่นนั้นนะขอรับคุณรักษ์ บ่าวไม่ได้ว่าคุณรักษ์ว่าเป็นตัวปัญหานะขอรับ บ่าวแค่อยากให้คุณรักษ์เพลา ๆ เรื่อง เที่ยวเล่นเสียบ้างขอรับ บ่าวแค่อยากให้คุณท่านพูดดี ๆ กับคุณรักษ์บ้างน่ะขอรับ ”
“ แค่พ่อกลิ่นพูดดีกับข้าก็เพียงพอแล้ว คนอื่นจะพูดกับข้าเช่นไร ข้ามิสนใจดอก แค่พ่อกลิ่นคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ”
“ อย่างน้อยก็ยังมีคุณรำพึงอีกคนนะขอรับที่รักและเคารพคุณรักษ์เหมือนบ่าว ”
ชื่อที่ถูกเปล่งออกมาทำให้สีหน้าของพ่อรักษ์ขมวดมุ่นในทันใด แต่ไหนแต่ไรพ่อรักษ์ไม่เคยแม้แต่ที่จะแยแสน้องสาวของตนเอง เพราะตั้งแต่แม่รำพึงคลอดออกมาจนมารดาต้องตาย พ่อรักษ์ก็เอาแต่เฝ้าโทษน้องของตนเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณหญิงกลอยต้องตาย และถึงแม้ว่าเติบใหญ่มาจนรู้ความมากแล้ว แต่เพราะความอคติที่มีอยู่ภายในใจจึงทำให้พ่อรักษ์ไม่สามารถมองหน้าน้องสาวด้วยความเอ็นดู หรือรักใคร่เฉกเช่นพี่น้องเรือนอื่นได้
“ หยุดเสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะพ่อกลิ่น ข้ามาเรือนนี้เพราะจะมาหาเจ้า ไม่ใช่มาฟังเจ้าพูดถึงผู้อื่น หากไม่มีกระไรจะพูดก็กินขนมพระพายที่ข้าหามาให้เจ้าเถิดพ่อ ”
“ ขอรับคุณรักษ์... ”
เจ้ากลิ่นกลัวนายจะหัวเสียจึงหยิบขนมในมือขึ้นมากินอย่างเงียบ ๆ ลอบมองท่าทีของคุณรักษ์ที่มองมายังตนเองที่นั่งอยู่ใกล้กัน และดูเหมือนจะใกล้กันมากกว่าคราแรกที่เข้ามาเสียอีก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่ระยะห่างของนายกับบ่าวครู่นี้แทบจะไม่หลงเหลือช่องว่างให้ใครได้แทรกกลาง
“ แล้วนี่พ่อกลิ่นจะไม่บอกข้าจริง ๆ หรือ ว่ามันผู้ใดทำให้พ่อกลิ่นเจ็บถึงเพียงนี้ หรือเป็นเพราะข้าเองที่เป็นเหตุให้เจ้าต้องมารับกรรมแทนข้า ”
“ อย่าพูดเช่นนั้นสิขอรับ ขอเพียงคุณรักษ์ไม่มีรอยขีดข่วนบ่าวก็เบาใจแล้วขอรับ คุณรักษ์อย่าได้ถามหาคนทำ หรือโทษตนเองเลยนะขอรับ ถือว่าบ่าวขอนะขอรับ... ”
“ พ่อเล่นพูดเช่นนี้แล้วข้าก็จะไม่ถามอีก แต่ต่อจากนี้พ่อกลิ่นต้องอยู่ในสายตาของข้าตลอดเข้าใจหรือไม่ ”
“ ยกเว้นตอนปวดหนักกับปวดเบาให้บ่าวหน่อยได้ไหมขอรับ ”
“ พ่อกลิ่น...รีบกินขนมไปเสีย ยียวนกวนใจข้าตลอดนี่หากเป็นบ่าวคนอื่นข้าจะเฆี่ยนให้หลังลายเชียว ”
พ่อรักษ์ยิ้มน้อย ๆ ให้กับบ่าวคู่ใจ มือหนายีหัวทุยของเจ้ากลิ่นด้วยความเอ็นดู
“ อร่อยไหมเล่าพ่อกลิ่น เห็นทีเย็นนี้คงไม่ต้องกินข้าวแล้วกระมัง ”
“ อร่อยขอรับ ”
“ เช่นนั้นข้าก็ขอลองกินบ้างซี เผื่อคราหน้าข้าจะได้หามาให้พ่อกลิ่นอีก ”
พูดจบพ่อรักษ์ก็ก้มลงไปกัดขนมพระพายในมือของเจ้ากลิ่นที่กำลังจะเอาเข้าปากตนเอง ริมฝีปากพ่อรักษ์สัมผัสเข้ากับปลายนิ้วของเจ้ากลิ่น ดวงตาสบกันแต่ต่างความรู้สึก เจ้ากลิ่นรู้สึกโหวงในช่องท้องจนลืมหายใจไปชั่วขณะ จนกระทั่งพ่อรักษ์ยืดตัวกลับไปเช่นเดิม เจ้ากลิ่นจึงได้หายใจเอาอากาศเข้าร่างกาย
“ อร่อยจริง ๆ เสียด้วย เห็นทีข้าต้องหาขนมพระพายมากินบ่อย ๆ เสียแล้ว ”
๕ สบดวงเนตร สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง “ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ” แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ “ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ” พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง “ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
๖ อวลกลิ่นพุดตาน “ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ” “ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” “ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ” “ เจ้าค่ะ... ” “ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ” “ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ” ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย “ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ” แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ “ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
๗ เบญจมาศในหมู่ภมร “ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด “ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ “ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ” “ จะ...เจ้าค่ะ ” นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว “ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ” พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ “ นั่งลง ” “ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ” “ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ” “ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ” “ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้
๘ เจ็บกายแต่เต็มใจ เปลือกตาดำคล้ำค่อย ๆ เปิดขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วตัว ดวงตาดำหรี่มองบุคคลข้าง ๆ ที่ดูเลือนรางไปหมด “ คุณรักษ์ขอรับ... ” เสียงเจ้ากลิ่นทำให้พ่อรักษ์แค่นยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเพ่งมองไปยังใบหน้าขาวของบ่าวจนมองเห็นชัดในสายตาของตนเอง “ ดูทำหน้าเข้าซีพ่อกลิ่น ข้ายังไม่ได้ตายเสียหน่อย ” “ คุณรักษ์อย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ มันเป็นลางไม่ดีนะขอรับ ” “ แล้วนี่ใครเป็นคนพาข้ากลับมาที่เรือนหรือพ่อกลิ่น ” “ พี่จอมกับลุงมาดขอรับ ” “ แล้วพ่อข้ารู้เรื่องหรือไม่พ่อกลิ่น ” เจ้ากลิ่นพยักหน้าเบา ๆ ด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนที่หัวทุยของมันจะโดนมือกร้านลูบเพื่อให้คลายกังวล “ ไม่ต้องห่วงข้าดอกพ่อกลิ่น...แล้วนี่พ่อกลิ่นมาเฝ้าข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ” “ เมื่อคืนขอรับ พอมีคนมาแจ้งข่าวท่านเจ้าคุณก็สั่งให้บ่าวในเรือนไปพาคุณรักษ์มาที่เรือนขอรับ ท่านเจ้าคุณให้หมอยามาดูคุณรักษ์แล้วก็ให้กินยาให้หมดสามวันขอรับ แล้วนี่คุณรักษ์หิวหรือยังขอรับ ” “ หิวแล้วซีพ่อก
๙ เป็นเวรหรือกรรม “ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ” ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน “ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ” “ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ” “ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ” " จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ” “ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ” “ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ” “ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ” “ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ” ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น
๑๐ พี่จะพาเอ็งไปเอง “ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “ เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้ “ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ” “ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ” “ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ” พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง
๑๑ กลับเรือนกันเถิดขอรับ เช้านี้เจ้ากลิ่นตื่นแต่ไก่โห่ ใบหน้าแช่มชื่นฉาบไปด้วยรอยยิ้มเพราะนอนเต็มตื่นจนร่างกายเหมือนดอกไม้ยามเช้าที่ได้รับแสงแดดอุ่น “ แม่จ๋า วันนี้มีกระไรให้ฉันกินบ้างจ๊ะแม่ ” “ ก็น้ำพริกผักต้มนั่นแหละ อ้อ วันนี้ไอ้จอมได้ปลาดุกมาตัวโตเชียวแม่เลยว่าจะย่างมากินกับน้ำพริก ” “ พูดก็น้ำลายสอเสียแล้ว ใกล้เสร็จหรือยังจ๊ะแม่ ” “ รออีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เอ็งไปตามพี่เอ็งมากินข้าวไป ” “ จ้ะแม่ แล้วพี่จอมอยู่ไหนล่ะจ๊ะ ” “ เมื่อตะกี้แม่เห็นมันอยู่แถว ๆ สวนผักหลังเรือนนู่นน่ะ สงสัยคงจะตักน้ำรดผักอยู่เอ็งไปตามทีไป ” เจ้ากลิ่นเดินออกไปตามไอ้จอมตามที่แม่บอก สองเท้าก้าวไปเรื่อย ๆ จนมาถึงแปลงผักที่มีบ่าวไพร่สามสี่คนกำลังช่วยกันตักน้ำรดผักที่ปลูกไว้กินในเรือน หากเหลือกินท่านเจ้าคุณก็ให้เอาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง “ พี่จอม...พี่จอม แม่ให้มาตามไปกินข้าวจ้ะพี่ ” เสียงตะโกนเรียกของเจ้ากลิ่นทำให้ไอ้จอมชะงัก เหตุการณ์เมื่อคืนที่ไอ้จอมได้เผลอเอาน้องชายไปคิดเรื่
๑๒ แสนห่วงใย “ พ่อหมอๆ !!! ” เสียงตะโกนลั่นโรงหมอตั้งแต่ก่อนที่ร่างกำยำจะอุ้มร่างอันไร้สติของเจ้ากลิ่นเข้ามาถึงด้านในโรงหมอเสียอีก “ ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ เอ็งไปตามหมอยามาประเดี๋ยวนี้ ” สาวใหญ่ร่างท้วมเอ่ยบอกกับบ่าวที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่ตนเองจะรีบพาพ่อรักษ์ให้อุ้มเจ้ากลิ่นมาวางที่เตียงไม้ มืออวบจับพลิกเนื้อตัวดูทันทีที่พ่อรักษ์วางเจ้ากลิ่นลง “ มิเป็นกระไรมากดอกเจ้าค่ะ อย่าได้เป็นกังวลใจนะเจ้าคะ ” “ หากมิเป็นกระไร เหตุใดพ่อกลิ่นถึงไม่ได้ตื่นขึ้นมาเล่า เอ็งรีบไปตามท่านหมอมาประเดี๋ยวนี้ ” “ ข้าให้บ่าวไปตามให้แล้วเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้วเจ้าค่ะ ขอคุณท่านโปรดสงบจิตสงบใจด้วยเจ้าค่ะ โรงหมอยังมีผู้ป่วยไข้อื่นอยู่ด้วยนะเจ้าคะ ” ถึงแม้จะดูต่ำศักดิ์กว่าพ่อรักษ์ แต่เพราะหญิงตรงหน้ามีแววตาและท่าทางน่าไว้ใจ พ่อรักษ์จึงได้แต่เก็บกลั้นความกังวลใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้ไปกระทบถึงผู้อื่น รออยู่ครู่ใหญ่ท่านหมอก็มาตรวจเจ้ากลิ่นที่ยังไม่ได้สติ ก่อนจะหันไปสั่งให้บ่าวในเรือนต้มยาตามที่ตนเองสั่ง แล
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ
๓๓เดือดดาลพ่อรักษ์กินข้าวเช้าที่น้องสาวเอามาให้จนหมดสำรับ มื้อนี้ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ แต่ถึงแม้ภายในใจจะโล่งอกเพราะตนเองนั้นไม่ได้มีกระไรเกินเลยกับเมียในนาม แต่พอมานั่งคิดดูแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันล่วงเลยจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ นั้นมีสาเหตุมาจากคนเพียงแค่คนเดียว เมื่อนึกได้แล้วพ่อรักษ์ก็ได้แต่นึกก่นด่าตนเองอยู่ในใจ ที่ผ่านมามัวแต่เห็นแก่ความรู้สึกของตนเองเพียงอย่างเดียว จนมองไม่เห็นถึงต้นตอของปัญหาเลยสักนิด“ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง...เข้ามาหากูที ”“ เจ้าคะคุณรักษ์ มีกระไรให้บ่าวทำหรือเจ้าคะ ”“ มึงไปดูทีว่าคุณหญิงพุดตานอยู่ที่ห้องหรือไม่ ”“ คุณหญิงออกไปตลาดตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ คุณรักษ์มีกระไรหรือไม่เจ้าคะ ”“ ไม่มี...เอ็งจะไปทำกระไรก็ไปเถิด อีกประเดี๋ยวข้าก็จะกลับเรือนข้าแล้ว ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของแม่รำพึง แววตามีประกายกระไรบางอย่าง ในใจครุ่นคิดว่าต่อแต่นี้ตนเองจะต้องใช้ชีวิตให้มีสติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะไม่ปล่อยให้อารมณ์นำพาตนเองให้ทำกระไรโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอีกแล้วคืนนี้พ่อรักษ์มานั่งมองจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่บนนภา หวนรำ
๓๒ผิดแผนเสียงหรีดหริ่งร้องระงมในคืนที่หนาวเหน็บเช่นคืนนี้ ร่างขาวนวลเอวคอดกิ่วนอนหันหลังให้กับร่างคร้ามสีเข้มลมหายใจไม่เป็นจังหวะ บ้างสั้น บ้างยาวที่พ่นออกมาของพ่อรักษ์นั้นยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้เย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อข่มตาหลับอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงได้ แม้ว่าค่ำคืนตั้งแต่แต่งงานกันเข้ามาก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยิ่งเมื่อเจ้ากลิ่นออกจากเรือนนี้ไปแล้วก็ยิ่งดูเหมือนว่าพ่อรักษ์นั้นจะปิดกั้นตนเองออกจากคนอื่น ๆ“ นวลว่าตั้งแต่วันพรุ่ง นวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลนะเจ้าคะ... ”“ ... ”“ นวลรู้ดีเจ้าค่ะว่าคุณพี่มิได้รักนวล แต่ที่เราต้องแต่งงานกันเยี่ยงนี้เป็นเพราะนวลไม่กล้าเอง ตั้งแต่วันพรุ่งนวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลเราสองคนจะได้มิต้องมาอึดอัดใจกันเยี่ยงนี้นะเจ้าคะ ”แม่นวลลออเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงของแมลงคลออยู่ไกล ๆ พ่อรักษ์ได้แต่นอนฟังอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาพรูใหญ่“ แม่นวลก็นอนเสียที่ห้องนี้ ห้องหับใหญ่สะดวกกว่าห้องเล็กเดิมที่เคยนอน ส่วนข้าจะกลับไปนอนที่เรือนเล็กหลัง
๓๑จำต้องปล่อยไปงานแต่งของพ่อรักษ์กับแม่นวลถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่แม่นวลลออกับพ่อรักษ์นั้นทำผิดผีกันนั้นแพร่งพรายออกไปยังนอกเรือน ไม่ต้องบอกก็รู้แจ้งว่าเป็นฝีมือของผู้ใดหากไม่ใช่คุณพุดตานบ่าวไพร่ในเรือนต่างง่วนอยู่กับการตระเตรียมงานให้พร้อม ข้าวปลาอาหารของมงคลต่าง ๆ ถูกตระเตรียมไว้มิให้ขาดตกบกพร่อง ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกคุณพุดตานเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ปานว่าของเหล่านี้นั้นมีพร้อมมานานแล้วเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่เกิดเรื่องของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออ เจ้ากลิ่นก็กลับมานอนที่เรือนบ่าวเพราะไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของมันไปกระทบกับแม่นวลลออ คราแรกพ่อรักษ์มิยอมทำตามเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับแม่นวลลออ แต่เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงชาวบ้านร้านประชาด้านนอก ชื่อเสียงของแม่นวลก็พลอยด่างพร้อยไปด้วย เจ้ากลิ่นจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าหากเรื่องของมันกับพ่อกลิ่นออกไปยังคนนอกเรือนอีก รังแต่จะทำให้ท่านเจ้าคุณเสียชื่อและอาจจะทำให้อาการเจ็บไข้ที่ดูเหมือนดีขึ้นให้กลับมาทรุดหนักเอาได้ พ่อรักษ์จึงยอมให้เจ้ากลิ่นกลับมานอนที่เรือนบ่าว ส่วนตนเองก็นอนอยู่ที่เรือนเล็กมิได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เรือนใหญ่ แม้ว่าท่านเ