Home / แฟนตาซี / ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย / ตอนที่ 45 : การปฏิเสธตัวเองในอดีต ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเองในตอนนี้ด้วยเช่นกัน

Share

ตอนที่ 45 : การปฏิเสธตัวเองในอดีต ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเองในตอนนี้ด้วยเช่นกัน

last update Last Updated: 2025-04-11 15:33:38

เรื่องราวของแม่ทัพคนที่ 7 งั้นเหรอ?

จะว่าไปแล้ว เรื่องที่ฟรังซ์ ออลเดลเล่าครั้งแรกนั่นก็มีกล่าวถึงเหมือนกันนี่... ถึงจะพูดถึงแค่ครั้งเดียวเองก็เถอะ

ถ้าจำไม่ผิด... เจ้านั่นบอกว่าแม่ทัพที่สู้กับจอมมารหน่ะมี 7 คน แล้วต่อมา 6 ใน 7 คน ได้กลายเป็นมหานักปราชญ์....

เราเองก็คาใจมาตลอดว่าอีกคนนึงคือใคร... เพราะจาก 6 คน ก็มีพระเจ้าคนนึง กับดันเจี้ยนมาสเตอร์อีก 5...

เราเองก็หาหนังสือแบบเดียวกันมาตลอด แต่ไม่มีถูกกล่าวถึงเลยซักนิด เหมือนกับมีคนจงใจลบข้อมูลส่วนนั้นออกไปเลย...

แต่ถือวิสาสะเอามาอ่านเองแบบนี้นี่ ยัยนั่น.... เมอร์ลินจะโกรธรึเปล่าเนี่ย... แถมในส่วนลึกของจิตใจ เรากลับรู้สึกว่า ไม่ควรไปแตะต้องมันซะนี่...

          กรที่กำลังลังเล พยายามก้าวเท้าขวาเข้าไปข้างในห้องแต่ก็ต้องชักเท้ากลับออกมาเพราะรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็เข้าครอบงำอีกครั้งเขาจึงก้าวเท้าเข้าไปอีก แล้วพอมาคิดดูว่าเมอร์ลินจะรู้สึกยังไงที่โดนรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาติ กรก็ชักเท้าหนีอีกจนไม่ได้เข้าไปเสียที จนแม้จะผ่านไปถึง 5 นาทีเขาก็ยังคงทำแบบนั้นอยู่ด้านหน้าห้องของเมอร์ลิน จนกระทั่ง...

〝ทำอะไรอยู่นะหืม!?〞

〝!〞

          เพราะลังเลอยู่นานสองนาน เลยทำให้มีคนมาเจอเข้าจนได้ คนๆนั้นเดินเข้าหากรอย่างช้าๆและถามออกมาด้วยเสียงที่ดังฟังชัดจนกรตกใจสะดุ้งโหยงราวกับโดนจับได้ว่าแอบหนีออกนอกบ้าน และคนๆนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น... เธอก็คือเมอร์ลิน ที่เป็นเจ้าของห้องนั่นเอง

          ตอนนี้เมอร์ลินที่เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมอาบน้ำที่ยาวถึงเข่าและเกล้าผมไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวเพื่อซับน้ำออกจากผมหลังแช่น้ำ กำลังเดินเข้ามาทางกรด้วยความเร็วปกติพร้อมกับส่งสายตาเพื่อขอคำตอบจากกร

〝ไม่มีอะไรหรอก... ก็แค่เดินผ่านมา——〞

〝แล้วทำไมถึงหยุดหน้าห้องฉันนานนักหล่ะหืม?〞

〝นี่ดูอยู่หรอกเหรอเนี่ย?〞

〝นายเนี่ยไม่ระวังหลังเลยนะ———!!!〞

          เมอร์ลินเดินเข้ามาถึงประตูและทอดสายตาเข้าไปในห้องตัวเองพร้อมกับก้าวแรก นั่นเลยทำให้เมอร์ลินตกตะลึงจนเบิกตาโพลง เพราะรู้เหตุผลที่กรด้อมๆมองๆห้องของเธอ 

          แต่เมอร์ลินก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นปกติอีกครั้งในเวลาไม่นาน แล้วก็เดินเข้าห้องไปก่อนที่จะปิดประตูห้องลงจนสนิท เป็นสัญญาณทางอ้อมว่าเธอไม่อยากให้กรเห็นมัน...

         

เฮ้อ!

          เมื่อประตูถูกปิดลง กรถอนหายใจออกมาทั้งด้วยความรู้สึกเสียดายและโล่งใจ ก่อนที่จะยอมแพ้เสียง่ายๆและเดินจากไปจากหน้าห้องของเมอร์ลินเพื่อมุ่งตรงไปยังห้องสมุดที่เป็นเป้าหมายเดิม แต่ว่า...

〝เข้ามาก่อนสิ...〞

〝เอ๋?〞

          เมอร์ลินที่หายเข้าไปในห้องราวๆ 10 วินาที เปิดประตูและโผล่หน้าออกมาพอให้กรเห็นหน้า พร้อมกับเชิญชวนให้กรเข้ามาในห้องราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้แล้ว...

〝ไม่ได้ยินงั้นเหรอ?〞

〝อะ อา... เข้าใจแล้ว...〞

          เมื่อโดนเมอร์ลินถามย้ำอีกครั้ง กรจึงทำได้แค่ตอบกลับไปอย่างติดขัด เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนใจแบบนี้

          และถึงจะไม่เข้าใจ แต่กรก็ยังเดินตามเธอเข้าไปในห้องแต่โดยดี...

❖❖❖❖❖

〝ที่เตียงหน่ะ... นั่งเลยก็ได้...〞

〝อะ อืม〞

          เมอร์ลินแบมือไปทางเตียงที่เธอใช้นอนอยู่ทุกคืน เป็นการเชิญให้เขานั่งลงตรงนั้นได้เลย กรจึงไม่รอช้าที่จะนั่งลงที่ขอบเตียงและเริ่มมองไปรอบๆห้องของเมอร์ลินด้วยหางตาเพื่อเริ่มการสำรวจ...

          ห้องของเมอร์ลินมีขนาดประมาณ 4x4 เมตรและมีเตียงอยู่ที่มุมขวาในสุด และข้างๆหัวนอนด้านซ้ายก็มีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมเจ้าปัญหาตั้งอยู่ ตู้เสื้อผ้าและชั้นวางหนังสือ โต๊ะแต่งหน้าและกระจกวงรีตั้งพื้นขนาดเท่าตัวคน เฟอร์นิเจอร์ทุกๆอย่างถูกจัดเรียงเหมือนกับห้องส่วนตัวของสาว ม.ปลาย ในการ์ตูนเด็กผู้หญิงยังไงอย่างงั้น  ในความคิดของกรเลยรู้สึกว่ามันธรรมดาไปหน่อย...

〝เฮ้อ! ถูกเห็นเข้าซะได้นะ ฉันเนี่ยประมาทไปจริงๆ〞

          เมอร์ลินผู้เป็นคนเริ่มบทสนทนานั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ที่คู่กับโต๊ะเจ้าปัญหาแล้วหันหน้ามาทางกร พลางแหล่มองหนังสือตัวต้นเหตุตาไม่กระพริบ

〝โทษทีนะ...〞

〝นายมันตาไวอยู่แล้วนี่นา... ช่างเถอะ〞

〝ขะ ขอทีเถอะน่า... ว่าแต่ทำไมห้องถึงเปิดอยู่หล่ะเนี่ย?〞

          เพราะถูกจิกกัด กรจึงพยายามเบี่ยงประเด็นไปยังสาเหตุของเรื่อง (ถึงที่จริงสาเหตุกว่าครึ่งจะมาจากตัวเองก็เถอะ) 

          เมอร์ลินที่ได้ยินคำถามของกรกลับมา ยกมือขึ้นมากุมศีรษะพลางขมวดคิ้วราวกับจะพูดเรื่องจริงจัง เลยทำให้กรเผลอกลืนน้ำลายในจังหวะที่เมอร์ลินกำลังจะตอบ

〝ภรรยานายนั่นแหล่ะ พอมาขอคำแนะนำจากทางนี้ ก็ดันลากฉันไปด้วยซะงั้น ให้ตายสิ!〞

〝เอ๋! มีอาหน่ะเหรอ?〞

          แต่เนื้อความกลับเกินความคาดหมายของกร... เพราะสาเหตุของเรื่องกลับเป็นมีอาไปซะอย่างงั้น ในขณะที่กรกำลังคิดหาเหตุผล เมอร์ลินก็พูดแทรกขัดความคิดของกรอีก... 

〝เธอคนนั้น... มีอาหน่ะ จะว่าไงดีหล่ะ... ถึงจะเป็นคนดีก็จริง แต่เหมือนจะดีไปหน่อยแล้วมั้ง...〞

〝โฮะๆ!! อะไรกันแบบนั้นก็ดีแล้วนี่〞

〝ทำไมต้องทำหน้าภูมิใจเหมือนลูกสาววิ่งแข่งชนะด้วยยะ!〞

          ต่อคำถามของเมอร์ลินกรได้ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าภูมิใจและดีใจอย่างที่สุด เมอร์ลินจึงตบมุกของกรอีกครั้ง เพื่อหวังที่จะปรับอารมณ์ของตัวเองไปพร้อมกัน…

〝ดูเหมือนในหัวของเธอคนนั้นจะมีแต่เรื่องของนายหล่ะมั้งเนี่ย... ทั้งที่เรื่องแบบนี้มันไม่ควรปล่อยไปเลยแท้ๆ ที่จะชวนผู้หญิงคนอื่นเข้าห้องอาบน้ำกับผู้ชายของตัวเองเนี่ย〞

〝ฮะฮ่ะ! จะว่าไปแล้วเนี่ย มีอาเองก็ไม่เคยแสดงอาการหึงหวงเลยนี่นะ... ทั้งที่อยากเห็นแท้ๆ〞

〝รสนิยมแย่จริงนะนายเนี่ย...〞

          เพราะคำถามนี้ทำให้กรคิดอยู่ในใจประมาณว่า มีอาตอนหึงจะน่ารักขนาดไหนกันน้า แต่ก็ดันนึกภาพตามไม่ออกซะนี่... แล้วก็ต้องดึงสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง เมื่อได้ยินคำจิกกัดของเมอร์ลิน

〝แต่ก็... ดีจังเลยนะ ที่มีคนเชื่อใจแบบนั้นหน่ะ...〞

          ใบหน้าของเมอร์ลินดูเหมือนจะหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนี้เธอไม่ได้สวมแว่นเหมือนทุกที แต่กรที่เห็นใบหน้าแบบนั้นก็ตีความได้ในทันที... เพราะใบหน้าในตอนนี้ของเมอร์ลิน มันเหมือนกับเขาเมื่อยามที่ต้องอยู่คนเดียวหลังพ่อแม่เสียชีวิตไม่มีผิด

          กรที่เห็นเมอร์ลินแบบนั้นจึงสรรหาคำปลอบใจจากในหัวที่มีอยู่น้อยนิด แล้วพยายามตอบกลับเธอไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงจริงใจว่า

〝เธอเองก็เป็นคนที่ฉันเชื่อใจเหมือนกันนะ เมอร์ลิน〞

          คิ้วของเมอร์ลินเลิกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่คำพูดของกรจบลง ราวกับตัดสินใจบางอย่างได้ เมอร์ลินยิ้มออกมาที่มุมปากเล็กน้อยพลางเอื้อมมือซ้ายไปแตะปกหนังสือเจ้าปัญหา

          เหมือนจะสื่อออกมาอ้อมๆเลยว่าตัวเองไม่ได้คิดผิด ที่คิดจะบอกกรเรื่องนี้... เมอร์ลินถึงยิ้มเสียออกนอกหน้าแบบนี้

〝เรื่องของแม่ทัพคนที่ 7 นี่หน่ะ... ไม่ถูกกล่าวถึงทั้งในประวัติศาสตร์ของโลกนี้หรือนิทานเรื่องไหนเลยใช่รึเปล่า?〞

          สีหน้าของเมอร์ลินกลับกลายเป็นนิ่งเฉยเหมือนเดิมอีกในจังหวะที่ถามกรออกมาแบบนั้น

〝อืม หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลยหล่ะ〞

          เมอร์ลินหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับทำหน้าเหมือนจะถามกรออกมาว่า〝นี่หาข้อมูลนี้มาตลอดเลยสินะ?〞 แต่กรก็ไม่ได้หลบสายตา ทั้งยังจ้องกลับตรงๆ นั่นเลยทำให้เมอร์ลินยอมแพ้...

〝เอาเถอะ.... ว่าแต่เห็นหน้าปกรึยัง〞

〝อืม....〞

〝งั้นเหรอ... งั้นคงพอรู้แล้วใช่ไหมว่าใครที่เป็นคนปิดผนึกจอมมาร〞

〝คนที่ 7 นั่นสินะ〞

〝อืม... แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดหรอกนะ...〞

          เมอร์ลินหยิบหนังสือที่ว่าขึ้นมาถือด้วยมือซ้าย พลางเปิดหน้าแรกของหนังสือขึ้นมาราวกับเพื่อนึกย้อนถึงเรื่องราวบางอย่าง

          แววตาของเมอร์ลินในตอนนี้ช่างดูอ้างว้าง... ประกายของดวงตาสั่นระรัวราวกับหวาดกลัวบางสิ่ง นั่นเลยเป็นอีกครั้งที่กรอดเป็นห่วงไม่ได้

〝เมอร์ลิน... ถ้าไม่อยากเล่าหล่ะก็——〞

〝ไม่หรอก... ขอร้องหล่ะ ช่วยฟังทีเถอะ...〞

〝............เข้าใจแล้ว〞

          กรลุกขึ้นยืน แล้วยกมือห้ามเมอร์ลิน แต่เธอก็ปฏิเสธ กรจึงนั่งลงที่ขอบเตียงเช่นเดิม

          พอมานึกๆดู ถ้าเธอไม่อยากเล่าก็คงไม่พากรเข้ามาในห้องตั้งแต่แรก... แต่กรก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีที่เมอร์ลินทำสายตาเหงาหงอยทั้งที่ใบหน้านิ่งเฉย มันช่างเหมือนกับตัวของเขาเมื่อครั้งที่อยู่โลกเดิม... ราวกับกรได้กำลังมองภาพสะท้อนของตัวเองในอดีตอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย

         

          แล้วจากนั้นเมอร์ลินก็ปิดหนังสือลง วางมันไว้ที่โต๊ะเช่นเดิม จนกรเอียงคอสงสัย แต่พอเมอร์ลินบอกว่าตนจะเป็นคนเล่าปากเปล่าเอง กรจึงนั่งเอามือประสานกันในทันทีราวกับต้องการจะจดจำเนื้อหาทุกอย่างที่ออกมาจากปากของเมอร์ลิน

〝เฮ้อ! งั้น... จะเริ่มเล่าตั้งแต่แรกเลยแล้วกัน〞

❖❖❖❖❖

          เมื่อครั้งที่โลกของเหล่าเทพเจ้ายังคงอยู่... ในตระกูลขุนนางได้มีเด็กผู้หญิงกำเนิดขึ้นมาและถูกเลี้ยงดูอย่างดี จนเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวที่สดใสและมีรอยยิ้มที่เจิดจ้าราวกับแสงอาทิตย์

          พ่อของเด็กสาวเป็นถึงแม่ทัพใหญ่กองทัพส่วนพระองค์ของหนึ่งใน『สภาสวรรค์ 7 ปีก』 ส่วนแม่ของเด็กสาวเป็นข้าราชการระดับสูงที่ดูแลกิจกรรมของ『สภาสวรรค์ 7 ปีก』ส่วนกลาง ทั้งยังเป็นจอมเวทย์หญิงอันดับ 3 ของดาวดวงนี้ 

          แม้กระทั่งพี่ชายของเด็กสาวเองยังเป็นอัจฉริยะที่จบจากโรงเรียนจอมเวทย์อันดับหนึ่งของดาวดวงนี้ด้วยอายุที่น้อยที่สุด ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นระบบ『ปืนเวทย์มนต์』และยังเป็นผู้พัฒนาเวทย์เฉพาะตัวดังเช่น『ออร่าเทพเจ้า』จนถึงระดับมาสเตอร์ ที่ว่ากันว่า ต้องใช้เวลาถึง 1,000 ปีกว่าจะไปถึงด้วยเวลาเพียง 100 ปีเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้พี่ชายของเด็กสาวถูกเชิญชวนให้เป็น『สภาสวรรค์ 7 ปีก

          เทียบกับเด็กสาวก็ไม่ใช่ว่าจะด้อยกว่ากันเสียทีเดียว... เด็กสาวนั้นเกิดมาพร้อมกับพลังเวทย์มหาศาลดังเช่นพี่ชาย แต่ที่ผิดปกติก็คือ เด็กสาวนั้นสามารถทำให้สมองประมวลผลเร็วขึ้นได้ดังใจนึก จนเรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของเธอ  หากเทียบกับเด็กวัยเดียวกันที่เรียนเวทย์มนต์ด้วยกัน ต้องใช้เวลา 5 วินาทีในการร่ายเวทย์พื้นฐาน 2 วินาทีในการกำหนดตำแหน่ง และอีก 2 วินาทีในการทำให้ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง

          แต่เด็กสาวนั้น... สามารถร่นเวลากระบวนการทั้งสามลงได้เกือบร้อยเท่า จนระยะเวลารวมในการใช้เวทย์เหลือเพียง 0.08 วินาทีเท่านั้น ทั้งที่เพื่อนร่วมชั้นต้องใช้เวลาเฉลี่ยเกือบ 10 วินาที

          ในการทดสอบของชั้นเรียนทุกครั้ง จะมีเพียงเธอเท่านั้นที่แสดงปาฏิหาริย์ดังกล่าวให้แก่ผู้ชม ซึ่งรวมถึงพ่อแม่และพี่ชายของเธอได้เห็น นอกจากพี่ชายที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะ ยังมีลูกสาวที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะที่กำลังผลิบานอีก สำหรับพ่อแม่ของเด็กสาวจึงไม่มีอะไรน่าดีใจไปกว่านี้อีกแล้ว

          เด็กสาวนั้น นอกจากจะมีชื่อเสียงด้านเวทย์มนต์ขจรขจายไปทั่วแล้ว กิตติศัพท์ในด้านความซุกซนและขี้แกล้งยังไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย ทั้งเพราะเป็นลูกสาวเลยถูกเลี้ยงดูแบบปล่อยและค่อนข้างตามใจ ทั้งยังถูกแม่ที่รักการผจญภัยสั่งสอนให้รักในอิสระอีก แม้จะถูกพ่อที่เป็นคนเคร่งครัดดุอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอลดความซนลงเลยซักนิด ราวกับพรสวรรค์ด้านจอมเวทย์ของเธอมันติดตัวมาพร้อมความซุกซนด้วยยังไงอย่างงั้นเลย... 

          และแล้วมันก็เกิดขึ้น... อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดมันได้เกิดขึ้นอย่างที่ไม่มีคิดว่าจะเกิด... เด็กสาวที่ดันทุรังออกไปเล่นในป่าทึบนอกเมืองกับเพื่อนร่วมชั้น ได้บังเอิญไปเจอเข้ากับปัญหาร้ายแรง... นั่นก็คือ『มอนสเตอร์

          รูปร่างของมันมีลักษณะคล้ายกับหมาป่าขนสีเงิน แต่ขนาดที่สูงกว่า 4 เมตรต่างหากที่เป็นปัญหา... เด็กสาวที่ตอบสนองได้เร็วที่สุดในกลุ่มรีบตะโกนบอกให้ทุกคนหนีไป โดยตนจะเป็นคนยื้อเวลาไว้ให้เพราะคิดว่าตัวเองที่เก่งสุดคงทำอะไรได้บ้าง แน่นอนว่านั่นคือสิ่งที่เด็กคิดได้เพราะยังอ่อนต่อโลก...

          ในจังหวะที่เพื่อนคนอื่นๆกำลังหนี นั่นกลับกระตุ้นสัญชาตญาณในการล่าของหมาป่ายักษ์ตัวนี้... หมาป่าพุ่งเข้าไปตะครุบเพื่อนสนิทของเธอ ร่างของเธอถูกฉีกกระฉากจนสิ้นลมต่อหน้าต่อตาของเด็กสาว ความทะนงในดวงตาของเด็กสาวแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว... เพราะมอนสเตอร์สนใจอยู่กับร่างไร้วิญญาณของเพื่อนสนิท เลยทำให้เพื่อนคนอื่นที่ตกใจกลัวหนีไปได้

          และเมื่อเจ้ามอนสเตอร์ทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าจนอิ่มแปล้ เป้าหมายต่อไปของมันก็คือเด็กสาว... เด็กสาวถอยกรูดไปด้านหลังด้วยความกลัวพลางยิงเวทย์ใส่หมาป่า แต่หมาป่ายังคงเดินเข้ามาทั้งอย่างงั้นราวกับไม่สนใจและพุ่งเข้ามาในจังหวะที่การยิงเวทย์หยุดลง

          แต่เด็กสาวที่มีปฏิกิริยาตอบโต้สูง ได้ถีบตัวหลบไปด้านข้างจนไม่ถึงกับถูกเขมือบทั้งตัว เพียงแต่ว่าพอเด็กสาวมองผ่านไหล่กลับไปยังที่ๆหมาป่ายืนอยู่ เธอถึงรู้ว่าแขนของเธอยู่ในปากของมัน...

          เด็กสาวกระเสือกกระสนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งที่เสียเลือดมาก แต่ไม่นานนักก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและสิ้นใจลงไปด้วยความสิ้นหวัง ณ กลางป่าพร้อมกับเพื่อนสนิท... ทว่ายังมีเรื่องราวต่อจากนั้นอยู่อีก...

          หลายวันต่อมาเด็กสาวที่คิดว่าตัวเองตายไปแล้วฟื้นขึ้นมาที่บ้านของตัวเองโดยมีครอบครัวคอยเฝ้าอยู่รอบเตียง...

          เด็กสาวนั้นตายไปแล้ว... หากแต่ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้งอย่างปาฏิหาริย์ เพราะดูเหมือนก่อนจะสิ้นลม เด็กสาวนั้นได้จัดการหมาป่าด้วยเวทย์ระดับเทพเจ้าไปโดยที่ตัวเองยังไม่รู้ตัว... แถมพ่อและพี่ชายของเธอยังมาเจอเข้าหลังจากนั้นเพราะเพื่อนๆวิ่งไปแจ้ง

          เด็กสาวได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลจากพ่อและพี่ชาย ผลก็คือเด็กสาวผ่านเงื่อนไขการจุติและเลเวลถึงจุดที่กำหนดจนเกิดการจุติครั้งที่ 1 ขึ้น แม้เด็กสาวจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่ผลลัพธ์ในครั้งนี้กลับทำให้ร่างกายของพี่ชายอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้... ซึ่งจะว่าไปแล้ววิธีนี้ ก็เป็นวิธีเดียวกับที่ฟรังซ์ช่วยกรไว้ในตอนที่จุติครั้งแรกนั่นแหล่ะ

          ความหวาดกลัวถูกสลักลงบนจิตวิญญาณของเด็กสาวที่เคยมีรอยยิ้มสดใส บัดนี้มันได้แปรเปลี่ยนจนทำให้เด็กสาวกลายเป็นคนเงียบขรึมและสันโดษ... ด้วยความหวาดกลัวที่จะเข้าหาคนอื่นเพราะตัวเองเป็นต้นเหตุให้เพื่อนสนิทตาย รวมถึงโทษความทะนงตนที่ทำให้พี่ชายและเพื่อนคนอื่นเดือดร้อน

          หากเทียบกับมนุษย์ เธอยังเป็นเพียงเด็ก ป.4 อยู่เลยด้วยซ้ำ... มันจึงช่วยไม่ได้ที่เด็กสาวจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พร้อมๆกับรอยยิ้มของเด็กสาวที่เลือนหายไปพร้อมกับการฟื้นคืนของชีวิตเธอ

          จะเรียกว่าโชคดีในโชคร้ายก็ได้.... เพราะผลจากการที่เด็กสาวจุติตั้งแต่เด็ก นั่นทำให้ความสามารถของเด็กสาวเหนือล้ำยิ่งกว่าผู้ใดในอาณาจักร ว่ากันว่าเด็กสาวในตอนนี้สามารถเอาชนะจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดของตระกูลใน『สภาสวรรค์ 7 ปีก』ทั้งที่ยังเป็นเด็กเลยทีเดียว

          ผลงานของเธอแทบจะล้มล้างทฤษฎีความเป็นไปได้ทั้งหมด... เธอสามารถจบจากโรงเรียนจอมเวทย์อันดับหนึ่งของดาวดวงนี้ด้วยอายุที่น้อยที่สุดเป็นการทุบสถิติพี่ชายตัวเอง แถมยังขึ้นสู่จุดสูงสุดของจอมเวทย์ในการเข้าถึงเวทย์มนต์ทุกสายถึงขั้นที่ 9 ในเวลาเพียง 80 ปี จนได้รับตำแหน่งจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในดวงดาวในอีก 100 ปีถัดมา แต่ถึงแบบนั้นเด็กสาว ไม่สิ.... หญิงสาวกลับไม่ได้ดีใจเลยซักนิด กลับกันแล้วยังรู้สึกอ้างว้างเสียมากกว่า...

          นั่นคือเรื่องราวของเจ้าหญิงอัจฉริยะหน้าตายก่อนหน้าที่จะมาเป็นแม่ทัพต่อต้านพระเจ้าองค์ก่อน ผู้ซึ่งถูกเรียกว่าจอมมารในภายหลัง...

          อย่างที่รู้กันว่าสงครามนั้น เกิดจากความกลัวในพลังพระเจ้าของ『สภาสวรรค์ 7 ปีก』 ในสงครามแรกๆ เธอที่เป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดจึงได้รับหน้าที่ให้เป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญของทัพใหญ่...เพียงแต่มันไม่ได้ง่ายดายเลยซักนิด เพราะนั่นหญิงสาวต้องพบกับความสิ้นหวังอีกครั้งในสงครามย่อยที่ถูกส่งไปแนวหน้า

          ต่อหน้าพลังอันเหลือล้นของเทพเจ้า... เธอรู้สึกจากใจเลยว่าตัวเองเป็นเพียงมดปลวกที่ทำได้แค่โดนเหยียบจนจมดิน และผลลัพธ์ของศึกที่เธอลงสนามครั้งแรกก็คือ พวกพ้องในกองทัพของเธอนั้นเสียชีวิตถึง 2 ใน 3 รวมถึงแม่ทัพอย่างเธอเองก็เสียชีวิตลงอีกครั้งเหมือนเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู

          ปาฎิหารย์เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อก่อนตายเธอสามารถทำลายล้างลูกสมุนที่มีทั้งเทพและปีศาจ ซึ่งถูกอัญเชิญโดยพระเจ้าเสียไม่เหลือซักตน นั่นจึงทำให้เธอเข้าเงื่อนไข จนเกิดการจุติครั้งที่ 2 เพราะเหตุนี้เลยทำให้ศึกสำคัญหลังจากนี้มักจะมีชื่อของเธอสลักอยู่เสมอ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับจอมมารได้อยู่ดี

          ความรุนแรงและดุเดือดปะทุขึ้นถึงจุดสูงสุดในศึกสุดท้าย... แม่ทัพทั้ง 7 มีแผนจะเป็นคนรับหน้าในศึกนี้เอง ซึ่งสองในเจ็ดนั้นก็คือหญิงสาวและพี่ชายของเธอนั่นเอง

          แผนการในกรณีที่เลวร้ายที่สุด หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้มีอยู่ว่า... แม่ทัพทั้ง 6 ยกเว้นหญิงสาว จะต้องเสียสละร่างเป็นระเบิดมีชีวิตโดยใช้มหาเวทย์ที่มีแต่หญิงสาวเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้คัดค้านอะไร

          ในช่วงสุดท้ายของศึกสุดท้ายนั่น... การโจมตีอันรุนแรงของจอมมารกระทบกับพื้นผิวดวงดาวของเทพเจ้า ทำให้ดาวทั้งดวงแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ จนไปรวมเข้ากับดาวอมนุษย์ที่อยู่ใต้อาณัติ และนั่นคือจุดที่จอมมารบ้าคลั่งจนไม่อาจควบคุมได้

          แม่ทัพทั้ง 6 คน เข้าไปรับหน้าพร้อมกับให้เมอร์ลินเตรียมพร้อมเพื่อจุดระเบิด... เพียงแต่ว่าในจังหวะที่ทั้ง 6 คนเข้าไปรับการโจมตี... นั่นเป็นครั้งแรกหลังผ่านมาเนิ่นนานที่เธอหลั่งน้ำตา เพราะเห็นภาพของเพื่อนสนิทที่ตายไปซ้อนทับกับพวกเขา...

          ทั้งที่คิดว่าจิตใจของตัวเองมันแห้งผากไปแล้วแท้ๆ... หญิงสาวเกิดอาการลังเล ก่อนที่จะจัดการสับเปลี่ยนกระบวนการเวทย์มนต์ทั้งหมดใหม่ในเสี้ยววินาที จากการ『ใช้พลังเวทย์ในร่างเป็นระเบิด』ไปเป็น『ใช้พลังเวทย์ในร่างสร้างผนึกพันธนาการ』แทน

          หลังสงครามจบ... มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่รอดกลับมาพร้อมร่างเนื้อ จะมีก็แต่จิตใจเท่านั้นที่เริ่มกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งนั่นมันไม่คุ้มเลยที่ไปแลกกับชะตากรรมของจักรวาล... นั่นคือสิ่งที่หญิงสาวคิด

          แต่เพื่อนๆของหญิงสาว... เหล่าแม่ทัพทั้ง 6 กลับบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้วด้วยรอยยิ้ม... เพราะอย่างน้อยก็สามารถทำให้จอมมารที่ว่าสงบไปได้อีกนาน เพราะแม้จะระเบิดฆ่าตัวตายไป แต่ถ้าเกิดทำอะไรมันไม่ได้ขึ้นมา... นั่นต่างหากคือหายนะอย่างแท้จริง

          เพียงแต่คนอื่นกลับไม่ได้คิดแบบนั้น... ทั้งพวกสภา 7 ปีกแล้วก็เหล่าเทพเจ้า ต่างก็บอกว่า หญิงสาวนั้นใจโลเลไม่แน่วแน่... หากใช้เวทย์ระเบิดจอมมารก็คงตายไปแล้ว ไม่ต้องมานั่งกังวลการคืนชีพของสัตว์ประหลาดแบบนี้หรอก หรือไม่ก็ หากจัดการอย่างเด็ดขาดกว่านี้ดาวของพวกตนคงไม่ล่มสลาย ทั้งที่นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอเลย

          หญิงสาวที่คิดว่านั่นเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง ต้องแบกรับตราบาปที่เคยฆ่าเพื่อนสนิทและและทำให้พี่ชายหยุดเติบโต สั่งทหารจำนวนมากไปตาย ทั้งยังพลาดโอกาสสังหารจอมมาร.. หญิงสาวจึงรับหน้าแบกความผิดทุกอย่างไว้แต่เพียงผู้เดียว ก่อนที่จะหายไปในกลีบเมฆหลังสงครามจบลงโดยที่ไม่มีใครรู้สถานภาพปัจจุบันแม้แต่น้อย...

          ชื่อของเธอถูกลบออกจากตำราสำหรับเผยแพร่ด้วยหลายๆสาเหตุ... ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจาก เพื่อให้ตำนานที่สร้างมาเพื่อเข้าข้างฝ่ายตัวเองมีความน่าเชื่อถือ... เพราะหากบอกว่าคนที่เป็นคนผนึกคือเธอไปหล่ะก็ ต้องเกิดคำครหาแก่ศาสนจักรเป็นแน่... ตำนานที่ถูกเล่าขานมาแต่อดีตจึงกลายเป็นผู้กล้าทั้ง 5 ปราบจอมมารไปแทน

          และทั้งหมดนี้เองคือเรื่องเล่าของหญิงสาว... แม่ทัพคนที่ 7 ผู้ซึ่งไม่เคยเผยสีหน้าอื่นนอกจากความเฉยชาให้ผู้ใดได้เห็น...

❖❖❖❖❖

〝ละเอียดน่าดูนะ... เหมือนอัตชีวประวัติมากกว่าหนังสือประวัติศาสตร์อีกนะเนี่ย〞

          กรที่ยังคงนั่งเอามือประสานกันอย่างตั้งใจตั้งแต่ต้นจนจบ ถามออกมาด้วยความสงสัย เมอร์ลินจึงตอบกลับไปในทันทีเพื่อเป็นรางวัล

〝มันต้องละเอียดอยู่แล้ว... ก็เจ้าตัวเขียนเองนี่นา... 〞

          เมอร์ลินเอื้อมมือไปจับมันอีกครั้งนึงในจังหวะที่ตอบ

〝นี่เมอร์ลิน... คือเธอเองใช่ไหม?〞

          กรถามออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า เพราะกังวลจนไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดยังไงดี เมอร์ลินที่ได้ยินคำถามทั้งที่คาดเดาได้อยู่แล้วแต่ร่างก็ยังกระตุกเล็กน้อยอยู่ดี ก่อนที่จะตอบกลับกรไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ปกติ

〝..................อืม ใช่แล้ว〞

〝งั้นเหรอ..... โทษทีนะ....〞

〝จะขอโทษทำไมกันเล่า.... ฉันเป็นคนอยากเล่าเองนะ...〞

〝ไม่หรอก... ขอโทษจริงๆ〞

〝นายนี่มันจริงๆเลยให้ตายสิ〞

          กรขอโทษเมอร์ลินถึงสองครั้ง ที่ทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตอันขมขื่นเพราะความเอาแต่ใจตัวเอง

ให้ตายสิ... อีกแล้วสินะ ที่ทำให้คนอื่นลำบากใจ...

ไม่แม้แต่ทำให้มีอาเป็นห่วง.... แต่กับเมอร์ลินก็ยัง....

ถ้าเป็นคนอื่นนี่คงไม่สนจริงๆด้วย... แต่นี่ดันเป็นเมอร์ลินที่เรา—— เป็นคนที่เราแคร์ซะอีก...

อยากจะบอกว่า〝มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลยนะ〞อยู่หรอก...  แต่เจ้าตัวคงไม่เปลี่ยนความคิดหรอก...

แต่ว่า... จะปล่อยเป็นแบบนี้ไม่ได้...

ทำไมเธอถึงเล่าให้เราฟัง... ทำไมเธอถึงยอมเปิดใจ...

เหตุผลมันก็ง่ายๆอยู่แล้ว... นั่นเพราะเธอกำลังรออยู่... รอให้มีใครยื่นมือไปช่วยยังไงหล่ะ...

〝เมอร์ลิน เธอหน่ะ———〞

〝ความกลัว... คือสิ่งที่ผูกมัดเราสองคน〞

          เมอร์ลินพูดขัดจังหวะกรออกมาก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แววตากลับมีแต่แรงปรารถนาบางสิ่งจากชายที่อยู่ตรงหน้าเช่นกร

〝สิ่งนั้นผูกมัดกับจิตวิญญาณของเราจนยากจะลืม... ไม่สิ กระทั่งความผิดพลาดในอดีตมันก็คอยย้ำเตือนพวกเราอยู่ตลอดว่าห้ามลืม...〞

พรึ่บ!

〝มะ เมอร์ลิน!〞

          เมอร์ลินลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างกะทันหันจนผ้าที่ใช้โพกศีรษะเพื่อซับน้ำร่วงลงกองกับพื้น และเดินมาทางกรอย่างเร็ว เลยทำให้ผมที่ปล่อยตามธรรมชาติจนถึงสะโพกไม่ได้ผูกเปียอย่างเคยปลิวไสวไปมา นั่นทำให้กรตกใจจนส่งเสียงเรียกชื่อของเมอร์ลินกลับไปแทน

〝นายเองก็มีใช่ไหม... เรื่องที่ตัวเองทำไว้... เรื่องที่อยากจะแก้... ฉันกับนายหน่ะเหมือนกันนี่... เป็นพวก〘ใช้ชีวิตผิดพลาด〙มาตั้งแต่แรก〞

          เมอร์ลินกล่าวถึงฉายาที่ทั้งกรและเธอต่างก็มีอย่างอ้อมๆด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะเดียวกันก็เดินเข้ามาใกล้กรมากกว่าเดิม จนกรที่ทำอะไรไม่ถูกเพราะถูกกดดันต้องถอยร่นขึ้นเตียงไปอย่างช่วยไม่ได้

〝ใจเย็นก่อนสิเมอร์ลิน!〞

〝นายเองก็ทรมานกับมันไม่ใช่เหรอ... การใส่หน้ากากที่บอกว่า『ไม่เป็นไร』ต่อหน้าคนอื่นหน่ะมันยังไม่พอสำหรับเราสองคนรึไง?〞

〝.............〞

เมอร์ลินกำลังทนทุกข์กับอดีต... เหมือนกับเรายังกับส่องกระจกมองตัวเองไม่มีผิด...

เพราะอ่อนล้าและยอมแพ้กับตัวเองที่เป็นแบบนั้น... เลยกลายเป็นคนขี้รำคาญไปซะทุกเรื่อง... งี้เองสินะ...

จะต่างกับเราก็ตรงที่เรายอมแพ้... แล้วกลายเป็นพวกงอมืองอเท้า ไม่ยอมทำอะไรแทนนั่นแหล่ะมั้ง

ในโลกเดิม เพื่อไม่ให้เจ้าพวกนั้นเป็นห่วง ฉันถึงต้องแสร้งยิ้มออกมาเป็นบางครั้งในตอนที่โดนเสือมันอัด...

ตอนนั้นเราทั้งเหงาแล้วก็อ้างว้าง... แต่ก็บอกใครไม่ได้... ตรงนี้ทั้งเรากับเมอร์ลินก็คงเหมือนกัน...

เพื่อที่จะไม่แสดงด้านอ่อนแอให้ใครเห็น... เราทั้งสองคนถึงต้องทนสวมหน้ากากบ้าๆนั่น

แต่ฉันรู้ว่าพวกรินไม่ได้โง่จนถึงกับดูไม่ออก... แต่จะให้ทำไงได้หล่ะ ก็ในเมื่อมันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้...

ถ้าไม่ตีสีหน้าแบบนั้น ทุกคนจะไม่เป็นห่วงกว่าเดิมหรอกเหรอ... นั่นคือสิ่งที่ฉันในอดีตคิด...

ต่างจากเราที่แสร้งยิ้ม... เมอร์ลินที่สวมใบหน้าเฉยชาอาจจะหลอกคนอื่นน้อยกว่าเราด้วยซ้ำ...

ฉันเชื่อว่าเราทั้งคู่ต้องทำมันอย่างไม่รู้ตัว... ทั้งนั้นก็เพื่อปกป้องไม่ให้ใครเห็น... จิตใจที่อ่อนแออันแท้จริง ซึ่งซ่อนอยู่ในจุดที่ลึกที่สุดของจิตใจ... ความกลัวที่สูญเสียสิ่งสำคัญไปนั่นหน่ะ...

〝เพราะงั้นจะทนไปทำไมกันหล่ะ... ลืมไปซะมันสบายกว่าไม่ใช่รึไง?〞

          เมอร์ลินเดินมาจนถึงขอบเตียงก่อนที่จะลงเข่ากับตัวฟูก แล้วก็คลานเข่าเข้ามาหากรที่นั่งเหยียดขาอยู่ที่ริมผนังเพราะถอยร่นไปด้วยความตกใจ พลางช้อนตามองกรด้วยแววตาที่อ้างว้างและไร้ซึ่งประกาย

〝อึก!〞

          ในจังหวะที่กรทำตัวไม่ถูก เมอร์ลินก็เข้าประชิดตัวกร แล้วก็ขึ้นคร่อมกรในตำแหน่งเอวของเขาอย่างรวดเร็วจนกรที่ตั้งตัวไม่ติดถึงกับกลืนน้ำลายเพราะซ่อนความร้อนใจไม่อยู่

〝เพราะงั้น... ช่วยทำให้ฉัน... ลืมเรื่องพวกนั้นทีสิ...〞

          เมอร์ลินขึ้นคร่อมกรที่นั่งเอาหลังพิงผนังห้อง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงโมโนโทน

          แตกต่างจากในห้องน้ำที่มีสีหน้าขี้เล่น... แววตาของเธอตอนนี้ช่างดูว่างเปล่าราวกับต้องการถูกเติมเต็มโดยบางสิ่ง

ไม่ใช่! ไม่ใช่แบบนี้...

ถึงเธอจะทำแบบนี้ไปมันก็ไม่ช่วยให้เธอลืมได้หรอก!

กะอีแค่เรื่องอย่างว่า... มันจะไปทำให้เธอในตอนนี้ลืมได้ยังไง!

ถ้าแค่ลืมแล้วไม่ต้องทนทุกข์... คนเราก็ไม่จำเป็นต้องสร้างความทรงจำแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว

เธอแค่ต้องการคนที่ยอมรับตัวตนที่เป็นเธอเท่านั้น

เมอร์ลินที่จมอยู่กับอดีตที่ผิดพลาดและคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด...

ทั้งเมอร์ลินที่ชอบเล่นมุกลามก...... เมอร์ลินที่ขี้แกล้ง...

แล้วก็เมอร์ลินที่ชอบจิกกัดชาวบ้านนั่นหน่ะ...

ถ้าเราไม่มีมีอาที่ยอมรับตัวตนทั้งหมดของเรา เราเองก็คงไม่ต่างจากเมอร์ลินหรอก... เพราะงั้นมันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ

ต้องบอกเมอร์ลิน... มีแต่ต้องสื่อไปให้ถึงเท่านั้น

ว่าตรงนี้... ยังมีอยู่ตั้งคนนึงที่ยอมรับในตัวเธอ

ชึบ!

〝!〞

          ในขณะที่กรกำลังคิดเรื่องของเมอร์ลินอยู่ในหัว เมอร์ลินที่ขึ้นคร่อมกรอยู่นั้นก็พยายามเอื้อมมือไปยังปมเชือกที่ใช้รัดเสื้อคลุมอาบน้ำของตัวเองเพื่อหวังจะปลดมันออกพลางมองไปที่กรด้วยสายตาไร้แววแต่กลับดูเศร้าสร้อยอย่างน่าประหลาด กรจึงรีบคว้าข้อมือนั้นของเมอร์ลินไว้ก่อนเพราะเข้าใจเจตนาของเธอ

〝เมอร์ลิน... ถึงทำแบบนั้นไปก็ไม่ช่วยอะไร... เธอน่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ?〞

〝...............〞

〝การสร้างความสุขอีกอย่างมาฝังกลบความรู้สึกในตอนนี้ มันไม่ได้ช่วยบดบังความทุกข์ทนที่มีมาแต่เดิมได้หรอกนะ〞

          เมอร์ลินที่ไม่ได้อยู่ในสภาพปกติที่ทั้งไม่ได้ผูกเปียหรือใส่แว่นก้มตาลงต่ำ ราวกับนึกอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ขมขื่นพลางมีน้ำตาปริ่มที่ขอบตาอย่างไม่สมกับเป็นเธอ พร้อมกับตะโกนส่งเสียงดังไปยังกรด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว

〝แล้วจะให้ฉันทำยังไงกันหล่ะ!!!!! นายเองก็รู้นี่นา ว่าการต่อสู้อยู่คนเดียว มันน่ากลัวแล้วก็ทรมานแค่ไหน... ทั้งที่เป็นอย่างงั้น... กลับไม่มีใครมองเห็น... ซักคนเดียว〞

          เมอร์ลินก้มหน้าลงอีกครั้งจนผมปรกหน้า ในจังหวะเดียวกันนั้น ที่น้ำตาของเธอตกลงที่หน้าอกของกร

          ทั้งที่กรคิดว่าบางทีเธอคงไม่หลั่งน้ำตา แต่เหมือนจะคิดง่ายไปหน่อย... ความรู้สึกนี้คงถูกอัดอั้นมานานโดยไม่มีใครเหลียวแล... ไม่สิ... เหมือนกับตัวเขาเมื่อครั้งอดีต คนที่สร้างช่องว่างของตัวเองกับคนอื่นก็คือตัวเขาเอง

          ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองกับเมอร์ลินนั้นเหมือนกัน แต่เพราะเป็นแบบนั้น... กรที่เคยเจอสถานการณ์เดียวกันถึงรู้... ว่าสิ่งที่เมอร์ลินต้องการที่สุดคืออะไร...

〝!!!!〞

〝ไม่รู้หรอกนะว่าต้องการรึเปล่า... แต่ฉันเองก็เป็นคนที่มองเห็นเธอแล้วนี่...〞

          กรเอื้อมมือขวาของตัวเองไปแนบแก้มของเมอร์ลินที่คริ่มตัวเองอยู่พลางเช็ดน้ำตาให้เธอทั้งสองข้าง ก่อนที่จะพูดสิ่งที่เมอร์ลินปรารถนาออกมาด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนพลางยิ้มให้กับเธออย่างอ่อนโยน...

〝นอกจากนั้น... ทั้งฟรังซ์หรือเคลเบรอส... พวกแม่ทัพที่เป็นเพื่อนของเธอ... หรือแม้แต่มีอา... ฉันเองก็ยังเชื่อว่าพวกเค้าต้องมองเห็นและเข้าใจเธอแน่! 〞

〝มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง! ฉันหน่ะ... เพราะความอ่อนแอของฉันเลยทำให้จอมมารถูกผนึกแทนที่จะถูกฆ่านะ! พวกนั้นจะไปเข้าใจได้ยังไง 〞

          เมอร์ลินเถียงกรกลับด้วยเสียงกระเส่า น้ำตาของเธอที่ยังไม่หยุดไหลก็ได้กรใช้มือของตัวเองปัดออกให้อีก

〝ผิดแล้ว! เธอหน่ะเป็นคนอ่อนโยนต่างหาก! มันคนละความหมายกันเลยกับคำว่าอ่อนแอ〞

〝มันจะต่างกันตรงไหน... เพราะผลลัพธ์มันออกมาแบบนี้...〞

          น้ำเสียงของเมอร์ลินเริ่มกลับมาปกติ ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นแต่ยังคงมีน้ำตาปริ่มอยู่ กรจึงไม่ปล่อยโอกาสที่จะใช้คำพูดเพื่อพยายามสื่อความคิดที่ตัวเองอยากจะบอกไปยังเมอร์ลิน ก่อนที่กรจะผละมือออกมาเองแล้ววางไว้ข้างลำตัวเช่นเดิม

〝ต่างสิ... เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว... ไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย ที่เธอเลือกทำในสิ่งที่เธอจะไม่เสียใจทีหลัง〞

〝…………〞

〝กลับกันแล้ว... ถ้าเกิดเธอเลือกใช้เพื่อนตัวเองเป็นระเบิดมีชีวิต... ต่อให้จักรวาลปลอดภัยก็จริง แต่แบบนั้นมันดีจริงๆเหรอ? 〞

          เมอร์ลินที่ยังคงมีน้ำตาปริ่มอยู่ที่หางตาซ้ายหรี่ตาลงเล็กน้อยราวกับกำลังหาคำตอบของคำถาม

〝ในแง่ของผลลัพธ์ มันต้องดีกว่า———〞

〝ไม่มีทาง! การทำแบบนั้นไม่ทำให้ใครดีใจหรอกนะ... แม้กับคนที่ตายไปแล้วก็ตามที...〞

          กรตัดบทคำตอบของเมอร์ลินในทันที เพราะคำตอบของเธอไม่ได้มาจากใจจริงอย่างเห็นได้ชัด...

〝แล้วจะบอกให้ยกโทษให้รึไง? กับตัวฉันที่ฆ่าเพื่อนสนิท.... กับที่พลาดโอกาสโค่นจอมมารก็เป็นเพราะฉันหน่ะ?〞

〝การให้อภัยตัวเองมันก็ไม่ได้แย่อะไรนี่นา... แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ช่วยฟังคำขอร้องที่เอาแต่ใจของฉันหน่อยได้รึเปล่า?〞

〝?〞

          คิ้วของเมอร์ลินเลิกขึ้นเล็กน้อย เป็นอาการแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่เข้าใจสิ่งที่กรบอก

〝ฉันยอมรับในตัวเธอเมอร์ลิน... ทุกอย่างที่เป็นเธอ ทุกสิ่งที่ฉันมองเห็นและรู้เกี่ยวกับเธอในตอนนี้...〞

〝!!!〞

〝ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม... ฉันทั้งยอมรับและเชื่อสนิทใจ ต่อให้นั่นเป็นคำโป้ปดที่ไร้ซึ่งเศษเสี้ยวความเป็นจริงก็ตามที... เพราะงั้นหล่ะก็... หากเธอไม่ยอมรับตัวเธอในอดีต ที่ทำให้เป็นตัวเธอในตอนนี้... ฉันก็คงไม่รู้จะเชื่อในตัวเธอที่เป็นแบบไหนดี...〞

〝นี่.... นาย...〞

          เมอร์ลินเป็นฝ่ายเบิกตาโพลงอีกครั้ง แก้มของเธอแดงก่ำในจังหวะที่คำขอร้องออกมาจากปากของกรเพราะความหมายแฝงที่เขาพูดออกมา มันไม่ต่างอะไรจากการสารภาพรักแม้แต่น้อย เธอเองก็รู้ว่ากรไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่ก็อดดีใจไม่ได้อยู่ดี ที่คำพูดที่เธออยากได้ยิน ออกมาจากปากของคนที่เธออยากให้พูดแบบนี้....

          สิ่งที่ตามออกมา จึงเป็นน้ำตาระลอกใหญ่ของเมอร์ลินที่พรั่งพรูออกมาทั้งสองข้างผ่านแก้มที่แดงก่ำของเธอลงไปจนถึงคาง มันได้ไหลออกมาพร้อมความรู้สึกที่เธอทำหล่นหายไปนานแสนนาน... ราวกับหน้ากากเมื่อครั้งอดีตซึ่งทับถมเป็นกำแพงสูงเพื่อปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองของเมอร์ลินได้พังทลายลงแล้ว

〝ฮึก! นายนี่... เห็นแก่ตัวจริงๆ ฮึก! เอาแต่ได้ชะมัดเลย...〞

          เมอร์ลินเริ่มที่จะอดสะอื้นไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ได้ปล่อยโฮออกมาต่อหน้ากร

〝…ก็บอกไปแล้วนี่นา〞

〝บ้าเอ๊ย! คนอย่างนายนี่มันบ้าจริงๆ!〞

〝ก็ว่างั้นแหล่ะ...〞

          ทั้งสองคนโต้ตอบกันไปมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เพราะเหนื่อยอ่อน เมอร์ลินที่เถียงกลับด้วยเสียงกระเส่าทั้งที่ยังก้มหน้า พยายามปลดปล่อยร่างกายจากความเครียดสะสม และเมื่อเธอผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่เกร็งมาตลอดตั้งแต่เริ่มสนทนาจนถึงตอนนี้ก็...

ตุ๊บ!

〝โอ๊ะ!〞

          เมอร์ลินที่หมดแรง ทั้งเพราะจิตใจได้รับการเยียวยาขึ้นมาบ้างและเพราะความปรารถนาถูกเติมเต็ม จึงตกเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของกรที่พึงผนังอยู่ตามระเบียบ  กรที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้มาก จึงพยายามกอดเธอเอาไว้ในอ้อมอกเพื่อหวังให้เธอผ่อนคลาย แล้วลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยนไปพร้อมกัน

〝อุ่นจัง... เหมือนกับคุณแม่เลยหล่ะ〞

〝มุกเก่าแล้วนะนั่น... มันต้องเหมือนพ่อไม่ใช่เหรอ?〞

          กรตบมุกที่เมอร์ลินหยอดมาได้ในทันที แต่เพราะความรู้สึกที่ออกมาจากปากของเมอร์ลินนั้นเป็นของจริง กรจึงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้

〝ฮึก! ขออยู่แบบนี้... ซักพักนะ〞

〝นึกว่าจะปล่อยโฮแล้วซะอีก... เธอเนี่ยเข้มแข็งจริงนะ〞

〝ฮึก! ไม่รู้ด้วยแล้ว....〞

          เมอร์ลินยังคงซบที่อกของกรอยู่เกือบ 15 นาทีพลางสะอึกสะอื้นพร้อมกับเผยความอัดอั้นตันใจออกมาเรื่อยๆในเวลาเดียวกัน กรที่เห็นแบบนั้นจึงปล่อยเลยตามเลย แต่ก็ยังลูบศีรษะปลอบเธออยู่ตลอดจนกระทั่งเมอร์ลิเหนื่อยจนผลอยหลับไปเลยทีเดียว...

❖❖❖❖❖

          หลังจากที่เมอร์ลินอ่อนเพลียจนหลับไป กรได้อุ้มเธอให้นอนขนเตียงตามปกติ อนึ่ง โชคยังดีที่ตัวเมอร์ลินนั้นแห้งอยู่ก่อนแล้ว กรจึงไม่ได้ถึงกับถอดเสื้อคลุมออก เพราถ้าเป็นแบบนั้นกรคงลำบากแน่นอนในหลายๆความหมาย

〝ถึงกับหลับไปเลยเหรอเนี่ย... คงจะอัดอั้นมานานหล่ะสินะ...〞

          กรเลื่อนผ้าห่มมาห่มให้เมอร์ลิน ก่อนที่จะพึมพำแบบนั้นออกมาด้วยอารมณ์หลายๆอย่างผสมปนเปอยู่ในหัว

นี่เรา... กำลังมองภาพสะท้อนของตัวเองอยู่รึไงกันเนี่ย....

          กรมองใบหน้าของเมอร์ลินที่หลับปุ๋ยพลางเอื้อมมือไปลูบที่แก้มของเธออีกครั้ง แต่เมอร์ลินที่หลับอยู่กลับตอบสนองกลับมาด้วยการยิ้มออกมาราวกับลูกแมวจนกรอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

แต่ว่า... เพราะแบบนั้นแหล่ะฉันถึงเข้าใจ...

บาปและความผิดพลาดที่ทำไว้หน่ะ ไม่มีวันลบล้างได้หรอก...

พวกเราต่างก็หยุดอยู่กับที่ เพราะถูกโซ่ตรวนจากอดีตผูกมัดไว้...

แต่ต่อจากนี้... จะเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว

คิดว่าเรื่องนี้คงสื่อไปถึงแล้ว... แต่ถึงบอกเมอร์ลินไปแบบนั้นก็เถอะ...

เราเองยังยอมรับไม่ได้เลย... ตัวเราในอดีตหน่ะ...

〝…..แต่อย่างน้อยก็เป็นเพราะ『อดีตนั่น』... ฉันถึงช่วย『คนสำคัญ』เอาไว้ได้บ้างหล่ะนะ〞

          กรเลื่อนมือไปลูบศีรษะของเมอร์ลินอีกครั้งเบาๆ ก่อนที่จะยันตัวเองเพื่อลุกจากเตียง และเดินไปยังประตูเพื่อที่จะปล่อยให้เธอพักผ่อน แต่จังหวะที่กำลังจะก้าวพ้นห้องของเมอร์ลินกรกลับได้ยินเสียงที่เบาราวกับกระซิบมาจากเตียงที่เมอร์ลินนอนอยู่

〝ขอบคุณนะ〞

〝!!!!〞

          พอหันหน้ากลับไปตามเสียงนั้น ก็เจอกับเมอร์ลินที่นอนหลบหน้ากรหันหน้าเข้าหากำแพง กรจึงรู้ว่าเธอตื่นนานแล้ว

ชอบแกล้งกันจริงนะ... งี้ก็ได้ยินหมดเลยสิเนี่ย...

ทำไมถึงชอบตื่นไม่ให้ซุ่มให้เสียงอยู่เรื่อยเลยนะ...

〝หึ! ได้เห็นน้ำตาของเจ้าหญิงหน้าตายมันก็ไม่เลวนักหรอก...〞

〝หนวกหูย่ะ... ไปตายซะ!〞

          เมอร์ลินดึงผ้าห่มมาคลุมโปงทั้งที่ยังหันหน้าหนีกรอยู่ พลางตะโกนไล่กรเพื่อกลบเกลื่อนความอาย เพราะหากเธอรู้ว่าตอนนี้ตัวเองหน้าแดงจนถึงหูหล่ะก็ คงจะแปลกใจไม่ใช่น้อยเลย...

          กรที่เห็นแบบนั้น กลับอมยิ้มออกมาอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก่อนที่จะบอกลาสั้นๆว่า〝คร้าบๆ!〞แล้วก็เดินออกจากห้องไป  โดยปล่อยให้เมอร์ลินนอนหน้าแดงเป็นเนื้อแตงโมในผ่าห่มอยู่คนเดียว....

❖❖❖❖❖

          ย้อนกลับไปเล็กน้อย ในเวลาเดียวกับที่กรก้าวเท้าเข้า-ออกห้องของเมอร์ลินด้วยความลังเล

          ที่นี่คือห้องสมุดซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายของกร... ขนาดนั้นเรียกได้ว่าใหญ่โตมโหฬาร เมื่อก้าวเข้าไปครั้งแรก สิ่งที่พบคือระเบียงครึ่งวงกลม โดยด้านซ้ายและขวาคือบันได ที่ไว้ใช้ลงและขึ้นตามลำดับ วัสดุที่ใช้สร้างทั้งห้องสมุดนั้นคือ ไม้เนื้อดีที่ฟรังซ์ ออลเดลคัดสรรค์มาแล้วทั้งสิ้น...

          หากมองลงไปจากระเบียงจะมองเห็นห้องโถงขนาดใหญ่ทรงกลมที่มีตู้หนังสือวางเรียงรายเป็นแถวจำนวนมาก ทั้งสี่มุมของห้องยังมีห้องสมุดย่อยอีก และหากมองขึ้นไปด้านบนก็จะพบกับชั้นหนังสือที่วางเรียงรายติดผนังห้องสูงขึ้นไปถึงเพดานก็ปาเข้าไป 10 เมตรแล้ว...

ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!———

          เสียงวิ่งเบาๆของเด็กสาวคนหนึ่ง ดังก้องทางเดินมาแต่ไกล จนมาถึงทางเข้าของห้องสมุด

          และเมื่อเด็กสาววิ่งเข้ามาจนถึงระเบียง ก็รีบวิ่งไปที่ขอบระเบียงของห้องสมุด เธอกวาดสายตามองลงไปด้านล่างเพื่อหาใครบางคนอยู่...

〝กร! เอ๋ ไม่อยู่หรอกเหรอ...〞

          เด็กสาวนามว่า มีอา ส่งเสียงเรียกชื่อของกรเบาๆด้วยข้อสงสัยที่มองไม่เห็นเจ้าตัว...

          หลังจากอาบน้ำเสร็จ กรมักจะมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องสมุด ดังนั้นมีอาที่อาบน้ำเสร็จแล้วจึงจะตามมาสมทบกับกรที่นี่เป็นประจำเช่นกัน นั่นจึงทำให้มีอาประหลาดใจไม่ใช่น้อย

          มีอาที่คิดว่าตัวเองอาจจะมองพลาดไปตรงไหนจึงมองลงไปอีกครั้ง แล้วก็พบเข้ากับเด็กชายที่นั่งเก้าอี้ชิดโต๊ะยาว กำลังเปิดหน้าต่างอะไรบางอย่างอยู่กับชายวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้าน ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฟรังซ์ ออลเดลในชุดองค์ชายกับเคลเบรอสร่างมนุษย์ในชุดพ่อบ้าน มีอาจึงไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปที่พื้นชั้นล่างสุดโดยไม่เสียเวลาลงบันได ทั้งที่มีความสูงถึง 20 เมตร แต่ด้วยสเตตัสของมีอาในตอนนี้ย่อมไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว

〝อ้าวๆ คุณหนู... ทำไมไม่ลงบันไดมาดีๆหล่ะเนี่ย?〞

          ฟรังซ์นั้นยังคงนั่งมองหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้า เพราะแม้จะไม่ได้มอง แต่ก็สัมผัสได้ว่าเป็นมีอา คนที่ถามออกมาจึงเป็นเคลเบรอสแทน...

〝กำลังหาตัวกรอยู่หน่ะคุณหมา... ว่าแต่เห็นกรบ้างรึเปล่า?〞

〝ฮะฮ่ะ! งั้นหรอกเหรอ... แต่เสียใจด้วย ข้าไม่เห็นหรอก〞

〝งั้น... หรอกเหรอ〞

          มีอาทำเสียดายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะบอกทั้งสองคนว่า〝ขอบคุณนะทั้งสองคน งั้นฉันไปหากรก่อนนะ〞 แล้วจึงทำท่าจะกระโดดกลับขึ้นไปโดยไม่สนบันไดอีก แต่พอเธอเหลือบไปเห็นหน้าต่างที่ฟรังซ์กำลังดูอยู่เพียงเสี้ยววินาที ก็เบิกตาโพลงในทันทีทั้งที่อยู่ในท่าเตรียมกระโดด...

         

          หน้าต่างแบนราบที่ถูกเปิดในแนวสายตาที่ฟรังซ์กำลังดูอยู่นั้น... มันคล้ายกับเป็นวิดีโอย้อนหลัง ซึ่งมีฉากหลังเป็นชั้นที่ 23 ของดันเจี้ยนแห่งนี้ แต่ที่ทำให้มีอาชะงัก คือตัวเอกที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าต่างจอแสดงภาพเคลื่อนไหวนั้นต่างหาก

〝คุณฟรังซ์คะ... นั่นหน่ะ กรใช่ไหม?〞

〖หืม? อ่อ... ถูกต้องแล้วครับคุณมีอา〗

แม้จะกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติอย่างเคยแทบจะทันทีที่ได้ยินคำถาม

          กับฟรังซ์นั้น มีอาเลือกที่จะใช้ท่าทีที่สำรวมและคำพูดสุภาพ เพราะเป็นถึงคนให้ที่พักและอาหาร ทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตกรไว้ตั้ง 2 ครั้ง และแม้จะนับเพียงวัยวุฒิ ฟรังซ์ก็ยังแก่กว่าเธอโข นั่นจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว จะมีก็แต่กรเท่านั้นที่เรียกอย่างไม่เกรงใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มขี้เล่นคนนี้ไม่พอใจแม้แต่น้อย...

〖นี่เป็นบันทึกการต่อสู้ของคุณอุษณกรเมื่อเดือนที่แล้วหน่ะครับ... เป็นตอนที่เขาตายและจุติครั้งแรก〗

〝……………….〞

          มีอาลุกขึ้นยืนและยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับจอ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอสนใจมันอย่างสุดๆ นั่นเลยทำให้ฟรังซ์กับเคลเบรอสหัวเราะแห้งๆออกมาพร้อมกัน แล้วพอชวนมีอาให้มาดูด้วยกัน มีอาก็รีบวิ่งแจ้นเข้ามายืนดูอยู่ด้านหลังของฟรังซ์อย่างไว

〝ว่าแต่สุดยอดไปเลยนะคะ... กรหน่ะเป็นคนที่มีสเตตัสทั่วไปแท้ๆ แต่ยังสามารถสู้กับมอนสเตอร์ชั้นสูงได้ขนาดนี้〞

          มีอาเอียงคอสงสัยต่อภาพที่อยู่ตรงหน้า... อนึ่ง ภาพเคลื่อนไหวในตอนนี้ คือภาพของกรที่หลบการโจมตีมอนสเตอร์ทั้ง 5 ตัว ซึ่งเป็นตอนก่อนที่กรจะเจ็บสาหัส...

〖นั่นแหล่ะครับที่น่าสงสัย... ไม่มีทั้งฉายาและสกิลที่ใช้กู้สถานการณ์ได้เลยแท้ๆ... ถึงคุณอุษณกรจะมี『สุดยอดการประมวลผล』 เลยทำให้พอหลบการโจมตีทั้งหมดได้ก็เถอะ... แต่ที่น่าสงสัยที่สุดคงจะเป็นตอนนี้หล่ะมั้งครับ....〗

〝!!!!〞

          มีอายกมือทั้งสองข้างขึ้นมาป้องปาก ในช่วงที่ฟรังซ์เลื่อนภาพไปยังจุดที่กรโดนการโจมตีของมอนสเตอร์จนแขนซ้ายขาด หน้าอก ท้องและต้นขาขวาก็ถูกดาบเสียบอยู่ ในจังหวะที่น้ำตาของมีอาร่วงหล่นด้วยความเศร้าโศก เคลเบรอสก็เป็นคนปลอบเธอ แต่มีอาก็เช็ดน้ำตาออกแทบจะทันที

          แววตาของเธอกลับมาไร้แววอีกครั้ง... นั่นคือตอนนี้มีอากำลังเข้าสู่โหมด『อัลติเมทมีอา』เพราะโกรธจัดนั่นเอง ก่อนที่จะเอ่ยถามฟรังซ์ออกมาด้วยเสียงเรียบๆ ราวกับน้ำตาที่ไหลก่อนหน้านี้เป็นของปลอมยังไงอย่างงั้น

〝มีอะไรน่าสงสัยในตัวกรเหรอคะ〞

〖อืม... คอยดูนะครับ...〗

          แม้จะถูกถามด้วยเสียงเรียบๆจนดูสยอง แต่ฟรังซ์กลับไม่ได้คิดมาก... เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ ก่อนที่จะเลื่อนภาพไปในตอนที่กรก้าวผ่านความสิ้นหวังและยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน นั่นก็ทำให้แววตาของมีอากลับมามีประกายอีกครั้ง เคลเบรอสที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเลยทีเดียว

〝กร... ยืนขึ้นมาได้?〞

〖ลองสังเกตที่ปากแผลดีๆสิครับ...〗

          มีอาและเคลเบรอสต่างก็หรี่ตาลง เพราะคำพูดของฟรังซ์ ทั้งสองต่างก็จ้องตัวกรที่ลุกขึ้นมานั่นตาเป็นมัน แล้วก็ต้องพบกับความเป็นจริงที่น่าตกใจ

〝เลือดไหลช้าลง... แทบจะหยุดเลย?〞

〖ครับ... ปากแผลนั้นไม่ได้หยุดสนิทก็จริง แต่ก็สมานตัวกันด้วยความเร็วที่น่าตกใจมาก... แล้วทั้งที่เสียเลือดไปมากขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับยังขยับได้ตั้งขนาดนั้น ถึงจะจบลงที่อวัยวะภายในเสียหายจนถึงแก่ความตายตามปกติที่ควรก็จริง แต่คิดยังไงมันก็แปลกอยู่ดีครับ...〗

          ฟรังซ์สัมผัสหน้าจอเพื่อเปลี่ยนภาพเป็นเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยให้กรในหน้าต่างบรรเลงเพลงศึกอย่างบ้าคลั่งกับมอนสเตอร์ทั้ง 5 คนจนจบ ไม่ว่าจะเป็นมีอาหรือเคลเบรอสต่างก็อึ้งกิมกี่จนถึงขนาดร้องออกมาเป็นพักๆว่า〝ใช่มนุษย์แน่เหรอนั่น?〞เลยทีเดียว

〖และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือนี่ครับ....〗

          ฟรังซ์ไม่รอช้าที่จะเปิดบันทึกหน้าต่างค่าสเตตัสของกร ซึ่งถูกบันทึกโดยเวทย์ตรวจสอบเฉพาะตัว ที่คิดค้นโดยเมอร์ลิน

          เมอร์ลินและฟรังซ์เคยตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสเตตัสว่า ค่าที่แสดงอยู่ในหน้าต่าง อาจจะไม่ใช่ค่าคงตัวเสมอไป... หากแต่อาจจะเป็นค่าเฉลี่ยของตัวเลขสเตตัสที่บุคคลนั้นสามารถสร้างได้ต่างหาก...

          หากยกตัวอย่างง่ายๆ.... เมื่อคนเราต้องการขว้างวัตถุชนิดหนึ่งเช่นลูกบอล ระยะทางที่ได้ย่อมไม่เท่ากันในแต่ละครั้ง... ดังนั้นสิ่งที่จะใช้วัดเป็นค่ามาตรฐานเฉพาะตัวของสเตตัสนั้นๆ คงต้องมาจากค่าเฉลี่ยที่คนๆนั้นสามารถทำให้เป็นไปได้เป็นแน่ ซึ่งทั้งฟรังซ์และเมอร์ลินต่างก็ทดลองและสรุปแล้วว่าข้อสันนิษฐานนี้มีความเป็นจริงสูงถึง 97%

          เทียบเป็นกราฟเข้าใจง่ายๆ... ไม่ว่าจะเป็นค่าสเตตัสของใครก็ตาม ระหว่างที่ทำกิจกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับค่าสเตตัส กราฟของบุคคลนั้นมักจะเป็นกราฟเส้นตรงที่แทบจะขนาดกับแกน X ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้ว ว่าถึงแม้การโยนบอลแต่ละครั้งจะไม่เท่ากัน... แต่ยังไงก็คงไม่มีทางเบี่ยงเบนไปจากค่าเฉลี่ยมากเกินไปแน่นอน

          แต่ในกรณีของกรนั้น... กราฟการเปลี่ยนแปลงของสเตตัสที่วัดได้เมื่อเข้าปะทะกับมอนสเตอร์นั้น พุ่งขึ้นสูงจนผิดปกติ... หากเทียบกับบุคคลทั่วไปที่เป็นกราฟเส้นตรง ของกรนั้นก็คือ... กราฟแบบพาราโบลาที่ตัวเลขโด่งขึ้นไปถึงจุดสูงสุดและลากกลับมาเท่าเดิมต่อไปเรื่อยๆยังกับกราฟ SIN Curve หรือเหมือนกับกราฟแสดงคลื่นไหวสะเทือนจากแผ่นดินไหว ยังไงอย่างงั้น

          หากตีเป็นตัวเลข... ค่าสเตตัสของกรก่อนเข้าปะทะในช่วงแรก คือประมาณ 200 แต่ในจังหวะที่เข้าปะทะสเตตัสกลับพุ่งขึ้นสูงอย่างไม่น่าเป็นไปได้ถึง 30 เท่า ตั้งแต่น้อยสุดที่ 2,000 จุดจนถึงจุดสูงสุดที่เกือบ 7,000 จุดเลยทีเดียว

          ค่าสเตตัสของกรก่อนเข้าปะทะในช่วงหลังจากที่ฆ่ามอนสเตอร์ตัวแรกได้ คือประมาณ 900-1,000 แต่ในจังหวะที่เข้าปะทะสเตตัสกลับพุ่งขึ้นสูงอย่างสะเปะสะปะ ตั้งแต่น้อยสุดที่ 5,000 จุดจนถึงจุดสูงสุดที่เกือบ 15,000 จุดเลยทีเดียว ซึ่งนั่นมันผิดธรรมชาติเอามากๆ จนไม่สามารถหาคำอธิบายได้... และแน่นอนว่าจนตอนนี้ทั้งฟรังซ์และเมอร์ลิน ต่างก็ยังไม่เข้าใจ

          จะมีก็แต่เมอร์ลินเท่านั้นที่คิดว่าอาจจะเป็นเพราะข้อสันนิษฐานของตัวเองยังขาดตัวแปรบางอย่างก็เป็นได้ และเป็นเพราะตัวกรในตอนนี้มีพลังมากถึงขนาดไม่ต้องสนใจรายละเอียดในจุดนั้น(ถึงความจริงแล้วจะเป็นเพราะเมอร์ลินรำคาญที่จะคิดต่อแล้วก็ตาม) แต่กับฟรังซ์นั้นเขากลับคิดในอีกแง่นึง...

〖นี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของผม... บางทีคุณอุษณกรหน่ะ... อาจจะไม่ใช่แค่ผู้กล้าที่อ่อนแอที่สุดธรรมดาๆซะแล้วหล่ะครับ...〗

〝〝 !!!? 〞〞

          แม้ในแท็กแสดงเผ่าพันธุ์ของกรเมื่อครั้งอดีตก่อนจะจุติ จะแสดงว่าเขาคือ『มนุษย์』อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฟรังซ์ เลิกกังขาได้ว่าเขานั้นใช่『มนุษย์ธรรมดา』แน่รึเปล่า? แต่อย่างใด

          ทั้งสามคนต่างก็ทำหน้าสงสัยแบบเดียวกัน เพราะไม่รู้ข้อมูลอะไรและอธิบายอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย... จนกระทั่งเจ้าตัวเช่นกรที่เดินมาถึงห้องสมุดลงมาเจอกับทั้งสามคน ทั้งสามคนต่างก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ตนควรถาม โดยเฉพาะมีอาที่ห่วงความรู้สึกของกรเลยไม่ถามออกไปและจ้องทั้งสองคนด้วยแววตาน่าขนลุก เรื่องนี้จึงจบลงแต่โดยดี? โดยที่กรไม่รู้...

          แต่ถึงทั้งสามคนจะถามออกไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี... เพราะความจริงเกี่ยวกับตัวของชายชื่ออุษณกรนั้น แม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ ว่าจะมีความลับสุดยอดแบบไหนรออยู่เบื้องหลังความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของเขานั่นกันแน่...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 46 : ออกเดินทาง (จบบทที่ 1)

    ——— 3 วันต่อมา กิจวัตรประจำวันเมื่ออยู่คฤหาสน์ของกรยังคงดำเนินต่อไป ด้วยตารางการฝึกของฟรังซ์เพื่อ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』 ด้วยความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของกร... บัดนี้เขาสามารถควบคุมจินตนาการได้จนเกือบสำเร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ส่วนผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ....ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! 〝อ้าว ๆ !!! คราวนี้ลองรับดาบข้าดูเจ้าหนู!〞 กรในตอนนี้กำลังต่อสู้กับวิชาดาบสุดร้ายกาจของเคลเบรอสในร่างลุงวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้านเช่นเคย สเต็ปการก้าวเท้าหลบของกรนั้นช่างลื่นไหลราวกับกำลังเต้นลีลาศด้วยการกระหน่ำโจมตีของเคลเบรอส แต่ด้วยความร้ายกาจของเคลเบรอสทำให้มีวิถีดาบจำนวนหนึ่งเล็ดรอดออกมาได้ กรจึงใช้มือปัดป้องออกอย่างง่ายดาบราวกับเป็นเพียงของเล่น กรที่อยู่ในชุดฝึกนั้นเรียกได้ว่าไร้อาวุธอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ร่างกายที่ถูกคลุมด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น ที่ใช้แทนกันได้... แม้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพอสูสีได้ เพียงแต่ว่า...ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! 〖อย่าลืมว่าย

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 47 : เริ่มใช้ชีวิตแบบตัวเอกในนิยายแฟนตาซีเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักที (เริ่มบทที่ 2)

    บทที่ 2 『 Basilius Kingdoms Crisis 』วิกฤตบาซีเลียส❖❖❖❖❖ครืด!——— ครืด!——— ครืด!——— ท่ามกลางความร่มรื่นของบรรยากาศยามบ่ายที่ไม่ร้อนเกินไปนักของถนนลูกรังสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมีผืนหญ้ายาวสุดลูกหูลูกตาและมีไม้ยืนต้นขนาดปานกลางแซมอยู่เป็นพักๆ ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างกำลังถูกลากไปตามทางของด้วยเสียงประหลาดๆแฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! เสียงหายใจหอบของคนที่เป็นต้นเสียงดังอย่างต่อเนื่องมาได้พักใหญ่ๆ... เมื่อโฟกัสไปยังต้นเหตุดังกล่าว ก็จะพบเข้ากับเด็กหนุ่มที่เป็นสาเหตุคนนั้นกำลังเดินลากเท้าไปตามพื้น แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มเดินลำบากนั้นมาจากหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะเป็นลมแดด? ซึ่งเขากำลังแบกอยู่ด้านหลังต่างหาก เหงื่อของเด็กหนุ่มไหลลงมากองที่คอด้วยความร้อนจากทั้งแรงกดทับของหญิงสาวและความร้อนจากแสงอาทิตย์ เลยทำให้ความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทีของทั้งสองคนนั้นเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะเรียกว่ากำลังเดินทางเข้าเมือง เพราะใบหน้าทรมานของทั้งสองคนมันเหมือนกับกำลังเดินทางไปสู่นรกมากกว่า(ฮาๆ) แตกต่างจากเด็กสาวที่เดินอยู่ข้

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 48 :  คนจะรวย ช่วยไม่ได้

    หลังจากนั้น พวกกรก็นั่งรถม้าเข้าไปในเมืองชั้นในพร้อมกับคุณโรนี่ โดยใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย… การตรวจตราเข้าสู่เมืองชั้นใน ดำเนินการโดยกองทหารฝ่ายตรวจการ เพราะเมืองชั้นในประกอบด้วยสถานที่ราชการเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยต้องมีการคัดแยกคนที่รัดกุมมากกว่าปกติ แต่พวกกรก็ผ่านมาง่ายๆ เพราะเดินทางมากับคุณโรนี่ซึ่งเป็นที่รู้จักในย่านนี้ แล้วจากนั้นประมาณ 10 นาที พวกกรก็มาถึงย่านร้านค้าซึ่งมีลักษณะเป็นตึกแถว 3 ชั้นที่ดูดีมีระดับแห่งหนึ่ง โดยที่ทั้งสองข้างทางต่างก็เป็นร้านกระจก และถูกประดับด้วยของดีทั้งนั้น ทางสัญจรที่แม้จะเป็นซอยหลักเองยังถูกปูด้วยพื้นหินแกรนิตเป็นลายสับหว่างเหมือนกับอิฐอย่างดีและงดงาม แค่มองดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นย่านร้านค้าของคนมีเงินใช้เหลือเฟือ แต่ดูเหมือนคนทั่วไปเองก็มาซื้อของที่นี่เหมือนกัน ด้วยเพราะกรมองเห็นคนแทบจะทุกประเภทสัญจรผ่านย่านการค้าแห่งนี้คับคั่งยิ่งกว่าตลาดเมื่อตอนเข้าเมืองเสียอีก รถม้ายังคงเคลื่อนตัวเข้าไปเรื่อยๆ... ในขณะเดียวกัน มีอาและเมอร์ลินที่ไม่ค่อยได้เห็นของพวกนี้เพราะอยู่แต่ในดันเจี้ยนมานานมาก ต่างก็มองผ่านหน้าต่างอ

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 49 :  ปัญหาในการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกิดจากการหาห้องพักให้ถูกใจ

    หลังจากพวกกรเดินหลบฉากออกมาจากย่านการค้าโรนี่ได้ซักพัก ณ ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเศษ พวกกรเลยตกลงกันว่าจะหาที่พักชั่วคราวอาทิเช่น โรงแรมหรือห้องพัก กันไปก่อน และเนื่องด้วยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูฝนปลายๆ เกือบจะเข้าฤดูร้อนพอดิบพอดี เลยทำให้เวลากลางวันยาวนานกว่าตอนกลางคืนพอสมควร แสงอาทิตย์จึงยังไม่เป็นสีส้มสนิท พวกกรเลยตัดสินใจว่าจะออกมาเดินเล่นในเมืองด้วยกันหลังจากที่จองห้องไว้แล้วด้วย แต่ว่า...〝นี่... ฉันว่าห้องของที่เมื่อกี้ก็โอเคอยู่นา...〞〝ไม่เอาด้วยหรอก! ฉันไม่อยากใช้ห้องน้ำรวมนี่นา〞〝แต่มันก็แยกฝั่งชาย หญิงอยู่ไม่ใช่เหรอ? 〞〝บอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอาย่ะ! 〞 ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ที่ทั้งสามคนยังคงง่วนอยู่แต่กับการเลือกห้องพัก ตามแบบที่เห็นตรงกัน ในด้านของมีอานั้น ไม่มีปัญหาซักนิดในเรื่องของรูปแบบห้อง ขอแค่มีเตียงเธอก็นอนได้หมด เพราะงั้นคนที่เถียงกันจึงมีแต่กรและเมอร์ลิน... ไม่สิ พูดให้ถูกคือเมอร์ลินเป็นฝ่ายเลือก ซึ่งสาเหตุของเมอร์ลินนั้นก็มาจากการต้องการความเป็นส่วนตัว รวมถึงไม่อยากทำความรู้จักกับบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นนั่นเอง กรที

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 50 :  ศูนย์รวมของกลุ่มคนคือศูนย์รวมของข่าวสาร

    〝 ใหญ่จัง... 〞〝 ใหญ่เวอร์เลย 〞〝 สุดยอดเลยแฮะ 〞 มีอา เมอร์ลินและกรต่างก็แสดงปฏิกิริยาออกมาต่างกัน แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ความตะลึงและประทับใจ เมื่อพบกับอาคารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า หลังจากเดินเท้าจากอิกดราซิลโฮเทลเข้าสู่ศูนย์กลางของเมืองเพียง 10 นาที อาคารทั้งหมดถูกสร้างจากหินแกรนิตสีน้ำเงินโทนดำดูภายนอกน่ายำเกรง ลายของผนังและกำแพงภายนอกคล้ายกับการวางตัวของอิฐที่สับหว่างไปมาอย่างมีระเบียบ จากภายนอก กรพอจะคาดคะเนความสูงได้เกือบ 7 เมตร และเมื่อใช้หน้าต่างตั้งค่าตรวจสอบแผนผังก็พบว่าภายในเป็นอาคารขนาดใหญ่และมีถึง 4 ชั้น ลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทางเดินติดต่อระหว่างประตูอาคารและซุ้มทางเข้าขนาดใหญ่ติดกับกำแพง และซุ้มทางเข้านี้เอง ที่มีตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่สลักไว้ตรงกลางของป้ายสูงพอๆกับตัวอาคารเหนือหัวของพวกกรถูกเขียนเอาไว้ เป็นชื่อของอาคารแห่งนี้ว่า... 『กิลด์นักผจญภัยประจำเมืองคาลิโอน่า』ข้างในเองก็สุดยอดไม่แพ้กันเลยแฮะ ทันทีที่ทั้งสามคนเดินผ่านซุ้ม และผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรเข้ามาถึงภายในกิลด์นักผจญภัย ก็พบกับบรรยากาศแปลกๆ ขอ

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 51 : ซื้อทาสครั้งแรก และ ครั้งแรก

    หลังจากที่พวกกรตัดสินใจจะเพิ่มพวกพ้องในปาร์ตี้ด้วยการซื้อทาสไปแล้ว พวกเขาจึงเริ่มตระเวนหาร้านดังกล่าวในทันที เพียงแต่... การหาร้านที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยซักนิด นั่นเป็นเพราะกรไม่เคยซื้อทาสมาก่อนนั่นแหล่ะ เพราะหากเป็นสินค้าอย่างอื่นไม่ว่าจะของกินหรือเครื่องใช้ กรก็มีพื้นเพในการคัดแยกของดีไม่ดีจากโลกเดิมอยู่แล้ว เพราะความรู้และสามัญสำนึกเป็นของโลกเดิม เลยมีความเสี่ยงจะโดนโกงสูง... ทางด้านมีอาเองเคยเป็นทาสมาก่อนก็จริง แต่ก็เป็นคนละประเภทกับที่ถูกขายตามท้องตลาด ส่วนเมอร์ลินก็อยู่แต่ในดันเจี้ยนทำให้ความรู้เรื่องโลกภายนอกไม่ต่างจากกรและมีอาซักนิด และพอใช้เวลาคิดซักเล็กน้อย... พวกกรก็ได้นึกถึงบุคคลคนนึงที่เขาเพิ่งรู้จักเมื่อวาน และเชื่อว่าเขาคนนั้นมีความน่าเชื่อถือมากพอ แถมยังทำงานสายการค้าอีกด้วย และยังเป็นคนมีอิทธิพลพอสมควร นั่นเลยทำให้กรคิดว่าเขาต้องช่วยแนะนำร้านค้าทาสดีๆให้กับกรได้แน่〝 ยินดีต้อนรับครับ! อ้าว คุณกรเองเหรอครับ 〞 ทันทีที่กรเปิดประตูเข้าสู่อาคารบริหารของย่านการค้า ก็ได้พบเข้ากับคนๆนึง กำลังสั่ง

    Last Updated : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 52 : ครั้งที่สองย่อมคล่องกว่าครั้งแรก

    หลังจากค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์ของทั้งสามคนจบลง ยามเช้าก็ได้มาถึง... ภายใต้ผ้าห่มบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งสามคนที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ได้นอนกอดกันกลมโดยมีเด็กหนุ่มนามว่า กร คั่นกลาง แสงอาทิตย์อุ่นๆ ของฤดูร้อนลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบร่างของทั้งสาม แต่มีเพียงกรเท่านั้นที่ตื่นจากภวังค์เพราะมัน ทันทีที่ตื่น กรสัมผัสได้ถึงผิวกายอันแสนวิเศษ ที่แนบชิดกับเขาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากมีอาและเมอร์ลินที่กำลังนอนหลับสนิทเคียงเขาซ้ายขวา และใช้ร่างของกรแทนหมอนข้างนั่นเอง...ไม่ต้องมีคำบรรยาย...เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่สุดยอดจริงๆเลย... ในหลายๆความหมายอาจจะเสียมารยาทกับพวกเธอไปหน่อย แต่ถ้าจะนับจากประสบการณ์ในลูป คงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกแต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณประสบการณ์พวกนั้นบ้างแหล่ะนะ... เลยทำให้นำได้อย่างดี สมเป็นลูกผู้ชายกับเขาหน่อย ในขณะที่คิดแบบนั้น มีอาและเมอร์ลินที่สัมผัสกายของกรได้ละเมอครางออกมาเบาๆ และขยับใบหน้าเข้ามาซุกที่อกของเขาแนบชิดกว่าเดิมดูจากการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ตอนนี้ก็เกือบ 9 โมงแล้ว... นี่พวกเราหลับยาวขนาดน

    Last Updated : 2025-04-12
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 53 : เริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

    หลังจากที่พวกกรได้ฐานที่มั่นชั่วคราวเป็นห้องกับดัก กรก็เริ่มทำการสร้างชุดให้กับชาลอตในทันที จากนั้นก็สร้างโต๊ะวงกลมขึ้นด้วยเวทย์พฤกษา พร้อมกับเก้าอี้ไม้สี่ตัว เพื่อวางแผนการ นั่นเพราะต่อจากนี้ กรจะให้ชาลอตซ้อมต่อสู้และคุ้นชินกับคำสั่งให้ได้เร็วๆ นั่นเอง〝 โอ้! เหมาะมากเลย 〞〝 นั่นสินะ 〞 เมื่อชาลอตทำการเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จสิ้นก็ได้ฤกษ์เปิดม่านโชว์ตัวโดยยืนเป็นโมเดลด้านหน้าพวกกรที่นั่งโต๊ะอยู่ให้ได้เชยชม และเหตุผลเดียวที่เมอร์ลินและกรชมออกมาอย่างออกนอกหน้าก็คือ... ความงดงามของสาวน้อย?ตรงหน้ากับชุดเกราะที่เธอใส่ มีความเข้ากันในระดับที่สามารถขโมยใจชายและทำให้หญิงสาวคุกขอขมา ให้กับความน่ารักนี้ได้เลย... ชุดใหม่ของชาลอตที่ถูกปรับแต่งโดยกรและดีไซน์โดยเมอร์ลิน ตอนนี้มันมีลักษณะเหมือนกับเกราะหนังผสมกับเกราะโลหะ แบบเปิดไหล่ โดยตัวหนังที่เป็นพื้นฐานของชุดถูกกรปรับแต่งให้สามารถป้องกันเวทย์ได้ทุกชนิดที่มีระดับต่ำกว่าเขา ส่วนตัวเกราะโลหะที่ติดไว้ตั้งแต่บริเวณหน้าอกถึงท้องน้อย และด้านหลังตั้งแต่บริเวณหลังคอไปจนถึงสะโพก โดยที่โลหะหน้าและหลังเป็นคนละตัว

    Last Updated : 2025-04-12

Latest chapter

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 100 : ยามเมื่อเหล่าบุปผาผลิบาน

    ———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 99 : ความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่หลังความเป็นจริง

    〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 98 : หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ

    หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 97 : เหตุผลในการมีชีวิต

    〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 96 : การต่อรองต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

    หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 95 : ตัวละครเอกมักเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว

    หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 94 : บทปิดม่านของชายผู้ถูกความขลาดเขลากลืนกิน

    〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 93 : การแสดงชั้นยอด

    〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 92 : คนร้ายตัวจริง

    หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status