ซูเฉี่ยนเฉี่ยนสะกิดแขนของหลิวจิงจิงด้วยความกังวลใจ “พอแล้ว หยุดพูดได้แล้ว”หลิวจิงจิงไม่สนใจแต่เสิ่นม่านไม่ทันสังเกตถึงซูเฉี่ยนเฉี่ยนเลยสักนิด เธอเพียงแค่เห็นที่ว่างข้างหลังจึงจะเข้าไปจองที่ตรงนั้นไว้เท่านั้นจนกระทั่งเสิ่นม่านเดินมาตรงหน้าของทั้งสามคน เสิ่นม่านถึงจะสังเกตเห็นซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่หลิวจิงจิงลุกขึ้นพรวดอย่างฉับพลัน แล้วสกัดกั้นทางเดินของเสิ่นม่านไว้“ไม่ทราบว่าเรารู้จักกันเหรอคะ?”เสิ่นม่านเอ่ยยิ้มแย้มด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทว่าสายตากลับไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด“ฉันไม่มีทางรู้จักผู้หญิงขายตัวคนหนึ่งอยู่แล้ว แต่ว่าทุกคนน่าจะรู้จักมั้ง”หลิวจิงจิงตั้งใจพูดเสียงดังขึ้น เพื่อให้คนรอบๆ ได้ยินเรื่องบนบอร์ดประกาศเมื่อเช้านี้แพร่กระจายไปทั่ว คิดว่าคนครึ่งมหาวิทยาลัยคงรู้หมดแล้วเสิ่นม่านไม่ได้โกรธอะไร อยากจะรู้ว่าหลิวจิงจิงต้องการจะพูดอะไรกันแน่หลิวจิงจิงกล่าว “ฉันว่านะ คนที่ใช้หน้าตาเข้าประตูหลังอย่างเธอควรจะไสหัวออกจากมหาวิทยาลัยเอซะ! นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาเหยียบได้! อย่ามาทำให้มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียงเลย!”“นั่นน่ะสิ ถ้าเรื่องนี้ดังไปถึ
ฮั่วหยุนเซียวกวาดมองหลิวจิงจิงแวบหนึ่ง โดยไม่ปิดบังความรังเกียจและความไม่พอใจในสายตาเลยแม้แต่น้อยซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติรีบลุกขึ้น แล้วยืนขวางหน้าหลิวจิงจิง กล่าวว่า “คุณชายฮั่ว ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด จิงจิงไม่ได้มีเจตนาทำแบบนั้น!”“เธอมีสิทธิ์พูดตั้งแต่เมื่อไหร่?”ฮั่วหยุนเซียวไม่ไว้หน้าซูเฉี่ยนเฉี่ยนเลยสักนิดสีหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนขรึมลงเล็กน้อยความรักที่ฮั่วหยุนเซียวมีต่อเสิ่นม่านตกอยู่ในสายตาของฝูงชน ในสายตาของหลิวจิงจิงอดไม่ได้ที่จะอิจฉาริษยาขึ้นมา“แก แกใช้วิธีอะไรยั่วคุณชายฮั่ว ห๊ะ? คุณชายฮั่ว! คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นมือที่สามของคนอื่น! แถมยังแย่งแฟนชาวบ้านด้วย หล่อนมันผู้หญิงขายตัว!”หลิวจิงจิงพูดเสียงดังมาก ทำให้สายตาของฮั่วหยุนเซียวยิ่งเย็นชามากขึ้นหลิวจิงจิงถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้นจนตัวหนาวสั่น ฮั่วหยุนเซียวเอ่ยเสียงเรียบนิ่งว่า “ผมไม่เคยตบผู้หญิงมาก่อน แต่ถ้าคุณพูดอีกคำล่ะก็ ผมไม่ปล่อยไว้แน่”เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของหลิวจิงจิง เสิ่นม่านจึงเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า “ก่อนที่จะออกหน้าแทนคนอื่น ก็ช่วยเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงด้วย ไม่ใ
ซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้ยินดังนั้น ก็รีบอธิบายแก้ต่าง “หล่อนอาจจะจงใจทำให้สับสนก็ได้ ใครจะรู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่กันแน่ ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้แล้ว กินข้าวกันเถอะ”เมื่อได้ยินคำพูดของซูเฉี่ยนเฉี่ยนแล้ว หลิวจิงจิงถึงได้ระงับความสงสัยในใจไว้ทว่าหวังถิงที่อยู่ข้างๆ กลับจับผิดได้ เธอไม่ได้โง่เขลาเหมือนหลิวจิงจิงที่เชื่อคำพูดของซูเฉี่ยนเฉี่ยนทั้งหมดจากพฤติกรรมของซูเฉี่ยนเฉี่ยนเมื่อครู่นี้ หวังถิงก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติแล้ว“คืนนี้เราแอบตามผู้หญิงนั่นตามเดิมกันเถอะ”หวังถิงเอ่ยขึ้นอย่างเรียบนิ่ง“ใช่! แอบตามหล่อน ฉันจะต้องถ่ายหลักฐานธาตุแท้ของหล่อนมาให้ได้ ให้ฮั่วหยุนเซียวรู้ว่านังผู้หญิงนั่นไม่ใช่คนดีอะไร!”สีหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนดูไม่ดีกว่าเดิมเธอคิดว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นแล้ว หวังถิงกับหลิวจิงจิงจะล้มเลิกความตั้งใจซะอีกแต่ไม่คิดเลยว่าหวังถิงจะพูดถึงเรื่องแอบติดตามเสิ่นม่านอีก!“เฉี่ยนเฉี่ยน เธอจะไปกับเราด้วยใช่ไหม?”หวังถิงมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนอย่างลองใจซูเฉี่ยนเฉี่ยนเหยียดยิ้มอย่างฝืนๆ แล้วกล่าวว่า “แน่นอนสิ ฉันรับปากพวกเธอแล้ว ยังไงก็ต้องไปกับพวกเธออยู่แล้ว”เมื่อ
“ขอโทษด้วยครับ คนนอกจำเป็นต้องแสดงบัตรยืนยันตัวตนก่อน แล้วต้องให้เจ้าของอนุญาตด้วยตนเองถึงจะเข้าไปได้ครับ”ยามรักษาความปลอดภัยไม่คล้อยตามหลิวจิงจิงกล่าว “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามาหาเพื่อนก็ต้องยืนยันตัวตนด้วย ฉันบอกแล้วไงว่าคนเมื่อกี้คือเพื่อนของฉัน เราอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน!”“ขอโทษด้วยครับ รบกวนคุณช่วยติดต่อหาเจ้าของให้ติดต่อทางเรา ทางเราถึงจะปล่อยให้คุณเข้าไปได้ครับ”ยามรักษาความปลอดภัยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์นักคนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นเศรษฐีร่ำรวยและมีอำนาจทั้งนั้น แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยก็ตาดีกว่ายามทั่วไปด้วยหลิวจิงจิงโมโห แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายจึงทำได้เพียงถอยทัพอย่างช่วยไม่ได้ระหว่างทางกลับ ในที่สุดหวังถิงก็พูดความสงสัยของตนออกมา “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่? ฉันได้ยินมาว่าคนที่จะพักที่หมู่บ้านนั้นได้ล้วนแต่เป็นคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น หล่อน…เป็นคนขายตัวจริงเหรอ?”“หวังถิง เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ถ้าหล่อนไม่ใช่คนขายตัว แล้วจะเป็นคุณหนูเศรษฐีหรือไง? อย่ามาตลกหน่อยเลย คุณหนูเศรษฐีจะแย่งแฟนชาวบ้านเหรอ?”หลิวจิงจิงเหยียดหยามหวังถิงได้ยินหลิวจิ
วันต่อมาขณะที่ไปมหาวิทยาลัย ซูเฉี่ยนเฉี่ยนสวมชุดกระโปรงสีขาวยืนอยู่หน้าห้องเรียนคล้ายกำลังรอใครบางคนอยู่หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานแล้ว เสิ่นม่านไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนอีก ดังนั้นจึงตั้งใจจะเดินเข้าห้องเรียนไปเหมือนไม่เห็นหล่อน“พี่เสิ่น!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเรียกเสิ่นม่านเอาไว้เสิ่นม่านหยุดฝีเท้า แล้วมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนด้วยสายตาเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนกัดริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่ายากที่จะพูดออกมา“พี่เสิ่น เรื่องเมื่อวานต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก้มหน้าก้มตา กล่าว “ฉันไม่คิดว่าจิงจิงจะพูดแบบนั้นกับพี่ พวกหล่อนเข้าใจพี่ผิดไป”“เธอก็ด้วยเหรอ?”เสิ่นม่านอมยิ้มมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนราวกับมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้นซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบส่ายหัว “ฉันเปล่านะ! พี่เสิ่น ฉันจะคิดแบบนั้นกับพี่ได้ยังไง? เมื่อวานฉันห้ามพวกหล่อนตลอด ก็เพื่อที่จะอธิบาย…”เสิ่นม่านมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่แสดงละครได้สมบทบาทพลันรู้สึกน่าขันขึ้นมาเธออยากจะรู้จริงๆ ว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะพูดอะไรออกมาได้อีกเมื่อเห็นว่าเสิ่นม่านไม่พูดไม่จาสักที ซูเฉี่ยนเฉี่ยนจึงยื่นมือออกม
เมื่อเห็นถึงสายตาเชิงสงสัยของหวังถิงแล้ว สีหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนพลันแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ทว่าไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าน่าสงสาร “ถิงถิง ฉันจะโกหกเธอได้ยังไง ทำไมจู่ๆ เธอถึงถามฉันแบบนี้ล่ะ”หวังถิงเห็นว่าดวงตาของซูเฉี่ยนเฉี่ยนแดงก่ำจึงพูดได้แค่ว่า “ฉันแค่ถามไปงั้นน่ะ อย่าคิดมาก”เมื่อเห็นซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะร้องไห้แล้ว หวังถิงจึงจับมือซูเฉี่ยนเฉี่ยน แล้วพูดอย่างสนิทสนมว่า “เราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอห้ามโกหกพวกเราเด็ดขาดล่ะ”“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่มีทางโกหกพวกเธอแน่นอน”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพยักหน้าอย่างเรียบร้อย“ไปกันเถอะ เข้าเรียนกัน”หวังถิงจูงมือซูเฉี่ยนเฉี่ยนให้เข้าเรียน ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองหวังถิงที่อยู่ข้างหน้า ในใจเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างไรก็ตาม ก่อนเรียนจบต้องห้ามให้หวังถิงกับหลิวจิงจิงรู้ว่าเธอโกหกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอได้จบเห่แน่นอนชั้นบนบริเวณหน้าห้องเรียนของซูเฉี่ยนเฉี่ยนล้อมรอบไปด้วยผู้คน หลิวจิงจิงเองก็ชะเง้อมองไปทั่วสารทิศ แต่เพราะตัวเล็กจึงไม่สามารถเบียดเข้าไปได้“เกิดอะไรขึ้น?”หวังถิงเข้าไปถามหลิวจิงจิงเม้าท์มอย “ได้ข่าวว่าคณะกรรมการตรวจ
สองคนนี้สมองมีปัญหาหรือไงกัน?“ถ้าพวกเธอสองคนไม่ไป ฉันจะไปแล้วนะ!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนอยากจะหนีไป แต่ใครจะรู้ว่าขาหนึ่งเพิ่งจะก้าวออกไป ก็ได้ยินเสียงนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่หน้าห้องตะโกนขึ้น “ซูเฉี่ยนเฉี่ยน! คณะกรรมการตรวจสอบเรียกเธอ!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพลันตกใจวูบทันใดนั้นเอง คณะกรรมการตรวจสอบวินัยก็เดินออกมา แล้วชี้ไปยังแผ่นหลังของซูเฉี่ยนเฉี่ยน กล่าวว่า “เธอ หยุดก่อน”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนตัวแข็งทื่อพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวังขณะหันกลับไป “หนู…หนูเองค่ะ”“เธออยู่หอ 317 หรือเปล่า?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพยักหน้า ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามเรื่องนี้ทำไม“หลิวจิงจิงอยู่หอเดียวกับพวกเธอไหม?”“…ใช่ ใช่ค่ะ”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองไปยังหลิวจิงจิงที่อยู่ไม่ไกลโดยสัญชาตญาณหลิวจิงจิงตะลึงงัน คณะกรรมการเองก็มองไปที่เธอด้วย“เธอคือหลิวจิงจิงใช่ไหม?”หลิวจิงจิงพยักหน้าตัวแข็งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยก้มมองจดหมายฟ้องร้องในมือ แล้วกล่าวว่า “มีคนฟ้องร้องว่าเธอปล่อยข่าวลือเท็จในมหาวิทยาลัย ทำลายภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก และละเมิดชื่อเสียงของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งด้วย”กล่าวจบ คณะกรรมการตรวจส
“ถ้างั้นเป็นฝีมือใคร?”เสิ่นม่านขมวดคิ้วมุ่นถ้าบอกจะจัดการอีกฝ่าย ก็ควรจัดการซูเฉี่ยนเฉี่ยน แต่คนเบื้องหลังกลับจงใจโยนความผิดให้กับหลิวจิงจิง แต่สุดท้ายก็เหมือนไม่ไดทำอะไร เพราะหลิวจิงจิงก็แค่โดนตักเตือน ส่วนซูเฉี่ยนเฉี่ยนกลับไม่โดนอะไรเลยขณะเดียวกัน เสิ่นม่านก็เหลือบมองเห็นฟู่ฉือโจวที่คาบหมั่นโถวรูปดอกไม้พร้อมถือถาดอาหารเดินผ่านไปเสิ่นม่านยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อของฟู่ฉือโจวไว้ “หยุด!”ฟู่ฉือโจวหัวกลับไปถามด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน “ทำไม!”“ฝีมือนายเหรอ?”“ฝีมือฉันอะไร?”ฟู่ฉือโจวมึนงง“คณะกรรมการตรวจสอบวินัย”เสิ่นม่านเข้าประเด็นทันทีฟู่ฉือโจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฝีมือเซียวตั๋วหรือเปล่า?”“เซียวตั๋วจะยุ่งเรื่องนี้งั้นเหรอ?”เสิ่นม่านนึกถึงเหตุการณ์ใต้ตึกหมู่บ้านที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนทั้งสามคนไปหาวันนั้นไม่แน่อาจจะเป็นฝีมือของเซียวตั๋วจริงๆ ก็ได้แต่ทว่าขณะนี้ความสงสัยทั้งหมดทั้งมวลของเสิ่นม่านกลับถูกอีกคำถามหนึ่งแทนที “นายจนถึงขนาดต้องมีกินข้าวที่นี่แล้วเหรอ?”โรงอาหารทั่วไปของมหาวิทยาลัยเอดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสถานที่ที่ฟู่ฉือโจวจะมาได้“ประหยัดได้ก็ประหยัด”ฟู่ฉือโจวตอ