Share

บทที่ 0007

เมื่อดูจากการแสดงออกของป๋อซือเหยียน เหมือนเขาจะรู้ว่าที่ดินแปลงนี้จะขายได้ราคาสูง

เพียงแต่ป๋อซือเหยียนเลือกที่จะไม่ซื้อที่ดินนั้น เขาเลือกที่จะให้สตีเวนประมูลที่ไปเพื่อแสดงน้ำใจ

นี่ดูเหมือนจะเป็นสไตล์ของป๋อซือเหยียน

เสิ่นม่านพูดอย่างจริงจัง “ฉันแค่พูดเยินยอนิดหน่อยเอง นายคิดมากไปแล้ว”

ป๋อซือเหยียนขมวดคิ้ว ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงคำพูดของเสิ่นม่านว่าเธอพูดจริงหรือพูดเล่น

แต่ด้วยมันสมองของเสิ่นม่าน ทำไมเธอถึงรู้มูลค่าที่ดินแปลงนี้ในอนาคตข้างหน้า

ป๋อซือเหยียนรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป

“แต่ก็ดี”

ป๋อซือเหยียนไม่สนใจเสิ่นม่านมากนัก แต่กลับพาซูเฉี่ยนเฉี่ยนไปพบปะทำความรู้จักกับคนอื่น

ก่อนที่ซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะเดินจากไป เธอเหลือบมองเสิ่นม่านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขอโทษ

แม้ว่าสายตาของซูเฉี่ยนเฉี่ยนจะซ่อนมันเอาไว้ แต่เสิ่นม่านก็ยังมองออกว่าในสายตาของเฉี่ยนเฉี่ยนซ่อนอยยิ้มแห่งชัยชนะเอาไว้

เสิ่นม่านเงยหน้าขึ้นและดื่มแชมเปญหนึ่งแก้ว

ในสายตาของคนนอก ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงขี้แพ้ที่ถูกคนอื่นแย่งสามีไป

สามีของเธอไม่เพียงแต่ทิ้งภรรยาที่เพิ่งแต่งงานไปกับผู้หญิงอีกคน แต่ยังพาผู้หญิงคนนี้ไปพบกับหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย จะยังมีใครที่ดูเหมือนตัวตลกไปมากกว่าเธออีก?

เสิ่นม่านรู้สึกหดหู่ เดิมทีเธอวางแผนที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจรายใหญ่เหล่านั้นมากขึ้น แต่เมื่อป๋อซือเหยียนจากไปเช่นนี้ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเข้าใกล้คนเหล่านั้น

จะทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงผู้ประกอบการเหล่านั้นโดยที่ไม่อยู่จงใจเกินไปได้?

เสิ่นม่านกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และสายตาของเธอก็มองไปที่เปียโนที่อยู่ไม่ไกล

เสิ่นม่านยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย

มีแล้ว!

เสิ่นม่านเดินไปที่ข้างๆเปียโนด้วยย่างก้าวอันสง่างาม เธอทักทายนักเปียโนคนเดิมสั้นๆ จากนั้นจึงนั่งลง

ในฐานะลูกสาวของตระกูลเสิ่น เธอต้องเรียนรู้มากมายตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก แต่ในอดีตชาติ เธอไม่ได้ใช้ประโยชน์กับสิ่งที่เธอเรียนมา คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ใช้มันในงานนี้

เสิ่นม่านไม่ได้สัมผัสเปียโนมาเป็นเวลานานแล้ว เธอรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่ความเคยชินนั้นเปลี่ยนแปลงได้ยาก

ในไม่ช้า เสียงเปียโนก็เริ่มบรรเลงขึ้นด้วยเทคนิคของเสิ่นม่าน และทันใดนั้นภายในงานเลี้ยงก็มีเสียงเพลงเปียโนอันไพเราะก็ดังขึ้นมา ซึ่งเข้ากับบรรยากาศในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ทุกคนต่างดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงเปียโนที่จู่ๆก็ดังขึ้นมา

ทุกคนก็มองไปในทิศทางของเสียงเพลง และหลังจากจบเพลง ก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา

ซูเฉี่ยนเฉี่ยนเห็นว่าป๋อซือเหยียนหยุดพูดคุยกับนักธุรกิจ และจับตาดูเสิ่นม่าน ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ตั้งใจพูดขึ้นมาว่า “พี่สาวเสิ่นเก่งจัง เล่นเปียโนได้ด้วย”

“ท้ายที่สุด เธอก็สอบผ่านเปียโนระดับสิบมาแล้ว”

ป๋อซือเหยียนกล่าวอย่างใจเย็น

ในพวกเขาเหล่านี้ มีจำนวนหลายคนที่สามารถเล่นเปียโนได้ และเป็นเรื่องปกติที่จะสิบผ่านระดับสิบได้ อาจกล่าวได้ว่าทุกคนที่นี่เข้าใจในด้านดนตรี การได้รับเสียงปรบมือมากมายเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าฝีมือทางด้านดนตรีของเสิ่นม่านนั้นไม่ธรรมดา

เปียโนระดับสิบ ออกมาจากปากของป๋อซือเหยียนเบา ๆ

จากนั้นซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ตระหนักได้ถึงความแตกต่างระหว่างเธอกับเสิ่นม่าน

เดิมทีเธอคิดว่าเสิ่นม่านแค่โชคดีที่มีชีวิตที่ดี และมีหน้าตาสวยงาม แต่นั่นมันก็ไร้ประโยชน์

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด!

และมันก็ผิดอย่างร้ายแรง!

ทันทีที่เสิ่นม่านเล่นเพลงจบ ผู้หญิงที่ดูดีร่ำรวยมีฐานะหลายคนก็เข้ามาคุยกับเธอ

แม้ว่าจะไม่สามารถเข้าไปพูดคุยกับนักธุรกิจรายใหญ่เหล่านั้นโดยตรงได้ แต่มันจะง่ายขึ้นในการติดต่อกับพวกเขาผ่านทางภรรยาของพวกเขา

“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูเสิ่นม่านจะเป็นคนที่มีความสามารถแบบนี้ เล่นได้ไม่เลวเลย”

ฟู่ฉือโจวยืนพิงอยู่ตรงราวจับของทางเดิน

“ใช่ ไม่เลวเลยจริงๆ”

เซียวตั๋วก็เห็นด้วย

“ไอคนที่แยกแยะเสียงสูงต่ำของดนตรีไม่ได้แบบนายนี่เข้าใจดนตรีด้วยเหรอ?”

“ไม่เข้าใจหรอก แต่ผมแค่ชอบ”

เซียวตั๋วไม่เข้าใจดนตรี เขาแค่ชอบเพราะคนเล่นดนตรีเป็นเสิ่นม่าน ดังนั้นเธอจึงดูแตกต่างออกไปเป็นพิเศษ

ระหว่างทางที่เสิ่นม่านไปห้องน้ำ เมื่อเดินถึงมุมเลี้ยว เธอก็ถูกมือปริศนาดึงเข้าไปที่มุมลับตาคน เสิ่นม่านต้องการร้องขอความช่วยเหลือโดยไม่รู้ตัว แต่ปากของเธอถูกอุดไว้โดยชายที่อยู่ข้างหลังเธอ

“อย่าขยับ”

ชายคนนั้นลดเสียงลง

เมื่อรู้สึกถึงหน้าอกที่ร้อนผ่าวที่อยู่ข้างหลัง เสิ่นม่านจึงปรับการหายใจ จากนั้นก็กัดไปที่ซอกนิ้วมือของชายคนนั้น

“โอ้ย!”

ชายคนนั้นหายใจออกมาด้วยความเจ็บปวด

“กัดจริงเรอะ?”

ชายคนนั้นปล่อยเสิ่นม่านไป

เสิ่นม่านออกห่างจากชายคนนั้นทันที เมื่อเธอพบว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร เธอก็มองเขาด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง “เซียวตั๋ว?”

“ไม่งั้นเธอคิดว่าเป็นใครหละ?”

“คุณทำอะไรลับๆล่อๆ?”

“ผมแอบเข้ามา กลัวคนอื่นจะเห็น”

“คุณล้อเล่นหรือเปล่า? คุณท่านเซียวคือ....”

เสิ่นม่านกำลังจะพูออกไป แต่กลับถูกเซียวตั๋วปิดปากทันที

เซียวตั๋วขมวดคิ้ว “อืม? ทำไหมเหรอ?”

เมื่อเห็นการแสดงออกของเซียวตั๋ว เสิ่นม่านก็มองออกไปอย่างรู้สึกผิด

ในอดีตชาติ คุณท่านเซียวทิ้งทรัพย์สินทั้งหมดของเขาให้กับเซียวตั๋วหลังจากตายไป เธอก็เพิ่งมารู้เรื่องนี้ในภายหลัง

แต่ปัจจุบันนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าเซียวตั่วเป็นหลานชายของคุณท่านเซียว

“ฉันหมายความว่า นายท่านเซียวใจดีกับผู้คน ยังไงซะ คุณก็เป็นคนที่มีอำนาจในธุรกิจต่างประเทศ แม้ว่าคุณจะแอบเข้ามา ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรหรอก”

“อาจจะ แต่ผมเป็นคนชอบระวังไว้ก่อน”

เสิ่นม่านพูดว่า “คุณอย่าบอกนะ ว่าคุณแอบเข้ามาเพื่อพูดสิ่งเหล่านี้กับฉัน”

เธอไม่คิดว่าเซียวตั๋วจะน่าเบื่อขนาดนี้

“อันนี้ให้คุณ”

เซียวตั๋วมอบสัญญาในมือของเขาให้กับเสิ่นม่าน

เสิ่นม่านก้มลงไปดูและเห็นว่ามีข้อความเขียนไว้ว่าเป็นสัญญาของเธอสำหรับเงินกู้สี่หมื่นล้านบาท

“เพื่อสิ่งนี้เหรอ?”

เซียวตั๋วพยักหน้า

“น่าเบื่อ”

เสิ่นม่านเซ็นชื่อ แล้วเอาใบสัญญาโยนไปให้เซียวตั๋ว

แอบเข้ามากลางดึกเพื่อมาให้เสิ่นม่านเซ็นสัญญา แล้วยังจะมาอยู่ตรงหน้าห้องน้ำผู้หญิงอีก!

“ในฐานะเจ้าหนี้ของคุณ ผมขอถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม?”

“ถามมาสิ”

“ทำไมคุณถึงใช้เงินถึงห้าหมื่นล้านเพื่อซื้อที่ดินนั้น”

เสียงของเซียวตั๋วต่ำลง และมีกลิ่นอายของความสับสนอยู่เล็กน้อย ทำให้เธอต้องตอบคำถามของเขา

เสิ่นม่านเม้มริมฝีปากของเธอ

“ฉันยังบอกคุณไม่ได้”

“แล้วถ้าผมต้องรู้ให้ได้หละ?”

เซียวตั๋วดูออกว่าเสิ่นม่านซื้อที่ดินนี้มาเพราะมีแผนอื่นอยู่

แต่เขามองไม่ออกที่ดินผืนนั้นจะมีตรงไหนที่จะมีมูลค่าถึงห้าหมื่นล้าน

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการซื้อขายที่สูญเปล่า แต่ในสายตาของเสิ่นม่าน เขารู้สึกว่าที่ดินนี้จะมีมูลค่ามากกว่าห้าหมื่นล้านในอนาคต

“ถ้าฉันบอกคุณว่าที่ดินนี้จะมีมูลค่ามหาศาลในอีกครึ่งปี คุณจะเชื่อไหม?”

“ไม่เชื่อ”

อย่างน้อยเขาก็ยังไม่เห็นวี่แววในตอนนี่

“แล้วถ้าฉันบอกว่า อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์รอบๆที่ดินรกร้างนั่นกำลังจะขายเร็วๆนี้หละ?”

“อสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์คืออะไร”

เซียวตั๋วขมวดคิ้ว

ทำไมเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?

“อีกไม่นานคุณก็จะรู้”

เสิ่นม่านยิ้ม จากนั้นก็เดินไปเลี่ยงเซียวตั๋วแล้วเข้าไปในห้องน้ำ

เซียวตั๋วขมวดคิ้วเดินไปที่ห้องห้องโถง ฟู่ฉือโจวถามว่า “เซ็นเสร็จแล้วเหรอ?”

“อืม”

“ทำไมขมวดคิ้วทำหน้าบูดแบบนั้นหละ?”

“ที่ดินที่เสิ่นม่านซื้อไปมีอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์อยู่รอบๆหรือเปล่า?”

“ไม่มีนะ”

“ไปสืบหามา ว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินรอบๆที่ดินร้างนั้น ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี”

“รอบๆที่ดินร้างนั้นเป็นพื้นที่บำบัดน้ำเสีย ไม่มีอะไรให้ตรวจสอบด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์หรอก ขนาดแค่สนามบาสเก็ตบอลก็ไม่มีใครสร้างหรอก”

เซียวตั๋วตกตะลึง “พื้นที่บำบัดน้ำเสียเหรอ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status