๙
เป็นเวรหรือกรรม
“ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ”
ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน
“ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ”
“ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ”
“ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ”
" จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ”
“ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ”
“ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ”
“ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ”
“ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ”
ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น
นับตั้งแต่วันที่เจ้ากลิ่นโดนโบยวันนั้น เพลาผ่านมาแรมเดือนเห็นจะได้ แผลที่โดนโบยของเจ้ากลิ่นก็หายดีแล้ว เหลือก็เพียงแต่รอยแผลจางที่ยังคงมีให้เห็น เหตุการณ์ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติเฉกเช่นเรือนอื่น ๆ แต่นั่นก็เป็นเพราะตั้งแต่วันที่มีเรื่องคุณรักษ์ไม่ได้กลับมาที่เรือนเลยสักครา ท่านเจ้าคุณเองก็ไม่ได้ไถ่ถามถึงลูกชายเลยสักครั้ง ทำเหมือนตนไม่มีบุตรชายที่ชื่อรักษ์เสียอย่างนั้น
“ ป้าจวงจ๊ะ... ”
“ อ้าว...มีกระไรรึไอ้กลิ่น ”
“ คุณรักษ์ยังไม่กลับมาที่เรือนอีกหรือจ๊ะป้า ”
“ เฮ้อ... ”
เมื่อได้ยินคำถามจากเจ้ากลิ่น นังจวงก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ คุณรักษ์ไม่กลับมาเป็นแรมเดือนแล้ว เจ้าคุณท่านก็มิเคยเอ่ยถามหาเลยสักครั้ง บนเรือนใหญ่ตอนนี้มิมีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงกันสักคน เอ็งก็อย่าทะเล่อทะล่าไปเอ่ยถามกระไรให้ถึงหูเจ้าคุณท่านเชียว พูดมากไปหลังจะลายอีกคราเสียเปล่า ๆ นะไอ้กลิ่น ”
“ แต่ฉันเป็นห่วงคุณรักษ์นี่จ๊ะป้าจวง ข้าวปลาจะได้กินดี ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ็บไข้ขึ้นมาใครจะดูแลหาหยูกยาให้ล่ะจ๊ะป้า ”
“ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงนายเอ็งหรอกกลิ่นเอ๊ย หากมีเรื่องกระไรป่านนี้เรื่องถึงหูเจ้าคุณท่านนานแล้ว ”
“ ถึงกระนั้นก็เถอะ อย่างไรเสียฉันก็อดห่วงไม่ได้นี่จ๊ะป้า ”
“ เอ็งเป็นแค่บ่าวไอ้กลิ่น เรื่องของคุณ ๆ เอ็งอย่าไปยุ่งเสมือนเป็นเรื่องของตัวเด็ดขาด ถึงคุณ ๆ ท่านจะเมตตาเอ็ง แต่เอ็งก็ต้องไม่ลืมกำพืดตัวเองว่าเป็นแค่บ่าวนะไอ้กลิ่น ”
“ ... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่เงียบงันกับสิ่งที่นังจวงเอ่ยเตือน ถึงแม้ว่ามันไม่เคยมีความคิดที่จะตีตนเสมอนายเลยสักเพียงครั้ง แต่มันก็รู้ว่าการกระทำของมันนั้นออกจะเกินหน้าที่ของบ่าวไพร่ในเรือนอย่างที่มันควรต้องเป็น
“ พี่กลิ่นจ๊ะ ”
เสียงหวานของคุณรำพึงที่กำลังเดินลงมาจากเรือนเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นบ่าวคนสนิทของพี่ชายยืนอยู่กับนังจวง
“ คุณรำพึงมีกระไรให้บ่าวรับใช้หรือขอรับ ”
“ ไม่มีกระไรหรอกจ้ะพี่ แล้วนี่แผลที่หลังดีขึ้นแล้วหรือจ๊ะ ”
“ หายดีแล้วขอรับ ยาทาที่คุณรำพึงให้ไปได้ผลชะงัดนักขอรับ บ่าวต้องขอขอบคุณคุณรำพึงมากขอรับที่เมตตาบ่าว ”
“ พี่กลิ่นไม่ต้องขอบใจฉันหรอกจ้ะ พี่เองก็เหมือนพี่ชายของฉันอีกคนหนึ่งเหมือนกัน ป้าจวงมีงานก็ไปทำเถอะจ้ะ รำพึงขอคุยกับพี่กลิ่นสักครู่นะจ๊ะ ”
คุณรำพึงหันไปบอกนังจวงที่ยังนั่งอยู่ไม่ไกล นังจวงดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เพราะเห็นว่าบริเวณนี้มีบ่าวไพร่เดินทำงานกันอยู่จึงคลายความกังวลแล้วจึงเดินออกไปทำงานของตนบนเรือนใหญ่
“ พี่กลิ่นจ๊ะ... ”
“ ขอรับ ”
“ ฉันขอโทษแทนเจ้าคุณพ่อด้วยนะจ๊ะ ”
“ คุณรำพึงอย่าพูดเยี่ยงนี้เลยขอรับ เป็นความผิดของบ่าวเองขอรับที่ดูแลคุณรักษ์ท่านไม่ดี โดนโบยแค่นี้ยังน้อยไปขอรับคุณรำพึง ”
“ พี่กลิ่นเป็นคนดีจริง ๆ นะจ๊ะ ไม่แปลกใจเลยที่คุณพี่ถึงชอบอยู่กับพี่กลิ่น รำพึงอยากให้คุณพี่เอ็นดูรำพึงเหมือนกับพี่กลิ่นบ้างสักเสี้ยวหนึ่งของพี่กลิ่นก็ยังดี ”
รอยยิ้มหวานซ่อนไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ หน้าหวานดูหม่นหมองเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่เติบโตมาโดยที่โดนพี่ชายหมางเมินใส่มาตั้งแต่จำความได้
“ คุณรำพึงอย่าคิดเยี่ยงนั้นสิขอรับ คุณรักษ์รักคุณรำพึงมากนะขอรับ ”
“ พี่กลิ่นไม่ต้องพูดปลอบใจรำพึงก็ได้จ้ะพี่ รำพึงเข้าใจดี ”
“ จริง ๆ นะขอรับคุณรำพึง คุณรักษ์จะคอยถามบ่าวตลอดว่าคุณรำพึงมีกระไรทำหรือไม่ หากรู้ว่าคุณรำพึงจะทำกระไร ก็จะให้บ่าวมาช่วยคุณรำพึงทุกครั้งเลยขอรับ เพลาคุณรำพึงจะไปไหนก็จะคอยบอกให้บ่าวในเรือนดูแลคุณรำพึงเสมอ ไม่สงสัยหรือขอรับว่าเพลาคุณรำพึงจะไปไหน บ่าวในเรือนตามไปเป็นพรวนทุกครั้งเลยขอรับ ”
รำพึงย้อนนึกไปตามที่เจ้ากลิ่นพูดถึง จากใบหน้าที่ดูหงอย ๆ ก็เผยรอยยิ้มน้อย ๆ บนใบหน้าขาวนวล
“ คุณรักษ์อาจจะดูไม่พูด ใบหน้าดูถมึงทึงไปบ้าง แต่บ่าวรู้ว่าหากคุณรำพึงต้องการความช่วยเหลือกระไร คุณรักษ์ก็เต็มใจที่จะช่วยคุณรำพึงนะขอรับ เพียงแต่อาจจะไม่ได้ลงมือเองเท่านั้นขอรับ ”
“ หากเป็นเช่นนั้นรำพึงคงมีความสุขมาก ๆ เลยจ้ะพี่กลิ่น ”
“ คุณรำพึงต้องมีความสุขแน่นอนขอรับ บ่าวมั่นใจ ”
“ รำพึงรู้แล้วล่ะจ้ะว่าเหตุใดคุณพี่ถึงได้รักและเอ็นดูพี่กลิ่นถึงเพียงนี้ ”
“ ไม่ถึงกระนั้นหรอกขอรับ บ่าวก็แค่ทำหน้าที่ของบ่าวในเรือนให้คุ้มกับข้าวสุกที่เลี้ยงดูบ่าวมาตั้งแต่เกิดจนโตมาถึงเพียงนี้น่ะขอรับ ”
รำพึงมองเจ้ากลิ่นด้วยสายตาของความเคารพ แต่เล็กจนโตเจ้ากลิ่นคือเพื่อนเล่นเพียงคนเดียวของรำพึงที่เล่นด้วยแล้วสนุกที่สุด แต่การจะได้เล่นกับเจ้ากลิ่นก็ต้องแอบเล่นไม่ให้พ่อรักษ์เห็น หากพ่อรักษ์เห็นว่าเจ้ากลิ่นเล่นกับรำพึงคราใดเป็นต้องมีเรื่องมีราวทุกครั้งไป
“ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ออกจากเรือนไปก็แรมเดือนแล้ว รำพึงเป็นห่วงคุณพี่น่ะจ้ะ วันที่ออกไปไม่รู้ว่าคุณพี่จะมีอัฐติดตัวไปมากน้อยเพียงใด รำพึงอยากให้พี่กลิ่นไปดูคุณพี่ได้หรือไม่จ๊ะ ”
“ ได้ขอรับ บ่าวก็เป็นห่วงคุณรักษ์เหมือนกันขอรับ ข้าวปลาจะได้กินบ้างหรือไม่ก็ไม่รู้ ”
“ ถ้าอย่างนั้นรำพึงฝากเอาอัฐไปให้คุณพี่ทีนะจ๊ะพี่กลิ่น อย่างน้อยถ้าคุณพี่ยังไม่อยากกลับเรือนตอนนี้จะได้มีอัฐไว้ซื้อของกินได้บ้าง ”
“ ได้ขอรับคุณรำพึง ”
“ แต่พี่กลิ่นอย่าให้เจ้าคุณพ่อรู้เป็นอันขาดนะจ๊ะ รำพึงไม่อยากเห็นคุณพ่อโกรธอีกแล้วน่ะจ้ะ ”
เจ้ากลิ่นรีบเก็บถุงอัฐที่รับมาเหน็บไว้ที่เอว รอยยิ้มของทั้งสองที่ส่งให้กันนั้นถูกสายตาของคุณพุดซ้อนนั้นมองลงมาจากข้างบันไดขึ้นเรือน แววตาดำขลับนั้นฉายแววเจ้าเล่ห์
“ เฮ้ ๆ เอาเลยสิวะ ”
เสียงผู้คนมากมายที่รายล้อมอยู่ที่เวทีมวยคาดเชือก กระทาชายร่างบึกบึนพอ ๆ กันที่อยู่กลางลานที่ล้อมรอบไปด้วยเชือกที่ขึงต่อกันไว้เป็นสี่เหลี่ยม ทั้งคู่ขยับเป็นจังหวะเพื่อดูชั้นเชิงของคู่แข่ง แต่เมื่อเพ่งดูให้ถ้วนถี่ก็จะเห็นว่าหนึ่งในนั้นคือบุตรชายของท่านเจ้าคุณวรจิตร ที่กำลังยกมือเพื่อกันหน้าตนเองในขณะที่คู่ต่อสู้ส่งหมัดที่พันด้วยเชือกเข้าที่ใบหน้าด้วยความรวดเร็ว
นับแต่วันที่ออกจากเรือนบิดามา คุณรักษ์ที่หุนหันออกมามีอัฐติดตัวมาเพียงเล็กน้อย ใช้อัฐเพียงไม่กี่วันก็หมดสิ้น ครั้นจะบากหน้ากลับเรือนไปเอาอัฐของบิดาก็กระไรอยู่ คุณรักษ์ก็เลยมาลงประชันมวยคาดเชือกเพื่อหาอัฐมาประทังชีวิต แต่ครั้นจะเรียกว่าประทังชีวิตก็เห็นจะไม่ใช่ไปเสียหมด ในเมื่ออัฐที่ได้มาส่วนใหญ่หมดไปกับเหล้าไหและนางกลางเมืองเสียสิ้น
“ คุณรักษ์ ”
เจ้ากลิ่นตะโกนเรียกพ่อรักษ์หลังจากที่แหวกผู้คนที่ยืนรายล้อมเข้ามาได้อย่างทุลักทุเล แต่เพราะเสียงของชาวบ้านที่ตะโกนแข่งกันดังลั่นนั้นไม่ทำให้พ่อรักษ์ได้ยินได้ เจ้ากลิ่นเองเมื่อเห็นนายของมันกำลังชกมวยอยู่ก็ตื่นกลัว เพราะไม่อยากให้นายของมันต้องเจ็บตัว มันพยายามเดินแทรกเข้ามาให้ใกล้ที่สุดเท่าที่มันจะทำได้
“ คุณรักษ์ขอรับ ”
เจ้ากลิ่นตะโกนเรียกอีกครั้งเมื่อเข้ามาใกล้มากขึ้น พ่อรักษ์นั้นพอได้ยินเสียงคุ้นหูแม้จะเพียงแค่แว่วมาตามลม แต่นั่นก็ทำให้พ่อรักษ์เสียสมาธิ เปิดช่องให้กับคู่ต่อสู้นั้นส่งหมัดเข้าเสยปลายคางอย่างแรง ส่งผลให้พ่อรักษ์ล้มลงกับพื้นทันที
“ คุณรักษ์ คุณรักษ์ขอรับ ”
“ โอ๊ย เบามือหน่อยซีพ่อกลิ่น ”
พ่อรักษ์ร้องโอยเมื่อมือขาวของเจ้ากลิ่นใช้ผ้าสะอาดกดซับเลือดใต้คางที่ได้จากการโดนต่อยจนแพ้มาในครานี้
“ คุณรักษ์เจ็บปวดเป็นด้วยหรือขอรับ ทีตอนต่อยตีกับเขาบ่าวไม่เห็นว่าจะกลัวเจ็บเลยขอรับ ”
“ ก็ตั้งแต่ข้าลงประชันมา ข้ายังไม่เคยแพ้เลยสักครั้ง เนื้อตัวไม่เคยได้โดนหมัดโดนเข่าให้ระคาย ”
“ แล้วเหตุใดวันนี้คุณรักษ์ถึงได้แพ้เล่าขอรับ ”
“ ก็เพราะพ่อกลิ่นไงเล่า ”
“ เพราะบ่าวหรือขอรับ มิใช่ว่าคุณรักษ์ฝีมือไม่ถึงเองหรือขอรับ ”
“ เพราะพ่อกลิ่นจริง ๆ เพราะเสียงของพ่อกลิ่นที่ข้าอยากได้ยินมาตะโกนเรียกข้า เสียงที่ข้าเคยได้ยินมาตั้งแต่ข้าจำความได้ ”
น้ำเสียงเว้าวอนที่มาพร้อมแววตาพรายระยับ มือกร้านจับมือขาวที่กำลังเช็ดเลือดให้ตนเอง เจ้ากลิ่นรู้สึกหวามไหวไปกับแววตาคู่ที่อยู่ตรงหน้า ตาดำขลับที่ดูแข็งแกร่งแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยนอยู่ในที
“ นะ...นี่คุณรักษ์ได้กินกระไรบ้างหรือไม่ขอรับ ทำไมถึงดูผอมเช่นนี้เล่าขอรับ ”
เป็นเจ้ากลิ่นที่ต้องหลบแววตากรุ้มกริ่มนั่น ก่อนมันจะคว้ามือของพ่อรักษ์มาพลิกดูไปมา รวมทั้งเนื้อตัวของนายมันอย่างละเอียด
“ เป็นห่วงข้าถึงเพียงนั้นเลยรึพ่อกลิ่น ”
“ เป็นห่วงซีขอรับ ยิ่งมาเห็นว่าคุณรักษ์ผ่ายผอมลงเช่นนี้บ่าวก็ยิ่งเป็นห่วง ”
“ ข้า...ขอโทษ ”
“ คุณรักษ์ขอโทษบ่าวทำไมขอรับ คุณรักษ์ไม่ได้ทำกระไรผิดนี่ขอรับ ”
“ ทุกเรื่อง ขอโทษที่ทำให้พ่อกลิ่นเจ็บ ขอโทษที่ไม่ได้ทำกระไรเพื่อจะช่วยพ่อกลิ่นเลยสักนิด เพราะโทสะของข้ามีมากเหลือเกิน ”
“ อย่ากล่าวโทษตนเองสิขอรับ อย่างไรเสียบ่าวก็เต็มใจขอรับ ไม่ว่าบ่าวจะต้องเจ็บตัวอีกกี่คราบ่าวก็เต็มใจขอรับ ขอก็เพียงแต่คุณรักษ์ไม่เป็นกระไรก็พอขอรับ ”
“ ... ”
“ อีกอย่างไม่ได้มีแต่บ่าวที่เป็นห่วงคุณรักษ์นะขอรับ คุณรำพึงเองก็เป็นห่วงคุณรักษ์เหมือนกันนะขอรับ ”
“ หากจะมาพูดเช่นนี้ก็กลับไปเสียพ่อกลิ่น ”
น้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมแววตาที่เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันทีที่ได้ยิน ร่างสูงลุกพรวดขึ้นด้วยอารมณ์โทสะ
“ คุณรักษ์ขอรับ ”
“ กลับเรือนไปเสียพ่อกลิ่น ข้าไม่อยากโมโหพ่อกลิ่นตอนนี้ ”
“ คุณรักษ์ฟังบ่าวก่อนขอรับ คุณรำพึงเป็นห่วงคุณรักษ์จริง ๆ นะขอรับ คุณรักษ์เมตตาเธอเสียสักนิดไม่ได้หรือขอรับ ”
“ น้องข้ามันให้พ่อกลิ่นมาพูดกับข้าหรือ เหตุใดพ่อกลิ่นถึงต้องทำถึงเพียงนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ”
“ คุณรักษ์ขอรับ บ่าวแค่... ”
“ ไม่ต้องเอ่ยกระไรอีกพ่อกลิ่น ข้าไม่อยากฟังกระไรจากพ่อกลิ่นอีกแล้ว นี่ก็จะมืดค่ำแล้วพ่อกลิ่นรีบกลับเรือนไปเสีย ”
“ คุณรักษ์... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่มองตามร่างสูงที่เดินจากไปพร้อมด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
“ ยังไม่ทันได้ให้อัฐที่คุณรำพึงให้มาเลยเสียด้วยซ้ำ เฮ้อ ”
เจ้ากลิ่นกลับเรือนมาด้วยใจห่อเหี่ยว มือกำถุงอัฐหวังจะเอาไปคืนให้คุณรำพึงบนเรือนใหญ่ แต่เสียงแผดดังก็ทำให้เจ้ากลิ่นหยุดชะงักเสียก่อน
“ ไอ้กลิ่น ท่านเจ้าคุณให้มึงขึ้นไปที่เรือนใหญ่เดี๋ยวนี้ ”
“ มีกระไรหรือจ๊ะลุงมาด ”
“ กูก็ไม่รู้ มึงรีบขึ้นไปประเดี๋ยวนี้เลย ”
เจ้ากลิ่นรีบเดินขึ้นไปบนเรือนใหญ่ บนเรือนมีท่านเจ้าคุณนั่งอยู่บนแคร่ โดยมีคุณพุดตานและคุณรำพึงที่นั่งทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ ไอ้มาดค้นตัวมัน ”
“ ขอรับ ”
ไอ้มาดยังไม่ทันได้ค้นกระไร เสียงหวานใสของคุณพุดตานก็เปล่งออกมาเสียก่อน หากใครสังเกตสักนิดก็จะเห็นมุมปากบางนั้นยกยิ้มน้อยๆ
“ มิต้องค้นให้เสียเพลาดอกไอ้มาด ถุงอัฐที่มันหลอกเอาไปจากแม่รำพึงก็อยู่ในมือมันนั่นประไร ”
ท่านเจ้าคุณเดินมากระชากถุงอัฐไปจากมือของเจ้ากลิ่น มองดูถึงผ้าที่ลายปักด้านนอกนั้นดูก็รู้ว่าเป็นของบุตรสาวของตนแน่แท้
“ มึงเอาอัฐมากมายนี้มาจากไหนไอ้กลิ่น ”
“ .... ”
เจ้ากลิ่นได้แต่นิ่งเงียบ ไม่กล้าแม้จะสบตากับคุณรำพึงเสียด้วยซ้ำเพราะไม่อยากให้ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ ทำไมมึงไม่พูดไอ้กลิ่น หรือมึงขโมยอัฐของลูกกูไป ฮะ ”
“ ไม่ใช่ขอรับ บ่าวไม่เคยคิดขโมยอัฐผู้ใดเลยสักครั้งขอรับ ”
“ เช่นนั้นมึงจะบอกว่าลูกกูให้อัฐมึงเองงั้นรึ ว่าอย่างไรไอ้กลิ่น ”
“ ... ”
“ เหตุใดมึงไม่บอกกูไอ้กลิ่น หรือมึงจะกินบนเรือนแล้วยังขี้บนหลังคาเรือนของกูอีก ”
“ ไม่ขอรับ บ่าวไม่เคยคิดเช่นนั้นเลยขอรับ ”
“ แล้วมึงเอาอัฐนี้มาจากไหน เหตุใดมึงถึงไม่ยอมปริปากพูดออกมาฮะ ”
ท่านเจ้าคุณยิ่งโมโหมากขึ้นเมื่อเจ้ากลิ่นไม่ยอมพูดกระไร ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธระคนผิดหวังในตัวของคนตรงหน้า ที่ถึงแม้ท่านเจ้าคุณจะไม่ได้เอ็นดูมันมากมายนัก แต่ท่านเจ้าคุณก็เห็นมันตั้งแต่เกิดและคลุกคลีกับมันมากกว่าลูกบ่าวคนอื่นในเรือน
“ น้องว่ามันต้องหลอกแม่รำพึงเป็นแน่เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ แม่รำพึงเองก็กำลังจะเป็นสาว หน้าตาก็สะสวย ต้องไม่ทันเล่ห์ทันเหลี่ยมมันแน่เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ”
ท่านเจ้าคุณหันไปมองหน้าเมีย ก่อนจะเพ่งมองไปยังบุตรสาวที่นั่งหน้าถอดสีอยู่ด้วยความสงสัย
“ ไม่จริงขอรับ บ่าวไม่เคยคิดกับคุณรำพึงมากกว่าผู้มีพระคุณเลยขอรับ ”
“ แล้วที่กูเห็นมึงนั่งคุยอ้อล้อต่อกระซิกกับแม่รำพึงที่ศาลาหน้าเรือนนั่นเล่า มึงคุยกระไรกับแม่รำพึง ”
“ บ่าวแค่.... ”
“ บอกท่านเจ้าคุณท่านไปสิ นี่ถ้ากูไม่ออกไปเห็นมึงคงลวงแม่รำพึงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บอกสิ บอกไป หรือมึงอยากจะโดนหวายลงหลังอีกคราฮะไอ้กลิ่น นังจวงไปเอาหวายมาให้ท่านเจ้าคุณ ”
เสียงหวานใสแปรเปลี่ยนไปเป็นแผดกังวาน สีหน้าที่ดูจะมีความสะใจมากกว่าความโกรธของแม่พุดตานนั้นฉายชัดเจนจนน่ากลัว
“ ลูกให้พี่กลิ่นไปเองเจ้าค่ะคุณพ่อ ”
เมื่อเหตุการณ์เริ่มเลยเถิดแม่รำพึงที่ถึงแม้จะกลัว แต่เพราะไม่ได้อยากให้ใครต้องเดือดร้อนในเรื่องที่ตนเองเป็นคนก่อ จึงเอ่ยออกมาขณะที่นังจวงกำลังยื่นไม้หวายให้ท่านเจ้าคุณ
“ หมายความเช่นไรแม่รำพึง เหตุใดเอ็งต้องเอาอัฐมากมายให้บ่าวเช่นนี้ ”
“ ลูกแค่เป็นห่วงคุณพี่น่ะเจ้าค่ะ ก็เลยฝากอัฐให้พี่กลิ่นเอาไปให้คุณพี่แทนลูก ”
“ แล้วเหตุใดไม่บอกพ่อ ”
“ ลูกกลัวว่าเจ้าคุณพ่อจะโกรธ เลยไม่กล้าพูดเจ้าค่ะ ”
“ ที่ลูกข้าพูดจริงหรือไม่ไอ้กลิ่น ”
ท่านเจ้าคุณหันกลับมาถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง แม้เจ้ากลิ่นจะไม่อยากให้นายเดือดร้อน แต่หากมันไม่พูดความจริงอีก คุณรำพึงจะกลายเป็นผู้เสียหายแทน
“ ขอรับ จริงขอรับ บ่าวเองก็เพิ่งกลับมาจากการไปพบคุณรักษ์มาขอรับ บ่าวกำลังจะเอาอัฐมาคืนคุณรำพึงเพราะบ่าวยังไม่ได้เอาให้คุณรักษ์ขอรับ ”
“ หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่กระไร รู้ไหมว่าเอ็งสองคนสร้างเรื่องสร้างราวให้คนอื่นปวดหัวได้เยี่ยงนี้ ”
“ ท่านเจ้าคุณจะเชื่อบ่าวมันได้อย่างไรเจ้าคะ น้องว่ามันคงบังคับให้แม่รำพึงโป้ปดเพื่อช่วยมันแน่เจ้าค่ะ ”
“ แม่พุดตาน ต่อให้ไอ้กลิ่นมันจะโกหกข้า แต่ข้ารู้ว่าแม่รำพึงไม่โกหกข้าดอก เพียงแต่หนนี้ลูกข้าเองก็เลือกที่จะไม่บอกข้าเพราะเกรงว่าข้าจะโกรธ ซึ่งแม่รำพึงก็น่าจะได้บทเรียนแล้วว่าจะทำกระไรต้องบอกพ่อ เข้าใจหรือไม่รำพึง ”
“ แต่ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ... ”
“ แยกย้ายกันไปทำงานทำการเสีย ไป ส่วนเอ็งตามข้ามาไอ้กลิ่น ”
ท่านเจ้าคุณตัดบทเพื่อให้ทุกอย่างคลี่คลาย โดยไม่สนใจว่าเมียของตนจะมีสีหน้าเช่นไร แม่พุดตานได้แต่เก็บความโกรธขึ้งไว้ภายใน แม้ครานี้จะทำให้อีลูกสาวนอกไส้อย่างรำพึงอับอายไม่ได้ แต่หากมีโอกาสอีกคราตนจะไม่พลาดซ้ำสองเป็นแน่
“ นายเอ็งเป็นเช่นไรบ้างล่ะ ”
เจ้ากลิ่นที่เดินตามท่านเจ้าคุณมาที่ห้องพระมองท่านเจ้าคุณด้วยแววตาประหม่า
“ คุณรักษ์ผ่ายผอมลงมากขอรับ แต่ก็ยังแข็งแรงดีขอรับ ”
“ แล้วเอ็งล่ะ หายดีแล้วรึ ”
“ หายดีแล้วขอรับ ”
“ เอ็งคงโกรธเกลียดข้ามากเลยสินะ ที่ทำกับเอ็งขนาดนั้นทั้ง ๆ ที่เอ็งไม่ได้ทำกระไรเลย ”
“ ไม่หรอกขอรับ บ่าวรู้ตัวเองดีขอรับว่าดูแลคุณรักษ์ได้ไม่ดีเท่ากับที่ท่านเจ้าคุณไว้ใจ โดนโบยไม่กี่ทีแค่นี้บ่าวว่ามันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำขอรับ ”
“ ... ”
“ ท่านเจ้าคุณขอรับ บ่าวขอถามได้มั้ยขอรับ ”
“ ว่ามาสิ ”
“ หากคุณรักษ์จะกลับเรือนคุณท่านจะว่าไหมขอรับ ”
“ ข้าจะไปว่ากระไรนายเอ็ง ดีชั่วอย่างไรนายเอ็งมันก็เป็นลูกข้า ไม่ให้กลับมาอยู่เรือนแล้วจะให้นายเอ็งไปอยู่ที่ใด เว้นก็แต่นายเอ็งจะไม่อยากกลับมาร่วมชายคาเรือนกับข้าเสียมากกว่า ”
“ เช่นนั้น...หากท่านเจ้าคุณอนุญาตบ่าวขอไปตามคุณรักษ์กลับมาเรือนนะขอรับ ”
“ ก็ตามใจเอ็ง ข้าไม่ได้เป็นพ่อที่ใจไม้ไส้ระกำถึงเพียงนั้น แต่หากมาอยู่แล้วเป็นผู้เป็นคนขึ้น ข้าก็จะเบาใจมากกว่านี้ ข้าเองก็อายุปูนนี้แล้ว มีลูกชายอยู่คนเดียวก็อยากจะฝากผีฝากไข้ไว้บ้างตอนใกล้จะตาย ”
“ ท่านเจ้าคุณยังแข็งแรงเช่นนี้ ต้องอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้พวกบ่าวอีกนานขอรับ ”
“ เอ็งนี่เป็นเด็กพูดจาฉอเลาะจริงเทียว ไม่สงสัยเลยเหตุใดลูกข้าสองคนถึงไว้ใจเอ็งได้ถึงเพียงนี้ ”
ท่านเจ้าคุณยิ้มอ่อนให้กับบ่าวตรงหน้า อยากจะเอื้อมมือหนาไปลูบหัวเจ้ากลิ่นแต่ก็ต้องชะงักไว้ เพราะไม่อยากให้ใครในเรือนว่าตนได้ว่าเอ็นดูลูกบ่าวคนนี้มากจนเกินไป
...พี่เข้าใจแม่กลอยแล้วว่าเหตุใด แม่กลอยถึงเอ็นดูมันมากถึงเพียงนี้...
๑๐ พี่จะพาเอ็งไปเอง “ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “ เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้ “ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ” “ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ” “ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ” พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง
๑ กลิ่นกรุ่น “ นังจวง ๆ เอ็งรีบไปตามยายกล่ำมาประเดี๋ยวนี้ คุณหญิงท่านใกล้จะคลอดเต็มทีแล้ว ” เสียงโหวกเหวกดังไปทั่วอาณาบริเวณเรือนไม้ใหญ่ บ่าวไพร่วิ่งวุ่นกันไปทั่ว บ้างก็วิ่งเข้าครัวเพื่อตระเตรียมหม้อดินมาต้มน้ำรอยายกล่ำ ผู้ซึ่งเป็นหมอตำแยผู้มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน “ แล้วนี่มีผู้ใดไปแจ้งท่านเจ้าคุณแล้วหรือไม่ ไอ้แจ้ง ข้าให้เอ็งไปบอก แล้วนี่เอ็งไปมาแล้วหรืออย่างไร ” “ ข้าให้คนไปแจ้งแล้วจ้ะพี่ น่าจะอีกสักประเดี๋ยวท่านเจ้าคุณน่าจะถึงจ้ะ ” “ อย่าให้พลาดเชียวนะไอ้แจ้ง ” ไอ้มาด หัวหน้าบ่าวในเรือนกำชับให้แน่ใจ ก่อนจะรีบเดินออกไปดูตรงส่วนอื่นต่อระหว่างที่รอหมอตำแยที่ส่งคนไปตามที่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนเท่าใดนัก “ พี่มาด ยายกล่ำมาหรือยังพี่ คุณหญิงเจ็บท้องมานานแล้วนะพี่ ” “ กูรู้แล้ว กูก็ร้อนใจไม่ต่างจากมึงหรอก ” “ พี่จะมัวแต่ร้อนใจไม่ได้นะพี่มาด คนเจ็บท้องคือคุณหญิงท่าน รีบให้ใครไปเร่งประเดี๋ยวนี้เลย ” “ เออๆ กูรู้แล้ว มึงรีบเข้าไปดูคุณหญิงท่านซะ ทางนี้กูจัดการเอง ไอ้แจ้
๒ ครั้นกลีบบุปผาโรย กาลเวลาผ่านพ้นมาจนพ่อรักษ์อายุจวนจะครบเก้าขวบ เจ้ากลิ่นเองก็เติบโตมาเป็นเด็กชายสมวัย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเติบโตมากับบุตรชายของท่านเจ้าคุณหรืออย่างไร ผิวพรรณของลูกบ่าวผู้นี้ถึงได้ผุดผ่อง ผิดแผกจากลูกบ่าวคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรือนเดียวกัน และด้วยความที่เจ้ากลิ่นนั้นเป็นเด็กไม่ดื้อไม่ซน คุณหญิงกลอยจึงเอ็นดูมันยิ่งนัก “ แค่ก ๆ ” เสียงไอแห้ง ๆ ดังมาจากคุณหญิงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่ศาลาข้างเรือนใหญ่ มือเรียวกำลังประคองท้องที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว แต่ร่างกายกลับดูซูบผอมไม่เหมือนคนท้องใกล้คลอดแม้แต่น้อย “ ขึ้นเรือนดีหรือไม่เจ้าคะคุณหญิง บ่าวเห็นคุณหญิงไอถี่เหลือเกินเจ้าค่ะ ” “ พ่อรักษ์กับพ่อกลิ่นยังเล่นกันอยู่ ข้าไม่อยากห้ามลูกที่กำลังสนุก อีกอย่างข้าจะมีโอกาสได้ดูลูกเล่นได้เช่นนี้อีกนานไหมก็มิรู้ได้ ” “ คุณหญิงอย่าเอ่ยเช่นนี้สิเจ้าคะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะเจ้าคะคุณหญิง ” เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยกระไรตอบกลับ เพราะไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าตัวเองว่าร่างกายนั้นกำลัง
๓ มั่นคงดั่งทานตะวัน “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ” คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้ “ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ” เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู “ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ” “ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ” “ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ” “ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ” “ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ” “ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอร
๔ เข้มแข็งดุจผกากรอง สองร่างกายเปลือยเปล่าบนตั่งนอนที่มีเบาะยัดนุ่นหุ้มด้วยผ้าพื้นสีแดง มือใหญ่ของพ่อรักษ์กอบกุมปทุมถันของนางกลางเมืองอย่าง “จำเรียน” ร่างอรชรค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนย่ำรุ่ง หลังผ่านค่ำคืนสวาทกับบุตรชายของท่านเจ้าคุณมีชื่อ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในวัยกลัดมันหรืออย่างไร จำเรียนจึงต้องปรนเปรอชายหนุ่มผู้นี้จนร่างกายบอบช้ำไปแทบทั้งตัว กว่าจะได้หลับตาพักก็ตอนที่แสงโคมสีแดงที่อยู่ในเรือนไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเรือนแห่งนี้ได้เวลาหลับไหล “ อือ.... ” เสียงครางในลำคอ พร้อมกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้นจนจำเรียนต้องพยายามดันแขนไว้ “ คุณรักษ์เจ้าคะ ขอจำเรียนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ” “ ล้างทำไมให้เปลืองเวลาไปเล่า อีกประเดี๋ยวข้าก็ทำให้เอ็งเหนียวตัวอีกรอบแล้ว เอ็งดูสิตัวของข้ามันต้องการเอ็งอีกรอบแล้วเห็นหรือไม่จำเรียน ” พ่อรักษ์ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังส่วนที่กำลังขยายใหญ่ตรงกลางลำตัว จำเรียนจ้องมองไปยังส่วนนั้น ก่อนที่ร่างบางจะโดนร่างแกร่งจับพลิกตัวลงกับเบาะนอน พร้อม ๆ กับบทเพลงบรร
๕ สบดวงเนตร สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง “ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ” แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ “ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ” พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง “ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
๖ อวลกลิ่นพุดตาน “ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ” “ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” “ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ” “ เจ้าค่ะ... ” “ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ” “ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ” ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย “ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ” แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ “ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
๗ เบญจมาศในหมู่ภมร “ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด “ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ “ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ” “ จะ...เจ้าค่ะ ” นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว “ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ” พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ “ นั่งลง ” “ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ” “ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ” “ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ” “ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้
๑๐ พี่จะพาเอ็งไปเอง “ พ่อกลิ่นกลับเรือนไปเสียเถิด เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ไม่เหนื่อยเอาดอกรึ “ เสียงทุ้มที่แม้ว่าฟังแล้วคล้ายจะรำคาญ แต่แววตาที่มองมากลับดูเป็นห่วงบ่าวที่นั่งมองตนเอง เจ้ากลิ่นช่วงนี้เทียวไปเทียวมา เพื่อมาพาพ่อรักษ์กลับเรือนตามสั่งของท่านเจ้าคุณ คราแรกพ่อรักษ์ก็จะยอมตามกลับไป แต่เป็นเพราะเจ้ากลิ่นบอกว่าเป็นความต้องการของบิดา ด้วยความเจ้าคิดเจ้าแค้นพ่อรักษ์จึงไม่ยอมกลับเรือนตามที่คิดไว้ “ ไม่เหนื่อยหรอกขอรับ แต่หากคุณรักษ์ยังมิยอมกลับเรือนเยี่ยงนี้ อีกไม่นานบ่าวอาจจะเหนื่อยก็ได้ขอรับ ” “ ดูพูดเข้าซีพ่อกลิ่น...หากพ่อกลิ่นเบื่อหน่ายข้าเสียแล้วเยี่ยงนี้อีกไม่นานข้าก็คงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่ ” “ กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ บ่าวรับใช้คุณรักษ์มาตั้งแต่จำความได้ บ่าวเคารพรักคุณรักษ์มากกว่าสิ่งใด แล้วเหตุใดบ่าวจะเบื่อหน่ายชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ดูแลรับใช้คุณรักษ์ได้เล่าขอรับ ” พ่อรักษ์มองบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรเจ้ากลิ่นไม่เคยจะปริปากแม้แต่น้อยว่าเหนื่อยหน่ายกับชีวิตที่ต้องคอยมาตามปรนนิบัติตนเอง
๙ เป็นเวรหรือกรรม “ เป็นเช่นไรบ้าง เอ็งเจ็บแผลมากหรือไม่ ” ไอ้จอมเอ่ยปากถามเจ้ากลิ่นที่ยังคงนอนคว่ำหน้าเพราะบาดแผลที่โดนโบยยังคงมีเลือดติดอยู่ เจ้ากลิ่นหันหน้ามามองคนที่ตนรักเหมือนพี่ชาย ที่สองวันมานี้เทียวแวะเวียนมาถามไถ่อยู่แทบจะทั้งวี่วัน “ เจ็บอยู่จ้ะพี่จอม แต่ไม่เท่าคราแรก ” “ เอ็งอยากได้กระไรก็บอกพี่นะกลิ่น พี่เอามาให้เอง ” “ ฉันขอบใจพี่มากนะจ๊ะพี่จอม แต่แม่คอยหามาให้ฉันไม่ได้ขาดกระไร อีกอย่างงานพี่จอมก็มากโขอยู่ไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะพี่จอม ” " จะไม่ให้ห่วงเอ็งได้ยังไง ดูตัวเอ็งสิเล็กกระจ้อยร่อยเพียงนี้ ลมพัดก็แทบจะปลิวไปตามแรงลมเสียกระมัง ” “ พี่ก็พูดเกินไปพี่จอม ฉันไม่ได้อ่อนแอเยี่ยงนั้นเสียหน่อย ” “ เอาเถิด ๆ นอนพักเสียจะได้หายไว ๆ หายแล้วพี่จะพาเอ็งไปกินขนม ” “ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่จอม ” “ ฮะ ๆ ๆ พี่ไปก่อนนะ นอนเสียเถิด ” ไอ้จอมลูบหัวน้องด้วยความรักใคร่ รอยยิ้มใจดีมอบให้กับเจ้ากลิ่นที่ทำหน้าบึ้งตึงที่โดนมองว่ายังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กในสายตาของคนอื่น
๘ เจ็บกายแต่เต็มใจ เปลือกตาดำคล้ำค่อย ๆ เปิดขึ้นมาพร้อมกับความปวดร้าวไปทั่วตัว ดวงตาดำหรี่มองบุคคลข้าง ๆ ที่ดูเลือนรางไปหมด “ คุณรักษ์ขอรับ... ” เสียงเจ้ากลิ่นทำให้พ่อรักษ์แค่นยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเพ่งมองไปยังใบหน้าขาวของบ่าวจนมองเห็นชัดในสายตาของตนเอง “ ดูทำหน้าเข้าซีพ่อกลิ่น ข้ายังไม่ได้ตายเสียหน่อย ” “ คุณรักษ์อย่าพูดเช่นนี้สิขอรับ มันเป็นลางไม่ดีนะขอรับ ” “ แล้วนี่ใครเป็นคนพาข้ากลับมาที่เรือนหรือพ่อกลิ่น ” “ พี่จอมกับลุงมาดขอรับ ” “ แล้วพ่อข้ารู้เรื่องหรือไม่พ่อกลิ่น ” เจ้ากลิ่นพยักหน้าเบา ๆ ด้วยแววตาเป็นห่วง ก่อนที่หัวทุยของมันจะโดนมือกร้านลูบเพื่อให้คลายกังวล “ ไม่ต้องห่วงข้าดอกพ่อกลิ่น...แล้วนี่พ่อกลิ่นมาเฝ้าข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน ” “ เมื่อคืนขอรับ พอมีคนมาแจ้งข่าวท่านเจ้าคุณก็สั่งให้บ่าวในเรือนไปพาคุณรักษ์มาที่เรือนขอรับ ท่านเจ้าคุณให้หมอยามาดูคุณรักษ์แล้วก็ให้กินยาให้หมดสามวันขอรับ แล้วนี่คุณรักษ์หิวหรือยังขอรับ ” “ หิวแล้วซีพ่อก
๗ เบญจมาศในหมู่ภมร “ พี่ชายเจ้าไม่มากินข้าวอีกแล้วหรือแม่รำพึง ” ท่านเจ้าคุณเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าบุตรชายไม่อยู่กินข้าวเช้ามาหลายวัน คิ้วหนาแซมขาวขมวดมุ่นจนคนนั่งร่วมสำรับอึดอัด “ รับข้าวเถิดเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” แม่พุดตานเอ่ยเสียงเรียบ มือเรียวตักข้าวใส่จานของท่านเจ้าคุณ “ นังจวงไปตามพ่อรักษ์มา ” “ จะ...เจ้าค่ะ ” นังจวงสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงที่ปนไปด้วยความโกรธส่งตรงมาที่ตน มันตอบรับคำสั่งรีบวิ่งไปตามพ่อรักษ์ที่เรือนบ่าว “ เรียกข้ามีกระไรหรือขอรับคุณพ่อ ” พ่อรักษ์ขึ้นเรือนมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้หางตาปรายมองหญิงสาวสองคนที่นั่งร่วมสำรับอย่างไม่ชอบใจ “ นั่งลง ” “ คุณพ่อแจ้งมาได้เลยขอรับว่ามีกระไรกับข้า ” “ กูบอกให้มึงนั่งลงไอ้รักษ์ ” “ หากคุณพ่อไม่มีกระไรเพียงแต่อยากเรียกข้ามาให้ร่วมสำรับกับครอบครัวของคุณพ่อ ข้าไม่ต้องการขอรับ ข้ากินข้าวที่เรือนบ่าวกับแม่ปรุงอิ่มแล้วขอรับ ” “ ไอ้ลูกไม่รักดี มึงเห็นบ่าวดีกว่ากูที่เป็นพ่อของมึงเชียวรึไอ้
๖ อวลกลิ่นพุดตาน “ แม่พุดตานนอนห้องนี้เถิด ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวมันช่วยขนข้าวของมาไว้ให้เสียบนเรือน ” “ เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ ” “ ต่อจากนี้ข้าก็ขอฝากเรือนนี้ไว้ให้แม่พุดตานดูแลแทนข้าทีนะ ส่วนเรื่องเมื่อครู่ก็อย่าได้ถือสามันเลยอยู่ให้สบายใจเถิด ” “ เจ้าค่ะ... ” “ พักผ่อนเสียเถิดวันนี้ข้าต้องเข้าวัง มีกระไรก็เรียกบ่าวในเรือน หรือแม่รำพึงให้มาพูดคุยเป็นเพื่อนเสียก็ได้ ” “ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ” ท่านเจ้าคุณวรจิตรมองดูหญิงสาวที่ยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ แววตาไม่สามารถซ่อนความรู้สึกภายในใจของเจ้าหล่อนได้เลย ก่อนที่ท่านเจ้าคุณจะเดินออกไปเรียกไอ้มาดให้ไปเตรียมตัวเข้าวัง แม่พุดตานมองตามหลังผัวหมาด ๆ ของตนเองด้วยแววตาเศร้าสร้อย “ อย่าร้องไห้ไปเลยเจ้าค่ะ เป็นเมียท่านเจ้าคุณวรจิตรอย่างไรเสียก็มีหน้ามีตานะเจ้าคะ ” แม่พุดตานใช้นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอ หันกลับมามองบ่าวรับใช้ร่างท้วมที่ยืนมองอยู่ด้านหลังมาพักใหญ่ “ ได้ผัวคราวพ่อนี่น่ะหรือป้าผัน สู้อยู่เป็นสาวเทื้อคาเรือนมิดีกว่าหรือจ๊ะ ”
๕ สบดวงเนตร สามสี่วันมานี้พ่อรักษ์อยู่ติดเรือนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมาก่อน นั่นก็เป็นเพราะต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนบ่าวเพื่อคอยดูไม่ให้เจ้ากลิ่นลุกขึ้นมาทำงานตอนที่ร่างกายยังไม่หายดี ในขณะที่เจ้าคุณวรจิตรเองช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้กลับเรือน หรือหากกลับก็กลับมาเพียงเปลี่ยนผ้าผ่อนเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเพลานี้ท่านเจ้าคุณวรจิตรต้องคอยวางแผนให้ทางท่านเจ้าเมืองกำราบเมืองประเทศราชที่มีข่าวแว่วมาว่ากำลังคิดกระด้างกระเดื่อง “ จะไปดูพี่กลิ่นที่เรือนหรือเจ้าคะคุณพี่ ” แม่รำพึงเอ่ยถามพี่ชายที่กำลังลงจากเรือน พ่อรักษ์หันมามองน้องสาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ รำพึงชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ชายมองมาด้วยความไม่พอใจ “ ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง... ” พ่อรักษ์เอ่ยกับน้องอย่างไม่ไยดี แม่รำพึงดวงตาร้อนผ่าวเพราะความน้อยใจที่ตั้งแต่โตมาพี่ชายไม่เคยพูดจาดี ๆ ด้วยเลยสักครั้ง “ น้องแค่เห็นว่าหากคุณพี่ไปหาพี่กลิ่น น้องจะฝากข้าวต้มมัดที่น้องทำไปให้พี่กลิ่น แต่หากคุณพี่ไม่สะดวกน้องจะเอาไปให้พี่กลิ่นคราหลังก็ได้ค่ะ ”
๔ เข้มแข็งดุจผกากรอง สองร่างกายเปลือยเปล่าบนตั่งนอนที่มีเบาะยัดนุ่นหุ้มด้วยผ้าพื้นสีแดง มือใหญ่ของพ่อรักษ์กอบกุมปทุมถันของนางกลางเมืองอย่าง “จำเรียน” ร่างอรชรค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาตอนย่ำรุ่ง หลังผ่านค่ำคืนสวาทกับบุตรชายของท่านเจ้าคุณมีชื่อ ที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยู่ในวัยกลัดมันหรืออย่างไร จำเรียนจึงต้องปรนเปรอชายหนุ่มผู้นี้จนร่างกายบอบช้ำไปแทบทั้งตัว กว่าจะได้หลับตาพักก็ตอนที่แสงโคมสีแดงที่อยู่ในเรือนไม้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าเรือนแห่งนี้ได้เวลาหลับไหล “ อือ.... ” เสียงครางในลำคอ พร้อมกระชับวงแขนแกร่งให้แน่นขึ้นจนจำเรียนต้องพยายามดันแขนไว้ “ คุณรักษ์เจ้าคะ ขอจำเรียนไปล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ ” “ ล้างทำไมให้เปลืองเวลาไปเล่า อีกประเดี๋ยวข้าก็ทำให้เอ็งเหนียวตัวอีกรอบแล้ว เอ็งดูสิตัวของข้ามันต้องการเอ็งอีกรอบแล้วเห็นหรือไม่จำเรียน ” พ่อรักษ์ส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังส่วนที่กำลังขยายใหญ่ตรงกลางลำตัว จำเรียนจ้องมองไปยังส่วนนั้น ก่อนที่ร่างบางจะโดนร่างแกร่งจับพลิกตัวลงกับเบาะนอน พร้อม ๆ กับบทเพลงบรร
๓ มั่นคงดั่งทานตะวัน “ พี่กลิ่นจ๊ะ คุณพี่ไปไหนแล้วหรือจ๊ะ ” คุณหนูรำพึงบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าคุณวรจิตร เติบโตมาเป็นสาวรุ่นอายุอานามก็เข้าปีที่สิบแล้ว หน้าตาก็สะสวยละม้ายคล้ายคลึงมารดาที่รำพึงเองก็จำหน้ามิได้ “ คุณรักษ์อยู่ที่ท้ายสวนขอรับคุณหนู ” เจ้ากลิ่นละมือจากการคัดดอกมะลิ มองไปยังหญิงสาวด้วยสายตาเอ็นดู “ คุณพี่คงดูชนไก่อีกสินะ แล้วนี่พี่กลิ่นไม่ไปดูบ้างหรือจ๊ะ เห็นมาช่วยรำพึงคัดแต่ดอกมะลิจะเบื่อเอานะ ” “ บ่าวไม่เบื่อหรอกขอรับคุณหนู บ่าวอยู่กงนี้ดีแล้วขอรับไปอยู่กับคุณรักษ์ตอนนี้บ่าวสงสารไก่ขอรับ ” “ พี่กลิ่นนี่ก็ช่างแปลกคน บ่าวผู้ชายคนอื่นก็ขลุกกันอยู่ที่ท้ายสวนกันทั้งนั้น มีก็แต่พี่กลิ่นนี่แหละหนาที่มาขลุกอยู่แต่กับรำพึง ระวังเถิดประเดี๋ยวคุณพี่เรียกหาไม่เจอจะโดนดุเอาเสียอีก ” “ คุณรักษ์ไม่ว่าบ่าวหรอกขอรับ เพราะคุณรักษ์เป็นคนไล่บ่าวให้กลับมาช่วยงานคุณหนูเองขอรับ ” “ คุณพี่น่ะหรือเป็นคนบอกให้พี่กลิ่นมาช่วยงานรำพึงที่เรือนนี้ ” “ ขอรับ คุณรักษ์เป็นคนพูดเองเลยขอร
๒ ครั้นกลีบบุปผาโรย กาลเวลาผ่านพ้นมาจนพ่อรักษ์อายุจวนจะครบเก้าขวบ เจ้ากลิ่นเองก็เติบโตมาเป็นเด็กชายสมวัย แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเติบโตมากับบุตรชายของท่านเจ้าคุณหรืออย่างไร ผิวพรรณของลูกบ่าวผู้นี้ถึงได้ผุดผ่อง ผิดแผกจากลูกบ่าวคนอื่น ๆ ที่อยู่ในเรือนเดียวกัน และด้วยความที่เจ้ากลิ่นนั้นเป็นเด็กไม่ดื้อไม่ซน คุณหญิงกลอยจึงเอ็นดูมันยิ่งนัก “ แค่ก ๆ ” เสียงไอแห้ง ๆ ดังมาจากคุณหญิงที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ที่ศาลาข้างเรือนใหญ่ มือเรียวกำลังประคองท้องที่นูนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว แต่ร่างกายกลับดูซูบผอมไม่เหมือนคนท้องใกล้คลอดแม้แต่น้อย “ ขึ้นเรือนดีหรือไม่เจ้าคะคุณหญิง บ่าวเห็นคุณหญิงไอถี่เหลือเกินเจ้าค่ะ ” “ พ่อรักษ์กับพ่อกลิ่นยังเล่นกันอยู่ ข้าไม่อยากห้ามลูกที่กำลังสนุก อีกอย่างข้าจะมีโอกาสได้ดูลูกเล่นได้เช่นนี้อีกนานไหมก็มิรู้ได้ ” “ คุณหญิงอย่าเอ่ยเช่นนี้สิเจ้าคะ กำลังท้องกำลังไส้อยู่นะเจ้าคะคุณหญิง ” เจ้าหล่อนไม่ได้เอ่ยกระไรตอบกลับ เพราะไม่มีผู้ใดรู้ดีไปกว่าตัวเองว่าร่างกายนั้นกำลัง