กู้หว่านเยว่รีบถาม “ฮูหยินลุกขึ้นเถอะ ไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”ซูจิ่งสิงทางด้านข้างช่วยอธิบาย “ภรรยาบ้านข้าก็คือหมอ โรคระบาดในตอนแรกก็เป็นนางรักษาจนหายดี คนไข้ผ่านมือของนางนับไม่ถ้วน”เดิมทีนายหญิงเว่ยยังกังวลอยู่บ้าง เพียงได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าถึงขั้นเคยรักษาโรคระบาดมาก่อน ทันใดนั้นคิดว่ากู้หว่านเยว่ยอดเยี่ยมมาก รีบหลบไปที่ด้านข้าง“เสียวฉู่ หลบไปหน่อย อย่ารบกวนท่านหมอรักษาแม่ของเจ้า”นายหญิงเว่ยอุ้มเด็กไปที่ฝั่งหนึ่งกู้หว่านเยว่รีบนั่งลง จับชีพจรให้เจียงหรง นี่หากไม่จับชีพจรก็ไม่รู้ ครั้นจับชีพจรแล้วก็ตกตะลึงพรึงเพริด อีกฝ่ายถึงขั้นตั้งครรภ์“ฮูหยินน้อยกำลังตั้งครรภ์ พวกท่านรู้หรือไม่?”“อะไรนะ?” เดิมทีสีหน้าของเจียงหรงก็เผือดซีดเพราะอาการป่วย ทั้งตัวคนไร้เรี่ยวแรงทว่าหลังได้ยินประโยคนี้ กลับฟื้นฟูมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ดวงตาเองก็ทอประกายระยับนายหญิงเว่ยตกตะลึงพรึงเพริด “พวกเราไม่รู้จริงๆ ระหว่างเดินทางสนใจเพียงหนีเอาชีวิตรอด ไฉนเลยจะรู้เรื่องนี้ได้?สวรรค์โปรด นั่งรถม้านั่งเรือ เด็กคนนี้ทรมานยิ่งนัก มิน่าเล่าแม่ของเด็กจึงล้มป่วยตามไปด้วย”นายหญิงเว่ยปวดใจมาก สำหรับลูกส
“รีบลุกขึ้นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง รู้สึกรักเด็กคนนี้มากนางจำได้ ลูกคนแรกของเว่ยเฉิงก็คือหงส์ท่ามกลางมวลมนุษย์“ฮูหยิน ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า”กู้หว่านเยว่อธิบายกับเจียงหรง ตั้งครรภ์ย่อมไม่สามารถใช้ยาได้“รบกวนซูฮูหยินแล้ว” เจียงหรงพยักหน้าเบาๆ ภายในสายตายามสบมองกู้หว่านเยว่เจือรอยยิ้ม“ข้าเคยพบฮูหยินมาก่อน”“ฮูหยินช่วยท่านพี่ไว้ ท่านพี่เคยพูดว่าท่านมีบุญคุณยิ่งใหญ่ต่อเขา ภายภาคหน้าจะต้องตอบแทนดีๆ”สองสามีภรรยาเจียงหรงล้วนเป็นคนดี หากมิใช่ต้นฉบับของหนังสือ มู่หรงอวี้จิตใจโหดเหี้ยมจนเกินไป ทำร้ายสกุลเว่ยทั้งครอบครัวหาไม่แล้ว เว่ยเฉิงก็ไม่มีวันหักหลังเขาฝังลงไปทีละเข็ม เจียงหรงรู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างช้าๆ นอนหลับไปอย่างว่องไว“ชู่ว์”เห็นนายหญิงเว่ยต้องการพูด กู้หว่านเยว่ทำสัญลักษณ์มือห้ามส่งเสียงเรียกคนไปภายนอก “เจียงหรงร่างกายอ่อนแอ ให้นางนอนหลับดีๆ สักตื่นเถอะ”นายหญิงเว่ยไม่รู้วิชาแพทย์ของกู้หว่านเยว่ วางใจไม่ลงอย่างแท้จริง“ลูกสะใภ้ข้านาง ไม่เป็นไรจริงหรือ?”“พักฟื้นดีๆ ก็พอ”กู้หว่านเยว่รู้บ้านเขาคือนายหญิงเว่ยเป็นผู้ตัดสินใจ ดึงโฉนดที่ดินและกุญแจออกมามอบให้นา
บังเอิญนางหิวเล็กน้อย ได้กลิ่นหอมนิ้วมือก็ขยับในทันทีทันใดหลังมั่นใจว่าไม่มีพิษ ก็ชิมเข้าไปหนึ่งคำ ครั้นได้ชิมดวงตาก็หลับพริ้ม“อร่อย!”กู้หว่านเยว่มิได้เกรงใจ หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงนี้อร่อยมาก“พวกเจ้าสองคนเคยทำอาหารมาก่อนหรือ ทำอาหารอร่อยมากเพียงนี้ได้?”หญิงออกเรือนแล้วถูมือ “ก่อนพวกเราหนีมา ทำอาหารอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กินเข้าไปอีกหลายคำ เกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนางนึกได้ว่าจวนขาดคนทำอาหารพอดี มิสู้ให้สองสามีภรรยามาทำอาหารที่จวนเพียงแต่ต้องการทำงานในจวนนาง จะต้องลงนามในสัญญาขายตัวเป็นทาส หาไม่แล้วนางก็ไม่วางใจ ก็แค่ไม่รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้จะยอมหรือไม่กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้พวกเขาฟังสองสามีภรรยาได้ยิน แทบจะไม่ลังเล “ฮูหยินและนายท่านเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตพวกเรา พวกเรายินดีอยู่ในจวนหลังนี้”แท้จริงแล้ว หากกู้หว่านเยว่ไม่รับพวกเขาไว้ พวกเขาเองก็ต้องไปหางานทำ“เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปเก็บของ ย้ายของเข้าจวนกู้เถอะ”กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ฉู่เฟิงทีหนึ่ง รีบพาทั้งสามคนไปลงนามในสัญญาขายตัวเป็นทาส ยิ่งไปกว่านั้นยังจัดแจงที่พักให้พวกเขาอีกด้วย“
“เดิมทีพี่หญิงและพี่เขยก็มีชีวิตสุขสำราญ ก็เพราะการปรากฏตัวของเจ้า ทำลายความงดงามนี้ไป”นางหลิ่วจับจ้องกู้หว่านเยว่ตาเขม็ง สายตาคล้ายยาพิษก็มิปาน“พวกเขารนหาที่ตายเอง มิได้ตายบนมือข้า เกี่ยวอันใดกับข้าด้วย?”กู้หว่านเยว่มีสีหน้างุนงงสาเหตุที่ทังต๋าถูกเนรเทศ ก็เพราะมีมากมายหลายชีวิตต้องตายในเงื้อมมือของอีกฝ่ายหลายปีเพียงนี้ ยักยอกเงินเป็นจำนวนมาก สมควรได้รับโทษส่วนหลิ่วอี๋เหนียงคนนั้น ก็ไม่ต้องพูดแล้วถึงขั้นช่วยทังต๋าหลอกหลี่ชิวเตี๋ย ส่งลูกชายของตนให้หลี่ชิวเตี๋ยเลี้ยง สตรีอำมหิตเพียงนี้ ภายภาคหน้าถูกสกุลหลี่สั่งสอนก็เป็นเรื่องปกติแต่นี่พูดไปพูดมาล้วนเป็นบุญคุณความแค้นของพวกเขาและสกุลหลี่ นางคล้ายไม่มีความเกี่ยวข้องกระมัง?“หากมิใช่เพราะเจ้า เดิมทีเรื่องของพี่หญิงข้าและพี่เขยก็ไม่มีใครพบ”ตานางหลิ่วแดงขึ้น “เป็นเจ้าทำลายความสุขของข้า เป็นเจ้าทำลายชีวิตอันงดงามของข้า!ถึงขั้นอยากดึงปิ่นบนศีรษะ แทงกู้หว่านเยว่ยังดีขาสองข้างของนางหักไปแล้ว เมื่อครู่จึงล้มลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมหน่อย หากยังวุ่นวายอีก ข้าจะรับชีวิตของเจ้าไปเสียเลย”หงเจาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงคนนี้ใช่หรือไม
เรื่องของบ้านคนอื่นยังสอดเข้าไปยุ่งน้อยลงจะดีกว่า เมื่อแรกหากไม่ต้องจัดการทังต๋า ไล่เขาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการอำเภอเมืองอวี้ กู้หว่านเยว่ก็คงไม่ไปสืบเรื่องของบ้านพวกเขาไม่สืบหาย่อมไม่รู้ เพียงสืบหาก็พบว่า ทังต๋าเป็นชายเจ้าชู้คนหนึ่ง“เจ้าค่ะ” หงเจารีบเข้าไปจับตัวนางหลิ่วนางหลิ่วยังร้องตะโกนโวยวาย “กู้หว่านเยว่เจ้านางแพศยาคนหนึ่ง หากมิใช่เจ้า บัดนี้พี่เขยข้าก็ยังสบายดี ส่วนข้าเองก็ไม่ตกลำบากถึงขั้นนี้ เหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าทำลาย ข้าสาปแช่งเจ้า สาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี...”“หุบปาก!”หงเจามิอาจทนฟังต่อไปไหว สับมือใส่อีกฝ่ายจนหมดสติไป ยิ่งไปกว่านั้นยังออกแรงมากเพียงพอ ไม่กลัวตีอีกฝ่ายตายเลยแม้แต่น้อยก็เพราะนางโมโหมาก ไม่อาจทนฟังใครพูดจาหยาบคายต่อฮูหยินได้ทั้งๆ ที่ฮูหยินเป็นสตรีจิตใจดีที่สุดบนโลก หากมิใช่นาง บัดนี้ยังมีผู้ลี้ภัยอีกมากไม่มีบ้านให้กลับมือคู่นั้นของนางไม่รู้ว่าช่วยชีวิตคนมากน้อยเพียงใด ตัวโง่งมนี้ ถึงขั้นยังขวัญกล้าสาปแช่งฮูหยิน!กู้หว่านเยว่พูดอย่างขำขัน “เจ้าโมโหนางทำอันใด?”นางเองก็มองเห็นการกระทำเล็กๆ ของหงเจาหงเจาแลบลิ้น “ยังดีข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงกล้าลงมือ
ดวงตาหลี่ชิวเตี๋ยทอประกายระยับ หญิงชั่วประจบสอพลอเช่นนี้ จะต้องให้ศาลาว่าการต้อนรับนางดีๆ“ใช่แล้วฮูหยิน ข้าสั่งคนให้ทำชาดตามตำรับที่เจ้ามอบให้ออกมาแล้ว”หลี่ชิวเตี๋ยหยิบชาดที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้อย่างดีจากมือสาวใช้ เปิดออกส่งให้กู้หว่านเยว่“เล็กๆ หนึ่งกล่อง ไม่เพียงสีนุ่มนวล ยังหอมมากนัก”สายตานางยามสบมองกู้หว่านเยว่เปี่ยมความเลื่อมใส “ฮูหยิน เจ้ามีอะไรทำไม่ได้บ้างเล่า?”กู้หว่านเยว่ยิ้มแต่ไม่พูด กลับครุ่นคิดภายในใจก็เพราะนางมีนิ้วทองอย่างไรเล่า!บนแพลตฟอร์มการขายในมิติ ตำรับชาดมีมากนักกู้หว่านเยว่หยิบตำรับโบราณทำง่ายออกมาสองสามแผ่น จะต้องไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน“เพียงชาดนี้ยังไม่พอ ยังขาดอีกหนึ่งสิ่ง”ภายใต้สายตาสงสัยของหลี่ชิวเตี๋ย กู้หว่านเยว่หยิบแปรงแต่งหน้าออกมาอันหนึ่งบังเอิญมีหญิงออกเรือนแล้วยังอ่อนเยาว์หลายท่านเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“ชิวเตี่ย เหตุใดร้านดอกท้อของเจ้าไม่เปิดเล่า?”“อวิ๋นเซียง? เหตุใดพวกเจ้ามาได้”หลี่ชิวเตี๋ยรีบลุกขึ้นแนะนำ “ฮูหยิน นี่คือสวี่ฮูหยิน สองท่านนี้คือโจวฮูหยินและจี้ฮูหยิน”พวกนางล้วนเป็นคนตระกูลขุนนางเมืองอวี้ ก่อนนี้หลี่ชิวเตี๋ยมักไปห
พอดีจะได้แนะนำหลี่ชิวเตี๋ยสักเล็กน้อย แปรงแต่งหน้านี้ใช้งานเยี่ยงไร ถึงตอนนั้นจะได้ประกาศออกไป“รบกวนเจ้าแล้ว” สวี่ฮูหยินพยักหน้าให้กู้หว่านเยว่อย่างมีมารยาทแท้จริงแล้วสวี่ฮูหยินไม่มีความมั่นใจในตนเองมาโดยตลอด เพราะในบรรดาคนกลุ่มนี้ นางหน้าตาแย่ที่สุดดังนั้นทุกครั้งสวมใส่เสื้อผ้าทำได้เพียงเลือกเสื้อผ้าเรียบง่าย ใบหน้าก็ไม่กล้าแต่งมากเกินไปนัก“ใช้ได้จริงหรือ?”เห็นว่ากู้หว่านเยว่หยิบแปรงแต่งหน้าขึ้นมาปัดลงบนใบหน้านาง สวี่ฮูหยินกังวลมากชนิดที่ว่าลมหายใจยังผ่อนให้เบาลง ทว่าเพียงครู่เดียวก็หว่านเยว่ก็ดึงมือกลับไปแล้วหลี่ชิวเตี๋ยวอุทานอย่างตกตะลึง “สวรรค์ อวิ๋นเซียง เจ้างามยิ่งนัก”“เจ้า เจ้ากำลังล้อเล่นกระมัง?”สวี่ฮูหยินลืมตาอย่างกังวล หลี่ชิวเตี๋ยรีบให้สาวใช้หยิบคันฉ่องมาเพียงได้เห็น นางก็เหม่อไปเดิมทีใบหน้าเหลืองซีด ครู่เดียวก็กลายเป็นชุ่มชื้นนวลแดงยิ่งไปกว่านั้น เพราะทางฝั่งเจดีย์หนิงกู่มีลมหิมะแรง ใบหน้านางหยาบกร้านมากมาโดยตลอดทว่าตอนนี้รูขุมขนบนใบหน้ากลับเรียบ ผิวพรรณดีขึ้นไม่ใช่เพียงเล็กน้อยสวี่ฮูหยินตกตะลึงดีใจอย่างอดไม่ได้เดิมทีนางก็แค่ไว้หน้าสหาย คิดไม่ถ
“เมื่อครู่ได้ยินโจวฮูหยินพูดว่า เจ้าถูกคนหลอกแล้ว?”สวี่ฮูหยินเอ่ยถามอย่างห่วงใย“พูดไปแล้วเรื่องยาวมากนัก ครั้งหน้าค่อยบอกเจ้า”หลี่ชิวเตี๋ยอยากให้แผลสมานด้วยตนเอง อย่างไรเสียนางก็ตาบอดเลือกทังต๋า ชายเจ้าชู้คนนี้ทำให้นางอับอายไปทั่วทั้งเมืองอวี้ดังนั้นในระยะนี้ นางจึงมิได้ไปมาหาสู่กับฮูหยินเหล่านั้นส่วนสวี่ฮูหยินในฐานะสหายที่ดีของนาง ก็ไม่รู้เรื่องนี้“รอเจ้าอยากพูด ค่อยพูด”สวี่ฮูหยินเองก็เป็นคนหลักแหลมคนหนึ่ง เห็นหลี่ชิวเตี๋ยไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ นี่ก็ไม่คิดถามต่อนางหันหน้า สายตาตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ รู้สึกเก้อกระดาก“ในเมื่อผงไข่มุกหยกนารีและผงฝูหรงนี้เจ้าเป็นคนทำ เชื่อว่าเจ้าจะต้องมีชุดบำรุงผิวเป็นแน่”“สวี่ฮูหยินมีอันใดก็พูดออกมาโดยตรงเถอะ” กู้หว่านเยว่หยั่งเดาว่านางจะพูดอะไรสวี่ฮูหยินพูดอย่างกังวล “ข้าเห็นเจ้าผิวพรรณดีมาก เมื่อครู่ตอนเจ้าแต่งหน้าให้ข้า เชื่อว่าได้เห็นรอยขรุขระ รูขุมขนกว้างมากของข้าแล้ว”นางรีบเอ่ยถาม “มีวิธีใด สามารถบำรุงผิวข้าได้หรือไม่?”แม้ว่าแต่งหน้าสามารถปกปิดได้ แต่ล้างหน้าแล้วก็ยังกลับมาเหมือนเดิมสวี่ฮูหยินพูดอย่างเก้อกระดาก ตกดึกยามน
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้
ตอนนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกจากที่ลับอย่างว่องไว เล่นงานคนชุดดำสองคนจนล้มลงไป“แย่แล้ว มีกับดัก!”คนชุดดำที่เหลือเห็นกู้หว่านเยว่มีวิชายุทธ์สูง เวลาเพียงชั่วพริบตาก็สามารถล้มสหายสองคนของพวกเขาได้ หันหลังเตรียมหนีโดยไม่ยั้งคิด“คิดหนีตอนนี้ ไม่สายเกินไปหรือ?”กู้หว่านเยว่พุ่งตัวไปที่หน้าประตูกระโจม สาดผงยาพิษใส่พวกเขา“มีพิษ!”ทำให้กู้หว่านเยว่แปลกใจก็คือหัวหน้าคนชุดดำมีท่าทีตอบสนองอย่างว่องไวและกลั้นหายใจได้ทันท่วงที หลบหลีกผงยาพิษของนาง“ดูท่าแล้วพวกเจ้าแต่ละคนล้วนเป็นปรมาจารย์ใช้ยาพิษสินะ”กู้หว่านเยว่หรี่ตาลง หยิบกระบองไฟฟ้าอันหนึ่งออกจากมิติจากนั้นเหินบินขึ้นไป เหวี่ยงกระบองไฟฟ้าใส่ร่างพวกเขาชั่วขณะแตะโดนกระบองไฟฟ้า พวกเขาเพียงรู้สึกชาไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เบื้องหน้ามืดมิด ชักกระตุกระลอกหนึ่งแล้วล้มลงบนพื้นหลังมั่นใจว่าคนชุดดำทั้งห้าหมดสติไปแล้ว กู้หว่านเยว่ถึงเก็บกระบองไฟฟ้า หันหลังเดินไปทางเกาเจี้ยน“แม่ทัพใหญ่เกา! ตื่นๆ รีบตื่นเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่ผลักไหล่ของเกาเจี้ยน เห็นเขายังไร้ท่าทีตอบสนอง ดึงแขนเสื้อขึ้น ออกแรงตบหน้าของเขาเกาเจี้ยนกำลังหลับฝันหวาน สั
กู้หว่านเยว่อ่านความคิดของเขาออก ยื่นมือออกไปหนึ่งข้าง ดึงคางของเขาออก จากนั้นยกขาหนึ่งข้างเหยียบหลังของเขาไว้และกดลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมสักหน่อย หาไม่แล้วจะฆ่าเจ้า!”กู้หว่านเยว่พูดเตือนหนึ่งประโยคคนชุดดำอยากพูดอะไร แต่เพราะคางถูกดึงออกแล้ว ไม่สามารถพูดออกมาได้แม้ครึ่งประโยค ทำได้เพียงหันหน้า ใช้สายตาโหดเหี้ยมสบมองกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่กลับไม่ตามใจเขา เหวี่ยงหมัดใส่เขาแรงๆ ทีหนึ่ง“มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามหรือ? รีบก้มหน้าให้ข้าดีๆ”คนชุดดำถูกหมัดนี้ของกู้หว่านเยว่ต่อยจนสันจมูกหัก เลือดพุ่ง เขาก้มหน้าลงไปด้วยความเจ็บปวดผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก“ข้าถามเจ้า ดึกดื่นค่ำมืดพวกเจ้ามาทำอันใดที่ค่ายของต้าฉีข้า? พวกเจ้ามีเป้าหมายอะไร? วางแผนเช่นไร?”เพราะเวลากระชั้นชิด กู้หว่านเยว่กังวลคนหนานเจียงยังมีแผนอื่นอีก ไม่พูดเหลวไหลกับคนชุดดำอีก หยิบยาพูดความจริงออกจากมิติและป้อนคนชุดดำ“พวกเราได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ล่วงหน้ามาฆ่าชวีเฟิง”กู้หว่านเยว่ชะงักเล็กน้อย“พวกเจ้ารู้ข่าวว่าชวีเฟิงทรยศพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”คิดไม่ถึงเลยว่าหูตาของคนหนานเจียงจะว่องไวถึงเพียงนี้“
“ข้านึกขึ้นได้ว่าลืมมอบของบางอย่างให้คุณชายอวิ๋น พวกเจ้าช่วยนำของสิ่งนี้กลับไปมอบให้เขาเถอะ”กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ออกจากใต้วงแขนหนึ่งในทหารชะงักไป พูดเสนอขึ้นว่า “ขวดเล็กๆ เพียงขวดเดียว ไม่ถึงขั้นต้องให้พวกเราสิบคนกลับไปพร้อมกันหรอกกระมัง หากพวกเรากลับไปทั้งหมด ก็ไม่มีคนปกป้องฮองเฮาแล้ว”“เอาเช่นนี้เถอะ ข้าน้อยจะนำของสิ่งนี้กลับไปให้คุณชายอวิ๋นเอง คนที่เหลืออยู่ติดตามท่านไปข้างหน้า ท่านคิดเห็นเช่นไร?”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า เหตุที่นางให้พวกเขานำน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์กลับไปก็เพราะต้องการสลัดพวกเขาทิ้งและใช้การเทเลพอร์ตหากพวกเขาตามอยู่ข้างหลัง นางจะเทเลพอร์ตได้เยี่ยงไร?“ฟังคำสั่งของข้า พวกเจ้ากลับไปก่อน ข้าไปหาเกาเจี้ยนคนเดียวก็พอ ครั้นถึงที่หมายข้าจะปล่อยพลุสัญญาณให้พวกเจ้า”“พวกเจ้าเห็นพลุสัญญาณแล้วก็รีบพาทุกคนมา”เสียงกู้หว่านเยว่เคร่งขรึมลง ไม่อนุญาตให้ทัดทานเหล่าทหารต่างสบตากัน สุดท้ายพยักหน้าลงและคุกเข่า“น้อมรับคำสั่งฮองเฮา”“พวกเจ้าไปเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมือ สิบคนลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกัน พลิกตัวขึ้นม้าและย้อนกลับทางเดินเพื่อไปหาอวิ๋นมู่รอจนกระทั่งเงาร
เกาเจี้ยนค้อนตาขาวใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่ง บัดนี้ชวีเฟิงยังเป็นนักโทษคนหนึ่ง เขาต้องจับตามองเอาไว้ให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาหนีไป“พวกเราผู้ชายตัวโตสองคน จะนอนด้วยกันได้เยี่ยงไร?”ชวีเฟิงขมวดคิ้ว ทำเสียจนเกาเจี้ยนพูดไม่ออก“ข้าไม่รังเกียจเจ้า เจ้ายังกล้ารังเกียจข้าอีกนะ ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษ พูดมากถึงเพียงนี้ทำอันใด? เร็วๆ เข้าไป”ชวีเฟิงจนใจ ทำได้เพียงตามเกาเจี้ยนเข้ากระโจมไปพร้อมกัน เขาบีบจมูกของตนแน่น เกือบสำลักตายเพราะกลิ่นเท้าเหม็นของเกาเจี้ยน“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องอีกมาก”เกาเจี้ยนหยิบถุงแพรออกจากอก นั่นคือลั่วยางเย็บให้เขา เขาวางไว้บนริมฝีปากและจุมพิตลงไปสองที จากนั้นเก็บกลับเข้าวงแขนคล้ายสมบัติล้ำค่าก็มิปาน ทิ้งตัวลงนอนหลับไปชวีเฟิงบีบจมูกของตน จากนั้นนอนหลับไปท่ามกลางความอึดอัดท่ามกลางความมืด คนชุดดำหนึ่งกลุ่มลอบเข้าใกล้ค่ายใหญ่“คำสั่งของฮองเฮา จะต้องฆ่าชวีเฟิงไอ้คนทรยศคนนี้ให้ได้”ขณะเดียวกัน ระหว่างเร่งเดินทางมายังหนานเจียง กู้หว่านเยว่หยุดฝีเท้า มองทางอวิ๋นมู่อย่างกังวลแวบหนึ่ง“เจ้าไม่เป็นไรกระมัง จะหยุดพักผ่อนก่อนสักครู่หรือไม่?”เร่งเดินทางมาหลาย
“แม่ทัพใหญ่เกา เรื่องคำสัญญาของต้าฉีย่อมไม่อาจบิดพลิ้วได้กระมัง?”มองบ้านเกิดที่เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ชวีเฟิงเลียริมฝีปาก เอ่ยถามอย่างไม่วางใจ“รีบร้อนอะไร หรือว่าราชสำนักยังจะหลอกเจ้าอีกกระนั้น? วางใจได้ ตราบใดเจ้าช่วยต้าฉีกำราบหนานเจียง ถึงตอนนั้นเผ่าของเจ้าย่อมได้รับการปฏิบัติอย่างดีเป็นพิเศษ”ภายในก้นบึ้งสายตาของเกาเจี้ยนเผยแววอึ้งงันเมื่อสิบวันก่อนคนถูกกักบริเวณที่เจดีย์หนิงกู่อย่างชวีเฟิงได้ยินว่าต้าฉีและหนานเจียงแตกหักกัน โวยวายจะขอเข้าพบซูจิ่งสิงให้ได้องครักษ์จันทราเอือมระอา จึงพาเขาออกจากเจดีย์หนิงกู่มายังเมืองหลวงชั่วขณะชวีเฟิงได้พบซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว่ ก็เผยท่าทีออกมาอย่างชัดเจนว่ายอมออกแรงเพื่อต้าฉี ขอเพียงต้าฉีปล่อยเขา ไม่ขังเขาไว้ที่เจดีย์หนิงกู่อีกคนผู้นี้ฉลาดมีไหวพริบยิ่งนัก ยังเสนออีกว่าหากเสร็จเรื่องแล้ว เขาอยากเป็นหัวหน้าตระกูลชวี เช่นนี้แล้ว ก็ไม่มีใครกล้าว่าเขาเรื่องสวามิภักดิ์ตาฉีอีกแม้ว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าจะชนะ สามารถเอาชนะหนานเจียงได้ แต่มีคนนำทาง สามารถลดการบาดเจ็บล้มตายของทหารได้ ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งดังนั้นหลังซูจิ่งสิงและกู้หว่านเยว
บัดนี้เห็นอยู่ว่าหนานเจียงของเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เหตุใดยังต้องทนต่อไปอีกเล่า?”ฮองเฮามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ขึ้นสู่ตำแหน่งก็มุ่งมั่นบริหารจัดการบ้านเมือง จัดตั้งกองกำลังลับขึ้นมาหนึ่งหน่วยโดยเฉพาะ เพื่อเพาะเลี้ยงแมลงพิษและหนอนกู่อย่างลับ ๆ ความคิดของนางแตกต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ที่หลีกเร้นจากโลกภายนอก นางอยากจะได้ดินแดนและความมั่งคั่งของต้าฉีมิฉะนั้น เพียงแค่เพราะเฟิ่งหมิงกวง เป็นไปไม่ได้ที่ฮองเฮาหนานเจียงจะทรงยินยอมให้ส่งกองทัพไปยังต้าฉี“ความคิดของฮองเฮาพวกกระหม่อมย่อมทราบดี เพียงแต่ซูจิ่งสิงผู้นี้ เดิมเป็นแม่ทัพไร้พ่าย กองกำลังใต้บังคับบัญชาก็มีพลังรบเหนือชั้น ได้ยินมาว่าพวกเขามีดินปืนใช้ด้วย หากต้องรบกันจริง ๆ พวกกระหม่อมเกรงว่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าวิตกกังวล“ก่อนหน้านี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังไปหยั่งเชิงแล้ว ผลปรากฏว่าไม่เพียงแต่กองกำลังนั้นจะถูกทำลายสิ้นทั้งกองทัพ แต่ยังต้องสูญเสียทั้งองค์หญิงใหญ่และคุณชายชวีเฟิงไปด้วยเห็นได้ว่าซูจิ่งสิงนั้นมีกำลังและความสามารถจริง ๆ พวกเราต้องป้องกันไว้พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาแค่นเสียงเย็น
กู้หว่านเยว่พินิจมองบุตรชายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้า “ข้าว่าเข้าท่า ให้ราชครูโจวมาสอนขั้นพื้นฐานให้เขา สอนเขาอ่านหนังสือ”อ่านหนังสือ?เสี่ยวจ้านจ้านทำหน้ายู่ จมูกและตาย่นเข้าหากันแล้วอยู่ดี ๆ เหตุใดจึงพูดเรื่องเรียนหนังสือขึ้นมา?เขาไม่อยากเรียนหนังสือ เขายังเป็นแค่เจ้าเด็กตัวน้อยอยู่เลย“มะ ไม่เรียน...”เสี่ยวจ้านจ้านโบกมือเล็ก ๆ เป็นเชิงปฏิเสธกู้หว่านเยว่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จ้านจ้านเด็กดี ให้ราชครูโจวสอนเจ้าอ่านหนังสือนะ เขาเป็นถึงอาจารย์ของเสด็จปู่เชียวนะ ความรู้มากมายนัก”“มะ ไม่เรียน...ข้าจะกลับบ้าน!”เสี่ยวจ้านจ้านดิ้นขาไปมา คราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่ต้องการให้อุ้มแล้วเขาได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเหตุใดคนเราต้องเรียนหนังสือกันนะ?ซูจิ่งสิงคว้าตัวบุตรชายมา สีหน้าเคร่งขรึม “อย่างไรก็ต้องเรียนหนังสือ ถึงเวลานั้น พ่อจะหาสหายร่วมศึกษามาให้เจ้าสักสองสามคน ให้มาเรียนหนังสือกับเจ้า”“อ๊ะ!”เสี่ยวจ้านจ้านหน้าเจื่อน สลดลงอย่างสิ้นเชิงเหตุใดเขาต้องปรากฏตัวด้วย เขาอยากจะหายตัวไปเหลือเกิน“ท่านพี่ ท่านคิดจะหาเด็กคนไหนมาเป็นสหายร่วมศึกษาให้ลูกเราบ้าง?” สองสามีภรรยาล
“เข้าใจแล้ว”กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ตามต่อไปเถอะ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยกลับมารายงาน”“พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์จันทราออกไปแล้ว“น้องหญิง เจ้าสงสัยว่าฐานะของหญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาหรือ?”“ถูกต้อง ท่านยังจำตอนที่เราพบหญิงสาวผู้นี้ที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าเหลือบไปเห็นใบหน้าของนาง ดูไม่ค่อยเหมือนชาวต้าฉีเท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาของนางยังแฝงไปด้วยความสูงศักดิ์อยู่บ้าง ยิ่งดูไม่เหมือนสามัญชนทั่วไป”กู้หว่านเยว่สงสัยว่าหญิงสาวผู้นั้นมาจากต่างแคว้นทว่า นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว หญิงสาวผู้นั้นไม่มีวรยุทธ์“ท่านพี่ ความคิดของข้าคืออย่าเพิ่งจับนางกลับมา ให้คนคอยจับตาดูนางอย่างลับ ๆ หากมีความเคลื่อนไหวใด ๆ ค่อยจับนางกลับมาก็ยังไม่สาย ไม่แน่ว่าอาจสามารถล่อศัตรูออกมาด้วยก็ได้”ซูจิ่งสิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง“ตกลง เอาตามที่เจ้าว่า”ความคิดของเขาเหมือนกับกู้หว่านเยว่หากสตรีผู้นี้ไม่ใช่ชาวต้าฉี เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นไส้ศึกที่แคว้นอื่นส่งมาเก็บตัวนางไว้ ไม่แน่ว่าอาจจะล่อให้ไส้ศึกคนอื่นปรากฏตัวออกมาได้ระหว่างที่ทั้งสองคนคุยกัน อาหารมื้อหนึ่งก็ทานหมดพอดีก