“เจ้าอยากให้สามีของเจ้ามาเข้าฝันสินะ” หวงเหล่ายิ้มเยาะอย่างอดไม่ได้ “เกรงว่าเขาจะไม่อยากพบเจ้านะสิ”“ท่านพูดเหลว!” เทียนอวี๋พรวดลุกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็โต้เถียงอย่างสุดกำลัง “สามีของข้าไม่มีทางไม่คิดถึงข้า!”สามีผู้ล่วงลับของนางคือคนที่นางรักที่สุดในโลก เมื่อครั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาดูแลนางอย่างดี“หากไม่ใช่เพราะคนชั่วช้าสามานย์เหล่านั้น สามีและข้าบัดนี้คงได้รักกันอย่างมีความสุขไปแล้ว” นัยน์ตาของเทียนอวี๋แฝงไปด้วยความโหยหา บุรุษที่นางรักเพียงนี้ จะปฏิเสธที่จะได้เจอนางในห้วงความฝันได้อย่างไร?หวงเหล่าไม่เคยเอ่ยในสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ หากพูดแล้ว ก็แสดงว่าเรื่องนั้นต้องมีการพิสูจน์แล้ว“เจ้าอยากให้สามีมาเข้าฝัน เช่นนั้นข้าถามเจ้าหน่อย ที่เจ้าตามแก้แค้นให้สามีของเจ้ามาหลายปี สามีของเจ้าเคยเข้าฝันเจ้าสักครั้งหรือไม่?”เทียนอวี๋ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก็ไม่เคย นางถึงได้มาขความช่วยเหลือหวงเหล่าอย่างไรเล่า“มือของเจ้าเปื้อนเลือด ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วน เจ้าและสามีของเจ้าต้องได้รับผลกรรม เกรงว่าคงจะทุกข์ทรมานอยู่ในยมโลก”“ท่านพูดเหลวไหล!” เทียนอวี๋ส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับเป็นกังวล
“หวงเหล่า ท่านอยู่ข้างในหรือไม่?”ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบนางก็ยกเท้าถีบประตูอย่างแรง ผลปรากฏว่าทันทีที่เข้าไป นางได้เจอเข้ากับเงาในชุดคลุมยาวสีขาวกำลังพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างพอดี และหายตัวไปในความมืดกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงหน้าถอดสีลง เวลานี้สองสามีภรรยามั่นใจแล้วว่าเงาในชุดขาวนั้นคือสตรีลึกลับที่พวกเขาเคยปะทะกันเมื่อครั้งอยู่ในเขตซีเป่ยวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายนั้นคุ้นมาก พวกเขามองออกตั้งแต่แวบแรกเพียงแต่คาดไม่ถึงว่าสตรีลึกลับผู้นี้จะระแวดระวังตัว ในขณะเดียวกับที่พวกเขาเข้ามาในห้อง นางก็ไหวตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว“ข้าจะตามสตรีผู้นั้นไป เจ้าอยู่ดูหวงเหล่าละกัน”ซูจิ่งสิงเปิดหน้าต่างและไล่ตามไป กู้หว่านเยว่เดินมาตรงหน้าของหวงเหล่า เห็นเลือดสดไหลออกมาจากคอของเขา ก็รู้ทันทีว่าเขาเพิ่งถูกบีบบังคับ นางจึงรีบปรี่เข้าไปถามเขา“หวงเหล่าท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? นอกจากบาดแผลตรงคอแล้ว สตรีผู้นั้นทำอะไรท่านอีกหรือไม่?”ไม่แปลกใจที่กู้หว่านเยว่จะถามเช่นนี้ เพราะฝีมือของสตรีลึกลับผู้นั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังมีวิชาหุ่นเชิดและวิชากู่ ยากจะรับมือได้อาจารย์หวงเหล่าคือผู้อาวุโสที่นางให้ความเคารพมาก ก่อนหน้
ปรมาจารย์แพทย์เหลือบมองกู้หว่านเยว่ด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเด็กบ้า เจ้าอย่าคิดมากเกินไป พวกข้าทั้งสองบริสุทธิ์ใจต่อกัน”ปรมาจารย์แพทย์จมอยู่ในห้วงความทรงจำ ครั้งนั้นเมื่อยังเยาว์วัย ทั้งสองมีรสนิยมตรงกัน และยังตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกันอีกด้วยทว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้ครองคู่กับหญิงสาวผู้นั้น นางแต่งงานกับชายอื่นและให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน หลังจากที่สามีภรรยาถูกศัตรูฆ่าตาย บุตรสาวก็ถูกฝากฝังให้พวกเขาทั้งสองเลี้ยงดู“เด็กคนนั้นก็คือเทียนอวี๋ อ้อ และก็คือหญิงสาวลึกลับที่เจ้าพูดถึงนั่นแหละ ชื่อเทียนอวี๋นี้ข้าเป็นคนตั้งให้เอง”ปรมาจารย์แพทย์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ สมัยนั้นเขายังรักสนุก ไม่ได้ใส่ใจเด็กคนนี้มากนัก ปล่อยให้หวงเหล่าเป็นคนเลี้ยงดูเสียส่วนใหญ่เมื่อได้ยินดังนั้น กู้หว่านเยว่ก็เข้าใจในทันที “กล่าวคือ แท้จริงแล้วพวกท่านทั้งสองเป็นพ่อบุญธรรมของหญิงสาวลึกลับคนนั้นหรือ?”เมื่อเห็นทั้งสองคนพยักหน้า นางก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ “ถ้าเช่นนั้น เทียนอวี๋ก็น่าจะเคารพท่านทั้งสองมากสิ เพราะอย่างไรเสียก็มีบุญคุณเลี้ยงดูมา”แต่เมื่อครู่ตอนที่นางบุกเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเทียนอวี๋เอาดาบจ่อที่คอข
“รักกันอย่างลึกซึ้งใช้บรรยายถึงสามีภรรยา แต่เท่าที่ข้ารู้ หนานหลีอ๋องไม่เคยแต่งภรรยาหรือมีอนุภรรยา”เรื่องนี้ นางสอบถามกงซุนหงเป็นการเฉพาะในครอบครัวของหนานหลีอ๋อง นอกจากน้องสาวคนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีสตรีอื่นใดอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภรรยาหรืออนุภรรยาได้ยินมาว่า แม้แต่คนรับใช้ใกล้ชิดเขาก็ล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร ข้าคือภรรยาของท่านอ๋อง” บนใบหน้าของเทียนอวี๋แสดงความเขินอายออกมา“คืนนั้น ข้าและท่านอ๋องมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันแล้ว”พวกเขาแค่ยังไม่ทันได้ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็เท่านั้น หากท่านอ๋องไม่ตาย ต้องรับผิดชอบนางอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเขาคงเป็นสามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกัน“ฮ่า ๆ ๆ ” ปรมาจารย์แพทย์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา เจ้าหมายถึงเจ้าขโมยยาปลุกกำหนัดของข้าไปงั้นหรือ?”บ้าจริง วางยา?กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงสบตากัน ทั้งสองคนสามีภรรยารู้สึกได้ว่าตอนนี้กำลังจะได้รู้ความลับอันน่าตกใจแล้วอืม ไม่รีบร้อน ค่อย ๆ ฟังไป“ไม่ ข้าไม่ได้...” เทียนอวี๋ยังปากแข็ง “ต่อให้ไม่มียาปลุกกำหนัด ท่านอ๋องก็จะ...”เพียงแต่เสียงกลับค่อย ๆ เบาลง หวงเหล่า
คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร ทุกคนยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจก็พบว่าปรมาจารย์แพทย์กำลังมองเทียนอวี๋ด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความหมาย ส่วนเทียนอวี๋ก็รู้สึกหวาดหวั่นเป็นระยะ ๆ กู้หว่านเยว่นึกขึ้นมาได้ทันทีว่ากงซุนหงเคยบอกว่า เดิมทีฮ่องเต้ไม่รู้จักหนานหลีม่านมีคนนำภาพวาดของหนานหลีม่านไปให้ฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น“ภาพวาดของหนานหลีม่าน เจ้าเป็นคนเอาไปให้ฮ่องเต้หรือ?!”กู้หว่านเยว่เกิดความคิดขึ้นมา จ้องมองไปยังเทียนอวี๋ เทียนอวี๋สายตาหลุกหลิก ยิ่งเป็นการยืนยันความคิดนี้ดูเหมือนว่านางจะเดาไม่ผิด ภาพวาดนั้นเป็นฝีมือของเทียนอวี๋จริง ๆ ที่นำไปมอบให้ฮ่องเต้“เพื่อที่จะแยกหนานหลีอ๋องและหนานหลีม่านผลสุดท้าย กลับทำให้คนที่เจ้ารักต้องตาย”เวลานี้ กู้หว่านเยว่ได้รู้ความจริงทั้งหมดของเรื่องราวแล้ว “ความอวดฉลาดของเจ้า เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมทั้งหมด”“ไม่ ไม่ ไม่ใช่! ข้าแค่อยากให้หนานหลีม่านไปจากท่านอ๋อง เมื่อเป็นเช่นนี้ ในสายตาของท่านอ๋องก็จะไม่มองเห็นนางเพียงคนเดียว” เทียนอวี๋ส่ายหน้าสีหน้าของนางราวกับว่าคนทั้งโลกไม่เข้าใจนาง “ข้าไม่ได้อยากทำร้ายใคร แค่อยากได้รับความรักจากท่า
“ไม่ ไม่!”เทียนอวี๋ตัวสั่น ทันใดนั้นก็กระอักเลือดสีดำออกมา“ไม่ ข้าไม่ได้...”ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ตั้งแต่วินาทีที่นำภาพวาดนั้นออกมา นางก็ไม่มีทางถอยกลับแล้ว หลังจากที่หนานหลีอ๋องเสียชีวิต สิ่งที่นางทำมาตลอดหลายปีนี้ ก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น จนถึงตอนนี้ นางก็เป็นเพียงหญิงสาวที่รักเขาข้างเดียวเท่านั้นหวงเหล่าหันไปมองกู้หว่านเยว่ “แม่นางกู้ ข้าขอร้องเจ้าสักเรื่องได้หรือไม่”กู้หว่านเยว่เหลือบมองเทียนอวี๋ พอจะเดาได้ว่าเขาต้องการขออะไร“ชีวิตของเทียนอวี๋ เหลือน้อยเต็มทีแล้ว”นางเลี้ยงหนอนกู่ ฝึกฝนคาถาหุ่นเชิด สิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลสะท้อนกลับ“ข้าเลี้ยงดูนางมา อยากพานางกลับไปที่เขาไท่ไป๋”หวงเหล่าเคยสัญญากับแม่ของนางว่า จะเลี้ยงดูเทียนอวี๋เป็นอย่างดีคงเป็นเพราะนางเหมือนมารดาของนางมากเกินไป ทั้งสองล้วนเป็นคนที่มีนิสัยคลั่งไคล้ผู้ชายกู้หว่านเยว่เหลือบมองเทียนอวี๋แวบหนึ่ง ในเมื่อเรื่องกาฬโรคไม่ใช่ฝีมือของเทียนอวี๋ และเทียนอวี๋ก็ใกล้เสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นนางก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าให้สิ้นซากมิสู้ทำตามสถานการณ์ สร้างไมตรีกับหวงเหล่าดีกว่า“ตกลง ข้ารับปากท่าน”หากไม่ให้หวง
หร่านถิงตัวสั่นทันที “มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด คุยกันดี ๆ ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบ ยังไม่ได้แต่งภรรยา ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร”“ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร แต่ก็ทำตัวน่าตายก่อนวัยอันควร?”“...จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด ท่านแม่ที่ป่วย ท่านพ่อติดการพนัน แล้วยังมีน้องชายที่กำลังเรียนหนังสือ”“หยุด!” กู้หว่านเยว่โยนพิณไปตรงหน้าเขา“เล่นให้ข้าฟังสักเพลง”หร่านถิงหยิบพิณขึ้นมาอย่างว่าง่าย การเล่นพิณเป็นงานถนัดของเขา เสียงพิณที่ไพเราะอ่อนหวานดังขึ้นมาอย่างไหลลื่นจากปลายนิ้วของเขากู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง พบว่าเหมือนกับคืนนั้น เสียงพิณของหร่านถิงมีเสน่ห์ดึงดูดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวันนางยกมือขึ้น “เจ้าชื่ออะไร?”“หร่านถิงขอรับ” เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว หร่านถิงรีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยชื่อหร่านถิงจริง ๆ แต่ไม่ใช่พ่อค้าจากทางใต้ ข้าน้อยเป็นนักดนตรีที่หอคณิกา”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายพูดความจริง นางก็จะไม่ทำให้ลำบากใจ“เถาเอ๋อร์ให้เจ้ามาทำอะไร”“ยั่วยวนท่าน” หร่านถิงส่งสายตาเจ้าชู้ “แต่พอได้เห็นท่านแวบแรก ข้าก็ตกหลุมรักท่านอย่างหมดหัวใจ”“พูดภาษา
หงเจายื่นน้ำเต้าหู้ให้กู้หว่านเยว่ พลางกัดเขี้ยวเล็ก ๆ “ลากเขาออกไปให้หมากิน”“เหตุใดเจ้าถึงเกลียดเขามากขนาดนั้น?” ปกติแล้วสาวน้อยผู้นี้เป็นคนอ่อนโยนหงเจาหน้าแดง “บ่าวแค่เกลียดผู้ชายเลว หลอกลวงความรู้สึก สมควรโดนหั่นเป็นชิ้น ๆ ”คืนนั้นนางก็ได้ยินเสียงพิณเช่นกัน ไพเราะมาก แต่น่าเสียดายที่เป็นของคนหลอกลวง! ซวยชะมัด!หร่านถิงยิ่งรู้สึกผิด กู้หว่านเยว่หมุนแก้วในมือ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม“เสียงพิณของเจ้า ไม่ได้ผลกับข้าแต่ได้ผลกับคนอื่น”หร่านถิงตาเป็นประกาย “ขอรับคำสั่งจากฮูหยิน”“เป็นคนฉลาด”กู้หว่านเยว่พอใจกับความเข้าใจของหร่านถิงมาก ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองน้ำลาย“ไม่ต้องรีบ สองวันนี้เจ้าอยู่ข้าง ๆ ข้าก่อน”“ฮูหยินวางใจ” หร่านถิงลังเลครู่หนึ่ง ดูเหมือนมีเรื่องจะพูด“ข้าอยากขอร้องฮูหยิน...”“ฮูหยิน หวงเหล่ามาแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินฉู่เฟิงเข้ามารายงาน บอกว่าหวงเหล่าพาเทียนอวี๋มาลา กู้หว่านเยว่จึงรีบออกไปต้อนรับ หร่านถิงจึงทำได้เพียงปิดปากเงียบ“ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี”ซูจิ่งสิงเหลือบมองหร่านถิงด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เต็มไปด้วยคำเตือนนั้น ทำให้หร่านถิงตัวสั่นเทา“น้องหญิ
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก