๑๐
พี่จะพาเอ็งไปเอง
“ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “
เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้
“ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ”
“ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ”
“ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ”
พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง และแม้มันจะโดนทำร้ายเจ็บหนักเจียนตายเพียงใด เจ้ากลิ่นก็ไม่เคยโทษตนเองเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำมันยังเป็นห่วงเป็นใยเจ้านายที่ชอบก่อเรื่องมาให้ไม่เว้นวัน
“ เย็นย่ำเสียแล้วพ่อกลิ่นรีบกลับเรือนไปเสีย มัวชักช้าจะมืดค่ำเสียก่อน ”
“ แล้วคุณรักษ์เล่าขอรับ มิกลับไปพร้อมบ่าวดอกหรือขอรับ ”
“ ยังหรอกพ่อกลิ่น หากข้ากลับเรือนไปเกรงว่าพ่อข้าจะโมโหเมื่อเห็นหน้าข้าอีก ข้ามิต้องการให้พ่อข้าเอาความโกรธเกรี้ยวไปลงที่ผู้ใดอีกโดยเฉพาะพ่อกลิ่น ”
“ แต่ตอนนี้ท่านเจ้าคุณก็ใจเย็นลงมากแล้วนะขอรับ มิเช่นนั้นไม่สั่งให้บ่าวมาตามคุณรักษ์กลับเรือนเช่นนี้หรอกขอรับ ”
“ พ่อข้าเพียงแค่ไม่ต้องการให้ข้ามาทำให้ขายขี้หน้าชาวบ้านล่ะไม่ว่า ”
“ คุณรักษ์... ”
“ รีบกลับเรือนไปเสียพ่อกลิ่น จะมืดจะค่ำเสียแล้ว ”
พ่อรักษ์ได้แต่พูดตัดบทก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนไม้ที่จำเรียนมายืนรอปรนนิบัติอยู่ เจ้ากลิ่นได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกหน่วงในใจแปลก ๆ แต่มันก็ทำได้แค่เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ภายใน และเดินกลับออกมาอย่างจนใจ
“ เอ็งจะเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อยไปทำไมเล่า ในเมื่อคนเขาไม่อยากกลับเรือน เอ็งก็ไม่ต้องเสียเวลาไปให้เหนื่อยเปล่า ”
เมื่อกลับมาถึงเรือนบ่าวก็เกือบค่ำ ท้องฟ้าเริ่มเจือไปด้วยสีม่วงเข้ม แสงแดดเริ่มเปล่งแสงน้อยลงจนลาลับขอบฟ้า ไอ้จอมที่ยืนรอเจ้ากลิ่นที่ท่าน้ำตั้งแต่ฟ้ายังสว่างจ้า เอ่ยเสียงเบื่อหน่ายกับเจ้ากลิ่นทันทีที่หัวเรือชนเข้ากับท่าหน้าเรือน
“ พี่จอมมายืนทำกระไรกงนี้มืด ๆ จ๊ะพี่ ”
“ นี่เอ็งไม่ได้ฟังที่พี่พูดเลยรึ ”
“ ฉันไม่ทันได้ฟังดอกจ้ะพี่ ว่าแต่พี่พูดว่ากระไรหรือจ๊ะ ฉันได้ยินไม่ถนัด ”
ไอ้จอมได้แต่ทอดถอนใจ ก่อนจะยื่นมือเข้าไปคว้าท่อนแขนของน้องชายไว้แล้วออกแรงเล็กน้อยก็ดึงเจ้ากลิ่นให้ขึ้นมาบนท่าเรือได้อย่างง่ายดาย
“ ขอบใจจ้ะพี่จอม ”
“ แล้วนี่เอ็งกินกระไรมารึยัง ”
“ ยังเลยจ้ะพี่ ฉันหิวมากเลยไม่รู้ว่าแม่ทำกับข้าวไว้บ้างหรือเปล่า ”
“ ป้าปริกกินอิ่มไปแล้วแต่ก็เก็บไว้ให้เอ็ง ป้าปริกแกเป็นห่วงลูกชายคนเดียวว่าจะอดข้าวตายเสียก่อน ”
“ พี่ก็พูดเลื่อนเปื้อน ว่าแต่พี่จอมกินข้าวหรือยังจ๊ะ หากพี่ยังไม่ได้กิน พี่มากินข้าวเป็นเพื่อนฉันทีนะจ๊ะ ”
“ ข้ารู้ว่าเอ็งต้องยังไม่ได้กินข้าว ข้าก็เลยรอจะกินพร้อมเอ็งนี่แหละ ”
“ ดีเลยจ้ะพี่ เช่นนั้นรีบไปกันเถอะจ้ะพี่ ฉันหิวจนสั่นไปหมดแล้ว ”
เจ้ากลิ่นคว้าท่อนแขนแกร่งของพี่ชายให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังเรือนครัว
“ พรุ่งนี้เอ็งจะไปตามคุณรักษ์อีกหรือ ”
ไอ้จอมเอ่ยถามขณะที่เจ้ากลิ่นกำลังล้างมือเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว เจ้ากลิ่นมองหน้าก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ ให้แทนคำตอบ
“ ให้ข้าไปกับเอ็งด้วยซี เอ็งไปตลาดวังหว้าคนเดียว ที่นั่นมีแต่นักเลงหัวไม้เดินกันให้ขวักไขว่ เอ็งไม่กลัวไม่เกรงเลยรึ ”
“ เหตุใดต้องกลัวจ๊ะ ฉันไปตลาดวังหว้าจนคนที่ตลาดจำฉันได้แทบทุกคนแล้วจ้ะพี่จอม ”
“ แต่ข้ากับป้าปริกเป็นห่วงเอ็ง หากเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่ตลาดวังหว้าข้าคงจะเบาใจมากกว่านี้ ”
“ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่ไม่มีกระไรหรอก อีกอย่างฉันว่าอีกไม่กี่เพลาคุณรักษ์ก็กลับเรือนแล้วล่ะจ้ะ ”
“ อย่างไรเสียข้าก็อดห่วงเอ็งไม่ได้ ”
“ ฮ้าววว... ”
เจ้ากลิ่นอ้าปากหาว จนไอ้จอมที่กำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดต้องหลุดอมยิ้มให้กับความเหมือนเด็กเล็กของเจ้ากลิ่น มือหนาเอื้อมมือไปลูบหัวด้วยความเอ็นดู
“ เป็นเด็กเชียวนะเอ็งเนี่ยกินเสร็จก็ง่วง ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสียจะได้ไปหลับไปนอนให้หายเหนื่อย ”
“ จ้ะพี่จอม ฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะพี่ ”
“ แล้วนี่เอ็งจะเดินไปถึงท่าน้ำมั้ย ข้าว่าข้าพาเอ็งไปดีกว่า กึ่งหลับกึ่งตื่นเยี่ยงนี้ไปตกน้ำตกท่าเสียเปล่า ๆ ”
ไอ้จอมเดินพาเจ้ากลิ่นไปที่ท่าน้ำเพื่อให้เจ้ากลิ่นชำระล้างร่างกายก่อนที่จะกลับไปนอนที่เรือนให้สบายตัว
“ ถึงแล้วก็รีบอาบน้ำเสีย ข้าจะรอเอ็งแถวนี้ อย่าช้านักเล่ามืดค่ำงูเงี้ยวจะฉกเอา ”
“ จ้ะพี่ ”
ไอ้จอมพูดจบก็เดินออกมารอเจ้ากลิ่นแถว ๆ ศาลาพักที่ปกติช่วงแจ้งแดดสว่างจะเป็นที่ที่บ่าวไพร่ในเรือนนั้นใช้สำหรับนั่งพูดคุยกันช่วงเวลาว่างจากงานที่ทำมาตลอดทั้งวัน
ไอ้จอมต้องคอยลอบมองคนที่ยืนยักแย่ยักยันอยู่ตรงท่าน้ำ เพราะเป็นห่วงกลัวจะตกน้ำก่อนที่จะได้เริ่มอาบน้ำเสีย เจ้ากลิ่นเริ่มปลดเสื้อผ้าออก กายขาวนวลสะท้อนแสงจันทร์เสี้ยว ยอดบัวเม็ดเล็กสีชมพูเรื่อ ๆ นั่นทำให้คนมองอย่างไอ้จอมต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยจิตคิดอกุศลกับน้องชาย
ไอ้จอมได้แต่สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดผิดศีลธรรมออก แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน ในเมื่อร่างขาวแบบบางนั่นถูกเคลือบไปด้วยหยาดน้ำกลางแสงจันทร์วับแวม ไอ้จอมกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ส่วนที่เคยสงบเริ่มแข็งขืนขัดกับความรู้สึกผิดที่ก่อเกิดอยู่ภายใน
“ พี่จอม... ”
เสียงเรียกของเจ้ากลิ่นทำให้ไอ้จอมได้สติ ใบหน้านวลของเจ้ากลิ่นอยู่ใกล้จนไอ้จอมตกใจ เมื่อเห็นว่าตัวมันเองนั้นเดินเข้ามาใกล้น้องชายไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
" พี่จอมร้อนหรือจ๊ะ เหงื่อเต็มตัวเชียว ”
“ เอ่อ...ข...ข้าร้อน ๆ น่ะ ”
“ เช่นนั้นก็มาอาบน้ำด้วยกันสิจ๊ะพี่ ”
เจ้ากลิ่นที่ตาสว่างเมื่อได้อาบน้ำเอ่ยชวนพี่ชายด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่หารู้ไม่ว่าพี่ชายตรงหน้ากำลังคิดเตลิดไปไกลมากกว่านั้น
“ เอ็งอาบไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้ามาอาบทีหลังได้ ”
“ จะรีรอกระไรเล่าพี่จอม ก็มาอาบพร้อมกันกับฉันนี่แหละจ้ะ ”
เจ้ากลิ่นเข้าไปดึงแขนของไอ้จอมให้เข้ามาที่ปลายท่า แต่เพราะไม้กระดานที่เปียกน้ำทำให้ลื่น เจ้ากลิ่นที่ออกแรงดึงนั้นเสียหลักจนหงายหลังลงพื้น ไอ้จอมที่โดนดึงลงมาด้วยก็เอาท่อนแขนรองหัวของเจ้ากลิ่นเอาไว้ไม่ให้หัวโขกพื้นไม้
“ พี่จอม... ”
“ เอ็งเป็นกระไรหรือไม่กลิ่น ”
“ มะ...ไม่หรอกจ้ะพี่ พี่เล่าเจ็บกงไหนหรือไม่ ”
เจ้ากลิ่นที่หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเอ่ยถามตะกุกตะกัก ไอ้จอมเองก็รู้ตัวแล้วว่าท่าทางที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้ส่วนที่แข็งขืนอยู่ภายใต้ผ้าโจงนั้นกดทับไปที่ต้นขาของน้องชายที่อยู่ด้านล่าง
ตูมมม...
ไอ้จอมกระโดดลงจากท่าน้ำทันทีที่มันยันกายให้ลุกขึ้นได้ โดยไม่รอให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ มันรีบดำผุดดำว่ายในคลอง จนเจ้ากลิ่นเองต้องตะโกนออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ อย่าว่ายไปไกลนักซีพี่จอม ”
“ นะ...น้ำมันเย็นชื่นใจพี่ดี ”
ไอ้จอมเอ่ยบอกแม้ร่างกายจะหนาวจากความเย็นของน้ำในคลอง แต่สิ่งที่อยู่ใต้โจงยังไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงไปด้วย
“ เช่นนั้นอย่าว่ายนานนักนะพี่มืดค่ำแล้ว ฉันอาบเสร็จแล้วขอกลับไปก่อนนะพี่จอม ”
“ เอ็งกลับไปเลย พี่ขอว่ายเล่นอีกประเดี๋ยวแล้วค่อยกลับ ”
“ จ้ะพี่ อย่านานนักเล่าประเดี๋ยวจะเจ็บไข้เอา ”
เจ้ากลิ่นกำชับก่อนจะเดินกลับไปที่เรือน เมื่อเห็นเจ้ากลิ่นเดินกลับไปจนลับตา ไอ้จอมก็ว่ายน้ำกลับเข้ามาที่ท่า ก่อนจะเดินขึ้นมาทั้งที่ส่วนนั้นยังตั้งโด่งชัดเจน
“ มึงนี่ดื้อดึงเสียจริงเชียว ”
ไอ้จอมก้มลงมองของตัวเองก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนนอนของตัวเองทั้งอย่างนั้น
เมื่อถึงเรือนนอนของตัวเองไอ้จอมปลดโจงของตนเอง แล้วไม่ลืมที่จะหันกลับลงดานประตูเรือน เนื้อตัวที่เปียกปอนไปด้วยหยดน้ำไม่ได้ทำให้ความรุ่มร้อนที่อัดแน่นอยู่บริเวณแท่งเนื้อสีคล้ำให้ลดลงแม้แต่น้อย
ร่างกำยำทอดกายลงบนเสื่อที่ถูกปูไว้อย่างลวก ๆ มือหยาบกำรวบแท่งเนื้อร้อนสีคล้ำไว้ ที่ถึงแม้มือของไอ้จอมจะใหญ่แต่ความยาวของแท่งเนื้อกลับโผล่พ้นฝ่ามือนั้นออกมา
“ อืมมม... ”
ไอ้จอมส่งเสียงครางในลำคอ ในขณะที่มือของมันก็ขยับขึ้นลง รูดรั้งหนังหุ้มให้ส่วนหัวหลุดพ้นจากความเหนี่ยวรั้งไว้ เมื่อหลุดพ้นจากการถูกครอบคลุม แท่งเนื้อร้อนก็เผยขนาดแท้จริงของมัน แท่งเนื้ออวบและร้อนรุ่มถูกปลายนิ้วหยาบเขี่ยรอยหยักจนของเหลวเหนียวใสไหลออกมาจนเต็มลำ ยิ่งทำให้เจ้าของ ๆ มันส่งเสียงรัญจวน
“ อ่า...กลิ่นของพี่ ”
ปากคล้ำเอ่ยเรียกชื่อเจ้ากลิ่น มโนภาพที่นึกถึงของไอ้จอมคือผิวขาวนวลกับยอดอกที่สีเหมือนดอกบัวนั่นของเจ้ากลิ่น
ในภาพที่คิดอยู่ใต้มโนสำนึกของไอ้จอมนั้นมันกำลังใช้ลิ้นอุ่นตวัดลงไปที่ยอดอกเม็ดเล็กของเจ้ากลิ่น ร่างบางแอ่นรับด้วยความกระสัน และซ่านไปด้วยความรู้สึกวาบหวาม
“ พี่จอม... ”
“ กลิ่นของพี่ เอ็งช่างหอมเหลือเกิน อืม... ”
“ อ๊า...พี่จอมจ้ะ ฉันรู้สึกแปลกเหลือเกินจ้ะพี่ ”
เจ้ากลิ่นบิดตัวหนีปลายลิ้นของไอ้จอมที่กำลังไล่สัมผัสไปตามสีข้าง ความกระสันที่ถูกปรนเปรอด้วยลิ้นสากนั้นทำให้เจ้ากลิ่นส่งเสียงครางอย่างลืมตัว
“ กลิ่น...พี่ขอเป็นคนแรกของเอ็งนะ... ”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบไปที่ใบหูแดงระเรื่อ เจ้าของร่างที่สติกระเจิดกระเจิงได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ ให้
“ อ๊าาา...พ...พี่จอม ”
เสียงร้องดังลั่นพร้อมกับร่างสั่นสะท้านเมื่อปากทางด้านหลังของตนเองถูกครอบครองด้วยปลายลิ้น ช่องทางที่เกร็งและบีบรัดทำให้ปลายลิ้นที่ไอ้จอมพยายามดันเข้าไปลิ้มรสนั้นเข้าไปไม่ได้ มือใหญ่จึงรูดรั้งแท่งเนื้อสีนวลที่กำลังปล่อยน้ำหวานไหลย้อยมาตามแท่งน้อย ๆ นั่น
เมื่อความเสียวกระสันทำให้ร่างกายหายเกร็ง ลิ้นอุ่นก็ได้เข้าไปลิ้มรสสมใจ ก่อนนิ้วสากที่เกิดจากการทำงานหนักนั้นจะค่อย ๆ ดันเข้าไปในช่องรักช้า ๆ
“ ฮะ...ฮ้าาา... ”
“ อย่าเกร็ง พี่จะค่อย ๆ ทำ ไม่ให้เอ็งต้องเจ็บ ”
“ อืมมม...อ้า...พี่จอม ”
นิ้วขยับเข้าออกจากที่ค่อย ๆ เนิบนาบและอ่อนโยน ร่างบางที่ร้องครางไม่หยุดเริ่มเด้งตัวเข้าหาปลายนิ้วเร็วขึ้น ไอ้จอมมองร่างขาวด้วยแววตาพราวระยับ ก่อนจะค่อย ๆ ถอนนิ้วออกจากร่างที่กำลังเด้งตัวเข้าหา
“ พี่ว่าเอ็งพร้อมที่จะเป็นของพี่แล้วล่ะกลิ่นของพี่... ”
ไอ้จอมจับหัวหยักสีคล้ำของตนจ่อปากทางเข้าสีหวานที่ถูกเคลือบไปด้วยของเหลวเหนียวใสที่ไหลออกมาจากแท่งเนื้อของเจ้ากลิ่น ก่อนส่วนหัวของส่วนที่แข็งขืนนั้นจะค่อย ๆ ถูกดันเข้าไป
เมื่อขนาดที่เข้ามานั้นใหญ่กว่าสิ่งที่ปรนเปรอตนเองก่อนหน้านี้ เจ้ากลิ่นได้แต่เกร็งตัวจนช่องทางนั้นรัดแน่นจนเข้าไปได้ยาก ไอ้จอมจึงโน้มตัวลงไปดูดเม้มยอดอกของเจ้ากลิ่นกระทั่งร่างใต้อาณัตินั้นบิดเร่า
“ อ่า... ”
เมื่อช่องทางผ่อนคลายแท่งเนื้อใหญ่ก็เข้าไปได้จนเต็มความยาว ด้านในรัดแน่นจนแท่งเนื้อแทบขาด ไอ้จอมไม่ขยับเพราะต้องการให้เจ้ากลิ่นได้คุ้นชินกับขนาดที่อยู่ในตัวเสียก่อน ไอ้จอมจึงไม่อยากฝืนจนทำให้ร่างขาวนั้นต้องเจ็บ
“ กลิ่น...พี่จะขยับแล้วนะน้องพี่ ”
“ จ้ะพี่จอม ทำเลยฉันรอจนจะอกแตกตายแล้ว ”
ไอ้จอมยกขาเรียวพาดบ่าก่อนจะเริ่มเด้งส่วนล่างเข้าออกอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วตามแรงอารมณ์ปรารถนาของตนเอง
“ กลิ่นของเอ็งมันรัดของพี่แน่นเสียเหลือเกิน อื้ม... ”
“ พี่จอม เข้ามาในตัวฉันแรงกว่านี้อีกสิพี่ อ่าาา... ”
“ พี่กลัวเอ็งเจ็บ อ่า ”
“ ฉันไม่เจ็บ...อ่า พี่จอมเข้ามาสิจ๊ะพี่จอม ”
“ เอ็งรู้ตัวหรือไม่ว่าเอ็งกำลังทำให้พี่แทบไม่ไหวเสียแล้ว ”
“ อ๊าาา...พี่จอมมม ”
เสียงร้องครางดังระงมเมื่อไอ้จอมดึงท่อนเนื้อออกจนเกือบหลุดก่อนจะดันเข้าไปอย่างแรง เสียงเนื้อกระทบกันดังเฉอะแฉะแทรกไปกับเสียงลม ไอ้จอมวางขาของเจ้ากลิ่นลงบนเสื่อข้างหนึ่ง มือหนากดขาอ่อนเบา ๆ ก่อนจะกระแทกเอวเข้าออกด้วยความเร็ว ท่อนเนื้อแกร่งเข้าไปลึกกว่าเดิมจนเจ้ากลิ่นแทบขาดใจเมื่อหัวหยักนั้นโดนส่วนด้านในจนรู้สึกกระสันมากกว่าที่ใด
“ พี่จอมจ๋า...อะ...อ้าาา ”
ไอ้จอมปล่อยมือจากขาอ่อนของเจ้ากลิ่น ก่อนที่นิ้วสากจะไปเขี่ยเม็ดสีชมพูที่แข็งชูชัน หน้าท้องเจ้ากลิ่นเกร็งกระตุกตามนิ้วที่เขี่ยอยู่ ปากบางร้องครางไม่หยุดจนน้ำลายใสไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไอ้จอมมองใบหน้านวลที่แดงระเรื่อก็กระแทกท่อนเนื้อด้วยความรุนแรง
“ กลิ่นจ๋า...กลิ่นเมียพี่...อ่า... ”
“ แฮก ๆ พี่จอม...ฉ...ฉัน อ๊าาา ”
ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจากแท่งเนื้อของเจ้ากลิ่น ของเหลวนั้นเปื้อนเปรอะไปทั่วหน้าท้องขาวของมัน บางส่วนกระเด็นไปที่ลอนหน้าท้องสีเข้มของไอ้จอม ร่างด้านบนหยุดการขยับตัวเองลงเมื่อช่องทางของเจ้ากลิ่นรัดแน่นจนแทบจะทนไม่ไหว ก่อนที่จะใช้นิ้วเค้นคลึงไปยังส่วนหัวที่เปียกไปด้วยของเหลวที่เจ้ากลิ่นเพิ่งปลดปล่อยออกมา จนร่างบางแอ่นเกร็งด้วยความซ่านในอารมณ์
ไอ้จอมเริ่มขยับกายเข้าออกอีกครา แต่ครานี้มันดันเร็วและเน้นเข้าไปจนเจ้ากลิ่นที่เพิ่งเสร็จสมอารมณ์หมายนั้นกลับมาแข็งขืนอีกครา ไอ้จอมวางท่อนขาของเจ้ากลิ่นที่ยังพาดไว้อีกข้างลง มือหนาคว้าเอวสอบให้รับกับแรงดันของท่อนแข็งจนเจ้ากลิ่นร้องลั่น
“ พี่จอมฉันจะไม่ไหวอีกแล้วจ้ะพี่...อ๊าาา... ”
“ พี่ก็เหมือนกันจ้ะ เมียพี่...อ่า.... ”
ไอ้จอมคว้าท่อนเนื้อของเจ้ากลิ่นมารูดรั้งไปพร้อม ๆ กับท่อนแกร่งของมันที่กำลังขยับเข้าออก ก่อนที่ท่อนเนื้อในมือของมันจะกระตุกเกร็งและปล่อยน้ำออกมาอีกครา มันขยับท่อนแกร่งของมันอีกสามสี่คราท่อนแข็งก็พุ่งของเหลวเข้าไปในตัวของเจ้ากลิ่นจนล้นทะลักออกมาเปรอะช่องทางของเจ้ากลิ่นด้านนอก
“ อ่าาา... พี่มีความสุขเหลือเกิน...กลิ่นเมียพี่ ”
ไอ้จอมมองของเหลวสีขาวขุ่นที่อยู่บนมือของตัวเอง มันมองไปรอบ ๆ เรือนนอนของมันที่มีแต่ความมืดมิด เสียงหอบพร่ามาพร้อมกับรอยยิ้มเศร้า ๆ ที่มองไม่ออกว่ามันรู้สึกเยี่ยงไร เมื่อมันดันเอาน้องชายมาคิดอุบาทว์ถึงเพียงนี้
๑ กลิ่นกรุ่น “ นังจวง ๆ เอ็งรีบไปตามยายกล่ำมาประเดี๋ยวนี้ คุณหญิงท่านใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว ” เสียงโหวกเหวกดังไปทั่วอาณาบริเวณเรือนไม้ใหญ่ บ่าวไพร่วิ่งวุ่นกันไปทั่ว บ้างก็วิ่งเข้าครัวเพื่อตระเตรียมหม้อดินมาต้มน้ำรอยายกล่ำ ผู้ซึ่งเป็นหมอตำแยผู้มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน “ แล้วนี่มีผู้ใดไปแจ้งท่านเจ้าคุณแล้วหรือไม่ ไอ้แจ้ง ข้าให้เอ็งไปบอก แล้วนี่เอ็งไปมาแล้วหรืออย่างไร ” “ ข้าให้คนไปแจ้งแล้วจ้ะพี่ น่าจะอีกสักประเดี๋ยวท่านเจ้าคุณน่าจะถึงจ้ะ ” “ อย่าให้พลาดเชียวนะไอ้แจ้ง ” ไอ้มาด หัวหน้าบ่าวในเรือนกำชับให้แน่ใจ ก่อนจะรีบเดินออกไปดูตรงส่วนอื่นต่อระหว่างที่รอหมอตำแยที่ส่งคนไปตามที่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนเท่าใดนัก “ พี่มาด ยายกล่ำมาหรือยังพี่ คุณหญิงเจ็บท้องมานานแล้วนะพี่ ” “ กูรู้แล้ว กูก็ร้อนใจไม่ต่างจากมึงหรอก ” “ พี่จะมัวแต่ร้อนใจไม่ได้นะพี่มาด คนเจ็บท้องคือคุณหญิงท่าน รีบให้ใครไปเร่งประเดี๋ยวนี้เลย ” “ เออๆ กูรู้แล้ว มึงรีบเข้าไปดูคุณหญิงท่านซะ ทางนี้กูจัดการเอง ไอ้แจ้
๒ ครั้นกลีบบุปผาโรย กาลเวลาผ่านพ้นมาจนพ่อรักษ์อายุจวนจะครบเก้าขวบ เจ้ากลิ่นเองก็เติบโตมาเป็นเด็กชายสมวัย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเติบโตมากับบุตรชายของท่านเจ้าคุณหรืออย่างไร ผิวพรรณของลูกบ่าวผู้นี้ถึงได้ผุดผ่อง ผิดแผกจากลูกบ่าวคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรือนเดียวกัน และด้วยความที่เจ้ากลิ่นนั้นเป็นเด็กไม่ดื้อไม่ซน คุณหญิงกลอยจึงเอ็นดูมันยิ่งนัก “ แค่ก ๆ ” เสียงไอแห้ง ๆ ดังมาจากคุณหญิงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่ศาลาข้างเรือนใหญ่ มือเรียวกำลังประคองท้องที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว แต่ร่างกายกลับดูซูบผอมไม่เหมือนคนท้องใกล้คลอดแม้แต่น้อย “ ขึ้นเรือนดีหรือไม่เจ้าคะคุณหญิง บ่าวเห็นคุณหญิงไอถี่เหลือเกินเจ้าค่ะ ” “ พ่อรักษ์กับพ่อกลิ่นยังเล่นกันอยู่ ข้าไม่อยากห้ามลูกที่กำลังสนุก อีกอย่างข้าจะมีโอกาสได้ดูลูกเล่นได้เช่นนี้อีกนานไหมก็มิรู้ได้ ” “ คุณหญิงอย่าเอ่ยเช่นนี้สิเจ้าคะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะเจ้าคะคุณหญิง ” เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยกระไรตอบกลับ เพราะไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าตัวเองว่าร่างกายนั้นกำลัง
๓ มั่นคงดั่งทานตะวัน “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ” คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้ “ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ” เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู “ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ” “ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ” “ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ” “ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ” “ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ” “ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอร
๔ เข้มแข็งดุจผกากรอง สองร่างกายเปลือยเปล่าบนตั่งนอนที่มีเบาะยัดนุ่นหุ้มด้วยผ้าพื้นสีแดง มือใหญ่ของพ่อรักษ์กอบกุมปทุมถันของนางกลางเมืองอย่าง “จำเรียน” ร่างอรชรค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนย่ำรุ่ง หลังผ่านค่ำคืนสวาทกับบุตรชายของท่านเจ้าคุณมีชื่อ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในวัยกลัดมันหรืออย่างไร จำเรียนจึงต้องปรนเปรอชายหนุ่มผู้นี้จนร่างกายบอบช้ำไปแทบทั้งตัว กว่าจะได้หลับตาพักก็ตอนที่แสงโคมสีแดงที่อยู่ในเรือนไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเรือนแห่งนี้ได้เวลาหลับไหล “ อือ.... ” เสียงครางในลำคอ พร้อมกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้นจนจำเรียนต้องพยายามดันแขนไว้ “ คุณรักษ์เจ้าคะ ขอจำเรียนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ” “ ล้างทำไมให้เปลืองเวลาไปเล่า อีกประเดี๋ยวข้าก็ทำให้เอ็งเหนียวตัวอีกรอบแล้ว เอ็งดูสิตัวของข้ามันต้องการเอ็งอีกรอบแล้วเห็นหรือไม่จำเรียน ” พ่อรักษ์ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังส่วนที่กำลังขยายใหญ่ตรงกลางลำตัว จำเรียนจ้องมองไปยังส่วนนั้น ก่อนที่ร่างบางจะโดนร่างแกร่งจับพลิกตัวลงกับเบาะนอน พร้อม ๆ กับบทเพลงบรร
๕ สบดวงเนตร สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง “ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ” แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ “ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ” พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง “ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
๖ อวลกลิ่นพุดตาน “ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ” “ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” “ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ” “ เจ้าค่ะ... ” “ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ” “ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ” ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย “ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ” แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ “ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
๗ เบญจมาศในหมู่ภมร “ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด “ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ “ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ” “ จะ...เจ้าค่ะ ” นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว “ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ” พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ “ นั่งลง ” “ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ” “ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ” “ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ” “ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้
๘ เจ็บกายแต่เต็มใจ เปลือกตาดำคล้ำค่อย ๆ เปิดขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วตัว ดวงตาดำหรี่มองบุคคลข้าง ๆ ที่ดูเลือนรางไปหมด “ คุณรักษ์ขอรับ... ” เสียงเจ้ากลิ่นทำให้พ่อรักษ์แค่นยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเพ่งมองไปยังใบหน้าขาวของบ่าวจนมองเห็นชัดในสายตาของตนเอง “ ดูทำหน้าเข้าซีพ่อกลิ่น ข้ายังไม่ได้ตายเสียหน่อย ” “ คุณรักษ์อย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ มันเป็นลางไม่ดีนะขอรับ ” “ แล้วนี่ใครเป็นคนพาข้ากลับมาที่เรือนหรือพ่อกลิ่น ” “ พี่จอมกับลุงมาดขอรับ ” “ แล้วพ่อข้ารู้เรื่องหรือไม่พ่อกลิ่น ” เจ้ากลิ่นพยักหน้าเบา ๆ ด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนที่หัวทุยของมันจะโดนมือกร้านลูบเพื่อให้คลายกังวล “ ไม่ต้องห่วงข้าดอกพ่อกลิ่น...แล้วนี่พ่อกลิ่นมาเฝ้าข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ” “ เมื่อคืนขอรับ พอมีคนมาแจ้งข่าวท่านเจ้าคุณก็สั่งให้บ่าวในเรือนไปพาคุณรักษ์มาที่เรือนขอรับ ท่านเจ้าคุณให้หมอยามาดูคุณรักษ์แล้วก็ให้กินยาให้หมดสามวันขอรับ แล้วนี่คุณรักษ์หิวหรือยังขอรับ ” “ หิวแล้วซีพ่อก
๑๐ พี่จะพาเอ็งไปเอง “ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “ เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้ “ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ” “ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ” “ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ” พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง
๙ เป็นเวรหรือกรรม “ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ” ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน “ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ” “ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ” “ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ” " จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ” “ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ” “ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ” “ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ” “ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ” ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น
๘ เจ็บกายแต่เต็มใจ เปลือกตาดำคล้ำค่อย ๆ เปิดขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วตัว ดวงตาดำหรี่มองบุคคลข้าง ๆ ที่ดูเลือนรางไปหมด “ คุณรักษ์ขอรับ... ” เสียงเจ้ากลิ่นทำให้พ่อรักษ์แค่นยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเพ่งมองไปยังใบหน้าขาวของบ่าวจนมองเห็นชัดในสายตาของตนเอง “ ดูทำหน้าเข้าซีพ่อกลิ่น ข้ายังไม่ได้ตายเสียหน่อย ” “ คุณรักษ์อย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ มันเป็นลางไม่ดีนะขอรับ ” “ แล้วนี่ใครเป็นคนพาข้ากลับมาที่เรือนหรือพ่อกลิ่น ” “ พี่จอมกับลุงมาดขอรับ ” “ แล้วพ่อข้ารู้เรื่องหรือไม่พ่อกลิ่น ” เจ้ากลิ่นพยักหน้าเบา ๆ ด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนที่หัวทุยของมันจะโดนมือกร้านลูบเพื่อให้คลายกังวล “ ไม่ต้องห่วงข้าดอกพ่อกลิ่น...แล้วนี่พ่อกลิ่นมาเฝ้าข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ” “ เมื่อคืนขอรับ พอมีคนมาแจ้งข่าวท่านเจ้าคุณก็สั่งให้บ่าวในเรือนไปพาคุณรักษ์มาที่เรือนขอรับ ท่านเจ้าคุณให้หมอยามาดูคุณรักษ์แล้วก็ให้กินยาให้หมดสามวันขอรับ แล้วนี่คุณรักษ์หิวหรือยังขอรับ ” “ หิวแล้วซีพ่อก
๗ เบญจมาศในหมู่ภมร “ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด “ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ “ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ” “ จะ...เจ้าค่ะ ” นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว “ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ” พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ “ นั่งลง ” “ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ” “ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ” “ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ” “ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้
๖ อวลกลิ่นพุดตาน “ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ” “ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” “ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ” “ เจ้าค่ะ... ” “ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ” “ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ” ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย “ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ” แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ “ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
๕ สบดวงเนตร สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง “ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ” แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ “ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ” พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง “ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
๔ เข้มแข็งดุจผกากรอง สองร่างกายเปลือยเปล่าบนตั่งนอนที่มีเบาะยัดนุ่นหุ้มด้วยผ้าพื้นสีแดง มือใหญ่ของพ่อรักษ์กอบกุมปทุมถันของนางกลางเมืองอย่าง “จำเรียน” ร่างอรชรค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนย่ำรุ่ง หลังผ่านค่ำคืนสวาทกับบุตรชายของท่านเจ้าคุณมีชื่อ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในวัยกลัดมันหรืออย่างไร จำเรียนจึงต้องปรนเปรอชายหนุ่มผู้นี้จนร่างกายบอบช้ำไปแทบทั้งตัว กว่าจะได้หลับตาพักก็ตอนที่แสงโคมสีแดงที่อยู่ในเรือนไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเรือนแห่งนี้ได้เวลาหลับไหล “ อือ.... ” เสียงครางในลำคอ พร้อมกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้นจนจำเรียนต้องพยายามดันแขนไว้ “ คุณรักษ์เจ้าคะ ขอจำเรียนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ” “ ล้างทำไมให้เปลืองเวลาไปเล่า อีกประเดี๋ยวข้าก็ทำให้เอ็งเหนียวตัวอีกรอบแล้ว เอ็งดูสิตัวของข้ามันต้องการเอ็งอีกรอบแล้วเห็นหรือไม่จำเรียน ” พ่อรักษ์ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังส่วนที่กำลังขยายใหญ่ตรงกลางลำตัว จำเรียนจ้องมองไปยังส่วนนั้น ก่อนที่ร่างบางจะโดนร่างแกร่งจับพลิกตัวลงกับเบาะนอน พร้อม ๆ กับบทเพลงบรร
๓ มั่นคงดั่งทานตะวัน “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ” คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้ “ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ” เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู “ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ” “ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ” “ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ” “ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ” “ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ” “ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอร
๒ ครั้นกลีบบุปผาโรย กาลเวลาผ่านพ้นมาจนพ่อรักษ์อายุจวนจะครบเก้าขวบ เจ้ากลิ่นเองก็เติบโตมาเป็นเด็กชายสมวัย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเติบโตมากับบุตรชายของท่านเจ้าคุณหรืออย่างไร ผิวพรรณของลูกบ่าวผู้นี้ถึงได้ผุดผ่อง ผิดแผกจากลูกบ่าวคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรือนเดียวกัน และด้วยความที่เจ้ากลิ่นนั้นเป็นเด็กไม่ดื้อไม่ซน คุณหญิงกลอยจึงเอ็นดูมันยิ่งนัก “ แค่ก ๆ ” เสียงไอแห้ง ๆ ดังมาจากคุณหญิงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่ศาลาข้างเรือนใหญ่ มือเรียวกำลังประคองท้องที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว แต่ร่างกายกลับดูซูบผอมไม่เหมือนคนท้องใกล้คลอดแม้แต่น้อย “ ขึ้นเรือนดีหรือไม่เจ้าคะคุณหญิง บ่าวเห็นคุณหญิงไอถี่เหลือเกินเจ้าค่ะ ” “ พ่อรักษ์กับพ่อกลิ่นยังเล่นกันอยู่ ข้าไม่อยากห้ามลูกที่กำลังสนุก อีกอย่างข้าจะมีโอกาสได้ดูลูกเล่นได้เช่นนี้อีกนานไหมก็มิรู้ได้ ” “ คุณหญิงอย่าเอ่ยเช่นนี้สิเจ้าคะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะเจ้าคะคุณหญิง ” เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยกระไรตอบกลับ เพราะไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าตัวเองว่าร่างกายนั้นกำลัง