ฟู่เยียนหรานยังอยากปิดบัง แต่เมื่อเห็นว่าหน้ากากถูกกระชากออกมาแล้ว จึงไม่สนใจอะไรอีก“กู้หว่านเยว่ เจ้าก็รู้ว่าข้าอยากฆ่าเจ้าขนาดไหน ทำไมสวรรค์มักจะช่วยเจ้าอยู่เรื่อย?!”สายตาของนางฉายแววดุดัน “เดิมทีข้าคือฮองเฮา คือมารดาแห่งใต้หล้า เจ้า ทำลายข้า!”เจ้าฆ่ามู่หรงอวี้ เจ้าฆ่าเขา!เจ้าสมควรตาย เจ้าแย่งทุกอย่างไปจากข้า!”ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ จู่ ๆ นางก็ระเบิดอารมณ์อีกครั้ง กรีดร้องเสียงดังใส่ประตูห้องขัง ออกแรงทุบประตูไม่ยั้งกู้หว่านเยว่หรี่ตาลง “เจ้าเคยเจอเถาเอ๋อร์แล้วสินะ?”นอกจากนางแล้ว มีเพียงเถาเอ๋อร์ที่รู้ว่าฟู่เยียนหรานคือฮองเฮาตามต้นฉบับเดิมท่าทางเถาเอ๋อร์จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟู่เยียนหรานฟังแล้ว“น้องหญิงระวัง กำลังวังชาของนางไม่ธรรมดา” ซูจิ่งสิงโพล่งออกมาท่าทางของเถาเอ๋อร์ในตอนนี้ บ้าคลั่งเกินจะพรรณนา“นางคงจะถูกใครควบคุมอยู่”ก่อนที่กู้หว่านเยว่จะมาถึง นางได้ส่งคนไปรายงานหวงเหล่าแล้ว ประจวบเหมาะกับที่ช่วงนี้เขากับปรมาจารย์แพทย์เป็นหมอการกุศลให้ชาวบ้านอยู่ที่เมืองอวี้พอดี“ลากนางออกมาจากคุกเดี๋ยวนี้”ชิงเหลียนมัดมือของเถาเอ๋อร์ไว้ แล้วนั่งรถม้าไปหาหวงเหล่าด้วยกันทันทีท
“ถูกต้อง” หวงเหล่าส่งสายตาที่กำลังบอกว่า ‘เด็กคนนี้ชักจะรู้มากเกินไป’ ให้นางกู้หว่านเยว่จึงกล่าวถาม “แล้วข้าจะหาเจ้าของตัวกู่ผู้นี้เจอได้อย่างไร?”ลูกกู่และแม่กู่คือสายเลือดเดียวกัน ลูกกู่ถูกควบคุมโดยแม่กู่ หากพบเจอกับอันตราย มันจะบินกลับไปหาแม่กู่ ให้แม่กู่ช่วยปกป้องมัน ตราบใดที่จับลูกกู่ได้ ก็จะสามารถตามหาแม่กู่ได้” หวงเหล่ากล่าว“แต่ทว่าพวกเจ้าต้องระวังตัว ลูกกู่ตัวนี้ดุร้ายมาก อาจจะถือโอกาสที่พวกเจ้าไม่ทันสังเกตแทรกตัวเข้าไปในร่างกายของพวกเจ้าผ่านรูทวารทั้งเจ็ด ทำเป็นที่อยู่อาศัยของพวกมัน”สิ่งที่หวงเหล่าพูดทำให้พวกเขาถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัวกู้หว่านเยว่ยังคงถามต่อ “ในเมื่อลูกกู่ตัวนี้อยู่ในร่างกายนาง หวงเหล่าคงจะมีวิธีเอาลูกกู่ออกมาใช่หรือไม่เจ้าคะ?”สิ่งที่กู้หว่านเยว่คิดคือ ฟู่เยียนหรานก่อกรรมทำชั่วมากมาย กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเก็บนางไว้เพียงเพราะตัวกู่แน่นอนหากสามารถเอาลูกกู่ออกมาจากตัวนางได้ก็จะสามารถตามหาเจ้าของแม่กู่เจอได้เช่นกัน“มียาประเภทหนึ่ง สามารถบีบให้ตัวกู่ออกมาจากร่างกายที่มันอาศัยอยู่ได้”หวงเหล่ายังคงลูบเครา ก่อนจะคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “บังเอิญว่าข้ามียาชนิด
“ได้” ซูจิ่งสิงไม่ปฏิเสธ กู้หว่านเยว่พาคนวาบเข้าไปในหอแห่งโอสถ ฟู่เยียนหรานกำลังอยู่ในอาการสลบไสล นางถูกวางลงบนเตียงในห้องทดลองครั้นนึกถึงเรื่องที่หวงเหล่าเคยเตือนพวกเขา หลังจากที่ตัวกู่บินออกมาแล้ว มันจะออกตามหาสถานที่ที่ปลอดภัย ด้วยการบินเข้าไปในร่างกายของคนทันทีกู้หว่านเยว่ตัดสินใจว่าจะใช้มาตรการป้องกัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวกู่บินเข้ามาในร่างกายของพวกเขา ไม่เช่นนั้นคงเลวร้ายไม่น้อยในขณะที่กำลังวิเคราะห์ส่วนประกอบของตัวยาอยู่ในห้องทดลองนั้น กู้หว่านเยว่ได้หยิบชุดป้องกันสองชุดออกมา ให้ซูจิ่งสิงและตัวเองใส่“การสวมหมวกกันน็อกจะช่วยปกป้องจมูกและตาได้ ต่อให้ตัวกู่จะมีขนาดเล็กมาก ก็ไม่สามารถบินเข้ามาในร่างกายของพวกเราได้”“ดี” ซูจิ่งสิงนั้นว่องไวมาก ไม่นานก็ใส่ชุดป้องกันเรียบร้อยเขาเคยเข้ามาในหอแห่งโอสถครั้งหนึ่ง เวลานี้จึงไม่ได้ดูแปลกตากับสิ่งของที่อยู่ข้างในนัก เขารู้ว่าภายในหอแห่งโอสถแห่งนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่รู้จักอีกมากมายแต่ครั้นเห็นว่าภายในห้องทดลองยังมียาที่หวงเหล่ามอบให้นางอีกหลายขวด ก็พลันตกใจไม่น้อย“ทำไมถึงได้มียามากมายขนาดนี้? ข้าจำได้ว่าหวงเ
ในขณะเดียวกับที่นางเอ่ยนั้น ซูจิ่งสิงได้ลอยตัวออกไป ตวัดขวดแก้วใส่แมลงตัวนั้น แล้วจับมันขังไว้ข้างใน“ดูสิ”กู้หว่านเยว่จ้องเขม็ง เห็นได้ชัดว่ากู่ตัวนี้กำลังตื่นตกใจ พยายามบินวนไปมาอยู่ในขวดแก้ว“ลูกกู่ได้รับอันตราย มันกำลังตามหาแม่กู่”ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของกู้หว่านเยว่ จะหาคนที่ใช้กู่ควบคุมฟู่เยียนหลานผ่านลูกกู่ได้ไหมนะ?เมื่อเห็นกู้เยียนหรานมีท่าทีจะตื่นหลังจากที่ดึงตัวกู่ออกมาจากร่างกาย กู้หว่านเยว่ก็รีบวางเรื่องนี้ลง จากนั้นก็โบกมือพาทั้งสามคนออกจากห้วงมิติ“ที่นี่ที่ไหน? ฟู่เยียนหรานตื่นขึ้นมาในทันที“กู้ กู้หว่านเยว่นังสารเลว ....” ครั้นเทียบกับความบ้าคลั่งก่อนหน้านั้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นี่สิถึงจะเป็นสีหน้าของคนปกติ หลังจากที่ดึงลูกกู่ที่ควบคุมนางออกมาได้แล้ว นางก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม“ข้าไม่สามารถแพร่เชื้อโรคระบาดให้เจ้าได้ น่าเสียดายนัก”“นังบ้า” กู้หว่านเยว่ไม่เกรงใจนางอีกต่อไป ตบหน้าไปฉาดใหญ่ฟู่เยียนหรานต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าที่บวมแดงและกล่าวถาม “เจ้ากล้าตบข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า
แต่ก่อนจะถึงครานั้น พวกเขาต้องจัดการฟู่เยียนหรานก่อน“ทำให้นางมีความสุขสักหน่อย”ฟู่เยียนหรานมีความคิดเจ้าเล่ห์ ก่อกรรมทำชั่วไว้มากมาย ผลลัพธ์ของการไว้ชีวิตนางแทบจะสร้างความเดือดร้อนให้ไม่น้อยครั้งนี้กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนอีกแน่นอน“พวกเจ้ากล้าฆ่าข้าหรือ? ท่านพ่อของข้าคือหนานหยางอ๋อง หากท่านพ่อทรงทราบ เขาไม่มีวันให้อภัยเจ้าแน่!”ฟู่เยียนหรานคิดว่ากู้หว่านเยว่ไม่กล้าฆ่านางอย่างแน่นอน เพราะนางรู้ว่าหลังจากที่หนานหยางอ๋องหนีออกมาจากลั่วอันได้ ก็เข้ามาช่วยดูแลเจดีย์หนิงกู่อยู่ภายใต้การบัญชาของกู้หว่านเยว่เพียงแต่น่าเสียดายที่ฟู่เยียนหรานประเมินความเด็ดขาดของกู้หว่านเยว่ต่ำเกินไป ส่วนกู้หว่านเย่วไม่ใช่คนบ้าจี้จากการตัดสินของผู้อื่น “หนานหยางอ๋องมีบุตรีแบบนี้ ไม่สู้ไม่มีดีกว่า”กู้หว่านเยว่ขี้เกียจจะลงมือเอง จึงสั่งให้องครักษ์จันทราสร้างความสุขให้นาง“กู้หว่านเยว่ หากเจ้ากล้าฆ่าข้า ท่านพ่อไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่ อ๊าก.....นังแพศยา นังแพศยาอย่างเจ้าทำไมถึงมีแต่คนปกป้องเจ้า ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ต้องตกเป็นของเจ้า....”เสียงนั้นค่อย ๆ เบาลง กระทั่งหายไปในที่สุด กู้หว่านเยว่หยิบ
“เจ้าอยากให้สามีของเจ้ามาเข้าฝันสินะ” หวงเหล่ายิ้มเยาะอย่างอดไม่ได้ “เกรงว่าเขาจะไม่อยากพบเจ้านะสิ”“ท่านพูดเหลว!” เทียนอวี๋พรวดลุกขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็โต้เถียงอย่างสุดกำลัง “สามีของข้าไม่มีทางไม่คิดถึงข้า!”สามีผู้ล่วงลับของนางคือคนที่นางรักที่สุดในโลก เมื่อครั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาดูแลนางอย่างดี“หากไม่ใช่เพราะคนชั่วช้าสามานย์เหล่านั้น สามีและข้าบัดนี้คงได้รักกันอย่างมีความสุขไปแล้ว” นัยน์ตาของเทียนอวี๋แฝงไปด้วยความโหยหา บุรุษที่นางรักเพียงนี้ จะปฏิเสธที่จะได้เจอนางในห้วงความฝันได้อย่างไร?หวงเหล่าไม่เคยเอ่ยในสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ หากพูดแล้ว ก็แสดงว่าเรื่องนั้นต้องมีการพิสูจน์แล้ว“เจ้าอยากให้สามีมาเข้าฝัน เช่นนั้นข้าถามเจ้าหน่อย ที่เจ้าตามแก้แค้นให้สามีของเจ้ามาหลายปี สามีของเจ้าเคยเข้าฝันเจ้าสักครั้งหรือไม่?”เทียนอวี๋ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ก็ไม่เคย นางถึงได้มาขความช่วยเหลือหวงเหล่าอย่างไรเล่า“มือของเจ้าเปื้อนเลือด ก่อกรรมทำชั่วนับไม่ถ้วน เจ้าและสามีของเจ้าต้องได้รับผลกรรม เกรงว่าคงจะทุกข์ทรมานอยู่ในยมโลก”“ท่านพูดเหลวไหล!” เทียนอวี๋ส่ายหน้า แต่สีหน้ากลับเป็นกังวล
“หวงเหล่า ท่านอยู่ข้างในหรือไม่?”ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบนางก็ยกเท้าถีบประตูอย่างแรง ผลปรากฏว่าทันทีที่เข้าไป นางได้เจอเข้ากับเงาในชุดคลุมยาวสีขาวกำลังพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างพอดี และหายตัวไปในความมืดกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงหน้าถอดสีลง เวลานี้สองสามีภรรยามั่นใจแล้วว่าเงาในชุดขาวนั้นคือสตรีลึกลับที่พวกเขาเคยปะทะกันเมื่อครั้งอยู่ในเขตซีเป่ยวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายนั้นคุ้นมาก พวกเขามองออกตั้งแต่แวบแรกเพียงแต่คาดไม่ถึงว่าสตรีลึกลับผู้นี้จะระแวดระวังตัว ในขณะเดียวกับที่พวกเขาเข้ามาในห้อง นางก็ไหวตัวหนีไปอย่างรวดเร็ว“ข้าจะตามสตรีผู้นั้นไป เจ้าอยู่ดูหวงเหล่าละกัน”ซูจิ่งสิงเปิดหน้าต่างและไล่ตามไป กู้หว่านเยว่เดินมาตรงหน้าของหวงเหล่า เห็นเลือดสดไหลออกมาจากคอของเขา ก็รู้ทันทีว่าเขาเพิ่งถูกบีบบังคับ นางจึงรีบปรี่เข้าไปถามเขา“หวงเหล่าท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? นอกจากบาดแผลตรงคอแล้ว สตรีผู้นั้นทำอะไรท่านอีกหรือไม่?”ไม่แปลกใจที่กู้หว่านเยว่จะถามเช่นนี้ เพราะฝีมือของสตรีลึกลับผู้นั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังมีวิชาหุ่นเชิดและวิชากู่ ยากจะรับมือได้อาจารย์หวงเหล่าคือผู้อาวุโสที่นางให้ความเคารพมาก ก่อนหน้
ปรมาจารย์แพทย์เหลือบมองกู้หว่านเยว่ด้วยความไม่พอใจ “เจ้าเด็กบ้า เจ้าอย่าคิดมากเกินไป พวกข้าทั้งสองบริสุทธิ์ใจต่อกัน”ปรมาจารย์แพทย์จมอยู่ในห้วงความทรงจำ ครั้งนั้นเมื่อยังเยาว์วัย ทั้งสองมีรสนิยมตรงกัน และยังตกหลุมรักหญิงสาวคนเดียวกันอีกด้วยทว่าสุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้ครองคู่กับหญิงสาวผู้นั้น นางแต่งงานกับชายอื่นและให้กำเนิดบุตรสาวหนึ่งคน หลังจากที่สามีภรรยาถูกศัตรูฆ่าตาย บุตรสาวก็ถูกฝากฝังให้พวกเขาทั้งสองเลี้ยงดู“เด็กคนนั้นก็คือเทียนอวี๋ อ้อ และก็คือหญิงสาวลึกลับที่เจ้าพูดถึงนั่นแหละ ชื่อเทียนอวี๋นี้ข้าเป็นคนตั้งให้เอง”ปรมาจารย์แพทย์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ สมัยนั้นเขายังรักสนุก ไม่ได้ใส่ใจเด็กคนนี้มากนัก ปล่อยให้หวงเหล่าเป็นคนเลี้ยงดูเสียส่วนใหญ่เมื่อได้ยินดังนั้น กู้หว่านเยว่ก็เข้าใจในทันที “กล่าวคือ แท้จริงแล้วพวกท่านทั้งสองเป็นพ่อบุญธรรมของหญิงสาวลึกลับคนนั้นหรือ?”เมื่อเห็นทั้งสองคนพยักหน้า นางก็ยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ “ถ้าเช่นนั้น เทียนอวี๋ก็น่าจะเคารพท่านทั้งสองมากสิ เพราะอย่างไรเสียก็มีบุญคุณเลี้ยงดูมา”แต่เมื่อครู่ตอนที่นางบุกเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเทียนอวี๋เอาดาบจ่อที่คอข
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน รองแม่ทัพวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แล้วหันมองเฉิงทั่วแวบหนึ่ง“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ฮูหยินหมดสติไปแล้วขอรับ”เฉิงทั่วหน้าถอดสี “อะไรนะ?”เขารีบลุกขึ้นยืนขึ้น ไม่มีเวลาสนใจกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ยังอยู่ตรงนี้ แล้วรีบสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว ไม่เพียงกลับมา ยังพาอีกคน...”รองแม่ทัพกระดากปากที่จะเอ่ย จึงได้แต่ส่งสายตาให้อีกฝ่าย“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปดูเองเถอะขอรับ”เฉิงทั่วไม่มีแก่ใจจะกินอาหาร จึงลุกขึ้นขอตัว “ท่านอ๋อง พระชายา โปรดให้ข้าไปดูฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”“ไปเถอะ”ซูจิ่งสิงโบกมือ“ขอบคุณท่านอ๋อง” เฉิงทั่วรีบวิ่งออกไปทันทีหนานหยางอ๋องมองแผ่นหลังที่ร้อนใจของเขา แล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อยหากพระชายาของเขายังอยู่คงดีไม่น้อย เขากับเหล่าเฉิงแข่งกันมาค่อนชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่เขาแพ้มาตลอด“เกิดอะไรขึ้น?” กู้หว่านเยว่กระซิบถามชิงเหลียนชิงเหลียนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายใหญ่สกุลเฉิงพาสตรีคนหนึ่งกลับมาด้วย เหมือนจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”เจ้าหมอนี่กู้หว่านเยว่เกือบสำลักข้าวมิน่าเฉิงฮูหยินถึงได้เป็นลม เจ้าเฉิงซินเม
มิน่าท่านอ๋องถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา“พวกเราเองก็มาถึงเมืองซุ่ยโจว และได้พบท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว เดี๋ยวส่งจดหมายไปแจ้งท่านอ๋องหน่อยเถอะ ท่านจะได้วางใจ”จู้หวยกล่าวเตือนอย่างใส่ใจครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ท่านอ๋องกำชับเขาแล้วว่า ต้องดูแลเนี่ยชิงหลานให้ดีในเมื่อเนี่ยชิงหลานเป็นคู่หมั้นของเขา เขาย่อมดูแลเอาใจใส่มาก“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าอย่าเอาแต่บ่นข้า อีกเดี๋ยวตอนเขียนจดหมายข้าจะเป็นคนพูดส่วนเจ้าเป็นคนเขียน ขี่ม้ามาทั้งวัน เมื่อยมือจะแย่แล้ว”จู้หวยยิ้มพร้อมพยักหน้า“เรื่องนี้ไม่ยาก ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่ตัวหนังสือข้าน่าเกลียดก็พอ”เนี่ยชิงหลานขบขันเขาจนหัวเราะเสียงดังทันที“ตัวหนังสือของเจ้าน่าเกลียดมาก แต่ไม่เป็นไร วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่ง พวกเจ้าที่เป็นทหารแม้จะไม่ใช่คนเถื่อน แต่ต้องรู้จักเขียนอ่านไว้บ้าง ถึงจะรู้เขารู้เรารบอย่างไรก็ไม่แพ้ ทว่าเรื่องการเขียนหนังสือไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูได้ก็พอ”นางพูดอย่างจริงจัง จนจู้หวยเองก็หัวเราะตามนางไปด้วย ในแววตามีแต่ความเอ็นดู“ท่านหญิงพูดถูก”แม้ทั้งสองค
หลังหนังสือยอมจำนนออกมาแล้ว เนี่ยชิงหลานก็นำกองทัพเหอตง มาเสริมทัพกู้หว่านเยว่“เขตเหอตงของข้าไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงถ่านหินและเงินทองมากมาย พี่ใหญ่จึงนำไปแลกเสบียงหนึ่งชุด ส่งข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พบเนี่ยชิงหลานมาสักพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้เมื่อทั้งสองได้พบกัน นางดีใจมาก“เจ้าตัวสูงขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบหัวเนี่ยชิงหลาน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่เพียงตัวสูงขึ้น ข้ายังหมั้นหมายแล้วด้วย”นี่เป็นข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นพวกเขาหลายคนเดินทางเหน็ดเหนื่อย กู้หว่านเยว่รีบเชิญพวกเขาเข้าจวน เมื่อถึงห้องรับแขกจึงจับมือเนี่ยชิงหลานไว้ แล้วสอบถามอย่างละเอียด“เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าหมั้นกับผู้ใดหรือ?”“หมั้นกับแม่ทัพในค่ายของท่านพี่ นามว่าจู้หวย”ไม่ใช่เฉิงเซวียนหรอกหรือ ข่าวนี้ทำให้พวกกู้หว่านเยว่ยิ่งแปลกใจแต่เมื่อนึกดูอย่างละเอียด เฉิงเซวียนกับเนี่ยชิงหลานใช่ว่าจะเหมาะสมกันแม้ทั้งสองจะสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ทว่าทัศนคติไม่ตรงกันบวกกับก่อนหน้านี้เพราะหญิงอื่น เฉิงเซวียนเข้าใจเนี่ยชิงหลานผิดหลายครั้งเนี่ยชิงหลานรู้ว่ากู้หว่านเยว่คิดอะไร จึ
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู