แชร์

ตอนที่ 44 : สวรรค์ในห้องอาบน้ำ

ผู้เขียน: หัตถ์อนันต์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-11 15:32:23

〝『ค่าสิทธ์』 เหรอ?〞

          พอกรเลื่อนหน้าต่างที่ดูน่าสงสัยนี้มาอยู่ตรงกลางทัศนวิสัย เมอร์ลินที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะถูกเลื่อนมาอยู่ในขอบเขตที่เธอมองเห็นได้ จึงถามออกมาด้วยความสงสัยเช่นกัน

          แล้วไม่รอช้า... กรรวมถึงมีอาและเมอร์ลิน... แม้แต่เคลเบรอสและฟรังซ์ที่ยื่นหน้าเข้ามาดูจากทางด้านหลังเองก็ทำการอ่านรายละเอียดที่เขียนอยู่บนหน้าต่างนี้ในทันทีเช่นกัน...

     หน้าต่างค่าสิทธ์

1 - ???????????

2  - ?????,  ดาวเคราะห์

3  - พระเจ้า ดันเจี้ยนมาสเตอร์ มอนสเตอร์และบอสในดันเจี้ยน (ระดับ SS ขึ้นไป)

4  – เผ่าเทพเจ้าและตัวตนระดับสูง (เช่น เทพตกสวรรค์ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ปีศาจ)

5  – มอนสเตอร์ในดันเจี้ยน (ระดับ A ขึ้นไป แต่ไม่ถึงระดับ SS)

6  - มอนสเตอร์และบอสนอกดันเจี้ยนทั้งหมด (ระดับ A ลงไป)

7  - ผู้ปกครองแผ่นดิน

8  - สิ่งมีชีวิตทรงปัญญาทุกประเภท

9  – ทาสและสิ่งมีชีวิตไร้สติปัญญา

*หมายเหตุ : การตั้งค่าทุกอย่าง ถูกขยายขอบเขตให้สามารถตั้งค่าบุคคลอื่นในแบบเดียวกับที่ตั้งค่าให้กับตัวเองได้ทุกอย่าง

ปล.      สีเขียว  คือ กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์ต่ำกว่าผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่สามารถตั้งค่าได้ทุกอย่าง 

สีส้ม    คือ กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์เท่ากับผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่สามารถตั้งค่าได้บางส่วน

          สีแดง   คือ กลุ่มที่มีค่าสิทธิ์สูงกว่าผู้ใช้ เป็นกลุ่มที่ไม่สามารถตั้งค่าได้

ปล. 2    สีของค่าสิทธ์จะถูกแสดงผลในหน้าต่างแผนที่ด้วยเช่นกัน

(เลขสิทธ์เป็นค่าคงที่ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการใช้เวทย์มนต์ สกิลและอื่นๆ หากกลุ่มที่มีค่าสิทธ์น้อยกว่าใช้สกิลกับกลุ่มที่มีค่าสิทธ์มากกว่า จะทำให้ไม่ได้ผลหรือผลลัพธ์ลดหลั่นลงตามช่องว่างของค่าสิทธ์ที่เป็นค่าคงที่นั้นของทั้งสองฝ่าย)

....นี่มันหน้าต่างที่มีไว้อธิบายรึยังไงกันเนี่ย?

แต่ว่า.... ถึงจะมีแค่คำอธิบายก็เถอะ แต่อีแบบนี้มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ?

ถึงจะไม่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางกายภาพได้เหมือน GM ในเกมก็เถอะ... ก็แน่หล่ะ เพราะนี่หน่ะ คือความเป็นจริงไม่ใช่ในเกมนี่นา...

แต่ถึงแบบนั้นก็ยังสุดยอดอยู่ดี..

หึหึหึ!!!! แล้วพวกผู้ปกครองแผ่นดินนี่... ถ้าเข้าใจไม่ผิด ก็หมายความว่าเป็นพวกราชาไม่ใช่เหรอ?

ได้กลิ่นของการเอาคืนที่มาหลอกใช้พวกเราเลยนะเนี่ย...

แล้วอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ... ถ้าค่าสิทธ์เท่ากันจะมีสีส้ม... ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เรามีค่าสิทธ์เท่ากับพระเจ้าหน่ะสิ!!!

มาถึงจุดนี้จนได้นะตัวฉัน... แต่แบบนี้แหล่ะที่เราต้องการ

แถมไอ้พวกเผ่าเทพ... ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพวก สภาสวรรค์ รวมอยู่ในกลุ่มสิทธ์นี้ด้วย...

ไอ้เวรพวกนี้... เป็นคนทำให้มีอาเจ็บปวด มันอยู่ใต้ค่าสิทธ์ของเราแล้ว... ที่นี้เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวมันอีกต่อไป

แต่แน่นอนว่าในระดับนึง... นั่นเพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าพวกนั้นมีอะไรซ่อนอยู่อีก... ถ้าเราประมาท มีอาจะเป็นอันตรายไปด้วย เรื่องแบบนั้นไม่มีทางให้เกิดขึ้นอีกแน่นอน

แต่ผลลัพธ์เนี่ย.... ยังไงก็ต้องทดลองใช้จริงก่อนนั่นแหล่ะนะ

แต่ก่อนหน้านั้น มีอีกอย่างที่อยากลองดูว่าจะทำได้รึเปล่าด้วย... งั้นก็...

          กรทำการปิดหน้าต่างตั้งค่าสเตตัส จากนั้นก็หายใจเข้ายาวๆครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ความตื่นเต้นที่คุกรุ่นอยู่ในใจ

          พอได้จังหวะ กรจึงประกาศออกมาด้วยเสียงที่ชัดเจนเพื่อออกคำสั่งกับหน้าต่างตั้งค่าด้วยเสียงว่า

〝หน้าต่างตั้งค่าทุกบาน... จงรับคำสั่งด้วยความคิดของฉันซะ!〞

【...........】

          เสียงตอบกลับยังไม่ตอบกลับมาตามที่ควรจะเป็น นั่นทำให้ใบหน้าของกรมีเหงื่อผุดขึ้นมามากมาย ไม่แม้แต่พวกมีอาและเมอร์ลินที่นั่งอยู่รอบๆเองต่างก็ขมวดคิ้วและกลืนน้ำลายเพราะลุ้นผลลัพธ์ดังกล่าวไปพร้อมกับกรด้วย เนื่องจากเข้าใจเจตนาแฝงของกร

          แล้วทันใดนั้นเอง เสียงโมโนโทนที่กรอยากได้ยินก็ตอบเขากลับมา นั่นทำให้ร่างของกรกระตุกเบาๆครั้งนึงเลยทีเดียว ที่คำสั่งซึ่งควรจะอยู่นอกเหนือขอบเขตของเขาดันได้รับการอนุมัติซะได้...

【……..รับทราบ! ระบบการรับคำสั่งเปลี่ยนจาก『รับคำสั่งด้วยเสียง』เป็น『รับคำสั่งด้วยความคิด』】

          ในขณะเดียวกับที่คำประกาศดังขึ้นในหัวของกร สัญลักษณ์ที่แต่เดิมเคยเป็นรูปไมโครโฟนขนาดจิ๋ว ก็ถูกแทนที่เป็นรูปสมองพร้อมๆกันอันเป็นคำยืนยันอย่างแน่ชัดอีกครั้ง ว่าคำสั่งของกรได้รับการยืนยันแล้ว

ทำได้! ทำได้จริงด้วย!

ห๊ะห๊ะ! อีแบบนี้มันสุดยอดยิ่งกว่าเดิมอีกนะเนี่ย

ว่าแต่ทำไมคำตอบของสกิลถึงมีดีเลย์หล่ะเนี่ย... ยังกับสกิลมันกำลังคิดอยู่ว่าจะให้เราใช้ได้ดีไหม? งั้นแหล่ะ...

แต่เอาเป็นว่า... ตอนนี้เราสามารถสั่งการด้วยความคิดแทนได้แล้ว...

ตอนแรกก็โกงอยู่แล้วนะ... แต่ถ้าสั่งการทางความคิดได้ คนอื่นก็ไม่มีทางรู้แน่นอนว่าเราทำอะไร...

ถึงแต่เดิมคนอื่นจะไม่รู้อยู่แล้วก็เถอะ ถ้าเห็นเราสั่ง... แต่ยังไงการคิดก็สะดวกกว่าการพูดอยู่แล้ว... เพราะจุดแข็งเพียงหนึ่งเดียวของเราก็คือ『สุดยอดการประมวลผล』นี่นา...

งั้นก็เหลือแค่เรื่อง『ค่าสิทธ์』 เรื่องเดียวแล้วหล่ะ ที่อยากลองให้รู้ผลเร็วๆหน่ะนะ...

ถ้างั้นจะรอช้าอยู่ไร...

          ทั้งที่กรเพิ่งจะสมหวังกับผลลัพธ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้นี้ แต่ความกระหายรู้ก็ยังไม่จางหายลงไปเลยซักนิด กรจึงปรับอารมณ์ตัวเองเพื่อลดความตื่นเต้นอีกครั้งในเวลาไม่นานเพื่อเริ่มทำการทดลองต่อ

          และไม่รอช้า... พอปรับอารมณ์ของตัวเองให้สงบลงได้แล้ว กรจึงทำการสั่งใช้งานหน้าต่างตั้งค่าสเตตัสด้วยความคิดในทันทีว่า

         

ตั้งค่าหน้าต่างสเตตัส... 『มีอาน่า กาบริเอล

          ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของกรที่ง่วนอยู่กับการตั้งค่าบางอย่างกับมีอา เลยได้แต่เอียงคอสงสัยโดยพร้อมเพรียงกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

          แล้วพอผ่านไปได้ราวๆ 5 วินาที กรก็ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน นั่นทำให้มีอาและเมอร์ลินที่นั่งอยู่ข้างสะดุ้งโหยง แต่ก่อนที่เมอร์ลินจะได้พูดอะไร ตัวกรก็ถีบพื้นพุ่งไปด้านหน้าจนห่างจากเธอเกือบ 2 เมตรในพริบตาไปเสียแล้ว

〝โทษทีนะทั้งสองคนที่ทำให้ตกใจ พอดีอยากทดลองอะไรหน่อยหน่ะ!〞

〝หน่ะ นายนี่มันจริงๆเลย!〞

          กรเกาหัวตัวเองเบาๆพลางยิ้มแหยๆออกมา เพราะรู้สึกผิดกับคำสบถของเมอร์ลิน แต่ก็กลับมาขอร้องมีอาต่อในทันทีว่า

〝งั้นก็มีอา... มาเล่นไล่จับกัน เอาเป็นคนที่จับตัวอีกฝ่ายได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะก็แล้วกัน!〞

〝〝เอ๋!〞〞

          แต่คนที่ร้องออกมาด้วยสีหน้าตกใจแบบแปลกๆ กลับเป็นเมอร์ลินกับเคลเบรอสที่ตามสถานการณ์ยังไม่ทัน

          มีอานั้นแม้จะไม่เข้าใจเจตนาทั้งหมด แต่ก็ตอบกลับกรไปในทันทีว่า〝เข้าใจแล้ว!〞อย่างแข็งขัน ก่อนจะลุกขึ้นและทำการถีบพื้นไปยังจุดที่กรยืนอยู่เพื่อหวังจะแตะตัวกรแทบจะทันทีกับที่ตอบกรกลับไป แต่ทว่า...

〝!〞

          มีอาทำได้เพียงแค่วิ่งเตาะแตะอย่างเชื่องช้า เข้าหากรเหมือนกับเด็กวิ่งไล่จับอย่างไร้แก่นสารเท่านั้น และแน่นอนว่ากรเพียงแค่เดินไปมาด้วยความเร็วปกติของมนุษย์ทั่วไป แต่มีอาก็ยังไม่สามารถแตะต้องเขาได้เลย

          แม้จะดูภายนอกก็ยังสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง... ว่าพลังกายของมีอาลดลงอย่างมหาศาล ทั้งความเร็วที่เป็นจุดเด่นเพียงหนึ่งของเธอ ยังหายไปราวกับไม่เคยมีมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ

〝อือ… ทำไมกันหล่ะ?〞

          มีอาครางออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อยที่ไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของกรได้ พอกรเห็นแบบนั้น เลยรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาจึงรีบอธิบายให้มีอาฟังในทันที

〝ไม่ต้องห่วงมีอา... พลังของเธอไม่ได้หายไปไหน〞

〝!?〞

〝จะอธิบายยังไงดีเนี่ย... อืม... มีอา เมื่อกี้ฉันลองปรับค่าสเตตัสของเธอทุกอย่างให้เหลือแค่ 1 ดูหน่ะ〞

〝〝〝 เอ๋!? 〞〞〞

          และแน่นอนว่าคำอธิบายแบบรวบรัดของกร ต่างก็ทำให้มีอา เมอร์ลินและเคลเบรอสตกตะลึงไปพร้อมกัน  ส่วนฟรังซ์ยังคงใบหน้าปกติได้อยู่แต่ก็ยังแสดงสีหน้าตะลึงออกมาเช่นกัน กรจึงเริ่มอธิบายต่อ

〝ในหน้าต่างนั่นมันบอกฉันว่า... ฉันสามารถปรับค่าหรือตั้งค่าได้ทุกอย่างให้กับคนที่มี『ค่าสิทธ์』น้อยกว่าได้เหมือนกับที่ตั้งค่าให้ตัวเอง… เพราะงั้นเลยลองใช้กับมีอาดู... ผลลัพธ์เลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ... เพราะงั้นไม่ต้องกังวลนะมีอา〞

〝งะ งั้นเองหรอกเหรอ...〞

          มีอาทำสีหน้าโล่งอกแทบจะทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของกร นั่นเพราะในเสี้ยวความคิดนึงของมีอา คงจะยังกลัวการถูกทิ้ง หากทำตัวอ่อนแออยู่เป็นแน่

          แต่กรที่มองความคิดของมีอานั้นออกกลับยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมาราวกับกำลังคิดเรื่องเล่นสนุกราวกับเด็กน้อย ก่อนที่จะบอกกับมีอาว่า

〝อย่าเพิ่งผ่อนคลายสิมีอา... การเล่นไล่จับยังไม่จบซักหน่อย...〞

〝เอ๋ แต่ว่า!〞

〝หุหุ! งั้นก็... จะไปหล่ะน้า!〞

          กรพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อเล่นกับมีอาอีกครั้ง ก่นอที่จะถีบตัวพุ่งเข้าไปหามีอาซึ่งๆหน้า แต่ปฏิกิริยาของเธอกลับเอามือขึ้นมาบังไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงภาพติดตา...

          แต่ก็แน่นอนว่านั่นคือขีดสุดของมีอาที่มีสเตตัสเหลือแค่ 1... กรทำการถีบตัวไปอยู่ด้านหลังมีอาด้วยความเร็วที่เหนือกว่าปฏิกิริยาสุดยอดของเธอ แล้วจากนั้น...

〝กะ กร!〞

          จากนั้นกรก็ย่อตัวแล้วเข้าสวมกอดมีอาจากทางด้านหลังตรงบริเวณเอวของเธออย่างกะทันหัน มีอาจึงไม่พ้นที่จะเกิดอาการเขินจนหน้าแดงตามระเบียบ แต่ก่อนจะได้ทำอะไร กรก็เป็นฝ่ายชิงพูดออกมาก่อนอีกครั้ง

〝มีอา... บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันหน่ะ... รักเธอ...〞

〝กร....〞

〝ฉันไม่มีวันทิ้งเธอแน่นอน... ต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความคิดหรือเสี้ยวหนึ่งของจิตใจ... ฉันก็ไม่เคยคิดทิ้งเธอเลยแม้แต่นิดเดียว...〞

〝........กร〞

          เป็นอีกครั้งที่กรส่งคำพูดเข้าถึงส่วนลึกของจิตใจมีอา... มีอาเรียกชื่อของกรถึงสองครั้ง ก่อนที่จะเอื้อมมือของตัวเองไปกุมแขนทั้งสองของกรที่กอดตัวเองอยู่ราวกับเพื่อยืนยันความคิดของกรและตัวเอง  และเป็นอีกครั้งที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนความรู้สึกทั้งหมดแก่กันและเข้าสู่โลกส่วนตัวไปเรียบร้อย...

〝อะแฮ่ม!〞

          เสียงกระแอมของเมอร์ลินเป็นสิ่งที่เตือนสติของกรและมีอาให้กลับมาสู่ความเป็นจริง พอกรหันกลับมาดูต้นเสียงทั้งที่ยังย่อตัวพลางกอดเอวของมีอาอยู่ ก็เจอกับเมอร์ลินที่กำลังขมวดคิ้วอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแบบแห้งๆ แต่กลับมาเส้นเลือดผุดขึ้นมา นั่นเลยทำให้กรรีบปรับความคิดตัวเองใหม่อีกครั้ง

〝ทำอะไรเกรงใจคนโสดบ้างเซ่เจ้าหนู!〞

〝หนวกหูน่าเจ้าหมา... อารมณ์มันพาไปนี่หว่า〞

〝เฮ้อ! พวกเธอนี่จริงๆเลย〞

          กรถูกทั้งเคลเบรอสและเมอร์ลินแซวอีกครั้ง ส่วนฟรังซ์ก็ยังคงมองทุกคนหยอกกันพลางยิ้มแห้งๆเช่นเคย แต่ดูเหมือนเมอร์ลินจะยังไม่เลิกหงุดหงิด เพราะในจังหวะที่กรหันไปสบตาทั้งที่ยังกอดเอวของมีอาอยู่ เธอก็หันหน้าหนีและแสดงอาการงอนเต็มที่ ทั้งกรยังได้ยินเสียงเดาะลิ้นแว่วๆมาอีก

          แต่กรก็ทำได้แค่หัวเราะแห้งๆเพราะทำตัวไม่ถูก ก่อนที่จะคลายมือทั้งสองข้างออกจากเอวมีอา แล้วเดินเข้าไปหาฟรังซ์พร้อมกับมีอา

สกิลทั้งหมดของเรา ได้แสดงให้ฟรังซ์เห็นหมดแล้ว...

ถึงตอนแรกจะปฏิเสธไปก็จริง... แต่การให้หมอนี่มาดูความสามารถของเราตรงๆ ย่อมจะประเมินได้ว่าสามารถต่อกรพระเจ้าองค์ก่อน ไม่สิ... ต่อกร『จอมมาร』ได้ขนาดไหน

ถึงจะเพิ่งมาคิดได้ตอนหมอนี่ดึงดันลงมาดูก็เถอะ แต่ก็คิดถูกแล้วที่ให้มาดูความสามารถของเราตรงๆ

แต่เราก็ไม่ได้โง่หรอกนะ... ถ้าถามความคิดของฉันหล่ะก็...

ยังไม่ถึงเศษเสี้ยวของคำว่าชนะเลย... นั่นแหล่ะคือคำตอบที่ผ่านการประมวลออกมาจากสมองของฉัน

〝เอาล่ะ... จากที่เห็นนี่คิดว่ายังไงหล่ะ ฟรังซ์ ออลเดล...〞

〖..............〗

          ฟรังซ์เงียบไปเล็กน้อยก่อนที่จะตอบคำถามของกร เนื่องเพราะกำลังเลือกคำพูดไม่ให้กรรู้สึกเสียกำลังใจ ก่อนที่จะตอบกรออกไปว่า

〖น่าเสียดายครับ... ถ้าเป็นตอนนี้ไม่มีทางชนะแม้แต่ 1 ในหมื่นเลยแหล่ะครับ...〗

〝งั้นเหรอ...〞

          เสียงตอบของกรค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับตอนที่ถาม แสดงให้เห็นเหมือนกันว่า แม้จะเป็นกรที่ตอนนี้(ค่อนข้าง)ตายด้านหรือเย็นชา แต่ก็หวั่นไหวได้เช่นกันเมื่อพลังที่คิดว่าโกงทั้งหมดนั่นไม่สามารถใช้สู้กับศัตรูสุดร้ายกาจนั่นได้

กะแล้วเชียว... แต่น้อยกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย ทำเอาใจหายไปวูบนึงเลย...

ทั้งที่เราเองก็มีสกิลโกงๆตั้งเยอะ... แต่ก็ยังชนะไม่ได้ ทั้งที่มั่นใจอยู่พอควรแท้ๆว่าเราไม่มีวันแพ้ เพราะเราไม่มีวันตาย... แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแพ้นี่นา...

!!!!!

อ่อ.... อย่างงี้นี่เอง

〝จะบอกว่าต่อให้ฉันไม่แพ้... แต่ก็เอาชนะไม่ได้เหมือนกันงั้นสิ?〞

〖ตามนั้นเลยครับ....〗

อืม พอมาคิดดูก็เป็นแบบนั้นจริงๆนั่นแหล่ะ....

ตามความหมายแล้ว... การที่เราจะโค่นจอมมาร มีวัตถุประสงค์เพื่อ『กำจัด』 เพราะถ้าทำไม่ได้ ความเสียหายจะลามไปเรื่อยจนจักรวาลล่มสลาย...

เพราะงั้นสถานการณ์สำหรับเราในตอนนี้... การที่เอาชนะไม่ได้... มันไม่ต่างอะไรกับแพ้เลย...

ถึงเราจะไม่ตาย แต่ก็ทำอะไรมันไม่ได้... แบบนั้นเราก็ทำได้แค่มองดูทุกอย่างถูกทำลายเท่านั้นแหล่ะ...

ถ้างั้นสิ่งที่ต้องทำก่อนที่จอมมารจะทำลายผนึกได้ในอีกอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีก็คือ...

〝ฉันต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองสินะเนี่ย?〞

〖อืม... เข้าใจได้เร็วดีเหมือนเคยนะครับ〗

〝คิดว่านายคงเดาได้และคิดไว้แล้วใช่ไหม? ถึงสิ่งที่ฉัน ไม่สิ... พวกเราควรทำต่อจากนี้หน่ะ เพราะงั้นแนะนำทีสิ...〞

          พอได้ยินคำพูดเชิงขอร้องจากกร ฟรังซ์จึงแอบชื่นชมความเด็ดเดี่ยวของกรอีกครั้ง ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับกรครั้งนึงแล้วจึงเริ่มอธิบายถึงสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้

〖ครับ... หลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ คุณอุษณกรคงพอรู้แล้วใช่ไหมครับถึงสิ่งสำคัญในการพิชิตมหาดันเจี้ยน〗

〝หืม? อา... เพราะมอนสเตอร์และบอสมันเติบโตตามสเตตัสของคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้... เพราะงั้นตัวแปรที่สำคัญในการคว้าชัย ถึงขึ้นอยู่กับสกิล ความสามารถพิเศษของฉายา ผลพิเศษของอาวุธและชุดเกราะ สินะ〞

          ฟรังซ์ที่เกริ่นเรื่องดันเจี้ยนขึ้นมาก่อนเนื้อหาหลัก ทำให้กรสับสนนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถามฟรังซ์

          กรตอบคำถามของฟรังซ์กลับไปทันที นั่นทำให้ฟรังซ์พยักหน้าให้เขาอีกครั้ง

〝จำนวนคนกับกลยุทธ์ด้วย...〞

〝อะ อา...〞

          แล้วเมอร์ลินที่อยู่ข้างๆทั้งสองคน ก็ช่วยเสริมคำตอบของกรส่วนที่จำเป็นเข้าไปอีก... กรจึงตอบกลับไปอย่างเก้ๆกังๆ เพราะคิดถึงจุดนี้ไม้ถึง เรนื่องจากแต่เดิม กรคิดที่จะลุยคนเดียวเป็นทุนเดิม บวกกับไม่คิดพาเพื่อนไปเสี่ยง... ครั้นจะหาพรรคพวกคนอื่น กรก็ไม่สามารถเชื่อใจได้ ก็ถึงไม่มีความคิดเรื่องพรรคพวกอยู่ในหัวเลยจนกระทั่งเมอร์ลินบอก

          แล้วพอตัวแปรดังกล่าวถูกเพิ่มเข้าไปในหัวของกรเป็นที่เรียบร้อย ฟรังซ์จึงเริ่มอธิบายต่อ...

〖ตามนั้นแหล่ะครับ... แล้วเมื่อเคลียร์มหาดันเจี้ยนต่างๆ ที่เหล่า『มหานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่』สร้างได้แล้ว... ก็จะได้รับความสามารถพิเศษกับสกิลเฉพาะมาด้วย...〗

〝หืม? นี่จะบอกให้ฉันไปไล่เคลียร์ดันเจี้ยนที่เหลืออีก 5 ที่งั้นเหรอ? 〞

〖เข้าใจถูกแล้วครับ〗

          ฟรังซ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังในทันที กรจึงยกมือซ้ายขึ้นมือกุมคางพลางใช้ความคิดบางอย่างอยู่ในหัว

ที่ฟรังซ์พูดเองก็มีเหตุผลในระดับนึง... เป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อความสามารถยังไม่ถึง ก็ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆจนกว่าจะแข็งแกร่งขึ้น...

เพียงแต่วิธีนี้มันจะไม่ใช้เวลานานไปหน่อยหรอกเหรอ?

ไม่สิ... เรื่องนี้หมอนี่ต้องคิดไว้อยู่แล้วหล่ะ ถ้างั้นทำไมกันหล่ะเนี่ย?

〝บอกดันเจี้ยนมาสเตอร์แต่ละที่ ให้เอาสกิลมาให้ฉันเลยไม่ได้งั้นเหรอ?〞

〖สกิลทั้งหมดเป็นทักษะเฉพาะตัวของมหานักปราชญ์แต่ละคนครับ จึงต้องได้รับการสอนจากเจ้าตัวเท่านั้น แล้วสกิลที่ว่ายังเป็นแบบเทคนิคที่ไม่ได้แสดงในหน้าต่างสเตตัส... พูดง่ายๆคือ มันไม่อยู่ในฐานะสกิล แต่เหมือนเป็นพลังที่คิดขึ้นเองซึ่งอยู่นอกเหนือระบบสกิลและเวทย์มนต์ตามปกติหน่ะครับ 〗

〝..............〞

ฉันก็มีสกิลคัดลอกอยู่นี่นา?

ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก... แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นแน่นอน

เหมือนกับการคัดลอกเอกสาร... ถึงจะเหมือนกับต้นฉบับเกือบ 100% แต่ก็ไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ตามแต่สถานการณ์ได้... เพราะถูกกำหนดรูปแบบตายตัวไว้แล้ว...

เพราะงั้นถึงต้องเรียนรู้และเข้าใจเองสินะ...

ถึงจะยุ่งยากและเสี่ยงมากก็จริง... แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็คงมีพลังไม่มากพอจะโค่นจอมมารหรอก

แล้วเดิมที... ถ้าเราไม่สามารถผ่านบททดสอบของทั้ง 6 มหานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้...

แล้วเราจะเอาชนะจอมมารที่ร้ายกาจถึงขนาดว่าทั้ง 6 คนทำได้แค่ผนึกไว้ ได้ยังไงกันหล่ะจริงไหม... นี่คือยังไงก็ต้องเคลียร์มหาดันเจี้ยนของมหานักปราชญ์ให้ได้ทั้งหมดก่อนใช่ไหมเนี่ย?

〝แล้วนอกจากนั้น ถ้านายไม่หาพรรคพวกเพิ่มแล้วพากันเวลหน่อยหล่ะก็... ไม่มีทางเคลียร์ได้แน่นอน เพราะงั้นขอบอกตอนนี้ตรงๆเลยว่า... ที่ผ่านมานายมันโชคดีสุดๆแค่นั้นแหล่ะ ถึงผ่านมาได้หรอกนะ 〞

〝แทงใจดำน่าดูนะเนี่ย〞

          เมอร์ลินพูดแทรกฟรังซ์ในเชิงสนับสนุนอีกเสียงขัดจังหวะความคิดของกร และแอบจิกกัดกรเล็กน้อย กรจึงทำได้แค่หัวเราะแหะๆกลับไป ก่อนที่เมอร์ลินจะเริ่มพูดต่อ

〝เพราะงั้นถ้ามีกันแค่นี้หล่ะก็ ยังไงก็เอาชนะไม่ได้แน่นอน... นายก็รู้หนิว่าจำนวนขั้นต่ำในการปราบบอสของมหาดันเจี้ยนคือพันคน〞

〝พันคนเยอะไป... แบบนั้นเกะกะมากกว่า〞

          กรนั้นไม่ต้องการกองทัพที่ไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งของเขาได้ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด

〖งั้นร้อยคนหล่ะครับ? 〗

〝พอใช้ได้... แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี...〞

          กรบ่นถึงจำนวนที่มากเกินไปอีกครั้ง จึงโดนเมอร์ลินแขวะเข้าอีก

〝หึ! นายเนี่ย... เกลียดการเข้าสังคมจริงนะ〞

〝เรื่องนั้นไว้ทีหลังดีกว่าน่า... สรุปแล้ว เป้าหมายของฉันในตอนนี้คือ สะสมขุมกำลังพร้อมกับเคลียร์มหาดันเจี้ยน สร้างปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อไปสังหารจอมมารตามสไตล์หนังแฟนตาซีหล่ะสินะ〞

〖พูดเหมือนง่ายเลยนะครับ 〗

ก็นั่นสินะ... เพราะความเป็นจริงแล้วมันค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว ทั้งเวลาที่เหลือกับความอันตรายของบอสมอนสเตอร์ของมหาดันเจี้ยนเนี่ย...

ถึงจะหงุดหงิดที่เอาพลังมาให้ในทันทีไม่ได้... แต่ทางเลือกนี้คงดีที่สุดแล้ว...

〝แล้วพลังของอีก 5 มหาดันเจี้ยนหล่ะ ใช้ทำอะไรได้บ้างงั้นเหรอ?〞

〖อืม... เท่าที่ผมรู้มีแค่『ลบตัวตนสมบูรณ์』กับ『บัญญัติพันประการ』 แล้วก็『เคลื่อนย้ายไร้ระยะ』เท่านี้ครับ ส่วนอีกสองคนนั้นน่าเสียดายที่พวกเขาสร้างดันเจี้ยนก่อนผม... เลยไม่ได้ติดต่อกันเลยเพราะผมไม่รู้ตำแหน่งของทั้งสองคน... 〗

          ฟรังซ์เปลี่ยนสีหน้าเป็นเหงาหงอยชั่วพริบตานึง แต่ก็มากพอให้กรสังเกตได้ กรจึงเริ่มถามคำถามต่อไปราวกับช่วยมองผ่านเรื่องที่ฟรังซ์ไม่อยากคิดถึง

〝หืม? ลบตัวตนกับเคลื่อนย้ายงั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่าพวกนี้เป็นอันที่ใช้ลบความทรงจำกับเคลื่อนย้ายพวกฉันมาที่ต่างโลกนี่ 〞

〖ครับ! เข้าใจถูกแล้ว 〗

ได้รู้อะไรมากขึ้นอีกแล้ว... ทั้งสองสกิลเนี่ยมีประโยชน์สุดเลยๆ

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเคลียร์ทั้งสองดันเจี้ยนนี้ก่อนนั่นแหล่ะ เพราะถ้ากลับโลกเดิมได้ อะไรจะสะดวกขึ้นโขเลยหล่ะ...

แถมเป็นเพราะข้อมูลนี้... เราถึงเพิ่มตัวเลือกและโอกาสชนะในการโค่นจอมมารมากขึ้นอีก...

หึหึ! แค่คิดก็สั่นไปหมดแล้วหล่ะ!

〝เข้าใจแล้วหล่ะ... เออนี่เมอร์ลิน... ขอถามอะไรนอกเรื่องหน่อยได้รึเปล่า? 〞

〝หืม? ว่ามาสิ 〞

          เมอร์ลินเอียงคอสงสัยต่อคำขอร้องของกร แต่แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินคำถามที่ออกมาจากปากของกร

〝ในโลกเดิมของฉันเนี่ย... ประธานาธิบดีของสห**อเม**กากับ**เซียคนปัจจุบันเนี่ย มีลูกหรือเปล่า? 〞

          ไม่แม้แต่เมอร์ลินที่ตกใจ แม้แต่ฟรังซ์เองก็ยังเบิกตาโพลงเพราะเข้าใจเจตนาที่ของคำถามกร จะมีก็แต่เคลเบรอสกับมีอาเท่านั้นที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งว่าประธานาธิบดีคืออะไร ถึงได้ไม่เข้าใจเลยซักนิด

          แต่แม้จะตกใจ เมอร์ลินก็ปรับอารมณ์ได้แทบจะทันที เธอจึงตอบคำถามของกรโดยเข้าใจเจตนาของกรล่วงหน้าเสียอีกว่าเขาจะทำอะไร?

〝ถูกต้องแล้ว... ทั้งสองคนมีลูกชายลูกสาวอายุ ประมาณ 14-15 ปี อย่างละคน...〞

          เมื่อได้ยินคำตอบ กรจึงยิ้มออกมาเสียกว้างอย่างมีเลศนัยพลางหัวเราะอยู่ในลำคอ แต่ด้วยคนละความหมายกับก่อนหน้านี้จนเคลเบรอสถึงกับรู้สึกหลอน...

หึหึ! น่าสนใจ... ต้องแบบนี้แหล่ะถึงน่าสนุก...

ถ้าไม่นับที่เมอร์ลินว่ามา... จริงๆแล้วในหมู่นักเรียนผู้กล้าเอง ก็มีตัวหมากที่สามารถใช้งานแทนกันได้อยู่หรอก...

แต่น้ำหนักคงไม่เท่ากับชาติมหาอำนาจแน่นอน... แถมคำตอบของเมอร์ลินยังช่วยยืนยัน ไม่สิ... ทำให้แผนการในอนาคตของเราอีกหนึ่งอย่างมีโอกาสเกิดขึ้นจริงได้อีก...

และแน่นอนว่านั่นคือการ『ขอความร่วมมือ』จากคนของโลกเดิมยังไงหล่ะ...

ก็จอมมารเจ้าปัญหาหน่ะ มันไม่ได้คิดแค่จะทำลายโลกใบนี้อย่างเดียวนี่นา... ถ้าผนึกคลายแล้วเอาไม่อยู่ขึ้นมา แล้วจักรวาลล่มสลาย โลกที่เราจากมาเองก็ต้องโดนผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน สรุปคือเป็นปัญหากันทุกฝ่ายนั่นแหล่ะ

แต่ก็แน่นอนว่าถ้าไม่หาแบคอัพบิ๊กๆแบบนี้ ยังไงก็คงไม่มีใครเชื่อเราอยู่ดี...  แต่พอเมอร์ลินบอกออกมาแบบนั้น โอกาสในการเจรจาและขอความร่วมมือมันต้องสำเร็จพันเปอร์เซนต์อย่างแน่นอน...

เอ๋! ทำไมถึงมั่นใจได้ขนาดนั้นหน่ะเหรอ? ก็เพราะในความทรงจำของเราหน่ะนะ......

ประธานาธิบดีทั้งสองคน... ไม่เคยมีลูกมาก่อนเลยยังไงหล่ะ...

❖❖❖❖❖

แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก….

          หลังจากที่กรได้เป้าหมายใหม่ในการเคลียร์มหาดันเจี้ยนที่เหลือทั้งหมด... ฟรังซ์ที่ฝึกทักษะเฉพาะตัวของตัวเองให้กับกรอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องมากว่า 4 ชั่วโมง กรจึงไม่พ้นที่จะหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหอบในขณะที่นอนแผ่หลา และยืดแขนขาจนสุดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่อ่อนล้า...

〝หนะ เหนื่อยชะมัด... หิวน้ำ... 〞

          กรพูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งทั้งที่ยังนอนแผ่อยู่ พร้อมกับออร่าสีขาวที่ค่อยๆจางหายไปเพราะพลังเวทย์เริ่มที่จะหมดลง...

          จากคำอธิบายของสกิล『ออโต้รีไวฟ์(ต้นฉบับ)』 หากอุณหภูมิของร่างกายหรือสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจากปกติ ก็จะสามารถทำให้กลับมาอยู่ในสภาวะปกติได้ราวกับร่างกายของสัตว์เลือดเย็น แม้กระทั่งการสูญเสียเลือด ก็ยังสามารถคืนปริมาณเลือดที่เสียไปให้กลับมาเท่าเดิมได้ในพริบตา...

          แต่สกิลนี้ก็ยังมีข้อจำกัดใหญ่หลวงอยู่ นั่นคือ ไม่สามารถสร้างน้ำและสารอาหารเองได้... นั่นคือยังต้องดื่นน้ำและทานอาหารตามปกติอยู่ดี ไม่งั้นก็ยังคงรู้สึกหิวได้ แต่ระยะห่างระหว่างแต่ละมื้อจะแตกต่างไปจากมนุษย์ปกติ เพราะผ่านการจุติมาแล้วถึง 4 ครั้ง ร่างกายจึงถูกปรับสภาพให้ดำรงอยู่ได้เป็นเวลานโดยที่ไม่จำเป็นต้องรับสารอาหาร ดังนั้นถ้ารู้สึกหิวขึ้นมาหล่ะก็ มันคงเป็นปัญหาในแง่ของจิตใจมากกว่า...

〖งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ... คุณนี่พัฒนาเร็วจนน่ากลัวเลยนะครับเนี่ย...〗

〝ยังหรอกน่า... ถ้าพักเสร็จ เดี๋ยวมาต่ออีกยก! 〞

          กรปฏิเสธเสียงแข็งอย่างดื้อรั้น โดยไม่ฟังคำเตือนแฝงความเป็นห่วงของฟรังซ์

〝พักเถอะนะกร! ก่อนหน้านี้ก็ฝึกมาแล้วตั้งสามรอบไม่ใช่เหรอ? 〞

〝มีอา... 〞

          คนที่สนับสนุนฟรังซ์อีกเสียงก็คือมีอาที่นั่งดูการฝึกของกรอยู่ห่างๆมาตลอด เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวลแบบสุดๆ พอกรเห็นสีหน้าแบบนั้นของมีอาเข้า จึงไม่พ้นที่จะทำสีหน้าลำบากใจแบบเดียวกัน...

〝ร่างกายนายไม่เป็นไรก็จริง... แต่การ『สร้างอิมเมจ』โดยใช้『จินตนาการ』มันมีขีดจำกัดอยู่นะ ถ้าฝืนใช้ ผลลัพธ์ก็มีแต่จะแย่ลง... ไปพักเถอะ〞

〝หะห่ะ! เธอก็ด้วยเหรอเนี่ย...〞

          กรหัวเราะออกมาพลางก่นด่าตัวเองที่ทำตัวอ่อนแออยู่ในใจต่อคำพูดของเมอร์ลินซึ่งแสดงสีหน้าเป็นห่วงไม่ต่างจากมีอา ทำให้กรรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างบอกไม่ถูก...

แต่ก็เป็นอย่างที่ทั้งสามคนว่านั่นแหล่ะ... การฝึกนี่ไม่ใช่การใช้ความอึด ที่เน้นลูกบ้าแล้วจะสำเร็จซะที่ไหน...

ถ้าเทียบกันแล้ว มันคือ การฝึกสมาธิขณะต่อสู้ดีๆนี่เอง... ทั้งที่มั่นใจว่าเรื่องนี้เราไม่มีปัญหาแท้ๆ เพราะหลังจากผ่านนรกนั่นมา ฉันคิดจากใจเลยว่า จิตใจตัวเองแข็งแกร่งขึ้น(มั้ง?)

แต่ทำไงได้... เพราะที่ฉันฝึกอยู่หน่ะมันคือ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』หน่ะสิ!

นั่นเป็นตอนหลังจากที่เราอ่านสกิลทั้งหมดและรู้เป้าหมายก่อนที่จะโค่นจอมมารคือ การพิชิตมหาดันเจี้ยนที่เหลือ แล้ว...

นี่คือสิ่งที่ฟรังซ์ ออลเดลบอกฉันมา... ออร่านั้นคือ เวทย์พิเศษที่สามารถจำลองสิ่งของหรือสิ่งต่างๆได้จากจินตนาการให้เป็นรูปธรรมขึ้นมาได้...

เหมือนกับที่เราสร้างเครื่องยนต์ไอพ่นหรือขยายใบดาบได้จากออร่าสีทองนั่นแหล่ะ...

แล้วจากนั้น ฟรังซ์มันก็ถามฉันว่า... ขีดจำกัดของเวทย์นี้คือ สามารถสร้างออกมาได้แต่สิ่งที่เป็นรูปธรรม เพราะมันเข้าใจได้ อธิบายได้อย่างมีหลักการ และมีตัวตนอยู่จริงจึงจินตนาการและสร้างออกมาได้โดยง่าย...

แต่ถ้าเรา... จะใช้ออร่านั่นในการทำสิ่งที่เป็นนามธรรมได้หล่ะจะสุดยอดขนาดไหน...

ถ้าสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ『ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง』 ได้หล่ะก็ นั่นจะเป็นการใช้ออร่าให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง มากกว่าการพึ่งพาอุปกรณ์ภายนอกเหมือนที่ผ่านมาโขเลย...

นั่นแหล่ะคือสิ่งที่มันบอก...

แล้วไอ้『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』นี่เองแหล่ะ... คือทักษะพิเศษเฉพาะตัวของฟรังซ์ เห็นว่าคิดจะสอนกันอยู่ตั้งแต่แรกแล้วหล่ะ... ก็เราเคลียร์ดันเจี้ยนได้นี่นา แสดงว่าเรามีความเข้ากับทักษะนี้สูงพอแล้วสินะ...

แล้วพอมาคิดดูดีๆ... ทุกๆการต่อสู้ตั้งแต่ที่จุติ เราต้องพึ่งพาพลังของออร่ามาตลอดเลย... ไม่ว่าทั้งออร่าสีทองหรือสีขาวก็ตาม... สีดำก็ด้วย...

เรื่องนี้จะเป็นเพราะบังเอิญหรือยังไงก็ตามแต่ แต่ก็ช่วยให้เราผ่านขั้นแรกในการควบคุมออร่าได้โดยง่าย

แต่ที่ยากก็คือการ『สร้างอิมเมจ』นี่แหล่ะ... มนุษย์ทุกคนมีตรรกะและความเชื่อผูกมัดจินตนาการและความคิดตัวเองไว้อยู่... มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในหมู่คนปกติส่วนใหญ่

ยกตัวอย่างเช่นว่า... มนุษย์บินไม่ได้... มนุษย์ไม่มีทางวิ่งด้วยขาตัวเองได้เร็วกว่าเสียง... มนุษย์ไม่มีอวัยวะที่ใช้กรองอ็อกซิเจนในน้ำเหมือนปลา จึงหายใจในน้ำด้วยร่างกายตัวเองไม่ได้... เป็นสามัญสำนึกทั่วไปประมาณนี้แหล่ะ

เพราะงั้นไอ้ที่ฟังดูเหมือนง่ายนี้ ถึงพัฒนาได้ไม่ค่อยดังใจนึกเท่าไหร่... ถึงฟรังซ์มันจะบอกว่าเราพัฒนาเร็วแล้วก็เถอะ...

แต่อย่างว่าแหล่ะนะ... ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาแล้วตั้งสัปดาห์นึง

วิธีฝึกของเราคือ เราจะปรับสเตตัสของตัวเองลงเหลือแค่อย่างละ 10,000 จุด เพื่อดูว่าจะสามารถหลบหลีกและโจมตีฟรังซ์ ออลเดลที่มีช่องว่างสเตตัสมากกว่าตั้งหลายพันเท่าได้รึเปล่า...

แน่นอนว่าในช่วงแรกโดนอัดปลิวตลอดเลย... ก็แน่หล่ะ『สเตตัสห่างกันตั้งขนาดนี้มันจะไปชนะได้ไง

นั่นแหล่ะ... ทำยังไงก็ลบตรรกะความเป็นจริงนี้ออกจากหัวไม่ได้... นี่คือหนึ่งในเรื่องที่เราทำไม่ได้และพัฒนาช้าจนหงุดหงิดในช่วงแรก

แต่พอนานเข้า... เราก็ดันเริ่มโต้ตอบได้บ้างแล้ว... ด้วยการพยายาม『จินตนาการ』 โดยไม่นึกถึงเรื่องสเตตัสหรือนึกให้น้อยที่สุด

จากจุดนั้นที่โดนอัดจนปลิวมาตลอดถึงตอนนี้ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์กว่าจะโต้ตอบกับฟรังซ์ได้เป็นชิ้นเป็นอันแบบนี้

ตอนนี้ถึงจะยังลบความคิดที่ว่า『สเตตัสห่างกันตั้งขนาดนี้มันจะไปชนะได้ไง』ออกไปไม่ได้ทั้งหมด  แต่พอมาคิดดูอีกที มันก็ถือว่าสุดยอดแล้วหล่ะ...

ทำเอานึกถึงตอนที่ถูกไอ้เสือมันทิ้งตอนอยู่ที่ชั้น 23 แล้วจัดการพวกมอนสเตอร์เวรพวกนั้นจนตายเกลี้ยงได้เลยแฮะ.... ถึงตอนนั้นเราจะยังไม่มีออร่าเลยซักนิดก็เถอะ แต่มันผ่านมาแล้วนี่นา ช่างมันเถอะ คงมีเหตุผลอะไรซักอย่างหรือตัวแปรอื่นที่เราไม่รู้อีกนั่นแหล่ะ...

เพราะตอนนี้เราต้องโฟกัสที่การฝึกก่อน———

〝ขอร้องหล่ะกร วันนี้พักก่อนเถอะ... นะ〞

〝คร้าบบบบบบบ!!!!〞

          ท่าทางขอร้องของมีอาที่กำมือทั้งสองข้างไว้ใต้คาง พลางเอียงคอส่งสายตาราวกับลูกสุนัขขออาหารนั้นขัดความคิดของกร ทำให้กรรีบลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิและตอบกลับเธอไปอย่างเร็วด้วยใบหน้ายิ้มแย้มออกแนวเคลิบเคลิ้ม(แบบสุดๆ) เพราะเหตุผลทุกอย่างปลิวออกจากสมองของกรเข้ากลีบเมฆไปแล้วอย่างรวดเร็ว

          อนึ่ง ท่าไม้ตายลับ『ขอร้องหล่ะ!』ของมีอา นั้น ได้รับการเสี้ยมสอนมาจากเมอร์ลิน และแน่นอนว่ากรเองก็รู้ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ต่อต้านได้... อานุภาพของมันร้ายแรงถึงขนาดที่ว่า หลังจากที่โดนท่าไม้ตายนี้ของมีอา เขาก็ต้องมนต์สะกดความน่ารักนั่นในทันที กว่าจะรู้สึกตัวก็เป็นตอนที่อยู่ในห้องอาบน้ำไปซะแล้ว…

          ด้วยเหตุนี้ ฉากละครของกรจึงถูกย้ายไปยังห้องอาบน้ำของคฤหาสน์...

❖❖❖❖❖

          ห้องอาบน้ำของคฤหาสน์ฟรังซ์ ออลเดลนั้น กว้างถึงห้องเรียนมาตรฐานของประเทศไทย 2 ห้องรวมกัน ส่วนอ่างอาบน้ำทรงครึ่งวงกลมที่ติดอยู่กับผนังห้องด้านหนึ่งเองก็กินพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของห้อง

          ด้านซ้ายและขวายังมีรูปปั้นสิงโตพ่นน้ำโดยมีฐานเป็นเสาแบบโรมัน พื้นห้องและผนังทั้งหมดเป็นหินอ่อน โคมระยาที่ติดอยู่กลางห้องเปล่งแสงสีเหลืองอ่อนลงมาทำให้ทั้งห้องมีบรรยากาศดูอบอุ่น เพราะเป็นสีโทนร้อนจึงเข้ากันกับบ่อน้ำร้อนที่กรกำลังแช่อยู่เป็นอย่างดี

มีคนเคยพูดไว้ว่า ก่อนที่คนเราจะชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ก็ต้องเริ่มจากการชำระร่างกายให้สะอาดเอี่ยมอ่องซะก่อน…

เรื่องนั้นไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า เพราะทางนี้ไม่ค่อยเชื่อเรื่องจิตใจ... แต่ถ้าบอกว่าการชำระร่างกาย ทำให้จิตใจผ่อนคลางหล่ะก็ อันนี้เชื่อแน่นอน...

ถือเป็นรางวัลหลังฝึกหนักเลยก็ได้มั้งเนี่ย... วันนึงมี 24 ชั่วโมง เราก็ฝึกซะวันละ 15 ชั่วโมงเลย…

เราหน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่ก็เหมือนกับที่ทุกคนบอก... ถ้าไม่พักซะบ้าง ฝึกไปก็แย่ลงเปล่าๆ...

เพราะงั้นการยึดห้องน้ำที่หรูโคตรๆนี่หลังเหนื่อยไว้คนเดียวนี่... สวรรค์ชัดๆเลย〜

〝ฮ่า〜 ฟู่〜〜〞

          กรสูดไอน้ำที่ลอยไปลอยมาในห้องอาบน้ำเสียจนเต็มปอดราวกับจะซึมซับมันไว้ ก่อนที่จะปล่อยลมหายใจออกมายาวเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ หลังจากนั้นก็นั่งชันเข่ากับพื้นบ่อเหม่อมองเพดานอย่างสบายใจเฉิบ แต่แล้ว...

ครืด!!!

〝!!!!!!〞

          เสียงประตูเลื่อนของห้องอาบน้ำดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของกร จนตัวเขายืนขึ้นมาอยู่ในท่าตั้งรับ แต่ก็ต้องรีบย่อตัวลงด้วยความเขินอายทันทีที่รู้ว่าใครเป็นคนเปิดประตูเข้ามา...

〝กะ กร... ขอเข้าไป... หน่อยนะ〞

〝มะ ไม่ต้องถามหรอก... เข้าไปกันเลย...〞

          เจ้าของเสียงตามลำดับก็คือมีอาและเมอร์ลินที่สวมแค่ผ้าเช็ดตัวตัวเดียว ทั้งคู่เดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆด้วยความเขินอาย

          มีอานั้นแน่นอนอยู่แล้วเพราะเป็นนิสัยของเจ้าตัว ท่าทางเก้อเขินของเธอที่ปิดหน้าอกของตัวเองพลางค่อยๆเดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆนั้น ยิ่งเสริมความเซ็กซี่ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ราวกับกล่องแพนโดร่าที่ไม่ควรไปแตะต้องยังไงอย่างงั้น

          ส่วนเมอร์ลินที่ไม่ได้ใส่แว่นอย่างปกตินั้นแม้จะพูดได้อย่างชัดเจนทุกคำพูด แต่ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อไม่แพ้มีอาเลย ในขณะที่มีอาเดินเข้ามา เธอเองก็เดินตามเข้ามาเหมือนกัน  แม้จะไม่เก้ๆกังๆเหมือนกับมีอา แต่ท่าเดินของเธอก็ยังเกร็งจนดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่บวกกับท่ากอดใต้หน้าอก ที่ไม่รู้ว่าจงใจรึเปล่า แต่นั่นทำให้อาวุธของผู้หญิงของเมอร์ลินถูกดันออกมาจนแทบจะล้นออกมาจากผ้าเช็ดตัวอยู่แล้ว 

          กรที่เห็นท่าทางของทั้งสองคนแบบนั้นแต่ยังคงไม่พุ่งเข้าไปจับกด ต้องเรียกว่าโชคช่วยขนานแท้ เพราะปฏิกิริยาของเขามาจากความสนิทสนมที่คุ้นเคยจากลูปอันยาวนานนั่น พูดให้เข้าใจง่ายๆคือการที่เห็นทั้งคู่ในสภาพนี้ สำหรับกรแล้วมันไม่ใช่ครั้งแรกนั่นเอง แต่ถึงแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะทนได้ซะที่ไหน... สติของกรนั้นต้องหลุดกระเจิงเป็นแน่หากทั้งสองคนยังดึงดันเดินเข้ามาแบบนี้

〝เดี๋ยวก่อนๆ! ฉันจะออกแล้ว... อย่าเพิ่งเข้ามา! 〞

〝เหๆ อะไรออกเหรอจ๊ะ! 〞

〝จะออกจากห้องเฟ้ย! ยังมาเล่นมุกสองแง่สองง่ามอีก! 〞

          กรตบมุกเมอร์ลินทั้งที่มือของตัวเองสะบัดไปมาอย่างไร้หลักเกณฑ์เพื่อห้ามพวก แต่นั่นกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทั้งมีอาและเมอร์ลินต่างก็เมินคำพูดของกรจนเดินมาหยุดอยู่ที่ขอบบ่อไปแล้ว

แย่แล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!

อย่าเข้ามานะขอร้องหล่ะ! อีแบบนี้กระผมทนไม่ไหวแน่เลย

มีอาก็ว่าไปอย่าง แต่ทำไมเมอร์ลินถึงเข้ามาด้วยหล่ะเนี่ย!!!

พวกเธอคิดอะไรอยู่เนี่ย! กระผมเป็นผู้ชายนะขอรับ... เห็นพวกเธอในสภาพแบบนี้ใครมันจะทนได้กัน!!!

ชึบ!

〝ดะ เดี๋ยวก่อนสิทั้งสองคน! ก็บอกว่า———!!!!〞  

          กรพยายามลุกขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ทั้งสองคนบรรจงหย่อนร่างลงในบ่อน้ำร้อน จะระดับสายตาของพวกเธออยู่ต่ำกว่ากรที่ยืนอยู่ นั่นเลยทำให้กรไม่สามารถลุกขึ้นได้...

ทำไมงั้นเหรอ? ก็ถ้าเป็นแบบนั้นหล่ะก็ทั้งสองคนก็เห็นตูหมดหน่ะสิเฮ้ย หมดเปลือกเลย!!!

ทำไมถึงบุกเข้ามากระทันหันอย่างงี้หล่ะเฮ้ย! ไม่เห็นจะเข้าใจเหตุผลเลยซักกะติด!

          ทั้งสองคนค่อยๆแทรกตัวผ่านน้ำใสๆของบ่อน้ำร้อน คลืบคลานเข้ามาหากรอย่างช้าๆด้วยใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม กรจึงทำได้แค่ถอยทัพกลับไปยังขอบบ่ออีกด้าน แต่น่าเสียดายที่บ่อเป็นแบบครึ่งวงกลม... นั่นหมายความนอกจากทางที่มีอาและเมอร์ลินลงมาจากบ่อแล้ว ไม่มีทางออกที่อื่นอีกเลย...

〝มะ ไม่ได้ยินรึไงเนี่ย! ฉันแช่เสร็จแล้ว รอฉันออกจากห้องก่อนสิค่อย———〞

〝แบบนั้นก็ไม่มีความหมายสิ!〞       

〝อะ อืม...〞         

          เพราะบ่อน้ำร้อนค่อนข้างตื้น แม้มีอาและเมอร์ลินจะนั่งพับเพียบกับก้นบ่อ แต่ผิวน้ำก็ยังอยู่แค่ที่ไหปลาร้า

          ทั้งสองคนค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้กรมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะน้ำในบ่อนั้นใสมาก กรถึงมองเห็นร่างของพวกเธอได้อย่างชัดเจนทุกส่วน จะมีก็แต่ไอน้ำที่ลอยขึ้นไปเท่านั้นที่บดบังทัศนวิสัยบางส่วน แต่ถึงกระนั้นกรก็ยังมองเห็นผ้าเช็ดตัวของพวกเธอชุ่มไปด้วยน้ำจนติดผิวกาย ช่างดูเร้าอารมณ์เสียนี่กระไร...

          มีอาและเมอร์ลินถึงตัวของกรในเวลาไม่นานเพราะกรไม่อาจหนีไปไหนได้

          มีอาที่นั่งพับเพียบอยู่ด้านขวาของกรเอาตัวเข้ามาเบียดเสียดแขนขวาของเขาเหมือนทุกที เพียงแต่ในสถานการณ์ที่ชายหญิงอยู่ในห้องอาบน้ำด้วยกันแถมฝ่ายชายยังเปลือยแบบนี้ คงเรียกไม่ได้ว่าปกติ

〝อึก! นี่เธอ....〞

〝แค่นี้ก็ทนไม่ไหวซะแล้วเหรอ?〞

          เมอร์ลินที่เข้ามาที่หลังก็คลานเข้ามานั่งพับเพียบลงด้านซ้ายของกรและเบียดตัวซุกกับแขนซ้ายของเขาเช่นกัน จากนั้นก็จัดการลูบไล้และเล้าโลมร่างของกร โดยเริ่มจากกล้ามอกของกรผ่านมายังซิกแพคที่เพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนเพราะผ่านการจุติมาถึง 4 ครั้ง เรียกได้ว่าหุ่นของกรในตอนนี้คือร่างของนักรบที่ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนก็ไม่ปาน แต่ประเด็นสำคัญในตอนนี้หาใช่เรื่องนั้นไม่...

〝คิดจะทำอะไรหล่ะเนี่ยพวกเธอ〞

〝ทำให้รู้สึกผ่อนคลายยังไงหล่ะ!〞

〝เครียดกว่าเดิมอีกครับคุณเธอ!!!〞

          กรตะโกนแบบนั้นออกมาดังลั่นกลบเกลื่อนความเขิน(หื่น?)ของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดี...

〝ถ้าไม่ชอบก็หนีไปซะสิ!〞

〝การหนีพวกเธอ ก็เท่ากับไม่ยอมรับพวกเธอนั่นแหล่ะ! ไม่เอาด้วยหรอก!〞

〝ย้อนแย้งจังน้านายเนี่ย....〞

〝มะ ไม่รู้ด้วยแล้ว! มีอา! ทำอะไรซักอย่างทีสิ!〞

          เมอร์ลินยังคงรุกล้ำอธิปไตยของกรมากขึ้นเรื่อยๆ จนจะถึงลิมิตที่กรทนไหวอยู่แล้ว กรจึงหันไปขอร้องคนที่คุยง่ายกว่าอย่างมีอาแทน...

〝มีอา!?〞

〝กรหน่ะ... พยายามมากเลยนี่นา...〞

〝คุณมีอาครับ!?〞

〝นายหน่ะ ชอบฝืนตัวเองตลอดเลย... ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ แต่ฉันหน่ะช่วยอะไรนายไม่ได้ซักอย่าง...〞

〝..........〞

          มีอาทำใบหน้ารู้สึกผิดออกมาขณะที่พูดด้วยเสียงกระเส่าราวกับจะหลั่งน้ำตาได้ทุกเวลา แน่นอนว่ามีอาไม่ได้ร้องไห้ออกมา แต่นั่นก็ทำให้กรเจ็บที่หน้าอกอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

          ทั้งที่คิดว่าแค่พยายามแล้วผลมันย่อมออกมาดี มันจึงเป็นอีกครั้งที่คิดง่ายไปว่ามีอาคงเข้าใจในสิ่งที่เขาทำ กรเองก็รู้ว่ามีอาพยายามไม่พูดอะไรมากเพราะจะทำให้เขากังวล แต่การที่เธอไม่พูดอะไรออกมาเลยมันน่ากังวลยิ่งกว่า กรที่ทั้งเจ็บปวดแต่ก็ดีใจที่มีอายอมเปิดใจบอกเขาอีกครั้ง เลยสรรหาคำพูดมาเพื่อปลอบโยนเธอเหมือนอย่างเคย แต่ว่า...

〝ไม่ใช่แบบนั้นเลย... ฉันหน่ะ เพื่อเธอแล้ว... แค่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอก็———〞

〝แบบนั้นมันจะไปพอได้ยังไง!〞

〝อึก!〞

          มีอายื่นหน้าเข้ามาใกล้กรจนห่างเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ จนกรร่างกระตุกเบาๆด้วยความตกใจ

〝ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ซักวันมันจะพังเอานะ〞

〝..........〞

          มีอายกมือขึ้นมาทาบที่อกของกรอย่างอ่อนโยน กรจึงเข้าใจเหตุผลนั้นได้ในทันที เพราะตำแหน่งที่ว่าคือกลางหน้าอกเยื้องไปทางซ้ายของกรเล็กน้อย… นั่นคือตำแหน่งของหัวใจของกรนั่นเอง กรจึงพูดไม่ออกไปเลยเมื่อมีอาพูดแบบนั้นออกมาราวกับอ่านใจเขาออก

โทษทีนะมีอา... แต่มันพังไปแล้วหล่ะ...

ฉันบอกเธอไม่ได้หรอก... แต่ถ้ายังคิดแบบนี้ได้อยู่ ก็คงยังเหลือซากอยู่หน่อยนึงล่ะมั้ง... จิตใจของฉันหน่ะ

〝เพราะงั้น... ฉันถึงจะทำสิ่งที่ฉันทำได้!〞

〝เอ๋!?〞

          สีหน้าจริงจังของมีอาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำอีกครั้ง ทำให้กรตกใจยิ่งกว่าเดิม แถมพอหันไปมองเมอร์ลิน เธอก็ดันทำหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับตาแก่ลามก แถมหัวเราะอยู่ในลำคอดัง หุหุ! อีก ก่อนที่กรจะได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาของมีอาว่า...

〝กะ กรหน่ะ... ชอบเรื่อง ละ ลามกหรือเปล่า——〞

〝เมอร์ลิน!!!!〞

          กรรีบตัดมีอาก่อนที่จะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ พร้อมกับตะโกนชื่อของบุคคลอันตรายที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้

〝ชิ! ความแตกแล้ว〞

〝ไม่ต้องมาเดาะลิ้นเลย!〞

โถ่เอ้ย! เธอนี่มันจริงๆเลยให้ตายสิ!

นึกว่าจะเข้าอารมณ์ดราม่าแล้วนะเนี่ย… แล้วมีอายังไปบ้าจี้เล่นกับเขาด้วย...

ไม่สิ... ในกรณีของมีอาหน่ะ ต้องจริงจังอยู่แล้ว...

นี่มีอา... คงไม่ได้หวังอยู่ใช่ไหมเนี่ย? ความไร้เดียงสานี่น่ากลัวจริงๆแฮะ...

          กรหันควับกลับไปหามีอาที่อยู่ห่างแค่หนึ่งฝ่ามืออีกครั้งเพื่อหวังจะได้คำตอบของสิ่งที่สงสัย และเหมือนว่ามีอาจะเข้าใจ เธอจึงถอยใบหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะตอบว่า

〝กะ ก็ผู้ชายหน่ะ... ชอบเรื่อง... ลามกไม่ใช่เหรอ...〞

〝ใครเป็นคนบอกเธอเนี่ย!!!〞

〝เมอร์ลินไง〞

〝เมอร์ลิ้นนนนน!!!!〞

          กรตะโกนเสียงแหลมเรียกชื่อของตัวต้นเหตุอีกครั้ง แต่เพราะเกร็งไปหน่อย หัวเลยไปกระแทกกับผนังด้านหลังเข้าอย่างน่าขัน ซึ่งก็แน่นอนว่าเมอร์ลินนั้นแอบขำอยู่ในลำคอ ส่วนมีอาก็รีบขยับเข้าไปดูอาการกรเหมือนอย่างเคย

〝อ้าวๆ! แล้วจะปฏิเสธรึไงว่าไม่ชอบ〞

〝ไม่ปฏิเสธครับ!〞

          กรพูดแบบนั้นออกมาด้วยใบหน้าตายด้านอย่างจริงจัง แถมยังเสียงดังฟังชัดจนดูตลกไม่ใช่น้อย...

〝โห้! เถรตรงจนน่าตกใจเลยนะเนี่ย... สมกับเป็น〘ไอ้หื่น〙จริงๆเลยน้า〜〞

〝อึก! สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนกันนี่〞

〝โห้! ตรงไหนหล่ะที่ไม่เหมือน...〞

〝อึก!〞

          หนนี้เมอร์ลินที่เริ่มเป็นฝ่ายรุกกรอย่างจริงจัง ก็จัดการลูบกรจากไหปลาร้าลงมาอีกครั้งจนถึงสะดือ ส่วนกรก็ทำได้แค่ถูกทั้งสองคนประกบเป็นแซนด์วิช และถูกเบียดเสียดลูบไล้จนรู้สึกดีแบบสุดๆทรมาน... จนตกเป็นเบี้ยล่างพวกเธอทั้งสองคนโดยที่ขัดขืนไม่ได้ไปเสียแล้ว...

ทนไม่ไหวแล้วครับโว้ยยยยย!!!!!!!!!!

〝ว้าย!〞〝อึ๋ย!〞

          กรที่ร่ำร้องแบบนั้นอยู่ในใจเพราะความอดทนมาถึงจุดขีดสุด ก็จัดการโอบเอวแล้วรวบตัวทั้งสองคนเข้ามาแนบตัวเอง(อย่างแนบแน่น) ทำให้ทั้งสองคนตกใจจนร้องเสียงแปลกๆออกมา

〝หึ! แกล้งกันแบบนี้จบไม่สวยแน่!〞

〝มะ ไม่ใช่นะกร... ฉันจริงจังนะ〞

〝ละ แล้วอยากจะจบแบบไหนหล่ะ หืม?〞

          คำพูดของทั้งสองคนต่างก็ติดๆขัดๆ เพราะดึงตัวพวกเธอเข้ามาแนบกับตัวเองแน่นกว่าเดิม

〝จะสอนให้เข็ดเลย... ว่าทำแบบนี้กับผู้ชายแล้วจะจบยังไง...〞

          ใบหน้าทั้งสองคนแดงก่ำราวกับลูกเชอร์รี่ ดวงตาของทั้งสองเปล่งประกายและหรี่ลงเล็กน้อยราวกับเคลิบเคลิ้มเมื่อกรจัดการเอาคืนพวกเธอบ้าง... 

          จากเอวของทั้งสองคน กรบรรจงลากมือของตัวเองจากจุดนั้นขึ้นมาถึงไหล่ กลับไปที่เอวของทั้งสองคนอีกครั้งพร้อมๆกัน  

          ระหว่างที่ลูบไล้ราวกับจะโลมเลียไปทั่ว กรสัมผัสได้ถึงผิวกายที่ถูกทำความสะอาดมาก่อนแล้วของพวกเธอ มันได้กระตุ้นความหื่นกระหายในตัวของเด็กหนุ่มนามอุษณกรให้ถึงขีดสุด ทั้งสองคนเริ่มเม้มตาแน่นในจังหวะที่มือของกรลามจากสะโพกไปถึงขาอ่อนของพวกเธอจากทางด้านหลัง(-///-)  สัมผัสแรกที่กรได้รับคือความยืดหยุ่นและนุ่มนิ่มราวกับสายไหมที่แทบจะอยากเข้าไปตะครุบแทนที่จะบรรจงทำอย่างระมัดระวัง

         

          แต่ในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่กรจะจัดการทานทั้งสองคนอย่างเปรมปรีดิ์ และทั้งสามคนกำลังจะเติมเต็มความรักและความปรารถนา?ให้แก่กัน ก็...

ปัง!!!!

〖จ๊าง!!! น้ำร้อนดีไหมครับคุณอุษณกร!!!〗

〝〝〝  !!!!! 〞〞〞

          ราวกับเดจาวูเมื่อครั้งที่กรตื่นขึ้นมาครั้งแรกที่คฤหาสน์ ผู้ที่เปิดประตูห้องอาบน้ำเข้ามาอย่างกระทันหัน ทั้งที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มก็คือ ฟรังซ์ ออลเดลเจ้าเดิม(เพิ่มเติมคือความจุ้น)

          กรและมีอาถอนหายใจออกมาพร้อมกับด้วยความรู้สึกหลายๆอย่าง ส่วนเมอร์ลินก็มองค้อนไปยังฟรังซ์ ออลเดลเหมือนเดิมไม่มีผิด

          กรทั้งโล่งใจแล้วก็เสียดายที่พลาดโอกาสวู้ฮู้ในครั้งนี้ไป... เพราะกรนั้นแช่น้ำเสร็จนานแล้วเขาจึงรีบคาดผ้าเช็ดตัว และอาศัยจังหวะที่มีอาและเมอร์ลินสับสนแทรกตัวออกมาจากด้านในสุดของบ่อ แล้วเดินออกจากห้องสวนกับฟรังซ์ แต่แล้วกรก็กลับได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเด็กน้อยขี้เล่นคนนี้ อนึ่งเพราะไอน้ำนั้นหนาพอควร ตอนที่อยู่ในบ่อกรจึงไม่ได้สังเกตุ แต่หากสังเกตดูดีๆ ชุดของฟรังซ์ ออลเดลนั้นยังคงเป็นชุดฝึกอยู่เลยด้วยซ้ำ ก็หมายความว่าเขาไม่ได้คิดจะแช่น้ำแต่แรกแล้วนั่นเอง กรจึงรู้ว่าทั้งหมดที่ฟรังซ์ ออลเดลทำนั่นเป็นการจงใจ

          และด้วยเหตุนี้... ฉากละครอันบ้าคลั่งและเร่าร้อน สุขเศร้าเคล้าน้ำตาเล็ดในห้องอาบน้ำของทั้งสามคน(บวกตัวจุ้นอีกหนึ่ง)จึงจบลงด้วยประการฉะนี้แล...

❖❖❖❖❖

〝เฮ้อ! เกือบไปแล้วเชียว... ในหลายๆความหมาย〞

          หลังจากที่ออกมาจากห้องอาบน้ำ ซึ่งในตอนนี้มีเพียงแค่มีอาและเมอร์ลินที่แช่อยู่เท่านั้น ส่วนฟรังซ์นั้นดูเหมือนพอโผล่มาที่ห้องอาบน้ำก็เปลี่ยนชุดแล้วไปนั่งจิบน้ำชาเหมือนเคยโดยมีเคลเบรอสตามไปรับใช้

เหนื่อยชะมัด.... เมื่อกี้ใช้พลังงานสำหรับทั้งวันไปเลยมั้งเนี่ย... อันตรายจริงๆเลยให้ตายสิ...

          ผ่านมา 10 นาทีแล้วหลังจากเหตุการณ์ในห้องอาบน้ำ ตอนนี้กรที่อยู่ในชุดลำลองหลังอาบน้ำ กำลังมุ่งตรงไปยังห้องสมุดของคฤหาสน์ซึ่งเป็นกิจกรรมยามว่างของกรในการศึกษาสามัญสำนึกของโลกใบนี้ให้มากยิ่งขึ้น...   ดังคำพูดที่ว่า ข้อมูลคืออาวุธที่ดีที่สุด...

〝หืม?〞

          ระหว่างทางเดินไปห้องสมุดดังเช่นทุกวัน มีประตูห้องๆหนึ่งถูกเปิดแง้มเข้าไปข้างใน

          ประตูถูกประดับด้วยลวดลายวิจิตรต่างจากห้องอื่น ทั้งยังมีสีสันออกโทนมืด ต่างจากสีกรมท่าของประตูในคฤหาสน์ ราวกับเชื้อเชิญให้กรเข้าไป แต่กรที่เห็นแบบนั้น ก็ทำเพียงแค่เดินเข้าไปและพำยายามจะปิดมันลงเท่านั้น เพราะว่าห้องที่ว่านั่น...

          คือห้องส่วนตัวของเมอร์ลินนั่นเอง...

〝!!!?〞

          ในจังหวะที่กรจับล็อคประตูแบบในปัจจุบันเพื่อหวังจะปิดประตู แล้วเผลอมองเข้าไปในห้องของเมอร์ลิน บนโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่มีหนังสือวางเรียงอยู่ขอบโต๊ะนั่น ได้มีหนังสือเล่มนึงว่างอยู่กลางโต๊ะจนเด่นสะดุดตา หากกรไม่ได้เห็นหนังสือเล่มนั้นก็คงปิดประตูแล้วเดินออกจากตรงนี้ไปแล้ว เพราะไม่อยากจะโดนเมอร์ลินเขม่นหลังจากนี้นั่นแหล่ะ

          แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปนความสงสัยที่กรอยากรู้มาตลอด มันได้ถูกสลักไว้เป็นชื่อของหนังสือเล่มนั้นที่ทั้งเรียบง่ายและได้ใจความ กรจึงได้พูดชื่อของหนังสือเล่มนั้นออกมาเบาๆ...

“ แม่ทัพคนที่ 7 ผู้ซึ่งปิดผนึกจอมมาร

『Poker Face Princess』”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 45 : การปฏิเสธตัวเองในอดีต ก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธตัวเองในตอนนี้ด้วยเช่นกัน

    เรื่องราวของแม่ทัพคนที่ 7 งั้นเหรอ?จะว่าไปแล้ว เรื่องที่ฟรังซ์ ออลเดลเล่าครั้งแรกนั่นก็มีกล่าวถึงเหมือนกันนี่... ถึงจะพูดถึงแค่ครั้งเดียวเองก็เถอะถ้าจำไม่ผิด... เจ้านั่นบอกว่าแม่ทัพที่สู้กับจอมมารหน่ะมี 7 คน แล้วต่อมา 6 ใน 7 คน ได้กลายเป็นมหานักปราชญ์....เราเองก็คาใจมาตลอดว่าอีกคนนึงคือใคร... เพราะจาก 6 คน ก็มีพระเจ้าคนนึง กับดันเจี้ยนมาสเตอร์อีก 5...เราเองก็หาหนังสือแบบเดียวกันมาตลอด แต่ไม่มีถูกกล่าวถึงเลยซักนิด เหมือนกับมีคนจงใจลบข้อมูลส่วนนั้นออกไปเลย...แต่ถือวิสาสะเอามาอ่านเองแบบนี้นี่ ยัยนั่น.... เมอร์ลินจะโกรธรึเปล่าเนี่ย... แถมในส่วนลึกของจิตใจ เรากลับรู้สึกว่า ไม่ควรไปแตะต้องมันซะนี่... กรที่กำลังลังเล พยายามก้าวเท้าขวาเข้าไปข้างในห้องแต่ก็ต้องชักเท้ากลับออกมาเพราะรู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็เข้าครอบงำอีกครั้งเขาจึงก้าวเท้าเข้าไปอีก แล้วพอมาคิดดูว่าเมอร์ลินจะรู้สึกยังไงที่โดนรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนตัวโดยไม่ได้รับอนุญาติ กรก็ชักเท้าหนีอีกจนไม่ได้เข้าไปเสียที จนแม้จะผ่านไปถึง 5 นาทีเขาก็ยังคงทำแบบนั้นอยู่ด้านหน้าห้องของเมอร์ลิน จนกระทั่ง...〝ทำอะไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 46 : ออกเดินทาง (จบบทที่ 1)

    ——— 3 วันต่อมา กิจวัตรประจำวันเมื่ออยู่คฤหาสน์ของกรยังคงดำเนินต่อไป ด้วยตารางการฝึกของฟรังซ์เพื่อ『การเพิ่มขีดจำกัดด้วยออร่า』 ด้วยความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วของกร... บัดนี้เขาสามารถควบคุมจินตนาการได้จนเกือบสำเร็จแล้ว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว ส่วนผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ....ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! ฉั๊ว! 〝อ้าว ๆ !!! คราวนี้ลองรับดาบข้าดูเจ้าหนู!〞 กรในตอนนี้กำลังต่อสู้กับวิชาดาบสุดร้ายกาจของเคลเบรอสในร่างลุงวัยกลางคนสวมชุดพ่อบ้านเช่นเคย สเต็ปการก้าวเท้าหลบของกรนั้นช่างลื่นไหลราวกับกำลังเต้นลีลาศด้วยการกระหน่ำโจมตีของเคลเบรอส แต่ด้วยความร้ายกาจของเคลเบรอสทำให้มีวิถีดาบจำนวนหนึ่งเล็ดรอดออกมาได้ กรจึงใช้มือปัดป้องออกอย่างง่ายดาบราวกับเป็นเพียงของเล่น กรที่อยู่ในชุดฝึกนั้นเรียกได้ว่าไร้อาวุธอย่างแท้จริง จะมีก็แต่ร่างกายที่ถูกคลุมด้วยออร่าสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น ที่ใช้แทนกันได้... แม้จะเป็นการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งก็ยังพอสูสีได้ เพียงแต่ว่า...ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! 〖อย่าลืมว่าย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 47 : เริ่มใช้ชีวิตแบบตัวเอกในนิยายแฟนตาซีเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาซักที (เริ่มบทที่ 2)

    บทที่ 2 『 Basilius Kingdoms Crisis 』วิกฤตบาซีเลียส❖❖❖❖❖ครืด!——— ครืด!——— ครืด!——— ท่ามกลางความร่มรื่นของบรรยากาศยามบ่ายที่ไม่ร้อนเกินไปนักของถนนลูกรังสีน้ำตาลอ่อนซึ่งมีผืนหญ้ายาวสุดลูกหูลูกตาและมีไม้ยืนต้นขนาดปานกลางแซมอยู่เป็นพักๆ ได้มีเสียงของอะไรบางอย่างกำลังถูกลากไปตามทางของด้วยเสียงประหลาดๆแฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! เสียงหายใจหอบของคนที่เป็นต้นเสียงดังอย่างต่อเนื่องมาได้พักใหญ่ๆ... เมื่อโฟกัสไปยังต้นเหตุดังกล่าว ก็จะพบเข้ากับเด็กหนุ่มที่เป็นสาเหตุคนนั้นกำลังเดินลากเท้าไปตามพื้น แต่จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะสาเหตุที่ทำให้เด็กหนุ่มเดินลำบากนั้นมาจากหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยอ่อนเพราะเป็นลมแดด? ซึ่งเขากำลังแบกอยู่ด้านหลังต่างหาก เหงื่อของเด็กหนุ่มไหลลงมากองที่คอด้วยความร้อนจากทั้งแรงกดทับของหญิงสาวและความร้อนจากแสงอาทิตย์ เลยทำให้ความร้อนสะสมเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ท่าทีของทั้งสองคนนั้นเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะเรียกว่ากำลังเดินทางเข้าเมือง เพราะใบหน้าทรมานของทั้งสองคนมันเหมือนกับกำลังเดินทางไปสู่นรกมากกว่า(ฮาๆ) แตกต่างจากเด็กสาวที่เดินอยู่ข้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 48 :  คนจะรวย ช่วยไม่ได้

    หลังจากนั้น พวกกรก็นั่งรถม้าเข้าไปในเมืองชั้นในพร้อมกับคุณโรนี่ โดยใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมาย… การตรวจตราเข้าสู่เมืองชั้นใน ดำเนินการโดยกองทหารฝ่ายตรวจการ เพราะเมืองชั้นในประกอบด้วยสถานที่ราชการเสียเป็นส่วนใหญ่ เลยต้องมีการคัดแยกคนที่รัดกุมมากกว่าปกติ แต่พวกกรก็ผ่านมาง่ายๆ เพราะเดินทางมากับคุณโรนี่ซึ่งเป็นที่รู้จักในย่านนี้ แล้วจากนั้นประมาณ 10 นาที พวกกรก็มาถึงย่านร้านค้าซึ่งมีลักษณะเป็นตึกแถว 3 ชั้นที่ดูดีมีระดับแห่งหนึ่ง โดยที่ทั้งสองข้างทางต่างก็เป็นร้านกระจก และถูกประดับด้วยของดีทั้งนั้น ทางสัญจรที่แม้จะเป็นซอยหลักเองยังถูกปูด้วยพื้นหินแกรนิตเป็นลายสับหว่างเหมือนกับอิฐอย่างดีและงดงาม แค่มองดูแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นย่านร้านค้าของคนมีเงินใช้เหลือเฟือ แต่ดูเหมือนคนทั่วไปเองก็มาซื้อของที่นี่เหมือนกัน ด้วยเพราะกรมองเห็นคนแทบจะทุกประเภทสัญจรผ่านย่านการค้าแห่งนี้คับคั่งยิ่งกว่าตลาดเมื่อตอนเข้าเมืองเสียอีก รถม้ายังคงเคลื่อนตัวเข้าไปเรื่อยๆ... ในขณะเดียวกัน มีอาและเมอร์ลินที่ไม่ค่อยได้เห็นของพวกนี้เพราะอยู่แต่ในดันเจี้ยนมานานมาก ต่างก็มองผ่านหน้าต่างอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 49 :  ปัญหาในการท่องเที่ยวส่วนใหญ่เกิดจากการหาห้องพักให้ถูกใจ

    หลังจากพวกกรเดินหลบฉากออกมาจากย่านการค้าโรนี่ได้ซักพัก ณ ตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 5 โมงเย็นเศษ พวกกรเลยตกลงกันว่าจะหาที่พักชั่วคราวอาทิเช่น โรงแรมหรือห้องพัก กันไปก่อน และเนื่องด้วยตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูฝนปลายๆ เกือบจะเข้าฤดูร้อนพอดิบพอดี เลยทำให้เวลากลางวันยาวนานกว่าตอนกลางคืนพอสมควร แสงอาทิตย์จึงยังไม่เป็นสีส้มสนิท พวกกรเลยตัดสินใจว่าจะออกมาเดินเล่นในเมืองด้วยกันหลังจากที่จองห้องไว้แล้วด้วย แต่ว่า...〝นี่... ฉันว่าห้องของที่เมื่อกี้ก็โอเคอยู่นา...〞〝ไม่เอาด้วยหรอก! ฉันไม่อยากใช้ห้องน้ำรวมนี่นา〞〝แต่มันก็แยกฝั่งชาย หญิงอยู่ไม่ใช่เหรอ? 〞〝บอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอาย่ะ! 〞 ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ที่ทั้งสามคนยังคงง่วนอยู่แต่กับการเลือกห้องพัก ตามแบบที่เห็นตรงกัน ในด้านของมีอานั้น ไม่มีปัญหาซักนิดในเรื่องของรูปแบบห้อง ขอแค่มีเตียงเธอก็นอนได้หมด เพราะงั้นคนที่เถียงกันจึงมีแต่กรและเมอร์ลิน... ไม่สิ พูดให้ถูกคือเมอร์ลินเป็นฝ่ายเลือก ซึ่งสาเหตุของเมอร์ลินนั้นก็มาจากการต้องการความเป็นส่วนตัว รวมถึงไม่อยากทำความรู้จักกับบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นนั่นเอง กรที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 50 :  ศูนย์รวมของกลุ่มคนคือศูนย์รวมของข่าวสาร

    〝 ใหญ่จัง... 〞〝 ใหญ่เวอร์เลย 〞〝 สุดยอดเลยแฮะ 〞 มีอา เมอร์ลินและกรต่างก็แสดงปฏิกิริยาออกมาต่างกัน แต่ที่เหมือนๆกันก็คือ ความตะลึงและประทับใจ เมื่อพบกับอาคารขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า หลังจากเดินเท้าจากอิกดราซิลโฮเทลเข้าสู่ศูนย์กลางของเมืองเพียง 10 นาที อาคารทั้งหมดถูกสร้างจากหินแกรนิตสีน้ำเงินโทนดำดูภายนอกน่ายำเกรง ลายของผนังและกำแพงภายนอกคล้ายกับการวางตัวของอิฐที่สับหว่างไปมาอย่างมีระเบียบ จากภายนอก กรพอจะคาดคะเนความสูงได้เกือบ 7 เมตร และเมื่อใช้หน้าต่างตั้งค่าตรวจสอบแผนผังก็พบว่าภายในเป็นอาคารขนาดใหญ่และมีถึง 4 ชั้น ลานกว้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทางเดินติดต่อระหว่างประตูอาคารและซุ้มทางเข้าขนาดใหญ่ติดกับกำแพง และซุ้มทางเข้านี้เอง ที่มีตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่สลักไว้ตรงกลางของป้ายสูงพอๆกับตัวอาคารเหนือหัวของพวกกรถูกเขียนเอาไว้ เป็นชื่อของอาคารแห่งนี้ว่า... 『กิลด์นักผจญภัยประจำเมืองคาลิโอน่า』ข้างในเองก็สุดยอดไม่แพ้กันเลยแฮะ ทันทีที่ทั้งสามคนเดินผ่านซุ้ม และผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรเข้ามาถึงภายในกิลด์นักผจญภัย ก็พบกับบรรยากาศแปลกๆ ขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 51 : ซื้อทาสครั้งแรก และ ครั้งแรก

    หลังจากที่พวกกรตัดสินใจจะเพิ่มพวกพ้องในปาร์ตี้ด้วยการซื้อทาสไปแล้ว พวกเขาจึงเริ่มตระเวนหาร้านดังกล่าวในทันที เพียงแต่... การหาร้านที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยซักนิด นั่นเป็นเพราะกรไม่เคยซื้อทาสมาก่อนนั่นแหล่ะ เพราะหากเป็นสินค้าอย่างอื่นไม่ว่าจะของกินหรือเครื่องใช้ กรก็มีพื้นเพในการคัดแยกของดีไม่ดีจากโลกเดิมอยู่แล้ว เพราะความรู้และสามัญสำนึกเป็นของโลกเดิม เลยมีความเสี่ยงจะโดนโกงสูง... ทางด้านมีอาเองเคยเป็นทาสมาก่อนก็จริง แต่ก็เป็นคนละประเภทกับที่ถูกขายตามท้องตลาด ส่วนเมอร์ลินก็อยู่แต่ในดันเจี้ยนทำให้ความรู้เรื่องโลกภายนอกไม่ต่างจากกรและมีอาซักนิด และพอใช้เวลาคิดซักเล็กน้อย... พวกกรก็ได้นึกถึงบุคคลคนนึงที่เขาเพิ่งรู้จักเมื่อวาน และเชื่อว่าเขาคนนั้นมีความน่าเชื่อถือมากพอ แถมยังทำงานสายการค้าอีกด้วย และยังเป็นคนมีอิทธิพลพอสมควร นั่นเลยทำให้กรคิดว่าเขาต้องช่วยแนะนำร้านค้าทาสดีๆให้กับกรได้แน่〝 ยินดีต้อนรับครับ! อ้าว คุณกรเองเหรอครับ 〞 ทันทีที่กรเปิดประตูเข้าสู่อาคารบริหารของย่านการค้า ก็ได้พบเข้ากับคนๆนึง กำลังสั่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-11
  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 52 : ครั้งที่สองย่อมคล่องกว่าครั้งแรก

    หลังจากค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์ของทั้งสามคนจบลง ยามเช้าก็ได้มาถึง... ภายใต้ผ้าห่มบนเตียงสีขาวบริสุทธิ์ ทั้งสามคนที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ได้นอนกอดกันกลมโดยมีเด็กหนุ่มนามว่า กร คั่นกลาง แสงอาทิตย์อุ่นๆ ของฤดูร้อนลอดผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบร่างของทั้งสาม แต่มีเพียงกรเท่านั้นที่ตื่นจากภวังค์เพราะมัน ทันทีที่ตื่น กรสัมผัสได้ถึงผิวกายอันแสนวิเศษ ที่แนบชิดกับเขาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากมีอาและเมอร์ลินที่กำลังนอนหลับสนิทเคียงเขาซ้ายขวา และใช้ร่างของกรแทนหมอนข้างนั่นเอง...ไม่ต้องมีคำบรรยาย...เมื่อคืนนี้เป็นคืนที่สุดยอดจริงๆเลย... ในหลายๆความหมายอาจจะเสียมารยาทกับพวกเธอไปหน่อย แต่ถ้าจะนับจากประสบการณ์ในลูป คงพูดไม่ได้ว่านี่เป็นครั้งแรกแต่ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณประสบการณ์พวกนั้นบ้างแหล่ะนะ... เลยทำให้นำได้อย่างดี สมเป็นลูกผู้ชายกับเขาหน่อย ในขณะที่คิดแบบนั้น มีอาและเมอร์ลินที่สัมผัสกายของกรได้ละเมอครางออกมาเบาๆ และขยับใบหน้าเข้ามาซุกที่อกของเขาแนบชิดกว่าเดิมดูจากการเคลื่อนของดวงอาทิตย์ ตอนนี้ก็เกือบ 9 โมงแล้ว... นี่พวกเราหลับยาวขนาดน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-12

บทล่าสุด

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 100 : ยามเมื่อเหล่าบุปผาผลิบาน

    ———— 1 สัปดาห์ต่อมา ชั้นที่ 2 ของมหาดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 ณ ดันเจี้ยนชั้นพิเศษ ซึ่งถูกสร้างโดยอาเธนต่อจากชั้นที่ 1 อันเป็นชั้นที่เอาไว้หลอกคนทั่วไป ถูกสร้างขึ้นเพื่อการฝึกฝนและเก็บเลเวลโดยเฉพาะ หากแต่ผู้ที่จะใช้มันได้นั้น มีเพียงแค่กลุ่มของผู้ที่ผ่านการทดสอบที่แท้จริงแล้วเท่านั้นถึงจะเข้ามาในนี้ได้ ที่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นสามเขต อันได้แก่ เขตที่พักอาศัย เขตใช้ฝึก『บัญญัติพันประการ』 และสุดท้ายคือเขตที่ใช้สำหรับเก็บเลเวล... หรือก็คือ เขตมอนสเตอร์ทรงภูมิปัญญานั่นเอง ในพื้นที่ของเขตที่สามถูกสร้างให้เป็นพื้นกระเบื้องและเพดานหน้าตัดเรียบส่องแสงสีเขียว (Lime) พื้นที่โดยรอบมีวัตถุโปร่งแสงรูปทรงเรขาคณิต ทั้งสามเลี่ยม สี่เหลี่ยมไปจนถึงรูปทรงหลายเหลี่ยมกระจัดกระจายเต็มไปหมดทำให้ยากแก่การเคลื่อนไหว แต่กลับกันแล้ว มันทำให้ง่ายต่อการดำเนินแผนที่ซับซ้อนและแยบยล และเขตที่สามนี้เอง ที่มีหญิงสาวทั้ง 4 คน อันได้แก่ มีอา ซาช่า เรเชลและริต้า กำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์จำนวนเท่ากันอยู่ มอนสเตอร์ทั้งสี่ตัวที่เป็นศัตรู มีหนึ่งตัวที่สวมผ้าคลุมสีดำ มีส่วนหัวเป็น

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 99 : ความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่หลังความเป็นจริง

    〝 คุณโรนี่กับราชา... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย 〞 กรถามออกไปแบบนั้น ในเวลาเดียวกับที่ใช้『รีดดิ้งอายส์』ตรวจสอบบุคคลทั้งสองตรงหน้า แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อพบว่าทั้งคู่เป็นตัวจริง...〝 ทำหน้าแบบนั้นคงจะรู้แล้วสินะว่าพวกข้าเป็นตัวจริง... 〞ราชาพูดแทงใจดำพลางยิ้มออกมา ทำให้กรคิ้วกระตุกเพราะคาดการณ์เรื่องตรงหน้าไม่ทัน ในขณะที่กรคิดแบบนั้น ราชาก็เดินเข้ามาทางกร แล้วก็ใช้เวทย์บางอย่างเปลี่ยนใบหน้าตัวเองเป็นคนอื่น ไม่สิ... เปลี่ยนจากคนอื่นกลับมาเป็นตนเองคนเดิมต่างหาก ซึ่งที่เปลี่ยนไปนั้นมีเพียงโครงหน้าเท่านั้น แต่ความสูงอายุและริ้วรอยนั้นแทบไม่ต่างจากเดิมเลย แล้วก็หันไปสบตากับเมอร์ลินเข้า นั่นทำให้เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ...〝 นายมัน อาเธนงั้นเหรอ!!!? 〞เมอร์ลินที่เห็นใบหน้าจริงของชายชราตรงหน้าก็จำได้ทันทีพร้อมทั้งเรียกชื่อจริงของเขาออกมาอย่างสนิทสนม โดยมีสายตางงงวยจากสาวๆคนอื่น แต่พอรู้ว่าคนน่าสงสัยตรงหน้าเป็นคนรู้จักของเมอร์ลิน การ์ดของพวกเธอก็คลายลงพอสมควร〝 แหมๆ ในที่สุดก็จำได้ซักทีนะแม่คุณ... ข้าหล่ะเจ็บช้ำไม่น้อยเลยนะ ตรงที่เจ้าบ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 98 : หัวเราะทีหลังย่อมดังกว่าเสมอ

    หลังจากเรื่องเมื่อวานเคลียร์กันจบในตอนเย็น กรได้ทำการเพิ่มฟังก์ชั่นหลบหนีฉุกเฉินใส่บัตรนักผจญภัยของเจนนี่ไว้ก่อนด้วย เผื่อในกรณีที่เกิดอันตรายกับเธอ เธอสามารถใช้มันวาร์ปมาหากรได้ทุกเมื่อ รวมถึงพาคนรู้จักอย่างไมน์กับรีเบคก้ามาด้วยก็ยังได้ จากนั้นพวกกรกับพวกไมน์จึงได้แยกกันกลับที่พักของตัวเอง อนึ่ง เจนนี่ตอนนี้นั้นอยู่สถานะของคนชื่อ『เบลนด้า อัลบา』 รูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นเห็น เป็นคนผิวสีแทน ใบหน้าปานกลางค่อนไปทางแย่(จากความเห็นส่วนใหญ่ในกลุ่มของกร) แต่นั่นก็เพื่อไม่ให้เธอเป็นจุดเด่น เพราะหากจะว่าไปแล้วเจนนี่ในร่างธรรมดานั้นจัดว่าเป็นคนสวยมากเลยทีเดียว และด้วยการใช้บัตรนักผจญภัยอ้างถึงตัวตน ก็สามารถเข้าพักที่เดียวกับพวกไมน์ได้ แต่เธอเลือกที่จะพักคนละห้องแทนเพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัย (แต่สุดท้ายตอนนอนก็ย้ายมานอนห้องเดียวกันอยู่ดี) ส่วนทางด้านของกร พอกลับไปพวกกรก็รีบทำธุระส่วนตัว แล้วเข้านอนในทันที เพื่อสะสมพลังงานให้เต็มอิ่มก่อนที่จะออกรบในดันเจี้ยน『หอคอยแห่งปัญญา』 และเพื่อความไม่ประมาทช่วงเช้าทั้งหมด กรและพรรคพวกจะใช้เวลาไปกับการตร

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 97 : เหตุผลในการมีชีวิต

    〝 ไง ทั้งสองคน 〞 ในขณะที่ทุกคนแสดงสีหน้าตกตะลึงยังกับเห็นผีออกมา เจนนี่ก็เริ่มเป็นฝ่ายทักไมน์และรีเบคก้าก่อนด้วยรอยยิ้มในทันที〝 เจนนี่!!! 〞〝 อุ๊ยตาย!? 〞 ไมน์ที่เห็นแบบนั้นไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปสวมกอดเจนนี่อย่างเร็ว นั่นเองก็ทำเจ้าตัวอย่างเจนนี่ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน〝 เจนนี่! เจนนี่จริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ผีหรือตัวปลอมใช่ไหม!? 〞ไมน์พูดแล้วก็ลูบๆคลำๆเจนนี่ไปทั่ว ทำเอาร่างเธอสั่นนิดหน่อยเพราะจักกะจี๊เลยทีเดียว〝 ยัยบ๊อง! ก็จับตัวกันได้อยู่ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันก็ยังจำได้อยู่เลยนะว่าตรงก้นของรีเบคก้ามีไฝอยู่ด้วยหน่ะ 〞 เจนนี่พูดแบบนั้นออกมา ทำให้รีเบคก้าออกอาการหน้าแดง แล้วก็พุ่งเข้ามาสับกะโหลกเจนนี่เหมือนกับที่ผ่านมา〝 ฮึ่ย! ไอ้นิสัยพูดไม่คิดนี่ตัวจริงชัวร์ 〞รีเบคก้าพูดแล้วก็ใช้กำปั้นหมุนๆใส่ศีรษะของเจนนี่〝 โอ้ยๆ! เจ็บอ่ะรีเบคก้า ออมมือให้หน่อยเซ่! 〞 ทั้งสามคนหยอกล้อกันไปมาแบบนั้น ราวกับต้องการจะซึมซับและฟื้นคืนบรรยากาศที่ถูกทำลายไปให้กลับมาเหมือนเดิม แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัย แต่ความอบอุ่นของภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนลืมหลายเรื่องที่คิดอ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 96 : การต่อรองต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย

    หลังจากที่งีบหลับไปประมาณ 3 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าทางจิตใจก็ดูจะลดลงไปบ้างเอาจริงๆ ต่อให้ลุยต่อทั้งอย่างงี้ก็ไหวอยู่หรอก แต่แค่นี้ทุกคนก็เป็นห่วงมากพออยู่แล้ว เพราะงั้นทำตามที่ทุกคนแนะนำเป็นการดีที่สุดทางริต้าเองยังคงหลับอยู่เลยปล่อยให้หลับต่อไปก่อนโดยให้เรเชลดูแลอยู่ข้างๆส่วนทุกคนเองดูเหมือนว่าจะไม่ได้หลับเลยในระหว่างที่ฉันพักแต่ก็ต้องขอบคุณในจุดนั้น เพราะในช่วงที่ฉันไปเจรจากับราชา ฉันต้องการที่จะไปคนเดียว...ก็แหม... ฉันไม่อยากให้ทุกคนเห็นท่าทางแย่ๆเท่าไหร่นี่นา〝 เพราะทุกคนเฝ้าฉันมาตลอดคงจะเหนื่อยแย่ ฉันเลยอยากให้พวกเธอพักรอฉันอยู่ที่นี่หน่ะ 〞พูดแบบนั้นออกไปทุกคนก็ทำหน้าถมึงทึงใส่ และแน่นอนว่าทุกคนทำท่าอยากจะไปด้วยกันหมดเลยใช้เวลาเกลี้ยกล่อมตั้งนานกว่าจะยอม แต่ก็เพราะทุกคนเป็นห่วงเรานั่นแหล่ะนะ น่าดีใจแท้ๆแต่ทุกคนก็ไม่อยากตื้อให้เราจนกังวลเกินไปเหมือนกันเพราะงั้นแค่รับปากว่าจะไม่ฝืนฉันก็ขอตัวมาได้แล้วหล่ะนะแล้วจากนั้นก็วาร์ปมาที่เมืองหลวง ในซอกตึกที่นึงใกล้ๆกับทางเข้าพระราชวังโห... มองดูจากตรงนี้ยังเห็นรูที่เจ้าชายมันทำพังไว้อยู่เลย...เดี๋ยวไม่สิ... เราเป็นคนทำนี่หว่า คง

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 95 : ตัวละครเอกมักเป็นพวกชอบหาเรื่องใส่ตัว

    หลังจากที่การแสดงของฉันดำเนินมาได้ซักพัก จุดจบก็มาถึงโดยที่ฉันเป็นคนจัดการปิดคดีได้อย่างดงามถึงช่วงกลางๆจะโดนคุณโรนี่แย่งซีนก็เถอะ แต่ตอนจบก็กู้หน้าคืนมาได้อ่ะนะ...จากนั้นริออนที่ถูกฉันต่อยจนสลบก็ถูกพวกฟรอนกับคาลอสคุมตัวไปส่วนไอ้ปีศาจนั่นฉันปล่อยให้มันหนีไปเองด้วยเหตุผลทางด้านผลประโยชน์ในอนาคตแต่ทางฝั่งนั้นอาจจะกำลังคิดว่าหนีฉันพ้นอยู่ก็ได้หล่ะนะ... แต่ปล่อยให้คิดแบบนั้นก็ดีเหมือนกันแล้วหลังจากเรื่องจบ ฉันก็ไม่อยู่รอดูสถานการณ์หรอกนะเพราะว่าเป็นห่วงทุกคน ฉันเลยรีบผละตัวออกมาในทันทีที่มีโอกาสก่อนหน้าที่จะออกมาก็มีถูกพระราชานัดพบเป็นการส่วนตัวด้วยอยู่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ แล้วก็คงคิดจะคุยถึงเรื่องต่อจากนั้นนั่นแหล่ะเป็นไปตามแผนเลย ฉันคิดจะใช้โอกาสนี้ต่อรองกับราชาอยู่แล้ว…แล้วพอวิ่งออกมาถึงจุดนัดพบในซอกตึกรามบ้านช่อง ก็เจอกับทุกคนโชคดีไป... ดูเหมือนทั้งมีอา เมอร์ลิน ชาลอต ซาช่า จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย โล่งอกไปที...กลับกันแล้วพวกเธอเป็นห่วงฉันสุดๆเลยชาลอตก็เอาแต่บอกว่า〝 นายท่านอย่าเสี่ยงไปคนเดียวแบบนั้นอีกเลยนะคะ! 〞ส่วนซาช่าก็〝 ตอนที่นายท่านกระโดดเข้าไปหาลูกบอลแปลกๆนั่น...

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 94 : บทปิดม่านของชายผู้ถูกความขลาดเขลากลืนกิน

    〝 อั๊ก!!! 〞 เจ้าชายออริออน... ริออนกุมมือขวาของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เพราะได้รับผลกระทบจากการถูกยิง ต้องบอกว่าโชคดีเท่าไหร่แล้วที่อัญมณีรับความเสียหายแทนไปเกือบหมด ไม่งั้นมือของเขาคงขาดไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะความเจ็บปวดที่แล่นจากมือขวาไปสู่ทั่วทั้งร่างนี่แหล่ะ ทำให้ริออนดึงสติของตัวเองกลับมาได้อีกครั้งวูม!!!!!!———〝 อะ อา.... 〞 ริออนรำพึงอยู่ในลำคออย่างน่าเวทนา ในตอนที่แสงสีแดงจากวงเวทย์สว่างน้อยลงพร้อมๆกับวงเวทย์ขนาดใหญ่ที่ค่อยๆจางหายไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืน จนในที่สุดแสงสว่างสีแดงฉานก็อันตรธานหายไปจากท้องฟ้า เช่นเดียวกับวงเวทย์ขนาดมหึมา ทำให้แสงจันทร์ส่องลงมาถึงพื้นดินอีกครั้ง แต่ยังคงมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวเนื่องด้วยความสับสนของชาวเมืองอยู่บ้าง แต่แน่นอนว่าทุกคนปลอดภัยดีแล้ว และไม่มีใครได้รับผลกระทบจนถึงขั้นเสียชีวิตเลยซักคน ความสิ้นหวังเข้าคลุมสติของริออนในพริบตา อย่างที่เขาว่าไว้… เมื่อพริบตาที่ความหวังใกล้จะสัมฤทธิ์ผลถูกทำลายลง นั่นคือความสิ้นหวังอย่างที่สุด... และนั่นก็ทำให้สีหน้าของริออนเปลี่ยนจากสิ้นหวังไปเป็นอาฆาตแค้นแทน แ

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 93 : การแสดงชั้นยอด

    〝 น่าตกใจจริงๆ… นี่รู้อยู่แล้วหรอกเหรอว่าข้าเป็นคนร้าย? 〞 เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง... เจ้าชายออริออนถามกรออกมาด้วยแววตาและท่าทางหยิ่งยโส พร้อมกับเป็นการยอมรับข้อกล่าวหาไปในตัว ว่าตัวเองคือคนร้ายตัวจริง ในขณะที่มองกรลงมาจากเบื้องบน〝 ก็นะ... เพิ่งจะรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้เองแหล่ะ แสบจริงนะให้ตายสิ... 〞กรพูดออกมาพร้อมกับยิ้มแห้งๆ แล้วก็เดินเข้ามาทางเจ้าชายออริออนมากกว่าเดิม เหล่าสมุนเล็บโลหิตตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีกันเต็มที่ แต่ยังไม่มีใครกล้าเริ่มโจมตีกรก่อน ทั้งด้วยความกลัวพลังที่ต่อกรกับพวกของตนระหว่างทางได้อย่างง่ายดาย แถมผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วนก็ด้วย แต่ประเด็นสำคัญคือจิตสังหารอันหนักอึ้ง ราวกับถูกน้ำตกซัดสาดนั่นของกรต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าขยับตัว〝 งั้นขอเข้าเรื่องเลยละกัน... 『อุปกรณ์ตัวหลัก』 อยู่ที่ไหน? 〞 กรเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับน้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว นั่นทำให้เหล่าเล็บโลหิตจำนวนเกินครึ่งยืนตัวสั่นได้ ไม่สิ... แม้แต่ชายเผ่าปีศาจที่ยืนอยู่ข้างๆเจ้าชายออริออนยังแอบสั่นเลยด้วยซ้ำ มีเพียงโรนี่ที่ใจเย็

  • ชีวิตบัดซบเพราะมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้ไปโค่นพระเจ้าซะเลย   ตอนที่ 92 : คนร้ายตัวจริง

    หลังจากที่แอบย่องขึ้นมาบนชั้นสอง แล้วมองลอดเข้าไปในห้องที่จับสัมผัสวิญญาณได้พวกเราก็เจอกับเด็กผู้หญิงกำลังนั่งอยู่บนขอบระเบียงเป็นภาพที่น่าแปลก... เพราะเธอคนนั้นโปร่งแสงจนมองทะลุไปถึงท้องฟ้าที่เป็นฉากหลังเลยเนี่ยสิถ้างั้นก็ไม่ต้องสงสัย... เด็กคนนั้นคือวิญญาณที่กำลังตามหาอยู่แน่นอน กรคิดแบบนั้นพลางมองไปยังเด็กสาว ส่วนทางเด็กสาวนั้นกลับหันมามองทางกรในเวลาเดียวกัน〝 เอ่อ... ไม่ต้องหลบหรอกนะคะ คือหนูเห็นตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์แล้วหล่ะค่ะ 〞เสียงกังวานของเด็กสาวพูดขึ้นมา โดยในน้ำเสียงมีความเอียงอายเล็กน้อย แล้วพอเด็กสาวพูดแบบนั้น กรก็ให้สัญญาณทุกคนเดินตามหลังเขาเข้ามาในห้องทันที〝 เข้าใจหล่ะ โทษทีนะที่บุกรุกเข้ามา 〞เมื่ออีกฝ่ายพูดอย่างสุภาพ ก็เป็นมารยาทเช่นกันที่กรจะตอบกลับไปแบบเดียวกัน〝 ไม่หรอกค่ะ... เอาจริงๆในรอบ 10 ปีมานี้มีคนเข้ามาในคฤหาสน์นับคนได้เลยหล่ะค่ะ มีคนบ้างแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน 〞เด็กสาวยิ้มตอบกรอย่างเป็นมิตร พร้อมกับลอยตัวจากขอบระเบียงมายืนอยู่ด้านหน้าของพวกกร สภาพแบบนั้นทำเอาพวกกรประหลาดใจไม่น้อย เว้นเสียแต่ซาช่าที่กำลังยืนตัวสั่นอยู่〝 นี่เธอเป

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status