แชร์

ตอนที่ 41 :  ขั้วอำนาจทั้งสองในหมู่นักเรียนผู้กล้า

ผู้เขียน: หัตถ์อนันต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-11 15:30:58

          หลังจากกองทหารของฮันซี่กลับมาจากภารกิจค้นหาตัวกรที่ถูกวาร์ปเข้าไปในมหาดันเจี้ยนโบราณ ก็ผ่านมาแล้วถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่กรชนะทศกัณฑ์และเคลียร์ดันเจี้ยนสุดหฤโหดได้พอดิบพอดี...

          หากปล่อยไว้นานนักเรียนผู้กล้าทุกคนจะยิ่งระสับระส่าย ดังนั้นพอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ฮันซี่จึงเรียกรวมตัวทุกคนแล้วประกาศเรื่องที่กรเสียชีวิตไปแล้วในดันเจี้ยนอย่างเป็นทางการในทันที

          และแน่นอนว่านั่นทำให้ทุกคนช็อคมาก แต่ไม่ได้หมายความถึงว่าตกตะลึงเมื่อเพื่อนร่วมโรงเรียนอย่างกรตาย เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบกรมากนัก... แต่เป็นความตกตะลึงจากการที่มีคนตายจากอุบัติเหตุในการฝึก ทำให้ตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในโลกที่สงบสุขอีกต่อไปแล้ว และกำลังถูกฝึกเพื่อเป็นทหารไปสู้รบกับเผ่าอื่น เนื่องจากนั่นเป็นทางเดียวที่จะได้กลับบ้าน แถมนั่นยังเป็นแค่เรื่องแต่งของพระราชาอีกต่างหาก นั่นจึงทำให้ทุกคนหดหู่ไปนานมากเลยทีเดียว แต่ฮันซี่ก็ไม่ใจร้ายไส้ระกำขนาดที่จะบังคับนักเรียนที่ไม่มีกระจิตกระใจฝึก เขาจึงปล่อยให้ทุกคนจัดการความคิดของตัวเองอยู่นานพอสมควร จนกว่าที่งานศพของกรจะจบลง...

❖❖❖❖❖

          ข้างในโลงศพมีเพียงแขนซ้ายของกรถูกพันผ้าสีขาวไว้เท่านั้น ตัวโลงวางไว้บนโต๊ะไม้คล้ายกับนั่งร้านต่ำๆ ชิดกับกำแพงห้องโถงห้องหนึ่งในราชวังตรงจุดที่อยู่ในสุด ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้มากมายหลายชนิด ด้านหน้าก็มีรูปภาพของกรเป็นสีขาวดำโดยใช้เวทย์มนต์จำลองออกมา พร้อมถึงมีกระโถนปักธูปเทียนและพวงหรีด ตามพิธีศพของไทย ดังที่พวกรินขอไว้ แล้วพอเคารพศพเสร็จในวันนี้ก็จะนำทั้งโลงไปฝังโดยที่ไม่มีการสวด และจะสร้างป้ายหลุมศพตามประเพณีทหารของกองอัศวินอาณาจักรอาลันต่อไป...

〝ริน... ไม่เป็นไรใช่ไหม?〞

〝เนย... อื้ม ไม่เป็นไรหรอก...〞

          รินคลานเข่าออกมาอย่างสุภาพหลังจากที่ทำการนำธูปไปปักพร้อมกับเพื่อนสนิทสาวอีกคนซึ่งก็คือเนย ที่ทำผมทรงทวินเทลแบบต่ำสุดๆนั่นเอง พอเห็นว่ารินดูเหนื่อยล้า เธอจึงถามออกมาด้วยความเป็นห่วง แต่รินที่บอกว่าไม่เป็นไรก็ดูไม่ค่อยหน้าเชื่อถือเท่าไหร่... แต่ก็แหงหล่ะ ผู้ชายที่ตัวเองชอบต้องมาด่วนจากไปแบบนี้ ใครหล่ะจะไม่เจ็บ... เนยคิดแบบนั้นอยู่ในใจจึงไม่ได้ซักไซ้ไล่ความต่อ แล้วเดินออกไปให้คนอื่นมาเคารพศพกรบ้าง

〝ริน มานี่แปปนึงสิ!!!〞

〝อืมชาญ! แปปนึงนะเนย เดี๋ยวฉันกลับมา!〞

〝อย่าฝืนหล่ะริน!〞

〝อื้ม!〞

          รินถูกชาญกวักมือเรียก เธอจึงรีบวิ่งไปหาโดยที่มีอลิซและโชตยืนรออยู่ด้วยเหมือนกัน

〝มีอะไรเหรอชาญ?〞

〝ริน... เธอคงไม่ได้บอกเนยใช่ไหม ว่ากรยังไม่ตายหน่ะ...〞

〝อย่าห่วงเลย... ฉันยังไม่ได้บอกใครเลย...〞

〝อื้ม ดีแล้วหล่ะ...〞

          ชาญเตือนรินอีกครั้ง เพื่อไม่ให้เธอเผยความลับโดยไม่จำเป็น รินเองก็พยักหน้าตอบอย่างจริงจัง โดยที่หันหน้าไปมาเพื่อระวังว่าจะมีคนได้ยินรึเปล่าด้วยเช่นกัน

เรื่องที่กรยังไม่ตาย ต้องเก็บเป็นความลับ...

ปากของชาวบ้านมันไปไวกว่าแสงเสียอีก... ถ้าเกิดแพร่งพรายออกไปแม้เพียงคนเดียว มันต้องไปถึงหูของคนที่ไม่อยากให้รู้ที่สุด... ต้องไปถึงหูของเสือแน่นอน

เพราะงั้นไม่ใช่แค่ไม่บอกใคร... แต่ต้องพยายามทำเป็นว่ากรตายไปแล้วด้วย... นี่คงจะดีที่สุดแล้ว

นี่คงเป็นเรื่องที่เราควรทำในเวลาเดียวกับแผนการตามหากรในระยะยาว

ก็รู้ว่ามันยากหล่ะนะ แต่ก็คิดวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว————

〝ว้าๆ!!!! นี่มันแย่จริงๆเลยแฮะ... เป็นเพราะไอ้โอตาคุแท้ๆ ทุกคนถึงสลดกันหมด...〞

〝〝〝!!!!!!〞〞〞

          เสียงของคนบางคนพูดโพล่งออกมากลางงานศพของกรขัดจังหวะความคิดของชาญอย่างหน้าระรื่นและไร้มารยาท ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนที่ชาญกลัวที่สุด เสือนั่นเอง...

〝ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อปีที่แล้วหรือตอนนี้ ไอ้โอตาคุนี่ก็สร้างปัญหาให้พวกเราตลอดเลยน้า〞

          เพราะกรถูกดูแคลน อลิซและโชตจึงกำหมัดแน่นและเตรียมอ้าปากตะโกนกลับไปแล้ว เพียงแต่ถูกชาญจับมือไว้ และมองด้วยสายตาจริงจังว่าให้ใจเย็นๆไว้ก่อน

แล้วซักพักความไม่พอใจนั้นก็ถูกส่งต่อไปยังคนที่อยู่ในงานศพด้วย...

【จะ... จริงด้วย เพราะหมอนี่นั่นแหล่ะ!!!!! 】

【เดี๋ยวสิ... เขาตายแล้วนะ มาพูดถึงคนตายเสียๆหายๆแบบนี้หน่ะมัน....】

【จะ... จริงด้วย เพราะหมอนี่นั่นแหล่ะ!!!!! 】

【ใครสนกันเล่า! เป็นเพราะมัน... เป็นเพราะมันคนเดียว พวกเราถึงตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้!!!!】

【อะไรกัน... โทษเขาคนเดียวแบบนั้นมันไม่ถูกนะ!!!】

【เดี๋ยวสิ!  ใจเย็นกันหน่อยทุกคน!! 】

          เหล่านักเรียนที่ถูกปลุกปั่นด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคของเสือ เริ่มโต้เถียงกันด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย ทั้งยังโทษว่าเป็นความผิดของกรที่ตายไปแล้วอย่างไร้แก่นสารอีกต่างหาก ด้วยคำพูดที่ทำให้ทุกคนนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งขึ้นมา นั่นจึงยิ่งทำให้ความเกลียดชังในตัวกรเพิ่มขึ้นในหมู่คนส่วนใหญ่เป็นอย่างมากทั้งที่กำลังอยู่ในงานศพของกรแท้ๆ

          และแน่นอนว่าคนที่กำลังกัดฟัน และได้แต่ดูอยู่เฉยก็มีแต่พวกรินเท่านั้น เหมือนกับตอนที่เสือแฉสเตตัสของกรในตอนที่มาโลกนี้ครั้งแรก พวกรินยังคงทำได้แต่ดูอยู่เฉยๆ... ทำไมงั้นเหรอ? นั่นเป็นเพราะสาเหตุของความเกลียดชังในตัวของกรนั้น มันมาจากความสัมพันธ์ของทั้งห้าคนยังไงหล่ะ

          รินและอลิซนั้นชอบกรที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กมาตั้งแต่ช่วงประถมแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกพึ่งจะมาชัดเจนเอาก็ตอนที่พ่อแม่ของกรเสีย... พอขึ้นมา ม.ปลาย ที่เป็นช่วงวัยคะนองและหัวลิ้วหัวต่อ ทั้งอารมณ์ยังแปรปรวนง่ายจากหลายๆสาเหตุ ทั้งปัญหามากมายรุมเร้าและฮอร์โมนในตัวเปลี่ยนไปในวัยรุ่นอายุเท่านี้ และที่แน่นอนที่สุดก็คือ ปัญหาเรื่องความรักนั่นเอง…

          รินและอลิซสนิทสนมกับกรมากทั้งที่โรงเรียนและนอกโรงเรียน แต่ดูเหมือนจะสนิทมากไปหน่อย... มากเสียจนนักเรียนชายคนอื่นต่างพากันอิจฉา เพราะทั้งสองคนเป็นถึงระดับไอดอลของโรงเรียน... ในช่วงแรกก็เป็นแค่ความไม่พอใจธรรมดา แต่พอพวกผู้ชายทั้งหลายถูกปฏิเสธบ่อยๆเข้า มันก็เริ่มทับถมขึ้นจนกลายเป็นความริษยาและความเกลียดชังในตัวกรที่ไม่มีอะไรซักอย่างแต่กลับถูกห้อมล้อมไปด้วยบุปผางามที่ทุกคนหมายปอง นั่นจึงเป็นผลลัพธ์ของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเกินไปของทั้ง 5 คน

          แม้ความจริงจะเป็นเพราะกรต้องทำตัวธรรมดา เพื่อปิดเรื่องสุดยอดการประมวลผลไว้ตามคำแนะนำของคุณหมอ เขาเลยจงใจทำให้ทั้งคะแนนสอบและความสามารถทางกีฬาอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คิดเรื่องที่ว่าจะเป็นจุดสนใจเพราะมีรินและอลิซมาเกาะติดแม้แต่น้อย... ครั้นจะไล่ทั้งสองคนหรือตีตัวออกห่าง กรก็ไม่อยากทำ... ไม่สิ ไม่มีวันทำต่างหาก พวกรินและอลิซเองก็พอรู้อยู่ว่าควรจะเว้นระยะห่างบ้าง... แต่เป็นเพราะกรบอกว่า ไม่ต้องแคร์เพื่อรักษาน้ำใจของทั้งสอง ที่ไม่ต้องการให้กรโดดเดี่ยว เพราะไม่มีญาติเหลืออยู่ซักคน... กรจึงบอกปัดไม่ถูก

          และแล้วเรื่องที่ทำให้ความเกลียดชังในตัวของกรทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขึ้นแตกหัก ที่คนเกือบทั้งโรงเรียนเกลียดกร ก็มาจากเสือนั่นเอง…

          ในช่วง ม.4 เทอมสอง เสือที่เพิ่งย้ายเข้ามาในโรงเรียนด้วยวิธีสรรหานักเรียนภายนอกในเครือเดียวกัน ก็เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับพวกรุ่นพี่ทั้งในและนอกโรงเรียนเป็นประจำ... แต่แล้ววันหนึ่งที่เสือเห็นกรในโรงเรียน อยู่ดีๆก็เข้าไปท้าตีท้าต่อยกรอย่างไม่มีสาเหตุถึง 2 ครั้ง แล้วการทะเลาะครั้งที่สามนี้เอง ที่กรจงใจพูดบางสิ่งออกไปต่อหน้าไทยมุงจำนวนมากกว่าครึ่งของโรงเรียนเพื่อพุ่งเป้าความเกลียดชังมายังตัวเองอย่างจงใจ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กรเป็นจุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง... ดังนั้นพวกรินจึงไม่อยากสร้างความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก เพราะหากออกตัวปกป้องกระแสต่อต้านก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น พวกเธอจึงทำได้แค่นั้นมาตลอด แม้กรจะตายไปแล้ว แต่ความเกลียดชังก็ยังคงอยู่... พวกเธอจึงยังคงทำได้แค่กัดฟันเท่านั้น

〝ฉันที่เข้าไปด้วยก็ไม่เห็นเป็นอะไรแท้ๆ... เพราะอ่อนแอนี่แหล่ะน้าถึงทำให้ทุกคนลำบากหน่ะจริงไหม?〞

【ใช่แล้ว เพราะมันนั่นแหล่ะ!!!!! 】

【ถ้าทุกอย่างไปได้สวย เราก็จะได้กลับบ้านแล้วแท้ๆเชียว! 】

          เสียงก่นด่าเริ่มรุนแรงและเห็นด้วยกับเสือมากขึ้น ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็ได้แต่นิ่งเงียบเพราะสู้จำนวนไม่ไหว คำพูดที่ออกมานั้นทั้งไร้สาระและเป็นคำกล่าวโทษเกินจริงทั้งสิ้น แต่สาเหตุนั่นคงเป็นเพราะทุกคนต้องการหาที่ระบายความเครียดอีกเช่นเคยนั่นแหล่ะ สำหรับนักเรียนผู้กล้าส่วนใหญ่ กรเป็นตัวตนแสนชั่วร้ายไปตั้งแต่ที่ถูกเสือชักจูงไปเรียบร้อย และเดิมทีคนส่วนใหญ่ก็ทำเป็นเมิน ไม่ก็เห็นด้วยกับที่เสือแกล้งกรเป็นประจำอยู่แล้ว สถานการณ์จึงเป็นไปในทางที่เสือได้เปรียบด้วยประการฉะนี้ แต่ว่า....

〝ทุกคน สงบสติอารมณ์กันหน่อย!!!!〞

          เสียงของหญิงสาวที่ดูเคร่งขรึมตะโกนออกมาขัดจังหวะจนนักเรียนเกือบ 500 คนเงียบกริบ แต่เธอไม่ใช่ทั้งรินและอลิซ

          เธอใส่ชุดลำลองที่เป็นชุดสำหรับฝึกคล้ายชุดรัดรูปเหมือนกับทุกๆคน แต่ออร่าที่แผ่ออกมานั้น คือราศีของผู้สูงศักดิ์ ผมสีดำ เกล้าผมเป็นมัดไว้ด้านหลังศีรษะอย่างเรียบร้อย และติดกิ๊บไว้ที่ศีรษะด้านหน้าข้างขวาด้วย

〝โห๋! แม้แต่ประธานนักเรียนยังออกตัวปกป้อง... ไอ้โอตาคุนี่มันน่าอิจฉาจริงๆนะให้ตายสิ〞

〝เลิกเล่นลิ้นได้แล้วเสือ... นายกำลังทำให้ทุกคนแตกแยก!〞

          เธอคนนี้ก็คือ『อรัญญา  จรัสบวรกุล』หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามประธานนักเรียน 2 สมัยตั้งแต่ที่อยู่ชั้น ม.4 เลยทีเดียว... เป็นคนที่ได้ชื่อว่าเคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัยมากกว่าครูเสียอีก แถมว่ากันว่าสายตาของเธอที่ดูดุดันและเคร่งขรึมนั่นหนาวเย็นยิ่งกว่าแอร์ห้องปกครองเสียอีก

          อนึ่ง เธอเป็นคนส่วนน้อยที่รู้ว่ากรทำลงไปเพื่อให้ตัวเองตกเป็นเป้าความเกลียดชังเสียเอง เธอจึงไม่ได้เกลียดกร ทั้งยังชื่นชมอีกด้วย แต่ที่ไม่ออกตัวปกป้องตั้งแต่ที่กรโดนแฉก็ด้วยเหตุผลเดียวกับพวกริน... แต่เรื่องที่ว่าร้ายคนตายแบบนี้ ยังไงก็ยอมให้ไม่ได้ ด้วยคุณธรรมที่อยู่ในใจนี้เองที่ทำให้เธอกล้าเถียงกลับไป ทั้งในฐานะมนุษย์และในฐานะประธานนักเรียนอย่างองอาจ

〝แล้วมันยังไงกันหล่ะหืม? แตกแยกงั้นเหรอ? พวกเราเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่งั้นเหรอ?〞

〝อะ อะไรนะ!〞

〝เรื่องที่ทางนี้ต้องการหน่ะ คือ การกลับโลกเดิม ซึ่งจุดนี้เรามีเป้าหมายเดียวกัน... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องร่วมมือกันนี่นาจริงไหม?〞

〝นาย!!! พูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง!!!!〞

          ประธานตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจที่เสือพูดแบบนั้นออกมา แต่ก็พยายามใจเย็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจึงกอดอกตัวเองพร้อมกับวางท่าเหนือกว่าอีกครั้ง

〝นายคิดจะจัดการเรื่องนี้คนเดียวรึไง!!! คิดว่าจะทำได้รึไงกัน!!!〞

〝แน่นอนอยู่แล้ว!!! เดิมทีฉันไม่เคยคิดเชื่อใจอาณาจักรนี้แต่แรกแล้วด้วยซ้ำ!!!〞

〝ว่าไงนะ!!!〞

〝อย่าโลกสวยไปหน่อยเลยน่าคุณประธาน!!! คิดจริงๆเหรอว่าอาณาจักรนี้จะคุ้มครองเราได้... กรณีของไอ้โอตาคุก็เป็นตัวอย่างแล้วนี่!〞

〝อย่าอวดดีไปหน่อยเลย!!!  ที่นี่ไม่ใช่โลกเดิม... เราไม่รู้อะไรซักนิด คิดง่ายไปแล้วที่จะเอาตัวรอดในโลกนี้เองหน่ะ!〞

〝ก็ยังดีกว่าเป็นเบี้ยถูกใช้แล้วทิ้งก็แล้วกัน!〞

〝คนอย่างนายนี่มัน!!!〞

          ทั้งสองคนยังคงต่อล้อต่อเถียงกันไม่หยุด จากเรื่องที่กรเป็นต้นเหตุให้เส้นทางของทุกคนสั่นคลอน จนตอนนี้เรื่องบานปลายไปจนถึงความแตกแยกในหมู่คณะไปแล้ว ถึงขนาดที่ว่า มีคนคิดว่าสิ่งที่เสือพูดนั้นถูก แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ผิดเสียทีเดียว...

〝ทุกคนหล่ะว่ายังไง!!!! คิดจริงๆเหรอว่าถ้าอยู่ในความคุ้มครองของอาณาจักรแล้วจะปลอดภัย!!!〞

〝เดี๋ยว! หยุดนะ คิดจะทำให้กลุ่มแตกรึไง!!!〞

〝เรื่องนั้นไม่สำคัญอีกแล้ว!!! พวกนายคิดจริงๆเหรอว่าถ้าเป็นแบบนี้จะหาทางกลับบ้านได้หน่ะหา!!!〞

〝ทุกคนอย่าไปฟังนะ!!! ในอาณาจักรหน่ะมีพลังอำนาจเหนือกว่าข้างนอกนั่นนะ ยังไงต้องปลอดภัยกว่าอยู่แล้ว〞

〝อาณาจักรที่ไร้ความสามารถ  แถมยังหวังใช้เราเป็นเบี้ยหน่ะเหรอ หืม?〞

〝ฮึ่ย!!!〞

          เสือยังคงกดดันประธานนักเรียนต่อไป แถมยังพูดประโยคเชิญชวนพลางมองไปมาซ้ายขวาราวกับกำลังรับสมัครพรรคพวกอยู่ยังไงอย่างงั้น

          พวกนักเรียนผู้กล้าคนอื่นที่อยู่ในช่วงร้อนรน บางคนที่คิดว่าคำพูดของเสือมีเหตุผลก็เริ่มก้มหน้าครุ่นคิด และเห็นด้วยมากขึ้นอยู่ในใจ ส่วนพวกที่เห็นว่าอยู่ในอาณาจักรปลอดภัยกว่าก็ทำได้แค่เหงื่อตกเท่านั้น

          พวกที่เห็นด้วยเดินไปข้างหลังของเสือ ส่วนพวกที่เห็นด้วยกับประธานก็เดินเข้ามาด้านหลังของประธานนักเรียนด้วยเช่นกัน

〝นาย... คิดจะสร้างกองกำลังของตัวเองรึไงกัน!!!?〞

〝หึ! ก็แค่กำลังเอาชีวิตรอดอยู่เท่านั้นเองแหล่ะ!〞

          เหล่านักเรียนผู้กล้าเกือบ 500 คนถูกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายโดยที่ไม่มีการพูดจาอะไรทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างรู้ดีอยู่แล้วจากภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้า

          ด้านหลังของเสือมีนักเรียนถึง 2 ใน 3 ของโรงเรียน หนึ่งในนั้นแน่นอนว่ามีลินดาและเชษฐ์ที่เป็นอดีตปาร์ตี้ของกรอยู่ด้วย

          ส่วนด้านหลังของประธานนักเรียนมีนักเรียนอยู่เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น โดยที่พวกริน อลิซ โชต ชาญ รวมถึงเนยนั้นอยู่ในกลุ่มนี้

          กลุ่มของเสือมีความเป็นเอกเทศจากตัวอาณาจักร และคิดใช้พลังผู้กล้าของพวกตนหาทางกลับบ้านเองอย่างลำพอง ส่วนกลุ่มของประธานตั้งใจอยู่กับอาณาจักร เพื่อที่พอเป้าหมายสำเร็จจะได้กลับบ้านตามเป้าหมายตั้งต้น ด้วยเหตุนี้เหล่านักเรียนผู้กล้าจึงได้แตกแยกเป็นสองกลุ่มโดยมีเสือและประธานเป็นผู้นำตั้งแต่เวลานี้

❖❖❖❖❖

          หลังจากพิธีศพของกรจบลง ฮันซี่มีประกาศว่าหลังจากนี้สองสัปดาห์ เพื่อทดสอบความสามารถครั้งสุดท้าย เขาจะทำการปล่อยให้นักเรียนผู้กล้าทุกคนเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อทำการฝึกฝนด้วยตัวเองในสายต่างๆตามที่ตัวเองต้องการอย่างอิสระ และหากต้องการก็สามารถทำงานในอาณาจักรนี้ได้ด้วยเช่นกัน แถมเวลานัดรวมตัวก็คืออีก 1 ปีให้หลังอีกต่างหาก ราวกับรู้ถึงความขัดแย้งในกลุ่มของนักเรียนผู้กล้าอยู่แล้วยังไงอย่างงั้น.... 

          นั่นจึงเป็นโอกาสดีที่กลุ่มของเสือจะแยกออกไปหาทางกลับบ้านเองแล้วไม่กลับมาที่อาณาจักรนี้อีกเลย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนกังวลขนาดนั้น เพราะดูเหมือนเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์บวกกับสเตตัสที่มากกว่าคนทั่วไปโขจะสร้างความชินในตัวนักเรียนผู้กล้าส่วนใหญ่ไปแล้ว จึงไม่มีใครบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจเลยจนกระทั่งพิธีฝังจบลง...

ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!———

          หลังจากพิธีฝังศพของกรจบลง พวกเสือและลูกกระจ๊อกทั้งสองต่างก็เดินไปที่ห้องพักก่อน เพื่อพักผ่อนตามคำสั่งของฮันซี่ ผ่านทางเดินหอพักชายชั้น 2

〝!!!〞

          แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอกับชายคนนึงที่ยืนกอดอกพิงกับผนังไม้ พลางยกแว่นขึ้นเล็กน้อยในตอนที่ทั้งสามคนเดินมาถึง

〝จะไฝว้เหรอว่ะ! อย่ามายืนขวางนะโว้ย!!!〞

〝พวกแกไปรอที่ห้องก่อน〞

〝แต่ว่าลูกพี่!!!〞

〝อย่าให้พูดซ้ำ ไปซะ!!!〞

〝ดะ ได้ครับ!!!〞

          ลูกกระจ๊อก A และ B ต่างพากันโกยแนบเมื่อเสือตะโกนบอกด้วยเสียงเย็นชา แล้วพอหายออกไปจากสายตาจนแน่ใจแล้ว เสือก็เป็นฝ่ายเริ่มถามคนที่พิงกำแพงอยู่... ถามชาญออกมาในทันที

〝คุณรองประธานมีธุระอะไรงั้นเหรอ?〞

〝นั่นน่าจะเป็นคำพูดของผมมากกว่า... นายคิดจะทำอะไร?〞

          ชาญเดินออกมาจากจุดที่พิง และยืนเผชิญหน้ากับเสือตรงๆ อนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ทั้งเสือและชาญต่างค่อนข้างไม่ตระหนกเมื่อยืนจ้องตากันหลังเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งเป็นปกติอยู่แล้ว แต่หนนี้เสือกลับตอบชาญกลับไปตามตรงราวกับไม่สนใจอะไรว่า...

〝เป้าหมายของฉันไม่มีอีกแล้ว... เพราะงั้นก็ต้องกลับบ้านไม่ใช่รึไง〞

〝เป้าหมายที่ว่า.... กรใช่ไหม?〞

〝!〞

          เสือแสดงอาการตกใจเล็กน้อย แต่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆครั้งนึงก่อนที่จะทำเป็นเมิน แล้วก็เดินเข้าหาชาญ แล้วก็เดินผ่านไปราวกับไม่สนใจ แต่แล้วคำพูดของชาญก็ดึงความสนใจของเสือกลับมาที่ตัวเองอีกครั้งจนได้…

〝ที่คิดคุมคนด้วยปากแบบนี้มันไม่ดีเท่าไหร่นะ... ผมว่าอำนาจของพ่อนายมันไม่ได้คุมกะลาหัวถึงต่างโลกนะเสือ〞

〝.......หืม? ตกใจจริงๆนะเนี่ย ไม่คิดว่าจะรู้ไปถึงขั้นนี้...〞

          เสือที่เดินผ่านไปแล้ว หันควับกลับมาในทันทีด้วยความสนอกสนใจ แต่ชาญก็ไม่ได้พูดต่อเพราะคิดว่าเสือคงเข้าใจดีอยู่แล้วว่าชาญหมายถึงอะไร...

          เรื่องที่กรถูกแกล้ง ไม่มีทางที่จะไม่ถึงหูครูแน่นอน... แล้วทำไมถึงไม่เกิดการลงโทษขั้นรุนแรงเสียที สาเหตุสำคัญนั่นก็เป็นเพราะ ความลับสุดยอดของเสือนั่นเอง ซึ่งก็คือความจริงแล้วเขา....  เป็นถึงลูกของนายกรัฐมนตรีเลยนั่นเอง และแม้จะเป็นลูกนอกสมรสก็ตามที แต่ยังไงก็ได้อำนาจของพ่อคุมกะลาหัวตามที่บอกอยู่ดี(คุณก็รู้ที่นี่ประเทศไ*ย) ส่วนเรื่องที่ไม่มีใครรู้นั่นก็เป็นเพราะเรื่องนี้เพิ่งถูกพิสูจน์เมื่อตอนเสืออยู่ ม.3 แถมตอนนี้ยังใช้นามสกุลของแม่อีกต่างหาก เลยทำให้มีเพียงอาจารย์ใหญ่และคณะบริหารบางคนเท่านั้นที่รู้...

          แต่วิธีแก้มันก็ไม่ได้มีวิธีเดียว... โซเชียลเน็ตเวิร์คเองก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้เรื่องที่เสือแกล้งถูกเปิดโปง พอมีหลักฐานออกสู่สาธารณะแบบนี้ ต่อให้ใหญ่มาจากไหนก็หนีไม่พ้นกระแสสังคมแน่นอน

          แต่น่าเสียดายที่กรทำแบบนั้นไม่ได้... นั่นเพราะหากทำแบบนั้น ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยสู่โลก... ความสามารถของกร สุดยอดการประมวลผลนั้นไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป หากออกสู่สาธารณะก็มีโอกาสที่ความลับจะถูกเปิดเผยสูง นั่นคือสิ่งที่คุณหมอของกรบอกและห้ามทำเป็นอันดับหนึ่ง  กรจึงไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกเสียจากยอมเป็นกระสอบทรายชั่วคราวนั่นเอง....

〝ผมหน่ะรู้เป้าหมายของนายอยู่แล้ว... เพียงแต่ไม่เข้าใจเหตุผล...〞

〝หืม? ไงต่อ〞

〝แล้วผมก็รู้ด้วยว่า... คนที่เป็นต้นเหตุให้กรติดอยู่ในดันเจี้ยนก็คือนาย〞

〝อ๋อเหรอ? แล้วไงต่อหล่ะ?〞

          เสือยังคงพูดกวนประสาทอยู่เรื่อยๆ แต่ชาญก็ยังใจเย็นพลางขยับแว่นอีกครั้ง แล้วชำเลืองมองเสือจากข้างหลังก่อนที่จะพูดต่อ

〝นายรู้มากกว่าที่ผมคิดไว้... แล้วคงรู้เรื่องความสามารถของกรด้วยสินะ... ถึงมีเป้าหมายแปลกๆแบบนั้น〞

〝หึ! แปลกงั้นเหรอ? เพราะงั้นแหล่ะ แกถึงได้ไม่เข้าใจ...〞

〝ใช่... ไม่เข้าใจ!〞

〝อ๋อเหรอ? งั้นเรื่องที่จะพูดก็มีเท่านี้ใช่ป่าว!〞

          เสือหันกลับไปทางเดิม แล้วก็รีบเดินเพื่อกลับไปที่ห้องของตัวเองโดยเมินคำพูดสุดท้ายของชาญที่บอกเขาว่า

〝นายต้องเสียใจทีหลังแน่ ที่ตัดสินใจแบบนี้...〞

เพราะกรหน่ะ... ยังไม่ตายยังไงหล่ะ

          ชาญคิดแบบนั้นก่อนที่จะเดินจากไปในทิศตรงกันข้ามกับเสือ...

❖❖❖❖❖

〝มีอะไรรึเปล่าครับลูกพี่!〞

〝ไม่มีอะไร! มันแค่มากวน〞

          เมื่อกลับมาถึงห้องลูกน้องก็ถามออกมาทันทีทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นปนเป็นห่วง เสือเองก็ตอบกลับไปอย่างไม่มีอารมณ์ ราวกับกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

〝ลูกพี่น่าจะซัดมันให้เข็ดไปเลยนะครับแหม!〞

〝ใช่แล้ว! ลูกพี่ไม่เคยแพ้ใครเลยนี่นา น่าจะจัดมันซักดอก... เอาให้หงอไปเลย ฮ่าๆๆ!〞

          แล้วพวกลูกกระจ๊อกทั้งสองก็พากันหัวเราะขำก๊าก ในขณะที่ยกยอปอปั้นลูกพี่ตัวเอง แต่เสือกลับคิ้วกระตุกในจังหวะที่หนึ่งในลูกน้องของเขาบอกว่า 『ไม่เคยแพ้ใคร』 และนั่นก็ได้ทำให้เสือนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตขึ้นอีกครั้งนึง พร้อมกับเรียกชื่อหนึ่งออกมา...

〝.......ยักษ์สวมฮู้ด

〝〝!!!!〞〞

          ลูกน้องทั้งสองคนเบิกตาโพลงทันที ที่ได้ยินชื่อฉายานั้นออกมาจากปากของเสือที่เป็นลูกพี่อย่างกระทันหัน

〝มะ ไม่เอาน่า ลูกพี่! อันนั้นไม่นับสิครับ ฮะฮ่ะ ฮะฮ่ะ〞

〝ไอ้หมอนั่นมันสัตว์ประหลาดชัดๆเลยนะครับ〞

〝...............〞

          เสือยังคงนิ่งเงียบต่อคำบอกปัดของทั้งสองคน ซึ่งก็ไม่แปลก... เพราะในวงการนักเลงหรือพวกช่างกล รวมถึงพวกนอกกฏหมายหลายต่อหลายกลุ่มแล้วชื่อนี้ คือตัวตนที่มีชื่อเสียงถึงขนาดที่ไม่มีซักคนในวงการนี้ที่ไม่รู้จัก ในช่วงที่เขาอยู่ ม.2-ม.3

          『ยักษ์สวมฮู้ด』..... หนึ่งในตำนานประจำเมืองของพวกกร... มีพละกำลังมหาศาลราวกับยักษาสมชื่อ รวดเร็วดุจดั่งสายลม ทั้งยังมีความคล่องตัวสูง แถมยังสามารถหลบการโจมตีได้ทุกอย่างไม่แม้แต่กระสุนปืนตามคำเลื่องลือ... บ้างก็ว่าเป็นอดีตมาเฟีย บ้างก็ว่าเป็นอมนุษย์ที่มีตัวตนจริงๆ... แต่ทั้งหมดนั่นคือข่าวลือ... เพราะความจริงแล้วเขาก็คือมนุษย์เท่านั้นแหล่ะ เพียงแต่ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้นเอง

          ส่วนสูงพอๆกับเด็ก ม.ต้นขึ้น ม.ปลาย ไม่รู้ทั้งเพศและชื่อ ไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริง... ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีตัวตนจริงๆหรือไม่... แต่สำหรับคนที่เคยพบเห็นและเข้าไปปะทะนั้นยังคงตราตรึงใจในรูปของความเจ็บปวดอยู่เสมอ ซึ่งพวกเสือเองก็เป็นหนึ่งนั้นด้วย เรื่องที่รู้ก็มีเพียงแค่ มันสามารถหลบการโจมตีได้ทุกแบบแม้จำนวนคนจะมากกว่าสิบหรือสามสิบเท่าก็ตามที แถมยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะโดนรุมด้วยหมัด มีดพร้า ปืนปากกาก็ไม่เคยมีแผลเลยซักครั้ง... ทั้งยังไม่มีใครเคยเห็นหน้า จะรู้ว่าเป็นมันได้ก็ต่อเมื่อเห็นคนที่ว่าสวมเสื้อกันหนาวสีดำคลุมฮู้ดไว้ที่ศีรษะจนเห็นแค่ปากอยู่ตลอดเวลา ที่กลางหลังมีรูปหน้ายักษ์สีเขียวสะท้อนแสงเป็นเงาเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเลียนแบบได้เอาไว้เท่านั้น

          วีรกรรมของมันเป็นที่โจษจันมาก จนกระทั่งช่วงที่พวกกรก่อนจะขึ้น ม.ปลาย เทอมนึง มันก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับและไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย จนตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานประจำเมืองไปจริงๆเสียแล้ว... และแน่นอนว่าจนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่า『ยักษ์สวมฮู้ด』ที่ว่าเป็นใครมาจากไหน... หากแต่คนที่รู้ ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องของบุคคลที่มีความสามารถจำเพาะแบบที่ว่านี้เท่านั้น ซึ่งคงมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง...

〝ไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันหรอก....〞

〝ลูกพี่?〞

          เสือเดินไปนั่งไขว่ห้างที่เก้าอี้ช้างหน้าต่าง มองออกไปยังท้องฟ้าที่อยู่แสนไกล พลางทำหน้าเสียดายบางอย่าง เท้าคางด้วยมือขวาก่อนที่จะพูดออกมาว่า...

〝『ยักษ์สวมฮู้ด』นั่น... ฉันฆ่ามันไปแล้ว〞

〝〝!!!!?〞〞

          ลูกน้องทั้งสองตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้นออกมาจากปากของเสืออย่างเย็นชา แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมห้องนั้นไปพักนึง ก่อนที่จะถึงเวลาฝึกซ้อมประจำวันของเหล่านักเรียนผู้กล้า...

❖❖❖❖❖

【สำเร็จจนได้นะไอ้หนู! 】

          เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นในสติของกรอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาด้วยความสนิทสนมอีกต่างหาก แต่กรก็กลับไม่ได้ตระหนก และตอบกลับไปด้วยเสียงโมโนโทน...

นายมัน... คนที่โผล่มาในหัวฉันตอนที่จุติครั้งที่ 3....

【ใช่แล้ว!!! น่าดีใจจริงๆที่ยังจำกันได้...】

แล้วมีธุระอะไรกัน.... ว่าแต่ที่แสดงความยินดีนี่... แสดงว่าฉันยังไม่ตายใช่ไหม?

【ที่จะพูดคือเรื่องนั้นนั่นแหล่ะ! สุดยอดไปเลยนะที่สามารถจุติครั้งที่ 4 ได้... ทั้งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนแท้ๆเชียว 】

อืม... ก็ไม่เกินความคาดหมายเท่าไหร่

【ไม่ตกใจเท่าไหร่เลยนะไอ้หนู】

ไม่มีอะไรจะเหนือความคาดหมายไปกว่านรกนั่นอีกแล้วหล่ะ....

【งั้นเหรอ... คงลำบากมาเยอะมากสินะ... ขอโทษด้วยจริงๆ... 】

ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องขอโทษ... หรือไม่งั้นคงต้องเคลียร์กันหน่อยถ้านายมีเอี่ยวกับเรื่องนี้หน่ะนะ

【หน้ามือเป็นหลังมือเชียวนะไอ้หนู... แต่ถ้าถามว่าข้าเกี่ยวไหมหล่ะก็ ต้องบอกว่าเกี่ยวเต็มๆเลยหล่ะนะ... 】

ถ้าเจอกันฉันอัดแกแน่...

【ฮะฮ่ะฮ่า! เจ้านี่ยังน่าสนุกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย... คึกคักแบบนี้ค่อยวางใจหน่อย】 

อย่าเปลี่ยนเรื่อง...

【ไม่ต้องห่วง... บอกไปแล้วนี่ ว่าอีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง... 】

แล้วจะโผล่มาทำไม?

วูม!

        เหมือนกับเหตุการณ์ที่กรจุติครั้งที่ 3 ระหว่างการสนทนาก็ได้มีแสงสว่างสะท้อนเข้ามาในทัศนวิสัยของเขา เป็นอีกครั้งที่บ่งบอกว่ากรกำลังจะตื่นขึ้นจากภวังค์สู่โลกความเป็นจริง

【เฮ้อ! น้อยชะมัด ทั้งที่ข้ายังอยากคุยกับเจ้าอีกหน่อยแท้ๆ... 】

ถามสุขภาพกันบ้างเหอะตาแก่…

【โห๋! เรียกข้าแบบเดียวกับเมื่อก่อนเลยงั้นรึเนี่ย... ช่างเป็นความบังเอิญที่น่ากลัวจริงๆ... 】

ไม่ชอบเลยแฮะ ที่ตกเป็นรองในด้านข้อมูลแบบนี้เนี่ย

【ก็บอกแล้วไงว่าอีกไม่นานเจ้าจะรู้เอง... แล้วที่ข้ามานี่ก็มาเพื่อจะแสดงความยินดีเท่านั้นไอ้หนู... 】

กวนประสาทนี่ นับเป็นการแสดงความยินดีงั้นเหรอ?

【เจ้าเองก็กวนเหมือนกันนั่นแหล่ะ.... 】

วูม!

          แสงสว่างเริ่มจ้าขึ้น จนสติเริ่มเด่นชัด พร้อมๆกับเสียงของชายวัยกลางคนที่เริ่มเบาบางลง ชายกลางคนคนนี้จึงรีบตัดเข้าประเด็นสำคัญในทันที

【ไอ้หนู... ข้ารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรขอให้เชื่อใจ... แต่เจ้าควรจะไว้ใจฟรังซ์ ออลเดล 】

หืม? เอาเถอะ... นั่นค่อยคิดหลังจากตื่นก็ได้... ว่าแต่รู้จักไอ้เด็กนั่นด้วยงั้นเหรอ?

【ใช่แล้ว รู้จักดีเลยหล่ะนะ... แล้วก็เรื่องสุดท้ายไอ้หนู ข้าขอแสดงความยินดีแก่เจ้าอีกครั้ง——— 】

          ก่อนที่แสงสว่างจะเข้าโอบล้อมสติจนกรตื่นขึ้นมา ชายวัยกลางคนก็ปรับเปลี่ยนน้ำเสียงจนฟังดูเป็นทางการและจริงจัง ก่อนที่จะกล่าวยินดีกับกรว่า...

【———เจ้าสามารถเคลียร์หนึ่งในมหาดันเจี้ยนโบราณทั้ง 8 ได้สำเร็จจริงๆด้วย เก่งมากไอ้หนู… ยินดีด้วย!!!  】

          แล้วกรที่ยังไม่ทันได้ตอบกลับชายวัยกลางคน ก็ฟื้นชีพจากความตายอีกเป็นครั้งที่ 4 แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ...

          ตอนนี้กร ได้กลายเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก... ไม่สิ เป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลไปแล้ว…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 42 : ความจริงของโลก... ชะตากรรมของจักรวาล...

    ในชั้นลึกสุดของดันเจี้ยนใต้ชั้นที่ 100... มันคือพื้นที่กว้าง มีลักษณะเป็นป่าโปร่ง ที่มีต้นไม้น้อยใหญ่สีเขียวขจีเรียงรายกันอยู่นับไม่ถ้วน มีแม่น้ำ ลำคลองเล็กใหญ่แซมอยู่ระหว่างทาง ลึกเข้าไปอีกพอประมาณก็จะพบเข้ากับรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ ถูกล้อมรอบไปด้วยป่าโปร่งรอบด้านราวกับใช้แทนป้อมปราการ ถัดจากรั้วเข้าไป มันคือสวนหย่อมที่ถูกประดับด้วยดอกไม้นานาชนิด และสิ่งปลูกสร้างมากมายไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ รูปปั้น หรือมีแม้กระทั่งโต๊ะน้ำชากลางแจ้งที่มีม่านจากต้นไม้บดบังแสงอาทิตย์ดูร่มรื่นไม่ใช่น้อย และลึกเข้าไปอีกในคฤหาสน์ ทางเดินถูกปูด้วยพรมสีแดงราวกับพระราชวัง มีโคมระย้าแขวนห่างกันเป็นช่วงๆ และไม่ดูรกเกินไป อีกฝั่งหนึ่งคือกระจกบานยักษ์ที่ใช้มองดูวิวนอกคฤหาสน์ ส่วนอีกฝั่งหนึ่งมีประตูห้องต่างๆ เรียงเป็นแนวยาวตามปกติ ราวกับห้องเรียนที่อยู่ชิดติดระเบียงยังไงอย่างงั้น จนถึงสุดทางเดิน มีประตูของห้องๆหนึ่ง เปิดแง้มออกมา โดยมีแสงอาทิตย์ยามเช้าเล็ดรอดออกมาพร้อมกัน ภายในนั้นได้รับการตกแต่งอย่างโอ่อ่า ไม่ว่าจะโคมระย้าสีทองอร่ามที่แขวนอยู่กลางห้อง หรือว่าจะเป็นพวกเครื่องเรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 43 : คนจนจะยิ่งจน คนรวยจะยิ่งรวย

    หลังจากที่กรสามารถเคลียร์หนึ่งในมหาดันเจี้ยนโบราณ ที่มีระดับความยากสูงที่สุดในโลกได้สำเร็จ กรจึงได้รับรู้ถึงความจริงของโลก.... ไม่สิ ของจักรวาลจากปากของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรงซึ่งก็คือฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนแห่งนี้ จอมมารยังคงมีชีวิตอยู่ และถูกผนึกไว้เท่านั้น แถมผนึกที่ว่ายังอยู่ได้อย่างน้อยอีกแค่ 6 เดือน... นั่นคือ ความเป็นจริงที่น่าหวาดหวั่น... พลังของจอมมารนั้น มีมากมายมหาศาลถึงขนาดที่ว่าทำให้ดวงดาวหลายสิบดวงแตกสลาย รวมถึงยังทำให้ดาวของพวกเทพล่มสลายลงได้อีก... แทบจะไม่ต้องคิด... เมื่ออยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว กรจึงตัดสินใจที่จะปกป้องสิ่งสำคัญที่อยู่ในมือก่อนเหนือสิ่งอื่นใด และตัดสินใจเป็นคนรับหน้าเพื่อปราบจอมมารในทันที เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น ทุกอย่างที่สำคัญรวมถึงจักรวาลแห่งนี้ คงจะล่มสลายลงด้วยน้ำมือของจอมมารเป็นแน่.......ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว! ผั๊ว!——————— เสียงแปลกๆที่เกิดจากวัตถุบางอย่างกระทบกัน ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากชั้นใต้ดินของคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางชั้นที่ 101 ซึ่งเป็นอยู่พักอาศัยข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 44 : สวรรค์ในห้องอาบน้ำ

    〝『ค่าสิทธ์』 เหรอ?〞 พอกรเลื่อนหน้าต่างที่ดูน่าสงสัยนี้มาอยู่ตรงกลางทัศนวิสัย เมอร์ลินที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะถูกเลื่อนมาอยู่ในขอบเขตที่เธอมองเห็นได้ จึงถามออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน แล้วไม่รอช้า... กรรวมถึงมีอาและเมอร์ลิน... แม้แต่เคลเบรอสและฟรังซ์ที่ยื่นหน้าเข้ามาดูจากทางด้านหลังเองก็ทำการอ่านรายละเอียดที่เขียนอยู่บนหน้าต่างนี้ในทันทีเช่นกัน... หน้าต่างค่าสิทธ์1 - ???????????2 - ?????, ดาวเคราะห์3 - พระเจ้า ดันเจี้ยนมาสเตอร์ มอนสเตอร์และบอสในดันเจี้ยน (ระดับ SS ขึ้นไป)4 – เผ่าเทพเจ้าและตัวตนระดับสูง (เช่น เทพตกสวรรค์ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจ)5 – มอนสเตอร์ในดันเจี้ยน (ระดับ A ขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับ SS)6 - มอนสเตอร์และบอสนอกดันเจี้ยนทั้งหมด (ระดับ A ลงไป)7 - ผู้ปกครองแผ่นดิน8 - สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทุกประเภท9 – ทาสและสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญา*หมายเหตุ : การตั้งค่าทุกอย่าง ถูกขยายขอบเขตให้สามารถตั้งค่าบุคคลอื่นในแบบเดียวกับที่ตั้งค่าให้กับตัวเองได้ทุกอย่างปล. สีเขียว คือ กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์ต่ำกว่าผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่สามารถตั้งค่าได้ทุกอย่าง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 45 : การปฏิเสธตัวเองในอดีต ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเองในตอนนี้ด้วยเช่นกัน

    เรื่องราวของแม่ทัพคนที่ 7 งั้นเหรอ?จะว่าไปแล้ว เรื่องที่ฟรังซ์ ออลเดลเล่าครั้งแรกนั่นก็มีกล่าวถึงเหมือนกันนี่... ถึงจะพูดถึงแค่ครั้งเดียวเองก็เถอะถ้าจำไม่ผิด... เจ้านั่นบอกว่าแม่ทัพที่สู้กับจอมมารหน่ะมี 7 คน แล้วต่อมา 6 ใน 7 คน ได้กลายเป็นมหานักปราชญ์....เราเองก็คาใจมาตลอดว่าอีกคนนึงคือใคร... เพราะจาก 6 คน ก็มีพระเจ้าคนนึง กับดันเจี้ยนมาสเตอร์อีก 5...เราเองก็หาหนังสือแบบเดียวกันมาตลอด แต่ไม่มีถูกกล่าวถึงเลยซักนิด เหมือนกับมีคนจงใจลบข้อมูลส่วนนั้นออกไปเลย...แต่ถือวิสาสะเอามาอ่านเองแบบนี้นี่ ยัยนั่น.... เมอร์ลินจะโกรธรึเปล่าเนี่ย... แถมในส่วนลึกของจิตใจ เรากลับรู้สึกว่า ไม่ควรไปแตะต้องมันซะนี่... กรที่กำลังลังเล พยายามก้าวเท้าขวาเข้าไปข้างในห้องแต่ก็ต้องชักเท้ากลับออกมาเพราะรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็เข้าครอบงำอีกครั้งเขาจึงก้าวเท้าเข้าไปอีก แล้วพอมาคิดดูว่าเมอร์ลินจะรู้สึกยังไงที่โดนรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาติ กรก็ชักเท้าหนีอีกจนไม่ได้เข้าไปเสียที จนแม้จะผ่านไปถึง 5 นาทีเขาก็ยังคงทำแบบนั้นอยู่ด้านหน้าห้องของเมอร์ลิน จนกระทั่ง...〝ทำอะไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 46 : ออกเดินทาง (จบบทที่ 1)

    ——— 3 วันต่อมา กิจวัตรประจำวันเมื่ออยู่คฤหาสน์ของกรยังคงดำเนินต่อไป ด้วยตารางการฝึกของฟรังซ์เพื่อ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』 ด้วยความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของกร... บัดนี้เขาสามารถควบคุมจินตนาการได้จนเกือบสำเร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ส่วนผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ....ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! 〝อ้าว ๆ !!! คราวนี้ลองรับดาบข้าดูเจ้าหนู!〞 กรในตอนนี้กำลังต่อสู้กับวิชาดาบสุดร้ายกาจของเคลเบรอสในร่างลุงวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้านเช่นเคย สเต็ปการก้าวเท้าหลบของกรนั้นช่างลื่นไหลราวกับกำลังเต้นลีลาศด้วยการกระหน่ำโจมตีของเคลเบรอส แต่ด้วยความร้ายกาจของเคลเบรอสทำให้มีวิถีดาบจำนวนหนึ่งเล็ดรอดออกมาได้ กรจึงใช้มือปัดป้องออกอย่างง่ายดาบราวกับเป็นเพียงของเล่น กรที่อยู่ในชุดฝึกนั้นเรียกได้ว่าไร้อาวุธอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ร่างกายที่ถูกคลุมด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น ที่ใช้แทนกันได้... แม้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพอสูสีได้ เพียงแต่ว่า...ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! 〖อย่าลืมว่าย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 47 : เริ่มใช้ชีวิตแบบตัวเอกในนิยายแฟนตาซีเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักที (เริ่มบทที่ 2)

    บทที่ 2 『 Basilius Kingdoms Crisis 』วิกฤตบาซีเลียส❖❖❖❖❖ครืด!——— ครืด!——— ครืด!——— ท่ามกลางความร่มรื่นของบรรยากาศยามบ่ายที่ไม่ร้อนเกินไปนักของถนนลูกรังสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมีผืนหญ้ายาวสุดลูกหูลูกตาและมีไม้ยืนต้นขนาดปานกลางแซมอยู่เป็นพักๆ ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างกำลังถูกลากไปตามทางของด้วยเสียงประหลาดๆแฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! เสียงหายใจหอบของคนที่เป็นต้นเสียงดังอย่างต่อเนื่องมาได้พักใหญ่ๆ... เมื่อโฟกัสไปยังต้นเหตุดังกล่าว ก็จะพบเข้ากับเด็กหนุ่มที่เป็นสาเหตุคนนั้นกำลังเดินลากเท้าไปตามพื้น แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มเดินลำบากนั้นมาจากหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะเป็นลมแดด? ซึ่งเขากำลังแบกอยู่ด้านหลังต่างหาก เหงื่อของเด็กหนุ่มไหลลงมากองที่คอด้วยความร้อนจากทั้งแรงกดทับของหญิงสาวและความร้อนจากแสงอาทิตย์ เลยทำให้ความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทีของทั้งสองคนนั้นเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะเรียกว่ากำลังเดินทางเข้าเมือง เพราะใบหน้าทรมานของทั้งสองคนมันเหมือนกับกำลังเดินทางไปสู่นรกมากกว่า(ฮาๆ) แตกต่างจากเด็กสาวที่เดินอยู่ข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 48 :  คนจะรวย ช่วยไม่ได้

    หลังจากนั้น พวกกรก็นั่งรถม้าเข้าไปในเมืองชั้นในพร้อมกับคุณโรนี่ โดยใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย… การตรวจตราเข้าสู่เมืองชั้นใน ดำเนินการโดยกองทหารฝ่ายตรวจการ เพราะเมืองชั้นในประกอบด้วยสถานที่ราชการเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยต้องมีการคัดแยกคนที่รัดกุมมากกว่าปกติ แต่พวกกรก็ผ่านมาง่ายๆ เพราะเดินทางมากับคุณโรนี่ซึ่งเป็นที่รู้จักในย่านนี้ แล้วจากนั้นประมาณ 10 นาที พวกกรก็มาถึงย่านร้านค้าซึ่งมีลักษณะเป็นตึกแถว 3 ชั้นที่ดูดีมีระดับแห่งหนึ่ง โดยที่ทั้งสองข้างทางต่างก็เป็นร้านกระจก และถูกประดับด้วยของดีทั้งนั้น ทางสัญจรที่แม้จะเป็นซอยหลักเองยังถูกปูด้วยพื้นหินแกรนิตเป็นลายสับหว่างเหมือนกับอิฐอย่างดีและงดงาม แค่มองดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นย่านร้านค้าของคนมีเงินใช้เหลือเฟือ แต่ดูเหมือนคนทั่วไปเองก็มาซื้อของที่นี่เหมือนกัน ด้วยเพราะกรมองเห็นคนแทบจะทุกประเภทสัญจรผ่านย่านการค้าแห่งนี้คับคั่งยิ่งกว่าตลาดเมื่อตอนเข้าเมืองเสียอีก รถม้ายังคงเคลื่อนตัวเข้าไปเรื่อยๆ... ในขณะเดียวกัน มีอาและเมอร์ลินที่ไม่ค่อยได้เห็นของพวกนี้เพราะอยู่แต่ในดันเจี้ยนมานานมาก ต่างก็มองผ่านหน้าต่างอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 49 :  ปัญหาในการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกิดจากการหาห้องพักให้ถูกใจ

    หลังจากพวกกรเดินหลบฉากออกมาจากย่านการค้าโรนี่ได้ซักพัก ณ ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเศษ พวกกรเลยตกลงกันว่าจะหาที่พักชั่วคราวอาทิเช่น โรงแรมหรือห้องพัก กันไปก่อน และเนื่องด้วยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูฝนปลายๆ เกือบจะเข้าฤดูร้อนพอดิบพอดี เลยทำให้เวลากลางวันยาวนานกว่าตอนกลางคืนพอสมควร แสงอาทิตย์จึงยังไม่เป็นสีส้มสนิท พวกกรเลยตัดสินใจว่าจะออกมาเดินเล่นในเมืองด้วยกันหลังจากที่จองห้องไว้แล้วด้วย แต่ว่า...〝นี่... ฉันว่าห้องของที่เมื่อกี้ก็โอเคอยู่นา...〞〝ไม่เอาด้วยหรอก! ฉันไม่อยากใช้ห้องน้ำรวมนี่นา〞〝แต่มันก็แยกฝั่งชาย หญิงอยู่ไม่ใช่เหรอ? 〞〝บอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอาย่ะ! 〞 ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ที่ทั้งสามคนยังคงง่วนอยู่แต่กับการเลือกห้องพัก ตามแบบที่เห็นตรงกัน ในด้านของมีอานั้น ไม่มีปัญหาซักนิดในเรื่องของรูปแบบห้อง ขอแค่มีเตียงเธอก็นอนได้หมด เพราะงั้นคนที่เถียงกันจึงมีแต่กรและเมอร์ลิน... ไม่สิ พูดให้ถูกคือเมอร์ลินเป็นฝ่ายเลือก ซึ่งสาเหตุของเมอร์ลินนั้นก็มาจากการต้องการความเป็นส่วนตัว รวมถึงไม่อยากทำความรู้จักกับบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นนั่นเอง กรที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11

บทล่าสุด

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 100 : ยามเมื่อเหล่าบุปผาผลิบาน

    ———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 99 : ความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่หลังความเป็นจริง

    〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 98 : หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ

    หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 97 : เหตุผลในการมีชีวิต

    〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 96 : การต่อรองต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

    หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 95 : ตัวละครเอกมักเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว

    หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 94 : บทปิดม่านของชายผู้ถูกความขลาดเขลากลืนกิน

    〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 93 : การแสดงชั้นยอด

    〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 92 : คนร้ายตัวจริง

    หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status