Share

บทที่ 0009

ตามไทม์ไลน์แล้ว หลังจากนี้อีกสามปีและหลังจากที่คุณท่านเซียวเสียชีวิตลง ตัวตนของเซียวตั๋วจึงจะถูกป่าวประกาศต่อสาธารณชน

หรือว่าเป็นเพราะการเกิดใหม่ของเธอ ทำให้ทุกอย่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ?

ณ เวลานี้ ซูเฉี่ยนเฉี่ยนถึงกับหน้าซีดจากคำพูดประโยคเดียวของคุณท่านเซียว

ไม่ได้ลือกันว่าเซียวตั๋วเป็นเด็กกำพร้าหรอกเหรอ? ทำไมถึงกลายเป็นหลานชายของคุณท่านเซียวได้?

งั้นที่เธอพูดไปเมื่อครู่ คุณท่านเซียวก็ได้ยินหมดแล้วหนะสิ?

เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าหากมีเรื่องล่วงเกินกับคุณท่านเซียวแล้ว ในชาตินี้ก็หยุดคิดที่จะหาช่องทางเจริญในโลกแห่งการเงินได้เลย

คิดถึงตรงจุดนี้ ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางป๋อซือเหยียน

“คุณท่านเซียวครับ เฉี่ยนเฉี่ยนแค่เผลอพูดไปโดยไม่ได้คิด เป็นเพราะเธอยังเด็กอยู่ ได้โปรดอย่าไปถือสาเธอเลยนะครับ”

คุณท่านเซียวทำได้แค่ถอนหายใจระบายความโกรธทางจมูก “ตอนแรกได้ยินว่าประธานป๋อมีอัจฉริยะในกิจการนี้ ตอนนี้ดูแล้วก็ไม่เท่าไหร่นะ”

ซูเฉี่ยนเฉี่ยนหน้าซีดกว่าเดิม

เห็นได้ชัดว่า ซูเฉี่ยนเฉี่ยนได้สูญเสียความรู้สึกประทับใจดีๆกับคุณท่านเซียวไปหมดแล้ว

เสิ่นม่านจ้องมองฉากนี้

เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ครั้งนี้ ต่อให้ป๋อซือเหยียนเอ่ยปากพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ ว่าหลานชายของเขาขนาดนั้น เขาไม่ไล่ออกจากงานไปเลยก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติมากแล้ว

ป๋อซือเหยียนเม้มริมฝีปาก ไม่เอ่ยปากพูดอะไรอีก

แต่เมื่อคุณท่านเซียวสบตาเข้ากับเสิ่นม่าน ก็มีความอ่อนโยนขึ้นมาก “หนูคือลูกสาวของตระกูลเสิ่นสินะ”

เสิ่นม่านหลุดจากห้วงความคิด พบว่าเป็นคุณท่านเซียวกำลังชวนเธอคุยอยู่ เธอพยักหน้าตอบรับ “หนูชื่อเสิ่นม่านค่ะ”

“ตาเฒ่าเสิ่นตอนเป็นหนุ่มหน้าตาก็ออกจะธรรมดา ทำไมมีหลานสาวหน้าตาสะสวยเสียจริง เมื่อสี่สิบปีก่อน ฉันและปู่ของหนูยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ดูสิผ่านไปแป๊บเดียว หนูก็โตเป็นสาวแล้ว”

พี่น้องร่วมสาบาน?

ในความทรงจำของเสิ่นม่าน คุณปู่มักจะทำตัวเหมือคนโง่ ไม่เคยถามถึงเรื่องของครอบครัว จากไปก็เร็ว แถมไม่เคยได้ยินว่าคุณปู่รู้จักกับคุณท่านเเซียวด้วย

ในขณะที่เสิ่นม่านไม่รู้จะตอบอย่างไรดี คุณท่านเซียวก็ถามต่อ “หนูแต่งงานหรือยัง?”

เสิ่นม่านพยักหน้า “แต่งแล้วค่ะ”

“แต่งกับพ่อหนุ่มบ้านไหนล่ะ?”

เสิ่นม่านชำเลืองมองป๋อซือเหยียนที่อยู่ด้านข้าง

เมื่อคุณท่านเซียวเห็นว่าเป็นป๋อซือเหยียน ใบหน้านั้นก็ทรุดลงทันที

“หลานชายของโจรเฒ่าป๋อ ช่างเลวร้ายเสียจริง!”

เมื่อได้ยินท่านผู้เฒ่าเซียวพูดแบบนี้ ป๋อซือเหยียนก็ได้แต่อมยิ้ม “ตอนคุณปู่ยังอยู่ก็ชอบบ่นถึงคุณท่านเซียวเช่นกัน ดูแล้วความสัมพันธ์แต่ก่อนของท่านทั้งสองไม่เลวเลยนะครับ”

“ใครมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขากัน!”

ทุกคนต่างพูดคุยกันไปมา มีเพียงซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่ยืนดูข้างๆอย่างทำตัวไม่ถูก ราวกับถูกมองเป็นแค่อากาศที่ไม่มีตัวตน

เมื่อคุณท่านเซียวจากไป ซูเฉี่ยนเฉี่ยนก็กระตุกมุมเสื้อของป๋อซือเหยียน“ประธานป๋อ ฉันอยากกลับแล้ว”

ป๋อซือเหยียนมองออกไปดูสีท้องฟ้าข้างนอก แล้วพูดว่า “ผมไปส่ง”

ซูเฉี่ยนเฉี่ยนถามขึ้น “แล้วพี่เสิ่นจะกลับยังไงคะ?”

ป๋อซือเหยียนมองไปทางเสิ่นม่านที่กำลังพูดคุยอย่างสนุกสนาน แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “เธอกลับเองได้”

ซูเฉี่ยนเฉี่ยนมองดูเสิ่นม่านด้วยแววตาริษยา

เสิ่นม่านมีสิทธิ์อะไรที่จะได้รับความโปรดปรานจากคุณท่าน แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด

เสิ่นม่านเห็นป๋อซือเหยียนกับซูเฉี่ยนเฉี่ยนเดินออกจากงานเลี้ยงทีละคน

เลขาหลี่เดินเข้ามากระซิบบอก “ท่านประธานป๋อไปส่งคุณหนูซูกลับหอพักครับ”

“ฉันรู้แล้วค่ะ”

เลขาหลี่เดิมทีคิดว่าเสิ่นม่านได้ยินเรื่องนี้แล้วจะร้องไห้โวยวาย คิดไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของเสิ่นม่านจะดูสงบแบบนี้

เซียวตั๋วที่อยู่ข้างๆพูดขึ้น “ป๋อซือเหยียนไปส่งคนอื่นกลับบ้านงั้นเหรอ?”

เสิ่นม่านไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย “ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยๆหรอกเหรอ?”

ไม่ใช่แค่เธอที่เห็น แต่ทุกคนต่างก็เห็นแล้ว

เป็นแบบนี้ถึงสองครั้งติดแล้ว ป๋อซือเหยียนไม่เห็นเธอคนนี้ที่เป็นภรรยาอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ แล้วยังไม่อายเลยแม้แต่น้อยที่จะไปส่งผู้หญิงอีกคนกลับบ้าน แล้วทิ้งให้ภรรยาของตัวเองอยู่ในงานอย่างไม่สนใจใยดี

ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ในกลุ่มวงการคุณหญิงคุณนายจะลือกันแบบไหน

“เธอไม่โกรธเหรอ?”

“ไม่โกรธ”

เธอทนกับเขามามากพอแล้วกับชีวิตในอดีต ตอนนี้เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องทำผิดพลาดแบบเดิมอีกแล้ว

เซียวตั๋วมองดูใบหน้าด้านข้างของเสิ่นม่าน ถึงแม้เธอจะแสดงออกว่าไม่สนใจเลบแม้แต่น้อย แต่เขายังคงมองเห็นความเหงาหงอยเล็กน้อยในสายตาของเสิ่นม่าน

“คุณหนูเสิ่น ขอผมรับเกียรตินี้ไปส่งคุณกลับบ้านได้ไหม?”

ท้องฟ้ามืดแล้ว เสิ่นม่านก็อยู่ที่นี่มามากพอแล้วจริงๆ

เลขาหลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “คุณชายเซียว ให้ผมไปส่งคุณผู้หญิงกลับจะดีกว่านะครับ”

เซียวตั๋วไม่สนใจคำพูดของเลขาหลี่ แต่เขาตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบของเสิ่นม่าน

เสิ่นม่านลุกขึ้นยืน “งั้นรบกวนคุณชายเซียวแล้วหละ”

เซียวตั๋วเป็นเหมือนสุภาพบุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายเสิ่นม่าน ทิ้งให้เลขาหลี่ยืนงงอยู่ท่ามกลางสายลม

นี่ นี่จะให้เขากลับไปรายงานกับประธานป๋อว่ายังไงละเนี่ย!

เสิ่นม่านตามไปขึ้นรถของเซียวตั๋ว โดยมีฟู่ฉือโจวเป็นคนขับรถ

สามารถให้คุณชายตระกูลฟู่มาเป็นคนขับรถให้ได้ ก็มีแต่เซียวตั๋วคนเดียวนี่แหละ

“พี่ชาย ผมอยู่ข้างนอกรอพี่ตั้งหลายชั่วโมง แต่พี่กลับม่อสาวอยู่ข้างในงั้นเหรอ?”

เสิ่นม่านที่มองผ่านกระจกหน้ารถยังมองออกถึงความหมดคำพูดของฟู่ฉือโจว

เซียวตั๋วพูดอย่างใจเย็นว่า “ส่งคุณหนูเสิ่นกลับบ้านก่อน”

“เฮ้ย! เดี๋ยวพวกเรายังต้องไป......”

ฟู่ฉือโจวยังพูดไม่ทันจบประโยค เซียวตั๋วใช้ขาถีบหลังเบาะนั่งคนขับ

ฟู่ฉือโจวมองเห็นสายตาที่เหมือนคำเตือนของเซียวตั๋วผ่านกระจกหน้ารถ และหยุดพูดลงอย่างกะทันหัน

“พวกคุณมีธุระต้องไปทำหรอคะ?”

“ก็ไม่ได้สำคัญอะไร”

“ที่จริงคุณไม่ต้องไปส่งฉันก็ได้ ฉันกลับเองได้”

“เมืองไห่ดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่อันตรายมาก โดยเฉพาะคุณ ที่เป็นภรรยาของป๋อซือเหยียน”

เสิ่นม่านยักไหล่ “คุณชายเซียว ป๋อซือเหยียนไม่เหมือนกับคุณ เขาเป็นถึงนักธุรกิจตัวจริง”

เซียวตั๋วพูดอย่างเรียบๆ “อยู่ในที่ที่มีทั้งคนดีคนไม่ดีอยู่ปนกันแบบนี้ ป๋อซือเหยียน ก็ไม่ไช่คนดีอะไร”

คำพูดของเซียวตั๋ว เสิ่นม่านไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

ในชาติก่อน เธอแต่งงานกับป๋อซือเหยียนตั้งหลายปี ป๋อซือเหยียนไม่เคยให้เธอถามหรือยุ่งเรื่องของตระกูลป๋อเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้เบื้องหน้าป๋อซือเหยียนจะเป็นแค่นักธุรกิจ แต่ผู้ชายที่สามารถกุมอำนาจในเมืองไห่ได้ จะเป็นคนดีได้อย่างไร?

แค่เพียงแต่ ป๋อซือเหยียนปกปิดไว้มิดชิดเกินไปก็แค่นั้นเอง

แต่เซียวตั๋ว ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไร เพราะอย่างไรเสียตามคำล่ำลือนั้น เขาไม่เคยมีแม้แต่จุดอ่อน

“คุณหนูเสิ่น ถึงแล้วครับ”

ฟู่ฉือโจวจอดรถหน้าประตูใหญ่ของบ้านตระกูลป๋อ

เมื่อเห็นว่าไฟในบ้านตระกูลป๋อยังไม่เปิด แสดงว่าในตอนนี้ป๋อซือเหยียนยังไม่กลับมา

“ขอบคุณคุณชายเซียว ขอบคุณคุณชายฟู่ค่ะ”

เสิ่นม่านลงจากรถ

เซียวตั๋วมองดูเสิ่นม่านเดินเข้าประตูใหญ่บ้านตระกูลป๋อแล้ว จึงเลื่อนกระจกรถขึ้น แล้วพูดกับฟู่ฉือโจวว่า “ไปกันเถอะ”

“พี่ยังรู้ว่าต้องไปอยู่หรอ พี่ลืมหรือไงว่าเรามีนัดแลกเปลี่ยนกับซุนไห่ตอนเที่ยงคืน?”

ฟู่ฉือโจวชำเลืองมองดูเวลา “นี่สายแล้วด้วย!”

“งั้นก็ให้เขารอไป” เซียวตั๋วพูดอย่างเย็นชา “นายซุนนั้น ถ้าไม่มีของมา ฉันตัดมือของมันข้างหนึ่งออกแน่”

เสิ่นม่านที่เพิ่งผลักประตูเข้าห้อง ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล

แม่บ้านหลิวรู้ดีว่าเธอกลัวความมืด ห้องรับแขกมักจะเปิดไฟเอาไว้ให้เธอ แต่ตอนนี้ ไฟห้องรับแขกกลับปิดอยู่

“ป๋อซือเหยียน? คุณกลับมาแล้วเหรอ?”

แต่ผ่านไปสักพัก ห้องกลับไม่มีเสียงอะไรเลย

เมื่อเสิ่นม่านตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องก็รีบเตรียมตัวหนี แต่ก็มีมือยื่นมาปิดปากเธอจากด้านหลังแบบกระทันหัน

“นังตัวดี เป็นเพราะมึง กูถึงได้หมดตัว”

เสิ่นม่านต้องการจะดิ้นให้หลุด แต่ก้ไร้ประโยชน์เพราะอีกฝ่ายมีแรงมากกว่า

ในขณะที่เสิ่นม่านดิ้นสู้ แล้วล้วงเอาไฟแช็กในกระเป๋าออกมา จากนั้นก็จุดใส่ข้อมือของผู้ชายคนนั้น

ชายคนนั้นร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะถอยไปหลายก้าว เสิ่นม่านวิ่งหนีออกทางประตูในทันที

ป๋อซือเหยียน! ป๋อซือเหยียน!

เสิ่นม่านร้องเรียกชื่อนี้ในใจวนซ้ำไปมา

เธอวิ่งไปมือก็กดโทรศัพท์ไป เธอโทรเข้าเบอร์ป๋อซือเหยียน

“ฮัลโหล?”

“ป๋อซือเหยียน! คุณอยู่ไหน? รีบกลับมาเดี๋ยวนี้! ที่บ้านมีคน......”

เสิ่นม่านยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์ก็ถูกปัดกระเด็นลงพื้น

ด้านหน้ามีรถตู้จอดตัดหน้าเสิ่นม่าน ไฟรถส่องสว่างจนเสิ่นม่านแทบจะเปิดตามองไม่ได้

ป๋อซือเหยียนที่อยู่ปลายสายขมวดคิ้ว “เสิ่นม่าน?”

“ถ้าอยากจะช่วยเมียแก ก็เอาเงินห้าร้อยล้านบาทมาแลก”

แววตาของป๋อซือเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชา และคนที่อยู่ปลายสายก็ตัดสายทิ้งไป

“ประธานป๋อ เกิดอะไรขึ้นหรอคะ?”

ซูเฉี่ยนเฉี่ยนที่อยู่ข้างๆเห็นสีหน้าป๋อซือเหยียนไม่ค่อยดี

ป๋อซือเหยียนกัดฟันแล้วพูดว่า “กลับบ้าน!”

คนขับรถตกใจขึ้นมาในทันที “แต่ท่านประธานป๋อ เราใกล้จะถึงตึกหอพักแล้วนะครับ”

“ฉันบอกให้แกขับรถกลับบ้าน!”

“.....ครับ ท่านประธาน!”

ซูเฉี่ยนฉี่ยนไม่เคยเห็นป๋อซือเหยียนที่มีท่าทีร้อนรนแบบนี้มาก่อน

“เกิดเรื่องกับเสิ่นม่านแล้ว”

“พี่เสิ่น? เกิดอะไรขึ้นกับพี่เสิ่นคะ?”

ป๋อซือเหยียนไม่ได้สนใจซูเฉี่ยนเฉี่ยน เขารู้สึกว่าเสียงเมื่อครู่นั้นช่างคุ้นเคยอย่างยิ่ง แต่ตอนนั้นกลับนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน

ตกดึก ฟู่ฉือโจวเอารถเข้าไปจอดไว้นอกโรงงานรถยนต์ร้างแห่งหนึ่ง

เซียวตั๋วลงจากรถ พบว่าซุนไห่กับพวกยังไม่มา

ฟู่ฉือโจวบ่นสาปแช่ง “แม่ง ไอ้ซุนนั่นกล้ามาสายกว่าพวกเราเรอะ? วอนตีนซะแล้ว”

เซียวตั๋วจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบ ไม่ไกลจากตรงนั้น มีรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามา

ซุนไห่รีบวิ่งกึ่งคลานลงออกมาจากรถ

“คุณชายเซียว! คุณชายฟู่ ผม ผม ระหว่างทางมีธุระนิดหน่อยเลยมาสาย”

ซุนไห่ยิ้มแห้งๆ

“เงินหละ?”

ฟู่ฉือโจวถามหา

“คุณชายฟู่ คุณชายเซียว ฟังผมก่อน เป็นเพราะมีนังตัวดีทำเสียเรื่อง! เมื่อกี้ผมเลยให้คนไปจับตัวเธอมา เลยทำให้ระหว่างทางมาเสียเวลาไปนิดหน่อย คุณชายเซียว.....”

ฟู่ฉือโจวตัดบทอย่างหมดความอดทน “พอ พอ พอ ใครถามแกเรื่องนี้? ฉันแค่ถามแก ของที่พวกฉันต้องการหละ?”

“ของ ของนั้นถูกนังตัวดีนั้นซื้อไปแล้ว! แต่ไม่เป็นไรครับ สามีนังนั่นมีเงิน ผมให้คนโทรหาสามีนังนั่นแล้ว หากต้องการช่วยนางนั่น ให้เอาเงินห้าร้อยล้านมาแลก! เงินนั่น มีมูลค่ามากกว่าที่ดินตรงนั้นอีก!”

เซียวตั๋วพูดอย่างเย็นชา “งั้นก็รีบๆหน่อย เวลาฉันมีค่า”

“คุณชายวางใจได้! ผมบอกป๋อซือเหยียนแล้ว ถ้าภายในหนึ่งชั่วโมงหาเงินห้าร้อยล้านมาไม่ได้ ผมจะฆ่านังนั่นซะ!”

ทันใดนั้น ม่านตาของเซียวตั๋วก็หดลงในทันที เขาพุ่งตัวไปคว้าคอเสื้อของซุนไห่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาราวกับถูกแช่อยู่ในโรงน้ำแข็ง“แกพูดว่าใครนะ?”

“ป๋อ ป๋อซือเหยียน....”

ซุนไห่กลัวเซียวตั๋วจนตัวสั่น

น้ำเสียงของเซียวตั๋วยิ่งพูดก็ยิ่งเย็นเฉียบ “แก จับตัวใครมา?”

“คุณหนูตระกูลเสิ่น เสิ่นม่าน! คือเมียของป๋อซือเหยียน เป็นเพราะมันแย่งที่ดินที่เดิมทีราคาแค่ไม่กี่ร้อยล้านก็สามารถเอาไปได้ ดังนั้นผมเลย.....”

ไม่รอให้ซุนไห่พูดจบ เซียวตั๋วก็ถีบใส่หน้าอกของซุนไห่ ซุนไห่โดนถีบจนหงายหลังกลิ้งล้มลงไปหลายตลบ

เซียวตั๋วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาต “เธอ อยู่ที่ไหน?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status