วันต่อมาขณะที่ไปมหาวิทยาลัย ซูเฉี่ยนเฉี่ยนสวมชุดกระโปรงสีขาวยืนอยู่หน้าห้องเรียนคล้ายกำลังรอใครบางคนอยู่หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานแล้ว เสิ่นม่านไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนอีก ดังนั้นจึงตั้งใจจะเดินเข้าห้องเรียนไปเหมือนไม่เห็นหล่อน“พี่เสิ่น!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเรียกเสิ่นม่านเอาไว้เสิ่นม่านหยุดฝีเท้า แล้วมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนด้วยสายตาเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนกัดริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่ายากที่จะพูดออกมา“พี่เสิ่น เรื่องเมื่อวานต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก้มหน้าก้มตา กล่าว “ฉันไม่คิดว่าจิงจิงจะพูดแบบนั้นกับพี่ พวกหล่อนเข้าใจพี่ผิดไป”“เธอก็ด้วยเหรอ?”เสิ่นม่านอมยิ้มมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนราวกับมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างไรอย่างนั้นซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบส่ายหัว “ฉันเปล่านะ! พี่เสิ่น ฉันจะคิดแบบนั้นกับพี่ได้ยังไง? เมื่อวานฉันห้ามพวกหล่อนตลอด ก็เพื่อที่จะอธิบาย…”เสิ่นม่านมองซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่แสดงละครได้สมบทบาทพลันรู้สึกน่าขันขึ้นมาเธออยากจะรู้จริงๆ ว่าซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะพูดอะไรออกมาได้อีกเมื่อเห็นว่าเสิ่นม่านไม่พูดไม่จาสักที ซูเฉี่ยนเฉี่ยนจึงยื่นมือออกม
เมื่อเห็นถึงสายตาเชิงสงสัยของหวังถิงแล้ว สีหน้าของซูเฉี่ยนเฉี่ยนพลันแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ทว่าไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าน่าสงสาร “ถิงถิง ฉันจะโกหกเธอได้ยังไง ทำไมจู่ๆ เธอถึงถามฉันแบบนี้ล่ะ”หวังถิงเห็นว่าดวงตาของซูเฉี่ยนเฉี่ยนแดงก่ำจึงพูดได้แค่ว่า “ฉันแค่ถามไปงั้นน่ะ อย่าคิดมาก”เมื่อเห็นซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะร้องไห้แล้ว หวังถิงจึงจับมือซูเฉี่ยนเฉี่ยน แล้วพูดอย่างสนิทสนมว่า “เราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอห้ามโกหกพวกเราเด็ดขาดล่ะ”“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่มีทางโกหกพวกเธอแน่นอน”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพยักหน้าอย่างเรียบร้อย“ไปกันเถอะ เข้าเรียนกัน”หวังถิงจูงมือซูเฉี่ยนเฉี่ยนให้เข้าเรียน ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองหวังถิงที่อยู่ข้างหน้า ในใจเต็มไปด้วยความกังวลใจอย่างไรก็ตาม ก่อนเรียนจบต้องห้ามให้หวังถิงกับหลิวจิงจิงรู้ว่าเธอโกหกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอได้จบเห่แน่นอนชั้นบนบริเวณหน้าห้องเรียนของซูเฉี่ยนเฉี่ยนล้อมรอบไปด้วยผู้คน หลิวจิงจิงเองก็ชะเง้อมองไปทั่วสารทิศ แต่เพราะตัวเล็กจึงไม่สามารถเบียดเข้าไปได้“เกิดอะไรขึ้น?”หวังถิงเข้าไปถามหลิวจิงจิงเม้าท์มอย “ได้ข่าวว่าคณะกรรมการตรวจ
สองคนนี้สมองมีปัญหาหรือไงกัน?“ถ้าพวกเธอสองคนไม่ไป ฉันจะไปแล้วนะ!”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนอยากจะหนีไป แต่ใครจะรู้ว่าขาหนึ่งเพิ่งจะก้าวออกไป ก็ได้ยินเสียงนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่หน้าห้องตะโกนขึ้น “ซูเฉี่ยนเฉี่ยน! คณะกรรมการตรวจสอบเรียกเธอ!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพลันตกใจวูบทันใดนั้นเอง คณะกรรมการตรวจสอบวินัยก็เดินออกมา แล้วชี้ไปยังแผ่นหลังของซูเฉี่ยนเฉี่ยน กล่าวว่า “เธอ หยุดก่อน”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนตัวแข็งทื่อพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวังขณะหันกลับไป “หนู…หนูเองค่ะ”“เธออยู่หอ 317 หรือเปล่า?”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนพยักหน้า ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายถามเรื่องนี้ทำไม“หลิวจิงจิงอยู่หอเดียวกับพวกเธอไหม?”“…ใช่ ใช่ค่ะ”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองไปยังหลิวจิงจิงที่อยู่ไม่ไกลโดยสัญชาตญาณหลิวจิงจิงตะลึงงัน คณะกรรมการเองก็มองไปที่เธอด้วย“เธอคือหลิวจิงจิงใช่ไหม?”หลิวจิงจิงพยักหน้าตัวแข็งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยก้มมองจดหมายฟ้องร้องในมือ แล้วกล่าวว่า “มีคนฟ้องร้องว่าเธอปล่อยข่าวลือเท็จในมหาวิทยาลัย ทำลายภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างมาก และละเมิดชื่อเสียงของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งด้วย”กล่าวจบ คณะกรรมการตรวจส
“ถ้างั้นเป็นฝีมือใคร?”เสิ่นม่านขมวดคิ้วมุ่นถ้าบอกจะจัดการอีกฝ่าย ก็ควรจัดการซูเฉี่ยนเฉี่ยน แต่คนเบื้องหลังกลับจงใจโยนความผิดให้กับหลิวจิงจิง แต่สุดท้ายก็เหมือนไม่ไดทำอะไร เพราะหลิวจิงจิงก็แค่โดนตักเตือน ส่วนซูเฉี่ยนเฉี่ยนกลับไม่โดนอะไรเลยขณะเดียวกัน เสิ่นม่านก็เหลือบมองเห็นฟู่ฉือโจวที่คาบหมั่นโถวรูปดอกไม้พร้อมถือถาดอาหารเดินผ่านไปเสิ่นม่านยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อของฟู่ฉือโจวไว้ “หยุด!”ฟู่ฉือโจวหัวกลับไปถามด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน “ทำไม!”“ฝีมือนายเหรอ?”“ฝีมือฉันอะไร?”ฟู่ฉือโจวมึนงง“คณะกรรมการตรวจสอบวินัย”เสิ่นม่านเข้าประเด็นทันทีฟู่ฉือโจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฝีมือเซียวตั๋วหรือเปล่า?”“เซียวตั๋วจะยุ่งเรื่องนี้งั้นเหรอ?”เสิ่นม่านนึกถึงเหตุการณ์ใต้ตึกหมู่บ้านที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนทั้งสามคนไปหาวันนั้นไม่แน่อาจจะเป็นฝีมือของเซียวตั๋วจริงๆ ก็ได้แต่ทว่าขณะนี้ความสงสัยทั้งหมดทั้งมวลของเสิ่นม่านกลับถูกอีกคำถามหนึ่งแทนที “นายจนถึงขนาดต้องมีกินข้าวที่นี่แล้วเหรอ?”โรงอาหารทั่วไปของมหาวิทยาลัยเอดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสถานที่ที่ฟู่ฉือโจวจะมาได้“ประหยัดได้ก็ประหยัด”ฟู่ฉือโจวตอ
เสิ่นม่านพยักหน้า ก่อนหน้านี้ตอนที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนคุกเข่าต่อเธอก็พูดแบบนั้น“หล่อนไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?”ฟู่ฉือโจวถามด้วยความสงสัย“ฉันจะรู้ได้ไง?”“ถ้างั้นหล่อนมีแฟนอยู่แล้วยังจะรังควานป๋อซือเหยียนอีก ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดานะเนี่ย!”ฟู่ฉือโจวรู้สึกรังเกียจต่อพฤติกรรมของผู้หญิงแบบนี้มาก“คำพูดของหล่อนเป็นคำพูดที่พูดให้คนอื่นฟังอยู่แล้ว ยังไงฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าหล่อนจะคบผู้ชายคนอื่นนอกจากป๋อซือเหยียน”เสิ่นม่านวางตะเกียบลงพร้อมเก็บจานตรงหน้า “ฉันกินเสร็จแล้ว พวกนายตามสบายเลยนะ”กล่าวจบ เสิ่นม่านพลันลุกขึ้นกำลังจะเดินจากไปฮั่วหยุนเซียวเองก็เก็บจาน แล้วกล่าวว่า “ฉันก็เสร็จแล้วเหมือนกัน”ฟู่ฉือโจวยัดหมั่นโถวรูปดอกไม้เข้าปาก “รอฉันด้วยสิ!”พลบค่ำ ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองดูผลคะแนนสุ่มสอบในห้องเรียนครั้งล่าสุดอยู่ที่หอพัก หัวใจพลันกระตุกไปทีหนึ่งผลคะแนนของเธอดีมาโดยตลอด แต่กลับลดลงฮวบในการสอบครั้งนี้เพื่อนร่วมหอพักที่เห็นผลคะแนนแล้วก็อดไม่ได้ตะลึงงัน “เฉี่ยนเฉี่ยน เธอ…ทำไมเธอตกไปอยู่อันดับเก้าได้ล่ะ แต่ก่อนเธอได้ที่หนึ่งตลอดไม่เคยตกอันดับขนาดนี้เลยนี่”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเก็บผลคะแนนอย่า
ซูเฉี่ยนเฉี่ยนกำลังจะอธิบาย ทว่าป๋อซือเหยียนกลับพูดขึ้น “คุณมีพรสวรรค์มากก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะละเลยการเรียนแบบนี้ได้”“ขอโทษค่ะ ฉัน…”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว ทว่าครั้งนี้ป๋อซือเหยียนตั้งใจจะไม่ใจอ่อน“คุณน่าจะรู้กฎระเบียบของมหาวิทยาลัยเอดี ถ้าครั้งหน้าผลคะแนนของคุณยังตกเยอะขนาดนี้ แล้วยังต่ำกว่าท็อปสิบอีก คุณจะหลุดจากทุนการศึกษาทันที และคุณจะต้องรับผิดชอบค่าเทอมเองทั้งหมด”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรู้กฎนี้ดี แต่เธอไม่คิดว่าคำพูดนี้จะออกจากปากของป๋อซือเหยียนซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองป๋อซือเหยียนอย่างอ้ำอึ้ง สติหลุดไปชั่วขณะป๋อซือเหยียนพูดชัดเจนมากจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไรแล้ว ถ้าหากผลคะแนนของเธอยังตกฮวบต่อไปอีก เช่นนั้นป๋อซือเหยียนจะไม่สนับสนุนเธออีก และจะไม่ช่วยให้เธอได้เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเออีกต่อไป ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง“ประธานป๋อ ฉันสำนึกผิดแล้วค่ะ ต่อไปจะไม่มีอีก”ซูเฉี่ยนเฉี่ยนรีบยอมจำนนค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เธอใช้สอยในมหาวิทยาลัยเอล้วนคิดบัญชีกับป๋อซือเหยียนทั้งนั้น แถมป๋อซือเหยียนยังให้ค่าขนมเธออีกเดือนละห้าหมื่นบาทด้วย! เพื่อที่เธอจะได้ตั้งใ
“ต้องสงสัยว่าเธอมีชู้ข้างนอกแน่ๆ! ผู้ชายแบบนี้ใจแคบ คบไม่ได้”เจียงฉินเช็ดปาก แล้วกล่าวว่า “เลิกกับเขาเลยดีกว่า แต่งงานกับคนใหม่เถอะ!”“จะแต่งกับใครล่ะ?”“ฉันว่าน้องชายฉันก็ไม่แย่นะ หรือว่าเธอสองคนจะลองคบกันดู?”เจียงฉินพูดจาตรงไปตรงมา ทำเอาเสิ่นม่านแทบจะสำลักชานมออกมา “ช่างเถอะ ไม่เหมาะหรอก”“ไม่เหมาะตรงไหน? น้องฉันไม่หล่อเหรอ? หล่อกว่าป๋อซือเหยียนตั้งเยอะ!”“ฉันไม่ได้บอกว่าไม่หล่อสักหน่อย”“หรือจะเป็นเรื่องเงินเรื่องอำนาจ ก็เทียบเท่าอยู่ดี!”“ไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”เสิ่นม่านส่ายศีรษะ “เรื่องความรู้สึกน่ะ ใช่ว่าจะมีก็มีได้”“จบละ ถ้างั้นน้องฉันคงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ”เจียงฉินทำท่าเสียใจ แล้วถามว่า “ถ้างั้นเธอคิดยังไงกับน้องฉันล่ะ? ชอบ หรือว่าไม่ชอบ?”“ไม่ถึงกับชอบ แต่ก็ไม่เกลียด แถมยังรู้สึกว่าเขาไม่เลวด้วย”เจียงฉินพยักหน้าถ้างั้นก็ยังมีโอกาส!ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าของเจียงฉินกะพริบไปทีหนึ่ง บนหน้าจอแสดงว่ากำลังสนทนากับ ‘น้องชาย’ อยู่เซียวตั๋วที่อยู่อีกฝั่งตัดสาย แล้วขมวดคิ้วมุ่นฟู่ฉือโจวกำลังนั่งสูดเส้นบะหมี่หอยหวานอยู่ข้างๆ ถามว่า “ทำหน้าแค้นฝังหุ่นขนาดน
พบว่ามีทุเรียนลูกใหญ่ที่ถูกแกะเป็นรอยแล้ววางเรียงกันในกล่องทั้งหมดหกลูก หลังจากเปิดกล่องก็ได้กลิ่นหอมเจือเหม็นลอยฟุ้งออกมาทันที“แม่เจ้า ใครมันว่างส่งทุเรียนมาให้เธอลังหนึ่งเนี่ย?”เจียงฉินรีบหยิบทุเรียนออกมาลูกหนึ่ง แล้วสูดดมกลิ่นใกล้ๆ จากนั้นก็เอ่ยชื่นชมว่า “ทุเรียนนี้กลิ่นดีจริงๆ!”หลังจากนั้น เจียงฉินก็มองไปยังพนักงานขนส่งพัสดุ แล้วถามว่า “ใครส่งมาเหรอ?”พนักงานส่งของตอบ “คุณผู้ชายคนหนึ่งส่งมาครับ”“คุณผู้ชาย?”เจียงฉินหันกลับไปถามเสิ่นม่าน “ทำไม? มีหนุ่มอื่นตามจีบอีกเหรอ?”เสิ่นม่านส่ายหน้าเธอไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนส่งทุเรียนนี้มาชาติก่อน ผู้ชายที่ยุ่งเกี่ยวกับเธอมีไม่มากนัก ตั้งแต่ที่แต่งงานกับป๋อซือเหยียน ก็ยิ่งไม่ติดต่อกับเพศตรงข้ามอีกเลยยิ่งไปกว่านั้น ใครอยู่ดีไม่ว่าดีส่งทุเรียนมาให้เยอะขนาดนี้กัน?“จึๆ ส่งทุเรียนมาให้สาว ไม่รู้ผู้ชายนั่นคิดอะไรอยู่ โง่หรือโง่เนี่ย!”เจียงฉินกล่าว “น้องชายฉันดีที่สุดละ น้องฉันไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้แน่!”ไม่ทันรอให้เสิ่นม่านปริปาก ก็มีเสียงเรียกเขาจากเซียวตั๋วทันที“ฮัลโหล?”“ได้รับของหรือยัง?”เสียงเซียวตั๋วฟังดูนิ่งขร