๙
เป็นเวรหรือกรรม
“ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ”
ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน
“ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ”
“ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ”
“ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ”
" จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ”
“ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ”
“ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ”
“ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ”
“ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ”
ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น
นับตั้งแต่วันที่เจ้ากลิ่นโดนโบยวันนั้น เพลาผ่านมาแรมเดือนเห็นจะได้ แผลที่โดนโบยของเจ้ากลิ่นก็หายดีแล้ว เหลือก็เพียงแต่รอยแผลจางที่ยังคงมีให้เห็น เหตุการณ์ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติเฉกเช่นเรือนอื่น ๆ แต่นั่นก็เป็นเพราะตั้งแต่วันที่มีเรื่องคุณรักษ์ไม่ได้กลับมาที่เรือนเลยสักครา ท่านเจ้าคุณเองก็ไม่ได้ไถ่ถามถึงลูกชายเลยสักครั้ง ทำเหมือนตนไม่มีบุตรชายที่ชื่อรักษ์เสียอย่างนั้น
“ ป้าจวงจ๊ะ... ”
“ อ้าว...มีกระไรรึไอ้กลิ่น ”
“ คุณรักษ์ยังไม่กลับมาที่เรือนอีกหรือจ๊ะป้า ”
“ เฮ้อ... ”
เมื่อได้ยินคำถามจากเจ้ากลิ่น นังจวงก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ คุณรักษ์ไม่กลับมาเป็นแรมเดือนแล้ว เจ้าคุณท่านก็มิเคยเอ่ยถามหาเลยสักครั้ง บนเรือนใหญ่ตอนนี้มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงกันสักคน เอ็งก็อย่าทะเล่อทะล่าไปเอ่ยถามกระไรให้ถึงหูเจ้าคุณท่านเชียว พูดมากไปหลังจะลายอีกคราเสียเปล่า ๆ นะไอ้กลิ่น ”
“ แต่ฉันเป็นห่วงคุณรักษ์นี่จ๊ะป้าจวง ข้าวปลาจะได้กินดี ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ็บไข้ขึ้นมาใครจะดูแลหาหยูกยาให้ล่ะจ๊ะป้า ”
“ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงนายเอ็งหรอกกลิ่นเอ๊ย หากมีเรื่องกระไรป่านนี้เรื่องถึงหูเจ้าคุณท่านนานแล้ว ”
“ ถึงกระนั้นก็เถอะ อย่างไรเสียฉันก็อดห่วงไม่ได้นี่จ๊ะป้า ”
“ เอ็งเป็นแค่บ่าวไอ้กลิ่น เรื่องของคุณ ๆ เอ็งอย่าไปยุ่งเสมือนเป็นเรื่องของตัวเด็ดขาด ถึงคุณ ๆ ท่านจะเมตตาเอ็ง แต่เอ็งก็ต้องไม่ลืมกำพืดตัวเองว่าเป็นแค่บ่าวนะไอ้กลิ่น ”
“ ... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่เงียบงันกับสิ่งที่นังจวงเอ่ยเตือน ถึงแม้ว่ามันไม่เคยมีความคิดที่จะตีตนเสมอนายเลยสักเพียงครั้ง แต่มันก็รู้ว่าการกระทำของมันนั้นออกจะเกินหน้าที่ของบ่าวไพร่ในเรือนอย่างที่มันควรต้องเป็น
“ พี่กลิ่นจ๊ะ ”
เสียงหวานของคุณรำพึงที่กำลังเดินลงมาจากเรือนเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นบ่าวคนสนิทของพี่ชายยืนอยู่กับนังจวง
“ คุณรำพึงมีกระไรให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ ”
“ ไม่มีกระไรหรอกจ้ะพี่ แล้วนี่แผลที่หลังดีขึ้นแล้วหรือจ๊ะ ”
“ หายดีแล้วขอรับ ยาทาที่คุณรำพึงให้ไปได้ผลชะงัดนักขอรับ บ่าวต้องขอขอบคุณคุณรำพึงมากขอรับที่เมตตาบ่าว ”
“ พี่กลิ่นไม่ต้องขอบใจฉันหรอกจ้ะ พี่เองก็เหมือนพี่ชายของฉันอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ป้าจวงมีงานก็ไปทำเถอะจ้ะ รำพึงขอคุยกับพี่กลิ่นสักครู่นะจ๊ะ ”
คุณรำพึงหันไปบอกนังจวงที่ยังนั่งอยู่ไม่ไกล นังจวงดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะเห็นว่าบริเวณนี้มีบ่าวไพร่เดินทำงานกันอยู่จึงคลายความกังวลแล้วจึงเดินออกไปทำงานของตนบนเรือนใหญ่
“ พี่กลิ่นจ๊ะ... ”
“ ขอรับ ”
“ ฉันขอโทษแทนเจ้าคุณพ่อด้วยนะจ๊ะ ”
“ คุณรำพึงอย่าพูดเยี่ยงนี้เลยขอรับ เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับที่ดูแลคุณรักษ์ท่านไม่ดี โดนโบยแค่นี้ยังน้อยไปขอรับคุณรำพึง ”
“ พี่กลิ่นเป็นคนดีจริง ๆ นะจ๊ะ ไม่แปลกใจเลยที่คุณพี่ถึงชอบอยู่กับพี่กลิ่น รำพึงอยากให้คุณพี่เอ็นดูรำพึงเหมือนกับพี่กลิ่นบ้างสักเสี้ยวหนึ่งของพี่กลิ่นก็ยังดี ”
รอยยิ้มหวานซ่อนไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หน้าหวานดูหม่นหมองเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เติบโตมาโดยที่โดนพี่ชายหมางเมินใส่มาตั้งแต่จำความได้
“ คุณรำพึงอย่าคิดเยี่ยงนั้นสิขอรับ คุณรักษ์รักคุณรำพึงมากนะขอรับ ”
“ พี่กลิ่นไม่ต้องพูดปลอบใจรำพึงก็ได้จ้ะพี่ รำพึงเข้าใจดี ”
“ จริง ๆ นะขอรับคุณรำพึง คุณรักษ์จะคอยถามบ่าวตลอดว่าคุณรำพึงมีกระไรทำหรือไม่ หากรู้ว่าคุณรำพึงจะทำกระไร ก็จะให้บ่าวมาช่วยคุณรำพึงทุกครั้งเลยขอรับ เพลาคุณรำพึงจะไปไหนก็จะคอยบอกให้บ่าวในเรือนดูแลคุณรำพึงเสมอ ไม่สงสัยหรือขอรับว่าเพลาคุณรำพึงจะไปไหน บ่าวในเรือนตามไปเป็นพรวนทุกครั้งเลยขอรับ ”
รำพึงย้อนนึกไปตามที่เจ้ากลิ่นพูดถึง จากใบหน้าที่ดูหงอย ๆ ก็เผยรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าขาวนวล
“ คุณรักษ์อาจจะดูไม่พูด ใบหน้าดูถมึงทึงไปบ้าง แต่บ่าวรู้ว่าหากคุณรำพึงต้องการความช่วยเหลือกระไร คุณรักษ์ก็เต็มใจที่จะช่วยคุณรำพึงนะขอรับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้ลงมือเองเท่านั้นขอรับ ”
“ หากเป็นเช่นนั้นรำพึงคงมีความสุขมาก ๆ เลยจ้ะพี่กลิ่น ”
“ คุณรำพึงต้องมีความสุขแน่นอนขอรับ บ่าวมั่นใจ ”
“ รำพึงรู้แล้วล่ะจ้ะว่าเหตุใดคุณพี่ถึงได้รักและเอ็นดูพี่กลิ่นถึงเพียงนี้ ”
“ ไม่ถึงกระนั้นหรอกขอรับ บ่าวก็แค่ทำหน้าที่ของบ่าวในเรือนให้คุ้มกับข้าวสุกที่เลี้ยงดูบ่าวมาตั้งแต่เกิดจนโตมาถึงเพียงนี้น่ะขอรับ ”
รำพึงมองเจ้ากลิ่นด้วยสายตาของความเคารพ แต่เล็กจนโตเจ้ากลิ่นคือเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของรำพึงที่เล่นด้วยแล้วสนุกที่สุด แต่การจะได้เล่นกับเจ้ากลิ่นก็ต้องแอบเล่นไม่ให้พ่อรักษ์เห็น หากพ่อรักษ์เห็นว่าเจ้ากลิ่นเล่นกับรำพึงคราใดเป็นต้องมีเรื่องมีราวทุกครั้งไป
“ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ออกจากเรือนไปก็แรมเดือนแล้ว รำพึงเป็นห่วงคุณพี่น่ะจ้ะ วันที่ออกไปไม่รู้ว่าคุณพี่จะมีอัฐติดตัวไปมากน้อยเพียงใด รำพึงอยากให้พี่กลิ่นไปดูคุณพี่ได้หรือไม่จ๊ะ ”
“ ได้ขอรับ บ่าวก็เป็นห่วงคุณรักษ์เหมือนกันขอรับ ข้าวปลาจะได้กินบ้างหรือไม่ก็ไม่รู้ ”
“ ถ้าอย่างนั้นรำพึงฝากเอาอัฐไปให้คุณพี่ทีนะจ๊ะพี่กลิ่น อย่างน้อยถ้าคุณพี่ยังไม่อยากกลับเรือนตอนนี้จะได้มีอัฐไว้ซื้อของกินได้บ้าง ”
“ ได้ขอรับคุณรำพึง ”
“ แต่พี่กลิ่นอย่าให้เจ้าคุณพ่อรู้เป็นอันขาดนะจ๊ะ รำพึงไม่อยากเห็นคุณพ่อโกรธอีกแล้วน่ะจ้ะ ”
เจ้ากลิ่นรีบเก็บถุงอัฐที่รับมาเหน็บไว้ที่เอว รอยยิ้มของทั้งสองที่ส่งให้กันนั้นถูกสายตาของคุณพุดซ้อนนั้นมองลงมาจากข้างบันไดขึ้นเรือน แววตาดำขลับนั้นฉายแววเจ้าเล่ห์
“ เฮ้ ๆ เอาเลยสิวะ ”
เสียงผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่ที่เวทีมวยคาดเชือก กระทาชายร่างบึกบึนพอ ๆ กันที่อยู่กลางลานที่ล้อมรอบไปด้วยเชือกที่ขึงต่อกันไว้เป็นสี่เหลี่ยม ทั้งคู่ขยับเป็นจังหวะเพื่อดูชั้นเชิงของคู่แข่ง แต่เมื่อเพ่งดูให้ถ้วนถี่ก็จะเห็นว่าหนึ่งในนั้นคือบุตรชายของท่านเจ้าคุณวรจิตร ที่กำลังยกมือเพื่อกันหน้าตนเองในขณะที่คู่ต่อสู้ส่งหมัดที่พันด้วยเชือกเข้าที่ใบหน้าด้วยความรวดเร็ว
นับแต่วันที่ออกจากเรือนบิดามา คุณรักษ์ที่หุนหันออกมามีอัฐติดตัวมาเพียงเล็กน้อย ใช้อัฐเพียงไม่กี่วันก็หมดสิ้น ครั้นจะบากหน้ากลับเรือนไปเอาอัฐของบิดาก็กระไรอยู่ คุณรักษ์ก็เลยมาลงประชันมวยคาดเชือกเพื่อหาอัฐมาประทังชีวิต แต่ครั้นจะเรียกว่าประทังชีวิตก็เห็นจะไม่ใช่ไปเสียหมด ในเมื่ออัฐที่ได้มาส่วนใหญ่หมดไปกับเหล้าไหและนางกลางเมืองเสียสิ้น
“ คุณรักษ์ ”
เจ้ากลิ่นตะโกนเรียกพ่อรักษ์หลังจากที่แหวกผู้คนที่ยืนรายล้อมเข้ามาได้อย่างทุลักทุเล แต่เพราะเสียงของชาวบ้านที่ตะโกนแข่งกันดังลั่นนั้นไม่ทำให้พ่อรักษ์ได้ยินได้ เจ้ากลิ่นเองเมื่อเห็นนายของมันกำลังชกมวยอยู่ก็ตื่นกลัว เพราะไม่อยากให้นายของมันต้องเจ็บตัว มันพยายามเดินแทรกเข้ามาให้ใกล้ที่สุดเท่าที่มันจะทำได้
“ คุณรักษ์ขอรับ ”
เจ้ากลิ่นตะโกนเรียกอีกครั้งเมื่อเข้ามาใกล้มากขึ้น พ่อรักษ์นั้นพอได้ยินเสียงคุ้นหูแม้จะเพียงแค่แว่วมาตามลม แต่นั่นก็ทำให้พ่อรักษ์เสียสมาธิ เปิดช่องให้กับคู่ต่อสู้นั้นส่งหมัดเข้าเสยปลายคางอย่างแรง ส่งผลให้พ่อรักษ์ล้มลงกับพื้นทันที
“ คุณรักษ์ คุณรักษ์ขอรับ ”
“ โอ๊ย เบามือหน่อยซีพ่อกลิ่น ”
พ่อรักษ์ร้องโอยเมื่อมือขาวของเจ้ากลิ่นใช้ผ้าสะอาดกดซับเลือดใต้คางที่ได้จากการโดนต่อยจนแพ้มาในครานี้
“ คุณรักษ์เจ็บปวดเป็นด้วยหรือขอรับ ทีตอนต่อยตีกับเขาบ่าวไม่เห็นว่าจะกลัวเจ็บเลยขอรับ ”
“ ก็ตั้งแต่ข้าลงประชันมา ข้ายังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง เนื้อตัวไม่เคยได้โดนหมัดโดนเข่าให้ระคาย ”
“ แล้วเหตุใดวันนี้คุณรักษ์ถึงได้แพ้เล่าขอรับ ”
“ ก็เพราะพ่อกลิ่นไงเล่า ”
“ เพราะบ่าวหรือขอรับ มิใช่ว่าคุณรักษ์ฝีมือไม่ถึงเองหรือขอรับ ”
“ เพราะพ่อกลิ่นจริง ๆ เพราะเสียงของพ่อกลิ่นที่ข้าอยากได้ยินมาตะโกนเรียกข้า เสียงที่ข้าเคยได้ยินมาตั้งแต่ข้าจำความได้ ”
น้ำเสียงเว้าวอนที่มาพร้อมแววตาพรายระยับ มือกร้านจับมือขาวที่กำลังเช็ดเลือดให้ตนเอง เจ้ากลิ่นรู้สึกหวามไหวไปกับแววตาคู่ที่อยู่ตรงหน้า ตาดำขลับที่ดูแข็งแกร่งแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ในที
“ นะ...นี่คุณรักษ์ได้กินกระไรบ้างหรือไม่ขอรับ ทำไมถึงดูผอมเช่นนี้เล่าขอรับ ”
เป็นเจ้ากลิ่นที่ต้องหลบแววตากรุ้มกริ่มนั่น ก่อนมันจะคว้ามือของพ่อรักษ์มาพลิกดูไปมา รวมทั้งเนื้อตัวของนายมันอย่างละเอียด
“ เป็นห่วงข้าถึงเพียงนั้นเลยรึพ่อกลิ่น ”
“ เป็นห่วงซีขอรับ ยิ่งมาเห็นว่าคุณรักษ์ผ่ายผอมลงเช่นนี้บ่าวก็ยิ่งเป็นห่วง ”
“ ข้า...ขอโทษ ”
“ คุณรักษ์ขอโทษบ่าวทำไมขอรับ คุณรักษ์ไม่ได้ทำกระไรผิดนี่ขอรับ ”
“ ทุกเรื่อง ขอโทษที่ทำให้พ่อกลิ่นเจ็บ ขอโทษที่ไม่ได้ทำกระไรเพื่อจะช่วยพ่อกลิ่นเลยสักนิด เพราะโทสะของข้ามีมากเหลือเกิน ”
“ อย่ากล่าวโทษตนเองสิขอรับ อย่างไรเสียบ่าวก็เต็มใจขอรับ ไม่ว่าบ่าวจะต้องเจ็บตัวอีกกี่คราบ่าวก็เต็มใจขอรับ ขอก็เพียงแต่คุณรักษ์ไม่เป็นกระไรก็พอขอรับ ”
“ ... ”
“ อีกอย่างไม่ได้มีแต่บ่าวที่เป็นห่วงคุณรักษ์นะขอรับ คุณรำพึงเองก็เป็นห่วงคุณรักษ์เหมือนกันนะขอรับ ”
“ หากจะมาพูดเช่นนี้ก็กลับไปเสียพ่อกลิ่น ”
น้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมแววตาที่เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันทีที่ได้ยิน ร่างสูงลุกพรวดขึ้นด้วยอารมณ์โทสะ
“ คุณรักษ์ขอรับ ”
“ กลับเรือนไปเสียพ่อกลิ่น ข้าไม่อยากโมโหพ่อกลิ่นตอนนี้ ”
“ คุณรักษ์ฟังบ่าวก่อนขอรับ คุณรำพึงเป็นห่วงคุณรักษ์จริง ๆ นะขอรับ คุณรักษ์เมตตาเธอเสียสักนิดไม่ได้หรือขอรับ ”
“ น้องข้ามันให้พ่อกลิ่นมาพูดกับข้าหรือ เหตุใดพ่อกลิ่นถึงต้องทำถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ”
“ คุณรักษ์ขอรับ บ่าวแค่... ”
“ ไม่ต้องเอ่ยกระไรอีกพ่อกลิ่น ข้าไม่อยากฟังกระไรจากพ่อกลิ่นอีกแล้ว นี่ก็จะมืดค่ำแล้วพ่อกลิ่นรีบกลับเรือนไปเสีย ”
“ คุณรักษ์... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่มองตามร่างสูงที่เดินจากไปพร้อมด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
“ ยังไม่ทันได้ให้อัฐที่คุณรำพึงให้มาเลยเสียด้วยซ้ำ เฮ้อ ”
เจ้ากลิ่นกลับเรือนมาด้วยใจห่อเหี่ยว มือกำถุงอัฐหวังจะเอาไปคืนให้คุณรำพึงบนเรือนใหญ่ แต่เสียงแผดดังก็ทำให้เจ้ากลิ่นหยุดชะงักเสียก่อน
“ ไอ้กลิ่น ท่านเจ้าคุณให้มึงขึ้นไปที่เรือนใหญ่เดี๋ยวนี้ ”
“ มีกระไรหรือจ๊ะลุงมาด ”
“ กูก็ไม่รู้ มึงรีบขึ้นไปประเดี๋ยวนี้เลย ”
เจ้ากลิ่นรีบเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ บนเรือนมีท่านเจ้าคุณนั่งอยู่บนแคร่ โดยมีคุณพุดตานและคุณรำพึงที่นั่งทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ ไอ้มาดค้นตัวมัน ”
“ ขอรับ ”
ไอ้มาดยังไม่ทันได้ค้นกระไร เสียงหวานใสของคุณพุดตานก็เปล่งออกมาเสียก่อน หากใครสังเกตสักนิดก็จะเห็นมุมปากบางนั้นยกยิ้มน้อยๆ
“ มิต้องค้นให้เสียเพลาดอกไอ้มาด ถุงอัฐที่มันหลอกเอาไปจากแม่รำพึงก็อยู่ในมือมันนั่นประไร ”
ท่านเจ้าคุณเดินมากระชากถุงอัฐไปจากมือของเจ้ากลิ่น มองดูถึงผ้าที่ลายปักด้านนอกนั้นดูก็รู้ว่าเป็นของบุตรสาวของตนแน่แท้
“ มึงเอาอัฐมากมายนี้มาจากไหนไอ้กลิ่น ”
“ .... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่นิ่งเงียบ ไม่กล้าแม้จะสบตากับคุณรำพึงเสียด้วยซ้ำเพราะไม่อยากให้ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ ทำไมมึงไม่พูดไอ้กลิ่น หรือมึงขโมยอัฐของลูกกูไป ฮะ ”
“ ไม่ใช่ขอรับ บ่าวไม่เคยคิดขโมยอัฐผู้ใดเลยสักครั้งขอรับ ”
“ เช่นนั้นมึงจะบอกว่าลูกกูให้อัฐมึงเองงั้นรึ ว่าอย่างไรไอ้กลิ่น ”
“ ... ”
“ เหตุใดมึงไม่บอกกูไอ้กลิ่น หรือมึงจะกินบนเรือนแล้วยังขี้บนหลังคาเรือนของกูอีก ”
“ ไม่ขอรับ บ่าวไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยขอรับ ”
“ แล้วมึงเอาอัฐนี้มาจากไหน เหตุใดมึงถึงไม่ยอมปริปากพูดออกมาฮะ ”
ท่านเจ้าคุณยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อเจ้ากลิ่นไม่ยอมพูดกระไร ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธระคนผิดหวังในตัวของคนตรงหน้า ที่ถึงแม้ท่านเจ้าคุณจะไม่ได้เอ็นดูมันมากมายนัก แต่ท่านเจ้าคุณก็เห็นมันตั้งแต่เกิดและคลุกคลีกับมันมากกว่าลูกบ่าวคนอื่นในเรือน
“ น้องว่ามันต้องหลอกแม่รำพึงเป็นแน่เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ แม่รำพึงเองก็กำลังจะเป็นสาว หน้าตาก็สะสวย ต้องไม่ทันเล่ห์ทันเหลี่ยมมันแน่เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ”
ท่านเจ้าคุณหันไปมองหน้าเมีย ก่อนจะเพ่งมองไปยังบุตรสาวที่นั่งหน้าถอดสีอยู่ด้วยความสงสัย
“ ไม่จริงขอรับ บ่าวไม่เคยคิดกับคุณรำพึงมากกว่าผู้มีพระคุณเลยขอรับ ”
“ แล้วที่กูเห็นมึงนั่งคุยอ้อล้อต่อกระซิกกับแม่รำพึงที่ศาลาหน้าเรือนนั่นเล่า มึงคุยกระไรกับแม่รำพึง ”
“ บ่าวแค่.... ”
“ บอกท่านเจ้าคุณท่านไปสิ นี่ถ้ากูไม่ออกไปเห็นมึงคงลวงแม่รำพึงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บอกสิ บอกไป หรือมึงอยากจะโดนหวายลงหลังอีกคราฮะไอ้กลิ่น นังจวงไปเอาหวายมาให้ท่านเจ้าคุณ ”
เสียงหวานใสแปรเปลี่ยนไปเป็นแผดกังวาน สีหน้าที่ดูจะมีความสะใจมากกว่าความโกรธของแม่พุดตานนั้นฉายชัดเจนจนน่ากลัว
“ ลูกให้พี่กลิ่นไปเองเจ้าค่ะคุณพ่อ ”
เมื่อเหตุการณ์เริ่มเลยเถิดแม่รำพึงที่ถึงแม้จะกลัว แต่เพราะไม่ได้อยากให้ใครต้องเดือดร้อนในเรื่องที่ตนเองเป็นคนก่อ จึงเอ่ยออกมาขณะที่นังจวงกำลังยื่นไม้หวายให้ท่านเจ้าคุณ
“ หมายความเช่นไรแม่รำพึง เหตุใดเอ็งต้องเอาอัฐมากมายให้บ่าวเช่นนี้ ”
“ ลูกแค่เป็นห่วงคุณพี่น่ะเจ้าค่ะ ก็เลยฝากอัฐให้พี่กลิ่นเอาไปให้คุณพี่แทนลูก ”
“ แล้วเหตุใดไม่บอกพ่อ ”
“ ลูกกลัวว่าเจ้าคุณพ่อจะโกรธ เลยไม่กล้าพูดเจ้าค่ะ ”
“ ที่ลูกข้าพูดจริงหรือไม่ไอ้กลิ่น ”
ท่านเจ้าคุณหันกลับมาถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง แม้เจ้ากลิ่นจะไม่อยากให้นายเดือดร้อน แต่หากมันไม่พูดความจริงอีก คุณรำพึงจะกลายเป็นผู้เสียหายแทน
“ ขอรับ จริงขอรับ บ่าวเองก็เพิ่งกลับมาจากการไปพบคุณรักษ์มาขอรับ บ่าวกำลังจะเอาอัฐมาคืนคุณรำพึงเพราะบ่าวยังไม่ได้เอาให้คุณรักษ์ขอรับ ”
“ หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่กระไร รู้ไหมว่าเอ็งสองคนสร้างเรื่องสร้างราวให้คนอื่นปวดหัวได้เยี่ยงนี้ ”
“ ท่านเจ้าคุณจะเชื่อบ่าวมันได้อย่างไรเจ้าคะ น้องว่ามันคงบังคับให้แม่รำพึงโป้ปดเพื่อช่วยมันแน่เจ้าค่ะ ”
“ แม่พุดตาน ต่อให้ไอ้กลิ่นมันจะโกหกข้า แต่ข้ารู้ว่าแม่รำพึงไม่โกหกข้าดอก เพียงแต่หนนี้ลูกข้าเองก็เลือกที่จะไม่บอกข้าเพราะเกรงว่าข้าจะโกรธ ซึ่งแม่รำพึงก็น่าจะได้บทเรียนแล้วว่าจะทำกระไรต้องบอกพ่อ เข้าใจหรือไม่รำพึง ”
“ แต่ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ... ”
“ แยกย้ายกันไปทำงานทำการเสีย ไป ส่วนเอ็งตามข้ามาไอ้กลิ่น ”
ท่านเจ้าคุณตัดบทเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย โดยไม่สนใจว่าเมียของตนจะมีสีหน้าเช่นไร แม่พุดตานได้แต่เก็บความโกรธขึ้งไว้ภายใน แม้ครานี้จะทำให้อีลูกสาวนอกไส้อย่างรำพึงอับอายไม่ได้ แต่หากมีโอกาสอีกคราตนจะไม่พลาดซ้ำสองเป็นแน่
“ นายเอ็งเป็นเช่นไรบ้างล่ะ ”
เจ้ากลิ่นที่เดินตามท่านเจ้าคุณมาที่ห้องพระมองท่านเจ้าคุณด้วยแววตาประหม่า
“ คุณรักษ์ผ่ายผอมลงมากขอรับ แต่ก็ยังแข็งแรงดีขอรับ ”
“ แล้วเอ็งล่ะ หายดีแล้วรึ ”
“ หายดีแล้วขอรับ ”
“ เอ็งคงโกรธเกลียดข้ามากเลยสินะ ที่ทำกับเอ็งขนาดนั้นทั้ง ๆ ที่เอ็งไม่ได้ทำกระไรเลย ”
“ ไม่หรอกขอรับ บ่าวรู้ตัวเองดีขอรับว่าดูแลคุณรักษ์ได้ไม่ดีเท่ากับที่ท่านเจ้าคุณไว้ใจ โดนโบยไม่กี่ทีแค่นี้บ่าวว่ามันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำขอรับ ”
“ ... ”
“ ท่านเจ้าคุณขอรับ บ่าวขอถามได้มั้ยขอรับ ”
“ ว่ามาสิ ”
“ หากคุณรักษ์จะกลับเรือนคุณท่านจะว่าไหมขอรับ ”
“ ข้าจะไปว่ากระไรนายเอ็ง ดีชั่วอย่างไรนายเอ็งมันก็เป็นลูกข้า ไม่ให้กลับมาอยู่เรือนแล้วจะให้นายเอ็งไปอยู่ที่ใด เว้นก็แต่นายเอ็งจะไม่อยากกลับมาร่วมชายคาเรือนกับข้าเสียมากกว่า ”
“ เช่นนั้น...หากท่านเจ้าคุณอนุญาตบ่าวขอไปตามคุณรักษ์กลับมาเรือนนะขอรับ ”
“ ก็ตามใจเอ็ง ข้าไม่ได้เป็นพ่อที่ใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนั้น แต่หากมาอยู่แล้วเป็นผู้เป็นคนขึ้น ข้าก็จะเบาใจมากกว่านี้ ข้าเองก็อายุปูนนี้แล้ว มีลูกชายอยู่คนเดียวก็อยากจะฝากผีฝากไข้ไว้บ้างตอนใกล้จะตาย ”
“ ท่านเจ้าคุณยังแข็งแรงเช่นนี้ ต้องอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกบ่าวอีกนานขอรับ ”
“ เอ็งนี่เป็นเด็กพูดจาฉอเลาะจริงเทียว ไม่สงสัยเลยเหตุใดลูกข้าสองคนถึงไว้ใจเอ็งได้ถึงเพียงนี้ ”
ท่านเจ้าคุณยิ้มอ่อนให้กับบ่าวตรงหน้า อยากจะเอื้อมมือหนาไปลูบหัวเจ้ากลิ่นแต่ก็ต้องชะงักไว้ เพราะไม่อยากให้ใครในเรือนว่าตนได้ว่าเอ็นดูลูกบ่าวคนนี้มากจนเกินไป
...พี่เข้าใจแม่กลอยแล้วว่าเหตุใด แม่กลอยถึงเอ็นดูมันมากถึงเพียงนี้...
๑๐ พี่จะพาเอ็งไปเอง “ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “ เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้ “ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ” “ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ” “ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ” พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง
๑๑ กลับเรือนกันเถิดขอรับ เช้านี้เจ้ากลิ่นตื่นแต่ไก่โห่ ใบหน้าแช่มชื่นฉาบไปด้วยรอยยิ้มเพราะนอนเต็มตื่นจนร่างกายเหมือนดอกไม้ยามเช้าที่ได้รับแสงแดดอุ่น “ แม่จ๋า วันนี้มีกระไรให้ฉันกินบ้างจ๊ะแม่ ” “ ก็น้ำพริกผักต้มนั่นแหละ อ้อ วันนี้ไอ้จอมได้ปลาดุกมาตัวโตเชียวแม่เลยว่าจะย่างมากินกับน้ำพริก ” “ พูดก็น้ำลายสอเสียแล้ว ใกล้เสร็จหรือยังจ๊ะแม่ ” “ รออีกประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เอ็งไปตามพี่เอ็งมากินข้าวไป ” “ จ้ะแม่ แล้วพี่จอมอยู่ไหนล่ะจ๊ะ ” “ เมื่อตะกี้แม่เห็นมันอยู่แถว ๆ สวนผักหลังเรือนนู่นน่ะ สงสัยคงจะตักน้ำรดผักอยู่เอ็งไปตามทีไป ” เจ้ากลิ่นเดินออกไปตามไอ้จอมตามที่แม่บอก สองเท้าก้าวไปเรื่อย ๆ จนมาถึงแปลงผักที่มีบ่าวไพร่สามสี่คนกำลังช่วยกันตักน้ำรดผักที่ปลูกไว้กินในเรือน หากเหลือกินท่านเจ้าคุณก็ให้เอาไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง “ พี่จอม...พี่จอม แม่ให้มาตามไปกินข้าวจ้ะพี่ ” เสียงตะโกนเรียกของเจ้ากลิ่นทำให้ไอ้จอมชะงัก เหตุการณ์เมื่อคืนที่ไอ้จอมได้เผลอเอาน้องชายไปคิดเรื่
๑๒ แสนห่วงใย “ พ่อหมอๆ !!! ” เสียงตะโกนลั่นโรงหมอตั้งแต่ก่อนที่ร่างกำยำจะอุ้มร่างอันไร้สติของเจ้ากลิ่นเข้ามาถึงด้านในโรงหมอเสียอีก “ ใจเย็น ๆ เจ้าค่ะ เอ็งไปตามหมอยามาประเดี๋ยวนี้ ” สาวใหญ่ร่างท้วมเอ่ยบอกกับบ่าวที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่ตนเองจะรีบพาพ่อรักษ์ให้อุ้มเจ้ากลิ่นมาวางที่เตียงไม้ มืออวบจับพลิกเนื้อตัวดูทันทีที่พ่อรักษ์วางเจ้ากลิ่นลง “ มิเป็นกระไรมากดอกเจ้าค่ะ อย่าได้เป็นกังวลใจนะเจ้าคะ ” “ หากมิเป็นกระไร เหตุใดพ่อกลิ่นถึงไม่ได้ตื่นขึ้นมาเล่า เอ็งรีบไปตามท่านหมอมาประเดี๋ยวนี้ ” “ ข้าให้บ่าวไปตามให้แล้วเจ้าค่ะ อีกประเดี๋ยวก็น่าจะถึงแล้วเจ้าค่ะ ขอคุณท่านโปรดสงบจิตสงบใจด้วยเจ้าค่ะ โรงหมอยังมีผู้ป่วยไข้อื่นอยู่ด้วยนะเจ้าคะ ” ถึงแม้จะดูต่ำศักดิ์กว่าพ่อรักษ์ แต่เพราะหญิงตรงหน้ามีแววตาและท่าทางน่าไว้ใจ พ่อรักษ์จึงได้แต่เก็บกลั้นความกังวลใจเอาไว้เพราะไม่อยากให้ไปกระทบถึงผู้อื่น รออยู่ครู่ใหญ่ท่านหมอก็มาตรวจเจ้ากลิ่นที่ยังไม่ได้สติ ก่อนจะหันไปสั่งให้บ่าวในเรือนต้มยาตามที่ตนเองสั่ง แล
๑๓ สายตาอันน่ารังเกียจ ค่ำคืนอันแสนยาวนานกำลังผ่านเข้ามา พ่อรักษ์นั่งอยู่ข้าง ๆ ร่างบางอันบอบช้ำที่ยังคงนอนไม่ได้สติ หน้าผากมนนั้นมีเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มไปหมดเพราะพิษไข้ ผ้าเนื้อดีที่พ่อรักษ์ให้บ่าวหามาถูกชุบน้ำไม่รู้เป็นคราที่เท่าไหร่แล้ว มันถูกบรรจงซับเอาพิษไข้ออกจากร่างกายของเจ้ากลิ่น “ รีบตื่นเสียเถิดหนาพ่อกลิ่น พี่เป็นห่วงเจ้าเหลือเกินแล้ว ” ร่างกำยำในเงามืดที่มีเพียงแสงตะเกียงตกกระทบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย มือกร้านกอบกุมมืออันบอบช้ำไว้เบา ๆ ดั่งว่าหากสัมผัสแรงกว่านี้มือนี้จะมลายหายไปเสียอย่างนั้น “ อื้อ... ” เสียงครางเบา ๆ ทำให้พ่อรักษ์รีบยืดตัวขึ้นมาดูเจ้ากลิ่นที่ขยับตัวเพราะความเจ็บปวดไปทั่วกาย “ พ่อกลิ่นเป็นเช่นไรบ้าง เจ็บกงไหนอีกหรือไม่ ” พ่อรักรีบถามทันทีที่เปลือกตาของเจ้ากลิ่นเปิดขึ้น เจ้ากลิ่นมองไปที่นายของมันด้วยดวงตาที่ห่วงใย มือเล็กของมันที่เต็มไปด้วยรอยแผลเอื้อมไปสัมผัสมือของนายตนเองพลางละล่ำละลักถาม “ คุณ...รักษ์เป็นกระไรหรือไม่ขอรับ เจ็บกงไหนมั้ยขอรับ ” “ พ
๑๔ หวงมีนัยยะมากกว่าห่วง (๑) หลังจากรับข้าวเช้ากับท่านเจ้าคุณพร้อม ๆ ความอึดอัดในสายตาเย้ายวนของแม่พุดตานที่ลอบมองตนเองตลอดช่วงที่กินข้าวด้วยกัน ถึงแม้ว่าในใจอยากตะโกนออกมาดัง ๆ ว่ารังเกียจมากขนาดไหน แต่เป็นเพราะไม่ได้ต้องการที่จะก่อปัญหาซ้ำให้เสียบรรยากาศ พ่อรักษ์จึงจำต้องนั่งกินข้าวร่วมกับเจ้าของสายตาอันน่ารังเกียจนี้ต่อไป และถึงแม้จะมีกระไรมาทำให้ขุ่นข้องหมองใจ แต่พ่อรักษ์ก็อดไม่ได้ที่จะมาลอบ ๆ มอง ๆ แถวเรือนบ่าว ร่างสูงชะเง้อมองเข้าไปในเรือนหวังเพียงว่าจะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของคนที่ตนเองนั้นห่วงใยเพียงครู่เดียวก็จะกลับเรือน แต่เฝ้ามองแล้วเฝ้ามองอีกก็ไม่เห็นแม้แต่เพียงเงา “ คุณรักษ์กลับเรือนไปเถิดขอรับ ไอ้กลิ่นมันกินยานอนไปแล้วขอรับ คุณรักษ์มาก็ช่วยกระไรมันไม่ได้หรอกขอรับ ” น้ำเสียงยียวนกวนโทสะของไอ้จอมดังขึ้นด้านหลัง พ่อรักษ์หันไปมองตามเสียงก่อนยืดตัวตรงเต็มความสูงของตนเอง “ กูเป็นเจ้าของเรือนกูจะไปจะมาไม่เห็นจำเป็นต้องให้ขี้ข้าอย่างมึงมาสั่งกูไอ้จอม ” “ ใช่ขอรับ เพราะคนอย่างพวกข้ามันก็เป็นได้แค่ขี้ข้า
๑๕ หวงมีนัยยะมากกว่าห่วง (๒) “ คุณรักษ์ขอรับวันนี้จะรับข้าวที่เรือนนอนหรือที่เรือนใหญ่ดีขอรับ บ่าวจะได้แจ้งไปที่เรือนใหญ่ขอรับ ” เจ้ากลิ่นเอ่ยถามเมื่อรับอ่างกระเบื้องลายสวยที่ด้านในบรรจุน้ำสะอาดจากบ่าวบนเรือนมาให้นายของมันล้างหน้าล้างตาแต่เช้าตรู่ “ รับที่เรือนนี้นี่แหละพ่อกลิ่น หากไปที่เรือนใหญ่วันนี้เกรงว่าจะเสียเพลา พี่กะว่าจะไปดูซื้อของที่จะใช้ในการเรียนเสียหน่อย ” “ เช่นนั้นบ่าวไปแจ้งที่เรือนใหญ่ให้คนยกสำรับมาที่เรือนนี้นะขอรับ ” พ่อรักษ์พยักหน้าเป็นการรับรู้ มือหนาก็ยื่นมือไปรับผ้าเนื้อนิ่มจากมือบ่าวที่กำลังยื่นมาให้ นิ้วหยาบจงใจสัมผัสไปให้โดนมือนิ่มของเจ้ากลิ่น ค่อย ๆ ลากไล้จากกลางนิ้วขาวมาจนสุดปลายนิ้ว ตาดำสุกสกาวจ้องมองหน้านวลของเจ้ากลิ่นจนหน้าของมันเห่อร้อน เพราะสัมผัสยั่วยวนที่ยังคงหลงเหลือบนปลายนิ้วของตนนั้นชวนให้ใจหวิวไหว “ บะ...บ่าวไปแจ้งที่เรือนใหญ่ก่อนนะขอรับ ” เจ้ากลิ่นรีบเดินออกไปจากห้องนอน ด้วยเพราะความรีบหรืออาจจะเป็นเพราะหัวใจนั้นเต้นไม่เป็นส่ำจึงทำให้ร่างกายควบคุมแทบไม่ได้ ป
๑๖สูญเสีย" ไอ้ก้าน!!! "เมื่อแผ่นหลังของเจ้ากลิ่นลับตาไป ไอ้จอมมองตามอย่างหงุดหงิดก่อนจะตะโกนไปหาไอ้ก้านที่มันกำลังตักน้ำรดผักอยู่ห่างออกไปสามสี่แปลง" มึงเรียกกูทำไมไอ้จอม "" นังบัวที่มึงบอกกู ฝากไปบอกมันทีว่าคืนนี้กูจะรอที่เรือน "" ให้มันได้อย่างนี้สิวะไอ้จอมเพื่อนรัก "ค่ำคืนอันหนาวเหน็บในยามฤดูหนาวเช่นนี้บางคนอาจนอนอยู่ใต้ผ้าผวยผืนหนาเพื่อให้ตัวเองอบอุ่นและหลบความหนาวเย็นได้ แต่ไม่ใช่กับเรือนของไอ้จอมที่ตอนนี้สองร่างเปลือยเปล่าของชายหญิงคู่หนึ่ง ที่ไอ้ก้านเป็นพ่อสื่อให้คนหนุ่มที่ยังไม่มีคู่ครองกับหม้ายสาวผัวตายที่มีลูกอ่อนวัยไม่กี่เดือนให้ทั้งคู่ได้มาสนองความต้องการของความรู้สึกเบื้องลึกของตนเอง“ พี่จอมจ๋า... ”เสียงหวานใสของนังบัวที่คืนนี้มันฝากลูกของมันไว้กับบ่าวในเรือนเอ่ยขึ้นเมื่อมันเหยียบเข้ามาบนเรือนบ่าวของไอ้จอม แสงตะเกียงพลิ้วชวนให้บรรยากาศหวามไหว ไอ้จอมนั่งพิงกับเรือนร่างหนาไม่ได้สวมเสื้อเสียด้วยซ้ำมีเพียงโจงกระเบนเก่า ๆ เท่านั้นที่ยังคงอยู่บดบังความใหญ่โตของสิ่งที่อยู่ใต้โจงนั้นที่มันคงนูนเด่นให้เห็นแม้ว่าจะยังไม่เหยียดขยายเต็มที่ก็ตาม“ ฉันไม่คิดว่าพี่จอมจะยอมให้ฉั
๑๗ความเข้าใจงานศพนังปรุงผ่านไปแล้วโดยมีท่านเจ้าคุณวรจิตรเป็นธุระจัดการให้ และมีพ่อรักษ์กับไอ้จอมในการจัดแจงทุกสิ่งอันที่พึงทำให้บ่าวในเรือนได้ ส่วนเจ้ากลิ่นสภาพของมันตอนนี้ใครมาเห็นก็ให้ได้สงสารและเวทนา มันเหม่อลอย ดวงตาบวมคล้ำไปหมดเพราะผ่านการร้องไห้มานานหลายวัน“ กินข้าวกินปลาเสียบ้างสิกลิ่น ”ไอ้จอมยกสำรับข้าวมาให้เจ้ากลิ่นในเรือนที่ไม่มีแม้แต่แสงเทียนส่องสว่าง ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่ด้านในดวงตาทอดมองไปยังจันทร์เต็มดวงที่ทอแสงนวลอยู่บนท้องฟ้าสีครามเข้ม“ เอ็งจะเอาแต่เศร้าสร้อยอยู่เยี่ยงนี้ไม่ได้นะ ป้าปรุงจะเป็นห่วงเอ็งจนตายตาไม่หลับเอาเสีย ”“ ฉันยังไม่หิวจ้ะพี่จอม... ”“ แต่เอ็งไม่ได้กินกระไรมาหลายวันแล้วนะ เจ็บไข้ไปจะทำเยี่ยงไร ”“ ...พี่จอม...ฮึกๆ ”เมื่อการอดกลั้นสิ้นสุดลง เจ้ากลิ่นที่นั่งนิ่งหันกลับไปมองพี่ชายที่มองมาด้วยความเป็นห่วง เหมือนเด็กน้อยที่เห็นญาติผู้ใหญ่ที่ชอบตามใจ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ในที่สุดก็พรั่งพรูออกเป็นสายธาร“ มาหาพี่มากลิ่น ”“ ฮื้อ.... ”เจ้ากลิ่นโผเข้ากอดพี่ชายที่อ้าแขนรอตนเอง ความอบอุ่นที่อยู่ในอ้อมกอดของไอ้จอม ทำให้เจ้ากลิ่นกระชับอ้อมกอดของตัวเองแน่
ตอนที่ ๓สุดท้ายเราอาจจะได้พบกัน...เคยเป็นมั้ยที่ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตเหมือนมีอะไรหายไปบางอย่าง...ตั้งแต่ที่ผมฝันประหลาดครั้งนั้น ทุกเช้าที่ตื่นมาก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้จะมีความสุขอยู่กับพ่อแม่แต่ก็เป็นความสุขที่มันไม่เต็มอิ่ม ผมได้แต่เฝ้าถามกับตัวเองว่าเพราะอะไร แต่มันก็ไม่เคยมีคำตอบ“ ตื่นแล้วเหรอลูก ”“ ครับแม่ พ่อล่ะครับ ”“ ออกไปบริษัทแล้วล่ะ แม่ให้ทานข้าวก่อนพ่อก็ไม่ยอม บอกว่าต้องรีบเข้าไปเคลียงานด่วน แต่กรณ์ต้องกินนะแม่ทำไว้แล้ว ”“ ครับแม่ วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนครับ ”“ ดีเลยงั้นก็มาทานข้าวสิ แม่ก็กำลังจะทานพอดีจะได้มีเพื่อนกินข้าว ”“ ครับ ”ทุกเช้ามันก็ดำเนินไปเหมือนอย่างเช่นทุกวัน อีกไม่เท่าไหร่ผมก็ใกล้ที่จะเรียนจบแล้ว กะว่าจะขอพ่อกับแม่พักผ่อนหลังจากที่เรียนมาอย่างหนักซักปีหนึ่งก่อน ค่อยเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัท“ แล้ววันนี้กรณ์จะออกไปไหนหรือเปล่าลูก ”“ ผมนัดพี่ทัพไว้ครับ ว่าจะออกไปหาอะไรกินกันตอนกลางวันครับ ”“ งั้นเหรอ ถ้างั้นแม่ฝากบอกพี่เราหน่อยสิว่ากลับมาค้างที่บ้านบ้าง นอนอยู่แต่ที่คอนโดไม่รู้ว่าแอบซ่อนสาว ๆ ไว้หรือเปล่า ”“ อย่างพี่ทัพเนี่ยเหรอจะซ่อนสาว ผมเห็นเ
ตอนที่ ๒เฝ้ามองจวบจนวาระสุดท้าย“ ช่วยแจ้งคุณรักษ์บุตรของท่านเจ้าคุณวรจิตรทีได้หรือไม่ขอรับว่าเย็นนี้ให้รีบกลับเรือนทีขอรับ ”เสียงบ่าวในเรือนของพ่อรักษ์เอ่ยบอกกับนายทวารที่เฝ้าอยู่หน้าประตู น้ำเสียงของมันดูร้อนรนและมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก ใจของมันอยากจะเข้าไปในอาณาบริเวณที่พ่อรักษ์ทำงานอยู่เสีย เพื่อแจ้งให้นายของมันได้รู้ในทันที แต่ขี้ข้าอย่างมันไม่สามารถเข้าไปในด้านในได้ เลยได้แต่เพียงฝากแจ้งข่าวคราวไว้ให้แต่เพียงเท่านั้น หวังก็เพียงว่านายของมันจะได้รับทราบความนี้แต่โดยเร็ว" มีกระไรหรือรำพึง มีคนแจ้งพี่ว่ามีบ่าวให้พี่รีบกลับมาที่เรือน "" คุณพี่รักษ์เจ้าคะ พี่นวลเจ้าค่ะ ฮึก ๆ ฮืออออ.... "" เป็นกระไร แม่นวลเป็นกระไรหรือ "" น้องก็มิรู้เจ้าค่ะ อยู่ดี ๆ วันนี้คุณพี่นวลก็ถ่ายและสำรอกทั้งวันเจ้าค่ะ น้องให้บ่าวไปตามหมอยามา กำลังตรวจดูเจ้าค่ะคุณพี่ ฮืออออ... "" อย่าร้องแม่รำพึง หมอยามาแล้วพี่นวลเจ้ามิเป็นกระไรมากดอก "พ่อรักษ์นั้นพูดให้กำลังใจน้องสาวของตนเอง นับตั้งแต่คราที่เจ้ากลิ่นตายจากไป พ่อรักษ์ก็จมอยู่กับความเศร้าสร้อย จะมีก็แต่สองหญิงสาวที่เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลกันเป็นหลักเพร
..มอบไว้แด่ความรักในชาตินี้ของพ่อรักษ์และเจ้ากลิ่น..ตอนที่ ๑แกงสายบัวงานศพของเจ้ากลิ่นผ่านมาแรมเดือนแล้ว แต่บรรยากาศในเรือนกลับยังคงอบอวลไปด้วยความเงียบงัน บนเรือนใหญ่นั้นมีเพียงแม่รำพึงกับแม่นวลลออที่อยู่กับบ่าวเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มหนึ่งเดียวของเจ้าของเรือนนี้แม้แต่น้อยแต่นั่นก็มิแปลกกระไร เพราะร่างสูงในตอนนี้อาศัยอยู่แต่เพียงที่เรือนเล็กหลังสวน เก็บตัวเงียบอยู่เพียงคนเดียวในเรือน หน้าคร้ามหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใต้ดวงตาสีนิลดำคล้ำปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนดูทรุดโทรมไปโขแม้ว่าพ่อรักษ์ยังคงทำงานอยู่ตามปกติ แต่พอมีเวลาว่างอย่างเช่นวันนี้ก็จะขลุกตัวอยู่แต่ที่เรือนเล็กไม่ออกไปไหน“ คุณรักษ์เจ้าคะ...คุณนวลให้บ่าวนำสำรับมาให้เจ้าค่ะ ”ร่างสูงหลุดออกจากภวังค์หลังจากที่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่กับอดีตที่ไม่สามารถหวนคืนกลับมาได้อยู่ครู่ใหญ่“ วางไว้เสียกงนั้นแหละ ประเดี๋ยวข้าออกไปกิน ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์วางหนังสือในมือที่เปิดค้างเอาไว้โดยไม่ได้อ่านเลยแม้แต่นิดลง ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปยังสำรับข้าวที่วางไว้ มองไปยังของคาวหวานที่จัดเอาไว้ ก่อนดวงตาจะจับจ้องไปยังแกงสายบัว
๓๖สิ่งแรก สิ่งเดียว และสิ่งสุดท้ายที่จะรัก“ พี่รักษ์ขอรับ... ”“ ว่าอย่างไรพ่อกลิ่น ”“ ยังไม่มีผู้ใดพบพี่จอมอีกหรือขอรับ ”พ่อรักษ์ส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับเจ้ากลิ่น เจ้ากลิ่นเองก็ได้แต่มีสีหน้ากังวล ผ่านมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเจอคนที่ตามหา“ หากไอ้จอมยังอยู่มันคงไม่อยากกลับมาเสียแล้วกระมัง มันคงละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปจนมาสู้หน้าพ่อกลิ่นไม่ไหว แม้ว่าสิ่งที่มันทำจะทำเพื่อปกป้องพ่อกลิ่นก็เถอะ ”“ น้องเป็นห่วงพี่จอมขอรับ... ”“ พี่รู้...แต่หากพี่ชายของพ่อจอมยังอยู่ดี หรือหากร้ายกว่านั้นเราก็ต้องพบเจอแล้ว แต่นี่กลับไม่พบแม้แต่เงา นั่นก็แสดงว่าพี่ชายของพ่อกลิ่นไม่อยากให้ใครพบเจอ ”“ ... ”“ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปนะพ่อกลิ่น แม้ว่าพี่มิใช่คนดีเด่กระไรนัก แต่นับจากนี้พี่สัญญาว่าจะปกป้องพ่อกลิ่น และคนในเรือนนี้อย่างเต็มพละกำลังที่พี่มี และพอที่จะทำได้แทนไอ้จอมเอง พ่อกลิ่นเชื่อพี่ได้หรือไม่ ”“ ...ขอรับพี่รักษ์ ต่อจากนี้น้องจะเชื่อพี่รักษ์ขอรับ ”“ เช่นนั้นเรากลับเรือนกันดีหรือไม่ พี่ว่าแม่นวลกับแม่รำพึงรอเรากินข้าวเย็นกันนานแล้วล่ะ ”พ่อรักษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะกุมมือขาวของเจ้ากลิ่นให้
๓๕กลับสู่เรือนผ่านมาหลายเพลาแล้วแต่ร่างบางที่นอนนิ่งบนเบาะนุ่มก็ยังไม่แม้แต่จะครางให้ได้ยิน พ่อรักษ์เองก็ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่เยี่ยงนี้มาหลายเพลาแล้ว มือหนากอบกุมมือขาวซีดของเจ้ากลิ่นไว้ด้วยความทะนุถนอม“ รีบตื่นมาเถิดหนาพ่อกลิ่นของพี่...นอนนานเกินไปแล้วนะ ”น้ำเสียงเจือปนไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาทอดมองไปยังร่างบางไม่วางตา“ กินข้าวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะคุณพี่ ”“ วางไว้ก่อนเถิด...พี่ยังไม่หิว ”“ กินกระไรบ้างเถิดเจ้าค่ะ หากคุณพี่เป็นกระไรขึ้นมาอีกคนจะยิ่งแย่นะเจ้าคะ ”“ ... ”เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของน้องสาว ร่างหนาจึงขยับตัวเข้ามาหาสำรับข้าวที่วางไว้“ คุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ”“ ก็สามวันดีสี่วันไข้น่ะเจ้าค่ะ คุณพี่ไปดูคุณพ่อบ้างสิเจ้าคะ คุณพ่อมองหาแต่คุณพี่ ”“ หมอยามาดูทุกวันอยู่ใช่ไหม ”“ เจ้าค่ะ...คุณพี่เจ้าคะ น้องขอร้องนะเจ้าคะ ”“ ไว้พี่จะไปก็แล้วกัน... ”“ ขอบคุณนะเจ้าคะ... ”“ แล้วนี่ได้ข่าวไอ้จอมบ้างหรือไม่ ”พ่อรักษ์เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่บอกมันเรื่องของคุณพุดตานไป ก็ไม่ได้ข่าวคราวกระไรอีกเลย“ น้องให้คนไปสอบถามจากหมู่บ้านใกล้ ๆ รวมถึงที่เรือนของคุณพุดตานแล้วเจ้าค่ะ แต่ม
๓๔ร่ำลาฉับ!!!“ อ๊ากกกกกกก ”เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่วพร้อมกับเสียงร้องของคนที่โดนคมดาบตัดฉับไปที่ข้อมือจนขาด“ ไอ้เดรัจฉาน!!!! ”ไอ้จอมถีบไอ้เชิดกระเด็นออกไปจากตัวของเจ้ากลิ่น เสียงร้องอันเจ็บปวดของมันไม่ได้ทำให้ไอ้จอมนั้นเห็นใจเลยแม้แต่น้อย ลุงมั่นที่วิ่งตามมาถึงทีหลังก็รีบเข้าไปดูเจ้ากลิ่นทันที“ กลิ่นเอ้ย กลิ่นเป็นกระไรลูก... ”“ ลุงมั่น ข้าฝากดูไอ้กลิ่นให้ข้าหน่อย ”“ เอ็งไม่ต้องกังวล เดี๋ยวลุงพาเจ้ากลิ่นไปโรงหมอเอง แต่เอ็งอย่าทำกระไรวู่วามไปเสียล่ะไอ้จอม ”ไอ้จอมไม่ได้ตอบกลับ มันได้แต่ย่างสามขุมไปทางไอ้เชิดที่กำลังลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าเจ็บปวด มืออีกข้างที่เหลือกอบกุมแขนที่เหลือแต่ข้อมือของตนเอง เลือดไหลออกมาเป็นทาง มันถอยหลังเมื่อเห็นว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบ แต่ไอ้จอมไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้ มันวิ่งไปถีบเข้าที่ยอดอกของไอ้เชิดจนมันล้มลงไปอีกครั้งไอ้จอมขึ้นคร่อมไปบนตัวของไอ้เชิดก่อนที่จะสาวหมัดรัวใส่ไอ้เชิดด้วยความเดือดดาล หากเป็นเพลาปกติแล้วไอ้เชิดไม่น่าจะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเยี่ยงนี้ แต่นี่เป็นเพราะมันมีร่างกายไม่สมบูรณ์อีกต่อไปทำให้มันตอบโต้กระไรไอ้จอมแทบไม่ได้เลย“ มึงบอกกูมา มึ
๓๓เดือดดาลพ่อรักษ์กินข้าวเช้าที่น้องสาวเอามาให้จนหมดสำรับ มื้อนี้ดูเหมือนจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ แต่ถึงแม้ภายในใจจะโล่งอกเพราะตนเองนั้นไม่ได้มีกระไรเกินเลยกับเมียในนาม แต่พอมานั่งคิดดูแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างที่มันล่วงเลยจนกลายเป็นแผลขนาดใหญ่ นั้นมีสาเหตุมาจากคนเพียงแค่คนเดียว เมื่อนึกได้แล้วพ่อรักษ์ก็ได้แต่นึกก่นด่าตนเองอยู่ในใจ ที่ผ่านมามัวแต่เห็นแก่ความรู้สึกของตนเองเพียงอย่างเดียว จนมองไม่เห็นถึงต้นตอของปัญหาเลยสักนิด“ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง...เข้ามาหากูที ”“ เจ้าคะคุณรักษ์ มีกระไรให้บ่าวทำหรือเจ้าคะ ”“ มึงไปดูทีว่าคุณหญิงพุดตานอยู่ที่ห้องหรือไม่ ”“ คุณหญิงออกไปตลาดตั้งแต่เช้าแล้วเจ้าค่ะ คุณรักษ์มีกระไรหรือไม่เจ้าคะ ”“ ไม่มี...เอ็งจะไปทำกระไรก็ไปเถิด อีกประเดี๋ยวข้าก็จะกลับเรือนข้าแล้ว ”“ เจ้าค่ะ... ”พ่อรักษ์ได้แต่นั่งอยู่บนเตียงนอนในห้องของแม่รำพึง แววตามีประกายกระไรบางอย่าง ในใจครุ่นคิดว่าต่อแต่นี้ตนเองจะต้องใช้ชีวิตให้มีสติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จะไม่ปล่อยให้อารมณ์นำพาตนเองให้ทำกระไรโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนอีกแล้วคืนนี้พ่อรักษ์มานั่งมองจันทร์เสี้ยวที่ลอยอยู่บนนภา หวนรำ
๓๒ผิดแผนเสียงหรีดหริ่งร้องระงมในคืนที่หนาวเหน็บเช่นคืนนี้ ร่างขาวนวลเอวคอดกิ่วนอนหันหลังให้กับร่างคร้ามสีเข้มลมหายใจไม่เป็นจังหวะ บ้างสั้น บ้างยาวที่พ่นออกมาของพ่อรักษ์นั้นยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้เย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตค่อย ๆ ลืมขึ้นมาเมื่อข่มตาหลับอย่างไรก็ไม่มีทางหลับลงได้ แม้ว่าค่ำคืนตั้งแต่แต่งงานกันเข้ามาก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ยิ่งเมื่อเจ้ากลิ่นออกจากเรือนนี้ไปแล้วก็ยิ่งดูเหมือนว่าพ่อรักษ์นั้นจะปิดกั้นตนเองออกจากคนอื่น ๆ“ นวลว่าตั้งแต่วันพรุ่ง นวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลนะเจ้าคะ... ”“ ... ”“ นวลรู้ดีเจ้าค่ะว่าคุณพี่มิได้รักนวล แต่ที่เราต้องแต่งงานกันเยี่ยงนี้เป็นเพราะนวลไม่กล้าเอง ตั้งแต่วันพรุ่งนวลจะกลับไปนอนที่ห้องของนวลเราสองคนจะได้มิต้องมาอึดอัดใจกันเยี่ยงนี้นะเจ้าคะ ”แม่นวลลออเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงของแมลงคลออยู่ไกล ๆ พ่อรักษ์ได้แต่นอนฟังอยู่เงียบ ๆ ก่อนที่จะพ่นลมหายใจออกมาพรูใหญ่“ แม่นวลก็นอนเสียที่ห้องนี้ ห้องหับใหญ่สะดวกกว่าห้องเล็กเดิมที่เคยนอน ส่วนข้าจะกลับไปนอนที่เรือนเล็กหลัง
๓๑จำต้องปล่อยไปงานแต่งของพ่อรักษ์กับแม่นวลถูกเร่งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่แม่นวลลออกับพ่อรักษ์นั้นทำผิดผีกันนั้นแพร่งพรายออกไปยังนอกเรือน ไม่ต้องบอกก็รู้แจ้งว่าเป็นฝีมือของผู้ใดหากไม่ใช่คุณพุดตานบ่าวไพร่ในเรือนต่างง่วนอยู่กับการตระเตรียมงานให้พร้อม ข้าวปลาอาหารของมงคลต่าง ๆ ถูกตระเตรียมไว้มิให้ขาดตกบกพร่อง ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกคุณพุดตานเตรียมการไว้เป็นอย่างดี ปานว่าของเหล่านี้นั้นมีพร้อมมานานแล้วเสียด้วยซ้ำนับตั้งแต่เกิดเรื่องของพ่อรักษ์กับแม่นวลลออ เจ้ากลิ่นก็กลับมานอนที่เรือนบ่าวเพราะไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของมันไปกระทบกับแม่นวลลออ คราแรกพ่อรักษ์มิยอมทำตามเพราะไม่ต้องการแต่งงานกับแม่นวลลออ แต่เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงชาวบ้านร้านประชาด้านนอก ชื่อเสียงของแม่นวลก็พลอยด่างพร้อยไปด้วย เจ้ากลิ่นจึงใช้ข้ออ้างที่ว่าหากเรื่องของมันกับพ่อกลิ่นออกไปยังคนนอกเรือนอีก รังแต่จะทำให้ท่านเจ้าคุณเสียชื่อและอาจจะทำให้อาการเจ็บไข้ที่ดูเหมือนดีขึ้นให้กลับมาทรุดหนักเอาได้ พ่อรักษ์จึงยอมให้เจ้ากลิ่นกลับมานอนที่เรือนบ่าว ส่วนตนเองก็นอนอยู่ที่เรือนเล็กมิได้กลับขึ้นไปอยู่ที่เรือนใหญ่ แม้ว่าท่านเ