“อ๊าก ช่วยด้วย!”หนูตัวนั้นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก ทั้งยังปีนป่ายขึ้นมาบนตัวของนาง ซูจิ่นเอ๋อร์ตื่นตกใจจนร้องกรีด สีหน้าซีดเผือด“หนูสกปรก ออกไปเดี๋ยวนี้!” หนูตัวนี้มีขนสีเขียวหม่นทั้งตัว ดวงตาสีแดงเลือด มองยังไงก็ดูแปลกประหลาดไม่เพียงแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ตื่นตกใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจมากเช่นกันทั้งสองคนรู้ว่าอุจจาระของหนูตัวนั้นทำให้หนูติดโรคระบาดจะให้ซูจิ่นเอ๋อร์โดนมันกัดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นซูจิ่นเอ๋อร์ก็อาจจะติดเชื้ออย่างไม่อาจหนีพ้น“ซูจิ่นเอ๋อร์ อย่าแตะต้องมัน!”เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้น จากนั้นฟู่หลานเหิงก็พุ่งออกมาจากความมืด จับหนูที่เกาะอยู่บนหน้าอกของซูจิ่นเอ๋อร์ออกอย่างไม่ลังเลเหตุการณ์เพียงสั้น ๆ ได้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทั้งตัวของนางทรุดลงไปนั่งบนพื้นเด็กผู้หญิงมักจะกลัวหนูอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหนูที่มีขนสีเขียวทั้งตัวและเป็นโรคระบาดมือและเท้าของนางเย็นเยือก สายตาที่มองไปทางฟู่หลานเหิงฉายแววสับสนฟู่หลานเหิงทำให้นางตกใจ จากนั้นก็เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”ส่วนองครักษ์จันทราที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
ฟู่หลานเหิงค่อย ๆ สงบลง “ข้าถูกหนูที่ติดเชื้อกัด ข้าต้องติดโรคระบาดอย่างแน่นอน พวกเจ้าห้ามเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด ทางที่ดีควรพาข้าออกไปกักตัวนอกเมือง”หนูที่ติดเชื้อมีนิสัยดุร้าย ฟู่หลานเหิงต้องคำนึงถึงชาวบ้านเป็นหลักยิ่งไปกว่านั้นทางราชสำนักได้จับตาดูอย่างเคร่งครัด หากมีโรคระบาดแพร่กระจาย เช่นนี้ไม่เป็นการแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มศึกอย่างนั้นหรือ?ซูจิ่นเอ๋อร์จะได้ไหวหรือ?นางร้องไห้พลางส่ายหน้า “ไม่เอา หนูที่ติดเชื้อน่ากลัวมาก หากไม่ระวังอาจจะคร่าชีวิตได้ การส่งท่านไปนอกเมือง ไม่เป็นการปล่อยให้ท่านรอความตายอยู่เพียงลำพังหรอกหรือ?”นางปาดน้ำตา “ใต้เท้าฟู่ ข้ารู้ว่าท่านไม่สนใจข้า แต่เพื่อช่วยข้า ท่านจึงต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้ หากท่านตาย ข้าก็จะขอตายไปพร้อมท่านด้วยเจ้าค่ะ”ซูจิ่งสิงเมินหน้าไปทางอื่น ทำเป็นมองไม่เห็น“ตายด้วยกัน ชีวิตเจ้าอาภัพนักหรือถึงได้อยากตายเช่นนี้!” กู้หว่านเยว่ดีดหน้าผากของนาง จากนั้นก็หันไปกล่าวกับฟู่หลานเหิง“เจ้าสองคนลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นหมอ กว่าโรคระบาดจะแสดงอาการต้องใช้เวลา ท่านเพิ่งโดนหนูกัดไม่นาน แม้ว่าจะติดเชื้อแล้ว บัดนี้มันก็ยังอยู่ในช่วงฟักตัว ไม่
ฟู่เยียนหรานยังอยากปิดบัง แต่เมื่อเห็นว่าหน้ากากถูกกระชากออกมาแล้ว จึงไม่สนใจอะไรอีก“กู้หว่านเยว่ เจ้าก็รู้ว่าข้าอยากฆ่าเจ้าขนาดไหน ทำไมสวรรค์มักจะช่วยเจ้าอยู่เรื่อย?!”สายตาของนางฉายแววดุดัน “เดิมทีข้าคือฮองเฮา คือมารดาแห่งใต้หล้า เจ้า ทำลายข้า!”เจ้าฆ่ามู่หรงอวี้ เจ้าฆ่าเขา!เจ้าสมควรตาย เจ้าแย่งทุกอย่างไปจากข้า!”ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ จู่ ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์อีกครั้ง กรีดร้องเสียงดังใส่ประตูห้องขัง ออกแรงทุบประตูไม่ยั้งกู้หว่านเยว่หรี่ตาลง “เจ้าเคยเจอเถาเอ๋อร์แล้วสินะ?”นอกจากนางแล้ว มีเพียงเถาเอ๋อร์ที่รู้ว่าฟู่เยียนหรานคือฮองเฮาตามต้นฉบับเดิมท่าทางเถาเอ๋อร์จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เยียนหรานฟังแล้ว“น้องหญิงระวัง กำลังวังชาของนางไม่ธรรมดา” ซูจิ่งสิงโพล่งออกมาท่าทางของเถาเอ๋อร์ในตอนนี้ บ้าคลั่งเกินจะพรรณนา“นางคงจะถูกใครควบคุมอยู่”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะมาถึง นางได้ส่งคนไปรายงานหวงเหล่าแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้เขากับปรมาจารย์แพทย์เป็นหมอการกุศลให้ชาวบ้านอยู่ที่เมืองอวี้พอดี“ลากนางออกมาจากคุกเดี๋ยวนี้”ชิงเหลียนมัดมือของเถาเอ๋อร์ไว้ แล้วนั่งรถม้าไปหาหวงเหล่าด้วยกันทันทีท
“ถูกต้อง” หวงเหล่าส่งสายตาที่กำลังบอกว่า ‘เด็กคนนี้ชักจะรู้มากเกินไป’ ให้นางกู้หว่านเยว่จึงกล่าวถาม “แล้วข้าจะหาเจ้าของตัวกู่ผู้นี้เจอได้อย่างไร?”ลูกกู่และแม่กู่คือสายเลือดเดียวกัน ลูกกู่ถูกควบคุมโดยแม่กู่ หากพบเจอกับอันตราย มันจะบินกลับไปหาแม่กู่ ให้แม่กู่ช่วยปกป้องมัน ตราบใดที่จับลูกกู่ได้ ก็จะสามารถตามหาแม่กู่ได้” หวงเหล่ากล่าว“แต่ทว่าพวกเจ้าต้องระวังตัว ลูกกู่ตัวนี้ดุร้ายมาก อาจจะถือโอกาสที่พวกเจ้าไม่ทันสังเกตแทรกตัวเข้าไปในร่างกายของพวกเจ้าผ่านรูทวารทั้งเจ็ด ทำเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมัน”สิ่งที่หวงเหล่าพูดทำให้พวกเขาถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัวกู้หว่านเยว่ยังคงถามต่อ “ในเมื่อลูกกู่ตัวนี้อยู่ในร่างกายนาง หวงเหล่าคงจะมีวิธีเอาลูกกู่ออกมาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ฟู่เยียนหรานก่อกรรมทำชั่วมากมาย กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเก็บนางไว้เพียงเพราะตัวกู่แน่นอนหากสามารถเอาลูกกู่ออกมาจากตัวนางได้ก็จะสามารถตามหาเจ้าของแม่กู่เจอได้เช่นกัน“มียาประเภทหนึ่ง สามารถบีบให้ตัวกู่ออกมาจากร่างกายที่มันอาศัยอยู่ได้”หวงเหล่ายังคงลูบเครา ก่อนจะคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “บังเอิญว่าข้ามียาชนิด
“ได้” ซูจิ่งสิงไม่ปฏิเสธ กู้หว่านเยว่พาคนวาบเข้าไปในหอแห่งโอสถ ฟู่เยียนหรานกำลังอยู่ในอาการสลบไสล นางถูกวางลงบนเตียงในห้องทดลองครั้นนึกถึงเรื่องที่หวงเหล่าเคยเตือนพวกเขา หลังจากที่ตัวกู่บินออกมาแล้ว มันจะออกตามหาสถานที่ที่ปลอดภัย ด้วยการบินเข้าไปในร่างกายของคนทันทีกู้หว่านเยว่ตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวกู่บินเข้ามาในร่างกายของพวกเขา ไม่เช่นนั้นคงเลวร้ายไม่น้อยในขณะที่กำลังวิเคราะห์ส่วนประกอบของตัวยาอยู่ในห้องทดลองนั้น กู้หว่านเยว่ได้หยิบชุดป้องกันสองชุดออกมา ให้ซูจิ่งสิงและตัวเองใส่“การสวมหมวกกันน็อกจะช่วยปกป้องจมูกและตาได้ ต่อให้ตัวกู่จะมีขนาดเล็กมาก ก็ไม่สามารถบินเข้ามาในร่างกายของพวกเราได้”“ดี” ซูจิ่งสิงนั้นว่องไวมาก ไม่นานก็ใส่ชุดป้องกันเรียบร้อยเขาเคยเข้ามาในหอแห่งโอสถครั้งหนึ่ง เวลานี้จึงไม่ได้ดูแปลกตากับสิ่งของที่อยู่ข้างในนัก เขารู้ว่าภายในหอแห่งโอสถแห่งนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่รู้จักอีกมากมายแต่ครั้นเห็นว่าภายในห้องทดลองยังมียาที่หวงเหล่ามอบให้นางอีกหลายขวด ก็พลันตกใจไม่น้อย“ทำไมถึงได้มียามากมายขนาดนี้? ข้าจำได้ว่าหวงเ
ในขณะเดียวกับที่นางเอ่ยนั้น ซูจิ่งสิงได้ลอยตัวออกไป ตวัดขวดแก้วใส่แมลงตัวนั้น แล้วจับมันขังไว้ข้างใน“ดูสิ”กู้หว่านเยว่จ้องเขม็ง เห็นได้ชัดว่ากู่ตัวนี้กำลังตื่นตกใจ พยายามบินวนไปมาอยู่ในขวดแก้ว“ลูกกู่ได้รับอันตราย มันกำลังตามหาแม่กู่”ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของกู้หว่านเยว่ จะหาคนที่ใช้กู่ควบคุมฟู่เยียนหลานผ่านลูกกู่ได้ไหมนะ?เมื่อเห็นกู้เยียนหรานมีท่าทีจะตื่นหลังจากที่ดึงตัวกู่ออกมาจากร่างกาย กู้หว่านเยว่ก็รีบวางเรื่องนี้ลง จากนั้นก็โบกมือพาทั้งสามคนออกจากห้วงมิติ“ที่นี่ที่ไหน? ฟู่เยียนหรานตื่นขึ้นมาในทันที“กู้ กู้หว่านเยว่นังสารเลว ....” ครั้นเทียบกับความบ้าคลั่งก่อนหน้านั้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่สิถึงจะเป็นสีหน้าของคนปกติ หลังจากที่ดึงลูกกู่ที่ควบคุมนางออกมาได้แล้ว นางก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม“ข้าไม่สามารถแพร่เชื้อโรคระบาดให้เจ้าได้ น่าเสียดายนัก”“นังบ้า” กู้หว่านเยว่ไม่เกรงใจนางอีกต่อไป ตบหน้าไปฉาดใหญ่ฟู่เยียนหรานต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าที่บวมแดงและกล่าวถาม “เจ้ากล้าตบข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า
แต่ก่อนจะถึงครานั้น พวกเขาต้องจัดการฟู่เยียนหรานก่อน“ทำให้นางมีความสุขสักหน่อย”ฟู่เยียนหรานมีความคิดเจ้าเล่ห์ ก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ผลลัพธ์ของการไว้ชีวิตนางแทบจะสร้างความเดือดร้อนให้ไม่น้อยครั้งนี้กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนอีกแน่นอน“พวกเจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ? ท่านพ่อของข้าคือหนานหยางอ๋อง หากท่านพ่อทรงทราบ เขาไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่!”ฟู่เยียนหรานคิดว่ากู้หว่านเยว่ไม่กล้าฆ่านางอย่างแน่นอน เพราะนางรู้ว่าหลังจากที่หนานหยางอ๋องหนีออกมาจากลั่วอันได้ ก็เข้ามาช่วยดูแลเจดีย์หนิงกู่อยู่ภายใต้การบัญชาของกู้หว่านเยว่เพียงแต่น่าเสียดายที่ฟู่เยียนหรานประเมินความเด็ดขาดของกู้หว่านเยว่ต่ำเกินไป ส่วนกู้หว่านเย่วไม่ใช่คนบ้าจี้จากการตัดสินของผู้อื่น “หนานหยางอ๋องมีบุตรีแบบนี้ ไม่สู้ไม่มีดีกว่า”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจจะลงมือเอง จึงสั่งให้องครักษ์จันทราสร้างความสุขให้นาง“กู้หว่านเยว่ หากเจ้ากล้าฆ่าข้า ท่านพ่อไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ อ๊าก.....นังแพศยา นังแพศยาอย่างเจ้าทำไมถึงมีแต่คนปกป้องเจ้า ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ต้องตกเป็นของเจ้า....”เสียงนั้นค่อย ๆ เบาลง กระทั่งหายไปในที่สุด กู้หว่านเยว่หยิบ
“เจ้าอยากให้สามีของเจ้ามาเข้าฝันสินะ” หวงเหล่ายิ้มเยาะอย่างอดไม่ได้ “เกรงว่าเขาจะไม่อยากพบเจ้านะสิ”“ท่านพูดเหลว!” เทียนอวี๋พรวดลุกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็โต้เถียงอย่างสุดกำลัง “สามีของข้าไม่มีทางไม่คิดถึงข้า!”สามีผู้ล่วงลับของนางคือคนที่นางรักที่สุดในโลก เมื่อครั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาดูแลนางอย่างดี“หากไม่ใช่เพราะคนชั่วช้าสามานย์เหล่านั้น สามีและข้าบัดนี้คงได้รักกันอย่างมีความสุขไปแล้ว” นัยน์ตาของเทียนอวี๋แฝงไปด้วยความโหยหา บุรุษที่นางรักเพียงนี้ จะปฏิเสธที่จะได้เจอนางในห้วงความฝันได้อย่างไร?หวงเหล่าไม่เคยเอ่ยในสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ หากพูดแล้ว ก็แสดงว่าเรื่องนั้นต้องมีการพิสูจน์แล้ว“เจ้าอยากให้สามีมาเข้าฝัน เช่นนั้นข้าถามเจ้าหน่อย ที่เจ้าตามแก้แค้นให้สามีของเจ้ามาหลายปี สามีของเจ้าเคยเข้าฝันเจ้าสักครั้งหรือไม่?”เทียนอวี๋ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก็ไม่เคย นางถึงได้มาขความช่วยเหลือหวงเหล่าอย่างไรเล่า“มือของเจ้าเปื้อนเลือด ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วน เจ้าและสามีของเจ้าต้องได้รับผลกรรม เกรงว่าคงจะทุกข์ทรมานอยู่ในยมโลก”“ท่านพูดเหลวไหล!” เทียนอวี๋ส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับเป็นกังวล
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง