Home / ระบบ / ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย / ตอน มู่หานฉันต้องการแยกออกจากบ้านมู่(1)

Share

ตอน มู่หานฉันต้องการแยกออกจากบ้านมู่(1)

ในระหว่างที่ซูเหยาได้รอฉินเจียวเอาเงินมาให้ตนอยู่ เธอก็ได้หันไปพูดกับมู่หานที่กำลังสำรวจลูกชายหญิงของตน

“ฉันต้องการแยกออกมาจากบ้านมู่อย่างเด็ดขาด คุณทำให้ได้ไหม” ซูเหยาพูดพร้อมกับมองหน้าสามีในนามของตน     ที่ตอนนี้ได้ยืนขึ้นมาประสานสายตากับเธอแล้วอย่างหนักแน่น

“ผมเองก็เคยคิดจะแยกบ้านออกมาเหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เรายังไม่มีเงินซื้อที่ดินและเงินสำหรับสร้างบ้าน ไหนจะที่นาอีก ถ้าเราย้ายออกมาจะหาเงินที่ไหนไปเช่าที่ทำกินกัน”       มู่หานเขาพรั่งพรูคำพูดในสิ่งที่เขาเคยคิดเอาไว้ออกมา

“คุณตอบฉันได้ไหมตอนนี้ปีอะไร” ซูเหยาถามในสิ่งที่ตนสงสัย เนื่องจากในนิยายไม่ได้กล่าวเอาไว้ เธอรู้แต่เพียงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นโลกที่อ้างอิงมาจากเดิมเพียงเท่านั้น

“คุณเป็นอะไรไป ไม่ใช่ว่าโดนแม่และพี่สะใภ้ตีหัวหรอกนะแม้แต่วันเดือนปีก็หลงลืมเสียหมด ปีนี้เป็นปี 1965 ยังไงล่ะ” มู่หานบอกกับภรรยาสาวในนาม

ซูเหยาเมื่อได้ยินสิ่งที่มู่หานพูด เธอถึงกับอยากจะต่อว่าระบบเสียจริง ที่บังคับส่งเธอมาอยู่ในช่วงก่อนปีการปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงปีข้างหน้า

“ฉันมีเงิน คุณรีบไปขอซื้อที่ดินกับลุงผู้ใหญ่บ้านซะในตอนนี้และเรื่องที่ดินทำกินคุณไม่ต้องห่วง ฉันจะหาทางออกเอง”   ซูเหยาพูดขึ้นอย่างตัดสินใจเด็ดขาด

‘เรื่องที่ดินทำกินจะไปคิดมากทำไมล่ะ เพราะตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปหลังการปฏิวัติจะต้องทำงานร่วมกัน โดยไม่แบ่งที่ทำกินของใครเป็นของใคร และยังถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐอีก

สิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องแยกบ้านให้ได้ ไม่อย่างนั้นปีหน้าจะทำอะไรก็ลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้อย่างแน่นอน’   ซูเหยาพูดกับตนเองในใจ

มู่หานเมื่อเห็นว่าภรรยาของตนสีหน้าไม่สู้ดี ตัวเขาก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” มู่หานถามซูเหยาด้วยความเป็นห่วง

“นี่เงิน แล้วหล่อนจะต้องไม่ไปแจ้งทางการแล้วนะ” ฉินเจียวพูดพร้อมกับรีบส่งเงินไปที่ซูเหยาด้วยความโมโห

“ผู้ใหญ่บ้านคะ ครอบครัวของฉันต้องการแยกบ้านและตัดขาดออกจากบ้านมู่ค่ะ” ซูเหยาเมื่อเธอรับเงินมาแล้วจึงพูดออกมาเสียงดัง

“หล่อนอยากจะแยกบ้านอย่างนั้นเหรอ ก็ดีออกไปเลยแล้วอย่าซมซานกลับมากันนะ” เสียงพูดแหลมสูงของฉินเจียวดังขึ้น พร้อมกับทำหน้าเย้ยหยัน เพราะเธอคิดว่าคนพวกนี้จะต้องไม่มีที่ไปอย่างแน่นอน

“ไม่กลับอย่างแน่นอนค่ะ เพราะฉันจะให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ช่วยเป็นพยานในการตัดขาดครั้งนี้ด้วย” ซูเหยาก็พูดใส่หน้าแม่สามีอย่างหนักแน่น

“มู่หานว่ายังไง” ผู้ใหญ่บ้านฉีอันหันไปถามความเห็นของ    มู่หานที่ยืนนิ่งอยู่

“ตกลงครับ รบกวนลุงผู้ใหญ่ช่วยดูที่สำหรับปลูกบ้านให้ผมด้วย และก็ทำเรื่องหนังสือตัดขาดด้วยครับ” มู่หานพูดขึ้นหลังจากที่เขาตัดสินใจได้

‘ลองเชื่อใจซูเหยาดูสักครั้งก็แล้วกัน เพราะดูเหมือนว่าในตอนนี้เธอจะเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ’ มู่หานคิดกับตนเอง

“จิวเหลียน หล่อนไปตามคนที่บ้านมู่มาให้หมด เพราะเราจะตัดขาดกับพวกหมาตาขาวเหล่านี้ให้สิ้นซาก เป็นตายร้ายดีจะได้ไม่ต้องมายุ่งกัน

ฉันจะบอกให้แกรู้เอาไว้นะว่า แซ่มู่ของตระกูลฝั่งสามีฉันก็จะไม่ให้แกใช้ เพราะแกมันเป็นแค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น” ฉินเจียวพูดออกอย่างเย้ยหยัน

มู่หานที่เขาเองก็พอรู้และระแคะระคายเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กอยู่บ้าง เมื่อมาได้ยินความจริงในตอนนี้เขาถึงกับพูดไม่ออกและรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด

ตั้งแต่ยังเด็กเขาก็ทนความลำบากทุกอย่างเพื่อทำให้ทุกคนในครอบครัวได้กินอิ่ม นอนอุ่น ยกเว้นแต่ตัวเองที่ต้องไปนอนซุกกองฟางเก่าๆ กลิ่นอับชื้น หาของป่ากินไปวันๆ

“คุณไม่ต้องคิดมากไปหรอกค่ะ พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวของคุณก็จริง แต่ว่าคุณยังมีลูกอีกสองคนและฉันที่เป็นครอบครัวของคุณ พวกเราไปสร้างครอบครัวของเรากัน”     ซูเหยาพูดปลอบใจพระเอกของเรื่อง

มู่หานเมื่อเขาได้ยินถ้อยคำที่จริงใจของภรรยาและมองไปที่ลูกๆ ของตน เขาเองก็คิดตามและก็ได้คลายความเศร้าลง ‘ใครไม่ต้องการเขาก็ช่าง แต่เขายังมีลูกและเมียอยู่’

ตอนนี้ครอบครัวมู่ก็พากันมาครบทุกคนแล้ว นำโดยมู่จางที่เป็นเจ้าบ้านคนปัจจุบัน ซูเหยาเพิ่งจะได้เห็นคนที่เก็บมู่หานออกมาจากป่าก็วันนี้แหละ

“มู่หานลูกคิดดีแล้วอย่างนั้นเหรอ” มู่จางที่ยังคงมีความรักให้กับมู่หานอยู่บ้าง ถามออกมาอย่างเป็นกังวล

เขาเองก็รู้ถึงความผิดของตนเช่นกัน ที่ทำเป็นหลับหูหลับตามาตลอดปล่อยให้บ้านลูกชายคนรองถูกรังแกอยู่เสมอ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเป็นอาของมู่หานแท้ๆ

แต่เขาไม่สามารถดูแลลูกชายเพียงคนเดียวของพี่ชายตามที่รับปากเอาไว้กับพี่ชายได้เลย ตอนนี้เขาก็คงจะต้องบอกความจริงออกมาเสียแล้ว

“แซ่มู่ มู่หานจะยังคงใช้เหมือนเดิม” เสียงของมู่จางยังพูดไม่ทันจบ เสียงเล็กแหลมของฉินเจียวก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน

“ไม่ได้มันเป็นลูกที่คุณเก็บมาเลี้ยงนะ จะให้มันมาใช้แซ่ร่วมกับพวกเราทำไมกัน คนไม่มีญาติพี่น้องแบบมันจะเป็นลูกหลานโจรหรือเปล่าก็ไม่รู้”

เพี๊ยะ! ยังไม่ทันที่ฉินเจียวจะพูดจบฝ่ามือของมู่จางก็ตบลงบนใบหน้าของหล่อน ตอนนี้ฉินเจียวรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากที่สามีตบหน้าเธอต่อหน้าคนมากมาย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอน มู่หานฉันต้องการแยกออกจากบ้านมู่(2)

    “หล่อนเป็นบ้าหรือไง ฉันจะบอกว่าแท้จริงแล้วมู่หานเป็นหลานชายของฉัน เขาเป็นลูกของพี่มู่ไห่ พี่ชายของฉันที่ตรอมใจเพราะแม่ของมู่หานหนีไปต่างหาก” เสียงดังที่ออกมาจากปากของมู่จางทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับงุนงงในเรื่องนี้‘โอ้ ที่แท้เรื่องราวที่นักเขียนไม่ได้ระบุไว้กำลังจะถูกเปิดเผย’ ซูเหยาคิด และเธอรู้สึกว่ากำลังเป็นผู้ชมละครเรื่องหนึ่งที่มีปมอยู่แบบชิดขอบสนาม“คุณโกหก” ฉินเจียวเองก็ยังไม่ยอมแพ้ จึงได้แผดเสียงออกมา ถ้าเป็นเรื่องจริงการที่เธอถูกตบก็เพราะไปด่าบรรพบุรุษของเขาแน่ๆ“ไหนนายบอกว่ามู่ไห่กับครอบครัวไปทำงานที่เมืองหลวงไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันมากลายเป็นแบบนี้” ฉีอันเขาอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้จึงได้ถามออกมา“ทุกคนรู้ใช่ไหมว่าพี่ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนละหมู่บ้าน และตอนนั้นพี่มู่ไห่ก็ไปอยู่ที่นั่นโดยไม่ได้กลับมา มีอยู่วันหนึ่งได้มีคนมาบอกกับผมว่ามู่ไห่ต้องการพบ ผมก็เลยได้ตามชายคนนั้นไปและก็เห็นสภาพพี่ชายผมไม่สู้ดีนัก เขาได้ฝากเด็กที่เพิ่งจะเกิดได้ไม่กี่เดือนเอาไว้กับผม ซึ่งก็คือมู่หานนี่แหละตอนนั้นเขาไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องความอัปยศของตน เขาจึงบอกกับผมว่าให้บอกกับทุกคนว่าได้เก็บเด็กคนนี้มาเลี้

    Last Updated : 2025-04-05
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอน พาลูกและสามีกลับบ้านแม่(1)

    ทุกคนที่มามุงดูการชำแหละหมูในครั้งนี้ ก็ได้กลายเป็นว่าได้หันมาสนใจกับเรื่องครอบครัวบ้านมู่แทนเสียแล้ว พวกเขาถือว่าเรื่องชาวบ้านคือแหล่งของความบันเทิงชั้นดี“เอาล่ะ ทั้งสองฝ่ายก็มาปั๊มลายมือหรือลงลายมือชื่อได้” เสียงฉีอันที่ทำการเขียนหนังสือตัดขาดเรียบร้อยบอกกับทั้งสองฝ่ายตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็ได้หนังสือตัดขาดมาอยู่ในมือเรียบร้อย ซูเหยาได้อ่านตัวหนังสือออกมาเสียงดังฟังชัดว่าต่อไปนี้บ้านของมู่หาน รวมทั้งตัวคนในครอบครัวไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับคนบ้านใหญ่มู่ทุกคนหากมีใครมาละเมิดหรือกระทำการล่วงเกินครอบครัวของอีกฝ่าย ฝ่ายที่เสียหายสามารถแจ้งทางการได้ทันที ลงชื่อทั้งสองฝ่ายครบถ้วน พยานก็เป็นคนในหมู่บ้านที่เห็นเหตุการณ์ในวันนี้“มู่หานเราไปเก็บข้าวของกันเถอะ เด็กๆ ไปกัน น้าจะพาพวกหนูไปอยู่บ้านใหม่” ซูเหยาพูดกับมู่หาน แล้วนั่งยองๆ พูดกับเด็กน้อยที่มองเธอตาแป๋วตอนนี้เธอได้เอาหวีออกมารวบผมให้เด็กน้อย รวมถึงได้จัดการแต่งกายของทั้งสองให้เรียบร้อย ถึงแม้จะไม่ดูดีเหมือนเมื่อเช้าสักเท่าไร แต่ยังคงเรียบร้อยกว่าตอนมาที่แห่งนี้ในตอนแรก

    Last Updated : 2025-04-06
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   พาลูกและสามีกลับบ้านแม่(2)

    “แม่ครับผมกับพ่อกลับมาแล้ว” เสียงพี่ชายของซูเหยาร้องตะโกนอยู่หน้าบ้านทางซูเหยาและครอบครัวยังไม่ได้ตอบรับ ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นจากหน้าบ้าน ซูเหยาจำได้ว่าเป็นเสียงของหนึ่งในพี่ชายทั้งสาม“เดี๋ยวผมไปเปิดเองครับ” มู่หานพูด แล้วเขาก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกไป“สวัสดีครับทุกคน” มู่หานกล่าวทักทายทุกคนด้วยน้ำเสียงสุภาพสมาชิกในบ้านซูรู้สึกแปลกใจที่พวกเขาเห็นว่าคนมาเปิดประตูคือมู่หาน เขาจึงสงสัยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าหรือว่าเสี่ยวเหยาของพวกเขาก่อเรื่องอีก“อาเหยามาด้วยหรือเปล่า” ซูป๋อถามลูกเขย พร้อมกับที่เขาได้เดินนำทุกคนเข้าบ้านไป โดยไม่คิดจะฟังคำตอบของลูกเขยที่เขาเคยคัดค้านเรื่องการแต่งงาน“มาครับ อยู่ด้านใน” มู่หานที่เดินคู่กับพ่อตาตอบ พ่อและพี่ชายที่ได้ยินว่าน้องสาวของตนกลับมาด้วยก็ดีใจยกเว้นสะใภ้ทั้งสองของบ้าน สีหน้าดูไม่ดีนักที่รู้ว่าน้องสาวจอมแสบของสามีกลับมา แต่พวกเธอจะทำอะไรได้กันล่ะ ทั้งสองจึงได้หันหน้าเข้าหากันอย่างคนเข้าใจกันเพียงเท่านั้นซูเหยากับเด็กสอง

    Last Updated : 2025-04-06
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   มีคนเอาเงินมาให้ถึงหน้าบ้านก็รับสิค่ะจะรออะไร(2)

    อยู่หรือเปล่า เพราะตอนนี้มีคนต้องการซื้อ” ซูป๋อรีบถามลูกสาวออกมาด้วยความรีบร้อน“ห๊ะ! พ่อว่ามีคนมาขอซื้ออาหารเช้าของบ้านเราอย่างนั้นเหรอคะ อย่างนี้จะรออะไรล่ะคะ ก็ขายไปเลยสิคะพ่อ” ซูเหยาร้องขึ้นด้วยความตกใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอคิดว่ามีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้านก็ขายสิคะถูกไหมล่ะ“พ่อคะ พ่อไปบอกกับคนที่ต้องการซื้อว่าให้รอสักครู่นะคะรับรองหนูมีพอให้กับทุกคนแน่นอน” ซูเหยาพูดออกมาดีนะที่เธอมีมิติ เพราะมิติที่ว่าใจร้ายก็ยังใจดีกับเธอบ้าง เธอเพิ่งได้รู้จากเจ้าของเสียงไร้อารมณ์ในมิติว่า ถ้าเป็นของที่เธอลงมือทำเองจะสามารถเพิ่มได้จนถึงหนึ่งร้อยชิ้นโดยเธอต้องใส่สินค้าในตะกร้ารอขาย แล้วหลังจากนั้นก็กดเพิ่มจำนวนเอา แต่ได้เพียงอย่างละร้อยชิ้นต่อวันเท่านั้นซึ่งแค่นี้มันก็ดีมากแล้ว สำหรับการที่เธอจะต้องอยู่ในยุคที่อดอยากแบบตอนนี้ ที่กำลังจะเป็นปีอดอยากของแท้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าของจริงดังนั้นการขายอาหารเช้าหน้าบ้านจึงได้เกิดขึ้น โดยเธอได้สั่งให้มู่หานกับพี่ชายอีกสองคนไปช่วยกันยกโต๊ะ

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   มีคนเอาเงินมาให้ถึงหน้าบ้านก็รับสิค่ะจะรออะไร(1)

    “คุณ เรื่องที่ดินที่บ้านในหมู่บ้านตงไห่เป็นอย่างไรบ้างเรียบร้อยดีหรือเปล่าคะ” หว่านชิงถามกับสามีเมื่อได้อยู่ในห้องโถงของบ้าน หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว“เรียบร้อยคุณไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่ลูกของเราไปไหนอย่างนั้นเหรอ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก็หายไปเลย” ซูป๋อถามกับภรรยาถึงลูกสาว“ก็ไปคุยกับมู่หานยังไงล่ะคะ เพราะเรื่องที่ลูกเล่าให้เราฟังเธอยังไม่ได้บอกกับสามี” หว่านชิงได้ตอบข้อสงสัยของสามีออกมา“ฮ่าๆ นี่ก็แสดงว่าครอบครัวอย่างพวกเราสำคัญเป็นที่หนึ่งในใจลูกใช่ไหมที่รัก” ซูป๋อหัวเราะพร้อมกับหันไปถามกับภรรยาคู่ทุกข์ของตนเสียงหวานซึ่งก็ได้รับค้อนงามๆ จากภรรยาเข้าให้ เพราะพูดอะไรไม่รู้จักอายลูกและหลานที่ต่างหันมามองพวกเขา“เสี่ยวผิง เสี่ยวเฟย เอาขนมอีกไหม ป้าจะไปเอามาให้ หนูสองคนอยากกินอะไรบอกป้าทั้งสองคนได้เลยนะ” ฟางหรงและลี่มี่ถามเด็กน้อยที่นั่งเล่นอยู่กับตนด้วยความอ่อนโยน“ขอบคุณค่ะ/ครับ” เด็กน้อยได้แต่กล่าวขอบคุณออกมาเสียงเบา ด้วยความเขินอาย“เสี่ย

    Last Updated : 2025-04-07
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ปากหอยปากปู(1)

    กิจการค้าขายอาหารเช้าของบ้านซูที่ได้เกิดจากความไม่ตั้งใจเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นกิจการการค้าอย่างสมบูรณ์ไปแล้วโดยที่ซูเหยาก็ตั้งขายหน้าบ้านแม่ของตนนั่นแหละ เพราะยังไงก็มีคนสัญจรไปมาเยอะ และลูกค้าเองก็รู้แล้วว่าบ้านของเธอขายอะไร“วันนี้หลังจากขายของเสร็จ พวกเราก็ไปดูที่ดินในหมู่บ้านตงไห่กันเถอะ ว่าลูกต้องการสร้างบ้านแบบไหน แล้วจะล้อมกำแพงยังไง เพราะนี่ก็เดือนสิบเอ็ดแล้วหน้าหนาวแบบนี้คนว่างงานเยอะ พวกเราจะได้มีคนช่วยสร้าง จะได้เสร็จเร็วขึ้น” ซูป๋อพูดกับลูกสาวที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างขอความคิดเห็น“ตกลงค่ะ เราก็พากันไปทั้งหมดบ้านนี่แหละ เพราะของบ้านเราตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรเหลือให้กับคนที่คิดไม่ดีเข้ามาขโมยได้อยู่แล้ว” ซูเหยาพูดออกมาอย่างเห็นด้วยกับพ่อดังนั้นการจ้างเกวียนเดินทางเข้าหมู่บ้านตงไห่จึงเกิดขึ้นครอบครัวซูได้เหมาเกวียนถึงสองคันเลยทีเดียว ซูเหยาคิดว่ามันช่างไม่สะดวกเหมือนรถยนต์ในยุคปัจจุบันเลยแต่ว่าก็ยังดีกว่าเดินล่ะนะ ถ้าเดินก็คงเดินกันน่องโป่ง แต่ว่าเธอก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่วันแรกได้เดิน

    Last Updated : 2025-04-08
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ปากหอยปากปู(2)

    การกระทำของหว่านชิงก็ได้ทำให้ลูกสะใภ้ทั้งสองและลูกเขยต่างพากันงุนงงกับการกระทำเช่นนี้ เจ้าตัวเล็กสองคนเมื่อเห็นยายผู้ใจดีคำนับไปทางนั้นเด็กน้อยสองคนก็ทำตามเพราะพวกเขาคิดว่าจะต้องเกี่ยวกับน้าเหยาที่เป็นเทพธิดานางฟ้าอย่างแน่นอน ซูเหยาตัวต้นเรื่องก็ได้แต่ขอโทษแม่ของร่างนี้ในใจเมื่อเกวียนทั้งสองเล่มเดินไปไกลแล้ว มู่หานที่กำลังเหม่อมองเกวียนจากไป เมื่อเขาหันมาอีกทีก็ได้มีจักรยานมาจอดอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว“จะ..จักรยาน มาได้ยังไงครับ” มู่หานพูดตะกุกตะกัก ถามออกมาด้วยความสงสัยหน้าตาตื่น“คุณขี่ ฉันจะนั่ง เมื่อใกล้ถึงหมู่บ้านก็ค่อยจอด” ซูเหยาไม่คิดจะอธิบายอะไรให้กับมู่หานฟังทั้งสิ้น แต่เมื่อถูกถามก็ต้องตอบ“ฉันขอเจ้าแม่มาค่ะ คุณเชื่อไหม” ซูเหยาพูดออกมาอย่างใส่ซื่อ ตอนนี้มีอะไรก็อ้างชื่อเจ้าแม่ไปก่อนก็แล้วกัน“ช..เชื่อครับ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ เผื่อเจ้าแม่เปลี่ยนใจเอาจักรยานคืนคุณจะเหนื่อย” มู่หานรีบละล่ำละลักพูดกับภรรยาโดยซูเหยาได้เอาหมวกออกมาให้มู่หานและตัวเองใส่ด้วยเป็นหมวกที่มีผ้าโป

    Last Updated : 2025-04-08
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ต่างคนต่างความคิด(2)

    “นั่นพ่อจะไปไหน” มู่อันถามพ่อเมื่อเห็นว่าพ่อกำลังก้าวออกจากบ้าน“ไปช่วยมู่หานสร้างบ้านนะ ลูกจะไปด้วยกันไหม” มู่จางถามกับลูกชายคนเล็กเขารู้ดีว่ามู่อันกับมู่หานมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด และเจ้าลูกคนเล็กก็แอบช่วยหลานๆ เวลาที่ตนอยู่บ้าน“ไปครับ ผมจะชวนอาซิงไปด้วย” มู่อันตอบพ่อพร้อมกับเดินไปบอกภรรยาที่ทำงานตั้งแต่เช้ายังไม่ได้หยุดพักเขายืนมองร่างผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูกของภรรยาด้วยความสงสาร เขาอยากจะแยกบ้าน แต่ก็ยังเป็นห่วงพ่ออยู่ ก็เลยจำต้องทนอยู่แบบนี้“อาซิงเราไปช่วยพี่สามกันเถอะ” มู่อันเรียกภรรยาที่กำลังนั่งเหม่อเช็ดน้ำตาและเหงื่อ“ค่ะ” ซือซิงตอบรับน้ำเสียงแผ่วเบาทั้งสามก็ได้พากันเดินออกจากบ้าน โดยละเลยเสียงที่บ่นด่าตามหลังด้วยถ้อยคำแสนหยาบคายไม่น่าฟังเหล่านั้น“ปู่ อามู่อัน อาสะใภ้ สวัสดีครับ/ค่ะ” เสียงเล็กๆ ของเจ้าลูกชิ้นสองพี่น้องที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ทักทายผู้มาเยือนทั้งสามอย่างน่ารัก“หลานๆ สบายดีหรือเปล่า กินอิ่มนอนหลับกั

    Last Updated : 2025-04-09

Latest chapter

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่หก สามหนุ่มหล่อแห่งเมืองหลวงผู้แตกต่าง

    หนุ่มน้อยคนเล็กของครอบครัวเทียนที่ตอนนี้ได้ก้าวเท้าเข้าสู่การเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง คณะบริหารธุรกิจตามที่ตัวเองต้องการ เช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายคนโตของซูหลงที่ต้องการจะเป็นพ่อครัวอันดับหนึ่งตามรอยเท้าของคนเป็นพ่ออีกหนึ่งก็คือบุตรชายคนโตของครอบครัวเจียงสามที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่สมาชิกครอบครัวนี้ก็มีเพียงเจียงเจ๋อที่มีครอบครัว ซึ่งตอนนี้เจียงฮวนได้มีน้องสาวน้องชายมาเพิ่มอีกอย่างละหนึ่งทั้งสามคนมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ยังคงสนิทกัน เนื่องจากทั้งสามมีอายุไล่เลี่ยกันเกิดก่อนหลังห่างกันไม่มากทำให้ได้อยู่ปีเดียวกันเทียนหยุนนั้นเป็นเหมืนเมฆตามชื่อล่องลอยอย่างอิสระ แต่ในเรื่องความรับผิดชอบเขามีเต็มร้อยเนื่องจากได้รับการฝึกฝนมาจากผู้เป็นแม่และพ่อในการทำงานซูตงที่แม้จะมีบุคลิกหนาวเหน็บตามชื่อแต่เมื่อไหร่ที่ได้ทำอาหารหรือขนมชายหนุ่มผมยาวผู้นี้จะมีความอ่อนโยนดุจสายน้ำคนสุดท้ายเจียงฮวนชายหนุ่มผู้มีความนิ่งมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาก็มักจะทำตัวนิ่งอยู่เสมอต้นเสมอปลาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่ห้า สองพี่น้องผู้โดดเดี่ยว2

    ชายหนุ่มที่โดนหญิงสาวคนนี้กอดขาของตนเขาก็ตกใจ แต่เมื่อเห็นอาการอันสั่นเทาของหญิงสาวฮุ่ยหมิ่นก็รู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย ทำให้เขาก้มตัวลงไปจับไหล่บางของหญิงสาวด้วยมือทั้งสองข้าง“สหายตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” เสียงอันอ่อนโยนของชายหนุ่มปลอบหญิงสาวที่ยังไม่ยอมลืมตาด้วยความเห็นใจเมื่อหญิงสาวผมสั้นได้ยินเสียงอันทุ้มนุ่มที่อยู่เหนือศีรษะของตนหญิงสาวก็ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ พร้อมกับลืมตามองสิ่งที่ตัวเองกอดอยู่ก็เห็นเป็นกางเกงสีเขียวของทหารฉินเซียวซานเมื่อเห็นแบบนี้หล่อนจึงได้ผละตัวออกทันทีก่อนที่ตัวเองเกือบจะนั่งลงไปกับพื้นหิมะโชคดีที่ว่าชายหนุ่มจับไหล่ของเธอเอาไว้ ทำให้หล่อนไม่นั่งจ้ำเบ้าลงไปบนพื้นอันเย็นเฉียบ“สหายระวัง” ฮุ่ยหมิ่นกล่าวออกมาเสียงดังด้วยความตกใจที่หญิงคนนี้อยู่ ๆ ก็ผละออกจากเขากะทันหันหญิงสาวผมสั้นเมื่อได้ยินเสียงของคนพูดหล่อนจึงได้แหงนหน้าของตนมองขึ้นไปด้านบน ทำให้ดวงตากลมโตของเธอสบกับดวงตาเรียวคมดุของคนเบื้องหน้าที่กำลังมองเธออยู่เช่นกันในช่วงเวลาที่คนทั้งสองกำลังสบตากั

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่ห้า สองพี่น้องผู้โดดเดี่ยว1

    หิมะตกหนักท่ามกลางฤดูหนาวอันโหดร้ายของปีที่ภัยพิบัติได้มาเยือนในเขตภาคเหนือของประเทศทำให้ทหารต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อันห่างไกลการเดินทางไปช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้มู่ซือกับฮุ่ยหมิ่นที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปด้วยกันเป็นทีมแรก ท่ามกลางหิมะกองสูงพวกเขาจะต้องเดินฝ่าเพื่อไปยังหมู่บ้านเบื้องหน้าที่มีคนติดต่อมาว่าได้ถูกหิมะถล่มหลังคา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมากและยังมีอีกหลายชีวิตที่ติดอยู่ภายใต้ซากหลังคาที่ถล่มทำให้หน่วยงานของพวกเขาจำเป็นต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่การเดินทางฝ่าหิมะไม่ใช่เรื่องง่ายในระหว่างที่ทหารในกลุ่มของสองพี่น้องกำลังเดินทางพวกเขาก็ได้ยินเสียงของสุนัขป่าเห่ากรรโชกเสียงดังเหมือนข่มขู่อะไรบางอย่างด้านหน้าห่างจากพวกเขาไม่มากนัก ทำให้คนในกลุ่มพากันเร่งฝีเท้าของพวกตนให้เร็วขึ้น ท่ามกลางฝูงหมาป่าหกตัวที่ล้อมหญิงสาวสองคน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่สองพี่น้องย่อมจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี“เจินเจินพวกเราจะทำยังไงกันดีจะไปตามคนมาช่วยดันจะมากลายเป็นอาหารหมาป่าเข้าเสียได้” เสียงหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงกล่าวกับเพื

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สี่ กลิ่นคาวเลือดก่อเกิดรัก 2

    ภายนอกถ้ำที่โจรทั้งหกนั่งรอบกองไฟที่พวกมันก่อ บัดนี้ได้มีทหารกลุ่มหนึ่งกำลังโอบล้อมพวกมันตามที่เทียนเฉินได้คาดการณ์เอาไว้“ผู้กองหานพวกเราจะรอถึงเมื่อไหร่ครับ” มู่ซือถามกับครูฝึกของตนด้วยความร้อนใจ เนื่องจากเป็นห่วงน้องชายที่อาสาเป็นตัวประกัน“เกือบได้เวลาแล้วนายก็ใจเย็นลงสักหน่อยเถอะ นายต้องเชื่อใจเทียนเฉินสิ” คนที่เป็นทั้งครูฝึกและกำลังจะเป็นน้องเขยของคนตรงหน้ากล่าว“ผมทราบครับแต่นั่นน้องชายผมนะครับ หากผมใจร้อนป่านนี้ผมบุกเข้าไปแล้ว” คนเป็นว่าที่พี่เมียแย้งพวกเขาซุ่มดูพวกมันมาจะครึ่งคืนแล้วไม่เห็นวี่แววว่าโจรร้ายพวกนี้จะหลับสักที หานจ้านจึงได้นึกถึงสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำให้คนสลบออกมา“มู่ซือนายเอาเจ้านี่ไปเผาให้ควันไปทางพวกมันนะรับรองพวกมันหลับแน่ ไม่หลับก็อาจจะสะลึมสะลือใช้ระวังหน่อยก็แล้วกันผลงานน้องสาวนายเลยนะ” คนเป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจมู่ซือแม้อยากจะพูดอะไรแต่เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมดังนั้นเขาจึงได้นำสหายร่วมรบไปกับตนอีกสองคนเพื่อไปทำตามคำสั่ง

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สี่ กลิ่นคาวเลือดก่อเกิดรัก 1

    ยามเย็นย่ำท่ามกลางป่าใหญ่ที่ปราศจากเสียงร้องของสัตว์ เทียนเฉินผู้ที่ได้ปลอมตัวเป็นหนึ่งในตัวประกันที่ถูกผู้ร้ายค้าอาวุธเถื่อนจับตัวมาพร้อมกับกลุ่มคนอีกสี่คนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวใบหน้ากลมดวงตาเรียวเล็กอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เทียนเฉินคิดว่าเด็กคนนี้บางทีน่าจะเป็นเด็กวัยมัธยมที่ถูกเจ้าชั่วพวกนี้จับมา“ลูกพี่อีกนานไหมกว่านายใหญ่จะมา” เสียงของหนึ่งในพ่อค้าอาวุธดังขึ้นขัดความคิดของเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ตอนนี้แต่งตัวเหมือนคนทำงานในหน่วยงานวิจัยขององค์กรบางอย่างที่คนร้ายพวกนี้ต้องการตัว“นายก็รอหน่อยเถอะอีกไม่นานเจ้านายก็น่าจะมาแล้ว ว่าแต่ทำไมตัวประกันของเราถึงมีเด็กมาด้วยวะ” ชายหน้าบากที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ถามกับลูกน้องที่มีอาวุธปืนอยู่ในมือหลังจากที่มองไปยังหญิงสาวร่างเล็กใบหน้ากลม“ก็ฉันเห็นว่าหล่อนอยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนี้ก็เลยจับมาทั้งหมด แต่พี่ว่าหล่อนยังเป็นนักเรียนอยู่เหรอ หรือว่าจะปล่อยหล่อนไปเด็กขนาดนี้คงจะบอกตำรวจหรือทหารอะไรได้ไม่มากหรอก” คนพูดเป็นชายที่มีลูกสาวอยู่ในวัยมัธยมถามความเห็นกับลูกพี่ใหญ่“แกจะบ้าเหรอห

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สาม แม่คุณจะรับฉันได้จริง ๆ เหรอ 2

    มิเชลรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความฝันที่ไม่ใช่ความจริงหากเป็นความฝันหญิงสาวก็ไม่คิดอยากจะลืมตาตื่นชายหนุ่มที่ฉุดหญิงสาววิ่งมาไกลแล้วจึงได้รู้สึกเบาใจว่าไม่น่าจะมีคนตามพวกเขามาทัน เขาจึงได้ปล่อยข้อมือของหญิงสาวคนนี้ลง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หลังจากที่เขาปล่อยมือของตนแล้วชายหนุ่มก็มองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้แม้จะยังสวมแว่นตาอยู่แต่ด้วยการที่พวกเขาวิ่งกันมาไกลก็ยังพอเห็นใบหน้าอันแดงเรื่อจากแสงไฟทำให้ใบหน้านั้นดูน่ารักเทียนเฟยรู้สึกตกใจความคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อยนี่เขาชมคนอื่นนอกจากน้องสาวของตน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังรู้สึกเขินอายได้มองเห็นอาการเลิ่กลั่กของชายหนุ่มมาดนิ่งหล่อนก็หลุดยิ้มออกมาก่อนที่จะตอบชายที่อยู่ในความทรงจำออกไป“ฉันไม่เป็นไรค่ะแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยหอบตามที่ตนพูดไปจริง ๆ“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ คุณพักอยู่ที่ไหนให้ผมไปส่งเถอะผู้หญิงเดินคนเดียวยามค่ำคืนน่าเป็นห่วง” เทียนเฟยกล่าวตามที่ตัวเองรู้สึก“คือฉันพักอยู่ที่...มันจะสะดวกสำหรับพี่หรือเปล่าคะ” หล่อนแทนตัว

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สาม แม่คุณจะรับฉันได้จริง ๆ เหรอ 1

    “ผมขอโทษครับคุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” เสียงอันอ่อนนุ่มของเทียนเฟยกล่าวกับหญิงสาวผมทองร่างบางสวมแว่นตากรอบหนาออกมาอย่างรู้สึกผิด“ฉันเองก็ต้องขอโทษคุณเช่นกันที่เดินมาชนคุณก่อน” หญิงสาวคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความเสียใจไม่แพ้กันเทียนเฟยหลังจากที่เก็บหนังสือเรียนของตัวเองแล้ว เขาก็ได้มาช่วยหญิงสาวคนนี้เก็บของที่กระจัดกระจายเพื่อส่งคืนให้เจ้าของ“ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” หญิงสาวผมทองกล่าวตอบชายหนุ่มเสียงเบาด้วยความอาย“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ ถ้าหากว่าคุณไม่เป็นอะไรแล้วผมขอตัวก่อน” เทียนเฟยบอกกับหญิงสาวหลังจากที่เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วใกล้ถึงเวลาเรียนของตนหญิงสาวผมทองจึงได้แต่มองตามทุกการก้าวเดินของชายหนุ่มต่างสัญชาติด้วยความประทับใจ ที่คนผู้นั้นอาจจะจำหล่อนไม่ได้จากเหตุการณ์หลายวันก่อนที่เธอได้ถูกคนรังแกในขณะที่เธอกำลังจะตอบโต้คนพวกนั้น แต่ว่าได้มีชายหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วยเอาไว้ก่อนมิเชลไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้งด้วยความบังเอิญ เธอรู้ตัวเองดีว่าไม่เหมาะสมกับเขาไม่ว่าจะเป็นด้วยรูปลั

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สอง ผมชอบคุณ 2

    ส่วนมู่ฟางก็ได้เจอกับพี่ชายของตนที่มาพร้อมกับชายหนุ่มที่เธอเป็นคนตรวจร่างกายให้เป็นคนสุดท้ายก่อนพัก“สหายกับพี่ชายของฉันสนิทกันอย่างนั้นหรือคะถึงได้มาด้วยกัน” คนเป็นน้องสาวถามกับชายคนนี้ออกมาหลังจากที่เธอเดินมาหาพี่ชายของตนแล้ว“คือว่าใช่ครับพวกเราสนิทกันมาก” คนเป็นครูฝึกโอบไหล่นักเรียนของตนแน่นก่อนตอบหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของพี่ชาย ชื่อมู่ฟาง” หญิงสาวที่อายุน้อยกว่ากล่าวพร้อมก้มหัวของ ตนลงทางด้านเทียนเฉินที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับน้องสาวและว่าที่น้องเขย เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มมองไปทางพี่สาวพี่ชายอย่างอารมณ์ดี“พี่ชายฉันสงสัยอยู่เล็กน้อยทำไมสหายทหารถึงเรียกพี่มู่ฟางว่าพี่สะใภ้กันคะ” เทียนผิงที่รู้สึกสงสัยจึงได้ถามกับพี่ชายของตนออกมาตงหยางกับสหายที่นั่งอยู่ด้วยกันอีกสองคนที่กำลังกินข้าวอยู่แสดงสีหน้าประหลาดออกมาพลางเฉไฉทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนี้อย่างพร้อมเพรียง“คือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...” เทียนเฉินเอามือป้องปากกระซิบไปที่หูของน้องน้

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สอง ผมชอบคุณ 1

    ภายในโรงพยาบาลทหารที่เป็นสถานที่ทำงานของสองสาวเทียน มู่ ทั้งสองสาวต่างก็จัดว่าเป็นดอกไม้งามของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ทุกคนต่างก็เป็นที่รู้กันดีว่าคุณหมอเทียนผิงนั้นมีคู่หมายเป็นผู้กองหน้าน้ำแข็งประจำหน่วยพยัคฆ์ทำให้หล่อนหมดความสนใจจากทหารคนอื่นไปทั้งหมด ยกเว้นมู่ฟางที่มักมีทหารหนุ่มต่างหาคนมาเป็นแม่สื่อ เพื่อต้องการติดต่อกับหญิงสาว แต่หญิงสาวคนนี้ก็ถูกคนเป็นพี่ชายหวงอยู่ไม่น้อย“อาซือ นายว่าฉันเป็นคนยังไงพอจะเป็นน้องเขยของนายได้หรือเปล่า” หนึ่งในสหายร่วมรบถามขึ้นกับเพื่อนของตนหลังฝึกซ้อมช่วงเย็น“ฉันเห็นนะไม่สำคัญหรอกเพราะคนที่จะต้องตัดสินใจคือน้องสาวของฉัน นายก็เห็นว่าวัน ๆ น้องของฉันทำแต่งานเคยมองใครที่ไหนกัน” คนเป็นพี่ชายพูดแบ่งรับแบ่งสู้“นายหวงน้องสาวก็บอกมาเถอะ แต่ว่านายก็เห็นพวกเราอยู่ทุกวัน นายไม่เลือกหนึ่งในพวกเราเป็นน้องเขยจริง ๆ เหรอ” สหายอีกคนที่อยู่ด้วยกันกล่าวพร้อมเสนอตัวเอง“พวกพี่ชายก็อย่าตื้อพี่ซือมากเลยครับ พี่สาวฟางของผมยังไม่ชอบใครต่างหาก ถ้าหากว่าเธอถูกใจพวกพ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status