หร่านถิงที่ยังปากแข็งอยู่เมื่อครู่ก็พลันระเบิดอารมณ์ออกมา “ตอนข้าหรือ? อย่า อย่าตอนข้า”การตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกทรมานสิบประการเสียอีก!เขาเป็นหนุ่มเจ้าชู้ที่ควบหญิงงามไม่เลือกหน้า สิ่งนั้นคือชีวิตเขาเป็นส่วนที่สร้างความสุขให้กับเขาหากไม่มีสิ่งนั้นแล้ว เขายอมตายดีกว่าลู่จิงตั้งใจหยิบมีดตะขอเล็กเล่มหนึ่งออกมา “นายท่านดูมีดเล่มนี้ของข้าสิ นี่คือมีดสำหรับตอนขันทีที่ลูกสมุนของข้านำออกมาจากวังหลวง รับรองเลยว่ามันสามารถตัดน้องชายของเจ้าจนสะอาดเกลี้ยง ฮ่าๆ!”“เจ้าอย่าเข้ามา อ๊าก!” หร่านถิงไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน เขาไม่อยากขาดลูกสิ้นหลาน ลู่จิงจับเขากระชากขึ้นมา จากนั้นก็ถลกกางเกงของเขาอาจเพราะหร่านถิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งสองคนจึงได้ยินเขาสารภาพผ่านประตู“ข้าพูดแล้ว ข้าสารภาพแล้ว!”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้น “ลากเขาเข้ามา”หร่านถิงดึงกางเกงไว้ จากนั้นก็คลานไปบนพื้นอย่างจนตรอก “หร่านเหยียน นางไม่ใช่น้องสาวของข้า”“ข้าแค่รับเงิน มาหลอกล่อเจ้า”ไม่รู้ว่าเขาเข้าถึงบทบาทมากเกินไปหรือเปล่า หร่านถิงถึงได้มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาหลงใหล“เจ้าเป็นคนแรกที่ต่อต้านเสียงฉินของข้า เ
“อ๊าก ช่วยด้วย!”หนูตัวนั้นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก ทั้งยังปีนป่ายขึ้นมาบนตัวของนาง ซูจิ่นเอ๋อร์ตื่นตกใจจนร้องกรีด สีหน้าซีดเผือด“หนูสกปรก ออกไปเดี๋ยวนี้!” หนูตัวนี้มีขนสีเขียวหม่นทั้งตัว ดวงตาสีแดงเลือด มองยังไงก็ดูแปลกประหลาดไม่เพียงแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ตื่นตกใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจมากเช่นกันทั้งสองคนรู้ว่าอุจจาระของหนูตัวนั้นทำให้หนูติดโรคระบาดจะให้ซูจิ่นเอ๋อร์โดนมันกัดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นซูจิ่นเอ๋อร์ก็อาจจะติดเชื้ออย่างไม่อาจหนีพ้น“ซูจิ่นเอ๋อร์ อย่าแตะต้องมัน!”เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้น จากนั้นฟู่หลานเหิงก็พุ่งออกมาจากความมืด จับหนูที่เกาะอยู่บนหน้าอกของซูจิ่นเอ๋อร์ออกอย่างไม่ลังเลเหตุการณ์เพียงสั้น ๆ ได้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทั้งตัวของนางทรุดลงไปนั่งบนพื้นเด็กผู้หญิงมักจะกลัวหนูอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหนูที่มีขนสีเขียวทั้งตัวและเป็นโรคระบาดมือและเท้าของนางเย็นเยือก สายตาที่มองไปทางฟู่หลานเหิงฉายแววสับสนฟู่หลานเหิงทำให้นางตกใจ จากนั้นก็เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”ส่วนองครักษ์จันทราที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ฟู่หลานเหิงค่อย ๆ สงบลง “ข้าถูกหนูที่ติดเชื้อกัด ข้าต้องติดโรคระบาดอย่างแน่นอน พวกเจ้าห้ามเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด ทางที่ดีควรพาข้าออกไปกักตัวนอกเมือง”หนูที่ติดเชื้อมีนิสัยดุร้าย ฟู่หลานเหิงต้องคำนึงถึงชาวบ้านเป็นหลักยิ่งไปกว่านั้นทางราชสำนักได้จับตาดูอย่างเคร่งครัด หากมีโรคระบาดแพร่กระจาย เช่นนี้ไม่เป็นการแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มศึกอย่างนั้นหรือ?ซูจิ่นเอ๋อร์จะได้ไหวหรือ?นางร้องไห้พลางส่ายหน้า “ไม่เอา หนูที่ติดเชื้อน่ากลัวมาก หากไม่ระวังอาจจะคร่าชีวิตได้ การส่งท่านไปนอกเมือง ไม่เป็นการปล่อยให้ท่านรอความตายอยู่เพียงลำพังหรอกหรือ?”นางปาดน้ำตา “ใต้เท้าฟู่ ข้ารู้ว่าท่านไม่สนใจข้า แต่เพื่อช่วยข้า ท่านจึงต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้ หากท่านตาย ข้าก็จะขอตายไปพร้อมท่านด้วยเจ้าค่ะ”ซูจิ่งสิงเมินหน้าไปทางอื่น ทำเป็นมองไม่เห็น“ตายด้วยกัน ชีวิตเจ้าอาภัพนักหรือถึงได้อยากตายเช่นนี้!” กู้หว่านเยว่ดีดหน้าผากของนาง จากนั้นก็หันไปกล่าวกับฟู่หลานเหิง“เจ้าสองคนลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นหมอ กว่าโรคระบาดจะแสดงอาการต้องใช้เวลา ท่านเพิ่งโดนหนูกัดไม่นาน แม้ว่าจะติดเชื้อแล้ว บัดนี้มันก็ยังอยู่ในช่วงฟักตัว ไม่
ฟู่เยียนหรานยังอยากปิดบัง แต่เมื่อเห็นว่าหน้ากากถูกกระชากออกมาแล้ว จึงไม่สนใจอะไรอีก“กู้หว่านเยว่ เจ้าก็รู้ว่าข้าอยากฆ่าเจ้าขนาดไหน ทำไมสวรรค์มักจะช่วยเจ้าอยู่เรื่อย?!”สายตาของนางฉายแววดุดัน “เดิมทีข้าคือฮองเฮา คือมารดาแห่งใต้หล้า เจ้า ทำลายข้า!”เจ้าฆ่ามู่หรงอวี้ เจ้าฆ่าเขา!เจ้าสมควรตาย เจ้าแย่งทุกอย่างไปจากข้า!”ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ จู่ ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์อีกครั้ง กรีดร้องเสียงดังใส่ประตูห้องขัง ออกแรงทุบประตูไม่ยั้งกู้หว่านเยว่หรี่ตาลง “เจ้าเคยเจอเถาเอ๋อร์แล้วสินะ?”นอกจากนางแล้ว มีเพียงเถาเอ๋อร์ที่รู้ว่าฟู่เยียนหรานคือฮองเฮาตามต้นฉบับเดิมท่าทางเถาเอ๋อร์จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เยียนหรานฟังแล้ว“น้องหญิงระวัง กำลังวังชาของนางไม่ธรรมดา” ซูจิ่งสิงโพล่งออกมาท่าทางของเถาเอ๋อร์ในตอนนี้ บ้าคลั่งเกินจะพรรณนา“นางคงจะถูกใครควบคุมอยู่”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะมาถึง นางได้ส่งคนไปรายงานหวงเหล่าแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้เขากับปรมาจารย์แพทย์เป็นหมอการกุศลให้ชาวบ้านอยู่ที่เมืองอวี้พอดี“ลากนางออกมาจากคุกเดี๋ยวนี้”ชิงเหลียนมัดมือของเถาเอ๋อร์ไว้ แล้วนั่งรถม้าไปหาหวงเหล่าด้วยกันทันทีท
“ถูกต้อง” หวงเหล่าส่งสายตาที่กำลังบอกว่า ‘เด็กคนนี้ชักจะรู้มากเกินไป’ ให้นางกู้หว่านเยว่จึงกล่าวถาม “แล้วข้าจะหาเจ้าของตัวกู่ผู้นี้เจอได้อย่างไร?”ลูกกู่และแม่กู่คือสายเลือดเดียวกัน ลูกกู่ถูกควบคุมโดยแม่กู่ หากพบเจอกับอันตราย มันจะบินกลับไปหาแม่กู่ ให้แม่กู่ช่วยปกป้องมัน ตราบใดที่จับลูกกู่ได้ ก็จะสามารถตามหาแม่กู่ได้” หวงเหล่ากล่าว“แต่ทว่าพวกเจ้าต้องระวังตัว ลูกกู่ตัวนี้ดุร้ายมาก อาจจะถือโอกาสที่พวกเจ้าไม่ทันสังเกตแทรกตัวเข้าไปในร่างกายของพวกเจ้าผ่านรูทวารทั้งเจ็ด ทำเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมัน”สิ่งที่หวงเหล่าพูดทำให้พวกเขาถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัวกู้หว่านเยว่ยังคงถามต่อ “ในเมื่อลูกกู่ตัวนี้อยู่ในร่างกายนาง หวงเหล่าคงจะมีวิธีเอาลูกกู่ออกมาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ฟู่เยียนหรานก่อกรรมทำชั่วมากมาย กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเก็บนางไว้เพียงเพราะตัวกู่แน่นอนหากสามารถเอาลูกกู่ออกมาจากตัวนางได้ก็จะสามารถตามหาเจ้าของแม่กู่เจอได้เช่นกัน“มียาประเภทหนึ่ง สามารถบีบให้ตัวกู่ออกมาจากร่างกายที่มันอาศัยอยู่ได้”หวงเหล่ายังคงลูบเครา ก่อนจะคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “บังเอิญว่าข้ามียาชนิด
“ได้” ซูจิ่งสิงไม่ปฏิเสธ กู้หว่านเยว่พาคนวาบเข้าไปในหอแห่งโอสถ ฟู่เยียนหรานกำลังอยู่ในอาการสลบไสล นางถูกวางลงบนเตียงในห้องทดลองครั้นนึกถึงเรื่องที่หวงเหล่าเคยเตือนพวกเขา หลังจากที่ตัวกู่บินออกมาแล้ว มันจะออกตามหาสถานที่ที่ปลอดภัย ด้วยการบินเข้าไปในร่างกายของคนทันทีกู้หว่านเยว่ตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวกู่บินเข้ามาในร่างกายของพวกเขา ไม่เช่นนั้นคงเลวร้ายไม่น้อยในขณะที่กำลังวิเคราะห์ส่วนประกอบของตัวยาอยู่ในห้องทดลองนั้น กู้หว่านเยว่ได้หยิบชุดป้องกันสองชุดออกมา ให้ซูจิ่งสิงและตัวเองใส่“การสวมหมวกกันน็อกจะช่วยปกป้องจมูกและตาได้ ต่อให้ตัวกู่จะมีขนาดเล็กมาก ก็ไม่สามารถบินเข้ามาในร่างกายของพวกเราได้”“ดี” ซูจิ่งสิงนั้นว่องไวมาก ไม่นานก็ใส่ชุดป้องกันเรียบร้อยเขาเคยเข้ามาในหอแห่งโอสถครั้งหนึ่ง เวลานี้จึงไม่ได้ดูแปลกตากับสิ่งของที่อยู่ข้างในนัก เขารู้ว่าภายในหอแห่งโอสถแห่งนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่รู้จักอีกมากมายแต่ครั้นเห็นว่าภายในห้องทดลองยังมียาที่หวงเหล่ามอบให้นางอีกหลายขวด ก็พลันตกใจไม่น้อย“ทำไมถึงได้มียามากมายขนาดนี้? ข้าจำได้ว่าหวงเ
ในขณะเดียวกับที่นางเอ่ยนั้น ซูจิ่งสิงได้ลอยตัวออกไป ตวัดขวดแก้วใส่แมลงตัวนั้น แล้วจับมันขังไว้ข้างใน“ดูสิ”กู้หว่านเยว่จ้องเขม็ง เห็นได้ชัดว่ากู่ตัวนี้กำลังตื่นตกใจ พยายามบินวนไปมาอยู่ในขวดแก้ว“ลูกกู่ได้รับอันตราย มันกำลังตามหาแม่กู่”ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของกู้หว่านเยว่ จะหาคนที่ใช้กู่ควบคุมฟู่เยียนหลานผ่านลูกกู่ได้ไหมนะ?เมื่อเห็นกู้เยียนหรานมีท่าทีจะตื่นหลังจากที่ดึงตัวกู่ออกมาจากร่างกาย กู้หว่านเยว่ก็รีบวางเรื่องนี้ลง จากนั้นก็โบกมือพาทั้งสามคนออกจากห้วงมิติ“ที่นี่ที่ไหน? ฟู่เยียนหรานตื่นขึ้นมาในทันที“กู้ กู้หว่านเยว่นังสารเลว ....” ครั้นเทียบกับความบ้าคลั่งก่อนหน้านั้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่สิถึงจะเป็นสีหน้าของคนปกติ หลังจากที่ดึงลูกกู่ที่ควบคุมนางออกมาได้แล้ว นางก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม“ข้าไม่สามารถแพร่เชื้อโรคระบาดให้เจ้าได้ น่าเสียดายนัก”“นังบ้า” กู้หว่านเยว่ไม่เกรงใจนางอีกต่อไป ตบหน้าไปฉาดใหญ่ฟู่เยียนหรานต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าที่บวมแดงและกล่าวถาม “เจ้ากล้าตบข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า
แต่ก่อนจะถึงครานั้น พวกเขาต้องจัดการฟู่เยียนหรานก่อน“ทำให้นางมีความสุขสักหน่อย”ฟู่เยียนหรานมีความคิดเจ้าเล่ห์ ก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ผลลัพธ์ของการไว้ชีวิตนางแทบจะสร้างความเดือดร้อนให้ไม่น้อยครั้งนี้กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนอีกแน่นอน“พวกเจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ? ท่านพ่อของข้าคือหนานหยางอ๋อง หากท่านพ่อทรงทราบ เขาไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่!”ฟู่เยียนหรานคิดว่ากู้หว่านเยว่ไม่กล้าฆ่านางอย่างแน่นอน เพราะนางรู้ว่าหลังจากที่หนานหยางอ๋องหนีออกมาจากลั่วอันได้ ก็เข้ามาช่วยดูแลเจดีย์หนิงกู่อยู่ภายใต้การบัญชาของกู้หว่านเยว่เพียงแต่น่าเสียดายที่ฟู่เยียนหรานประเมินความเด็ดขาดของกู้หว่านเยว่ต่ำเกินไป ส่วนกู้หว่านเย่วไม่ใช่คนบ้าจี้จากการตัดสินของผู้อื่น “หนานหยางอ๋องมีบุตรีแบบนี้ ไม่สู้ไม่มีดีกว่า”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจจะลงมือเอง จึงสั่งให้องครักษ์จันทราสร้างความสุขให้นาง“กู้หว่านเยว่ หากเจ้ากล้าฆ่าข้า ท่านพ่อไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ อ๊าก.....นังแพศยา นังแพศยาอย่างเจ้าทำไมถึงมีแต่คนปกป้องเจ้า ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ต้องตกเป็นของเจ้า....”เสียงนั้นค่อย ๆ เบาลง กระทั่งหายไปในที่สุด กู้หว่านเยว่หยิบ
นี่มันของขวัญบ้าบออะไรกัน หากท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิงได้รับของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ เขาจะโมโหอย่างรุนแรงแค่ไหนกัน“จับพวกเขาไว้ ไม่ ฆ่าพวกเขาไปเลย รีบฆ่าพวกเขาสองคนเสีย!”เจ้าเมืองชิงซานตะโกนอย่างบ้าคลั่งตอนนี้หนทางรอดเดียวของเขา คือต้องจับตัวฆาตกรสองคนนี้มาให้ได้ แล้วนำศพของพวกเขาไปมอบให้ท่านแม่ทัพเหยลวี่เจิง บางทีอาจจะช่วยระงับความโกรธของแม่ทัพเหยลวี่เจิง และรักษาศีรษะของเขาไว้ได้“ท่านพี่ ไปกัน!”กู้หว่านเยว่แค่อยากยั่วโมโหเจ้าเมืองชิงซานสักหน่อย ไม่ได้อยากจะเผชิญหน้ากับเขาตรง ๆ นางยังต้องรีบไปที่เมืองอูถ่านเพื่อจัดการเหยลวี่เจิงอย่างไรเล่าซูจิ่งสิงได้รับคำสั่งจากนาง ปลายเท้าแตะพื้น โอบเอวบางของนางไว้ด้วยมือเดียว จากนั้นทะยานหายไปในความมืดมิด ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องของเจ้าเมืองชิงซานหลังจากที่ทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองชิงซานในทันที แต่กลับมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมืองก่อนตามความเคยชิน กู้หว่านเยว่จึงไปที่ห้องเก็บของเพื่อกวาดทรัพย์สินก่อน กวาดเอาของทุกอย่างในจวนเจ้าเมืองจนหมดเกลี้ยง จากนั้นจึงค่อยจากไปอย่างพึงพอใจเมื่อเจ้าเมืองชิงซานพบว่าบ้านของเขาถูกขโ
แม้จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกไปตอนที่หมดสติ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงแล้ว เหยลวี่หมิงก็เดาว่าตัวเองคงเผลอพูดอะไรบางอย่างที่ไม่ควรพูดออกไป“พวกเจ้าสองคนต่ำช้าเกินไปแล้ว!”“กลศึกสงคราม ย่อมมีการใช้กลอุบาย หากจะว่ากันด้วยเรื่องความต่ำช้า ใครจะไปเทียบพี่ใหญ่ของเจ้าได้?”กู้หว่านเยว่เบ้ปาก พวกเขาไม่เคยคิดจะไปเล่นสกปรกใส่เหยลวี่เจิงก่อนเลยสักครั้ง กลับกัน เหยลวี่เจิงต่างหากที่จ้องจะเล่นงานพวกเขาไม่ปล่อยพวกเขาแค่โต้กลับเท่านั้นเอง“พวกเจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป รอให้พี่ใหญ่ของข้าเจอพวกเจ้าเมื่อไร จะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าได้อยู่อย่างสงบสุขแน่!” เหยลวี่หมิงตวาดลั่น พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ทั้งสองคนด้วยสายตาอาฆาต“ถ้าไม่อยากถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้ารีบปล่อยข้าเดี๋ยวนี้...อ๊าก!”สำหรับคุณชายจอมเสเพลใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ซูจิ่งสิงไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย จัดการปลิดชีพเขาในทันที“สกปรกจริง ๆ โยนเขาออกไปจากมิติ”กู้หว่านเยว่ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ พลางลากศพของเหยลวี่หมิงออกไปจากมิติเวลานี้ เจ้าเมืองชิงซานกำลังนำทหารใต้บังคับบัญชาออกค้นหาทั่วโรงเตี๊ยมอย่างไร้จุดหมายคิ้วของ
“อะไรนะ?!”กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงต่างตกตะลึง ทั้งสองคนไม่คิดเลยว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงจะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง สวรรค์ จะให้ตื่นเต้นกันไปถึงไหน พวกเขาเสียแรงเปล่าแล้วหรือ?“พวกเขาถูกใครชิงตัวไป?”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนจะเป็นชายผมขาวคนหนึ่ง”เหยลวี่หมิงส่ายหัว กู้หว่านเยว่แสดงสีหน้างุนงง ชายผมขาว? ใต้หล้านี้มีคนผมขาวมากมายเหลือเกิน พวกเขาจะไปหาที่ไหน?แต่ขอแค่รู้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์และฟู่หลานเหิงปลอดภัย ทั้งสองคนก็วางใจลงได้บ้างแล้ว“พี่ใหญ่ของเจ้าวางกับดักอะไรไว้ที่เมืองอูถ่าน?”ถึงแม้ว่าซูจิ่นเอ๋อร์จะไม่ได้อยู่ในมือของเหยลวี่เจิง แต่หลังจากที่สองสามีภรรยาปรึกษากันแล้ว ก็ตัดสินใจว่าในเมื่อมาถึงทูเจวี๋ยแล้ว ก็ไม่ควรพลาดโอกาสที่จะไปเยือนเมืองอูถ่านสักครั้งอย่างแรก เพื่อกำจัดเหยลวี่เจิงซึ่งเป็นภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นนี้อย่างที่สอง กู้หว่านเยว่ตั้งใจจะพาสัตว์น้ำแข็ง ไปตามหาดอกน้ำแข็งนิล“พี่ใหญ่ได้ยาพิษชนิดหนึ่งมาจากหมอผี ได้ยินมาว่ายาพิษชนิดนั้นแค่ได้กลิ่น ถึงแม้จะเป็นยอดฝีมือผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ก็จะสูญเสียพลังทั้งหมดในชั่วพริบตานอกจากนี้ พี่ใหญ่ยังได้จ้างมือสังห
การคาดเดาเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การยืนยันให้แน่ชัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งใบหน้าของเหยลวี่หมิงแสดงความตกตะลึงอย่างมาก ในเมื่อคู่สามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า คือคนที่ทุบตีเขาที่ตลาดและเป็นคนที่วางเพลิงในเมืองสือโม่เมื่อคืนนี้ถ้าเช่นนั้น ตัวตนของพวกเขาก็คือเจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายาแห่งต้าฉีใช่หรือไม่?!“เจ้าเดาถูกแล้ว ข้าคือพระชายาเจิ้นเป่ยอ๋องจริง ๆ และคนที่อยู่ข้าง ๆ ข้า ก็คือเจิ้นเป่ยอ๋อง ศัตรูตัวฉกาจของพี่ชายเจ้า”กู้หว่านเยว่ยิ้มเล็กน้อย ช่วยไขข้อข้องใจให้เขาด้วยความใจดี ถึงอย่างไรเหยลวี่หมิงก็ต้องตายอยู่แล้ว กู้หว่านเยว่จึงไม่รังเกียจที่จะบอกความจริงกับเขาคราวนี้ เหยลวี่หมิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป“ซูจิ่งสิง กู้หว่านเยว่ เป็นพวกเจ้าจริง ๆ !”พระเจ้า ทั้งสองคนนี้เพิ่งจะมาที่แคว้นทูเจวี๋ย ก็ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้แล้วทันใดนั้น เขาเริ่มสงสัยว่าพี่ใหญ่วางกับดักล่อพวกเขามาที่นี่ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ หรือ?คงไม่ใช่การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านหรอกนะ?กู้หว่านเยว่ไม่ลังเลที่จะปล่อยหมัดใส่เหยลวี่หมิงอย่างไร้ความปรานี จนอีกฝ่ายตาพร่ามัวไปหมด“ข้าถามเจ้า ซูจิ่นเอ๋อร์และฟู
กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยความสงสัย เสี่ยวถ่านยิ้มอย่างขมขื่น“เรื่องนี้ค่อนข้างยาว พวกเราถูกคนใส่ร้าย เสด็จแม่ของข้า...นางถูกฆ่าตาย ข้าหนีรอดออกมาได้อย่างยากลำบาก”เมื่อพูดถึงเสด็จแม่ เสี่ยวถ่านขอบตาแดงก่ำพยายามฝืนเช็ดน้ำตา ไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมากู้หว่านเยว่นึกขึ้นได้ทันที ก่อนหน้านี้นางและซูจิ่งสิงได้ยินจากตอนที่อยู่ในห้องของเหยลวี่หมิงว่า เสด็จแม่ขององค์หญิงเก้าถูกไฟคลอกตายแล้วมีเพียงองค์หญิงเก้าเท่านั้นที่หนีรอดออกมาได้ฟังจากน้ำเสียงขององค์หญิงเก้าแล้ว เสด็จแม่ของนางน่าจะเป็นราชินีของกษัตริย์ทูเจวี๋ย ราชินีผู้สูงศักดิ์กลับถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์หญิงก็ถูกตามล่า พวกเขาทำผิดอะไรกันแน่?ถึงแม้ว่านางจะมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม ทหารข้างล่างกำลังจะล้อมพวกเขาขึ้นมาแล้ว“ไว้ค่อยอธิบายให้ข้าฟังทีหลัง ตอนนี้ เราต้องหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”กู้หว่านเยว่ใช้สันมือสับไปที่คอของเสี่ยวถ่าน จากนั้นก็โบกมือ เก็บนางเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ เราไปหาเหยลวี่หมิงกันเถอะ!”เหยลวี่หมิงอยากจะตามล่าพวกเขามิใช่หรือ เช่นนั้นพวกเขาก็จะสั่งสอนเขาสักหน่อย“ตกลง” ซูจิ่ง
เนื่องจากมีทหารลาดตระเวนอยู่ข้างนอกเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทั้งสามคนจึงรีบกลับไปที่ห้อง“กลางคืนเจ้านอนคนเดียว คงไม่กลัวหรอกนะ?”กู้หว่านเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ เสี่ยวถ่านหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น“ไม่ต้องห่วง ขะ ข้าเป็นลูกผู้ชาย ข้าไม่กลัวหรอก”“ถ้าเจ้าไม่กลัวก็ดีแล้ว กลางคืนเจ้านอนห้องข้าง ๆ พรุ่งนี้เช้าตอนเราออกเดินทาง ก็จะไปปลุกเจ้า”อาจเป็นเพราะถูกชะตากัน กู้หว่านเยว่มักจะมีความอดทนกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ“ทะ ท่านจะปลุกข้าจริง ๆ หรือ?”ดวงตาของเขาใสซื่อ มองกู้หว่านเยว่ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อยดูเหมือนเด็กคนนี้จะยังคงกังวลว่ากู้หว่านเยว่จะทิ้งเขาไป“ก็ไม่แน่ บางทีตอนดึกข้าอาจจะปลุกเจ้าก็ได้”คืนนี้ นางมีเรื่องใหญ่ที่ต้องลงมือทำ“เช่นนั้นข้าไปนอนก่อนแล้ว” เสี่ยวถ่านเชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะไม่หลอกเขาหลังจากมองเสี่ยวถ่านเข้าไปในห้องแล้ว กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ทั้งสองคนหลับตาทำเป็นงีบหลับ แต่จริง ๆ แล้วกำลังรอให้ฟ้ามืดเมื่อยามค่ำคืนมาเยือน ข้างนอกก็เริ่มเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม“ใครก็ได้
เหยลวี่หมิงหัวเราะเสียงดังลั่น กู้หว่านเยว่หน้ามืด ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องของตัวเองดังขึ้น จึงรีบพาซูจิ่งสิงกลับไปที่ห้องพัก ทั้งสองคนออกมาจากมิติ ก็ได้ยินเสียงของเสี่ยวถ่านดังมาจากข้างนอก“พี่หญิงกู้ ข้าอาบน้ำเสร็จแล้ว”ที่แท้ก็เป็นเสี่ยวถ่านอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงมาหาพวกเขากู้หว่านเยว่เปิดประตู สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือ เสี่ยวถ่านที่อาบน้ำเสร็จแล้ว กลับดูหน้าตาสะอาดสะอ้านและงดงามเกินคาด“เจ้าดูเหมือนเด็กผู้หญิงนะ”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้นมาลอย ๆ สีหน้าของเสี่ยวถ่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเขาเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าตัวเอง “จริงหรือ?”เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาด้วยความประหม่า “พี่หญิงกู้ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ต่อไปข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านอย่างแน่นอน”“เจ้าโตก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าในตอนนี้ แค่ชายร่างกำยำต่อยหมัดเดียว เจ้าก็ตายได้แล้ว”กู้หว่านเยว่หลุดหัวเราะ เด็กคนนี้รู้จักตอบแทนบุญคุณจริง ๆ เห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว ถึงเวลาอาหารเย็น กู้หว่านเยว่จึงลากเสี่ยวถ่านไปกินข้าวข้างล่างข้างล่างมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองสือโม่ ก็
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ ทำให้ท่านเจ้าเมืองสะดุ้งตกใจ อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างรีบร้อน แล้วจากไปพร้อมกับเหงื่อท่วมตัวเห็นได้ชัดว่า เขาหวาดกลัวเหยลวี่หมิงมากและความหวาดกลัวเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะเห็นแก่เหยลวี่เจิง“คุณชาย กระดูกมือของท่านต่อเรียบร้อยแล้วขอรับ”เหยลวี่หมิงลองขยับแขนอีกครั้ง ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง เจ็บเสียจนเขาต้องกัดฟันกรอด“คุณชาย ถึงแม้ว่ากระดูกแขนของท่านจะต่อติดกันแล้ว แต่ภายในครึ่งเดือนห้ามขยับตัวมากเกินไป ต้องรอจนกว่าเฝือกจะเข้าที่เรียบร้อยแล้วจึงจะถอดออกได้”หมอต่อกระดูกเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เขาสาบานว่านี่เป็นงานที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเคยรับมาทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว เขาก็รู้สึกเจ็บคอขึ้นมาทันที ตามมาด้วยเลือดจำนวนมากที่ไหลทะลักออกมาจนบดบังดวงตาของเขาเหยลวี่หมิงฆ่าเขาโดยตรง!ไม่ใช่แค่หมอต่อกระดูกที่ล้มลงกับพื้น ดวงตาเบิกโพลงแม้แต่กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่อยู่ในมิติก็ยังไม่ทันตั้งตัว“บ้าเอ๊ย เหยลวี่หมิงผู้นี้ไม่เห็นค่าของชีวิตคนเกินไปแล้ว!”กู้หว่านเยว่อดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลง เมื่อครู่นี้นางและซูจิ่งสิงซ่อนตัวอยู่ในมิติ เห็น
ปรากฏว่าทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนาของเหยลวี่หมิงดังขยายออกมาจากในห้องทั้งสองคน ‘ยิ่งเกลียดยิ่งเจอจริง ๆ สินะ’ครั้นเสี่ยวเอ้อร์เห็นสองคนมีท่าทีแข็งทื่อ ก็รีบกล่าวขึ้นมา “มิต้องแปลกใจขอรับ คนที่อยู่ห้องตรงข้ามกำลังจัดกระดูก อาจารย์ด้านกระดูกกำลังจัดกระดูกให้เขา เสียงร้องจึงดังไปสักหน่อย หากท่านทั้งสองไม่สบายใจ ข้าเปลี่ยนห้องให้พวกท่านได้ขอรับ”“ไม่ต้อง”อยู่ในโรงเตี๊ยมเดียวกับเหยลวี่หมิง นับว่าโชคร้ายไปสักหน่อยแต่ครั้นกู้หว่านเยว่ได้คิดไตร่ตรองแล้ว พวกเขาสามารถเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของเหยลวี่หมิงได้ตลอดเวลา หากมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล พวกเขาจะได้ไหวตัวทันในทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกอย่างไม่แน่ว่าทั้งสองคนอาจจะได้ยินข่าวคราวของซูจิ่นเอ๋อร์จากปากของเหยลวี่หมิงก็ได้“ไม่ต้องวุ่นวาย เราพักในห้องนี้ได้”สองสามีภรรยาส่งสายตากันและกันจนเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย ซูจิ่งสิงโบกมือเล็กน้อยส่งให้เด็กในโรงเตี๊ยมออกไปหลังจากที่กู้หว่านเยว่เข้ามาในห้องก็ทำการสำรวจหนึ่งรอบ จึงได้เห็นเสี่ยวถ่านที่เดินตามเข้ามา“ข้าเปิดไว้สองห้อง เจ้าไปพักห้องที่อยู่ถัดไป