หร่านถิงตัวสั่นทันที “มีอะไรก็ค่อย ๆ พูด คุยกันดี ๆ ปีนี้ข้าเพิ่งอายุยี่สิบ ยังไม่ได้แต่งภรรยา ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร”“ไม่อยากตายก่อนวัยอันควร แต่ก็ทำตัวน่าตายก่อนวัยอันควร?”“...จำเป็นต้องทำเพื่อความอยู่รอด ท่านแม่ที่ป่วย ท่านพ่อติดการพนัน แล้วยังมีน้องชายที่กำลังเรียนหนังสือ”“หยุด!” กู้หว่านเยว่โยนพิณไปตรงหน้าเขา“เล่นให้ข้าฟังสักเพลง”หร่านถิงหยิบพิณขึ้นมาอย่างว่าง่าย การเล่นพิณเป็นงานถนัดของเขา เสียงพิณที่ไพเราะอ่อนหวานดังขึ้นมาอย่างไหลลื่นจากปลายนิ้วของเขากู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง พบว่าเหมือนกับคืนนั้น เสียงพิณของหร่านถิงมีเสน่ห์ดึงดูดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น เพราะตอนนี้เป็นเวลากลางวันนางยกมือขึ้น “เจ้าชื่ออะไร?”“หร่านถิงขอรับ” เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ขมวดคิ้ว หร่านถิงรีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยชื่อหร่านถิงจริง ๆ แต่ไม่ใช่พ่อค้าจากทางใต้ ข้าน้อยเป็นนักดนตรีที่หอคณิกา”กู้หว่านเยว่พยักหน้า ในเมื่ออีกฝ่ายพูดความจริง นางก็จะไม่ทำให้ลำบากใจ“เถาเอ๋อร์ให้เจ้ามาทำอะไร”“ยั่วยวนท่าน” หร่านถิงส่งสายตาเจ้าชู้ “แต่พอได้เห็นท่านแวบแรก ข้าก็ตกหลุมรักท่านอย่างหมดหัวใจ”“พูดภาษา
หงเจายื่นน้ำเต้าหู้ให้กู้หว่านเยว่ พลางกัดเขี้ยวเล็ก ๆ “ลากเขาออกไปให้หมากิน”“เหตุใดเจ้าถึงเกลียดเขามากขนาดนั้น?” ปกติแล้วสาวน้อยผู้นี้เป็นคนอ่อนโยนหงเจาหน้าแดง “บ่าวแค่เกลียดผู้ชายเลว หลอกลวงความรู้สึก สมควรโดนหั่นเป็นชิ้น ๆ ”คืนนั้นนางก็ได้ยินเสียงพิณเช่นกัน ไพเราะมาก แต่น่าเสียดายที่เป็นของคนหลอกลวง! ซวยชะมัด!หร่านถิงยิ่งรู้สึกผิด กู้หว่านเยว่หมุนแก้วในมือ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม“เสียงพิณของเจ้า ไม่ได้ผลกับข้าแต่ได้ผลกับคนอื่น”หร่านถิงตาเป็นประกาย “ขอรับคำสั่งจากฮูหยิน”“เป็นคนฉลาด”กู้หว่านเยว่พอใจกับความเข้าใจของหร่านถิงมาก ช่วยให้นางไม่ต้องเปลืองน้ำลาย“ไม่ต้องรีบ สองวันนี้เจ้าอยู่ข้าง ๆ ข้าก่อน”“ฮูหยินวางใจ” หร่านถิงลังเลครู่หนึ่ง ดูเหมือนมีเรื่องจะพูด“ข้าอยากขอร้องฮูหยิน...”“ฮูหยิน หวงเหล่ามาแล้วขอรับ”เมื่อได้ยินฉู่เฟิงเข้ามารายงาน บอกว่าหวงเหล่าพาเทียนอวี๋มาลา กู้หว่านเยว่จึงรีบออกไปต้อนรับ หร่านถิงจึงทำได้เพียงปิดปากเงียบ“ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี”ซูจิ่งสิงเหลือบมองหร่านถิงด้วยสายตาเย็นชา สายตาที่เต็มไปด้วยคำเตือนนั้น ทำให้หร่านถิงตัวสั่นเทา“น้องหญิ
หวงเหล่าครุ่นคิดพลางมองดูท้องฟ้า “ได้เวลาแล้ว ข้าพาเทียนอวี๋ไปก่อน”กู้หว่านเยว่รีบไปส่งหวงเหล่าที่หน้าประตู เมื่อเข้าใกล้รถม้า ก็ได้ยินเสียงพึมพำของเทียนอวี๋ดังมาจากข้างใน“ทำไม ทำไมกัน? ข้ารักท่านมากกว่าหนานหลีม่าน ข้าเป็นคนที่รักท่านที่สุดในใต้หล้า เหตุใดท่านถึงมองไม่เห็นข้าหนานหลีม่านที่ท่านพยายามปกป้องอย่างสุดกำลัง กลับไปซบอกศัตรูหลังจากท่านตายนางไม่คู่ควร นางไม่คู่ควร...ท่านพี่ ท่านพี่...”“เทียนอวี๋แก้แค้นมาตลอด แต่เหตุใดถึงไม่ลงมือกับหนานหลีม่าน?”ชิงเหลียนในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าตอนนี้หนานหลีม่านจะเป็นฮองเฮาแล้วแต่ด้วยความสามารถของเทียนอวี๋ หากอยากจะลงมือกับนาง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก“เขารักใครนางก็รักด้วย”กู้หว่านเยว่ละสายตา เพราะหนานหลีอ๋องรักหนานหลีม่านมากเกินไป ดังนั้นแม้เทียนอวี๋จะเกลียดชังมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถลงมือกับหนานหลีม่านได้”“ฮูหยิน ท่านว่าหนานหลีม่านเป็นผู้หญิงที่หลงใหลในลาภยศสรรเสริญจริงหรือ? หนานหลีอ๋องรักนางมากเช่นนั้น นางกลับไปเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้ นางไม่รู้สึกผิดต่อหนานหลีอ๋องเลยหรือ?”หลังจากที่ชิงเหลียนได้ฟังเรื่องราวความรักความแค้นระหว่
“ไม่เลว ๆ ”ปรมาจารย์แพทย์เห็นว่ากู้หว่านเยว่อายุก็ยังไม่มาก ไม่เพียงแต่มีฝีมือทางการแพทย์ ยังเชี่ยวชาญด้านพิษอีกด้วย“ให้ทำงานแบบนี้ ข้าไม่มีแรงจูงใจหรอก ให้ห้องครัวเอาของอร่อย ๆ มาเพิ่มหน่อย”กู้หว่านเยว่ยิ้มพลางกำชับหงเจาหนึ่งประโยค ให้นางไปบอกพ่อแม่ของเฉียวโต้วว่า ให้ทำกับแกล้มมาส่งที่เรือนนี้เพิ่มอีกหนึ่งที่กู้หว่านเยว่รู้สึกยินดีมากที่ได้ให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวนั้น ทั้งสามคนเป็นคนที่ไม่สร้างความหนักใจ เฉียวโต้วแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ไม่ได้กินอยู่ฟรี ๆ ช่วยพ่อแม่ส่งผักไปตามเรือนต่าง ๆ ทุกวันพ่อแม่ของเฉียวโต้วคนหนึ่งรับหน้าที่ซื้อผัก ส่วนอีกคนเป็นคนทำอาหาร จัดการเรื่องอาหารการกินของจวนกู้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ช่วยให้กู้หว่านเยว่ประหยัดเวลาได้มาก“แหะ ๆ กับแกล้ม เจ้าเด็กบ้า เจ้าเข้าใจข้าดีจริง ๆ ”ปรมาจารย์แพทย์ดีใจอย่างยิ่ง ได้ยินเสียงหัวเราะสนุกสนานจากข้างนอก ในที่สุดฟู่หลานเหิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก“หว่านเยว่ เรื่องโรคระบาดไม่ได้ลุกลามไปที่อื่นใช่หรือไม่?หร่านเหยียนนั่นเป็นอย่างไรบ้าง จับตัวพวกพ้องของนางได้หรือยัง?”ปรมาจารย์แพทย์แบะปาก “เจ้าเด็กนี่อยู่เฉยไม่เ
เมื่อเห็นซูจิ่งสิงสีหน้าเหนื่อยล้า กู้หว่านเยว่ใช้นิ้วเรียวยาวนวดขมับให้เขาเบา ๆ “ข้าจะนวดให้ท่านเอง”“ขอบคุณ”ซูจิ่งสิงจับมืออันนุ่มนวลของกู้หว่านเยว่เอาไว้ แล้วอธิบายว่า “ข้ากำลังจัดการกับทหารใต้บังคับบัญชาของหนานหยางอ๋อง”กู้หว่านเยว่หยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาดู “ท่านวางแผนจะส่งพวกเขาไปที่ไหน?”“ให้ประจำการอยู่แถบแม่น้ำมู่ตัน”กู้หว่านเยว่พยักหน้า หนานหยางอ๋องเข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าต้องจัดการกับคนสนิทของเขาให้ดีทั้งสองคนตกลงกันปิดบังเรื่องการตายของฟู่เยียนหรานถึงแม้ฟู่เยียนหรานจะชั่วร้ายอย่างยิ่ง แถมยังแทงข้างหลังหนานหยางอ๋อง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของหนานหยางอ๋องสายเลือดตัดไม่ขาด ต่อให้หนานหยางอ๋องรู้ ก็มีแต่จะเพิ่มความทุกข์ใจ ไม่รู้ยังจะดีเสียกว่า“ศพของเยียนหรานเล่า?”“เผาไปแล้ว” ดวงตาของซูจิ่งสิงฉายแววเย็นชาไร้เยื่อใย เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่ครุ่นคิด เขาก็ยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย“จริงสิ ข้าได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากผู้เฒ่าโจว ข้างในมีจดหมายที่ซ่งเสวี่ยเขียนถึงเจ้าด้วย”“รีบเอามาให้ข้าดูหน่อย”เมื่อได้ยินชื่อของซ่งเสวี่ย ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็เป็นประก
“ห้ามบอกว่าข้าอยู่ในจวนเด็ดขาด บอกว่าไม่รู้จักข้า”ปรมาจารย์แพทย์หงุดหงิดมาก เหมือนตาแก่ขี้บ่นที่น่าสงสาร เขาก็แค่รักษาคนไข้ ช่วยชีวิตผู้คน ไปทำให้ใครไม่พอใจกัน“ครอบครัวนี้ช่างตามตื๊อไม่เลิก ข้าหนีมาถึงที่นี่แล้ว ยังไม่ยอมปล่อยข้าไปอีก”เดิมทีปรมาจารย์แพทย์คิดว่าเมื่อเขาย้ายออกจากเรือนหลังเล็กที่เคยอยู่ ครอบครัวนั้นคงคิดว่าเขาจากไปแล้ว คงจะเลิกรา ช่างไร้เดียงสาเสียจริง เหอะ ๆ “ไปเร็ว ๆ เข้า อย่าบอกว่ารู้จักข้า”ชิงเหลียนมองไปยังกู้หว่านเยว่ เห็นว่าฮูหยินพยักหน้า จึงรีบออกไป“เป็นครอบครัวของหญิงชราที่ท่านผ่าตัดลำไส้ให้ครั้งก่อนหรือ?”กู้หว่านเยว่กะพริบตา นึกถึงเรื่องที่ปรมาจารย์แพทย์เคยเล่าให้ฟัง แต่ตอนนั้นพวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าครอบครัวนั้นจะบุกมาถึงจวนกู้“ใช่พวกนั้นแหละ พวกเขาตามตื๊อข้าไม่เลิก”ปรมาจารย์แพทย์เกาหัว อยากจะวางยาพิษพวกนั้นให้ตายไปซะทั้งหมด“ก่อนที่ข้าจะรักษาก็บอกแล้วว่า ลำไส้ส่วนนั้นเก็บไว้ไม่ได้ ต้องตัดออก พวกเขาก็ตกลงอย่างดี พอผ่าตัดเสร็จ กลับไม่ยอมรับปรมาจารย์แพทย์ผู้นี้ มีชีวิตอยู่มานานหลายปี ยังไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขาเลยคนที่รู้จักเขารู้ดีว่าเขานิสัยไ
ชายคนหนึ่งกำลังดึงเสื้อคลุมยาวของปรมาจารย์แพทย์ “ชดใช้ ชดใช้ค่าเสียหาย!”ข้างกายเขามีหญิงสูงอายุวัยสี่สิบนอนอยู่ กำลังกุมท้องที่อ้วนกลม“โอ๊ย โอ๊ย ถูกตัดลำไส้ ปวดท้องมาก ๆ”ฝูงชนที่รายล้อมชะโงกหน้าเข้ามามุงดูเรื่องคนอื่นปรมาจารย์แพทย์โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว “ลำไส้ส่วนนั้นของท่านเน่าแล้ว ควรตัดทิ้งไป ถ้าไม่ตัดออกจะเกิดการอักเสบ ข้าตัดออกให้ท่านคือการช่วยชีวิตท่าน ต้องชดใช้ค่าเสียหายอะไร?”ครอบครัวนี้ควรจะดีใจที่บังเอิญโชคดี เขาอารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจัดยาให้ชุดใหญ่แล้ว“ร่างกายของเราได้รับจากพ่อแม่ ตัดลำไส้ทิ้งแล้ว ในอนาคตหากเกิดอะไรผิดพลาดส่งผลกระทบต่อชีวิตแล้วจะทำเช่นไร? ท่านบอกว่าท่านกำลังช่วยชีวิตแม่ของข้า แต่ความจริงแล้วท่านเป็นหมอเถื่อน จงใจทำร้ายแม่ของข้า!” ชายหนุ่มกลอกตาพูดปรมาจารย์แพทย์โกรธจัด “ได้รับจากพ่อแม่อะไร ก่อนตัดทิ้ง ข้าก็ถามหญิงสูงอายุผู้นี้แล้วไม่ใช่หรือ นางก็เห็นด้วย”“ข้าเปล่านะ” สายตาของหญิงอ้วนระยิบระยับ“ข้าไม่ได้เห็นด้วย ใครเห็นด้วยหรือท่านฉวยโอกาสตอนที่ข้าหมดสติ ตัดมันออกให้ข้า”ปรมาจารย์แพทย์ถึงกับพูดไม่ออก แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั
เงินยี่สิบตำลึงเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับจวนกู้ สมุห์บัญชีจ่ายแผ่นทองแดงยี่สิบตำลึงออกมาอย่างรวดเร็ว ยังวางลงบนถาดโดยเฉพาะ กองไว้เหมือนเนินเขาเล็ก ๆเมื่อครอบครัวหญิงอ้วนเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้ ดวงตาก็เป็นประกายหญิงอ้วนเลียปาก อยากจะตรงเข้าไปคว้าเงินมาใจจะขาด แต่เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังแกล้งป่วย ก็รีบนอนลงร้องโอดโอยเหมือนเดิมลูกชายของหญิงอ้วนไม่ทันคิดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว พลางถูมือ “รวยแล้วๆ!”“ท่านแม่ ให้ข้าสักห้าตำลึงได้ไหม” ภรรยาของชายคนนั้นพูดเสียงเบา “ข้าอยากไปหาหมอ จะได้มีลูกให้ท่านพี่สักคนไว ๆ”“ให้ข้า ให้ข้าไปซื้อขนมถังหูลู่!” ลูกชายตัวน้อยเช็ดน้ำลายทั้งครอบครัวไม่ได้ปิดบังความโลภที่มีต่อเงินยี่สิบตำลึงนั้นเลย ถึงกับปรึกษากันว่าจะใช้จ่ายเงินอย่างไรต่อหน้าทุกคนด้วยผู้คนที่มุงดูเริ่มรู้สึกขึ้นเรื่อย ๆ ว่ามันเริ่มไม่ถูกจริตแล้ว นี่ตั้งใจจะเล่นงานหมอเถื่อน หรือพุ่งเป้าไปที่เงินกันแน่?ดูสายตาที่เปล่งประกายนั่นสิ จับจ้องมาที่เงินอย่างชัดเจน หน้าตาอย่าให้มันออกชัดเจนจนเกินไป“เอาเงินมาให้พวกข้าเร็วเข้า”ชายคนนั้นถูมือ แล้วรีบเดินไปที่หน้าสมุห์บัญชีกู้หว่านเยว่ส่งสายตาไป ชิ
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง