“อาจารย์หญิง อาจารย์ ข้าขอตัวก่อน”หลังจากรายงานจบแล้ว หลี่เฉินอันก็รีบร้อนออกไปเพื่อปกป้องเจดีย์หนิงกู่ และเพื่อผู้คนที่เขาต้องการปกป้อง หลายวันนี้เขาจึงยุ่งมากจนเท้าแทบจะไม่ได้แตะพื้นเลย“หว่านเยว่ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มการป้องกัน”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไปเบา ๆ เพื่อนวดผ่อนคลายความกลัดกลุ้มตรงหว่างคิ้วให้นางหลังจากพักผ่อนได้หนึ่งคืน ในที่สุดกงซุนฉิงก็รู้สึกดีขึ้นมาก และมาหากู้หว่านเยว่อีกครั้งกู้หว่านเยว่คิดว่ากงซุนฉิงเป็นผู้นำม้าศึกและนักรบหมาป่ามาแต่แรก นางก็ต้องรู้วิธีดูแลพวกมันได้ดีกว่า จึงถือโอกาสมอบกุญแจสนามประลองให้กับนางเสียเลย“เจ้าเลือกเรือนที่เจ้าชอบข้างสนามประลองได้เลย จากนี้ไปขอมอบหมายให้เจ้าเป็นคนดูแลจัดการสนามประลอง”กงซุนฉิงยิ้มรับกุญแจมา “ฮูหยินวางใจได้เลย การฝึกฝนสัตว์สำหรับสกุลกงซุนของข้าแล้ว ก็เสมือนปลาได้น้ำ ม้าพยศที่ไม่ยอมรับการฝึกในเจดีย์หนิงกู่ของพวกท่าน ก็สามารถส่งมาให้ข้าฝึกฝนได้เช่นกัน!”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนเสียงเบา “การสร้างความสัมพันธ์กับสัตว์นั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ควรระวังเรื่องเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์มากกว่า”กงซุนฉิงสีหน
ทั้งสองจูงมือกันออกไปได้ไม่นาน ซูจิ่งสิงก็หยิบจดหมายลับมาให้กู้หว่านเยว่ซูจิ่งสิงยื่นรายงานลับให้กู้หว่านเยว่ เขาหาตัวอันธพาลสองสามคนนั้นที่รังแกจิ่นเอ๋อร์พบแล้ว แต่ตอนหาพบ พวกเขาล้วนตายไปแล้ว“ถูกวางยาตาย”อันธพาลสองสามคนนั้น ใครจงใจวางยาพิษฆ่าพวกเขากัน ยิ่งไปกว่านั้นตามหลักแล้วร้านขายยาล้วนไม่ขายยาพิษ มิใช่คนทั่วไปสามารถนำมาใช้ได้เดิมทีกู้หว่านเยว่สงสัยความผิดปกติของหร่านเหยียน นี่จึงยิ่งสงสัย“อย่าให้นางอยู่กับจิ่นเอ๋อร์อีก ประเดี๋ยวจะทำร้ายจิ่นเอ๋อร์ได้”เรียกหงเจาเข้ามา ได้รู้ว่าจิ่นเอ๋อร์พาหร่านเหยียนไปร้านอาหาร นางก้าวเดินไปแล้ว“ท่านพี่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะไปตามจิ่นเอ๋อร์กลับมา”กู้หว่านเยว่กลัวจิ่นเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย ไปที่ร้านอาหารโดยตรงปรากฏว่ามองเห็นคนทั้งสามกำลังนั่งกินข้าวบนชั้นสอง มิหนำซ้ำยังมีชายที่นางไม่รู้จักคนหนึ่ง“พี่สะใภ้ใหญ่!”ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รอให้กู้หว่านเยว่เอ่ยปาก ก็วิ่งลงมาคล้องแขนนางแล้ว“พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านมาได้?”“ชายข้างกายคุณหนูหร่านเหยียนเป็นใคร?” กู้หว่านเยว่รู้สึกว่าหร่านเหยียนผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆซูจิ่นเอ๋อร์กลับพูดอย่างไม่
หร่านเหยียนเกือบขบฟันเหล็กแตก เผชิญหน้ากับสายตาหวังดีของซูจิ่นเอ๋อร์ ยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ ดึงกำไลข้อมือออกเลือดหยดภายในใจนาง!“ยี่สิบตำลึง กำไลของท่านได้ราคาดีมากจริงๆ” ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานอย่างตกตะลึงยิ้มออกมา ไม่ว่ามองอย่างไรก็เจ่าเล่ห์ “คราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวพี่ใหญ่เจ้าไม่มีเงินให้ใช้แล้ว”“ใช่ นี่”นี่คือกำไลที่นางหวงแหนที่สุด ไฉนเลยจะไม่ได้ราคา!รอเสร็จเรื่องนี้แล้วค่อยไถ่กลับมาก็แล้วกัน ฝืนส่งเงินให้หร่านถิง“ใต้เท้าท่านดู นั่นคล้ายเป็นคุณหนูจิ่น?”บนถนน รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาอย่างเชื่องช้าเห็นข้างกายซูจิ่นเอ๋อร์มีชายคนหนึ่งอยู่ด้วย บ่าวรับใช้บ่นงึมงำ “แปลกยิ่งนัก ชายคนนี้เป็นใครกัน เหตุใดคุณหนูจิ่นต้องพูดคุยพลางหัวเราะกับเขาด้วย?”ฟู่หลานเหิงมองตามสายตาของบ่าวรับใช้ นี่ถึงพบว่าซูจิ่นเอ๋อร์กำลังยิ้มกว้างให้ชายที่อยู่ข้างกายไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจคล้ายถูกเข็มทิ่ม ราวกับถูกผีอำอยากเดินไปดูให้ได้“ใต้เท้า พวกเรายังต้องไปรายงานนะขอรับ”ถ้อยคำของบ่าวรับใช้ทำให้หัวใจของเขาตึงเครียด ลงท้ายก็สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะมิให้ตามไปได้“ไป ไปที่จวนกู้ก่อน”ระยะนี้เ
ความรักของจิ่นเอ๋อร์คนนี้เป็นความรักที่ขาดสติ นางเริ่มชอบฟู่หลานเหิงตั้งแต่เมืองตงโจว อีกทั้งในต้นฉบับ เดิมทีสองคนนี้จะต้องคู่กัน ในต้นฉบับเดิมหลังจากที่ซูจิ่งสิงตาย ซูจิ่นเอ๋อร์จะต้องถูกเนรเทศมายังเจดีย์หนิงกู่สุดท้ายฟู่หลานเหิงก็ได้ช่วยชีวิตนางออกมา ช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้นาง คอยดูแลอยู่ข้างกายในหนังสือ จิ่นเอ๋อร์ก็ยังคงลุ่มหลงในตัวเขาหากพลาดโอกาสนี้ไปก็คงน่าเสียดายไม่น้อยซูจิ่งสิงจนปัญญา “เจ้าจะทำอย่างไร?”เรื่องที่ภรรยาตัดสินใจ เขาไม่เคยคัดค้านเลยสักครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องทำตามยิ่งไปกว่านั้นจากมุมมองของผู้ชาย ฟู่หลานเหิงเป็นคนที่ไว้วางใจได้ บริสุทธิ์ ไม่เคยมีสตรีเข้ามายุ่งวุ่นวายข้างกาย“ข้าจะพูดให้เจ้าฟัง....”กู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างข้างหูของซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงปรายตามองด้วยความสงสัย “ทำเช่นนี้ได้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ เช้าวันที่สอง ซูจิ่นเอ๋อร์ออกจากบ้านเช้ากลับเร็วเหมือนต้องการหลบเลี่ยงใครบางคนฟู่หลานเหิงเองก็พยายามหลบ
“จิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อลานสัตว์ก็เกิดเรื่องแล้ว ข้าว่าเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าดีกว่า”หร่านเหยียนแสดงท่าทีหวังดีซูจิ่นเอ๋อร์เหมือนกำลังถูกนางโน้มน้าว แต่นัยน์ตากลับยังคงแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ “หากม้าศึกและนักรบหมาป่าเหล่านี้เป็นอะไรขึ้นมา จะต้องเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล พี่สะใภ้ใหญ่จะต้องเสียใจมาก นางกำลังตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าจะควบคุมไหวหรือไม่”หร่านเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “พี่ใหญ่เจ้า คงปลอบใจได้กระมัง?” ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่คิดอะไร “พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านหลายวันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าค่ะ”นางแสดงความเจ็บปวดและรู้สึกผิด “ข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ ทั้งจวนมีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ที่พึ่งได้”ทันทีที่ประโยคนี้ดังเข้าไปในหูของหร่านเหยียน สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมลง“ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงซูฮูหยินเช่นนี้ก็ตามนางไปดูเถอะ”นางกล่าวเอาใจ “ข้าและพี่ใหญ่ไม่เป็นไร พวกเราจะรอเจ้าเสร็จงานอยู่ที่นี่”ซูจิ่นเอ๋อร์รูสึกซาบซึ้งขึ้นมาทันที “หร่านเหยียน เจ้าช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีของข้ายิ่งนัก ข้าจะจำเจ้าไว้ รอข้าเสร็จงาน ข้าจะมาหาเจ้า”กล่าวจบก็จับชายกระโปรงแล้ววิ่งออก
กู้หว่านเยว่พยายามอดกลั้นที่จะไม่อาเจียนออกมา ก่อนจะกลอกตามองบน “คุณชายหร่านจะช่วยข้าอย่างไร?”“สตรีผู้งามเลิศอย่างซูฮูหยิน ควรได้รับการทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ มิเช่นนั้นหากเกิดริ้วรอยขึ้นมา คงดูไม่จืด” หร่านถิงค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมากใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดค่อย ๆ กล่าวโน้มน้าว “ข้าดีดฉินเป็น เสียงฉินปลอบประโลมใจคน ข้าเต็มใจปลอบประโลมใจฮูหยิน”กู้หว่านเยว่ “.....”หงจาว “.....”จะไม่ให้อาเจียนได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่แผนการ หมัดเล็ก ๆ ของหงจาวคงชกหน้าของเขาไปแล้วกู้หว่านเยว่พยายามข่มความสะอิดสะเอียน อยากรู้ว่าหร่านถิงจะทำอะไรจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ในห้องตำรามีฉิน ไปกันเถอะ”หร่านถิงยิ้มหวานการะชากใจ โปรยเสน่ห์ตามใจชอบ ไม่นานก็มาถึงห้องตำรา“เป็นฉินที่ดีจริง ๆ นี่คือฉินของฮูหยินหรือ ดูจากตัวฉินแล้วน่าจะถูกใช้มาหลายครั้ง ฮูหยินมักจะดีดฉินอยู่บ่อย ๆ กระมัง”หร่านถิงทำการดึงสาย กู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างสงบเงียบ “นี่คือฉินที่ข้าขโมยมาจากคลังส่วนตัวของบุรุษผู้หนึ่ง”ทั้งยังเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นขุนนางเก่าหร่านถิง “.....” ทั
หร่านถิงที่ยังปากแข็งอยู่เมื่อครู่ก็พลันระเบิดอารมณ์ออกมา “ตอนข้าหรือ? อย่า อย่าตอนข้า”การตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกทรมานสิบประการเสียอีก!เขาเป็นหนุ่มเจ้าชู้ที่ควบหญิงงามไม่เลือกหน้า สิ่งนั้นคือชีวิตเขาเป็นส่วนที่สร้างความสุขให้กับเขาหากไม่มีสิ่งนั้นแล้ว เขายอมตายดีกว่าลู่จิงตั้งใจหยิบมีดตะขอเล็กเล่มหนึ่งออกมา “นายท่านดูมีดเล่มนี้ของข้าสิ นี่คือมีดสำหรับตอนขันทีที่ลูกสมุนของข้านำออกมาจากวังหลวง รับรองเลยว่ามันสามารถตัดน้องชายของเจ้าจนสะอาดเกลี้ยง ฮ่าๆ!”“เจ้าอย่าเข้ามา อ๊าก!” หร่านถิงไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน เขาไม่อยากขาดลูกสิ้นหลาน ลู่จิงจับเขากระชากขึ้นมา จากนั้นก็ถลกกางเกงของเขาอาจเพราะหร่านถิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งสองคนจึงได้ยินเขาสารภาพผ่านประตู“ข้าพูดแล้ว ข้าสารภาพแล้ว!”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้น “ลากเขาเข้ามา”หร่านถิงดึงกางเกงไว้ จากนั้นก็คลานไปบนพื้นอย่างจนตรอก “หร่านเหยียน นางไม่ใช่น้องสาวของข้า”“ข้าแค่รับเงิน มาหลอกล่อเจ้า”ไม่รู้ว่าเขาเข้าถึงบทบาทมากเกินไปหรือเปล่า หร่านถิงถึงได้มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาหลงใหล“เจ้าเป็นคนแรกที่ต่อต้านเสียงฉินของข้า เ
“อ๊าก ช่วยด้วย!”หนูตัวนั้นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก ทั้งยังปีนป่ายขึ้นมาบนตัวของนาง ซูจิ่นเอ๋อร์ตื่นตกใจจนร้องกรีด สีหน้าซีดเผือด“หนูสกปรก ออกไปเดี๋ยวนี้!” หนูตัวนี้มีขนสีเขียวหม่นทั้งตัว ดวงตาสีแดงเลือด มองยังไงก็ดูแปลกประหลาดไม่เพียงแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ตื่นตกใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจมากเช่นกันทั้งสองคนรู้ว่าอุจจาระของหนูตัวนั้นทำให้หนูติดโรคระบาดจะให้ซูจิ่นเอ๋อร์โดนมันกัดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นซูจิ่นเอ๋อร์ก็อาจจะติดเชื้ออย่างไม่อาจหนีพ้น“ซูจิ่นเอ๋อร์ อย่าแตะต้องมัน!”เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้น จากนั้นฟู่หลานเหิงก็พุ่งออกมาจากความมืด จับหนูที่เกาะอยู่บนหน้าอกของซูจิ่นเอ๋อร์ออกอย่างไม่ลังเลเหตุการณ์เพียงสั้น ๆ ได้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทั้งตัวของนางทรุดลงไปนั่งบนพื้นเด็กผู้หญิงมักจะกลัวหนูอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหนูที่มีขนสีเขียวทั้งตัวและเป็นโรคระบาดมือและเท้าของนางเย็นเยือก สายตาที่มองไปทางฟู่หลานเหิงฉายแววสับสนฟู่หลานเหิงทำให้นางตกใจ จากนั้นก็เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”ส่วนองครักษ์จันทราที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
“นี่คือเรือใหญ่ของหมู่บ้านเรา สามารถจุคนได้มากกว่ายี่สิบคน ด้านท้ายเรือยังมีเรือเล็กอีกสองลำ เพื่อความสะดวกในการให้คนลงไปตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”ขณะที่หัวหน้าหมู่บ้านแนะนำ กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เหยียบบันไดขึ้นไปบนเรือใหญ่ทันที“หว่านเยว่!”แววตาของซูจิ่งสิงทั้งเอ็นดูและจนปัญญา“เจ้าห้ามไปที่ทะเลสาบ ตกลงกันแล้ว”“เราเป็นสามีภรรยากัน”กู้หว่านเยว่กะพริบตา กล่าวอย่างซุกซน“หากมีอันตราย ก็จะได้ตายไปพร้อมกัน”ซูจิ่งสิง ...ระหว่างพูด กู้หว่านเยว่ก็ขึ้นไปบนเรือแล้ว พร้อมกับเรียกให้ทุกคนขึ้นมา ซูจิ่งสิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พลางเหาะขึ้นไปบนเรือ แล้วโอบเอวนางไว้“ชิงหว่าน”สายตาของเผยเสวียนฉายแววไม่เห็นด้วย ทำให้เมี่ยชิงหว่านโกรธมาก“คนที่ยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรคือท่านพ่อของข้า หากท่านรักตัวกลัวตายก็ไม่ต้องไป แต่ข้าต้องไปให้ได้”พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วก้าวขึ้นเรือไปเผยเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขึ้นตามไปด้วยสีหน้ามืดมนเนื่องจากมาตรวจสอบหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ซูจิ่งสิงจึงนำองครักษ์ที่พายเรือเป็นมาล่วงหน้า หลังจากที่ทุกคนขึ้นเรือแล้ว ซูจิ่งสิงก็สั่งให้องครักษ์พายเ
“ลุกขึ้นเถอะ”ซูจิ่งชิงโบกมือให้ลุก เขามีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่ต้องมากพิธีเขาเปิดเรื่องถามทันที “ทะเลสาบที่เกิดเรื่องอยู่ไหน?”“ด้านหลังหมู่บ้าน เชิญท่านอ๋องตามข้าน้อยมา”ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครสนใจ คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะเดินทางมาด้วยตัวเองจากปากทางหมู่บ้านไปถึงทะเลสาบยังห่างไปอีกช่วงหนึ่ง กู้หว่านเยว่จึงถือโอกาสถามทันทีว่า“ผู้ใหญ่บ้าน ท่านช่วยเล่าเหตุการณ์ให้เราฟังหน่อยเจ้าค่ะ”ผู้ใหญ่บ้านสังเกตเห็นว่าข้างกายของท่านอ๋องนั้นยังมีสตรีหน้าตางดงามอีกหนึ่งคนตั้งแต่ที่ท่านอ๋องจูงมือของนาง แสดงท่าทางปกป้องมากเป็นพิเศษ ผู้ใหญ่บ้านพอจะเดาสถานะของกู้หว่านเยว่ได้ครั้นเห็นนางเอ่ยปากถาม จึงรีบกล่าวทันที“รายงานพระชายา ทะเลสาบแห่งนี้ชื่อว่าทะเลสาบโก่วสยง”เดิมทีหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบ ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างตกปลาเลี้ยงชีพจากทะเลสาบแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนแล้วเมื่อครึ่งเดือนก่อน กลับเกิดพายุครั้งใหญ่เกิดฟ้าผ่าสายหนึ่งกลางทะเลสาบโก่วสยงแห่งนี้“ยามนั้นเรียกได้ว่าแผ่นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง จนชาวบ้านต้องพากันออกมาดูสถานการณ์ ผลปรากฏว
“ว่ามา”“เช้าตรู่วันนี้ หมู่บ้านชาวประมงมีชาวประมงสูญหายอีกสองคน หนานหยางอ๋องทรงรับสั่งให้รุดหน้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าหลังจากที่มาถึงกลางทะเลสาบ เรือและคนก็ล้วนหายไปพร้อมกันขอรับ”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของกู้หว่านเยว่เปลี่ยนไป “หนานหยางอ๋องไปที่นั่นได้อย่างไร?”“พระชายาทรงยังไม่ทราบ เดิมทีหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นเป็นที่ตั้งหลักของกองทัพทหารหนานหยางอ๋อง”ฉู่เฟิงกล่าวอธิบาย คิ้วของกู้หว่านเยว่ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม“ท่านพี่ เรารีบไปดูกันเถอะ”ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกเดินทาง คาดไม่ถึงว่าหนานหยางอ๋องจะเกิดเรื่องเช่นนี้ก่อน ดังนั้นแผนการเดิมคือการสำรวจหมู่บ้านชาวประมงอย่างช้า ๆ หากหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นอันตรายมากจริง ๆ ก็ต้องล้อมทะเลสาบนั้นไว้ ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาดแต่ตอนนี้หนานหยางอ๋องดันเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เรื่องราวกลับเลวร้ายมากขึ้นทุกที“เราต้องไปดูก่อน ฉู่เฟิงเจ้ามาบังคับม้า เร่งความเร็วกว่านี้”ฉู่เฟิงพยักหน้า ทันทีที่กระโดดขึ้นรถม้าก็เห็นรถม้าอีกคันไล่ตามมา“พี่หญิงหว่านเยว่!”เมี่ยชิงหว่านเปิดม่านหน้าต่างรถม้า ก่อนจะชะโงกหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาออกมา“ท่านพ่อเกิดเรื่องแล้ว
เช้าวันที่สอง ในที่สุดซูจื่อชิงก็ลืมตาหลังจากเมาค้างมาหนึ่งคืนเต็ม อาการปวดหัวของเขาได้ทวีความรุนแรงขึ้น วินาทีต่อจากนั้นรูม่านตาของเขาก็หดลงฉับพลัน“ชิวจู๋ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” อีกฝ่ายนอนอยู่บนเตียงของเขา อีกทั้งบนตัวของนางก็สวมใส่เพียงเสื้อเอี๊ยมชิ้นเดียวซูจื่อชิงกระโดดลงจากเตียงทันที จากนั้นก็มองไปยังเสื้อผ้าที่ร่วงอยู่บนพื้นด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ “เมื่อคืนคุณชายรองคิดว่าข้าเป็นผู้อื่น จึงถอดเสื้อผ้าของข้า...”“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของซูจื่อชิงซีดเผือดลง เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ อีกฝ่ายพูดเป็นนัยอย่างเห็นได้ชัดแบบนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เวลานี้อาการปวดหัวของเขาทวีคูณมากขึ้น เขาไม่มีความภาพความประทับใจของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเลย เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองทำอะไรชิวจู๋หรือไม่“เราสองคนทำอะไรกันแน่?”เขาไม่อยากเชื่อ เขาไม่เคยนึกชอบชิวจู๋“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คุณชายรองยังอยากจะให้ข้าพูดออกมาอีกอย่างนั้นหรือ แล้วข้ายังจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้อย่างไรเจ้าคะ?”นัยน์ตาของชิวจู๋แดงก่ำ น้
ซูจิ่งสิงไม่เห็นด้วย ประเด็นหลักเพราะเขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บเพราะจากคำให้การของชาวบ้านเหล่านั้น ฟังดูแล้วทะเลสาบแห่งนั้นไม่ค่อยปลอดภัยนัก บางคนก็บอกว่ามีปีศาจอยู่ในทะเลสาบแห่งนั้น คนที่ดำลงไปสำรวจใต้น้ำก่อนหน้านั้นต่างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย“ไม่ได้ ในเมื่อเป็นสถานที่อันตราย ข้าก็ยิ่งต้องไปกับท่าน มิเช่นนั้นหากท่านตกอยู่ในอันตรายขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด ทำให้ซูจิ่งสิงจนปัญญา เดิมทีเขาอยากมาบอกกล่าวภรรยาของตัวเองก่อนออกเดินทางสักคำ คิดไม่ถึงว่าภรรยาของตนจะขอไปกับเขาด้วยเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของอีกฝ่าย เขาก็รู้ทันทีว่าต่อให้ตัวเองโน้มน้าวอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำได้แค่พยักหน้าอย่างจำใจ“ก็ได้ เช่นนั้นเราก็ไปด้วยกัน แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อน ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เจ้าห้ามกระโดดลงจากเรือไปสำรวจในทะเลสาบเพียงลำพังเด็ดขาด”“ไม่มีปัญหา”กู้หว่านเยว่รับปากวันนี้รับปาก พรุ่งนี้กลับคำเนื่องจากสองสามีภรรยาคู่นี้จะต้องออกเดินทางไปสำรวจทะเลสาบแห่งนั้นตั้งแต่เช้าตรู่ ดังนั้นคืนนี้ทั้งสองคนจึงไม่อยู่รอให้ซูจื่อชิงฟื้นอยู่ในจวน แต่
นางหยางปาดน้ำตา “ช่วงนี้เจ้าต้องดูแลกู้จื่อชิงให้ดี มันคือทางที่ดีที่สุดแล้ว เรื่องในวันนี้คงโทษเจ้าไม่ได้ เจ้าเองก็ไม่ต้องตำหนิตัวเจ้าเอง”ชิวจู๋กัดริมฝีปากพยักหน้าหลังจากที่กู้หว่านเยว่ต้มยาระงับประสาทให้แล้ว ก็ยื่นใบสั่งยาให้คนอื่น เพื่อเตรียมสมุนไพรนางแอบลากซูจิ่งสิงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานกว้าง“ท่านพี่ เรื่องนี้ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงไม่พูดสิ่งใด เรื่องความรู้สึกของซูจื่อชิงเขาเองก็ไม่รู้จะเข้าไปแทรกอย่างไรยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เมี่ยชิงหว่านกำลังจะหมั้นกับเผยเสวียนแล้ว เขาไม่มีทางเข้าไปชิงตัวใครออกมาอย่างแน่นอนครั้นกู้หว่านเยว่เห็นซูจิ่งสิงไม่กล่าวสิ่งใด ก็รู้ทันทีว่าคนที่แข็งกระด้างด้านความรู้สึกอย่างเขาคงไม่มีทางคิดออกแน่นอนดังนั้น นางจึงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ท่านไม่รู้สึกว่าการแต่งงานของเมี่ยชิงหว่านและเผยเสวียนกะทันหันเกินไปหรือเจ้าคะ?”ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร?”“ข้าให้คนไปตรวจสอบแล้ว พวกเขาสองคนรู้จักกันได้ไม่นาน มากสุดเพียงครึ่งเดือน อีกทั้งช่วงเวลานี้ ชิงหว่านไม่ได้สนใจเผยเสวียนเลย กลับเป็นเผยเสวียนที่คอยเอาแต่ประกาศอยู่เรื่อย ๆ ทำ
“คุณชายรองเราไปกันเถอะ ในเมื่อคุณหนูฟู่ตัดสินใจจะหมั้นกับคุณชายเผยแล้ว ต่อให้ท่านรอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้าค่ะ”ชิวจู๋ประคองซูจื่อชิงลุกขึ้น คาดไม่ถึงว่าซูจื่อชิงจะรับแรงกระตุ้นไม่ไหวกระอีกออกมาเป็นเลือดและสลบไปในที่สุด“คุณชายรอง คุณชายรอง!” ชิวจู๋รีบประคองซูจื่อชิงกู้หว่านเยว่กำลังคุยเรื่องนี้กับซูจิ่งสิงพอดี ครั้นได้ยินเด็กรับใช้รายงานว่าซูจื่อชิงสลบไม่ได้สติและกระอักออกมาเป็นเลือด“เด็กคนนี้ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกเขาอยู่หยก ๆ ว่าให้ถนอมร่างกายของตัวเอง ไม่ทันไรก็เกิดเรื่องขึ้นแล้ว”กู้หว่านเยว่ด่าทอพักใหญ่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัว ทั้งสองคนรีบเดินตรงไปยังจวนด้านหลัง“เกิดอะไรขึ้น?”ทันทีที่เข้าไปก็เห็นซูจื่อชิงสลบอยู่บนเตียง สีหน้าเขียวคล้ำ มุมปากมีคราบเลือดหยดหนึ่งติดอยู่นางหยางและซูจิ้งกลับมาพอดี ครั้นเห็นบุตรชายกลายเป็นเช่นนี้ ก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนมีดหรีดหัวใจ“หว่านเยว่ เจ้ารีบดูอาการให้เขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น เมื่อครู่ข้าเรียกเขาอยู่ครึ่งวัน กลับไม่มีการตอบสนองเลยสักนิด”“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป น้องชายรองแค่สลบไปเท่านั้น
“ในเมื่อเขามาหาเจ้าแล้วถึงที่แล้ว เจ้าก็ควรออกพบเขาสักหน่อย”เผยเสวียนคลี่ยิ้มหวาน ทำให้เมี่ยชิงหว่านขมวดคิ้วแน่น“ตอนนี้ข้าไม่อยากเจอใคร เจ้าไปบอกเขาเถอะ ข้าเข้านอนแล้ว”เด็กรับใช้ยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง เผยเสวียนตั้งใจลูบแก้มของนาง“สาเหตุที่เขาอยากพบเจ้าตอนนี้ คาดว่าคงยังคาใจ อยากฟังคำตอบจากปากของเจ้าเอง ข้าอยากให้เจ้าออกไปบอกเขาด้วยตัวเอง ให้เขาตัดใจเสียเถิด”เมี่ยชิงหว่านตัวสั่นระริก “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ข้าไม่เจอเขาก็พอแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ?”“ไม่ได้”เผยเสวียนคลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ “ชิงหว่าน เด็กดี เชื่อฟังข้าเถอะ มิเช่นนั้นเจ้าก็รู้ว่าผลลัพธ์จากการโกรธของข้าจะเป็นอย่างไร”เมี่ยชิงหว่านลังเลเล็กน้อย ยังไม่อยากออกไป“ในเมื่อเจ้าไม่อยากออกไปบอกเขา เช่นนั้นข้าจะออกไปบอกเขาเอง ถึงตอนนั้นอะไรที่ควรพูดอะไรที่ไม่ควรพูด ข้าเกรงว่าคงจะควบคุมปากไว้ไม่ได้”เผยเสวียนกล่าวพลางสาวเท้าเดินออกไปข้างนอกนัยน์ตาของเมี่ยชิงหว่านฉายแววเกลียดชัง จากนั้นก็กัดฟันพลางพยักหน้า “ข้าไปเอง ข้าจะออกไปบอกเขาเอง”“แบบนี้สิ ถึงจะเป็นคู่หมั้นที่น่ารักของข้า”เผยเสวียนหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพลางส
หลังจากเกิดความชุลมุนพักใหญ่ ในที่สุดเจ้าตัวก็ฟื้น “ข้า ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่?”ซูจื่อชิงมองรอบ ๆ ห้องอย่างเหม่อลอย สีหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์สุรา ท่าทางนั้นเหมือนตายทั้งเป็นกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ชิงหว่านกำลังจะหมั้นแล้ว ต่อไปเจ้าสองคนก็ต้องต่างคนต่างอยู่ เจ้าทำตัวแบบนี้ไปให้ใครดูกัน?”ซูจื่อชิงตัวสั่นเทิ้ม ก่อนที่บุรุษร่างใหญ่จะร้องไห้คร่ำครวญออกมา“ข้ารู้ผิดแล้ว ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเอง ต้องโทษปากของข้าที่เอาแต่ขับไสไล่ส่งนางออกไปไกลมากขึ้นทุกที”ตอนนี้ซูจื่อชิงน้ำตาเช็ดหัวเข่า“ทำไมข้าถึงชอบพูดประชดประชัน ทำไมข้าถึงไม่บอกความรู้สึกของข้ากับนางให้เร็วกว่านี้”บัดนี้คงทำได้แค่มองคนที่ตนรักแต่งงานกับคนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เขาจะทนได้อย่างไร? หลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าย้อมใจอยู่แต่ในร้านอาหาร ดื่มจนเมามาย เพียงแค่อยากให้ตัวเองไร้ความรู้สึกเท่านั้นน่าเสียดายที่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ไม่สามารถลบล้างด้วยการดื่มเหล้าได้ต่อให้ดื่มเหล้าจนเมามาย ก็ทำได้แค่ลืมไปชั่วขณะ หลังจากสร่างเมากลับมาเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม“เสียใจ ข้าเสียใจจริง ๆ”ซูจื่อชิงน้ำตาไหลอาบสอง