๑๐
พี่จะพาเอ็งไปเอง
“ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “
เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้
“ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ”
“ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ”
“ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ”
พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง และแม้มันจะโดนทำร้ายเจ็บหนักเจียนตายเพียงใด เจ้ากลิ่นก็ไม่เคยโทษตนเองเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำมันยังเป็นห่วงเป็นใยเจ้านายที่ชอบก่อเรื่องมาให้ไม่เว้นวัน
“ เย็นย่ำเสียแล้วพ่อกลิ่นรีบกลับเรือนไปเสีย มัวชักช้าจะมืดค่ำเสียก่อน ”
“ แล้วคุณรักษ์เล่าขอรับ มิกลับไปพร้อมบ่าวดอกหรือขอรับ ”
“ ยังหรอกพ่อกลิ่น หากข้ากลับเรือนไปเกรงว่าพ่อข้าจะโมโหเมื่อเห็นหน้าข้าอีก ข้ามิต้องการให้พ่อข้าเอาความโกรธเกรี้ยวไปลงที่ผู้ใดอีกโดยเฉพาะพ่อกลิ่น ”
“ แต่ตอนนี้ท่านเจ้าคุณก็ใจเย็นลงมากแล้วนะขอรับ มิเช่นนั้นไม่สั่งให้บ่าวมาตามคุณรักษ์กลับเรือนเช่นนี้หรอกขอรับ ”
“ พ่อข้าเพียงแค่ไม่ต้องการให้ข้ามาทำให้ขายขี้หน้าชาวบ้านล่ะไม่ว่า ”
“ คุณรักษ์... ”
“ รีบกลับเรือนไปเสียพ่อกลิ่น จะมืดจะค่ำเสียแล้ว ”
พ่อรักษ์ได้แต่พูดตัดบทก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนไม้ที่จำเรียนมายืนรอปรนนิบัติอยู่ เจ้ากลิ่นได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกหน่วงในใจแปลก ๆ แต่มันก็ทำได้แค่เก็บงำความรู้สึกนั้นไว้ภายใน และเดินกลับออกมาอย่างจนใจ
“ เอ็งจะเทียวไปเทียวมาให้เหนื่อยไปทำไมเล่า ในเมื่อคนเขาไม่อยากกลับเรือน เอ็งก็ไม่ต้องเสียเวลาไปให้เหนื่อยเปล่า ”
เมื่อกลับมาถึงเรือนบ่าวก็เกือบค่ำ ท้องฟ้าเริ่มเจือไปด้วยสีม่วงเข้ม แสงแดดเริ่มเปล่งแสงน้อยลงจนลาลับขอบฟ้า ไอ้จอมที่ยืนรอเจ้ากลิ่นที่ท่าน้ำตั้งแต่ฟ้ายังสว่างจ้า เอ่ยเสียงเบื่อหน่ายกับเจ้ากลิ่นทันทีที่หัวเรือชนเข้ากับท่าหน้าเรือน
“ พี่จอมมายืนทำกระไรกงนี้มืด ๆ จ๊ะพี่ ”
“ นี่เอ็งไม่ได้ฟังที่พี่พูดเลยรึ ”
“ ฉันไม่ทันได้ฟังดอกจ้ะพี่ ว่าแต่พี่พูดว่ากระไรหรือจ๊ะ ฉันได้ยินไม่ถนัด ”
ไอ้จอมได้แต่ทอดถอนใจ ก่อนจะยื่นมือเข้าไปคว้าท่อนแขนของน้องชายไว้แล้วออกแรงเล็กน้อยก็ดึงเจ้ากลิ่นให้ขึ้นมาบนท่าเรือได้อย่างง่ายดาย
“ ขอบใจจ้ะพี่จอม ”
“ แล้วนี่เอ็งกินกระไรมารึยัง ”
“ ยังเลยจ้ะพี่ ฉันหิวมากเลยไม่รู้ว่าแม่ทำกับข้าวไว้บ้างหรือเปล่า ”
“ ป้าปริกกินอิ่มไปแล้วแต่ก็เก็บไว้ให้เอ็ง ป้าปริกแกเป็นห่วงลูกชายคนเดียวว่าจะอดข้าวตายเสียก่อน ”
“ พี่ก็พูดเลื่อนเปื้อน ว่าแต่พี่จอมกินข้าวหรือยังจ๊ะ หากพี่ยังไม่ได้กิน พี่มากินข้าวเป็นเพื่อนฉันทีนะจ๊ะ ”
“ ข้ารู้ว่าเอ็งต้องยังไม่ได้กินข้าว ข้าก็เลยรอจะกินพร้อมเอ็งนี่แหละ ”
“ ดีเลยจ้ะพี่ เช่นนั้นรีบไปกันเถอะจ้ะพี่ ฉันหิวจนสั่นไปหมดแล้ว ”
เจ้ากลิ่นคว้าท่อนแขนแกร่งของพี่ชายให้กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังเรือนครัว
“ พรุ่งนี้เอ็งจะไปตามคุณรักษ์อีกหรือ ”
ไอ้จอมเอ่ยถามขณะที่เจ้ากลิ่นกำลังล้างมือเมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว เจ้ากลิ่นมองหน้าก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ ให้แทนคำตอบ
“ ให้ข้าไปกับเอ็งด้วยซี เอ็งไปตลาดวังหว้าคนเดียว ที่นั่นมีแต่นักเลงหัวไม้เดินกันให้ขวักไขว่ เอ็งไม่กลัวไม่เกรงเลยรึ ”
“ เหตุใดต้องกลัวจ๊ะ ฉันไปตลาดวังหว้าจนคนที่ตลาดจำฉันได้แทบทุกคนแล้วจ้ะพี่จอม ”
“ แต่ข้ากับป้าปริกเป็นห่วงเอ็ง หากเป็นที่อื่นที่ไม่ใช่ตลาดวังหว้าข้าคงจะเบาใจมากกว่านี้ ”
“ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่ไม่มีกระไรหรอก อีกอย่างฉันว่าอีกไม่กี่เพลาคุณรักษ์ก็กลับเรือนแล้วล่ะจ้ะ ”
“ อย่างไรเสียข้าก็อดห่วงเอ็งไม่ได้ ”
“ ฮ้าววว... ”
เจ้ากลิ่นอ้าปากหาว จนไอ้จอมที่กำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดต้องหลุดอมยิ้มให้กับความเหมือนเด็กเล็กของเจ้ากลิ่น มือหนาเอื้อมมือไปลูบหัวด้วยความเอ็นดู
“ เป็นเด็กเชียวนะเอ็งเนี่ยกินเสร็จก็ง่วง ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสียจะได้ไปหลับไปนอนให้หายเหนื่อย ”
“ จ้ะพี่จอม ฉันไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะพี่ ”
“ แล้วนี่เอ็งจะเดินไปถึงท่าน้ำมั้ย ข้าว่าข้าพาเอ็งไปดีกว่า กึ่งหลับกึ่งตื่นเยี่ยงนี้ไปตกน้ำตกท่าเสียเปล่า ๆ ”
ไอ้จอมเดินพาเจ้ากลิ่นไปที่ท่าน้ำเพื่อให้เจ้ากลิ่นชำระล้างร่างกายก่อนที่จะกลับไปนอนที่เรือนให้สบายตัว
“ ถึงแล้วก็รีบอาบน้ำเสีย ข้าจะรอเอ็งแถวนี้ อย่าช้านักเล่ามืดค่ำงูเงี้ยวจะฉกเอา ”
“ จ้ะพี่ ”
ไอ้จอมพูดจบก็เดินออกมารอเจ้ากลิ่นแถว ๆ ศาลาพักที่ปกติช่วงแจ้งแดดสว่างจะเป็นที่ที่บ่าวไพร่ในเรือนนั้นใช้สำหรับนั่งพูดคุยกันช่วงเวลาว่างจากงานที่ทำมาตลอดทั้งวัน
ไอ้จอมต้องคอยลอบมองคนที่ยืนยักแย่ยักยันอยู่ตรงท่าน้ำ เพราะเป็นห่วงกลัวจะตกน้ำก่อนที่จะได้เริ่มอาบน้ำเสีย เจ้ากลิ่นเริ่มปลดเสื้อผ้าออก กายขาวนวลสะท้อนแสงจันทร์เสี้ยว ยอดบัวเม็ดเล็กสีชมพูเรื่อ ๆ นั่นทำให้คนมองอย่างไอ้จอมต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยจิตคิดอกุศลกับน้องชาย
ไอ้จอมได้แต่สะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดผิดศีลธรรมออก แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็นเสียเหลือเกิน ในเมื่อร่างขาวแบบบางนั่นถูกเคลือบไปด้วยหยาดน้ำกลางแสงจันทร์วับแวม ไอ้จอมกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ส่วนที่เคยสงบเริ่มแข็งขืนขัดกับความรู้สึกผิดที่ก่อเกิดอยู่ภายใน
“ พี่จอม... ”
เสียงเรียกของเจ้ากลิ่นทำให้ไอ้จอมได้สติ ใบหน้านวลของเจ้ากลิ่นอยู่ใกล้จนไอ้จอมตกใจ เมื่อเห็นว่าตัวมันเองนั้นเดินเข้ามาใกล้น้องชายไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
" พี่จอมร้อนหรือจ๊ะ เหงื่อเต็มตัวเชียว ”
“ เอ่อ...ข...ข้าร้อน ๆ น่ะ ”
“ เช่นนั้นก็มาอาบน้ำด้วยกันสิจ๊ะพี่ ”
เจ้ากลิ่นที่ตาสว่างเมื่อได้อาบน้ำเอ่ยชวนพี่ชายด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่หารู้ไม่ว่าพี่ชายตรงหน้ากำลังคิดเตลิดไปไกลมากกว่านั้น
“ เอ็งอาบไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้ามาอาบทีหลังได้ ”
“ จะรีรอกระไรเล่าพี่จอม ก็มาอาบพร้อมกันกับฉันนี่แหละจ้ะ ”
เจ้ากลิ่นเข้าไปดึงแขนของไอ้จอมให้เข้ามาที่ปลายท่า แต่เพราะไม้กระดานที่เปียกน้ำทำให้ลื่น เจ้ากลิ่นที่ออกแรงดึงนั้นเสียหลักจนหงายหลังลงพื้น ไอ้จอมที่โดนดึงลงมาด้วยก็เอาท่อนแขนรองหัวของเจ้ากลิ่นเอาไว้ไม่ให้หัวโขกพื้นไม้
“ พี่จอม... ”
“ เอ็งเป็นกระไรหรือไม่กลิ่น ”
“ มะ...ไม่หรอกจ้ะพี่ พี่เล่าเจ็บกงไหนหรือไม่ ”
เจ้ากลิ่นที่หน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเอ่ยถามตะกุกตะกัก ไอ้จอมเองก็รู้ตัวแล้วว่าท่าทางที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้ส่วนที่แข็งขืนอยู่ภายใต้ผ้าโจงนั้นกดทับไปที่ต้นขาของน้องชายที่อยู่ด้านล่าง
ตูมมม...
ไอ้จอมกระโดดลงจากท่าน้ำทันทีที่มันยันกายให้ลุกขึ้นได้ โดยไม่รอให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ มันรีบดำผุดดำว่ายในคลอง จนเจ้ากลิ่นเองต้องตะโกนออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ อย่าว่ายไปไกลนักซีพี่จอม ”
“ นะ...น้ำมันเย็นชื่นใจพี่ดี ”
ไอ้จอมเอ่ยบอกแม้ร่างกายจะหนาวจากความเย็นของน้ำในคลอง แต่สิ่งที่อยู่ใต้โจงยังไม่มีทีท่าว่าจะเย็นลงไปด้วย
“ เช่นนั้นอย่าว่ายนานนักนะพี่มืดค่ำแล้ว ฉันอาบเสร็จแล้วขอกลับไปก่อนนะพี่จอม ”
“ เอ็งกลับไปเลย พี่ขอว่ายเล่นอีกประเดี๋ยวแล้วค่อยกลับ ”
“ จ้ะพี่ อย่านานนักเล่าประเดี๋ยวจะเจ็บไข้เอา ”
เจ้ากลิ่นกำชับก่อนจะเดินกลับไปที่เรือน เมื่อเห็นเจ้ากลิ่นเดินกลับไปจนลับตา ไอ้จอมก็ว่ายน้ำกลับเข้ามาที่ท่า ก่อนจะเดินขึ้นมาทั้งที่ส่วนนั้นยังตั้งโด่งชัดเจน
“ มึงนี่ดื้อดึงเสียจริงเชียว ”
ไอ้จอมก้มลงมองของตัวเองก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนนอนของตัวเองทั้งอย่างนั้น
เมื่อถึงเรือนนอนของตัวเองไอ้จอมปลดโจงของตนเอง แล้วไม่ลืมที่จะหันกลับลงดานประตูเรือน เนื้อตัวที่เปียกปอนไปด้วยหยดน้ำไม่ได้ทำให้ความรุ่มร้อนที่อัดแน่นอยู่บริเวณแท่งเนื้อสีคล้ำให้ลดลงแม้แต่น้อย
ร่างกำยำทอดกายลงบนเสื่อที่ถูกปูไว้อย่างลวก ๆ มือหยาบกำรวบแท่งเนื้อร้อนสีคล้ำไว้ ที่ถึงแม้มือของไอ้จอมจะใหญ่แต่ความยาวของแท่งเนื้อกลับโผล่พ้นฝ่ามือนั้นออกมา
“ อืมมม... ”
ไอ้จอมส่งเสียงครางในลำคอ ในขณะที่มือของมันก็ขยับขึ้นลง รูดรั้งหนังหุ้มให้ส่วนหัวหลุดพ้นจากความเหนี่ยวรั้งไว้ เมื่อหลุดพ้นจากการถูกครอบคลุม แท่งเนื้อร้อนก็เผยขนาดแท้จริงของมัน แท่งเนื้ออวบและร้อนรุ่มถูกปลายนิ้วหยาบเขี่ยรอยหยักจนของเหลวเหนียวใสไหลออกมาจนเต็มลำ ยิ่งทำให้เจ้าของ ๆ มันส่งเสียงรัญจวน
“ อ่า...กลิ่นของพี่ ”
ปากคล้ำเอ่ยเรียกชื่อเจ้ากลิ่น มโนภาพที่นึกถึงของไอ้จอมคือผิวขาวนวลกับยอดอกที่สีเหมือนดอกบัวนั่นของเจ้ากลิ่น
ในภาพที่คิดอยู่ใต้มโนสำนึกของไอ้จอมนั้นมันกำลังใช้ลิ้นอุ่นตวัดลงไปที่ยอดอกเม็ดเล็กของเจ้ากลิ่น ร่างบางแอ่นรับด้วยความกระสัน และซ่านไปด้วยความรู้สึกวาบหวาม
“ พี่จอม... ”
“ กลิ่นของพี่ เอ็งช่างหอมเหลือเกิน อืม... ”
“ อ๊า...พี่จอมจ้ะ ฉันรู้สึกแปลกเหลือเกินจ้ะพี่ ”
เจ้ากลิ่นบิดตัวหนีปลายลิ้นของไอ้จอมที่กำลังไล่สัมผัสไปตามสีข้าง ความกระสันที่ถูกปรนเปรอด้วยลิ้นสากนั้นทำให้เจ้ากลิ่นส่งเสียงครางอย่างลืมตัว
“ กลิ่น...พี่ขอเป็นคนแรกของเอ็งนะ... ”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบไปที่ใบหูแดงระเรื่อ เจ้าของร่างที่สติกระเจิดกระเจิงได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ ให้
“ อ๊าาา...พ...พี่จอม ”
เสียงร้องดังลั่นพร้อมกับร่างสั่นสะท้านเมื่อปากทางด้านหลังของตนเองถูกครอบครองด้วยปลายลิ้น ช่องทางที่เกร็งและบีบรัดทำให้ปลายลิ้นที่ไอ้จอมพยายามดันเข้าไปลิ้มรสนั้นเข้าไปไม่ได้ มือใหญ่จึงรูดรั้งแท่งเนื้อสีนวลที่กำลังปล่อยน้ำหวานไหลย้อยมาตามแท่งน้อย ๆ นั่น
เมื่อความเสียวกระสันทำให้ร่างกายหายเกร็ง ลิ้นอุ่นก็ได้เข้าไปลิ้มรสสมใจ ก่อนนิ้วสากที่เกิดจากการทำงานหนักนั้นจะค่อย ๆ ดันเข้าไปในช่องรักช้า ๆ
“ ฮะ...ฮ้าาา... ”
“ อย่าเกร็ง พี่จะค่อย ๆ ทำ ไม่ให้เอ็งต้องเจ็บ ”
“ อืมมม...อ้า...พี่จอม ”
นิ้วขยับเข้าออกจากที่ค่อย ๆ เนิบนาบและอ่อนโยน ร่างบางที่ร้องครางไม่หยุดเริ่มเด้งตัวเข้าหาปลายนิ้วเร็วขึ้น ไอ้จอมมองร่างขาวด้วยแววตาพราวระยับ ก่อนจะค่อย ๆ ถอนนิ้วออกจากร่างที่กำลังเด้งตัวเข้าหา
“ พี่ว่าเอ็งพร้อมที่จะเป็นของพี่แล้วล่ะกลิ่นของพี่... ”
ไอ้จอมจับหัวหยักสีคล้ำของตนจ่อปากทางเข้าสีหวานที่ถูกเคลือบไปด้วยของเหลวเหนียวใสที่ไหลออกมาจากแท่งเนื้อของเจ้ากลิ่น ก่อนส่วนหัวของส่วนที่แข็งขืนนั้นจะค่อย ๆ ถูกดันเข้าไป
เมื่อขนาดที่เข้ามานั้นใหญ่กว่าสิ่งที่ปรนเปรอตนเองก่อนหน้านี้ เจ้ากลิ่นได้แต่เกร็งตัวจนช่องทางนั้นรัดแน่นจนเข้าไปได้ยาก ไอ้จอมจึงโน้มตัวลงไปดูดเม้มยอดอกของเจ้ากลิ่นกระทั่งร่างใต้อาณัตินั้นบิดเร่า
“ อ่า... ”
เมื่อช่องทางผ่อนคลายแท่งเนื้อใหญ่ก็เข้าไปได้จนเต็มความยาว ด้านในรัดแน่นจนแท่งเนื้อแทบขาด ไอ้จอมไม่ขยับเพราะต้องการให้เจ้ากลิ่นได้คุ้นชินกับขนาดที่อยู่ในตัวเสียก่อน ไอ้จอมจึงไม่อยากฝืนจนทำให้ร่างขาวนั้นต้องเจ็บ
“ กลิ่น...พี่จะขยับแล้วนะน้องพี่ ”
“ จ้ะพี่จอม ทำเลยฉันรอจนจะอกแตกตายแล้ว ”
ไอ้จอมยกขาเรียวพาดบ่าก่อนจะเริ่มเด้งส่วนล่างเข้าออกอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ เพิ่มความเร็วตามแรงอารมณ์ปรารถนาของตนเอง
“ กลิ่นของเอ็งมันรัดของพี่แน่นเสียเหลือเกิน อื้ม... ”
“ พี่จอม เข้ามาในตัวฉันแรงกว่านี้อีกสิพี่ อ่าาา... ”
“ พี่กลัวเอ็งเจ็บ อ่า ”
“ ฉันไม่เจ็บ...อ่า พี่จอมเข้ามาสิจ๊ะพี่จอม ”
“ เอ็งรู้ตัวหรือไม่ว่าเอ็งกำลังทำให้พี่แทบไม่ไหวเสียแล้ว ”
“ อ๊าาา...พี่จอมมม ”
เสียงร้องครางดังระงมเมื่อไอ้จอมดึงท่อนเนื้อออกจนเกือบหลุดก่อนจะดันเข้าไปอย่างแรง เสียงเนื้อกระทบกันดังเฉอะแฉะแทรกไปกับเสียงลม ไอ้จอมวางขาของเจ้ากลิ่นลงบนเสื่อข้างหนึ่ง มือหนากดขาอ่อนเบา ๆ ก่อนจะกระแทกเอวเข้าออกด้วยความเร็ว ท่อนเนื้อแกร่งเข้าไปลึกกว่าเดิมจนเจ้ากลิ่นแทบขาดใจเมื่อหัวหยักนั้นโดนส่วนด้านในจนรู้สึกกระสันมากกว่าที่ใด
“ พี่จอมจ๋า...อะ...อ้าาา ”
ไอ้จอมปล่อยมือจากขาอ่อนของเจ้ากลิ่น ก่อนที่นิ้วสากจะไปเขี่ยเม็ดสีชมพูที่แข็งชูชัน หน้าท้องเจ้ากลิ่นเกร็งกระตุกตามนิ้วที่เขี่ยอยู่ ปากบางร้องครางไม่หยุดจนน้ำลายใสไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ไอ้จอมมองใบหน้านวลที่แดงระเรื่อก็กระแทกท่อนเนื้อด้วยความรุนแรง
“ กลิ่นจ๋า...กลิ่นเมียพี่...อ่า... ”
“ แฮก ๆ พี่จอม...ฉ...ฉัน อ๊าาา ”
ของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งออกมาจากแท่งเนื้อของเจ้ากลิ่น ของเหลวนั้นเปื้อนเปรอะไปทั่วหน้าท้องขาวของมัน บางส่วนกระเด็นไปที่ลอนหน้าท้องสีเข้มของไอ้จอม ร่างด้านบนหยุดการขยับตัวเองลงเมื่อช่องทางของเจ้ากลิ่นรัดแน่นจนแทบจะทนไม่ไหว ก่อนที่จะใช้นิ้วเค้นคลึงไปยังส่วนหัวที่เปียกไปด้วยของเหลวที่เจ้ากลิ่นเพิ่งปลดปล่อยออกมา จนร่างบางแอ่นเกร็งด้วยความซ่านในอารมณ์
ไอ้จอมเริ่มขยับกายเข้าออกอีกครา แต่ครานี้มันดันเร็วและเน้นเข้าไปจนเจ้ากลิ่นที่เพิ่งเสร็จสมอารมณ์หมายนั้นกลับมาแข็งขืนอีกครา ไอ้จอมวางท่อนขาของเจ้ากลิ่นที่ยังพาดไว้อีกข้างลง มือหนาคว้าเอวสอบให้รับกับแรงดันของท่อนแข็งจนเจ้ากลิ่นร้องลั่น
“ พี่จอมฉันจะไม่ไหวอีกแล้วจ้ะพี่...อ๊าาา... ”
“ พี่ก็เหมือนกันจ้ะ เมียพี่...อ่า.... ”
ไอ้จอมคว้าท่อนเนื้อของเจ้ากลิ่นมารูดรั้งไปพร้อม ๆ กับท่อนแกร่งของมันที่กำลังขยับเข้าออก ก่อนที่ท่อนเนื้อในมือของมันจะกระตุกเกร็งและปล่อยน้ำออกมาอีกครา มันขยับท่อนแกร่งของมันอีกสามสี่คราท่อนแข็งก็พุ่งของเหลวเข้าไปในตัวของเจ้ากลิ่นจนล้นทะลักออกมาเปรอะช่องทางของเจ้ากลิ่นด้านนอก
“ อ่าาา... พี่มีความสุขเหลือเกิน...กลิ่นเมียพี่ ”
ไอ้จอมมองของเหลวสีขาวขุ่นที่อยู่บนมือของตัวเอง มันมองไปรอบ ๆ เรือนนอนของมันที่มีแต่ความมืดมิด เสียงหอบพร่ามาพร้อมกับรอยยิ้มเศร้า ๆ ที่มองไม่ออกว่ามันรู้สึกเยี่ยงไร เมื่อมันดันเอาน้องชายมาคิดอุบาทว์ถึงเพียงนี้
๑๑ กลับเรือนกันเถิดขอรับ เช้านี้เจ้ากลิ่นตื่นแต่ไก่โห่ ใบหน้าแช่มชื่นฉาบไปด้วยรอยยิ้มเพราะนอนเต็มตื่นจนร่างกายเหมือนดอกไม้ยามเช้าที่ได้รับแสงแดดอุ่น “ แม่จ๋า วันนี้มีกระไรให้ฉันกินบ้างจ๊ะแม่ ” “ ก็น้ำพริกผักต้มนั่นแหละ อ้อ วันนี้ไอ้จอมได้ปลาดุกมาตัวโตเชียวแม่เลยว่าจะย่างมากินกับน้ำพริก ” “ พูดก็น้ำลายสอเสียแล้ว ใกล้เสร็จหรือยังจ๊ะแม่ ” “ รออีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เอ็งไปตามพี่เอ็งมากินข้าวไป ” “ จ้ะแม่ แล้วพี่จอมอยู่ไหนล่ะจ๊ะ ” “ เมื่อตะกี้แม่เห็นมันอยู่แถว ๆ สวนผักหลังเรือนนู่นน่ะ สงสัยคงจะตักน้ำรดผักอยู่เอ็งไปตามทีไป ” เจ้ากลิ่นเดินออกไปตามไอ้จอมตามที่แม่บอก สองเท้าก้าวไปเรื่อย ๆ จนมาถึงแปลงผักที่มีบ่าวไพร่สามสี่คนกำลังช่วยกันตักน้ำรดผักที่ปลูกไว้กินในเรือน หากเหลือกินท่านเจ้าคุณก็ให้เอาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง “ พี่จอม...พี่จอม แม่ให้มาตามไปกินข้าวจ้ะพี่ ” เสียงตะโกนเรียกของเจ้ากลิ่นทำให้ไอ้จอมชะงัก เหตุการณ์เมื่อคืนที่ไอ้จอมได้เผลอเอาน้องชายไปคิดเรื่
๑๒ แสนห่วงใย “ พ่อหมอๆ !!! ” เสียงตะโกนลั่นโรงหมอตั้งแต่ก่อนที่ร่างกำยำจะอุ้มร่างอันไร้สติของเจ้ากลิ่นเข้ามาถึงด้านในโรงหมอเสียอีก “ ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ เอ็งไปตามหมอยามาประเดี๋ยวนี้ ” สาวใหญ่ร่างท้วมเอ่ยบอกกับบ่าวที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่ตนเองจะรีบพาพ่อรักษ์ให้อุ้มเจ้ากลิ่นมาวางที่เตียงไม้ มืออวบจับพลิกเนื้อตัวดูทันทีที่พ่อรักษ์วางเจ้ากลิ่นลง “ มิเป็นกระไรมากดอกเจ้าค่ะ อย่าได้เป็นกังวลใจนะเจ้าคะ ” “ หากมิเป็นกระไร เหตุใดพ่อกลิ่นถึงไม่ได้ตื่นขึ้นมาเล่า เอ็งรีบไปตามท่านหมอมาประเดี๋ยวนี้ ” “ ข้าให้บ่าวไปตามให้แล้วเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้วเจ้าค่ะ ขอคุณท่านโปรดสงบจิตสงบใจด้วยเจ้าค่ะ โรงหมอยังมีผู้ป่วยไข้อื่นอยู่ด้วยนะเจ้าคะ ” ถึงแม้จะดูต่ำศักดิ์กว่าพ่อรักษ์ แต่เพราะหญิงตรงหน้ามีแววตาและท่าทางน่าไว้ใจ พ่อรักษ์จึงได้แต่เก็บกลั้นความกังวลใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้ไปกระทบถึงผู้อื่น รออยู่ครู่ใหญ่ท่านหมอก็มาตรวจเจ้ากลิ่นที่ยังไม่ได้สติ ก่อนจะหันไปสั่งให้บ่าวในเรือนต้มยาตามที่ตนเองสั่ง แล
๑๓ สายตาอันน่ารังเกียจ ค่ำคืนอันแสนยาวนานกำลังผ่านเข้ามา พ่อรักษ์นั่งอยู่ข้าง ๆ ร่างบางอันบอบช้ำที่ยังคงนอนไม่ได้สติ หน้าผากมนนั้นมีเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพราะพิษไข้ ผ้าเนื้อดีที่พ่อรักษ์ให้บ่าวหามาถูกชุบน้ำไม่รู้เป็นคราที่เท่าไหร่แล้ว มันถูกบรรจงซับเอาพิษไข้ออกจากร่างกายของเจ้ากลิ่น “ รีบตื่นเสียเถิดหนาพ่อกลิ่น พี่เป็นห่วงเจ้าเหลือเกินแล้ว ” ร่างกำยำในเงามืดที่มีเพียงแสงตะเกียงตกกระทบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย มือกร้านกอบกุมมืออันบอบช้ำไว้เบา ๆ ดั่งว่าหากสัมผัสแรงกว่านี้มือนี้จะมลายหายไปเสียอย่างนั้น “ อื้อ... ” เสียงครางเบา ๆ ทำให้พ่อรักษ์รีบยืดตัวขึ้นมาดูเจ้ากลิ่นที่ขยับตัวเพราะความเจ็บปวดไปทั่วกาย “ พ่อกลิ่นเป็นเช่นไรบ้าง เจ็บกงไหนอีกหรือไม่ ” พ่อรักรีบถามทันทีที่เปลือกตาของเจ้ากลิ่นเปิดขึ้น เจ้ากลิ่นมองไปที่นายของมันด้วยดวงตาที่ห่วงใย มือเล็กของมันที่เต็มไปด้วยรอยแผลเอื้อมไปสัมผัสมือของนายตนเองพลางละล่ำละลักถาม “ คุณ...รักษ์เป็นกระไรหรือไม่ขอรับ เจ็บกงไหนมั้ยขอรับ ” “ พ
๑๔ หวงมีนัยยะมากกว่าห่วง (๑) หลังจากรับข้าวเช้ากับท่านเจ้าคุณพร้อม ๆ ความอึดอัดในสายตาเย้ายวนของแม่พุดตานที่ลอบมองตนเองตลอดช่วงที่กินข้าวด้วยกัน ถึงแม้ว่าในใจอยากตะโกนออกมาดัง ๆ ว่ารังเกียจมากขนาดไหน แต่เป็นเพราะไม่ได้ต้องการที่จะก่อปัญหาซ้ำให้เสียบรรยากาศ พ่อรักษ์จึงจำต้องนั่งกินข้าวร่วมกับเจ้าของสายตาอันน่ารังเกียจนี้ต่อไป และถึงแม้จะมีกระไรมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจ แต่พ่อรักษ์ก็อดไม่ได้ที่จะมาลอบ ๆ มอง ๆ แถวเรือนบ่าว ร่างสูงชะเง้อมองเข้าไปในเรือนหวังเพียงว่าจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของคนที่ตนเองนั้นห่วงใยเพียงครู่เดียวก็จะกลับเรือน แต่เฝ้ามองแล้วเฝ้ามองอีกก็ไม่เห็นแม้แต่เพียงเงา “ คุณรักษ์กลับเรือนไปเถิดขอรับ ไอ้กลิ่นมันกินยานอนไปแล้วขอรับ คุณรักษ์มาก็ช่วยกระไรมันไม่ได้หรอกขอรับ ” น้ำเสียงยียวนกวนโทสะของไอ้จอมดังขึ้นด้านหลัง พ่อรักษ์หันไปมองตามเสียงก่อนยืดตัวตรงเต็มความสูงของตนเอง “ กูเป็นเจ้าของเรือนกูจะไปจะมาไม่เห็นจำเป็นต้องให้ขี้ข้าอย่างมึงมาสั่งกูไอ้จอม ” “ ใช่ขอรับ เพราะคนอย่างพวกข้ามันก็เป็นได้แค่ขี้ข้า
๑๕ หวงมีนัยยะมากกว่าห่วง (๒) “ คุณรักษ์ขอรับวันนี้จะรับข้าวที่เรือนนอนหรือที่เรือนใหญ่ดีขอรับ บ่าวจะได้แจ้งไปที่เรือนใหญ่ขอรับ ” เจ้ากลิ่นเอ่ยถามเมื่อรับอ่างกระเบื้องลายสวยที่ด้านในบรรจุน้ำสะอาดจากบ่าวบนเรือนมาให้นายของมันล้างหน้าล้างตาแต่เช้าตรู่ “ รับที่เรือนนี้นี่แหละพ่อกลิ่น หากไปที่เรือนใหญ่วันนี้เกรงว่าจะเสียเพลา พี่กะว่าจะไปดูซื้อของที่จะใช้ในการเรียนเสียหน่อย ” “ เช่นนั้นบ่าวไปแจ้งที่เรือนใหญ่ให้คนยกสำรับมาที่เรือนนี้นะขอรับ ” พ่อรักษ์พยักหน้าเป็นการรับรู้ มือหนาก็ยื่นมือไปรับผ้าเนื้อนิ่มจากมือบ่าวที่กำลังยื่นมาให้ นิ้วหยาบจงใจสัมผัสไปให้โดนมือนิ่มของเจ้ากลิ่น ค่อย ๆ ลากไล้จากกลางนิ้วขาวมาจนสุดปลายนิ้ว ตาดำสุกสกาวจ้องมองหน้านวลของเจ้ากลิ่นจนหน้าของมันเห่อร้อน เพราะสัมผัสยั่วยวนที่ยังคงหลงเหลือบนปลายนิ้วของตนนั้นชวนให้ใจหวิวไหว “ บะ...บ่าวไปแจ้งที่เรือนใหญ่ก่อนนะขอรับ ” เจ้ากลิ่นรีบเดินออกไปจากห้องนอน ด้วยเพราะความรีบหรืออาจจะเป็นเพราะหัวใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำจึงทำให้ร่างกายควบคุมแทบไม่ได้ ป
๑๖สูญเสีย" ไอ้ก้าน!!! "เมื่อแผ่นหลังของเจ้ากลิ่นลับตาไป ไอ้จอมมองตามอย่างหงุดหงิดก่อนจะตะโกนไปหาไอ้ก้านที่มันกำลังตักน้ำรดผักอยู่ห่างออกไปสามสี่แปลง" มึงเรียกกูทำไมไอ้จอม "" นังบัวที่มึงบอกกู ฝากไปบอกมันทีว่าคืนนี้กูจะรอที่เรือน "" ให้มันได้อย่างนี้สิวะไอ้จอมเพื่อนรัก "ค่ำคืนอันหนาวเหน็บในยามฤดูหนาวเช่นนี้บางคนอาจนอนอยู่ใต้ผ้าผวยผืนหนาเพื่อให้ตัวเองอบอุ่นและหลบความหนาวเย็นได้ แต่ไม่ใช่กับเรือนของไอ้จอมที่ตอนนี้สองร่างเปลือยเปล่าของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ไอ้ก้านเป็นพ่อสื่อให้คนหนุ่มที่ยังไม่มีคู่ครองกับหม้ายสาวผัวตายที่มีลูกอ่อนวัยไม่กี่เดือนให้ทั้งคู่ได้มาสนองความต้องการของความรู้สึกเบื้องลึกของตนเอง“ พี่จอมจ๋า... ”เสียงหวานใสของนังบัวที่คืนนี้มันฝากลูกของมันไว้กับบ่าวในเรือนเอ่ยขึ้นเมื่อมันเหยียบเข้ามาบนเรือนบ่าวของไอ้จอม แสงตะเกียงพลิ้วชวนให้บรรยากาศหวามไหว ไอ้จอมนั่งพิงกับเรือนร่างหนาไม่ได้สวมเสื้อเสียด้วยซ้ำมีเพียงโจงกระเบนเก่า ๆ เท่านั้นที่ยังคงอยู่บดบังความใหญ่โตของสิ่งที่อยู่ใต้โจงนั้นที่มันคงนูนเด่นให้เห็นแม้ว่าจะยังไม่เหยียดขยายเต็มที่ก็ตาม“ ฉันไม่คิดว่าพี่จอมจะยอมให้ฉั
๑๗ความเข้าใจงานศพนังปรุงผ่านไปแล้วโดยมีท่านเจ้าคุณวรจิตรเป็นธุระจัดการให้ และมีพ่อรักษ์กับไอ้จอมในการจัดแจงทุกสิ่งอันที่พึงทำให้บ่าวในเรือนได้ ส่วนเจ้ากลิ่นสภาพของมันตอนนี้ใครมาเห็นก็ให้ได้สงสารและเวทนา มันเหม่อลอย ดวงตาบวมคล้ำไปหมดเพราะผ่านการร้องไห้มานานหลายวัน“ กินข้าวกินปลาเสียบ้างสิกลิ่น ”ไอ้จอมยกสำรับข้าวมาให้เจ้ากลิ่นในเรือนที่ไม่มีแม้แต่แสงเทียนส่องสว่าง ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่ด้านในดวงตาทอดมองไปยังจันทร์เต็มดวงที่ทอแสงนวลอยู่บนท้องฟ้าสีครามเข้ม“ เอ็งจะเอาแต่เศร้าสร้อยอยู่เยี่ยงนี้ไม่ได้นะ ป้าปรุงจะเป็นห่วงเอ็งจนตายตาไม่หลับเอาเสีย ”“ ฉันยังไม่หิวจ้ะพี่จอม... ”“ แต่เอ็งไม่ได้กินกระไรมาหลายวันแล้วนะ เจ็บไข้ไปจะทำเยี่ยงไร ”“ ...พี่จอม...ฮึกๆ ”เมื่อการอดกลั้นสิ้นสุดลง เจ้ากลิ่นที่นั่งนิ่งหันกลับไปมองพี่ชายที่มองมาด้วยความเป็นห่วง เหมือนเด็กน้อยที่เห็นญาติผู้ใหญ่ที่ชอบตามใจ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ในที่สุดก็พรั่งพรูออกเป็นสายธาร“ มาหาพี่มากลิ่น ”“ ฮื้อ.... ”เจ้ากลิ่นโผเข้ากอดพี่ชายที่อ้าแขนรอตนเอง ความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของไอ้จอม ทำให้เจ้ากลิ่นกระชับอ้อมกอดของตัวเองแน่
๑๘หลบเลี่ยง“ นี่พ่อกลิ่นตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางอีกแล้วรึ ”พ่อรักษ์บ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นว่าตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอเหมือนดังเช่นหลายวันที่ผ่านมา ตั้งแต่คราที่เกิดเหตุการณ์หวามไหวบนเรือนบ่าวเมื่อสามสี่วันก่อน พ่อรักษ์สังเกตว่าเจ้ากลิ่นพยายามหลบหน้าหลบตา หากพอพบกันก็แสร้งว่าต้องไปช่วยทำงานที่อื่น ทั้ง ๆ ที่ความจริงเจ้ากลิ่นมีหน้าที่ดูแลแค่พ่อรักษ์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ช่วงนี้เหมือนเจ้ากลิ่นพาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ต้องมีงานทำอยู่ตลอดเวลาพ่อรักษ์ล้างหน้าล้างตาจากน้ำในโถเบญจรงค์ที่เจ้ากลิ่นเตรียมไว้ตั้งแต่เช้า สำรับข้าวปลาก็จัดหาไว้ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่สิ่งที่ขัดใจคนตัวโตที่นั่งอยู่บนฟูกนอนนั่นก็คือการไม่ได้เห็นหน้าคนที่อยากเห็นมากที่สุด“ ไอ้กลิ่นเอ้ย... ”เสียงเรียกจากบ่าวบนเรือนใหญ่เอ่ยมาจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้ากลิ่นที่กำลังหาบน้ำอยู่ที่ท่าน้ำต้องหยุดหันหลังกลับไปมอง“ มีกระไรหรือจ๊ะป้า ”“ คุณรักษ์เรียกหาเอ็งน่ะ รีบไปเสียอย่าให้คุณรักษ์ท่านรอนาน ”“ จ้ะ ๆ ป้า พี่จ๊ะฉันฝากหาบน้ำสองกระบุงนี้ด้วยนะจ๊ะ ”เจ้ากลิ่นหันไปบอกกับบ่าวที่มาด้วยกันก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปที่เรือนใหญ่“ คุณรักษ์มี
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ
๓๓เดือดดาลพ่อรักษ์กินข้าวเช้าที่น้องสาวเอามาให้จนหมดสำรับ มื้อนี้ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ แต่ถึงแม้ภายในใจจะโล่งอกเพราะตนเองนั้นไม่ได้มีกระไรเกินเลยกับเมียในนาม แต่พอมานั่งคิดดูแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันล่วงเลยจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ นั้นมีสาเหตุมาจากคนเพียงแค่คนเดียว เมื่อนึกได้แล้วพ่อรักษ์ก็ได้แต่นึกก่นด่าตนเองอยู่ในใจ ที่ผ่านมามัวแต่เห็นแก่ความรู้สึกของตนเองเพียงอย่างเดียว จนมองไม่เห็นถึงต้นตอของปัญหาเลยสักนิด“ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง...เข้ามาหากูที ”“ เจ้าคะคุณรักษ์ มีกระไรให้บ่าวทำหรือเจ้าคะ ”“ มึงไปดูทีว่าคุณหญิงพุดตานอยู่ที่ห้องหรือไม่ ”“ คุณหญิงออกไปตลาดตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ คุณรักษ์มีกระไรหรือไม่เจ้าคะ ”“ ไม่มี...เอ็งจะไปทำกระไรก็ไปเถิด อีกประเดี๋ยวข้าก็จะกลับเรือนข้าแล้ว ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของแม่รำพึง แววตามีประกายกระไรบางอย่าง ในใจครุ่นคิดว่าต่อแต่นี้ตนเองจะต้องใช้ชีวิตให้มีสติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะไม่ปล่อยให้อารมณ์นำพาตนเองให้ทำกระไรโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอีกแล้วคืนนี้พ่อรักษ์มานั่งมองจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่บนนภา หวนรำ
๓๒ผิดแผนเสียงหรีดหริ่งร้องระงมในคืนที่หนาวเหน็บเช่นคืนนี้ ร่างขาวนวลเอวคอดกิ่วนอนหันหลังให้กับร่างคร้ามสีเข้มลมหายใจไม่เป็นจังหวะ บ้างสั้น บ้างยาวที่พ่นออกมาของพ่อรักษ์นั้นยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้เย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อข่มตาหลับอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงได้ แม้ว่าค่ำคืนตั้งแต่แต่งงานกันเข้ามาก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยิ่งเมื่อเจ้ากลิ่นออกจากเรือนนี้ไปแล้วก็ยิ่งดูเหมือนว่าพ่อรักษ์นั้นจะปิดกั้นตนเองออกจากคนอื่น ๆ“ นวลว่าตั้งแต่วันพรุ่ง นวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลนะเจ้าคะ... ”“ ... ”“ นวลรู้ดีเจ้าค่ะว่าคุณพี่มิได้รักนวล แต่ที่เราต้องแต่งงานกันเยี่ยงนี้เป็นเพราะนวลไม่กล้าเอง ตั้งแต่วันพรุ่งนวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลเราสองคนจะได้มิต้องมาอึดอัดใจกันเยี่ยงนี้นะเจ้าคะ ”แม่นวลลออเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงของแมลงคลออยู่ไกล ๆ พ่อรักษ์ได้แต่นอนฟังอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาพรูใหญ่“ แม่นวลก็นอนเสียที่ห้องนี้ ห้องหับใหญ่สะดวกกว่าห้องเล็กเดิมที่เคยนอน ส่วนข้าจะกลับไปนอนที่เรือนเล็กหลัง
๓๑จำต้องปล่อยไปงานแต่งของพ่อรักษ์กับแม่นวลถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่แม่นวลลออกับพ่อรักษ์นั้นทำผิดผีกันนั้นแพร่งพรายออกไปยังนอกเรือน ไม่ต้องบอกก็รู้แจ้งว่าเป็นฝีมือของผู้ใดหากไม่ใช่คุณพุดตานบ่าวไพร่ในเรือนต่างง่วนอยู่กับการตระเตรียมงานให้พร้อม ข้าวปลาอาหารของมงคลต่าง ๆ ถูกตระเตรียมไว้มิให้ขาดตกบกพร่อง ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกคุณพุดตานเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ปานว่าของเหล่านี้นั้นมีพร้อมมานานแล้วเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่เกิดเรื่องของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออ เจ้ากลิ่นก็กลับมานอนที่เรือนบ่าวเพราะไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของมันไปกระทบกับแม่นวลลออ คราแรกพ่อรักษ์มิยอมทำตามเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับแม่นวลลออ แต่เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงชาวบ้านร้านประชาด้านนอก ชื่อเสียงของแม่นวลก็พลอยด่างพร้อยไปด้วย เจ้ากลิ่นจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าหากเรื่องของมันกับพ่อกลิ่นออกไปยังคนนอกเรือนอีก รังแต่จะทำให้ท่านเจ้าคุณเสียชื่อและอาจจะทำให้อาการเจ็บไข้ที่ดูเหมือนดีขึ้นให้กลับมาทรุดหนักเอาได้ พ่อรักษ์จึงยอมให้เจ้ากลิ่นกลับมานอนที่เรือนบ่าว ส่วนตนเองก็นอนอยู่ที่เรือนเล็กมิได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เรือนใหญ่ แม้ว่าท่านเ