“อาจารย์หญิง อาจารย์ ข้าขอตัวก่อน”หลังจากรายงานจบแล้ว หลี่เฉินอันก็รีบร้อนออกไปเพื่อปกป้องเจดีย์หนิงกู่ และเพื่อผู้คนที่เขาต้องการปกป้อง หลายวันนี้เขาจึงยุ่งมากจนเท้าแทบจะไม่ได้แตะพื้นเลย“หว่านเยว่ เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเพิ่มการป้องกัน”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไปเบา ๆ เพื่อนวดผ่อนคลายความกลัดกลุ้มตรงหว่างคิ้วให้นางหลังจากพักผ่อนได้หนึ่งคืน ในที่สุดกงซุนฉิงก็รู้สึกดีขึ้นมาก และมาหากู้หว่านเยว่อีกครั้งกู้หว่านเยว่คิดว่ากงซุนฉิงเป็นผู้นำม้าศึกและนักรบหมาป่ามาแต่แรก นางก็ต้องรู้วิธีดูแลพวกมันได้ดีกว่า จึงถือโอกาสมอบกุญแจสนามประลองให้กับนางเสียเลย“เจ้าเลือกเรือนที่เจ้าชอบข้างสนามประลองได้เลย จากนี้ไปขอมอบหมายให้เจ้าเป็นคนดูแลจัดการสนามประลอง”กงซุนฉิงยิ้มรับกุญแจมา “ฮูหยินวางใจได้เลย การฝึกฝนสัตว์สำหรับสกุลกงซุนของข้าแล้ว ก็เสมือนปลาได้น้ำ ม้าพยศที่ไม่ยอมรับการฝึกในเจดีย์หนิงกู่ของพวกท่าน ก็สามารถส่งมาให้ข้าฝึกฝนได้เช่นกัน!”กู้หว่านเยว่เอ่ยเตือนเสียงเบา “การสร้างความสัมพันธ์กับสัตว์นั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ควรระวังเรื่องเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์มากกว่า”กงซุนฉิงสีหน
ทั้งสองจูงมือกันออกไปได้ไม่นาน ซูจิ่งสิงก็หยิบจดหมายลับมาให้กู้หว่านเยว่ซูจิ่งสิงยื่นรายงานลับให้กู้หว่านเยว่ เขาหาตัวอันธพาลสองสามคนนั้นที่รังแกจิ่นเอ๋อร์พบแล้ว แต่ตอนหาพบ พวกเขาล้วนตายไปแล้ว“ถูกวางยาตาย”อันธพาลสองสามคนนั้น ใครจงใจวางยาพิษฆ่าพวกเขากัน ยิ่งไปกว่านั้นตามหลักแล้วร้านขายยาล้วนไม่ขายยาพิษ มิใช่คนทั่วไปสามารถนำมาใช้ได้เดิมทีกู้หว่านเยว่สงสัยความผิดปกติของหร่านเหยียน นี่จึงยิ่งสงสัย“อย่าให้นางอยู่กับจิ่นเอ๋อร์อีก ประเดี๋ยวจะทำร้ายจิ่นเอ๋อร์ได้”เรียกหงเจาเข้ามา ได้รู้ว่าจิ่นเอ๋อร์พาหร่านเหยียนไปร้านอาหาร นางก้าวเดินไปแล้ว“ท่านพี่ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะไปตามจิ่นเอ๋อร์กลับมา”กู้หว่านเยว่กลัวจิ่นเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย ไปที่ร้านอาหารโดยตรงปรากฏว่ามองเห็นคนทั้งสามกำลังนั่งกินข้าวบนชั้นสอง มิหนำซ้ำยังมีชายที่นางไม่รู้จักคนหนึ่ง“พี่สะใภ้ใหญ่!”ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่รอให้กู้หว่านเยว่เอ่ยปาก ก็วิ่งลงมาคล้องแขนนางแล้ว“พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดท่านมาได้?”“ชายข้างกายคุณหนูหร่านเหยียนเป็นใคร?” กู้หว่านเยว่รู้สึกว่าหร่านเหยียนผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆซูจิ่นเอ๋อร์กลับพูดอย่างไม่
หร่านเหยียนเกือบขบฟันเหล็กแตก เผชิญหน้ากับสายตาหวังดีของซูจิ่นเอ๋อร์ ยิ้มได้น่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ ดึงกำไลข้อมือออกเลือดหยดภายในใจนาง!“ยี่สิบตำลึง กำไลของท่านได้ราคาดีมากจริงๆ” ซูจิ่นเอ๋อร์อุทานอย่างตกตะลึงยิ้มออกมา ไม่ว่ามองอย่างไรก็เจ่าเล่ห์ “คราวนี้ก็ไม่ต้องกลัวพี่ใหญ่เจ้าไม่มีเงินให้ใช้แล้ว”“ใช่ นี่”นี่คือกำไลที่นางหวงแหนที่สุด ไฉนเลยจะไม่ได้ราคา!รอเสร็จเรื่องนี้แล้วค่อยไถ่กลับมาก็แล้วกัน ฝืนส่งเงินให้หร่านถิง“ใต้เท้าท่านดู นั่นคล้ายเป็นคุณหนูจิ่น?”บนถนน รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นเข้ามาอย่างเชื่องช้าเห็นข้างกายซูจิ่นเอ๋อร์มีชายคนหนึ่งอยู่ด้วย บ่าวรับใช้บ่นงึมงำ “แปลกยิ่งนัก ชายคนนี้เป็นใครกัน เหตุใดคุณหนูจิ่นต้องพูดคุยพลางหัวเราะกับเขาด้วย?”ฟู่หลานเหิงมองตามสายตาของบ่าวรับใช้ นี่ถึงพบว่าซูจิ่นเอ๋อร์กำลังยิ้มกว้างให้ชายที่อยู่ข้างกายไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจคล้ายถูกเข็มทิ่ม ราวกับถูกผีอำอยากเดินไปดูให้ได้“ใต้เท้า พวกเรายังต้องไปรายงานนะขอรับ”ถ้อยคำของบ่าวรับใช้ทำให้หัวใจของเขาตึงเครียด ลงท้ายก็สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะมิให้ตามไปได้“ไป ไปที่จวนกู้ก่อน”ระยะนี้เ
ความรักของจิ่นเอ๋อร์คนนี้เป็นความรักที่ขาดสติ นางเริ่มชอบฟู่หลานเหิงตั้งแต่เมืองตงโจว อีกทั้งในต้นฉบับ เดิมทีสองคนนี้จะต้องคู่กัน ในต้นฉบับเดิมหลังจากที่ซูจิ่งสิงตาย ซูจิ่นเอ๋อร์จะต้องถูกเนรเทศมายังเจดีย์หนิงกู่สุดท้ายฟู่หลานเหิงก็ได้ช่วยชีวิตนางออกมา ช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ให้นาง คอยดูแลอยู่ข้างกายในหนังสือ จิ่นเอ๋อร์ก็ยังคงลุ่มหลงในตัวเขาหากพลาดโอกาสนี้ไปก็คงน่าเสียดายไม่น้อยซูจิ่งสิงจนปัญญา “เจ้าจะทำอย่างไร?”เรื่องที่ภรรยาตัดสินใจ เขาไม่เคยคัดค้านเลยสักครั้ง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องทำตามยิ่งไปกว่านั้นจากมุมมองของผู้ชาย ฟู่หลานเหิงเป็นคนที่ไว้วางใจได้ บริสุทธิ์ ไม่เคยมีสตรีเข้ามายุ่งวุ่นวายข้างกาย“ข้าจะพูดให้เจ้าฟัง....”กู้หว่านเยว่เขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบบางอย่างข้างหูของซูจิ่งสิงซูจิ่งสิงปรายตามองด้วยความสงสัย “ทำเช่นนี้ได้จริง ๆ หรือ?”“ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”และไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ เช้าวันที่สอง ซูจิ่นเอ๋อร์ออกจากบ้านเช้ากลับเร็วเหมือนต้องการหลบเลี่ยงใครบางคนฟู่หลานเหิงเองก็พยายามหลบ
“จิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อลานสัตว์ก็เกิดเรื่องแล้ว ข้าว่าเจ้าอย่าเข้าไปยุ่งพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าดีกว่า”หร่านเหยียนแสดงท่าทีหวังดีซูจิ่นเอ๋อร์เหมือนกำลังถูกนางโน้มน้าว แต่นัยน์ตากลับยังคงแดงก่ำอย่างอดไม่ได้ “หากม้าศึกและนักรบหมาป่าเหล่านี้เป็นอะไรขึ้นมา จะต้องเกิดความเสียหายอย่างมหาศาล พี่สะใภ้ใหญ่จะต้องเสียใจมาก นางกำลังตั้งครรภ์ ไม่รู้ว่าจะควบคุมไหวหรือไม่”หร่านเหยียนเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “พี่ใหญ่เจ้า คงปลอบใจได้กระมัง?” ซูจิ่นเอ๋อร์ไม่คิดอะไร “พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านหลายวันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่เจ้าค่ะ”นางแสดงความเจ็บปวดและรู้สึกผิด “ข้าเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถ ทั้งจวนมีเพียงพี่สะใภ้ใหญ่ที่พึ่งได้”ทันทีที่ประโยคนี้ดังเข้าไปในหูของหร่านเหยียน สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมลง“ในเมื่อเจ้าเป็นห่วงซูฮูหยินเช่นนี้ก็ตามนางไปดูเถอะ”นางกล่าวเอาใจ “ข้าและพี่ใหญ่ไม่เป็นไร พวกเราจะรอเจ้าเสร็จงานอยู่ที่นี่”ซูจิ่นเอ๋อร์รูสึกซาบซึ้งขึ้นมาทันที “หร่านเหยียน เจ้าช่างเป็นพี่สาวที่แสนดีของข้ายิ่งนัก ข้าจะจำเจ้าไว้ รอข้าเสร็จงาน ข้าจะมาหาเจ้า”กล่าวจบก็จับชายกระโปรงแล้ววิ่งออก
กู้หว่านเยว่พยายามอดกลั้นที่จะไม่อาเจียนออกมา ก่อนจะกลอกตามองบน “คุณชายหร่านจะช่วยข้าอย่างไร?”“สตรีผู้งามเลิศอย่างซูฮูหยิน ควรได้รับการทะนุถนอมดูแลเอาใจใส่ มิเช่นนั้นหากเกิดริ้วรอยขึ้นมา คงดูไม่จืด” หร่านถิงค่อนข้างมั่นใจในตัวเองมากใช้น้ำเสียงที่น่าดึงดูดค่อย ๆ กล่าวโน้มน้าว “ข้าดีดฉินเป็น เสียงฉินปลอบประโลมใจคน ข้าเต็มใจปลอบประโลมใจฮูหยิน”กู้หว่านเยว่ “.....”หงจาว “.....”จะไม่ให้อาเจียนได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่แผนการ หมัดเล็ก ๆ ของหงจาวคงชกหน้าของเขาไปแล้วกู้หว่านเยว่พยายามข่มความสะอิดสะเอียน อยากรู้ว่าหร่านถิงจะทำอะไรจากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก “ในห้องตำรามีฉิน ไปกันเถอะ”หร่านถิงยิ้มหวานการะชากใจ โปรยเสน่ห์ตามใจชอบ ไม่นานก็มาถึงห้องตำรา“เป็นฉินที่ดีจริง ๆ นี่คือฉินของฮูหยินหรือ ดูจากตัวฉินแล้วน่าจะถูกใช้มาหลายครั้ง ฮูหยินมักจะดีดฉินอยู่บ่อย ๆ กระมัง”หร่านถิงทำการดึงสาย กู้หว่านเยว่ดื่มชาอย่างสงบเงียบ “นี่คือฉินที่ข้าขโมยมาจากคลังส่วนตัวของบุรุษผู้หนึ่ง”ทั้งยังเป็นบุรุษวัยกลางคนที่มีอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว เป็นขุนนางเก่าหร่านถิง “.....” ทั
หร่านถิงที่ยังปากแข็งอยู่เมื่อครู่ก็พลันระเบิดอารมณ์ออกมา “ตอนข้าหรือ? อย่า อย่าตอนข้า”การตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าการถูกทรมานสิบประการเสียอีก!เขาเป็นหนุ่มเจ้าชู้ที่ควบหญิงงามไม่เลือกหน้า สิ่งนั้นคือชีวิตเขาเป็นส่วนที่สร้างความสุขให้กับเขาหากไม่มีสิ่งนั้นแล้ว เขายอมตายดีกว่าลู่จิงตั้งใจหยิบมีดตะขอเล็กเล่มหนึ่งออกมา “นายท่านดูมีดเล่มนี้ของข้าสิ นี่คือมีดสำหรับตอนขันทีที่ลูกสมุนของข้านำออกมาจากวังหลวง รับรองเลยว่ามันสามารถตัดน้องชายของเจ้าจนสะอาดเกลี้ยง ฮ่าๆ!”“เจ้าอย่าเข้ามา อ๊าก!” หร่านถิงไม่เคยสิ้นหวังเช่นนี้มาก่อน เขาไม่อยากขาดลูกสิ้นหลาน ลู่จิงจับเขากระชากขึ้นมา จากนั้นก็ถลกกางเกงของเขาอาจเพราะหร่านถิงทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งสองคนจึงได้ยินเขาสารภาพผ่านประตู“ข้าพูดแล้ว ข้าสารภาพแล้ว!”กู้หว่านเยว่กล่าวขึ้น “ลากเขาเข้ามา”หร่านถิงดึงกางเกงไว้ จากนั้นก็คลานไปบนพื้นอย่างจนตรอก “หร่านเหยียน นางไม่ใช่น้องสาวของข้า”“ข้าแค่รับเงิน มาหลอกล่อเจ้า”ไม่รู้ว่าเขาเข้าถึงบทบาทมากเกินไปหรือเปล่า หร่านถิงถึงได้มองกู้หว่านเยว่ด้วยสายตาหลงใหล“เจ้าเป็นคนแรกที่ต่อต้านเสียงฉินของข้า เ
“อ๊าก ช่วยด้วย!”หนูตัวนั้นเกาะอยู่บนเสื้อผ้าบริเวณหน้าอก ทั้งยังปีนป่ายขึ้นมาบนตัวของนาง ซูจิ่นเอ๋อร์ตื่นตกใจจนร้องกรีด สีหน้าซีดเผือด“หนูสกปรก ออกไปเดี๋ยวนี้!” หนูตัวนี้มีขนสีเขียวหม่นทั้งตัว ดวงตาสีแดงเลือด มองยังไงก็ดูแปลกประหลาดไม่เพียงแต่ซูจิ่นเอ๋อร์ที่ตื่นตกใจ กู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงที่เพิ่งมาถึงก็ตกใจมากเช่นกันทั้งสองคนรู้ว่าอุจจาระของหนูตัวนั้นทำให้หนูติดโรคระบาดจะให้ซูจิ่นเอ๋อร์โดนมันกัดไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นซูจิ่นเอ๋อร์ก็อาจจะติดเชื้ออย่างไม่อาจหนีพ้น“ซูจิ่นเอ๋อร์ อย่าแตะต้องมัน!”เสียงที่ตื่นตระหนกดังขึ้น จากนั้นฟู่หลานเหิงก็พุ่งออกมาจากความมืด จับหนูที่เกาะอยู่บนหน้าอกของซูจิ่นเอ๋อร์ออกอย่างไม่ลังเลเหตุการณ์เพียงสั้น ๆ ได้ทำให้ซูจิ่นเอ๋อร์ตะลึงงันไปชั่วขณะ ทั้งตัวของนางทรุดลงไปนั่งบนพื้นเด็กผู้หญิงมักจะกลัวหนูอยู่แล้ว ยิ่งเป็นหนูที่มีขนสีเขียวทั้งตัวและเป็นโรคระบาดมือและเท้าของนางเย็นเยือก สายตาที่มองไปทางฟู่หลานเหิงฉายแววสับสนฟู่หลานเหิงทำให้นางตกใจ จากนั้นก็เอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”ส่วนองครักษ์จันทราที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก