หน้าหลัก / ระบบ / ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย / มีคนเอาเงินมาให้ถึงหน้าบ้านก็รับสิค่ะจะรออะไร(2)

แชร์

มีคนเอาเงินมาให้ถึงหน้าบ้านก็รับสิค่ะจะรออะไร(2)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-07 20:30:15

อยู่หรือเปล่า เพราะตอนนี้มีคนต้องการซื้อ” ซูป๋อรีบถามลูกสาวออกมาด้วยความรีบร้อน

“ห๊ะ! พ่อว่ามีคนมาขอซื้ออาหารเช้าของบ้านเราอย่างนั้นเหรอคะ อย่างนี้จะรออะไรล่ะคะ ก็ขายไปเลยสิคะพ่อ”         ซูเหยาร้องขึ้นด้วยความตกใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอคิดว่ามีคนเอาเงินมาให้ถึงบ้านก็ขายสิคะถูกไหมล่ะ

“พ่อคะ พ่อไปบอกกับคนที่ต้องการซื้อว่าให้รอสักครู่นะคะรับรองหนูมีพอให้กับทุกคนแน่นอน” ซูเหยาพูดออกมา

ดีนะที่เธอมีมิติ เพราะมิติที่ว่าใจร้ายก็ยังใจดีกับเธอบ้าง เธอเพิ่งได้รู้จากเจ้าของเสียงไร้อารมณ์ในมิติว่า ถ้าเป็นของที่เธอลงมือทำเองจะสามารถเพิ่มได้จนถึงหนึ่งร้อยชิ้น

โดยเธอต้องใส่สินค้าในตะกร้ารอขาย แล้วหลังจากนั้นก็กดเพิ่มจำนวนเอา แต่ได้เพียงอย่างละร้อยชิ้นต่อวันเท่านั้น

ซึ่งแค่นี้มันก็ดีมากแล้ว สำหรับการที่เธอจะต้องอยู่ในยุคที่อดอยากแบบตอนนี้ ที่กำลังจะเป็นปีอดอยากของแท้ในอีกหนึ่งปีข้างหน้าของจริง

ดังนั้นการขายอาหารเช้าหน้าบ้านจึงได้เกิดขึ้น โดยเธอได้สั่งให้มู่หานกับพี่ชายอีกสองคนไปช่วยกันยกโต๊ะยาวออกมาหน้าบ้าน

ส่วนเธอกับแม่และพี่สะใภ้ทั้งสอง ก็มาช่วยกันยกลังนึ่งซาลาเปาและขนมจีบ ส่วนหม้อน้ำเต้าหู้ได้พ่อเป็นคนช่วยยกออกมาให้

‘ว่าแต่น้ำเต้าหู้จะใส่อะไรกัน’ ซูเหยานิ่งคิดไปสักพัก เธอไม่แน่ใจว่าในห้างของเธอมีร้านไหนได้ขายสินค้าเกี่ยวกับแก้วไม้หรือเปล่า ลองคิดดูก็ไม่เสียหายนี่นา

“อาเหยาละ..ลูกไปเอาแก้วไม้พวกนี้มาจากไหนกัน” หว่านชิงถามลูกสาวออกมาด้วยความตกใจ

“เจ้าแม่ซีหวังหมู่ท่านให้พรลูกมาค่ะ แต่ท่านให้ลูกต้องพยายามด้วยตัวเองก่อนถ้าขาดเหลือจริงๆ ค่อยขอพรจากท่าน” ซูเหยาตอบแม่ออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ฝ่ามือนั้นชื้นเหงื่อไปหมดแล้ว

‘แถคะ นังเหยางานนี้ต้องแถอย่างเดียว ต้องเอาตัวรอดให้ได้ หวังว่าแม่ของเธอจะไม่คิดว่าเธอเป็นแม่มดแล้วให้คนมาจับเธอไปเผาหรอกนะ’ ซูเหยาคิดอย่างเหงื่อตก

“ขอบคุณเจ้าแม่ ขอบคุณที่กรุณาครอบครัวของลูก” เสียงของหวานชิงที่หันไปทางทิศตะวันตกพูดขึ้นพร้อมกับก้มหัวคำนับเจ้าแม่ซีหวังหมู่ไปด้วย

‘รอดตัวไปแล้วนังเหยา ต่อไปนี้จะต้องระวังให้มากกว่านี้เสียแล้ว’ ซูเหยาอดพูดกับตัวเองออกมาอีกครั้งไม่ได้พร้อมกับปาดเหงื่อบนหน้าผากเนียนของตน

“แม่ พวกเรารีบกันเถอะค่ะ หนูได้ยินเสียงคนเริ่มดังขึ้นอีกครั้งแล้ว” ซูเหยารีบพูดกับแม่ของตนที่กำลังยืนสงบนิ่งด้วยความศรัทธาต่อเจ้าแม่อยู่อย่างนั้น

“ช่วยเข้าแถวกันด้วยนะครับ/คะ แบ่งเป็นสองแถวเลยค่ะ/ครับ” เสียงเด็กหญิงและเด็กชายตัวน้อยช่วยกันบอกผู้คนที่ต้องการซื้ออาหารเช้าแสนอร่อยของแม่เลี้ยงกันอย่างแข็งขัน

“โอ้เด็กน้อยช่างขยันและน่ารักเสียจริง” ชายร่างอ้วนที่ยืนด้านหน้าเป็นคนแรก พูดชมเจ้าเด็กน้อยแสนน่ารักที่ตนเห็น

“มาแล้วค่ะ อาหารเช้าแสนอร่อยของบ้านซู ที่ทุกท่านอยากลิ้มลอง วันนี้มีน้ำเต้าหู้ร้อนๆ ซึ่งเหมาะกับช่วงเวลาที่อากาศเริ่มเย็นแบบนี้

และหากท่านได้กินกับซาลาเปาขาวอวบนุ่มเข้าไปด้วยกัน หลังจากนั้นตบท้ายด้วยขนมจีบลูกโตสูตรลับเฉพาะของบ้านเรา

รับรองว่ามื้อเช้าของท่านจะเป็นมื้อที่พิเศษอย่างแน่นอน”    ซูเหยาพูดชวนเชื่อออกมา พร้อมกับเปิดหม้อของน้ำเต้าหู้และฝาลังนึ่งซาลาเปาออก

“โอ้หอมมาก” ชายอ้วนที่อยู่ด้านหน้ารีบสูดเอากลิ่นหอมของซาลาเปาเข้าปอดของตนทันที

“แม่ค้าอาหารพวกนี้ขายยังไง” ชายอ้วนถามกับซูเหยาด้วยความสุภาพ แม้เขาจะอยากกินมากแค่ไหน เขาก็ต้องเก็บอาการเอาไว้ก่อนเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาว

“ซาลาเปาไส้หมูสับเห็ดหอมลูกโตขายสองลูกหนึ่งเหมาค่ะ ขนมจีบสามลูกสองเหมา ส่วนน้ำเต้าหูขายแก้วละห้าเฟิน ถ้าครั้งต่อไปนำแก้วมาด้วย ก็เหลือสามเฟินค่ะ จะรับอะไรดีคะคุณลูกค้า” ซูเหยาถามกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงสุภาพไพเราะ

“ราคาพอสมเหตุสมผลอยู่ เพราะแรงงานขั้นต่ำทุกวันนี้ในเมืองตกวันละห้าเหมาต่อวันเพียงเท่านั้น ยกเว้นพวกคนทำงานประจำ จะอยู่ที่ยี่สิบหยวนต่อเดือน

ผมเอาซาลาเปาหกลูก ขนมจีบหกลูก น้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วเอามาลองกินดูก่อนครับ” ชายอ้วนสั่งกับแม่ค้าคนงาม ที่ตอนนี้ก็เริ่มหยิบของที่ลูกค้าส่งให้ทันที

ชายอ้วนรีบรับเอาของที่ถูกห่อกระดาษมาถือไว้พร้อมกับส่งเงินให้กับแม่ค้าคนงามตามราคาสินค้าที่ตนซื้อ

“รับเงินมาพอดีนะคะ ขอให้กินให้อร่อยค่ะ ลูกค้าท่านต่อไปเชิญค่ะ” เสียงหวานๆ ของซูเหยากล่าวขอบคุณลูกค้าพร้อมกับถามลูกค้าคนต่อไปทันที

ชายอ้วนเขาไม่ได้ไปไหนไกลจากแถวที่ยืนอยู่เลยสักนิดเพราะตอนนี้เขาได้หาที่วางห่อของกินในมือ พร้อมกับหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดเป็นคำแรก

“อร่อย นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว” ชายอ้วนพูดขึ้นมาอย่างเสียงดังหลังจากที่เขาได้กัดซาลาเปาคำแรกลงไป โดยที่มุมปากของเขายังมีความมันจากการกัดไส้ซาลาเปาที่อัดแน่นอยู่เลย

“โอ้ไส้แน่นมาก มีเห็ดหอมและต้อนหอมด้วย อืมราคานี้คุ้มแสนคุ้ม” ชายอ้วนพูดชมในสิ่งที่ตนกินเข้าไปออกมา หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เจ้าขนมจีบตรงหน้าว่ามันควรกินยังไง

“คุณลุงครับ ลุงต้องจิ้มกับซอสเปรี้ยวสีดำแบบนี้รับรองมันอร่อยมาก” เสี่ยวเฟยตัวน้อยเมื่อเห็นคุณลุงที่พูดชมเขากำลังมองขนมจีบอยู่ เขาก็เลยเดินเข้ามาบอกกับลุงด้วยความหวังดี

ชายอ้วนเมื่อได้ยินที่เด็กน้อยหน้าตาน่าเอ็นดูพูดแบบนี้ เขาก็เลยลองทำตาม หลังจากจิ้มซอสที่ว่าแล้ว เขาก็เอาสิ่งนี้เข้าปากคำโต และหลังจากที่ฟันของเขากัดกระทบเข้ากับขนมจีบ

เขาก็ได้รับรู้ถึงความชุ่มฉ่ำของน้ำที่หมักอยู่กับเนื้อที่ถูกแป้งบางได้ห่อหุ้มเอาไว้ เขาหลับตาค่อยๆ เคี้ยวสิ่งที่อยู่ในปากอย่างช้าๆ

“อร่อยมาก พ่อค้าน้อยไว้ลุงจะมาอุดหนุนหนูทุกวันเลยนะ” ชายอ้วนพูดกับเสี่ยวเฟย พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ และหลังจากที่เขากินซาลาเปากับขนมจีบเข้าไปอย่างละลูก ตอนนี้น้ำเต้าหูก็เริ่มอุ่นๆ ทำให้เขาดื่มมันได้ง่ายขึ้น

“โอ้ยเจ้าน้ำขาวนี่ก็อร่อยเหมือนกัน คนบ้านนี้ช่างน่าอิจฉาเสียจริง เอาล่ะพรุ่งนี้ผมจะมาอุดหนุนใหม่นะครับ ลุงไปก่อนนะ” ชายอ้วนเมื่อเขาได้กินสิ่งที่พอใจครบแล้ว เขาก็บอกลากับคนบ้านซูและเจ้าตัวน้อยเสี่ยวเฟย

ผู้คนที่ตอนแรกต่างลังเลในราคา ตอนนี้ก็ได้เลิกลังเลกันแล้วและก็หันมาสั่งอาหารเช้าตามชายอ้วนนั้นกันทุกคน

สมาชิกครอบครัวซูต่างก็ช่วยกันหยิบสินค้าที่ลูกค้าต้องการทันที จนลูกค้าคนสุดท้ายจากไป

ซูหลงก็เดินไปปิดประตู้หน้าบ้าน หลังจากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันคนละไม้ละมือล้างของเก็บของให้เรียบร้อย

ตอนนี้เหล่าสมาชิกทุกคนภายในบ้านได้มานั่งมองกองเงินที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาในวันนี้กันแล้ว ด้วยความทึ่งกับการขายของที่ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง

“วันนี้แค่ช่วงเวลาเช้า ยังไม่ถึงชั่วโมงเราขายได้เงินยี่สิบเอ็ดหยวนค่ะ” ซูเหยาเมื่อเธอนับเงินแล้วจึงพูดออกมาให้กับทุกคนได้ฟัง

คนในบ้านเมื่อได้ยินสิ่งที่ซูเหยาพูดเขาก็ตกใจออกมา ‘นี่มันเป็นรายได้ที่ได้มากกว่าแรงงานขั้นต่ำในเมืองตอนนี้เสียอีกลูก/น้องสาว/ภรรยา ของพวกเขาช่างเก่งกาจเสียจริง’ พวกเขาต่างก็คิดเหมือนๆ กัน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   มีคนเอาเงินมาให้ถึงหน้าบ้านก็รับสิค่ะจะรออะไร(1)

    “คุณ เรื่องที่ดินที่บ้านในหมู่บ้านตงไห่เป็นอย่างไรบ้างเรียบร้อยดีหรือเปล่าคะ” หว่านชิงถามกับสามีเมื่อได้อยู่ในห้องโถงของบ้าน หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว“เรียบร้อยคุณไม่ต้องเป็นห่วง ว่าแต่ลูกของเราไปไหนอย่างนั้นเหรอ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จก็หายไปเลย” ซูป๋อถามกับภรรยาถึงลูกสาว“ก็ไปคุยกับมู่หานยังไงล่ะคะ เพราะเรื่องที่ลูกเล่าให้เราฟังเธอยังไม่ได้บอกกับสามี” หว่านชิงได้ตอบข้อสงสัยของสามีออกมา“ฮ่าๆ นี่ก็แสดงว่าครอบครัวอย่างพวกเราสำคัญเป็นที่หนึ่งในใจลูกใช่ไหมที่รัก” ซูป๋อหัวเราะพร้อมกับหันไปถามกับภรรยาคู่ทุกข์ของตนเสียงหวานซึ่งก็ได้รับค้อนงามๆ จากภรรยาเข้าให้ เพราะพูดอะไรไม่รู้จักอายลูกและหลานที่ต่างหันมามองพวกเขา“เสี่ยวผิง เสี่ยวเฟย เอาขนมอีกไหม ป้าจะไปเอามาให้ หนูสองคนอยากกินอะไรบอกป้าทั้งสองคนได้เลยนะ” ฟางหรงและลี่มี่ถามเด็กน้อยที่นั่งเล่นอยู่กับตนด้วยความอ่อนโยน“ขอบคุณค่ะ/ครับ” เด็กน้อยได้แต่กล่าวขอบคุณออกมาเสียงเบา ด้วยความเขินอาย“เสี่ย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-07
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ปากหอยปากปู(1)

    กิจการค้าขายอาหารเช้าของบ้านซูที่ได้เกิดจากความไม่ตั้งใจเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นกิจการการค้าอย่างสมบูรณ์ไปแล้วโดยที่ซูเหยาก็ตั้งขายหน้าบ้านแม่ของตนนั่นแหละ เพราะยังไงก็มีคนสัญจรไปมาเยอะ และลูกค้าเองก็รู้แล้วว่าบ้านของเธอขายอะไร“วันนี้หลังจากขายของเสร็จ พวกเราก็ไปดูที่ดินในหมู่บ้านตงไห่กันเถอะ ว่าลูกต้องการสร้างบ้านแบบไหน แล้วจะล้อมกำแพงยังไง เพราะนี่ก็เดือนสิบเอ็ดแล้วหน้าหนาวแบบนี้คนว่างงานเยอะ พวกเราจะได้มีคนช่วยสร้าง จะได้เสร็จเร็วขึ้น” ซูป๋อพูดกับลูกสาวที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างขอความคิดเห็น“ตกลงค่ะ เราก็พากันไปทั้งหมดบ้านนี่แหละ เพราะของบ้านเราตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรเหลือให้กับคนที่คิดไม่ดีเข้ามาขโมยได้อยู่แล้ว” ซูเหยาพูดออกมาอย่างเห็นด้วยกับพ่อดังนั้นการจ้างเกวียนเดินทางเข้าหมู่บ้านตงไห่จึงเกิดขึ้นครอบครัวซูได้เหมาเกวียนถึงสองคันเลยทีเดียว ซูเหยาคิดว่ามันช่างไม่สะดวกเหมือนรถยนต์ในยุคปัจจุบันเลยแต่ว่าก็ยังดีกว่าเดินล่ะนะ ถ้าเดินก็คงเดินกันน่องโป่ง แต่ว่าเธอก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ที่วันแรกได้เดิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ปากหอยปากปู(2)

    การกระทำของหว่านชิงก็ได้ทำให้ลูกสะใภ้ทั้งสองและลูกเขยต่างพากันงุนงงกับการกระทำเช่นนี้ เจ้าตัวเล็กสองคนเมื่อเห็นยายผู้ใจดีคำนับไปทางนั้นเด็กน้อยสองคนก็ทำตามเพราะพวกเขาคิดว่าจะต้องเกี่ยวกับน้าเหยาที่เป็นเทพธิดานางฟ้าอย่างแน่นอน ซูเหยาตัวต้นเรื่องก็ได้แต่ขอโทษแม่ของร่างนี้ในใจเมื่อเกวียนทั้งสองเล่มเดินไปไกลแล้ว มู่หานที่กำลังเหม่อมองเกวียนจากไป เมื่อเขาหันมาอีกทีก็ได้มีจักรยานมาจอดอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว“จะ..จักรยาน มาได้ยังไงครับ” มู่หานพูดตะกุกตะกัก ถามออกมาด้วยความสงสัยหน้าตาตื่น“คุณขี่ ฉันจะนั่ง เมื่อใกล้ถึงหมู่บ้านก็ค่อยจอด” ซูเหยาไม่คิดจะอธิบายอะไรให้กับมู่หานฟังทั้งสิ้น แต่เมื่อถูกถามก็ต้องตอบ“ฉันขอเจ้าแม่มาค่ะ คุณเชื่อไหม” ซูเหยาพูดออกมาอย่างใส่ซื่อ ตอนนี้มีอะไรก็อ้างชื่อเจ้าแม่ไปก่อนก็แล้วกัน“ช..เชื่อครับ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ เผื่อเจ้าแม่เปลี่ยนใจเอาจักรยานคืนคุณจะเหนื่อย” มู่หานรีบละล่ำละลักพูดกับภรรยาโดยซูเหยาได้เอาหมวกออกมาให้มู่หานและตัวเองใส่ด้วยเป็นหมวกที่มีผ้าโป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-08
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ต่างคนต่างความคิด(2)

    “นั่นพ่อจะไปไหน” มู่อันถามพ่อเมื่อเห็นว่าพ่อกำลังก้าวออกจากบ้าน“ไปช่วยมู่หานสร้างบ้านนะ ลูกจะไปด้วยกันไหม” มู่จางถามกับลูกชายคนเล็กเขารู้ดีว่ามู่อันกับมู่หานมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด และเจ้าลูกคนเล็กก็แอบช่วยหลานๆ เวลาที่ตนอยู่บ้าน“ไปครับ ผมจะชวนอาซิงไปด้วย” มู่อันตอบพ่อพร้อมกับเดินไปบอกภรรยาที่ทำงานตั้งแต่เช้ายังไม่ได้หยุดพักเขายืนมองร่างผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูกของภรรยาด้วยความสงสาร เขาอยากจะแยกบ้าน แต่ก็ยังเป็นห่วงพ่ออยู่ ก็เลยจำต้องทนอยู่แบบนี้“อาซิงเราไปช่วยพี่สามกันเถอะ” มู่อันเรียกภรรยาที่กำลังนั่งเหม่อเช็ดน้ำตาและเหงื่อ“ค่ะ” ซือซิงตอบรับน้ำเสียงแผ่วเบาทั้งสามก็ได้พากันเดินออกจากบ้าน โดยละเลยเสียงที่บ่นด่าตามหลังด้วยถ้อยคำแสนหยาบคายไม่น่าฟังเหล่านั้น“ปู่ อามู่อัน อาสะใภ้ สวัสดีครับ/ค่ะ” เสียงเล็กๆ ของเจ้าลูกชิ้นสองพี่น้องที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ทักทายผู้มาเยือนทั้งสามอย่างน่ารัก“หลานๆ สบายดีหรือเปล่า กินอิ่มนอนหลับกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอน ต่างคนต่างความคิด(1)

    การกระทำของครอบครัวซูเหยา ทำให้คนในหมู่บ้านตงไห่ต่างพากันแปลกใจ กับการที่คนตระกูลนี้มาสร้างบ้านอยู่ที่นี่และสร้างเป็นบ้านดิน ไม่แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป ทั้งที่เขานั้นมีบ้านอยู่ใกล้กับตัวอำเภอกันอยู่แล้ว“ซูป๋อฉันถามนายจริงๆ เถอะ นึกยังไงถึงจะมาอยู่ในหมู่บ้านที่กันดารแบบนี้” ฉีอันถามกับซูป๋อซึ่งเป็นสหายเก่ากันมาก่อน“ฉันกับครอบครัวอยากย้ายมาอยู่ใกล้ๆ ลูกสาวเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก ส่วนบ้านในเมืองก็แค่ปิดไว้ชั่วคราว” ซูป๋อตอบออกมาตามที่ได้พูดคุยกับครอบครัวเอาไว้“และทำไมนายต้องสร้างบ้านดินเหมือนกับชาวบ้านเขาด้วย ครอบครัวนายเป็นช่างน่าจะทำบ้านที่ดีกว่านี้ได้นี่” ฉีอันที่ยังไม่หยุดความสงสัยถามออกมาอีก“ครอบครัวเราตกลงกันไว้ว่าอยากจะทำให้เหมือนกับชาวบ้านนะครับลุงฉี” เสียงซูเฉินพี่ชายคนโตของบ้านซูเป็นคนตอบ โดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสีเลยสักนิด‘โอ้การแสดงของคนบ้านนี้เยี่ยมยอดกันทุกคนเลยแฮะ’ ซูเหยาเมื่อได้ยินการพูดคุยของครอบครัวตัวเองกับผู้ใหญ่บ้านเธอถึงกับอึ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-09
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   การตัดสินใจของซือซิง(1)

    “มู่หาน คุณรีบพาพ่อสามีไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ ถ้าอาการท่านเป็นหนักมากกว่านี้จะยิ่งแย่เอาได้” ซูเหยาบอกกับสามีในนามด้วยความร้อนใจ“ตะ..แต่เราไม่มีเงินเลยครับ” มู่อันก้มหน้าพูดออกมาด้วยความละอายใจ ซือซิงที่เห็นท่าทางสามีแบบนี้ก็กุมมือของเขาเพื่อเป็นการปลอบโยน“คุณเอาเงินนี่ไป รีบพาท่านไปรักษา” ซูเหยาพูดขึ้นพร้อมกับยื่นถุงเงินของเธอให้กับมู่หาน“มันไม่มากเกินไปเหรอ” มู่หานเมื่อเปิดปากถุงเงินดู เขาถึงกับตกใจรีบถามละล่ำละลักกับซูเหยา“เอาไปเถอะ คุณจ้างเกวียนในหมู่บ้านไปได้เลย อะไรที่ควรจ่ายก็ต้องจ่ายอย่าได้คิดมาก เงินทองสำคัญก็จริง แต่ชีวิตคนสำคัญกว่าจำไว้” ซูเหยาพูดย้ำกับมู่หานออกมา เพราะเธอกลัวว่าเขาจะประหยัดไม่เข้าเรื่อง“น้องสามีไปด้วยก็แล้วกัน ส่วนน้องสะใภ้เข้าไปในครัวกับพี่เถอะ ไปกินข้าวไม่ต้องห่วงเขาทั้งสามหรอก” ซูเหยาพูดกับน้องสะใภ้ที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองอย่างลังเล“ไปค่ะคุณอา อาหารที่คุณยายและน้าเหยาทำอร่อยมากๆ” เจ้าตัวน้อยพูดขึ้นพร้อมจับมืออาสะใภ้เล็กขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   การตัดสินใจของซือซิง(2)

    “มันก็จริงนะ ว่าแต่พ่อคุณกับน้องชายไม่ได้กลับมาด้วยเหรอคะ” ซูเหยาถามสามีออกมาด้วยความสงสัย“ผมต้องขอบคุณ คุณมากๆ เลย ที่ให้เงินผมพาพ่อไปหาหมอตอนนี้พ่อต้องนอนอยู่โรงพยาบาล มู่อันก็เลยอาสาเฝ้าไข้ที่นั่นครับ” มู่หานกล่าวกับภรรยาออกมาด้วยความซึ้งใจในระหว่างที่สามีกับภรรยากำลังสนทนากันอยู่ด้านใน ด้านนอกห้องครัวก็ได้มีเสียงแหลมสูง ซึ่งซูเหยาจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร เธอจึงได้ดึงมือมู่หานเดินออกมาอย่างรวดเร็ว“นังสะใภ้ตัวดี แกคิดว่าหลบอยู่ที่นี่แล้วฉันจะลากแกกลับไปทำงานไม่ได้หรือไง” เสียงแหลมสูงของฉินเจียวพูดขึ้น พร้อมกับใช้นิ้วชี้หน้าซือซิงด้วยความโมโห“สะใภ้ใหญ่ไปลากตัวมันกลับบ้านไปทำงานเดี๋ยวนี้ มันอยู่ในบ้านมู่ก็ต้องทำงานให้บ้านมู่ จะมาหลบอู้อยู่ที่นี่ได้ยังไง” ฉินเจียวส่งเสียงแสดงความมีอำนาจของตนสั่งสะใภ้คนโปรด“หยุดเดี๋ยวนี้ หากใครเข้าไปใกล้น้องสะใภ้อีกก้าวเดียวอย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ” เสียงซูเหยาตะโกนขึ้นอย่างเสียงดัง (เอาเซ่คิดว่าเสียงดังเป็นคนเดียวหรือไง ว่าแล้วก็เริ่มจะเจ็บคอ)&ldqu

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-10
  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอน การตอบโต้ของสะใภ้ผู้ไร้เสียง(1)

    ค่ำคืนนั้นซือซิงเพิ่งจะได้รู้ว่าการนอนหลับอย่างเป็นสุขนั้นมีอยู่จริง โดยที่เธอยังไม่รู้ว่ายามเช้าหลังจากที่เธอลืมตาตื่น ไม่ทันที่ฟ้าจะสว่าง ได้มีมารมาผจญถึงหน้าบ้าน“ออกมาเดี๋ยวนี้นังสะใภ้ตัวดี หนอยแกกล้ามากเลยนะปีกกล้าขาแข็งนักใช่ไหม คอยดูฉันจะให้ลูกชายฉันหย่ากับแก ดูสิถ้าแกถูกหย่าแกจะถูกตราหน้าว่ายังไง” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของฉินเจียวดังแผดร้องอยู่ด้านนอกประตูบ้านซือซิงตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาเธอก็รู้สึกว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน และตอนนี้เธอได้ตื่นขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริงเสียแล้วซือซิงนั่งกอดผ้าห่ม โดยมือของเธอขยุ้มผ้าห่มจับแน่นอยู่ที่อกอย่างหวาดหวั่น ใบหน้าของเธอในยามนี้ไร้ซึ่งสีเลือดเพราะความวิตกเหงื่อมากมายไหลรินตั้งแต่หน้าผากไหลลงมาตามลำคอ ภายในเสื้อของเธอที่ทำมาจากผ้าป่าน ที่เก่าแล้วเก่าอีกเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ‘เธอควรจะทำอย่างไรดี ถึงจะหลีกเลี่ยงเสียงที่เธอได้ยินแบบนี้ได้กัน เธอไม่อยากกลับไปบ้านหลังนั้น ที่เป็นเหมือนนรกสำหรับเธออีกแล้ว’ ซือซิงคิดวนไปวนมาอย่างว้าวุ่นใจ‘วันนี้พี่อาจจะปกป้องเธอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11

บทล่าสุด

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่หก สามหนุ่มหล่อแห่งเมืองหลวงผู้แตกต่าง

    หนุ่มน้อยคนเล็กของครอบครัวเทียนที่ตอนนี้ได้ก้าวเท้าเข้าสู่การเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง คณะบริหารธุรกิจตามที่ตัวเองต้องการ เช่นเดียวกับชายหนุ่มผู้เป็นลูกชายคนโตของซูหลงที่ต้องการจะเป็นพ่อครัวอันดับหนึ่งตามรอยเท้าของคนเป็นพ่ออีกหนึ่งก็คือบุตรชายคนโตของครอบครัวเจียงสามที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่สมาชิกครอบครัวนี้ก็มีเพียงเจียงเจ๋อที่มีครอบครัว ซึ่งตอนนี้เจียงฮวนได้มีน้องสาวน้องชายมาเพิ่มอีกอย่างละหนึ่งทั้งสามคนมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแต่ก็ยังคงสนิทกัน เนื่องจากทั้งสามมีอายุไล่เลี่ยกันเกิดก่อนหลังห่างกันไม่มากทำให้ได้อยู่ปีเดียวกันเทียนหยุนนั้นเป็นเหมืนเมฆตามชื่อล่องลอยอย่างอิสระ แต่ในเรื่องความรับผิดชอบเขามีเต็มร้อยเนื่องจากได้รับการฝึกฝนมาจากผู้เป็นแม่และพ่อในการทำงานซูตงที่แม้จะมีบุคลิกหนาวเหน็บตามชื่อแต่เมื่อไหร่ที่ได้ทำอาหารหรือขนมชายหนุ่มผมยาวผู้นี้จะมีความอ่อนโยนดุจสายน้ำคนสุดท้ายเจียงฮวนชายหนุ่มผู้มีความนิ่งมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเขาก็มักจะทำตัวนิ่งอยู่เสมอต้นเสมอปลาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่ห้า สองพี่น้องผู้โดดเดี่ยว2

    ชายหนุ่มที่โดนหญิงสาวคนนี้กอดขาของตนเขาก็ตกใจ แต่เมื่อเห็นอาการอันสั่นเทาของหญิงสาวฮุ่ยหมิ่นก็รู้สึกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย ทำให้เขาก้มตัวลงไปจับไหล่บางของหญิงสาวด้วยมือทั้งสองข้าง“สหายตอนนี้คุณปลอดภัยแล้ว” เสียงอันอ่อนโยนของชายหนุ่มปลอบหญิงสาวที่ยังไม่ยอมลืมตาด้วยความเห็นใจเมื่อหญิงสาวผมสั้นได้ยินเสียงอันทุ้มนุ่มที่อยู่เหนือศีรษะของตนหญิงสาวก็ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ พร้อมกับลืมตามองสิ่งที่ตัวเองกอดอยู่ก็เห็นเป็นกางเกงสีเขียวของทหารฉินเซียวซานเมื่อเห็นแบบนี้หล่อนจึงได้ผละตัวออกทันทีก่อนที่ตัวเองเกือบจะนั่งลงไปกับพื้นหิมะโชคดีที่ว่าชายหนุ่มจับไหล่ของเธอเอาไว้ ทำให้หล่อนไม่นั่งจ้ำเบ้าลงไปบนพื้นอันเย็นเฉียบ“สหายระวัง” ฮุ่ยหมิ่นกล่าวออกมาเสียงดังด้วยความตกใจที่หญิงคนนี้อยู่ ๆ ก็ผละออกจากเขากะทันหันหญิงสาวผมสั้นเมื่อได้ยินเสียงของคนพูดหล่อนจึงได้แหงนหน้าของตนมองขึ้นไปด้านบน ทำให้ดวงตากลมโตของเธอสบกับดวงตาเรียวคมดุของคนเบื้องหน้าที่กำลังมองเธออยู่เช่นกันในช่วงเวลาที่คนทั้งสองกำลังสบตากั

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่ห้า สองพี่น้องผู้โดดเดี่ยว1

    หิมะตกหนักท่ามกลางฤดูหนาวอันโหดร้ายของปีที่ภัยพิบัติได้มาเยือนในเขตภาคเหนือของประเทศทำให้ทหารต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อันห่างไกลการเดินทางไปช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้มู่ซือกับฮุ่ยหมิ่นที่ได้เลื่อนตำแหน่งไปด้วยกันเป็นทีมแรก ท่ามกลางหิมะกองสูงพวกเขาจะต้องเดินฝ่าเพื่อไปยังหมู่บ้านเบื้องหน้าที่มีคนติดต่อมาว่าได้ถูกหิมะถล่มหลังคา ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บกันเป็นจำนวนมากและยังมีอีกหลายชีวิตที่ติดอยู่ภายใต้ซากหลังคาที่ถล่มทำให้หน่วยงานของพวกเขาจำเป็นต้องให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน แต่การเดินทางฝ่าหิมะไม่ใช่เรื่องง่ายในระหว่างที่ทหารในกลุ่มของสองพี่น้องกำลังเดินทางพวกเขาก็ได้ยินเสียงของสุนัขป่าเห่ากรรโชกเสียงดังเหมือนข่มขู่อะไรบางอย่างด้านหน้าห่างจากพวกเขาไม่มากนัก ทำให้คนในกลุ่มพากันเร่งฝีเท้าของพวกตนให้เร็วขึ้น ท่ามกลางฝูงหมาป่าหกตัวที่ล้อมหญิงสาวสองคน หนึ่งในนั้นเป็นคนที่สองพี่น้องย่อมจะต้องรู้จักเป็นอย่างดี“เจินเจินพวกเราจะทำยังไงกันดีจะไปตามคนมาช่วยดันจะมากลายเป็นอาหารหมาป่าเข้าเสียได้” เสียงหญิงสาวผมสั้นท่าทางทะมัดทะแมงกล่าวกับเพื

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สี่ กลิ่นคาวเลือดก่อเกิดรัก 2

    ภายนอกถ้ำที่โจรทั้งหกนั่งรอบกองไฟที่พวกมันก่อ บัดนี้ได้มีทหารกลุ่มหนึ่งกำลังโอบล้อมพวกมันตามที่เทียนเฉินได้คาดการณ์เอาไว้“ผู้กองหานพวกเราจะรอถึงเมื่อไหร่ครับ” มู่ซือถามกับครูฝึกของตนด้วยความร้อนใจ เนื่องจากเป็นห่วงน้องชายที่อาสาเป็นตัวประกัน“เกือบได้เวลาแล้วนายก็ใจเย็นลงสักหน่อยเถอะ นายต้องเชื่อใจเทียนเฉินสิ” คนที่เป็นทั้งครูฝึกและกำลังจะเป็นน้องเขยของคนตรงหน้ากล่าว“ผมทราบครับแต่นั่นน้องชายผมนะครับ หากผมใจร้อนป่านนี้ผมบุกเข้าไปแล้ว” คนเป็นว่าที่พี่เมียแย้งพวกเขาซุ่มดูพวกมันมาจะครึ่งคืนแล้วไม่เห็นวี่แววว่าโจรร้ายพวกนี้จะหลับสักที หานจ้านจึงได้นึกถึงสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำให้คนสลบออกมา“มู่ซือนายเอาเจ้านี่ไปเผาให้ควันไปทางพวกมันนะรับรองพวกมันหลับแน่ ไม่หลับก็อาจจะสะลึมสะลือใช้ระวังหน่อยก็แล้วกันผลงานน้องสาวนายเลยนะ” คนเป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจมู่ซือแม้อยากจะพูดอะไรแต่เวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมดังนั้นเขาจึงได้นำสหายร่วมรบไปกับตนอีกสองคนเพื่อไปทำตามคำสั่ง

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สี่ กลิ่นคาวเลือดก่อเกิดรัก 1

    ยามเย็นย่ำท่ามกลางป่าใหญ่ที่ปราศจากเสียงร้องของสัตว์ เทียนเฉินผู้ที่ได้ปลอมตัวเป็นหนึ่งในตัวประกันที่ถูกผู้ร้ายค้าอาวุธเถื่อนจับตัวมาพร้อมกับกลุ่มคนอีกสี่คนหนึ่งในนั้นมีหญิงสาวใบหน้ากลมดวงตาเรียวเล็กอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เทียนเฉินคิดว่าเด็กคนนี้บางทีน่าจะเป็นเด็กวัยมัธยมที่ถูกเจ้าชั่วพวกนี้จับมา“ลูกพี่อีกนานไหมกว่านายใหญ่จะมา” เสียงของหนึ่งในพ่อค้าอาวุธดังขึ้นขัดความคิดของเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ตอนนี้แต่งตัวเหมือนคนทำงานในหน่วยงานวิจัยขององค์กรบางอย่างที่คนร้ายพวกนี้ต้องการตัว“นายก็รอหน่อยเถอะอีกไม่นานเจ้านายก็น่าจะมาแล้ว ว่าแต่ทำไมตัวประกันของเราถึงมีเด็กมาด้วยวะ” ชายหน้าบากที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ถามกับลูกน้องที่มีอาวุธปืนอยู่ในมือหลังจากที่มองไปยังหญิงสาวร่างเล็กใบหน้ากลม“ก็ฉันเห็นว่าหล่อนอยู่กับเจ้าหน้าที่พวกนี้ก็เลยจับมาทั้งหมด แต่พี่ว่าหล่อนยังเป็นนักเรียนอยู่เหรอ หรือว่าจะปล่อยหล่อนไปเด็กขนาดนี้คงจะบอกตำรวจหรือทหารอะไรได้ไม่มากหรอก” คนพูดเป็นชายที่มีลูกสาวอยู่ในวัยมัธยมถามความเห็นกับลูกพี่ใหญ่“แกจะบ้าเหรอห

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สาม แม่คุณจะรับฉันได้จริง ๆ เหรอ 2

    มิเชลรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นความฝันที่ไม่ใช่ความจริงหากเป็นความฝันหญิงสาวก็ไม่คิดอยากจะลืมตาตื่นชายหนุ่มที่ฉุดหญิงสาววิ่งมาไกลแล้วจึงได้รู้สึกเบาใจว่าไม่น่าจะมีคนตามพวกเขามาทัน เขาจึงได้ปล่อยข้อมือของหญิงสาวคนนี้ลง“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หลังจากที่เขาปล่อยมือของตนแล้วชายหนุ่มก็มองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้แม้จะยังสวมแว่นตาอยู่แต่ด้วยการที่พวกเขาวิ่งกันมาไกลก็ยังพอเห็นใบหน้าอันแดงเรื่อจากแสงไฟทำให้ใบหน้านั้นดูน่ารักเทียนเฟยรู้สึกตกใจความคิดของตัวเองอยู่ไม่น้อยนี่เขาชมคนอื่นนอกจากน้องสาวของตน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังรู้สึกเขินอายได้มองเห็นอาการเลิ่กลั่กของชายหนุ่มมาดนิ่งหล่อนก็หลุดยิ้มออกมาก่อนที่จะตอบชายที่อยู่ในความทรงจำออกไป“ฉันไม่เป็นไรค่ะแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” หญิงสาวรู้สึกเหนื่อยหอบตามที่ตนพูดไปจริง ๆ“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ คุณพักอยู่ที่ไหนให้ผมไปส่งเถอะผู้หญิงเดินคนเดียวยามค่ำคืนน่าเป็นห่วง” เทียนเฟยกล่าวตามที่ตัวเองรู้สึก“คือฉันพักอยู่ที่...มันจะสะดวกสำหรับพี่หรือเปล่าคะ” หล่อนแทนตัว

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สาม แม่คุณจะรับฉันได้จริง ๆ เหรอ 1

    “ผมขอโทษครับคุณได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” เสียงอันอ่อนนุ่มของเทียนเฟยกล่าวกับหญิงสาวผมทองร่างบางสวมแว่นตากรอบหนาออกมาอย่างรู้สึกผิด“ฉันเองก็ต้องขอโทษคุณเช่นกันที่เดินมาชนคุณก่อน” หญิงสาวคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความเสียใจไม่แพ้กันเทียนเฟยหลังจากที่เก็บหนังสือเรียนของตัวเองแล้ว เขาก็ได้มาช่วยหญิงสาวคนนี้เก็บของที่กระจัดกระจายเพื่อส่งคืนให้เจ้าของ“ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” หญิงสาวผมทองกล่าวตอบชายหนุ่มเสียงเบาด้วยความอาย“ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ ถ้าหากว่าคุณไม่เป็นอะไรแล้วผมขอตัวก่อน” เทียนเฟยบอกกับหญิงสาวหลังจากที่เขาดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วใกล้ถึงเวลาเรียนของตนหญิงสาวผมทองจึงได้แต่มองตามทุกการก้าวเดินของชายหนุ่มต่างสัญชาติด้วยความประทับใจ ที่คนผู้นั้นอาจจะจำหล่อนไม่ได้จากเหตุการณ์หลายวันก่อนที่เธอได้ถูกคนรังแกในขณะที่เธอกำลังจะตอบโต้คนพวกนั้น แต่ว่าได้มีชายหนุ่มคนนี้เข้ามาช่วยเอาไว้ก่อนมิเชลไม่คาดคิดว่าวันนี้จะได้มาเจอกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้งด้วยความบังเอิญ เธอรู้ตัวเองดีว่าไม่เหมาะสมกับเขาไม่ว่าจะเป็นด้วยรูปลั

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สอง ผมชอบคุณ 2

    ส่วนมู่ฟางก็ได้เจอกับพี่ชายของตนที่มาพร้อมกับชายหนุ่มที่เธอเป็นคนตรวจร่างกายให้เป็นคนสุดท้ายก่อนพัก“สหายกับพี่ชายของฉันสนิทกันอย่างนั้นหรือคะถึงได้มาด้วยกัน” คนเป็นน้องสาวถามกับชายคนนี้ออกมาหลังจากที่เธอเดินมาหาพี่ชายของตนแล้ว“คือว่าใช่ครับพวกเราสนิทกันมาก” คนเป็นครูฝึกโอบไหล่นักเรียนของตนแน่นก่อนตอบหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม“ถ้าอย่างนั้นยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเป็นน้องสาวของพี่ชาย ชื่อมู่ฟาง” หญิงสาวที่อายุน้อยกว่ากล่าวพร้อมก้มหัวของ ตนลงทางด้านเทียนเฉินที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับน้องสาวและว่าที่น้องเขย เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มมองไปทางพี่สาวพี่ชายอย่างอารมณ์ดี“พี่ชายฉันสงสัยอยู่เล็กน้อยทำไมสหายทหารถึงเรียกพี่มู่ฟางว่าพี่สะใภ้กันคะ” เทียนผิงที่รู้สึกสงสัยจึงได้ถามกับพี่ชายของตนออกมาตงหยางกับสหายที่นั่งอยู่ด้วยกันอีกสองคนที่กำลังกินข้าวอยู่แสดงสีหน้าประหลาดออกมาพลางเฉไฉทำเป็นไม่ได้ยินคำถามนี้อย่างพร้อมเพรียง“คือว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...” เทียนเฉินเอามือป้องปากกระซิบไปที่หูของน้องน้

  • ซูเหยาเมื่อฉันกลายเป็นแม่เลี้ยงผู้โหดร้าย   ตอนพิเศษที่สอง ผมชอบคุณ 1

    ภายในโรงพยาบาลทหารที่เป็นสถานที่ทำงานของสองสาวเทียน มู่ ทั้งสองสาวต่างก็จัดว่าเป็นดอกไม้งามของโรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ทุกคนต่างก็เป็นที่รู้กันดีว่าคุณหมอเทียนผิงนั้นมีคู่หมายเป็นผู้กองหน้าน้ำแข็งประจำหน่วยพยัคฆ์ทำให้หล่อนหมดความสนใจจากทหารคนอื่นไปทั้งหมด ยกเว้นมู่ฟางที่มักมีทหารหนุ่มต่างหาคนมาเป็นแม่สื่อ เพื่อต้องการติดต่อกับหญิงสาว แต่หญิงสาวคนนี้ก็ถูกคนเป็นพี่ชายหวงอยู่ไม่น้อย“อาซือ นายว่าฉันเป็นคนยังไงพอจะเป็นน้องเขยของนายได้หรือเปล่า” หนึ่งในสหายร่วมรบถามขึ้นกับเพื่อนของตนหลังฝึกซ้อมช่วงเย็น“ฉันเห็นนะไม่สำคัญหรอกเพราะคนที่จะต้องตัดสินใจคือน้องสาวของฉัน นายก็เห็นว่าวัน ๆ น้องของฉันทำแต่งานเคยมองใครที่ไหนกัน” คนเป็นพี่ชายพูดแบ่งรับแบ่งสู้“นายหวงน้องสาวก็บอกมาเถอะ แต่ว่านายก็เห็นพวกเราอยู่ทุกวัน นายไม่เลือกหนึ่งในพวกเราเป็นน้องเขยจริง ๆ เหรอ” สหายอีกคนที่อยู่ด้วยกันกล่าวพร้อมเสนอตัวเอง“พวกพี่ชายก็อย่าตื้อพี่ซือมากเลยครับ พี่สาวฟางของผมยังไม่ชอบใครต่างหาก ถ้าหากว่าเธอถูกใจพวกพ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status