แชร์

ตอนที่ 46 : ออกเดินทาง (จบบทที่ 1)

ผู้เขียน: หัตถ์อนันต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-11 15:34:20

——— 3 วันต่อมา 

          กิจวัตรประจำวันเมื่ออยู่คฤหาสน์ของกรยังคงดำเนินต่อไป ด้วยตารางการฝึกของฟรังซ์เพื่อ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า

          ด้วยความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของกร... บัดนี้เขาสามารถควบคุมจินตนาการได้จนเกือบสำเร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ส่วนผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ....

ฉั๊ว!  ฉั๊ว!  ฉั๊ว!  ฉั๊ว!  ฉั๊ว!  ฉั๊ว! 

〝อ้าว ๆ !!! คราวนี้ลองรับดาบข้าดูเจ้าหนู!〞

          กรในตอนนี้กำลังต่อสู้กับวิชาดาบสุดร้ายกาจของเคลเบรอสในร่างลุงวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้านเช่นเคย 

          สเต็ปการก้าวเท้าหลบของกรนั้นช่างลื่นไหลราวกับกำลังเต้นลีลาศด้วยการกระหน่ำโจมตีของเคลเบรอส แต่ด้วยความร้ายกาจของเคลเบรอสทำให้มีวิถีดาบจำนวนหนึ่งเล็ดรอดออกมาได้ กรจึงใช้มือปัดป้องออกอย่างง่ายดาบราวกับเป็นเพียงของเล่น

          กรที่อยู่ในชุดฝึกนั้นเรียกได้ว่าไร้อาวุธอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ร่างกายที่ถูกคลุมด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น ที่ใช้แทนกันได้... แม้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพอสูสีได้ เพียงแต่ว่า...

ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง!  ปั้ง! 

〖อย่าลืมว่ายังมีผมนะครับ คุณอุษณกร...〗

          นอกจากเคลเบรอสที่เป็นคู่ซ้อมตรงหน้า ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร คนที่คอยใช้ปืนเวทย์มนต์ยิงก่อกวนกรก็คือฟรังซ์ ออลเดลในชุดฝึกนั่นเอง

          กระสุนเวทย์ของฟรังซ์ ออลเดลนั้นใช้ระบบแตกต่างจากกรทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบของกระสุนได้... แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับการฝึก เพราะแม้ฟรังซ์จะใช้แค่การยิงพลังเวทย์เพียว ๆ โดยไม่มีเวทย์ธาตุ นั่นก็ยังสร้างความเสียหายให้กรเมื่อสัปดาห์ที่แล้วลงไปนอนกองกับพื้นได้เลยทีเดียว...

〝สนทางนั้น แล้วก็อย่าลืมสนทางนี้ด้วยสิเจ้าหนู!〞

〝ก็เลิกรุมซักทีสิฟ่ะ!〞

〝ช่วยไม่ได้... ก็นี่มันเป็นการฝึกนี่นา!〞

          เคลเบรอสขยับตัวเขาคลุกวงในอีกครั้ง โดยไม่ปล่อยให้กรตั้งตัว แต่กรที่อาศัยความยาวของดาบที่มากเกินไปของเคลเบรอสฉวยโอกาสโมตีกลับไปได้หลายหน แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เคลเบรอสลงไปหมอบได้

          ในจังหวะเดียวกับที่ฟรังซ์ยิงสนับสนุน กรก็พยายามหามุมสะท้อน เพื่อปัดกระสุนไปทางเคลเบรอสแทน แต่ก็ไม่เป็นผลเสียทีเพราะตัวเคลเบรอสสามารถปัดป้องมันได้ทั้งหมดซะอย่างงั้น...

          ตั้งแต่เริ่มฝึกรวมแล้วกว่า 5 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง... หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ความเร็วในการพัฒนาของกรนั้นสูงมากจนน่ากลัว... นั่นทำให้กรที่จับเคล็ดลับส่วนใหญ่นั้นสามารถฝึกต่อเองได้แล้ว ดังนั้นการฝึกร่วมกันสามคนดังเช่นครั้งนี้ จึงเป็นการสิ้นสุดการฝึก『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』ของกรในดันเจี้ยนแห่งนี้ลงในที่สุด...

❖❖❖❖❖

〝เฮ้อ! จบซักที〞

〝ถอนหายใจเป็นคนแก่เลยนะเจ้าหนู〞

〝หนวกหูน่า...〞

          หลังจากที่จบการฝึก และคลายออร่าสีขาวออกจนหมด กรจึงถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เลยทำให้เคลเบรอสได้โอกาสจิกกัดกรเหมือนทุกที

〖เอาหล่ะ! ถ้างั้นก็ไม่ต้องกังวลในระดับนึงแล้วหล่ะครับ... แต่ในขณะเดินทางเองก็ต้องหมั่นฝึกฝนด้วยนะครับ 〗

〝ทราบแล้วคร้าบอาจารย์〜〞

〖แฮะ ๆ 〗

          ฟรังซ์หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา ต่อคำหยอกล้อของกรที่เหนื่อยจนหมดแรง เลยนั่งลงไปกับพื้นทั้งอย่างงั้นพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปพร้อมกัน...

〝พรุ่งนี้แล้วสินะ...〞

          กรเงยหน้ามองเพดานสีขาวของห้องฝึก พลางพูดแบบนั้นออกมาทั้งที่ร่างกายยังเหนื่อยล้า ฟรังซ์ที่เห็นแบบนั้น เลยเดินเข้ามาใกล้แล้วก็นั่งชันเข่าลงข้าง ๆ กร

〖ก็... นั่นสิครับ.... มาคิดดูก็เริ่มเหงาแล้วนะครับเนี่ย〗

〝สยองแฮะ!〞

〖คุณอุษณกรนี่หล่ะก็... ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้...〗

          ฟรังซ์ยื่นหน้าเข้ามาเพื่อแหย่กรเล่น แต่นั่นกลับทำให้กรรู้สึกแหยงมากกว่า...

อย่างที่ได้ยิน... วันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ฉันกับมีอาจะออกเดินทางเพื่อไปเคลียร์มหาดันเจี้ยนอีก 5 แห่งที่เหลือ... ซึ่งจากคำบอกเล่าของฟรังซ์ มีเพียงแค่ 3 ที่เท่านั้น ที่หมอนี่รู้จัก…

ดังนั้นแล้วนอกจากจะต้องเคลียร์ดันเจี้ยนที่ว่า เราต้องหาเบาะแสเอาเอง... ยุ่งยากชะมัด ทำไมไอ้พระเจ้านั่นไม่บอกมาดี ๆ หล่ะเนี่ย...

หรือจะบอกว่านี่เองก็เป็นการทดสอบ... แบบนี้มันเสียเวลาไม่ใช่รึไงเนี่ย?

จากที่เคยประมาณการเวลาอย่างเร็วไว้คือ 6 เดือนนั่น... ตอนนี้ฟรังซ์บอกว่าสามารถยืดได้มากที่สุดคือราว ๆ 10 เดือน ซึ่งนี่เป็นเวลาที่แน่นอนพอสมควรเลย... นั่นคือที่มันบอกอ่ะนะ

ฟังดูเหมือนจะเยอะก็จริง แต่เวลาหน่ะมันผ่านไปเร็วจะตาย อย่างตอนนี้นี่ก็ผ่านมาตั้งเดือนกว่า ๆ แล้วที่มาต่างโลก...

ถึงความจริงแล้วเราจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วก็ตามที... ก็เพราะไอ้ลูปนรกเวรนั่นแหล่ะ

เพราะแบบนั้นแหล่ะเราเลยรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็วมาก... ดังนั้นหลังจากการฝึกครั้งสุดท้ายในวันนี้จบลง พรุ่งนี้เรากับมีอาถึงได้จะออกเดินทางในทันที

เพราะงั้นคืนนี้... เราเองก็ต้องเตรียมการหลาย ๆ อย่างเผื่อไว้ก่อนด้วย...

❖❖❖❖❖

          หลังจากการชำระร่างกาย... กรที่อยู่ในชุดลำลองหลังอาบน้ำ กำลังนั่งอยู่กับพื้นในห้องพักสำหรับรับแขก ซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่เขาฟื้นขึ้นมาครั้งแรก ทั้งยังเป็นห้องที่กรและมีอาใช้นอนอีกด้วย...

〝งั้นก็... เริ่มตรวจสอบครั้งสุดท้ายเลยดีกว่า...〞

          กรใช้『ดูอัลไดเมนชั่นริง』ที่สวมอยู่กับนิ้วกลางทั้งสองมือของตัวเอง เรียกอุปกรณ์จำนวนมากออกมาวางไว้บนผ้าหนังขนาดใหญ่ที่กรสร้างขึ้นเอง เพื่อปูรองพื้นไว้ไม่ให้อุปกรณ์โดนพื้นในขณะที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับอุปกรณ์...

งั้นก็เริ่มที่ส่วนของมีอา... ชุดของเธอเราเสริมความแข็งแกร่งและเพิ่มความต้านทานเวทย์ทุกชนิดให้แล้ว แต่ถึงเจอกับบอสก็คงช่วยได้ในระดับนึงเท่านั้น 

จุดเด่นของมีอาก็คือความเร็ว... เราถึงได้ตีวัสดุและแร่ที่ดรอปมาจากทศกัณฑ์เพิ่มเข้าไปในตัวชุด ทั้งเครื่องประดับและอุปกรณ์เสริมติดตัวที่ช่วยเพิ่มค่าสเตตัสด้านความว่องไวเองก็ทำให้ด้วย... แน่นอนว่าไม่ได้ทำมากเกินจนเคลื่อนไหวไม่ลำบาก

นอกจากที่ชุดแล้ว... ต้นแขน ปลายแขน หัวไหล่ บริเวณต้นขา... ทุก ๆ ที่เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงให้มีอาได้ เราจัดการสร้างเกราะเหล็กเสริมแร่ที่แข็งที่สุดให้ และรวมมันให้เป็นเซ็ทเดียวกับชุดเดิมทั้งหมด... ก็ทำไงได้ฟ่ะ คนมันเป็นห่วงนี่หว่า....

เอ่อ... มาที่อาวุธต่อ... ในระหว่างที่เรากำลังฝึกกับฟรังซ์ มีอาเองก็ฝึกวิชาดาบกับเคลเบรอสด้วยเหมือนกัน...

แถมตอนนี้มีอาเองยังสนใจ『วิชาดาบสองมือ』อีกด้วย... นอกจากอาวุธประจำกายอย่าง『แบล็คเอสต็อคออฟเคออส』เราเลยให้ 『ขรรค์ชัย』ที่ดรอปจากทศกัณฑ์กับมีอา...

ถึงแม้ลักษณะภายนอกจะดูเหมือนมีดสั้นมากกว่า แต่ก็จัดอยู่ในประเภทที่ใช้งานสกิลดาบคู่ได้เหมือนกัน... โอ๊ะโอ๋! ลืมบอกไปเลยนะว่า『ขรรค์ชัย』ที่ว่า คืออาวุธระดับ SSS เหมือนกันด้วยนา

เท่านี้มีอาก็คงปกป้องตัวเองได้ในระดับนึง... แต่เราก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเธอไปเสี่ยงคนเดียวอีกหรอกนะ... ไม่อีกแล้ว...

ส่วนชุดของเรา『ดาร์คเนสเซ็ทโค้ท』เราเองก็ใช้สกิลใหม่『หัตถ์ผสมผสาน(ต้นฉบับ)』ในการปรับปรุงโครงสร้าง... แต่ดูเหมือนจะทำเกินไปหน่อยจนไม่เหลือเค้าเดิมเลยหล่ะ...

เพราะเป็นเสื้อโค้ท เลยทำให้น้ำหนักเบากว่าเกราะ... แต่เราสามารถแก้ปัญหาน้ำหนักได้ด้วยเวทย์โลหะอยู่แล้ว... ด้านหลังของเสื้อโค้ทเราเลยจัดการใส่เกราะเบาลงไป แล้วยังใช้เป็นที่เก็บฝักดาบได้ถึง 2 เล่มอีกด้วย

แล้วพอปรับแต่งไปมา... เสื้อโค้ทที่เดิมเคยยาวถึงเข่ามันเลยขัดกับการเคลื่อนไหวตอนใช้ดาบ เพราะถูกดึงนั่นแหล่ะ(อีกเหตุผลนึงคงเป็นเพราะมีเกราะที่หลังรั้งเอาไว้นั่นแหล่ะ)

วิธีแก้ปัญหามันก็ง่าย ๆ ... ตัดแยกมันออกจากกัน(แม่ม)เลยก็จบ... เสื้อโค้ทช่วงกลางลำตัวที่ต่อกับบริเวณรักแร้หน่ะ... ตอนนี้มันเลยเหมือนกลายเป็นเสื้อที่มีผ้าคลุมติดมาด้วยมากกว่าเสื้อโค้ทซะอีก...

พอเป็นแบบนี้ เลยถือโอกาสดัดแปลงอีกครั้ง... จากตอนแรกที่ใส่เกราะแค่ที่หลัง เลยประกอบใส่ด้านหน้ากับไหล่เป็นชุดเดียวกันไปด้วยเลยเพื่อความสมดุลในด้านน้ำหนัก

แถมตอนถอดชุดก็ง่ายด้วย... เพราะทำกลไกไว้อะน่ะ... ให้ชุดเกราะเป็นสองส่วนคือเกราะด้านหน้ากับเสื้อโค้ท+เกราะด้านหลัง โดยให้เกราะทั้งสองอันเชื่อมและถอดออกจากกันได้... ง่ายดีใช่ป่ะล่ะ...

ถึงเราจะมีทั้งสกิล『Ogre Armor Form』กับ 『Sacred God Armor Form』อยู่แล้วก็เถอะ... แต่กันเหนียวเพิ่มไว้ย่อมดีกว่า...

ส่วนแขนเสื้อที่ถูกแบ่งออกมา... เพราะมีข้อศอกเลยทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก เราเลยตัดแขนเสื้อออกจนถึงแค่ข้อศอกเท่านั้น

วัสดุส่วนที่เหลือ เราได้เอามารวมกับถุงมือแยกเป็นอีกชุด แล้วส่วนของปลายแขนก็จัดการใส่ปลอดแขนเหล็ก แล้วรวมเป็นชุดเดียวกับถุงมือไปเลย...

แล้วพอปรับแต่งไปอีก... เราเลยจะทำการเพิ่มความแข็งแกร่งของชุดที่สวมอยู่ด้วย... เพราะถึงสวมโค้ทอยู่แต่ข้างในมันชุดธรรมดานี่นา...

เสื้อที่สวมอยู่ข้างใน เราสร้างให้เป็นเสื้อยืด... แต่แบบมันไม่มีเราเลยใช้ของเจ้าฟรังซ์มัน ผลสุดท้ายเลยกลายเป็นเสื้อยืดคอสูงติดจีบระบายไป... แต่เรื่องความต้านทานเวทย์มนต์กับความเสียหายทางกายภาพนั้นมั่นใจได้... ถึงตัวเราเองจะแกร่งอยู่แล้ว แต่ก็นั่นไง! บอกแล้วไงว่าเพื่อกันเหนียว...

สุดท้ายคือรองเท้าของเราเป็นแบบบู๊ทหนังหุ้มส้น... เวทย์สนับสนุนที่ใส่ลงไปเป็นแบบเน้นความว่องไวทั้งหมดเพื่อชดเชยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของชุด(ถึงจะนิดเดียวก็เถอะ)... แล้วก็จัดการเพิ่มเกราะในส่วนของหน้าแข้งเพิ่มเข้าไปอีก...

เพราะงั้นในส่วนเครื่องแต่งกายก็มีเท่านี้แหล่ะนะ——

แอ๊ด!

〝โอ๊ะ! มีอา อาบน้ำเสร็จแล้วสินะ!〞

          ในระหว่างที่ปรับแต่ง เสียงประตูห้องนอนได้ถูกเปิดออกมาขัดความคิดของกร โดยคนที่เดินเข้ามานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก มีอา ภรรยาสุดที่รักของกรในชุดเดรสสีขาวติดระบายสำหรับใส่นอน... กรที่แม้จะถูกขัดจังหวะถึงได้ตอบกลับไปอย่างร่าเริงราวกับกำลังรอเธออยู่ยังไงอย่างงั้น...

〝อื้ม! ว่าแต่กำลังเช็คไอเทมอยู่งั้นเหรอ?〞

〝ใช่แล้ว! มาดูด้วยกันสิ...〞

〝อื้ม!〞

          มีอาตอบรับกรด้วยรอยยิ้มและเสียงที่สดใส ก่อนที่จะวิ่งเข้ามานั่งพับเพียบด้านซ้ายของกร แล้วก็เอาตัวพิงที่ไหล่ของกรเหมือนอย่างเคย...

〝!!!!〞

          กลิ่นของแชมพูและสบู่ของมีอาที่นั่งเบียดจนติดแขนลอยเตะจมูกของกร รวมถึงผิวของมีอาที่ขัดซะเงาวับแถมยังนุ่มนิ่มยังกับมาร์ชเมลโล่นั่นทำให้กรแทบคลุ้มคลั่ง...

          นั่นทำให้ตรรกะของกรเกือบจะหลุดกระเจิง และพุ่งเข้าไปจับกดมีอา แต่เพราะกรพอจะควบคุมตัวเองได้ในระดับนึง สถานการณ์ดังกล่าวเลยไม่เกิด รวมถึงคนที่ตามมาข้างหลังมีอา ซึ่งตอนนี้กำลังยืนกอดอกเอาหลังพึงประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้โดยมีอา จ้องพวกเขาตาเป็นมันด้วย... ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจาก

〝มะ เมอร์ลิน... มาด้วยเหรอเนี่ย?〞

          กรถามเมอร์ลินออกมาด้วยน้ำเสียงตกใจราวกับถูกจับได้ว่าแอบนำของไม่พึงประสงค์มาโรงเรียน เมอร์ลินที่เห็นท่าทีของกรแบบนั้น เลยหัวเราะออกมาเบา ๆ ทีนึงพลางหรี่ตาลงมองมาทางกรอย่างมีเลศนัย เลยทำให้กรเขินจนหน้าแดงไปเลย

〝ก็... นะ... ไม่ได้เหรอ?〞

〝จะไม่ได้ได้ยังไงเล่า! มาดูด้วยกันสิ〞

〝โอ๊ะโอ๋! งั้นก็ไม่เกรงใจหล่ะ〞

          เมอร์ลินเดินเข้ามาอย่างเร็วด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วก็นั่งยอง ๆ ลงด้านขวาของกร แล้วก็ถามกรออกมาเล่น ๆ ว่า〝แอบซ่อนหนังสือโป๊ไว้ในแหวนรึเปล่าเอ่ย?〞 กรเลยตอบกลับไปว่า〝จะไปมีได้ไงฟ่ะ!〞

          แล้วเมอร์ลินก็หัวเราะอย่างเริงร่าต่อคำตอบของกร เพราะได้เห็นปฏิกิริยาที่ต้องการ มีอาที่เห็นทั้งสองคนหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานก็อมยิ้มออกมาและหัวเราะออกมาด้วยเช่นกัน...

จะว่าไปแล้วเนี่ย... หลังจากตอนนั้น เมอร์ลินก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแฮะ...

แถมท่าทียังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยด้วย... ซักนิดก็ไม่มี...

มันทำให้คิดเลยว่า... เมอร์ลินเนี่ยแข็งแกร่งจริง ๆ ...

          กรที่คิดแบบนั้นมองไปทางเมอร์ลินที่กำลังหัวเราะร่า นั่นเลยทำให้เขาอมยิ้มตามพลางคิดอยู่ในใจเป็นครั้งที่สองอีกว่า〝เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจริงนะให้ตายสิ〞

〝อ๊ะ! จะว่าไปแล้วนะมีอา... ฉันขอปรับแต่งรองเท้าบู๊ทของเธอหน่อยได้รึเปล่า...〞

〝ได้สิ! ไม่เห็นต้องเกรงใจเลยนี่นา〞

〝อะ อื้ม!〞

          มีอาตอบรับคำขอของกรแทบจะทันที เลยทำให้กรตกใจนิดหน่อย...

          รองเท้าบู๊ทที่มีอาสวมอยู่ตลอด มันคือของชิ้นแรกที่กรมอบให้เธอ... นั่นเลยถือเป็นของสำคัญสำหรับเธอมาก ขนาดว่าเมื่อก่อนหน้าที่กรมีรองเท้าประสิทธิภาพดีกว่าให้สวมเธอยังไม่อยากเปลี่ยนเลย... แต่พอมีอาพูดออกมาแบบนั้น... มันเหมือนกับมีอาจะบอกเขาอ้อม ๆ ว่า ตัวกรที่อยู่ตรงนี้สำคัญกว่ารองเท้า และไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นั่นเลยทำให้กรดีใจไม่ใช่น้อย

          รวมถึงเรื่องต่อจากนี้ มันอันตรายมากถึงขนาดประมาทไม่ได้แม้แต่นิดเดียวก็ด้วย... หากสามารถลดความเสี่ยงในการต่อสู้หรือเจอช่องว่างของความปลอดภัยของมีอาเข้าแม้ซักนิด กรก็พร้อมจะอุดช่องว่างนั้นทันทีเพราะไม่อยากให้เธอบาดเจ็บเท่าที่เป็นไปได้ กรจึงทำการสร้างและติดเกราะเหล็กสำหรับหน้าแข้งเข้ากับรองเท้าบู้ทของมีอาในทันที

〝เสร็จแล้วหล่ะมีอา!〞

〝อื้ม! ขอบคุณนะกร〞

〝อะ อา〞

          มีอารับรองเท้าของเธอคืน และส่งรอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติกลับไปที่กรเป็นรางวัล ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มนามอุษณกรกรละลายไปถึงขั้วอีกครั้ง จนถึงกับทำให้กรเคลิบเคลิ้มไม่ได้สติไปประมาณ 2 วินาทีเลยทีเดียว...

〝อืม〜?〞

〝หืม? อะไรเหรอมีอา?〞

          ในระหว่างที่กรกำลังเคลิ้ม มีอากลับจ้องไปที่อุปกรณ์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยเห็น พลางเอียงคอสงสัยและและเอานิ้วชี้จิ้มที่แก้มตัวเองอย่างน่ารักน่าชัง นั่นเลยทำให้กรได้สติกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

〝ไอ้ที่เหมือนแมงมุมนี่คืออะไรเหรอกร?〞

〝มะ แมงมุม? ทำไมเห็นเป็นงั้นหล่ะเนี่ย?〞

〝มะ ไม่ใช่หรอกเหรอ? ขอโทษทีนะ〞

〝น่า ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อนนี่นา ช่วยไม่ได้หรอก...〞

          กรปลอบมีอาที่ทำหน้าเสียดายออกเล็กน้อยโดยการลูบศีรษะเหมือนทุกที เมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเกินความเข้าใจของเธอ กรจึงจะรีบอธิบายฟังเพื่อให้มีอาฟัง แต่ว่า...

〝หืม? อย่าบอกนะว่านี่คือ『โดรน』〞

          เมอร์ลินที่เปลี่ยนมานั่งพับเพียบอยู่ข้าง ๆ กรกลับเป็นคนเฉลยออกมาก่อน กรเลยทำหน้าบูดงอนออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมอร์ลินเลยยิ้มแบบจิกกัดกลับไปยังกรอีกทีราวกับนั่นเป็นชัยชนะของตน ก่อนที่มีอาจะเอ่ยถามต่อไปอีกว่าเจ้าเครื่องนี้มีไว้ทำอะไร

〝นั่นสินะ... ปกติก็เอาไว้สำรวจสภาพแวดล้อมจากบนฟ้าแหล่ะนะ... ใช่รึเปล่า?〞

〝อือ.... จะเอาไว้ทำงั้นแหล่ะ〞

          เมอร์ลินถามกรเพื่อความมั่นใจในจุดประสงค์การใช้งาน กรที่ยังงอนอยู่เลยตอบกลับออกไปทั้งที่แก้มพองตุบป่อง เมอร์ลินเลยเบียดตัวเข้ามาจนชิดพลางยื่นหน้ามาใกล้กับกรจนจมูกแทบจะชนกัน แล้วพูดแกล้งกรอีกว่า〝อยากให้ปลอบรึเปล่า?〞กรเลยตอบกลับไปว่า〝เกรงใจครับ!〞แล้วก็ใช้นิ้วชี้ดันหน้าผากของเมอร์ลินออกไป

〝ฮึ่ย! ว่าแต่จะเอาไปใช้ทำอะไรหล่ะหืม?〞

          เมอร์ลินที่ถอยใบหน้าออกมาเพราะโดนกรใช้นิ้วจิ้มหน้าผาก ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากของตัวเองพลางถามกรออกไปด้วยอาการหงุดหงิดนิดหน่อย แต่พอได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากของกร ทั้งเธอและมีอาต่างก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังอย่างช่วยไม่ได้

〝เอาไว้เฝ้าดู『เจ้าพวกตัวยุ่ง』…. ยังไงหล่ะ〞

〝หมายถึง... พวกเพื่อนสนิท 4 คนนั่นใช่รึเปล่า?〞

〝อา....〞

          กรทำสีหน้าเหงาหงอยลงเล็กน้อย เพราะถูกความรู้สึกหลาย ๆ อย่างกดทับในหัว พร้อมทั้งเกิดอาการหนาวเหน็บที่ผิวกายทั่วทั้งร่างอย่างหาสาเหตุไม่ได้

          มีอาและเมอร์ลินที่เห็นแบบนั้นเลยเบียดเข้ามาราวกับอ่านใจกรได้.... กรที่ได้รับความอบอุ่นจากร่างของพวกเธอแทนที่ความหนาวเหน็บอันเกิดจากความเหงาเลยแสดงสีหน้าผ่อนคลายลง

นี่เองก็เป็นอีกเรื่องที่เราตัดสินใจ...

การเดินทางต่อจากนี้ไป ต้องเป็นเรื่องที่เสี่ยงชีวิตอย่างมากแน่นอน...

พอคิดถึงเจ้าพวกนั้น ภาพตอนที่เราต่อสู้แลกชีวิตจนตายทุกครั้งก็แทรกเข้ามาในหัวตลอดเลย...

อยากเจอ... แต่ไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นตามเรามาเลย... หึหึ! เอาแต่ได้จริงนะฉันเนี่ย

เจ้าพวกนั้นหน่ะ ถ้าเกิดเจอเราเข้า ต้องตามเรามาแน่นอน... มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์

แต่จะให้ไปเจอเฉย ๆ  แล้วหายแวบไปอีกแบบนั้น เจ้าพวกนั้นคงห่วงยิ่งกว่าเดิมอีกแน่... เพราะงั้นสู้ไม่เจอกันซะยังจะดีกว่า...

เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ เราไม่อยากจะไปเจอเจ้าพวกนั้นในตอนนี้เลยจริง ๆ ......

          กรที่เผลอหลับตาลงเพราะได้รับความอบอุ่นจากมีอาและเมอร์ลิน เห็นภาพของเพื่อนสนิททั้ง 4 คนอันได้แก่ ริน โชต อลิสและชาญลอยเข้ามาในหัวอย่างชัดเจน... แล้วพอคิดว่าจะพยายามไม่ไปเจอก็ยิ่งปวดใจอีกจนต้องเม้มตาแน่น...

〝!!!〞

          กรที่สลัดความคิดนี้ออกจากหัวไม่ได้ซักที ถูกเมอร์ลินที่เอื้อมมือขึ้นมาจนถึงแก้มของเขาเรียกสติกลับคืนมา...

〝เมอร์ลิน...〞

〝เอาคืนยังไงหล่ะ....〞

          กรที่นึกย้อนกลับไปเมื่อ 3 วันก่อน ในเหตุการณ์ที่เมอร์ลินเล่าอดีตของตัวเองให้ฟัง... จนนึกได้ว่าเมอร์ลินถูกเขาทำแบบเดียวกันนี้ กรเลยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะพูด〝ขอบคุณ〞เมอร์ลินออกมา

〝หึ! งั้นก็เอาไว้แค่นี้ดีกว่ามั้ง... ก็พรุ่งนี้หน่ะต้องเดินทางแล้วไม่ใช่เหรอ? นายหน่ะควรพักได้แล้ว〞

〝!!!!〞

          ดวงตาของกรเบิกโพลงอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคนั้นออกมาจากปากของเมอร์ลิน...

จะว่าไปก็ยังมีอีกเรื่องนึงที่เรายังไม่ได้เคลียร์...

พรุ่งนี้เรากับมีอาต้องออกเดินทาง... ใช่แล้ว เรากับมีอา...

เมอร์ลินนั้น คือผู้ดูแลดันเจี้ยน... มีหน้าที่เพื่อเฟ้นหาผู้มีคุณสมบัติในการโค่นจอมมารแบบเดียวกับฉัน...

การที่เธอจะอยู่ช่วยพี่ชายอย่างฟรังซ์ ออลเดลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยซักนิด...

แล้วถ้าว่ากันตามตรง... เมอร์ลินหน่ะ... คือคนสำคัญเพียงไม่กี่คนที่ฉันอยากปกป้อง...

เพราะงั้นการที่ไม่พาไปผจญอันตรายด้วยมันก็ดีอยู่หรอก... ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากพอมีอาไปด้วยเลยด้วยซ้ำ

แต่มีอาหน่ะ ยังไงก็ต้องตามเรามาอยู่แล้ว... จะทำใจยักษ์ไล่เธอไป เราก็ไม่อยาก ไม่สิ... เราไม่มีวันทำร้ายจิตใจมีอาแบบนั้นแน่...

เพราะงั้นในส่วนของเมอร์ลิน... ถ้าถามความรู้สึกของตัวเอง... ฉันเองก็อยากจะอยู่ข้าง ๆ เธอเหมือนกัน... โถ่! ให้ตายสิ ฉันนี่มันเลวจริง ๆ เลยพับผ่า...

ถ้าเกิดว่าเรา... ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์แบบนั้นในลูบนรกนั่นหล่ะก็——

ถึงรู้ว่าทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง... แต่ความรู้สึกของเราที่ มีต่อพวกเธอนั้นเป็นของจริงแน่นอน...

ยังกับคำสาปไม่มีผิดเลยนะไอ้ลูบนรกนั่นหน่ะ... ใจร้ายชะมัดเลยให้ตายสิ...

〝งั้นฉันไปนอนก่อนหล่ะ〞

〝อืม....〞

          เมอร์ลินเดินจากไปทางประตู พร้อมกับเสียงตอบกลับที่เบามากของกร กรเองก็ตรวจสอบไอเทมและอุปกรณ์ครบหมดแล้ว จึงจะรีบเข้านอนเหมือนกัน

〝งั้นมีอา จะนอนเลยรึเปล่า?〞

〝ขะ ขอโทษนะกร... คือว่าวันนี้... เมอร์ลินเค้าอยากนอนด้วยหน่ะ〞

〝โห๋!〞

          กรร้องออกมาด้วยความประหลาด เพราะไม่นึกว่าทั้งสองคนจะสนิทกันขนาดนี้...

〝ก็เอาสิ... คงมีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลยสินะ... ตามสบาย ๆ 〞

          กรยกมือขึ้นเพื่อบอกเป็นนัย ๆ ว่า ตามสบายเลย! กับมีอาที่ขอโทษเขาเหมือนรู้สึกผิด เพื่อปล่อยให้สาว ๆ ทั้งสองเป็นตัวเอกในคืนสุดท้ายนี้ 

〝อื้ม! งั้นไปก่อนนะกร... เจอกันพรุ่งนี้〞

〝อา... เจอกันพรุ่งนี้〞

          ทั้งสองคนโบกมือให้กัน ก่อนที่มีทีอาจะวิ่งไปที่ประตู แต่เธอก็หันหน้ามายิ้มให้กรและโบกมือให้อีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งกรเองก็โบกมือกลับอีกพลางยิ้มส่งให้อย่างอ่อนโยนเช่นกัน ก่อนที่ประตูห้องนอนนี้จะถูกปิดจนเหลือเพียงแค่กรคนเดียวอยู่ในห้อง...

〝หึหึ! ดูโล่งไปเลยนะเนี่ย...〞

          ตั้งแต่ที่มายังคฤหาสน์นี้ กรกับมีอาก็นอนเตียงเดียวกันตลอด... อนึ่ง ตอนแรกนั้นกรให้มีอานอนบนเตียง แล้วตัวเองไปนอนบนโซฟาแทน แต่พอตื่นเช้ามามีอาก็นอนอยู่กับตัวเขาซะงั้น... เพราะงั้นในคืนที่สองเลยจบที่ทั้งคู่นอนที่เตียงเดียวกัน...

          แต่เป็นเพราะกรชินกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ทั้งจากที่อยู่ด้วยกันในดันเจี้ยนและในลูบนรก ที่มีอาชอบแอบ?เข้ามานอนชิดกับตัวเขาและใช้แขนเป็นหมอนข้างแบบนี้...

〝ฮึบ!〞

          กรที่สวมชุดนอนแล้ว ทำการหย่อนตัวเองลงกับเตียง แล้วก็เหม่อมองเพดานพลางนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาราวกับภาพยนตร์อัตชีวประวัติของตัวเองตั้งแต่ที่เขาลงมาที่ดันเจี้ยนครั้งแรก... สู้กับเคลเบรอส เจอกับมีอาและช่วยเธอให้พ้นจากสถานะทาส... คบกับมีอาหลังศึกกับบอสมังกรห้าหัว... เจอกับเมอร์ลินที่ 75 และเข้าปะทะกัน... แล้วก็ร่วมกันต่อสู้กับบอสชั้นที่ 100 ทศกัณฑ์

          อดีตที่ผ่านมามีทั้งน่าตรึงตราและอยากจะลืมเลือน... แต่มันคือสิ่งที่ทำให้กลายเป็นตัวเขาในตอนนี้ กรจึงต้องปล่อยผ่านไปอย่างช่วยไม่ได้

          แล้วกรที่กำลังคิดแบบนั้น ก็ผลอยหลับลงไปเพราะความเหนื่อยล้าทางจิตใจโดยที่ไม่รู้ตัว...

❖❖❖❖❖

〝มีอา ไม่ลืมอะไรใช่ไหม?〞

〝อื้ม!〞

          หลังจากที่คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์อันประกอบไปด้วยกรและมีอาในชุดพร้อมรบ เคลเบรอสและฟรังซ์ ได้ตื่นขึ้นมาจากความฝันยามค่ำคืนเตรียมการสำหรับเดินทางไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดเสร็จแล้ว ทุกคนจึงได้มารวมตัวอยู่ที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์เพื่อเตรียมเคลื่อนย้าย

〖ทุกคนพร้อมแล้วสินะครับ... ถ้างั้นก็...〗

          ฟรังซ์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดยื่นมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า แล้วก็จัดการร่ายเวทย์มิติอยู่ในใจเพื่อเปิดประตูไปสู่โลกเบื้องบนที่กรและมีอาจากมานานกว่า 1 เดือน

〝ว่าแต่เจ้าหมา... แกแน่ใจแล้วเหรอ?〞

แกร็ก ๆ !

〖แน่นอน... ข้าคือข้ารับใช้ของนายเหนือหัวฟรังซ์ ออลเดลก็จริง... แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคู่หูของเจ้าด้วยเช่นกันนะเจ้าหนูเอ๋ย! 〗

          ระหว่างที่ฟรังซ์ร่ายเวทย์ เพราะมียินเสียงโลหะเสียดสีออกมาจากฝักดาบที่มีอากำลังถืออยู่ และเจ้าของเสียงนั่นก็คือเคลเบรอสที่ตอนนี้กลายร่างเป็นดาบเช่นเดิมแล้วนั่นเอง

          เคลเบรอสนั้นตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้ว ว่าจะเป็นคนเฝ้าดูกรจนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดความปรารถนาของฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นนายเหนือหัว ในการโค่นจอมมารให้ได้ แม้กรจะถามลองเชิงไปแบบนั้นก็จริง แต่ก็โล่งใจขึ้นเยอะที่เคลเบรอสตามมาด้วย เพราะงั้นเลยทำให้เคลเบรอสตอบกลับกรด้วยน้ำเสียงภูมิใจเล็กน้อยเพราะเดาใจกรออกในระดับนึง

ว่าแต่... เมอร์ลิน... ไม่มาบอกลากันหน่อยเหรอเนี่ย...

          กรที่ไม่เห็นตัวเมอร์ลินซักทีคิดแบบนั้นอยู่ในใจและนึกเสียใจเล็ก ๆ อยู่คนเดียว

          หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเธอตื่นสาย... กรเองก็มีคิดแบบนั้นบ้าง แต่ในเวลาสำคัญแบบนี้ เธอคงไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นมั้ง... หรือถ้าคิดในแง่บวกหน่อย ก็คงเป็นเพราะตัวเธอไม่อยากให้ใครเสียน้ำตา รวมถึงไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาของตัวเอง(ถึงข้อหลังจะมีโอกาสเห็นน้อยสุด ๆ ก็เถอะ)

แต่ก็อย่างว่าแหล่ะนะ... ความรู้สึกที่เกิดจากภาพลวงอย่างของเรา... มันจะไปเหมือนกับในจิตใจเธอได้ยังไงกัน...

เพราะงั้นคงช่วยไม่ได้หรอก... เมื่อคืนมีอาคงได้คุยกันจนหนำใจแล้วสิ...

น่าเสียดายเหมือนกันแฮะที่ไม่ได้บอกลากันก่อนเดินทาง...

วิ้ง!

〖เกทใช้การได้แล้วนะครับ เชิญคุณมีอาก่อนเลยครับ! 〗

          วงเวทย์ที่เป็นลักษณะวงรีขนาดใหญ่พอให้คน 3 คนเข้าไปได้ส่องสว่างขึ้นมาพร้อมกับคำประกาศของฟรังซ์ที่ปล่อยมือลงข้างลำตัวหลังร่ายเวทย์เสร็จแล้ว และได้เชิญให้มีอาเข้าไปเป็นคนแรกด้วยสาเหตุบางอย่าง

〝เดี๋ยวก่อน! ให้ฉันเข้าไปก่อนดีกว่า〞

〝หุหุ! ไม่เป็นไรหรอกกร〞

          ด้วยท่าทีห่วงมีอาเกินเหตุของกร เลยทำให้มีอาหัวเราะคิก ๆ ออกมาอย่างน่ารักน่าชังด้วยความดีใจที่กรเป็นห่วงเป็นใยเธอขนาดนี้

          กรเองก็คิดว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย ก็เลยปล่อยให้มีอาที่ถือเคลเบรอสอยู่เดินเข้าไปในวงเวทย์ตามคำแนะนำของฟรังซ์ ออลเดล แล้วพอผ่านไปได้ราว ๆ 5 วินาทีวงเวทย์ก็ส่องสว่างขึ้นจากพื้นจนมองไม่เห็นร่างของมีอา แล้วพอแสงจางหายไป ร่างของมีอาก็หายไปพร้อมกัน...

〝งั้นต่อไปก็ฉันสินะ...〞

〖ครับผม! ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกครับ... แต่น่าเสียดายที่มีคนจองอยู่ก่อนแล้ว 〗

〝ว่าไงนะ!?〞

          กรที่กำลังจะเดินเข้าวงเวทย์เป็นคนถัดไป ถูกขัดขวางด้วยคำพูดที่ไม่อาจเข้าใจได้ของฟรังซ์ ออลเดล

———ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

〝แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!———〞

          เสียงวิ่งที่ลงน้ำหนักอย่างแรงหยุดลงที่ด้านหลังของกร ตามมาด้วยเสียงหายใจหอบของหญิงสาวที่กรต้องการพบ...

〝เมอร์ลิน?〞

          ทันทีที่กรหันกลับไป ก็พบเข้ากับเมอร์ลินที่สวมชุดที่ดูยังไงก็เป็นชุดออกเดินทาง... แถมยังเป็นแบบที่จอมเวทย์ระดับสูงของเทพเจ้าใส่กันโดยดัดแปลงตามรสนิยมของเธอเอง ตามที่เห็นในหนังสือซึ่งกรเคยอ่านในห้องสมุดอีกด้วย...

          นอกจากนั้นที่ด้านหลังของเธอยังมีกระเป๋าเป้หนังแบบสะพาย ซึ่งบนสุดก็คือคฑาเวทย์ลายมังกรคู่ใจของเธอถูกลดความสั้นลงเหลือครึ่งเดียวและผูกไว้บนสุดนั่น... แล้วรอบ ๆ ยังมีสายรัดที่เต็มไปด้วยขวดทดลองรูปชมพู่และหลอดทดลองที่มีน้ำยาสีต่าง ๆ อยู่ข้างใน พร้อมกับใส่จุกยางอย่างเรียบร้อย...

〝ขอโทษที่ให้รอนานนะ... พอดีกำลังคัดกรองหนังสืออยู่นะ〞

〖เอาไปหมดเลยก็ได้นี่ครับ... ยังไงกระเป๋านั่นก็มีที่เหลือเฟืออยู่แล้ว〗

〝ขนไปเยอะเกินมันน่ารำคาญ〞

〖ฮะฮ่ะ! กะแล้วเชียว...〗

          เมอร์ลินเดินเข้ามาจนถึงข้าง ๆ กรที่พูดอะไรไม่ออกด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะเริ่มพูดคุยกับฟรังซ์ ออลเดลก่อนที่จะออกเดินทาง

〝หมายความว่าไงเนี่ย?〞

〝หืม? เห็นแล้วยังไม่เข้าใจรึไง...〞

〝ไม่ใช่... ที่ถามหน่ะหมายถึง ทำไม? ต่างหาก...〞

          เมอร์ลินเงียบไปเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถามของกรกลับอย่างจริงจัง นั่นทำให้ฟรังซ์ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับก้มหน้าหลับตาลง ราวกับยินดีกับคำตอบของเมอร์ลินไปพร้อมกับเจ้าตัว...

〝นายบอกเองไม่ใช่เหรอ... ว่าให้ทำเรื่องที่ตัวเองสบายใจ... ต้องขอบคุณนายเลยที่ทำให้ฉันตัดสินใจได้〞

〝!!!?〞

〝ฉันจะไปสะสางมัน... เรื่องค้างคาที่อยู่ในใจทั้งหมดนั่น!!! และฉัน... ก็จะไปกับนายด้วย...〞

          กรนั้นไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปเองรึเปล่าที่เมอร์ลินหน้าแดงก่ำในจังหวะที่พูดถึงตัวเอง... แต่กลับกันแล้ว เมอร์ลินนั้นรู้ตัวว่าตัวเองกำลังหน้าแดงด้วยความเขินอาย เลยหันไปทางฟรังซ์เพื่อกลบเกลื่อนความประหม่าไปในตัว และด้วยเหตุผลสำคัญที่จะบอกลาพี่ชายของตัวเองดี ๆ ก่อนที่จะออกเดินทาง

〝พี่... ขอโทษนะ... ให้อภัยในความเอาแต่ใจของหนูด้วย〞

          เมอร์ลินที่เดินเข้าไปใกล้กับฟรังซ์ พูดกับเขาด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคน... แต่กรก็ไม่ได้สอดและมองดูพวกเขาคุยกันด้วยสายตาที่อ่อนโยน

〖จะขอโทษผมทำไมกันหล่ะเมอร์ลิน... อย่างที่คุณอุษณกรบอก... เธอต่างหากที่ทำตามความเอาแต่ใจของผมมานานแล้ว เพราะงั้นตอนนี้... ถึงเวลาแล้วครับที่เธอจะต้องเดินบนเส้นทางของตัวเองอีกครั้ง...〗

〝พี่... 〞

          แม้จะมองเพียงแผ่นหลังของเมอร์ลิน แต่กรก็รู้ว่าเธอกำลังหลั่งน้ำตาแห่งความเศร้าและปลื้มปิติ... กรจึงหลับตาลงทั้งสองข้าง เพราะเคารพการตัดสินใจของเธอ

          หลังจากบอกลาตามประสาพี่น้อง เมอร์ลินเช็ดน้ำตาที่ปริ่มอยู่ขอบตาของตัวเองแล้ว ก็วิ่งแจ้นไปที่วงเวทย์อย่างร่าเริงแล้วก็หันกลับมาหาฟรังซ์อีกครั้ง แสงสว่างจากพื้นส่องสว่างขึ้นมาจนแทบจะกลบร่างของเมอร์ลินมิด แต่ทั้งกรและฟรังซ์ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน เมอร์ลินจึงใช้โอกาสนี้พูดบอกลาพี่ชายของตัวเองอีกเป็นครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตาว่า

〝พี่คะ... ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ〞

วูม!

        แสงสว่างจางลงอีกครั้งโดยที่ไม่เหลือร่างของเมอร์ลินอยู่ในวงเวทย์ เป็นตัวบ่งชี้ว่าเธอออกไปยังโลกเบื้องบนแล้ว...

〖คุณอุษณกรครับ... นี่〗

          หลังจากเมอร์ลินเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว ฟรังซ์ได้หันหน้ามาทางกรและยื่นมือขวาของตัวเองออกมา จากนั้นวัตถุที่มีลักษณะเรียวยาวก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าบนมือของฟรังซ์ ออลเดลที่อยู่ใกล้ ๆ แล้วพอกรสังเกตดู กรถึงรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่เขารู้จักดี...

〝คาตานะ... สีขาว...〞

〖ครับผม... ชื่อของมันคือ『ชิโระยูกิฮิเมะ』เป็นอาวุธระดับ SSS ที่เพื่อนของผมตีโดยใส่ออร่าของผมเข้าไปด้วย... มันจะตอบสนองและเพิ่มความสามารถขึ้นตามผู้ใช้ และยังเพิ่มความสามารถตามจินตนาการผู้ใช้เหมือนกับใช้ออร่าอีกด้วยครับ〗

          สิ่งที่อยู่ในมือของฟรังซ์ ออลเดล คือ คาตานะที่ตัวดาบยาวประมาณ 1 เมตร ซึ่งตัวดาบรวมถึงใบดาบนั้นเป็นสีขาวทั้งหมด... มีเพียงลายของด้ามดาบเท่านั้น ที่มีสีแดงเจืออยู่เป็นลายข้าวหลามตัดเล็ก ๆ

〖ผมให้ครับ〗

〝เห๋!? จะดีเหรอ?〞

〖ผมว่ามันคงน่าสงสารแย่นะครับ ถ้าตีมาแล้วไม่มีคนใช้หน่ะ...〗

〝.....ถ้างั้นก็ขอรับไว้ด้วยความยินดี ขอบคุณมาก〞

          กรยกมือขึ้นมารับดาบพร้อมฝักทั้งสองมือ แล้วก็จัดการเอาไปไว้ด้านหลังที่มีช่องใส่ที่เหลือ 1 ช่อง รวมกับเคลเบรอสก็ครบพอดี

          หลังจากที่รับดาบที่เสมือนเป็นของขวัญจากลามาแล้ว กรจึงเดินเข้าไปในวงเวทย์เป็นคนสุดท้ายเพื่อทำการเคลื่อนย้ายในทันที แต่ว่า...

〖คุณอุษณกรครับ...〗

〝!!!!!〞

          ฟรังซ์ที่อยู่ห่างออกไปเมตรครึ่ง โค้งคำนับให้กับกร โดยที่ไม่ทันตั้งตัวอีกครั้งที่กรทำหน้าตกตะลึงให้กับสองพี่น้องคู่นี้...

〖ขอฝากเมอร์ลินด้วยนะครับ.....〗

〝..........อ่อ ถ้าเรื่องนั้นหล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วง〞

          ฟรังซ์โค้งคำนับแบบนั้นจนกระทั่งได้ยินคำตอบของกร เขาจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดต่อ...

〖บอกตามตรง... ตั้งแต่แรกผมยังไม่เชื่อคุณสนิทใจหรอกนะครับ〗

〝มันก็ทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะ〞

〖ฮะฮ่ะ! นั่นสินะครับ... แต่ถ้าเป็นตอนนี้... ผมคงฝากฝังเรื่องของเธอไว้ได้... เพราะที่ผ่านมา จริง ๆ แล้วผมแอบทดสอบคุณอุษณกรอยู่หน่ะครับ... บ่อย ๆ เลยด้วย〗

〝ทดสอบงั้นเหรอ? นี่นายเป็นพี่ชายหรือพ่อตากันแน่เนี่ย?〞

〖แหม ๆ ก็ไม่รู้สินะครับเนี่ย... ฮะฮ่ะ! ฮะฮ่ะ!〗

          ฟรังซ์ หัวเราะร่าออกมาอีกครั้ง ราวกับปลดปล่อยความคิดที่อยู่ในใจจนร่างกายเบาโหวง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่แสงสว่างของวงเวทย์สว่างจ้าขึ้นมาพอดี...

〝ถึงเวลาต้องลาแล้วสิ...〞

〖ครับผม... ชักเริ่มเหงาแล้วสิ〗

〝อย่าพูดงั้นสิ... ทางนี้รู้สึกผิดอยู่นา...〞

          กรพูดตอบกลับไปในความหมายที่ว่าทำให้ฟรังซ์เหลือตัวคนเดียวในดันเจี้ยน เพราะพาน้องสาวของเขามาด้วย... แต่แน่นอนว่าฟรังซ์ไม่ได้ใส่ใจ

          พร้อมกับแสงสว่างที่จ้ามากขึ้น... กรเลยถือโอกาสแบบนี้ทำเรื่องที่สมควรทำก่อนจากในฐานะลูกศิษย์

〝ฟรังซ์... ไม่สิ อาจารย์... ขอบคุณนะ... ถ้าไม่ได้นายช่วยไว้หล่ะก็ ฉันคงตายตั้งแต่ตอนแรกที่ลงมาดันเจี้ยนแล้ว... แล้วก็เป็นเพราะนาย... เลยทำให้ในมือของฉันมีสิ่งสำคัญเพิ่มขึ้นอีก... ขอบคุณอีกครั้งจากใจเลย〞

          กรยกมือทั้งสองข้างมาประกบกันแล้วพนมมือ ยกขึ้นมาจนนิ้วโป้งจรดกับระหว่างคิ้ว เป็นตัวบ่งบอกในการเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า...

〖ด้วยความยินดีครับ...〗

          ฟรังซ์เองก็เข้าใจมารยาทนั้นของกรเช่นกัน จึงพนมมือขึ้นรับไว้ตามธรรมเนียมของประเทศกร ก่อนที่แสงสว่างจะจ้ามากขึ้น จนร่างของกรเลือนหายไปจากทัศนวิสัยของฟรังซ์ ออลเดลที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ของดันเจี้ยน《 เด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว 》แห่งนี้.....

❖❖❖❖❖

          หลังจากแสงสว่างจ้าจนแสบตาจางลง ทิวทัศน์แรกที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาของกรก็คือ...

          ถนนที่เป็นพื้นหญ้าเขียวขจี โดยมีข้างทางเป็นทุ่งดอกไม้สุดลูกหูลูกตา...

〝กร!〞

〝มาจนได้นะ〞

〖รอจนเหงือกแห้งแล้วเจ้าหนูเอ้ย!〗

          มีอาและเมอร์ลิน รวมถึงเคลเบรอสที่เป็นดาบซึ่งมีอาสะพายไว้ข้างหลัง กำลังยืนอยู่บนถนนที่เป็นผืนหญ้าโดยที่มีข้างทางเป็นทุ่งดอกไม้หลากสีสัน พวกเธอเรียกหากรในทันทีที่กรโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า

          หลังจากที่มองย้อนกลับไปด้านหลัง ว่าไม่มีอะไรนอกจากทางเดินที่เป็นหญ้าแบบเดียวกัน กรจึงหันมาสังเกตุมีอาและเมอร์ลินแทน... มีอาและเมอร์ลินนั้น พูดคุยกันด้วยท่าทีปกติโดยไม่มีอาการแปลกใจแม้แต่น้อย... แถมพอมานึกดูดี ๆ มีอาที่น่าจะเหงาเพราะเมอร์ลินไม่ได้ไปด้วย กลับทำตัวปกติมาตลอด ก็เข้าใจได้ว่ามีแต่ตัวกรคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเมอร์ลินจะมาด้วยกันนั่นเอง...

〝นี่ฉันโดนหลอกงั้นเหรอเนี่ย?〞

〝โดนหลอก?〞

          ในขณะที่ถามกรก็เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคนในเวลาไม่นาน จึงได้ยินคำถามของเมอร์ลินกลับมาแทนอย่างชัดเจนเต็มสองรูหู ผลก็คือมันทำให้กรอายจนหน้าแดง... เพราะเพิ่งมานึกได้ว่ามันน่าอายแค่ไหน ทั้งที่ ส่วนหนึ่งภายในจิตใจนั้น เขารู้สึกโล่งใจที่เมอร์ลินมาด้วยแท้ ๆ ...

〝อ๋อ! งั้นที่นายทำหน้าเหมือนลูกหมาถูกทิ้งมาตั้งแต่เมื่อวานก็เป็นเพราะเข้าใจว่าฉันไม่ได้มาด้วยงั้นสิ... หุหุ! เข้าใจหล่ะ ๆ  〞

          เมอร์ลินขยับตัวเข้ามาใกล้กรอีกครั้ง เพื่อหวังจะหยอกกรเล่นเหมือนอย่างเคย แต่คำตอบของกรที่(หลุดปากพูดออกมาจากใจจริง)ตอบกลับมา ทำให้เธอต้องเบิกตาโพลง...

〝หนวกหูน่า... รู้ไหมว่าฉันหน่ะ... ใจหายแค่ไหนพอคิดว่าเธอจะไม่ได้อยู่ข้าง ๆ แล้วหน่ะ...〞

〝!!!!〞

          ใบหน้าของทั้งสองคนเหมือนจะร้อง เอ๋! ออกมาพร้อม ๆ กัน... ก่อนที่ทั้งสองคนจะหน้าแดงตามระเบียบ เพียงแต่ฝ่ายของเมอร์ลินที่หน้าแดงยิ่งกว่าได้กำมือทั้งสองไว้แน่นพร้อมกับส่งสายตาแน่วแน่มายังกรราวกับจะบอกว่า นี่แหล่ะโอกาสหล่ะ! ยังไงอย่างงั้นเลย...

〝โอ๊ะโอ๋! ช่างกล้าจริงนะพ่อหนุ่ม... ทั้งที่ภรรยาอยู่ข้าง ๆ แท้ ๆ แต่ดันใช้คำพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นคนรักของนายอย่างงั้นแหล่ะ〞

〝อึก!〞

ยะ แย่แล้ว! เผลอดีใจมากไปหน่อย!

แล้วอีแบบนี้จะแก้ตัวกับมีอายังไงหล่ะเนี่ย...

          ในขณะที่กรกำลังคิดหาทางรอดของตัวเอง โดยไม่รู้ว่ามีอาที่ยืนอยู่ข้างหน้ากำลังอมยิ้มเพราะหวังอย่างอื่นอยู่และไม่ได้คิดว่ากรผิดแม้แต่น้อย เมอร์ลินที่เป็นตัวละครหลักในฉากที่จัดเตรียมไว้โดยมีอา ก็เดินเข้ามาใกล้กรมากยิ่งกว่าเดิมพลางเอามือทั้งสองข้างผสานกันไว้ข้างหลังราวกับเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอาย(ซึ่งแทบจะทะลุปรอทอยู่แล้ว) โดยถูกแสดงออกมาทางใบหน้าที่แดงยังกับลูกแอบเปิ้ลนั่น

〝หุหุ! แต่ที่พูดออกมานั่น ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ〞

〝เอ๋! อะไร?〞

          กรที่ยังคงอยู่ในสภาวะหาข้ออ้าง ยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม เมื่อถูกเมอร์ลินรุกใส่อย่างต่อเนื่องพร้อมกับใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มสดใสของเธอร่นเข้ามาจนห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือ

〝ทึ่มชะมัดเลย... งั้นจะทำให้เข้าใจเดี๋ยวนี้แหล่ะ!〞

〝!!!!!!!!!〞

          เมอร์ลินเขย่งตัวเองให้สูงขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะประทับริมฝีปากของตัวเองไปยังริมฝีปากของกรที่ยืนงงอยู่ข้างหน้า

          เพราะกรมัวแต่ยืนงง เลยทำให้เมอร์ลินต้องเป็นคนขยับเข้าไปในอ้อมอกของกรแทน กรที่แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ผละริมฝีปากออกทันที เพราะถูกรสจูบอันน่าหลงใหลของเมอร์ลินเย้ายวนไม่ให้เลิกรา.. แล้วจากนั้นราว ๆ 10 วินาทีที่ยาวนานของทั้งสองคนจบลง ทั้งสองคนจึงผละริมฝีปากออกจากกัน

〝เมอร์ลิน นี่เธอทำอะไรเนี่ย———〞

〝ฉันรักนาย!〞

          เมอร์ลินไม่ยอมปล่อยให้กรได้พูดจนจบประโยค... เพราะนั่นหมายถึงโอกาสที่กรปฏิเสธจะมีมากขึ้นในความคิดของเธอ

〝เดี๋ยวสิ เมอร์ลิน! แต่ว่านั่นหน่ะ———〞

〝ตั้งแต่แรกแล้วที่ฉันสนใจนาย!〞

〝!!!?〞

          อีกครั้งที่เมอร์ลินไม่ปล่อยให้กรพูดจบประโยค และก็เป็นอีกครั้งที่กรไม่อาจโต้เถียงผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ได้ เพราะถูกหัวใจเพียงหนึ่งของตัวเองสะกดไว้ด้วยอารมณ์อย่างเดียวกันโดยไม่รู้ตัว

〝นายหน่ะ... ตั้งแต่ตอนนั้น... ก็ทำแต่เรื่องที่ฉันทำไม่ได้มาตลอด... ทั้งที่ยืนหยัดขึ้นมาจากความสิ้นหวังนั่น... ทั้งที่ไม่ยอมแพ้เคลเบรอส... ทั้งที่เอาตัวเข้าแลกเพื่อปกป้องคนสำคัญอย่างมีอาแบบไม่คิดชีวิตก็ด้วย...〞

〝..............〞

〝ตอนที่เจอกันตรง ๆ ครั้งแรกที่ชั้น 75 นั่น... ดีใจมากเลยหล่ะ... นายเป็นคนแบบที่ฉันคิดเลย... เพราะงั้นฉันถึงรู้... ว่านายต้องเป็นคนที่เข้าใจฉันได้... นายทำให้ฉันตัดสินใจเลือกทางเดินของตัวเองต่อจากนี้... มอบเป้าหมายใหม่ให้กับฉันที่ถูกอดีตฉุดรั้ง... 〞

〝เรื่องนั้น———〞

〝แถมกับคนที่เป็นแค่พวกพ้องในนามอย่างฉัน... นายยังเอาตัวเข้าแลกยังกับคนบ้า... จนทำให้นายเป็นแบบนั้น…..〞

          เมอร์ลินทำสีหน้ารู้สึกผิดออกมาอย่างแรงเมื่อนึกถึงตอนที่ทศกัณฑ์ใช้ธนูที่ทำให้กรตกนรกทั้งเป็นกว่าแสนปีที่หนีไปไหนไม่ได้นั่น... แต่กรในตอนนั้นไม่ได้สนซักนิดว่าใครเป็นคนผิดหรือใครควรรับผิดชอบ... เพราะสิ่งที่เขาต้องการ คือการปกป้องสิ่งสำคัญเพื่อไม่ให้เสียมันไปเหมือนในอดีตเพียงเท่านั้น

〝เมอร์ลิน... ขอบคุณจริง ๆ นะ... ที่มารักคนอย่างฉัน... แต่ก็รู้หนิว่าฉันหน่ะ... มีมีอาอยู่แล้ว....〞

          กรยกมือขึ้นทั้งสองข้างมาวางที่ไหล่ของเมอร์ลินราวกับเพื่อประคองเธอที่คิดเรื่องของเขาในตอนที่กำลังทรมานเพราะอยู่ในนรก และเป็นเพราะกรนั้นตั้งใจจะปฏิเสธเธอ ถึงแม้ในส่วนลึกของหัวใจของกรคำตอบจะเป็นคนละแบบก็ตาม...

〝งั้นอย่างน้อยช่วยตอบทีได้ไหม... ว่านายรู้สึกยังไงกับฉัน...〞

〝เมอร์ลิน... ฉันหน่ะ———〞

          สายตาแห่งความปรารถนาของเมอร์ลินทะลุผ่านเลนส์แว่นของเธอ ตรงเข้าทิ่มแทงหัวใจของกรอย่างแรงจนกรไม่อาจเปิดปากพูดในทันทีได้  แต่ในจังหวะที่กรกำลังจะตอบปฏิเสธออกไปให้ชัดเจน ก็กลับมีเสียงของคนที่กรไม่คิดว่าจะตอบ มาช่วยกรไว้ในช่วงที่กำลังโลเลแบบนี้

〝บอกไปตรง ๆ เลยสิกร... เหมือนกับเมอร์ลิน...〞

〝มีอา?〞

          บุคคล ผู้ซึ่งกรกลัวที่จะหลั่งน้ำตาเพราะเขา... มีอาได้พูดขึ้นมาพลางเดินเข้ามาพร้อมกับเอามือไขว้หลังเหมือนกับเมอร์ลิน ราวกับเพื่อเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยทั้งสองคน... ไม่สิ สำหรับพวกเขา นี่ไม่ใช่เรื่องของคนสองคนอีกต่อไปแล้ว

〝ฉันหน่ะรู้นะ... ว่ากรต้องทรมานกับความทรงจำจอมปลอมที่ลาสบอสนั่นทำไว้หน่ะ...〞

          มีอาที่พูดประโยคนั้นออกมาราวกับอ่านใจกรได้... ทำให้กรดีใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะมีคนที่เข้าใจและเชื่อใจเขาที่สุดเป็นคนเดียวกันแบบนี้

〝ฉันหน่ะดีใจมากเลยนะที่กรเป็นห่วงความรู้สึกของฉัน... ดีใจที่สุดในโลกเลย... เพราะงั้นฉันถึงอยากบอกว่ากรหน่ะกำลังเข้าใจฉันผิดไปอยู่...〞

〝เอ๋!?〞

          นอกจากเมอร์ลิน... มีอาเองก็เป็นฝ่ายเผยความในใจหลังจากใช้ชีวิตในฐานะคนรักออกมาด้วยเช่นกัน แต่กรที่คิดแค่อยากจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุขกลับเพิ่งมาเข้าใจในตัวมีอาเอาป่านนี้ เลยตกตะลึงกับคำพูดของมีอาเอามากๆ

〝เหมือนกับที่กรทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันมีความสุข... ฉันเองก็ต้องการให้นายมีความสุขที่สุดเหมือนกัน!〞

〝มีอา... แต่แบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับนอกใจเธอเลยนะ!〞

〝ต่างสิ... เมอร์ลินเองก็เป็นเพื่อนของฉันเหมือนกัน... แล้วกรเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเมอร์ลินเหมือนกันไม่ใช่เหรอ... เพราะงั้นทางที่ทุกคนจะมีความสุข ก็คือ ทางนี้ไม่ใช่เหรอ? 〞

ชึบ!

          มีอาที่เดินเข้ามาจนถึงตัวทั้งสองคนยื่นมือออกมาทั้งสองข้างแล้วจัดการจับมือของทั้งสองคน เพื่อที่จะดึงมือของกรและเมอร์ลินมากุมกันไว้ด้วยตัวเธอเอง...

〝เพราะงั้นนะกร... ช่วยทำให้พวกเรามีความสุขไปด้วยกันทีเถอะนะ...〞

〝มีอา....〞

          ต่อหน้าคนสำคัญเช่นมีอาและเมอร์ลิน... กรไม่สามารถเมินตรรกะ ความเชื่อพื้นฐานเดิมของตนในเรื่องของคู่ครองได้ เพราะความเคยชินที่เกิดขึ้นกับพวกเธอในลูบนรกดังเช่นคำสาปเลยทำให้กรถูกผูกมัดกับความรู้สึกและตัวตนของทั้งสองคน

          แต่เพราะสายตาอันแน่วแน่ของทั้งมีอาและเมอร์ลินที่มองมายังเขา มันทำให้ความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตใจกร กำลังปริแตกออกมาพร้อมกับคำตอบภายในใจนั้น... กรจึงหลับตาลงครั้งนึงก่อนที่สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด แล้วก็เผยความในใจต่อเมอร์ลินที่อยู่ตรงหน้าทั้งที่ยังกุมมือของเมอร์ลินอยู่

〝เมอร์ลิน ฉันเอง... ก็รักเธอเหมือนกัน...〞

          สายตารู้สึกผิดของกรบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่ เพราะทั้งสามคนต่างก็ยอมรับในตัวกันและกันแล้ว... จะเรียกได้ว่าความสัมพันธ์อันเกิดจากการร่วมมือเพื่อเอาชีวิตรอดนั้น มันได้ผสานกันอย่างเหนียวแน่นและกลมเกลียวจนยากจะตัด ไม่สิ... ไม่มีอะไรมาตัดได้อีกแล้ว...

〝ขอบคุณนะ ดีใจสุด ๆ เลยหล่ะ!〞

〝หึหึ! บอกตรง ๆ ฉันเองก็โล่งใจขึ้นเยอะเลยหล่ะ... มีอาไม่เป็นไรใช่ไหม...〞

〝อื้ม! ไม่มีอะไรต้องกังวลซักนิด... เพราะจริง ๆ แล้ว ฉันกับเมอร์ลินหน่ะ คุยเรื่องนี้จบไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหล่ะ〞

เอ๋? เมื่อคืน! ที่ไปนอนด้วยกันอ่ะนะ?

โกหกน่า! อีแบบนี้ก็มีแค่ฉันที่ไม่รู้เรื่องอีกแล้วหน่ะสิ!

〝อะ อะไรกันเนี่ย... ถ้างั้นผลมันก็ต้องออกมาแบบนี้อยู่แล้วหน่ะสิ...〞

〝มะ ไม่เหมือนกันซักหน่อยนะกร!〞

〝ใช่แล้ว... ถ้านายไม่ยอมรับด้วยตัวนายเอง... ความรู้สึกของพวกเราในตอนนี้มันก็ไม่มีความหมายหน่ะสิจริงไหม...〞

〝มันก็... จริงหล่ะนะ...〞

          ทั้งสามคนเริ่มผ่อนคลายและพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่ปกติอีกครั้งหลังสถานการณ์คลี่คลาย

          กรที่กุมมือของเมอร์ลินด้วยมือขวา เอื้อมมือซ้ายไปจับมือขวาของมีอา และมีอาก็ยื่นมือซ้ายของตัวเองไปจับมือขวาของเมอร์ลิน จนทั้งสามคนจับมือล้อมกันเป็นวงกลม

〝ดีจังเลย... เหมือนพวกเราเป็นครอบครัวใหญ่เลยนะกร! 〞

〝ก็นะ... ถึงสามคนจะเรียกว่าใหญ่ได้รึเปล่าไม่รู้ก็เถอะ〞

〝อะไรกัน! ควบผู้หญิงสองคนแบบนี้ยังมีอะไรไม่พอใจอีกรึไง?〞

〝อึก! ขอทีเถอะ ทางนี้ยังรู้สึกผิดอยู่เลยนะครับผม...〞

          เมอร์ลินกลับมาหยอกล้อกรอีกครั้ง ที่อารมณ์ของทุกคนกลับมาปกติ ไม่สิ... ต้องเรียกว่ามีแค่มีอากับเมอร์ลินที่กำลังอารมณ์ดีแบบสุดๆมากกว่า

          มีอานั้นดีใจที่สามารถทำให้กรมีความสุขได้... ทั้งยังทำให้ตัวเองและเพื่อนอย่างเมอร์ลินมีความสุขไปพร้อมกันได้

          เมอร์ลินค้นพบคนที่ยอมรับในตัวตนของตัวเองถึงสองคน และหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้ชายที่เธอรักดังเช่นกร... รวมถึงความปรารถนาที่จะให้กรตอบรับความรักเองก็ยังสมหวังอีก

          ส่วนทางกรที่ได้เปิดเผยใจจริง ว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้กับทั้งสองคนเหมือนกันก็โล่งใจ ที่ไม่ต้องเก็บกดความรู้สึกดังกล่าวอีกแล้ว… แต่ก็ยังคงรู้สึกผิดที่คบกับผู้หญิงถึงสองคนในเวลาเดียวกันอยู่ดี แม้พวกเธอจะตกลงกันแล้วและทั้งสามคนจะสนิทกันมากก็ตาม

〝เฮ้อ! ให้ตายสิ... ตอนนี้ชักรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นผู้ชายเลว ๆ ไปซะแล้วแฮะ〞

          ทั้งสามคนผละมือออกจากกันพร้อม ๆ กัน ส่วนกรที่ยังรู้สึกผิด พูดแบบนั้นออกมาราวกับก่นด่าตัวเอง ก่อนที่จะนั่งเหยียดขาลงกับพื้นริมของขอบถนนโดยที่ด้านหลังเป็นทุ่งดอกไม้

          และพอเห็นกรนั่งลงกับพื้น เมอร์ลินเลยเดินมาด้านขวาของกรและนั่งเหยียดขาอย่างผ่อนคลาย พร้อมๆกับมีอาที่นั่งชันเข่าลงข้างซ้ายของกร

〝หืม? เป็นเพราะค่านิยมมีคู่ครองคนเดียวในประเทศของนายสินะ...〞

〝ไม่ใช่เฉพาะประเทศครับ แต่เป็นทั้งโลกเลยต่างหาก〞

〝ไม่เห็นต้องกังวลเลยนี่นา... กรหล่ะก็〞

          มีอาพูดแบบนั้นพลางเอนตัวลงเอาศีรษะพิงกับไหล่ของกรอย่างเคย เมอร์ลินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ยอมแพ้และขยับใบหน้าซุกกับไหล่ขวาของกรเช่นกัน

         

〝อย่างที่มีอาว่า... ไม่เห็นต้องสนเลยนี่นา〞

〝ไหงงั้นเล่า!〞

〝ก็ที่นายกำลังใช้ชีวิตอยู่นี่หน่ะ... คืออีกโลกนึงไม่ใช่เหรอ?〞

〝!!!〞

〝ฉันพูดก็ยังไง ๆ อยู่... แต่ที่นี่หน่ะเขาไม่สนเรื่องจำนวนคู่ครองแบบนายหรอกนะ...〞

          คำพูดของเมอร์ลิน ทำให้กรตระหนักถึงความเป็นจริงที่กำลังเผชิญอยู่อีกครั้ง....

         

ที่นี่คือต่างโลก... วัฒนธรรม ค่านิยม วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ย่อมแตกต่างจากโลกที่กรจากมา

          แต่ถ้าแค่เข้าเมืองตาหลิ่ว แล้วหลิ่วตาตามได้ง่ายๆหล่ะก็... กรคงไม่ต้องมาลำบากกับค่านิยมในด้านการมีคู่ครองที่ต่างกันโขแบบนี้หรอก รวมถึงเหตุผลหลักเป็นเพราะเห็นแก่ทั้งสองคนด้วย...

          กรนั้นไม่มั่นใจว่าจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขไปพร้อมกันได้... นั่นต่างหากคือสิ่งที่ผูกมัดกร

〝ฉันบอกแล้วนี่กรว่าไม่ต้องกังวล... เรื่องที่ให้พวกเราสองคนมีความสุขหน่ะ... เพราะขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน… สำหรับฉันแค่นั้นมันเพียงพอแล้ว〞

〝ก็ตามนั้นแหล่ะนะ...〞

          ทั้งสองคนที่อิงแอบแนบกับไหล่ของกรพูดช้อนตามองกรขึ้นมาเหมือนกับอ่านใจกรออกอีกครั้ง จนเขารู้สึกหวั่นไหว...

          แต่เพราะคำพูดไม่กี่ประโยคนั่น... เพราะความรู้สึกของทั้งสามคนสื่อถึงกันจนหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมากความ... เพียงแค่นั้นก็ทำให้กรตัดสินใจได้แล้ว...

         

          เพราะคำพูดนั้นของทั้งสองคน กรจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่กับตัวเองอีกครั้งว่าจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขให้ได้ จึงปล่อยวางเรื่องน่าปวดหัวไว้ด้านหลัง และเลือกที่จะมองพวกเธอที่อยู่ตรงหน้านี้มากกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด

〝ก็ได้ ๆ ... งั้นช่างมันก็ได้ครับผม!!! กระผมไม่รู้ด้วยแล้ว!!!〞

〝〝 !!! 〞〞

          หลังจากที่ตัดสินใจได้แบบนั้น กรก็เอื้อมมือทั้งสองข้างไปวางบนไหล่ของทั้งสองคน แล้วก็เอนตัวลงนอนหงายท้องมองฟ้าครามที่อยู่เหนือศีรษะ โดยที่ดึงมีอาและเมอร์ลินลงมานอนข้างๆด้วยอย่างกะทันหัน...

〝ฉันจะทำให้พวกเธอมีความสุขให้ได้... สัญญาเลย...〞

〝〝กร...〞〞

          มีอาและเมอร์ลินที่นอนอยู่ด้านข้างหันหน้ามามองกรที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่จะเรียกชื่อของกรออกมา ในขณะที่แก้มแดงก่ำขึ้นมาด้วยความดีใจพร้อม ๆ กัน... ก่อนที่ทั้งมีอาและเมอร์ลินจะขยับเข้ามาชิดกับกรที่นอนหงายอยู่อีกครั้ง

〖ยังอุตส่าห์รอดตัวไปได้นะเจ้าหนู... ข้านับถือเจ้าจริงๆให้ตายสิ!〗

〝กัดกันจริงนะเจ้าหมา... แต่แค่เรื่องเมื่อกี้นี้ ก็เล่นเอาพลังงานสำหรับหนึ่งวันของฉันหมดไปเลยนะ〞

〖นี่พลังงานเจ้ามีจำกัดจำเขี่ยแค่ไหนกันเนี่ย!?〗

          เคลเบรอสที่อยู่ด้านหลังของมีอา พูดแทรกออกมาหยอกกรอีกครั้งหลังไม่ได้พูดซะนาน และเพราะทั้งสองคนหยอกล้อกัน เลยทำให้มีอาอมยิ้มและหัวเราะออกมาเหมือนอย่างเคย  เมอร์ลินเองก็จิกกรกลับด้วยคำถามอีกว่า〝อยู่ชมรมวรรณกรรมรึไงกัน นายหน่ะ?〞 กรเลยย้อนกลับไปว่า〝เรียกฉันว่าคุณโอ*กิ ก็ได้นะ〞 ก่อนที่ทั้งสี่คน? จะหัวเราะออกมาจากใจจริงพร้อมกันราวกับนัดแนะกันไว้อีกครั้ง

         

          สายลมอ่อนๆพัดกระทบร่างของทั้งสามคนในระหว่างที่นอนหงาย... นั่นทำให้กลีบดอกไม้ที่อยู่โดยรอบลอยขึ้นกลางอากาศและปลิวไปมาในทัศนวิสัย โดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีครามที่มีแสงอาทิตย์อ่อนๆเป็นเครื่องยืนยันความสดใสและเจิดจ้าของบรรยากาศ      

          แม้แต่โลกยังเป็นใจให้ทั้งสามคน... พวกเขาอดคิดแบบนั้นไม่ได้เมื่อ ความงดงามจากธรรมชาติได้เกิดขึ้นตรงหน้า พวกเขาจึงเลือกจะดื่มด่ำกับบรรยากาศดังกล่าวอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะออกเดินทางสู่โลกอันกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่เคยพบพาน

          ไม่ว่าจะสกปรกหรืองดงาม... แต่ทั้งหมดคือรสชาติของชีวิตที่ทุกคนต้องเจอ... และเป็นสิ่งที่พวกกรต้องได้พบเมื่อเริ่มการเดินทางอันแสนยาวไกลนี้...

          ใช่แล้ว.... การเดินทางของพวกเขา... มันเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นเอง...

❖❖❖❖❖

          ณ ห้องสี่เหลี่ยมแห่งหนึ่ง ซึ่งทาด้วยสีขาวสะท้อนกับแสงจากหลอดฟลูออเรสเซ็นต์ ยิ่งช่วยให้เห็นถึงความสะอาดสะอ้านของสถานที่แห่งนี้

          ภายในห้องประกอบด้วยโต๊ะทำงานแบบต่างๆ ทั้งกลมและสี่เหลี่ยมยาวๆ โดยมีเก้าอี้แบบล้อหมุนเป็นชุดเซ็ทเดียวกันอยู่ด้วย

          เอกสารจำนวนมากถูกวางไว้บนโต๊ะเหล่านี้อย่างกระจัดกระจาย ด้วยเพราะเป็นสถานที่ที่มีการจัดการกิจกรรมต่างๆเป็นจำนวนมาก และที่น่าสังเกตที่สุดก็คือคนที่กำลังนั่งอยู่คนเดียวในห้องแห่งนี้...

          ชายแก่ที่มีผมหงอกเต็มหัว และสวมแว่นดูภูมิฐาน ทั้งยังสวมชุดกาวน์สีขาวแบบยาว กำลังนั่งบนเก้าอี้ พลางอ่านเอกสารบางอย่าง ที่เพิ่งหยิบออกมาจากแฟ้มสีน้ำตาลอยู่เท่านั้น...

ครืด!

〝โอ้! สวัสดีครับ『คุณหมอสมชาย』!〞

          ชายหนุ่มที่สวมชุดกาวน์แบบเดียวกัน เปิดประตูห้องสีขาวแห่งนี้เข้ามาอย่างกะทันหันขัดจังหวะการกระทำของชายแก่ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ ทำให้เขาต้องวางมันลงบนโต๊ะก่อนที่จะถามสารทุกสุขดิบของคนที่เพิ่งเข้ามานี้

          เป็นอย่างที่บุคคลซึ่งปิดประตูเข้ามานี้บอก... ที่แห่งนี้ก็คือโรงพยาบาลในมหาลัยของจังหวัดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีขนาดใหญ่พอจะรองรับผู้ป่วยได้ถึง 600 เตียงเลยทีเดียว แถมยังมีแผนกรองรับผู้ป่วยหลากหลายอีก... เรียกได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่สะดวกสบายไม่ใช่น้อย

〝ไงครับคุณพัฒน์! ที่แผนกฉุกเฉินยังยุ่งเหมือนเคยสินะครับเนี่ย〞

          คนที่อ่านเอกสารบางอย่างอยู่บนโต๊ะ... คุณหมอสมชายตอบกลับบุคคลที่เปิดประตูห้องเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะก่อนอย่างไม่ถือสา...

          ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโรงพยาบาลแห่งนี้รองรับผู้ป่วยได้มาก... ก็แน่นอนว่าต้องมีผู้ป่วยจำนวนมากเช่นเดียวกัน นั่นเลยทำให้ทุกฝ่ายยุ่งกันไปหมด แม้จะในยามสายแบบนี้ก็ตาม

〝แฮะๆ ก็เหมือนทุกทีแหล่ะครับ! รู้งี้ผมน่าจะไปอยู่แผนกเด็กคงดีกว่า 〞

          ในขณะที่พูดคุย หมอหนุ่มอายุน้อยเพราะเพิ่งเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ก็เดินเข้ามาหยิบเอกสารที่ตัวเองกำลังหาไปพร้อมๆกัน

〝ไม่ง่ายหรอกนะ... เด็กดูแลยากออกจะตายไปครับ…〞

〝มันก็จริงหล่ะนะครับ... ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ลำบากเหมือนกันหมดนั่นแหล่ะ... ขนาด『คุณหมอสมชาย』ที่อยู่ศูนย์สมองและระบบประสาทที่เป็นแผนเฉพาะทางเองยังยุ่งสุดๆเลยนี่ครับ 〞

          ตามที่คุณหมอหนุ่มคนนี้พูด... แม้จะเป็นแผนกเฉพาะทาง เลยดูเหมือนจะมีคนป่วยเคสแบบที่ว่าน้อย... แต่เพราะที่นี้เป็นโรงพยาบาลดัง หากมีผู้ป่วยหรือผู้มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทจึงต้องมาที่นี่เท่านั้น ดังนั้น ที่นี่จึงยุ่งสุดๆเพราะมีแหล่งรองรับผู้ป่วยแบบดังกล่าวเพียงแห่งเดียว

〝จะว่าไปกำลังดูอะไรอยู่งั้นเหรอครับ?〞

          คุณหมอหนุ่มที่หาเอกสารของตัวเอวงเจอแล้ว และกำลังเดินออกจากห้องไป ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าคุณหมอสมชายคนนี้กำลังอ่านบางอย่างอยู่ จึงถามออกไปในเชิงขอโทษที่กวนสมาธิขณะอ่านข้อมูลนั่นเอง

〝ข้อมูลจำเพาะของเด็กคนนึงหน่ะ... แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร...〞

〝น่าแปลกแฮะ... ลองเช็คในฐานข้อมูลหรือเอกสารคนป่วยรึยังครับ〞

〝เช็คแล้ว... แต่ไม่มีเลยซักนิดครับ...〞

〝หืม? แบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ?〞

          คุณหมอหนุ่มเอียงคอสงสัย แต่ซักพักก็ยกนาฬิกาขึ้นมาดูด้วยนิสัยติดตัว ก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า แย่หล่ะสิ ถึงเวลาเข้าตรวจแล้ว!  ก่อนที่จะยกมือไหว้คุณหมอสมชาย แล้วรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องไป โดยปล่อยให้คุณหมอสมชายคนนี้นั่งอ่านเอกสารน่าสงสัยนี้อยู่คนเดียว...

          คุณหมอสมชายดึงกระดาษที่แสดงลักษณะจำเพาะและข้อมูลทางกายภาพของบุคคลๆหนึ่งขึ้นมาอ่านอีกครั้ง... มันเป็นเพียงข้อมูลธรรมดาๆ ทั่วไปที่ไม่อะไรน่าสงสัย... แต่ที่แปลกก็คือ ข้อมูลทั้งหมดของเด็กคนนี้ในแหล่งอื่นไม่มีเหลือเลยซักอย่าง ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตั้งแต่แรก... แต่ถ้างั้นแล้วทำไมถึงมีข้อมูลของเด็กคนนี้แค่ในแฟ้มได้กัน! นั่นคือสิ่งที่คุณหมอคิด

          คุณหมอสมชายที่ยอมแพ้ จัดการเก็บกระดาษที่เอาออกมานั้นคืนลงใส่แฟ้มสีน้ำตาล แต่เพราะไม่ได้ใส่ใจและเลิกสนใจไปแล้ว เลยเก็บกลับไปแบบส่งๆ โดยใส่เขาไปแบบตรงกันข้ามกับที่เอาออกมาตอนแรก

วูม!!!

〝หา?〞

          คุณหมอสมชายตะโกนออกมาด้วยอาการตกใจ เพราะทันทีที่สอดกระดาษจนสุดทั้งแผ่นแบบตรงกันข้ามกับตอนเอาออกมา แฟ้มด้านหลังของแฟ้มสีน้ำตาลที่เป็นเพียงแค่กระดาษเนื้อเดียวธรรมดา อยู่ดีๆก็มีจอภาพปรากฏขึ้นมาบนผิวกระดาษนั้น ราวกับว่าแฟ้มกระดาษนี้ถูกเปลี่ยนสภาพให้กลายเป็นแท็บเล็ตไปเสียแล้ว

〝นี่หลุดมาจากหนังสายลับรึยังไงกันเนี่ย?〞

          พอสังเกตดูดีๆ ผิวที่ใช้ทำกระดาษนั้นไม่ใช่กระดาษธรรมดา หากแต่ใช้วัสดุแบบเดียวกับจอแสดงผลคอมพิวเตอร์ในการประกอบ ซึ่งในกรณีนี้เป็นแบบบางมากเท่ากระดาษทั้งยังมีซีพียูฝังไว้ในตัวอีก ราวกับเป็นเทคโนโลยสุดล้ำสมัยจากหนังสายลับอย่างที่บอก และคุณหมอยิ่งอึ้งมากเข้าไปอีก เมื่อลองตรวจสอบดูแล้วรู้ว่าข้อมูลนี้จะเปิดได้ต้องใช้ลายนิ้วมือของตัวเอง

〝N*TO... โครงการลับสุดยอดทางทหาร... มนุษย์ดัดแปลงงั้นเหรอ?〞

          การแสดงผลข้อมูลในจอภาพ เหมือนกับหน้าหนังสือที่อ่านได้ทีละหน้าไม่มีผิด แถมเนื้อหาทั้งหมดยังเป็นภาษาอังกฤษ ปนกับฝรั่งเศสนิดหน่อย แต่คุณหมอคนนี้ก็ยังอ่านได้อย่างคล่องแคล่วอยู่ดี...

          ปัญหานั้นอยู่ที่ คุณหมอสมชายได้มองเห็นกระดาษหน้าแรก ถูกตรากำกับไว้ว่า TOP SECRET พร้อมกับประทับตราด้วยสัญลักษณ์นกอินทรีสีแดงแบบเดียวกันอีกต่างหาก ถึงแม้จะน่าตกใจแต่ก็ยังเปิดอ่านต่อไป....

〝….โครงการสร้างสุดยอดมนุษย์... ด้วยการใช้เทคโนโลยีนาโนแมชชีนในการผสมผสานเข้ากับเซลล์ เพื่อควบคุมและดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นทั้งหมดในตัวมนุษย์ออกมาจนเกินขีดจำกัดเพื่อใช้ในทางทหาร….〞

          PFNM-Cells (Perfect Flexibility Nano Machine Cells) คือชื่อของนาโนแมชชีนเซลล์ในโครงการลับสุดยอดนี้... ยิ่งคุณหมออ่านรายละเอียดมากยิ่งขึ้นก็ยิ่งรู้ว่าข้อมูลนี้มันน่ากลัวขนาดไหน ทั้งยังเริ่มกลัวแล้วด้วยว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อถ้าไปอ่านข้อมูลนี้เข้า

          นอกจากข้อมูลเซลล์ดังกล่าวแล้ว... ยังมีข้อมูลของตัวยาจำนวนมาก ที่ล้วนเป็นยาประเภทกดประสาทหรือยาคลายกล้ามเนื้ออย่างแรง โดยจุดประสงค์ของมัน ก็เพื่อที่จะทำให้ผลการทำงานของ PFNM-Cells ลดลงนั่นเอง แต่ข้อมูลที่น่าตกใจกว่าคือ แม้จะใช้ยาที่แรงขนาดไหน เซลล์นี้ก็จะพัฒนาตัวเอง จนยานั้นใช้การไม่ได้อีกในครั้งถัดไป จึงต้องมีการคิดค้นยาประเภทดังกล่าวเพื่อลดความสามารถของเซลล์ดังกล่าวในตัวของมนุษย์ทดลองคนนี้อยู่ตลอด

〝….หากสามารถสังเคราะห์เซลล์ทั้งหมดในร่างกายเป็น PFNM-Cells... จะทำให้เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายปรับตัวได้ในทุกสภาพแวดล้อม ส่งผลให้จิตสำนึกของมนุษย์คนนั้นควบคุมเซลล์ทุกชนิดในร่างกายได้เสมือนเป็นหน่วยประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์เสียเอง โดยจุดมุ่งหมายสูงสุดคือการปรับตัวที่ดีที่สุดซึ่งสามารถควบคุมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ในทุกสถานการณ์….〞

          เพิ่มความเร็วในการประมวลผลของสมอง... เพิ่มความสามารถในการคำนวณและคิดวิเคราะห์... ควมคุมสารสื่อประสาทเพื่อเพิ่มการตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งเร้า... การสมานบาดแผลภายนอกในเวลาอันสั้น... การซ่อมแซมอวัยวะภายในที่เสียหาย... สามารถเพิ่มพละกำลังของกล้ามเนื้อ... เพิ่มความสามารถทางกายภาพได้อย่างไม่มีขีดจำกัดตราบเท่าที่เป็นไปได้ในหลักกายภาพของมนุษย์ นั่นคือความสามารถที่เด่นๆเกือบทั้งหมดของมนุษย์ที่ถูกสร้างโดยโครงการลับสุดยอดที่ว่า…

〝ข้อมูลจำเพาะของมนุษย์ทดลองเพียงคนเดียวจาก 10,000 คน ที่สามารถมีชีวิตอยู่จนถึงระยะฟีตัส และเติบโตเป็นทารกได้อย่างสมบูรณ์? 〞

          คุณหมอที่เปิดอ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงหน้าสุดท้าย... ทั้งที่คิดว่าจะไม่ตกใจอะไรมากไปกว่านี้แล้วแท้ๆ แต่ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเมื่อเห็นภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในกระดาษแสดงข้อมูลจำเพาะตอนแรก... เพียงแต่ข้อมูลที่แสดงอยู่บนนั้น เป็นคนละอย่างกับลักษณะทางกายภาพของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง เพราะในนี้มีแต่รายละเอียดของเด็กหนุ่มซึ่งเกี่ยวข้องกับการทดลองทั้งสิ้น...

〝ข้อมูลจำเพาะของมนุษย์ทดลองหมายเลข 7849…. โค๊ดเนม『Last Children』ชื่อก็คือ....〞

.

.

.

.

.

〝........................อุษณกร วัชรวิรุฬห์

❖❖❖❖❖

เหลือเวลาอีก : 310 วัน ก่อนที่จอมมารจะฟื้นคืนชีพ

 

❖❖❖❖❖

จบบทที่ 1

『 Genesis of Weakest Brave』

ปฐมบทของผู้กล้าที่อ่อนแอที่สุด

❖❖❖❖❖

บทต่อไป

 『 Basilius Kingdoms Crisis 』

วิกฤตบาซีเลียส

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 47 : เริ่มใช้ชีวิตแบบตัวเอกในนิยายแฟนตาซีเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักที (เริ่มบทที่ 2)

    บทที่ 2 『 Basilius Kingdoms Crisis 』วิกฤตบาซีเลียส❖❖❖❖❖ครืด!——— ครืด!——— ครืด!——— ท่ามกลางความร่มรื่นของบรรยากาศยามบ่ายที่ไม่ร้อนเกินไปนักของถนนลูกรังสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมีผืนหญ้ายาวสุดลูกหูลูกตาและมีไม้ยืนต้นขนาดปานกลางแซมอยู่เป็นพักๆ ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างกำลังถูกลากไปตามทางของด้วยเสียงประหลาดๆแฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! เสียงหายใจหอบของคนที่เป็นต้นเสียงดังอย่างต่อเนื่องมาได้พักใหญ่ๆ... เมื่อโฟกัสไปยังต้นเหตุดังกล่าว ก็จะพบเข้ากับเด็กหนุ่มที่เป็นสาเหตุคนนั้นกำลังเดินลากเท้าไปตามพื้น แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มเดินลำบากนั้นมาจากหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะเป็นลมแดด? ซึ่งเขากำลังแบกอยู่ด้านหลังต่างหาก เหงื่อของเด็กหนุ่มไหลลงมากองที่คอด้วยความร้อนจากทั้งแรงกดทับของหญิงสาวและความร้อนจากแสงอาทิตย์ เลยทำให้ความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทีของทั้งสองคนนั้นเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะเรียกว่ากำลังเดินทางเข้าเมือง เพราะใบหน้าทรมานของทั้งสองคนมันเหมือนกับกำลังเดินทางไปสู่นรกมากกว่า(ฮาๆ) แตกต่างจากเด็กสาวที่เดินอยู่ข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 48 :  คนจะรวย ช่วยไม่ได้

    หลังจากนั้น พวกกรก็นั่งรถม้าเข้าไปในเมืองชั้นในพร้อมกับคุณโรนี่ โดยใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย… การตรวจตราเข้าสู่เมืองชั้นใน ดำเนินการโดยกองทหารฝ่ายตรวจการ เพราะเมืองชั้นในประกอบด้วยสถานที่ราชการเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยต้องมีการคัดแยกคนที่รัดกุมมากกว่าปกติ แต่พวกกรก็ผ่านมาง่ายๆ เพราะเดินทางมากับคุณโรนี่ซึ่งเป็นที่รู้จักในย่านนี้ แล้วจากนั้นประมาณ 10 นาที พวกกรก็มาถึงย่านร้านค้าซึ่งมีลักษณะเป็นตึกแถว 3 ชั้นที่ดูดีมีระดับแห่งหนึ่ง โดยที่ทั้งสองข้างทางต่างก็เป็นร้านกระจก และถูกประดับด้วยของดีทั้งนั้น ทางสัญจรที่แม้จะเป็นซอยหลักเองยังถูกปูด้วยพื้นหินแกรนิตเป็นลายสับหว่างเหมือนกับอิฐอย่างดีและงดงาม แค่มองดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นย่านร้านค้าของคนมีเงินใช้เหลือเฟือ แต่ดูเหมือนคนทั่วไปเองก็มาซื้อของที่นี่เหมือนกัน ด้วยเพราะกรมองเห็นคนแทบจะทุกประเภทสัญจรผ่านย่านการค้าแห่งนี้คับคั่งยิ่งกว่าตลาดเมื่อตอนเข้าเมืองเสียอีก รถม้ายังคงเคลื่อนตัวเข้าไปเรื่อยๆ... ในขณะเดียวกัน มีอาและเมอร์ลินที่ไม่ค่อยได้เห็นของพวกนี้เพราะอยู่แต่ในดันเจี้ยนมานานมาก ต่างก็มองผ่านหน้าต่างอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 49 :  ปัญหาในการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกิดจากการหาห้องพักให้ถูกใจ

    หลังจากพวกกรเดินหลบฉากออกมาจากย่านการค้าโรนี่ได้ซักพัก ณ ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเศษ พวกกรเลยตกลงกันว่าจะหาที่พักชั่วคราวอาทิเช่น โรงแรมหรือห้องพัก กันไปก่อน และเนื่องด้วยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูฝนปลายๆ เกือบจะเข้าฤดูร้อนพอดิบพอดี เลยทำให้เวลากลางวันยาวนานกว่าตอนกลางคืนพอสมควร แสงอาทิตย์จึงยังไม่เป็นสีส้มสนิท พวกกรเลยตัดสินใจว่าจะออกมาเดินเล่นในเมืองด้วยกันหลังจากที่จองห้องไว้แล้วด้วย แต่ว่า...〝นี่... ฉันว่าห้องของที่เมื่อกี้ก็โอเคอยู่นา...〞〝ไม่เอาด้วยหรอก! ฉันไม่อยากใช้ห้องน้ำรวมนี่นา〞〝แต่มันก็แยกฝั่งชาย หญิงอยู่ไม่ใช่เหรอ? 〞〝บอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอาย่ะ! 〞 ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ที่ทั้งสามคนยังคงง่วนอยู่แต่กับการเลือกห้องพัก ตามแบบที่เห็นตรงกัน ในด้านของมีอานั้น ไม่มีปัญหาซักนิดในเรื่องของรูปแบบห้อง ขอแค่มีเตียงเธอก็นอนได้หมด เพราะงั้นคนที่เถียงกันจึงมีแต่กรและเมอร์ลิน... ไม่สิ พูดให้ถูกคือเมอร์ลินเป็นฝ่ายเลือก ซึ่งสาเหตุของเมอร์ลินนั้นก็มาจากการต้องการความเป็นส่วนตัว รวมถึงไม่อยากทำความรู้จักกับบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นนั่นเอง กรที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 50 :  ศูนย์รวมของกลุ่มคนคือศูนย์รวมของข่าวสาร

    〝 ใหญ่จัง... 〞〝 ใหญ่เวอร์เลย 〞〝 สุดยอดเลยแฮะ 〞 มีอา เมอร์ลินและกรต่างก็แสดงปฏิกิริยาออกมาต่างกัน แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ความตะลึงและประทับใจ เมื่อพบกับอาคารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า หลังจากเดินเท้าจากอิกดราซิลโฮเทลเข้าสู่ศูนย์กลางของเมืองเพียง 10 นาที อาคารทั้งหมดถูกสร้างจากหินแกรนิตสีน้ำเงินโทนดำดูภายนอกน่ายำเกรง ลายของผนังและกำแพงภายนอกคล้ายกับการวางตัวของอิฐที่สับหว่างไปมาอย่างมีระเบียบ จากภายนอก กรพอจะคาดคะเนความสูงได้เกือบ 7 เมตร และเมื่อใช้หน้าต่างตั้งค่าตรวจสอบแผนผังก็พบว่าภายในเป็นอาคารขนาดใหญ่และมีถึง 4 ชั้น ลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทางเดินติดต่อระหว่างประตูอาคารและซุ้มทางเข้าขนาดใหญ่ติดกับกำแพง และซุ้มทางเข้านี้เอง ที่มีตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่สลักไว้ตรงกลางของป้ายสูงพอๆกับตัวอาคารเหนือหัวของพวกกรถูกเขียนเอาไว้ เป็นชื่อของอาคารแห่งนี้ว่า... 『กิลด์นักผจญภัยประจำเมืองคาลิโอน่า』ข้างในเองก็สุดยอดไม่แพ้กันเลยแฮะ ทันทีที่ทั้งสามคนเดินผ่านซุ้ม และผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรเข้ามาถึงภายในกิลด์นักผจญภัย ก็พบกับบรรยากาศแปลกๆ ขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 51 : ซื้อทาสครั้งแรก และ ครั้งแรก

    หลังจากที่พวกกรตัดสินใจจะเพิ่มพวกพ้องในปาร์ตี้ด้วยการซื้อทาสไปแล้ว พวกเขาจึงเริ่มตระเวนหาร้านดังกล่าวในทันที เพียงแต่... การหาร้านที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยซักนิด นั่นเป็นเพราะกรไม่เคยซื้อทาสมาก่อนนั่นแหล่ะ เพราะหากเป็นสินค้าอย่างอื่นไม่ว่าจะของกินหรือเครื่องใช้ กรก็มีพื้นเพในการคัดแยกของดีไม่ดีจากโลกเดิมอยู่แล้ว เพราะความรู้และสามัญสำนึกเป็นของโลกเดิม เลยมีความเสี่ยงจะโดนโกงสูง... ทางด้านมีอาเองเคยเป็นทาสมาก่อนก็จริง แต่ก็เป็นคนละประเภทกับที่ถูกขายตามท้องตลาด ส่วนเมอร์ลินก็อยู่แต่ในดันเจี้ยนทำให้ความรู้เรื่องโลกภายนอกไม่ต่างจากกรและมีอาซักนิด และพอใช้เวลาคิดซักเล็กน้อย... พวกกรก็ได้นึกถึงบุคคลคนนึงที่เขาเพิ่งรู้จักเมื่อวาน และเชื่อว่าเขาคนนั้นมีความน่าเชื่อถือมากพอ แถมยังทำงานสายการค้าอีกด้วย และยังเป็นคนมีอิทธิพลพอสมควร นั่นเลยทำให้กรคิดว่าเขาต้องช่วยแนะนำร้านค้าทาสดีๆให้กับกรได้แน่〝 ยินดีต้อนรับครับ! อ้าว คุณกรเองเหรอครับ 〞 ทันทีที่กรเปิดประตูเข้าสู่อาคารบริหารของย่านการค้า ก็ได้พบเข้ากับคนๆนึง กำลังสั่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 52 : ครั้งที่สองย่อมคล่องกว่าครั้งแรก

    หลังจากค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์ของทั้งสามคนจบลง ยามเช้าก็ได้มาถึง... ภายใต้ผ้าห่มบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งสามคนที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ได้นอนกอดกันกลมโดยมีเด็กหนุ่มนามว่า กร คั่นกลาง แสงอาทิตย์อุ่นๆ ของฤดูร้อนลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบร่างของทั้งสาม แต่มีเพียงกรเท่านั้นที่ตื่นจากภวังค์เพราะมัน ทันทีที่ตื่น กรสัมผัสได้ถึงผิวกายอันแสนวิเศษ ที่แนบชิดกับเขาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากมีอาและเมอร์ลินที่กำลังนอนหลับสนิทเคียงเขาซ้ายขวา และใช้ร่างของกรแทนหมอนข้างนั่นเอง...ไม่ต้องมีคำบรรยาย...เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่สุดยอดจริงๆเลย... ในหลายๆความหมายอาจจะเสียมารยาทกับพวกเธอไปหน่อย แต่ถ้าจะนับจากประสบการณ์ในลูป คงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกแต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณประสบการณ์พวกนั้นบ้างแหล่ะนะ... เลยทำให้นำได้อย่างดี สมเป็นลูกผู้ชายกับเขาหน่อย ในขณะที่คิดแบบนั้น มีอาและเมอร์ลินที่สัมผัสกายของกรได้ละเมอครางออกมาเบาๆ และขยับใบหน้าเข้ามาซุกที่อกของเขาแนบชิดกว่าเดิมดูจากการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ตอนนี้ก็เกือบ 9 โมงแล้ว... นี่พวกเราหลับยาวขนาดน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 53 : เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

    หลังจากที่พวกกรได้ฐานที่มั่นชั่วคราวเป็นห้องกับดัก กรก็เริ่มทำการสร้างชุดให้กับชาลอตในทันที จากนั้นก็สร้างโต๊ะวงกลมขึ้นด้วยเวทย์พฤกษา พร้อมกับเก้าอี้ไม้สี่ตัว เพื่อวางแผนการ นั่นเพราะต่อจากนี้ กรจะให้ชาลอตซ้อมต่อสู้และคุ้นชินกับคำสั่งให้ได้เร็วๆ นั่นเอง〝 โอ้! เหมาะมากเลย 〞〝 นั่นสินะ 〞 เมื่อชาลอตทำการเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จสิ้นก็ได้ฤกษ์เปิดม่านโชว์ตัวโดยยืนเป็นโมเดลด้านหน้าพวกกรที่นั่งโต๊ะอยู่ให้ได้เชยชม และเหตุผลเดียวที่เมอร์ลินและกรชมออกมาอย่างออกนอกหน้าก็คือ... ความงดงามของสาวน้อย?ตรงหน้ากับชุดเกราะที่เธอใส่ มีความเข้ากันในระดับที่สามารถขโมยใจชายและทำให้หญิงสาวคุกขอขมา ให้กับความน่ารักนี้ได้เลย... ชุดใหม่ของชาลอตที่ถูกปรับแต่งโดยกรและดีไซน์โดยเมอร์ลิน ตอนนี้มันมีลักษณะเหมือนกับเกราะหนังผสมกับเกราะโลหะ แบบเปิดไหล่ โดยตัวหนังที่เป็นพื้นฐานของชุดถูกกรปรับแต่งให้สามารถป้องกันเวทย์ได้ทุกชนิดที่มีระดับต่ำกว่าเขา ส่วนตัวเกราะโลหะที่ติดไว้ตั้งแต่บริเวณหน้าอกถึงท้องน้อย และด้านหลังตั้งแต่บริเวณหลังคอไปจนถึงสะโพก โดยที่โลหะหน้าและหลังเป็นคนละตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 54 : หากไม่เคยเปิดอ่านมาก่อน ก็ย่อมที่จะไม่รู้เนื้อหาในหนังสือ

    หลังจากที่ชาลอตต่อสู้ครั้งแรก ก็ผ่านมาเกือบชั่วโมงแล้ว... และอีกประมาณ 5 นาทีจะบ่ายโมงพวกเราพาเธอต่อสู้จนถึงชั้นที่ 5 เลยหล่ะ... แต่เลเวลเริ่มขึ้นยากมาก หลังจากเลเวล 50 หน่ะนะ..ถ้าใช้ตรรกะของเกม MMORPG ละก็... ยังไงการเก็บเวลจากมอนมันต้องช้ากว่าการทำเควสอยู่แล้วเพียงแต่ในเรื่องจริง การทำเควสมันไม่ได้ค่าประสบการณ์ซักหน่อย... ก็นี่หน่ะไม่ใช่เกมนี่นา! แค่คล้ายกันเท่านั้นเองเพราะงั้นของแบบนี้มันต้องใช้เวลาหล่ะนะ... แถมตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาสอบเลื่อนระดับแล้วด้วย วันนี้พอแค่นี้ดีกว่ามั้ง...แล้วสเตตัสของเธอก็น่าพอใจ(แบบโคตรๆ)แล้วด้วย... ถ้าถามว่าเป็นยังไงก็ตามนี้แหล่ะนะ ข้อมูลสเตตัส『ชาลอต ฟินเวล 』เพศ หญิง อายุ 18 เผ่าพันธุ์ โนวาฟ อาชีพ ช่างตีเหล็ก เลเวล 63ฉายา 〘ดวงตาวิเคราะห์(ซ่อน)〙《พลังโจมตี》 91,390 《พลังป้องกัน》 86,330《พลังเวทย์》 76,210 《ความต้านทานเวทย์》 61,030《ความว่องไว》 30,515 《พละกำลัง》 91,390น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12

บทล่าสุด

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 100 : ยามเมื่อเหล่าบุปผาผลิบาน

    ———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 99 : ความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่หลังความเป็นจริง

    〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 98 : หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ

    หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 97 : เหตุผลในการมีชีวิต

    〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 96 : การต่อรองต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

    หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 95 : ตัวละครเอกมักเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว

    หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 94 : บทปิดม่านของชายผู้ถูกความขลาดเขลากลืนกิน

    〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 93 : การแสดงชั้นยอด

    〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 92 : คนร้ายตัวจริง

    หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status