นางฝึกฝนในมิติทุกวัน จนจดจำโน้ตเพลงได้ขึ้นใจตั้งนานแล้วในขณะที่ดนตรีบรรเลงขึ้นมา ฉากที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นม้าศึกและนักรบหมาป่าในสนามประลองที่กำลังหน้าม่อยคอตก ใบหูได้ตั้งชันขึ้นมาอย่างฉับพลันดวงตาที่ขุ่นมัวก็เปล่งประกายแวววาวหากมองอย่างละเอียด ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเห็นว่าสีหน้าของพวกมันเปี่ยมไปด้วยความสุขมองเห็นความสุขบนใบหน้าของสัตว์ได้จริงหรือ?ซูจิ่งสิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเกิดภาพหลอนฉากที่ทำให้เขาตื่นตะลึงยังไม่จบลง คลอด้วยการบรรเลงเพลงควบคุมสัตว์นักรบหมาป่านอนลงอย่างสบายใจ พลางสะบัดหางเล่นม้าศึกเดินไปมาด้วยความร่าเริง ส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขแม้แต่บรรดานกที่บินอยู่กลางอากาศก็ยังอดใจไม่ไหวหยุดพักที่ชายคา หน้าตาเคลิบเคลิ้ม“มหัศจรรย์” ซูจิ่งสิงอุทานด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่บรรเลงจบเพลงหนึ่งอย่างรวดเร็ว พลางมองไปที่นักรบหมาป่าและม้าศึกที่หยุดอาเจียน รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก“เพลงควบคุมสัตว์นี้ ใช้ได้ผลจริงดังคาด!”เมื่อครู่สัตว์เหล่านี้ยังมีท่าทางเหมือนจะเมาเรือ แต่หลังจากฟังเพลงจนจบแล้ว ก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด“เห็นทีสัตว์เหล่านี้
“อาจารย์หญิง อาจารย์ ข้าขอตัวก่อน”หลังจากรายงานจบแล้ว หลี่เฉินอันก็รีบร้อนออกไปเพื่อปกป้องเจดีย์หนิงกู่ และเพื่อผู้คนที่เขาต้องการปกป้อง หลายวันนี้เขาจึงยุ่งมากจนเท้าแทบจะไม่ได้แตะพื้นเลย“หว่านเยว่ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มการป้องกัน”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไปเบา ๆ เพื่อนวดผ่อนคลายความกลัดกลุ้มตรงหว่างคิ้วให้นางหลังจากพักผ่อนได้หนึ่งคืน ในที่สุดกงซุนฉิงก็รู้สึกดีขึ้นมาก และมาหากู้หว่านเยว่อีกครั้งกู้หว่านเยว่คิดว่ากงซุนฉิงเป็นผู้นำม้าศึกและนักรบหมาป่ามาแต่แรก นางก็ต้องรู้วิธีดูแลพวกมันได้ดีกว่า จึงถือโอกาสมอบกุญแจสนามประลองให้กับนางเสียเลย“เจ้าเลือกเรือนที่เจ้าชอบข้างสนามประลองได้เลย จากนี้ไปขอมอบหมายให้เจ้าเป็นคนดูแลจัดการสนามประลอง”กงซุนฉิงยิ้มรับกุญแจมา “ฮูหยินวางใจได้เลย การฝึกฝนสัตว์สำหรับสกุลกงซุนของข้าแล้ว ก็เสมือนปลาได้น้ำ ม้าพยศที่ไม่ยอมรับการฝึกในเจดีย์หนิงกู่ของพวกท่าน ก็สามารถส่งมาให้ข้าฝึกฝนได้เช่นกัน!”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนเสียงเบา “การสร้างความสัมพันธ์กับสัตว์นั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ควรระวังเรื่องเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์มากกว่า”กงซุนฉิงสีหน
ทั้งสองจูงมือกันออกไปได้ไม่นาน ซูจิ่งสิงก็หยิบจดหมายลับมาให้กู้หว่านเยว่ซูจิ่งสิงยื่นรายงานลับให้กู้หว่านเยว่ เขาหาตัวอันธพาลสองสามคนนั้นที่รังแกจิ่นเอ๋อร์พบแล้ว แต่ตอนหาพบ พวกเขาล้วนตายไปแล้ว“ถูกวางยาตาย”อันธพาลสองสามคนนั้น ใครจงใจวางยาพิษฆ่าพวกเขากัน ยิ่งไปกว่านั้นตามหลักแล้วร้านขายยาล้วนไม่ขายยาพิษ มิใช่คนทั่วไปสามารถนำมาใช้ได้เดิมทีกู้หว่านเยว่สงสัยความผิดปกติของหร่านเหยียน นี่จึงยิ่งสงสัย“อย่าให้นางอยู่กับจิ่นเอ๋อร์อีก ประเดี๋ยวจะทำร้ายจิ่นเอ๋อร์ได้”เรียกหงเจาเข้ามา ได้รู้ว่าจิ่นเอ๋อร์พาหร่านเหยียนไปร้านอาหาร นางก้าวเดินไปแล้ว“ท่านพี่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะไปตามจิ่นเอ๋อร์กลับมา”กู้หว่านเยว่กลัวจิ่นเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย ไปที่ร้านอาหารโดยตรงปรากฏว่ามองเห็นคนทั้งสามกำลังนั่งกินข้าวบนชั้นสอง มิหนำซ้ำยังมีชายที่นางไม่รู้จักคนหนึ่ง“พี่สะใภ้ใหญ่!”ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รอให้กู้หว่านเยว่เอ่ยปาก ก็วิ่งลงมาคล้องแขนนางแล้ว“พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านมาได้?”“ชายข้างกายคุณหนูหร่านเหยียนเป็นใคร?” กู้หว่านเยว่รู้สึกว่าหร่านเหยียนผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆซูจิ่นเอ๋อร์กลับพูดอย่างไม่
หร่านเหยียนเกือบขบฟันเหล็กแตก เผชิญหน้ากับสายตาหวังดีของซูจิ่นเอ๋อร์ ยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ ดึงกำไลข้อมือออกเลือดหยดภายในใจนาง!“ยี่สิบตำลึง กำไลของท่านได้ราคาดีมากจริงๆ” ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานอย่างตกตะลึงยิ้มออกมา ไม่ว่ามองอย่างไรก็เจ่าเล่ห์ “คราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวพี่ใหญ่เจ้าไม่มีเงินให้ใช้แล้ว”“ใช่ นี่”นี่คือกำไลที่นางหวงแหนที่สุด ไฉนเลยจะไม่ได้ราคา!รอเสร็จเรื่องนี้แล้วค่อยไถ่กลับมาก็แล้วกัน ฝืนส่งเงินให้หร่านถิง“ใต้เท้าท่านดู นั่นคล้ายเป็นคุณหนูจิ่น?”บนถนน รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาอย่างเชื่องช้าเห็นข้างกายซูจิ่นเอ๋อร์มีชายคนหนึ่งอยู่ด้วย บ่าวรับใช้บ่นงึมงำ “แปลกยิ่งนัก ชายคนนี้เป็นใครกัน เหตุใดคุณหนูจิ่นต้องพูดคุยพลางหัวเราะกับเขาด้วย?”ฟู่หลานเหิงมองตามสายตาของบ่าวรับใช้ นี่ถึงพบว่าซูจิ่นเอ๋อร์กำลังยิ้มกว้างให้ชายที่อยู่ข้างกายไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจคล้ายถูกเข็มทิ่ม ราวกับถูกผีอำอยากเดินไปดูให้ได้“ใต้เท้า พวกเรายังต้องไปรายงานนะขอรับ”ถ้อยคำของบ่าวรับใช้ทำให้หัวใจของเขาตึงเครียด ลงท้ายก็สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะมิให้ตามไปได้“ไป ไปที่จวนกู้ก่อน”ระยะนี้เ
ความรักของจิ่นเอ๋อร์คนนี้เป็นความรักที่ขาดสติ นางเริ่มชอบฟู่หลานเหิงตั้งแต่เมืองตงโจว อีกทั้งในต้นฉบับ เดิมทีสองคนนี้จะต้องคู่กัน ในต้นฉบับเดิมหลังจากที่ซูจิ่งสิงตาย ซูจิ่นเอ๋อร์จะต้องถูกเนรเทศมายังเจดีย์หนิงกู่สุดท้ายฟู่หลานเหิงก็ได้ช่วยชีวิตนางออกมา ช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้นาง คอยดูแลอยู่ข้างกายในหนังสือ จิ่นเอ๋อร์ก็ยังคงลุ่มหลงในตัวเขาหากพลาดโอกาสนี้ไปก็คงน่าเสียดายไม่น้อยซูจิ่งสิงจนปัญญา “เจ้าจะทำอย่างไร?”เรื่องที่ภรรยาตัดสินใจ เขาไม่เคยคัดค้านเลยสักครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องทำตามยิ่งไปกว่านั้นจากมุมมองของผู้ชาย ฟู่หลานเหิงเป็นคนที่ไว้วางใจได้ บริสุทธิ์ ไม่เคยมีสตรีเข้ามายุ่งวุ่นวายข้างกาย“ข้าจะพูดให้เจ้าฟัง....”กู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างข้างหูของซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงปรายตามองด้วยความสงสัย “ทำเช่นนี้ได้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ เช้าวันที่สอง ซูจิ่นเอ๋อร์ออกจากบ้านเช้ากลับเร็วเหมือนต้องการหลบเลี่ยงใครบางคนฟู่หลานเหิงเองก็พยายามหลบ
“จิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อลานสัตว์ก็เกิดเรื่องแล้ว ข้าว่าเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าดีกว่า”หร่านเหยียนแสดงท่าทีหวังดีซูจิ่นเอ๋อร์เหมือนกำลังถูกนางโน้มน้าว แต่นัยน์ตากลับยังคงแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ “หากม้าศึกและนักรบหมาป่าเหล่านี้เป็นอะไรขึ้นมา จะต้องเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล พี่สะใภ้ใหญ่จะต้องเสียใจมาก นางกำลังตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าจะควบคุมไหวหรือไม่”หร่านเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “พี่ใหญ่เจ้า คงปลอบใจได้กระมัง?” ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่คิดอะไร “พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านหลายวันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าค่ะ”นางแสดงความเจ็บปวดและรู้สึกผิด “ข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ ทั้งจวนมีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ที่พึ่งได้”ทันทีที่ประโยคนี้ดังเข้าไปในหูของหร่านเหยียน สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมลง“ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงซูฮูหยินเช่นนี้ก็ตามนางไปดูเถอะ”นางกล่าวเอาใจ “ข้าและพี่ใหญ่ไม่เป็นไร พวกเราจะรอเจ้าเสร็จงานอยู่ที่นี่”ซูจิ่นเอ๋อร์รูสึกซาบซึ้งขึ้นมาทันที “หร่านเหยียน เจ้าช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีของข้ายิ่งนัก ข้าจะจำเจ้าไว้ รอข้าเสร็จงาน ข้าจะมาหาเจ้า”กล่าวจบก็จับชายกระโปรงแล้ววิ่งออก
กู้หว่านเยว่พยายามอดกลั้นที่จะไม่อาเจียนออกมา ก่อนจะกลอกตามองบน “คุณชายหร่านจะช่วยข้าอย่างไร?”“สตรีผู้งามเลิศอย่างซูฮูหยิน ควรได้รับการทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ มิเช่นนั้นหากเกิดริ้วรอยขึ้นมา คงดูไม่จืด” หร่านถิงค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมากใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดค่อย ๆ กล่าวโน้มน้าว “ข้าดีดฉินเป็น เสียงฉินปลอบประโลมใจคน ข้าเต็มใจปลอบประโลมใจฮูหยิน”กู้หว่านเยว่ “.....”หงจาว “.....”จะไม่ให้อาเจียนได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่แผนการ หมัดเล็ก ๆ ของหงจาวคงชกหน้าของเขาไปแล้วกู้หว่านเยว่พยายามข่มความสะอิดสะเอียน อยากรู้ว่าหร่านถิงจะทำอะไรจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ในห้องตำรามีฉิน ไปกันเถอะ”หร่านถิงยิ้มหวานการะชากใจ โปรยเสน่ห์ตามใจชอบ ไม่นานก็มาถึงห้องตำรา“เป็นฉินที่ดีจริง ๆ นี่คือฉินของฮูหยินหรือ ดูจากตัวฉินแล้วน่าจะถูกใช้มาหลายครั้ง ฮูหยินมักจะดีดฉินอยู่บ่อย ๆ กระมัง”หร่านถิงทำการดึงสาย กู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างสงบเงียบ “นี่คือฉินที่ข้าขโมยมาจากคลังส่วนตัวของบุรุษผู้หนึ่ง”ทั้งยังเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นขุนนางเก่าหร่านถิง “.....” ทั
หร่านถิงที่ยังปากแข็งอยู่เมื่อครู่ก็พลันระเบิดอารมณ์ออกมา “ตอนข้าหรือ? อย่า อย่าตอนข้า”การตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกทรมานสิบประการเสียอีก!เขาเป็นหนุ่มเจ้าชู้ที่ควบหญิงงามไม่เลือกหน้า สิ่งนั้นคือชีวิตเขาเป็นส่วนที่สร้างความสุขให้กับเขาหากไม่มีสิ่งนั้นแล้ว เขายอมตายดีกว่าลู่จิงตั้งใจหยิบมีดตะขอเล็กเล่มหนึ่งออกมา “นายท่านดูมีดเล่มนี้ของข้าสิ นี่คือมีดสำหรับตอนขันทีที่ลูกสมุนของข้านำออกมาจากวังหลวง รับรองเลยว่ามันสามารถตัดน้องชายของเจ้าจนสะอาดเกลี้ยง ฮ่าๆ!”“เจ้าอย่าเข้ามา อ๊าก!” หร่านถิงไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน เขาไม่อยากขาดลูกสิ้นหลาน ลู่จิงจับเขากระชากขึ้นมา จากนั้นก็ถลกกางเกงของเขาอาจเพราะหร่านถิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งสองคนจึงได้ยินเขาสารภาพผ่านประตู“ข้าพูดแล้ว ข้าสารภาพแล้ว!”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้น “ลากเขาเข้ามา”หร่านถิงดึงกางเกงไว้ จากนั้นก็คลานไปบนพื้นอย่างจนตรอก “หร่านเหยียน นางไม่ใช่น้องสาวของข้า”“ข้าแค่รับเงิน มาหลอกล่อเจ้า”ไม่รู้ว่าเขาเข้าถึงบทบาทมากเกินไปหรือเปล่า หร่านถิงถึงได้มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาหลงใหล“เจ้าเป็นคนแรกที่ต่อต้านเสียงฉินของข้า เ
ข้าเป็นคนไร้ชื่อเสียงย่อมไม่กลัว แต่ต่อไปจวนแม่ทัพของพวกเจ้ายังจะมีหน้าอยู่ในซุ่ยโจวอีกหรือ”ระหว่างที่พูด แม่นางตั่วเดินไปใต้ต้นไม้อีกครั้ง แล้วกอดเฉิงซินที่ถูกมัดแขวนไว้“คุณชายน้อย ท่านหลอกบ่าวให้หลงเชื่อสนิทใจ ท่านบอกว่าจะพาบ่าวไปอยู่อย่างสุขสบาย บ่าวจึงได้ทิ้งผัวที่บ้านตามท่านมา แต่สุดท้าย ทุกคนในบ้านท่านกลับรังแกบ่าว ฮือฮือฮือ...”อย่าเห็นว่าแม่นางตั่วแต่งงานแล้ว กลับหน้าตาเย้ายวน ทั่วทั้งตัวมีจริตจะก้านแผ่ซ่านออกมาสวมกระโปรงเกาะอกรัดเอวตัวยาว ภายนอกมีเสื้อคลุมสีชมพูสวมทับ หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลง ทำให้เฉิงซินมองดูจนไม่อาจละสายตา“เฉิงเหลียน เจ้า เจ้าตะโกนโหวกเหวกใส่คนของข้า หากจะวางอำนาจก็กลับไปที่ค่ายทหารของเจ้า อย่ามาวางอำนาจให้ข้าดู”เฉินซินเห็นแม่นางตั่วถูกรังแกไม่ได้ จึงรีบตะโกนใส่เฉิงเหลียน“เจ้านี่มันกู่ไม่กลับแล้วจริงๆ ท่านแม่หมดสติเพราะโกรธเจ้าเรื่องหญิงคนนี้ แต่เจ้ากลับปกป้องนางหรือ”ทำไมถึงได้มีคนที่โง่ขนาดนี้?เฉิงเหลียนกำหมัดแน่นช่างเป็นลูกชายที่แน่จริง ทำให้พ่อแม่ลำเอียงรักแต่เขา“ก็เพราะท่านแม่โกรธข้าจนหมดสตินะสิ หากข้าไล่ให้นางไป ท่านแม่ไม่หมดสติเส
เมื่อหมอหลายคนได้ยินว่ากู้หว่านเยว่มาตรวจอาการของเฉิงฮูหยิน ทำให้โล่งอกทันทีรีบแจ้งข้อสรุปในการตรวจอาการให้กู้หว่านเยว่ส่วนข้อสรุปนั้นก็คือ...เอ่อ ไม่มีข้อสรุปกู้หว่านเยว่เองก็เป็นหมอเมื่อเห็นท่าทางเหงื่อแตกพลั่กของทุกคน นางก็เข้าใจทันทีพวกเขาไม่มีวิธีแต่ก็กลัวเฉิงทั่วลงโทษดูท่าอาการของเฉิงฮูหยินค่อนข้างอันตรายกู้หว่านเยว่มาถึงข้างเตียง แล้วเริ่มตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยิน ดูจากการเต้นของชีพจร นางวินิจฉัยว่าอาการหมดสติของเฉิงฮูหยินมีสาเหตุมาจากหัวใจแต่ความจริงจะใช่หรือไม่ คงต้องตรวจให้ลึกลงไปอีกขั้นกู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วให้เฉิงทั่วกับหมอหลายคนออกไป ส่วนนางอยู่ในห้องแล้วพาเฉิงฮูหยินเข้าไปตรวจในมิติหลังจากตรวจดู กู้หว่านเยว่แน่ใจว่าเฉิงฮูหยินมีปัญหาหัวใจแต่กำเนิดโชคดี ที่เรื่องนี้ยังไม่ถือว่าร้ายแรงมากนักหมอหลายคนสลับกันรักษา แม้จะไม่ทำให้เฉิงฮูหยินฟื้นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ทำให้อาการของนางทรงตัวกู้หว่านเยว่พาเฉิงฮูหยินออกมาจากมิติ แล้วให้ซูจิ่งสิงปล่อยพวกเขาเข้ามา“พระชายา ฮูหยินของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”“แม่ข้าจะฟื้นขึ้นมาอีกหรือไม่?”เฉิงทั่วกับเฉิงเหลียนเข้ามาถึ
ไฟแห่งความอยากรู้อยากเห็นในใจของผู้ชมอย่างนาง ลุกโชนโชติช่วงตกลงเจ้าเฉิงซินพาสตรีแบบใดกลับมา ถึงได้ทำให้เฉิงฮูหยินโกรธจนหมดสติไป อีกทั้งแม่ทัพเฉิงยังด่าทอต่อว่าได้น่าเกลียดเช่นนี้หลังจากหันมองดูภายในเรือนหนึ่งรอบ เหมือนจะไม่เห็นสตรีผู้นั้น“ท่านพี่ พวกเขาเอาสตรีนางนั้นไปไว้ที่ใดหรือ?”กู้หว่านเยว่แอบกระซิบข้างหูซูจิ่งสิง อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างระอาเรื่องอย่างนี้ เขาจะสนใจได้อย่างไร?“ไปเถอะ เข้าไปดูข้างในก่อน”ช่วยคนสำคัญกว่า กู้หว่านเยว่ตามเฉิงทั่วเข้าไปในห้องขณะนี้ภายในห้องมีหมออีกสามคนกำลังรักษา หมอคนหนึ่งตรวจชีพจรให้เฉิงฮูหยินอยู่ข้างเตียง ส่วนหมออีกสองคนยืนสีหน้าร้อนใจอยู่ด้านหลัง“เป็นอย่างไร?”หมอคนหนึ่งแอบกระซิบถามหมอที่ตรวจชีพจรส่ายหน้าเบาๆ“นี่จะทำเช่นไรดี หากรักษาเฉิงฮูหยินไม่ได้ ด้วยนิสัยของท่านแม่ทัพ คงได้กุดหัวพวกเราจนหลุดแน่”หนึ่งในหมอเอ่ยถามด้วยสีหน้าร้อนรน ทุกคนรู้ถึงความสำคัญของเฉิงฮูหยินสำหรับเฉิงทั่ว“พวกเจ้าถามข้า ข้าเองก็ไม่รู้”“หมอโจว ที่นี่ทักษะวิชาแพทย์ของท่านสูงกว่าใคร ประสบการณ์โชกโชน ท่านลองดูสิว่าอาการของฮูหยินควรทำอย่างไร?”หมอสองคนมองด
เฉิงทั่วเป็นคนที่เย่อหยิ่งมากพอเจอหน้ากันก็ทำความเคารพอย่างเป็นทางการ พอเห็นได้ว่าเรื่องร้ายแรงเพียงใดกู้หว่านเยว่นึกถึงรองแม่ทัพที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ แล้วเชิญเฉิงทั่วออกไปหรือว่าผ่านไปหนึ่งคืนแล้ว เฉิงฮูหยินยังไม่ฟื้นอีก?“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน”“ข้าน้อยไม่ลุก นอกจากพระชายาจะรับปาก”เฉิงทั่วทำหน้าดื้อดึง เมื่อมองให้ละเอียดขอบตาของเขาแดง“เอาละ เจ้านำทางไปเถอะ แล้วบอกมาด้วยว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่”กู้หว่านเยว่ไม่มีทางเลือก ดูท่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้แล้วเฉิงทั่วถึงได้เช็ดน้ำตา แล้วลุกขึ้นจากพื้น อย่าว่าไป ท่าทางเช่นนั้นน่าสงสารเหลือเกินตาเฒ่าผู้นี้คงเป็นห่วงภรรยาของเขาจริงๆ“เมื่อคืนตั้งแต่ฮูหยินหมดสติไป ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย นอนอยู่บนเตียงไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่ว่าหมอจะใช้วิธีใด ก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น”เฉิงทั่วพูดไปด้วย ขอบตาพลันแดงไปด้วยเขากับเฉิงฮูหยินแต่งงานกันตั้งแต่หนุ่มสาว ประคับประคองกันมาตลอดในอดีตยามออกศึกที่ชายแดน เฉิงฮูหยินติดตามเขาไปด้วย ต่อมาย้ายมารักษาการที่ซุ่ยโจว เฉิงฮูหยินก็ตามมาอีกคลอดบุตธิดาให้เขาสองคน ทั้งสองคนรักใคร่กันมากถ้าเฉิงฮูหยินเกิดเรื่องอะไ
คาดว่าน่าจะเป็นศัตรูของสกุลอวิ๋น เห็นอวิ๋นมู่พ่อลูกไม่กลับมานานจึงสบจังหวะหาช่องว่าง เล่นงานสกุลอวิ๋นในเมื่อเป็นเช่นนี้ อวิ๋นมู่ไม่กลับไปคงไม่ได้แล้วซูจิ่งสิงได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยขึ้น “ข้าส่งคนไปคุ้มกันเจ้า”ตอนนี้สกุลอวิ๋นกับพวกเขาเจดีย์หนิงกู่ถือว่าร่วมงานกัน แม้เรื่องนี้จะเป็นความลับ แต่ยากจะรับประกันว่าไม่แพร่งพรายออกไปเกิดคนในราชสำนักรู้เข้า ความปลอดภัยของอวิ๋นมู่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง“ขอบคุณท่านอ๋อง”อวิ๋นมู่มองซูจิ่งสิงอย่างแปลกใจ ทำให้อีกฝ่ายเอ่ยเสียงเรียบ“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้เป็นห่วงเจ้า”เพราะกู้หว่านเยว่ บรรยากาศระหว่างทั้งสองมักจะแปลกประหลาด ตั้งแต่พบกันครั้งแรกก็ไม่ถูกกันแล้วอวิ๋นมู่ยิ้มเจื่อน “ท่านอ๋องวางใจได้ ข้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่ว่า ความหวังดีของท่านอ๋องข้าน้อยขอน้อมรับ และตื้นตันเหลือเกิน”การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีอันตราย เขาจึงไม่ปฏิเสธ“เจ้าจะออกเดินทางเมื่อใด?”กู้หว่านเยว่รีบสอบถาม“คืนนี้มากล่าวลาท่านอ๋องและพระชายา พรุ่งนี้เมื่อฟ้าสางจะออกเดินทางทันที”“เวลาเร่งรีบขนาดนี้เชียว”กู้หว่านเยว่รีบถาม“พรุ่งนี้ท่านอย่าเพิ่งรีบไป
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน รองแม่ทัพวิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แล้วหันมองเฉิงทั่วแวบหนึ่ง“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ฮูหยินหมดสติไปแล้วขอรับ”เฉิงทั่วหน้าถอดสี “อะไรนะ?”เขารีบลุกขึ้นยืนขึ้น ไม่มีเวลาสนใจกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่ยังอยู่ตรงนี้ แล้วรีบสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”“คุณชายน้อยกลับมาแล้ว ไม่เพียงกลับมา ยังพาอีกคน...”รองแม่ทัพกระดากปากที่จะเอ่ย จึงได้แต่ส่งสายตาให้อีกฝ่าย“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับไปดูเองเถอะขอรับ”เฉิงทั่วไม่มีแก่ใจจะกินอาหาร จึงลุกขึ้นขอตัว “ท่านอ๋อง พระชายา โปรดให้ข้าไปดูฮูหยินสักครู่ได้หรือไม่”“ไปเถอะ”ซูจิ่งสิงโบกมือ“ขอบคุณท่านอ๋อง” เฉิงทั่วรีบวิ่งออกไปทันทีหนานหยางอ๋องมองแผ่นหลังที่ร้อนใจของเขา แล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อยหากพระชายาของเขายังอยู่คงดีไม่น้อย เขากับเหล่าเฉิงแข่งกันมาค่อนชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ที่เขาแพ้มาตลอด“เกิดอะไรขึ้น?” กู้หว่านเยว่กระซิบถามชิงเหลียนชิงเหลียนเอ่ยเสียงต่ำ “คุณชายใหญ่สกุลเฉิงพาสตรีคนหนึ่งกลับมาด้วย เหมือนจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”เจ้าหมอนี่กู้หว่านเยว่เกือบสำลักข้าวมิน่าเฉิงฮูหยินถึงได้เป็นลม เจ้าเฉิงซินเม
มิน่าท่านอ๋องถึงยอมสวามิภักดิ์ต่อพวกเขา ทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา“พวกเราเองก็มาถึงเมืองซุ่ยโจว และได้พบท่านอ๋องกับพระชายาแล้ว เดี๋ยวส่งจดหมายไปแจ้งท่านอ๋องหน่อยเถอะ ท่านจะได้วางใจ”จู้หวยกล่าวเตือนอย่างใส่ใจครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ท่านอ๋องกำชับเขาแล้วว่า ต้องดูแลเนี่ยชิงหลานให้ดีในเมื่อเนี่ยชิงหลานเป็นคู่หมั้นของเขา เขาย่อมดูแลเอาใจใส่มาก“รู้แล้ว รู้แล้ว เจ้าอย่าเอาแต่บ่นข้า อีกเดี๋ยวตอนเขียนจดหมายข้าจะเป็นคนพูดส่วนเจ้าเป็นคนเขียน ขี่ม้ามาทั้งวัน เมื่อยมือจะแย่แล้ว”จู้หวยยิ้มพร้อมพยักหน้า“เรื่องนี้ไม่ยาก ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจที่ตัวหนังสือข้าน่าเกลียดก็พอ”เนี่ยชิงหลานขบขันเขาจนหัวเราะเสียงดังทันที“ตัวหนังสือของเจ้าน่าเกลียดมาก แต่ไม่เป็นไร วรยุทธ์ของเจ้าสูงส่ง พวกเจ้าที่เป็นทหารแม้จะไม่ใช่คนเถื่อน แต่ต้องรู้จักเขียนอ่านไว้บ้าง ถึงจะรู้เขารู้เรารบอย่างไรก็ไม่แพ้ ทว่าเรื่องการเขียนหนังสือไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันมากนัก แค่ดูได้ก็พอ”นางพูดอย่างจริงจัง จนจู้หวยเองก็หัวเราะตามนางไปด้วย ในแววตามีแต่ความเอ็นดู“ท่านหญิงพูดถูก”แม้ทั้งสองค
หลังหนังสือยอมจำนนออกมาแล้ว เนี่ยชิงหลานก็นำกองทัพเหอตง มาเสริมทัพกู้หว่านเยว่“เขตเหอตงของข้าไม่มีสิ่งใดเลย มีเพียงถ่านหินและเงินทองมากมาย พี่ใหญ่จึงนำไปแลกเสบียงหนึ่งชุด ส่งข้ามาช่วยเหลือพวกท่าน”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พบเนี่ยชิงหลานมาสักพักใหญ่ๆ แล้วตอนนี้เมื่อทั้งสองได้พบกัน นางดีใจมาก“เจ้าตัวสูงขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ลูบหัวเนี่ยชิงหลาน ทำให้อีกฝ่ายยิ้มอย่างเขินอาย“ไม่เพียงตัวสูงขึ้น ข้ายังหมั้นหมายแล้วด้วย”นี่เป็นข่าวที่อยู่เหนือความคาดหมายเมื่อเห็นพวกเขาหลายคนเดินทางเหน็ดเหนื่อย กู้หว่านเยว่รีบเชิญพวกเขาเข้าจวน เมื่อถึงห้องรับแขกจึงจับมือเนี่ยชิงหลานไว้ แล้วสอบถามอย่างละเอียด“เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้ เจ้าหมั้นกับผู้ใดหรือ?”“หมั้นกับแม่ทัพในค่ายของท่านพี่ นามว่าจู้หวย”ไม่ใช่เฉิงเซวียนหรอกหรือ ข่าวนี้ทำให้พวกกู้หว่านเยว่ยิ่งแปลกใจแต่เมื่อนึกดูอย่างละเอียด เฉิงเซวียนกับเนี่ยชิงหลานใช่ว่าจะเหมาะสมกันแม้ทั้งสองจะสนิทสนมกันตั้งแต่เด็ก ทว่าทัศนคติไม่ตรงกันบวกกับก่อนหน้านี้เพราะหญิงอื่น เฉิงเซวียนเข้าใจเนี่ยชิงหลานผิดหลายครั้งเนี่ยชิงหลานรู้ว่ากู้หว่านเยว่คิดอะไร จึ
ตกลงปีนั้นรัชทายาทตายเยี่ยงไรกันแน่?เขารู้ดียิ่งกว่าผู้ใดหากไม่ใช่รัชทายาทและพระชายารัชทายาทตายไป ไฉนเลยเขาจะได้นั่งตำแหน่งฮ่องเต้?ทว่าบัดนี้ เขาคิดว่าตำแหน่งฮ่องเต้กำลังตกอยู่ในอันตราย“ไป จับคนสกุลหลี่เข้าคุกใหญ่!”มู่หรงถิงไม่ฟังคำชี้แนะจากนั้นยามทุกคนมายังสกุลหลี่ กลับพบว่าสกุลหลี่มีเพียงความว่างเปล่า เหลือบ่าวรับใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่สองสามคนกำลังใช้วิธีพรางตา“ภายในหอบรรพบุรุษสกุลหลี่ พบเส้นทางสายหนึ่ง...”องครักษ์ไปจับคนตัวสั่นเทานี่คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเดิมทีมู่หรงถิงก็โมโหอยู่แล้ว ต้องการใครสักคนเพื่อบันดาลโทสะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาตัวคนรองรับอารมณ์ไม่พบ ยังถูกเขาจับได้ว่าคนของสกุลหลี่หนีไปแล้วเขาพลิกโต๊ะ กระทืบองครักษ์ไปจับตัวคนจนตาย“ฝ่าบาท” ตอนฮองเฮามา ภายในตำหนักวุ่นวายไปหมด แม้แต่นางกำลังก็ถูกมู่หรงถิงบีบคอตายไปสองคนฮองเฮาอดทนต่อความขยะแขยง สั่งให้คนลากศพไปจัดการ“เจ้ามาแล้ว”ตอนมู่หรงถิงอยู่เพียงลำพังจะบันดาลโทสะเยี่ยงไรก็ย่อมได้ แต่เขากลัวทำให้ฮองเฮาตกใจ“เพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ยินเรื่องของอัครมหาเสนาบดีหลี่แล้ว”ฮองเฮาก้าวเท้าเบาๆ มาหยุดต่อหน้ามู