บังเอิญนางหิวเล็กน้อย ได้กลิ่นหอมนิ้วมือก็ขยับในทันทีทันใดหลังมั่นใจว่าไม่มีพิษ ก็ชิมเข้าไปหนึ่งคำ ครั้นได้ชิมดวงตาก็หลับพริ้ม“อร่อย!”กู้หว่านเยว่มิได้เกรงใจ หมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงนี้อร่อยมาก“พวกเจ้าสองคนเคยทำอาหารมาก่อนหรือ ทำอาหารอร่อยมากเพียงนี้ได้?”หญิงออกเรือนแล้วถูมือ “ก่อนพวกเราหนีมา ทำอาหารอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่กินเข้าไปอีกหลายคำ เกิดความคิดหนึ่งขึ้นภายในใจนางนึกได้ว่าจวนขาดคนทำอาหารพอดี มิสู้ให้สองสามีภรรยามาทำอาหารที่จวนเพียงแต่ต้องการทำงานในจวนนาง จะต้องลงนามในสัญญาขายตัวเป็นทาส หาไม่แล้วนางก็ไม่วางใจ ก็แค่ไม่รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้จะยอมหรือไม่กู้หว่านเยว่บอกความคิดของตนให้พวกเขาฟังสองสามีภรรยาได้ยิน แทบจะไม่ลังเล “ฮูหยินและนายท่านเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตพวกเรา พวกเรายินดีอยู่ในจวนหลังนี้”แท้จริงแล้ว หากกู้หว่านเยว่ไม่รับพวกเขาไว้ พวกเขาเองก็ต้องไปหางานทำ“เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปเก็บของ ย้ายของเข้าจวนกู้เถอะ”กู้หว่านเยว่ขยิบตาให้ฉู่เฟิงทีหนึ่ง รีบพาทั้งสามคนไปลงนามในสัญญาขายตัวเป็นทาส ยิ่งไปกว่านั้นยังจัดแจงที่พักให้พวกเขาอีกด้วย“
“เดิมทีพี่หญิงและพี่เขยก็มีชีวิตสุขสำราญ ก็เพราะการปรากฏตัวของเจ้า ทำลายความงดงามนี้ไป”นางหลิ่วจับจ้องกู้หว่านเยว่ตาเขม็ง สายตาคล้ายยาพิษก็มิปาน“พวกเขารนหาที่ตายเอง มิได้ตายบนมือข้า เกี่ยวอันใดกับข้าด้วย?”กู้หว่านเยว่มีสีหน้างุนงงสาเหตุที่ทังต๋าถูกเนรเทศ ก็เพราะมีมากมายหลายชีวิตต้องตายในเงื้อมมือของอีกฝ่ายหลายปีเพียงนี้ ยักยอกเงินเป็นจำนวนมาก สมควรได้รับโทษส่วนหลิ่วอี๋เหนียงคนนั้น ก็ไม่ต้องพูดแล้วถึงขั้นช่วยทังต๋าหลอกหลี่ชิวเตี๋ย ส่งลูกชายของตนให้หลี่ชิวเตี๋ยเลี้ยง สตรีอำมหิตเพียงนี้ ภายภาคหน้าถูกสกุลหลี่สั่งสอนก็เป็นเรื่องปกติแต่นี่พูดไปพูดมาล้วนเป็นบุญคุณความแค้นของพวกเขาและสกุลหลี่ นางคล้ายไม่มีความเกี่ยวข้องกระมัง?“หากมิใช่เพราะเจ้า เดิมทีเรื่องของพี่หญิงข้าและพี่เขยก็ไม่มีใครพบ”ตานางหลิ่วแดงขึ้น “เป็นเจ้าทำลายความสุขของข้า เป็นเจ้าทำลายชีวิตอันงดงามของข้า!ถึงขั้นอยากดึงปิ่นบนศีรษะ แทงกู้หว่านเยว่ยังดีขาสองข้างของนางหักไปแล้ว เมื่อครู่จึงล้มลงบนพื้น“สงบเสงี่ยมหน่อย หากยังวุ่นวายอีก ข้าจะรับชีวิตของเจ้าไปเสียเลย”หงเจาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ หญิงคนนี้ใช่หรือไม
เรื่องของบ้านคนอื่นยังสอดเข้าไปยุ่งน้อยลงจะดีกว่า เมื่อแรกหากไม่ต้องจัดการทังต๋า ไล่เขาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการอำเภอเมืองอวี้ กู้หว่านเยว่ก็คงไม่ไปสืบเรื่องของบ้านพวกเขาไม่สืบหาย่อมไม่รู้ เพียงสืบหาก็พบว่า ทังต๋าเป็นชายเจ้าชู้คนหนึ่ง“เจ้าค่ะ” หงเจารีบเข้าไปจับตัวนางหลิ่วนางหลิ่วยังร้องตะโกนโวยวาย “กู้หว่านเยว่เจ้านางแพศยาคนหนึ่ง หากมิใช่เจ้า บัดนี้พี่เขยข้าก็ยังสบายดี ส่วนข้าเองก็ไม่ตกลำบากถึงขั้นนี้ เหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าทำลาย ข้าสาปแช่งเจ้า สาปแช่งให้เจ้าไม่ตายดี...”“หุบปาก!”หงเจามิอาจทนฟังต่อไปไหว สับมือใส่อีกฝ่ายจนหมดสติไป ยิ่งไปกว่านั้นยังออกแรงมากเพียงพอ ไม่กลัวตีอีกฝ่ายตายเลยแม้แต่น้อยก็เพราะนางโมโหมาก ไม่อาจทนฟังใครพูดจาหยาบคายต่อฮูหยินได้ทั้งๆ ที่ฮูหยินเป็นสตรีจิตใจดีที่สุดบนโลก หากมิใช่นาง บัดนี้ยังมีผู้ลี้ภัยอีกมากไม่มีบ้านให้กลับมือคู่นั้นของนางไม่รู้ว่าช่วยชีวิตคนมากน้อยเพียงใด ตัวโง่งมนี้ ถึงขั้นยังขวัญกล้าสาปแช่งฮูหยิน!กู้หว่านเยว่พูดอย่างขำขัน “เจ้าโมโหนางทำอันใด?”นางเองก็มองเห็นการกระทำเล็กๆ ของหงเจาหงเจาแลบลิ้น “ยังดีข้าอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงกล้าลงมือ
ดวงตาหลี่ชิวเตี๋ยทอประกายระยับ หญิงชั่วประจบสอพลอเช่นนี้ จะต้องให้ศาลาว่าการต้อนรับนางดีๆ“ใช่แล้วฮูหยิน ข้าสั่งคนให้ทำชาดตามตำรับที่เจ้ามอบให้ออกมาแล้ว”หลี่ชิวเตี๋ยหยิบชาดที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้อย่างดีจากมือสาวใช้ เปิดออกส่งให้กู้หว่านเยว่“เล็กๆ หนึ่งกล่อง ไม่เพียงสีนุ่มนวล ยังหอมมากนัก”สายตานางยามสบมองกู้หว่านเยว่เปี่ยมความเลื่อมใส “ฮูหยิน เจ้ามีอะไรทำไม่ได้บ้างเล่า?”กู้หว่านเยว่ยิ้มแต่ไม่พูด กลับครุ่นคิดภายในใจก็เพราะนางมีนิ้วทองอย่างไรเล่า!บนแพลตฟอร์มการขายในมิติ ตำรับชาดมีมากนักกู้หว่านเยว่หยิบตำรับโบราณทำง่ายออกมาสองสามแผ่น จะต้องไม่ล้มเหลวอย่างแน่นอน“เพียงชาดนี้ยังไม่พอ ยังขาดอีกหนึ่งสิ่ง”ภายใต้สายตาสงสัยของหลี่ชิวเตี๋ย กู้หว่านเยว่หยิบแปรงแต่งหน้าออกมาอันหนึ่งบังเอิญมีหญิงออกเรือนแล้วยังอ่อนเยาว์หลายท่านเดินเข้ามาจากภายนอกพอดี“ชิวเตี่ย เหตุใดร้านดอกท้อของเจ้าไม่เปิดเล่า?”“อวิ๋นเซียง? เหตุใดพวกเจ้ามาได้”หลี่ชิวเตี๋ยรีบลุกขึ้นแนะนำ “ฮูหยิน นี่คือสวี่ฮูหยิน สองท่านนี้คือโจวฮูหยินและจี้ฮูหยิน”พวกนางล้วนเป็นคนตระกูลขุนนางเมืองอวี้ ก่อนนี้หลี่ชิวเตี๋ยมักไปห
พอดีจะได้แนะนำหลี่ชิวเตี๋ยสักเล็กน้อย แปรงแต่งหน้านี้ใช้งานเยี่ยงไร ถึงตอนนั้นจะได้ประกาศออกไป“รบกวนเจ้าแล้ว” สวี่ฮูหยินพยักหน้าให้กู้หว่านเยว่อย่างมีมารยาทแท้จริงแล้วสวี่ฮูหยินไม่มีความมั่นใจในตนเองมาโดยตลอด เพราะในบรรดาคนกลุ่มนี้ นางหน้าตาแย่ที่สุดดังนั้นทุกครั้งสวมใส่เสื้อผ้าทำได้เพียงเลือกเสื้อผ้าเรียบง่าย ใบหน้าก็ไม่กล้าแต่งมากเกินไปนัก“ใช้ได้จริงหรือ?”เห็นว่ากู้หว่านเยว่หยิบแปรงแต่งหน้าขึ้นมาปัดลงบนใบหน้านาง สวี่ฮูหยินกังวลมากชนิดที่ว่าลมหายใจยังผ่อนให้เบาลง ทว่าเพียงครู่เดียวก็หว่านเยว่ก็ดึงมือกลับไปแล้วหลี่ชิวเตี๋ยวอุทานอย่างตกตะลึง “สวรรค์ อวิ๋นเซียง เจ้างามยิ่งนัก”“เจ้า เจ้ากำลังล้อเล่นกระมัง?”สวี่ฮูหยินลืมตาอย่างกังวล หลี่ชิวเตี๋ยรีบให้สาวใช้หยิบคันฉ่องมาเพียงได้เห็น นางก็เหม่อไปเดิมทีใบหน้าเหลืองซีด ครู่เดียวก็กลายเป็นชุ่มชื้นนวลแดงยิ่งไปกว่านั้น เพราะทางฝั่งเจดีย์หนิงกู่มีลมหิมะแรง ใบหน้านางหยาบกร้านมากมาโดยตลอดทว่าตอนนี้รูขุมขนบนใบหน้ากลับเรียบ ผิวพรรณดีขึ้นไม่ใช่เพียงเล็กน้อยสวี่ฮูหยินตกตะลึงดีใจอย่างอดไม่ได้เดิมทีนางก็แค่ไว้หน้าสหาย คิดไม่ถ
“เมื่อครู่ได้ยินโจวฮูหยินพูดว่า เจ้าถูกคนหลอกแล้ว?”สวี่ฮูหยินเอ่ยถามอย่างห่วงใย“พูดไปแล้วเรื่องยาวมากนัก ครั้งหน้าค่อยบอกเจ้า”หลี่ชิวเตี๋ยอยากให้แผลสมานด้วยตนเอง อย่างไรเสียนางก็ตาบอดเลือกทังต๋า ชายเจ้าชู้คนนี้ทำให้นางอับอายไปทั่วทั้งเมืองอวี้ดังนั้นในระยะนี้ นางจึงมิได้ไปมาหาสู่กับฮูหยินเหล่านั้นส่วนสวี่ฮูหยินในฐานะสหายที่ดีของนาง ก็ไม่รู้เรื่องนี้“รอเจ้าอยากพูด ค่อยพูด”สวี่ฮูหยินเองก็เป็นคนหลักแหลมคนหนึ่ง เห็นหลี่ชิวเตี๋ยไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ นี่ก็ไม่คิดถามต่อนางหันหน้า สายตาตกลงบนตัวกู้หว่านเยว่ รู้สึกเก้อกระดาก“ในเมื่อผงไข่มุกหยกนารีและผงฝูหรงนี้เจ้าเป็นคนทำ เชื่อว่าเจ้าจะต้องมีชุดบำรุงผิวเป็นแน่”“สวี่ฮูหยินมีอันใดก็พูดออกมาโดยตรงเถอะ” กู้หว่านเยว่หยั่งเดาว่านางจะพูดอะไรสวี่ฮูหยินพูดอย่างกังวล “ข้าเห็นเจ้าผิวพรรณดีมาก เมื่อครู่ตอนเจ้าแต่งหน้าให้ข้า เชื่อว่าได้เห็นรอยขรุขระ รูขุมขนกว้างมากของข้าแล้ว”นางรีบเอ่ยถาม “มีวิธีใด สามารถบำรุงผิวข้าได้หรือไม่?”แม้ว่าแต่งหน้าสามารถปกปิดได้ แต่ล้างหน้าแล้วก็ยังกลับมาเหมือนเดิมสวี่ฮูหยินพูดอย่างเก้อกระดาก ตกดึกยามน
หลี่ชิวเตี๋ยเองก็ไม่ปิดบังสวี่ฮูหยินประการแรกสวี่ฮูหยินมีสายสัมพันธ์อันดีต่อนาง ประการที่สองพวกเขาล้วนอยู่ที่เมืองอวี้ ภายภาคหน้ามีโอกาสได้พบหน้ามากนักไม่ช้าก็เร็วสวี่ฮูหยินก็ต้องได้รู้ฐานะที่แท้จริงของกู้หว่านเยว่ มิสู้ตนเองซื้อใจนางสักหน่อย บอกฐานะที่แท้จริงของอีกฝ่ายออกไปโดยตรงสำคัญคือ เห็นท่าทางของกู้หว่านเยว่ กลับไม่คิดปิดบังฐานะของตนดังนั้นหลี่ชิวเตี๋ยเองก็วางใจและพูดออกมาอย่างผ่าเผย“เจ้ากำลังบอกว่า...” สวี่ฮูหยินตกตะลึงพรึงเพริดดังคาดบัดนี้คนมีหน้าตาในเมืองอวี้ ใครไม่รู้ ภายนอกท่านหลี่โหวควบคุมดูแลเจดีย์หนิงกู่ แต่แท้จริงแล้วคนอยู่เบื้องหลังคือคนอื่น“ข้ายังคิดว่า...คิดไม่ถึงฮูหยินท่านนี้ถึงขั้นเป็นกันเองเพียงนี้เมื่อครู่ พูดกับข้ามากเพียงนั้น ยังจับชีพจรให้ข้าด้วยตนเองอีกด้วย นับเป็นวาสนาของข้าแล้ว”ตอนนี้สวี่ฮูหยินอยากทำเพียงพูดว่าอามิตตาพุทธยังดีนางและหลี่ชิวเตี๋ยเป็นสหายกัน เมื่อครู่ก็มิได้พูดประชดเย็นชาอะไรถึงร้านนี้ หาไม่แล้วคราวนี้น่ากลัวว่าศีรษะก็ไม่รู้จะไปหาจากที่ใดอีก“ฐานะฮูหยินท่านนั้นถึงขั้นสูงศักดิ์เพียงนี้ เหตุใดมาที่ร้านดอกท้อของเจ้า อีกทั้งยัง
“ระวังตัวเถอะ อย่าตกหลุมพรางของกู้หว่านเยว่อีก”น้ำเสียงดูถูกของผู้หญิงคนหนึ่งขัดจังหวะขึ้นมา ทำให้เจียงเต๋อจื้อหลั่งเหงื่อบนหน้าผาก“ข้า คือกุ้ยเฟย”ฟู่เยียนหรานมองดูสตรีที่สวมเสื้อคลุมสีจันทร์เสี้ยวที่อยู่ตรงข้ามตนอย่างไม่มีความสุข เถาเอ๋อร์หัวเราะเยาะคำพูดนาง“ข้า คือราชครูที่ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งด้วยองค์เอง”ใช่แล้ว คนผู้นี้คือเถาเอ๋อร์ คนที่เคยถูกมู่หรงอวี้เตะลงจากหน้าผามาก่อนหลังจากตกลงมาจากหน้าผา นางก็บังเอิญได้นิ้วทองคำช่วยชีวิตนางเอาไว้“เจ้า……”ฟู่เยียนหรานโกรธมาก ทั้งสองขัดแย้งกันมาก่อนระหว่างทาง เห็นเช่นนี้ เจียงเต๋อจื้อก็รีบก้าวไปข้างหน้า ไกล่เกลี่ยสถานการณ์“พระสนม ท่านราชครู อย่าแตกคอกันเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”สตรีสองคนอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ทว่าเขากลับเป็นผู้โชคร้ายเถาเอ๋อร์นั่งลงดื่มชา “จะโกรธข้าไปไย? หากมีความสามารถ ก็ไปหากู้หว่านเยว่แก้แค้นสิ”ฟู่เยียนหรานขนาดฝันยังอยากฆ่ากู้หว่านเยว่ แต่กู้หว่านเยว่ซ่อนตัวอยู่ในเจดีย์หนิงกู่ นางจะทำอะไรได้?“เจ้าไม่อยากฆ่ากู้หว่านเยว่ด้วยตัวเองหรือ?” เถาเอ๋อร์มองนางด้วยสายตายั่วยุทันใดนั้น ฟู่เยียนหรานก็ไร้ซึ่งสติ ความคิดที่อยู
กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังทั้งสองคนไม่ได้พบกันนาน เมื่อพูดคุยกันจบ ก็อดใจไม่ไหวอีกต่อไป โอบกอดกันและกันซูจิ่งสิงประคองใบหน้าของกู้หว่านเยว่ขึ้นมาจุมพิตความรู้สึกที่แปลกใหม่แต่ก็คุ้นเคยนั้น ทำให้นางตัวสั่นเล็กน้อยนางไม่อาจปฏิเสธได้ โอบเอวของบุรุษตอบจุมพิตอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น“น้องหญิง คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”เขาจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง พัวพันอยู่ที่ข้างหูของนาง ทำให้นางรู้สึกอ่อนระทวยไปทั้งตัวทั้งสองคนโอบกอดกันและกัน และค่อย ๆ เกิดความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม“เราออกไปกันให้หมดเถอะ”ชิงเหลียนยิ้มอย่างรู้ใจ ดึงหงเจาปิดประตูเรือนแล้วเดินออกไปบังเอิญพบกับฉู่เฟิงที่เดินมาพอดี“ชิงเหลียนไม่เจอกันนานเลยนะ ช่วงนี้เจ้าดูผิวคล้ำขึ้นแล้ว”ทันทีที่เปิดปากพูด ก็ทำให้ชิงเหลียนลงมือทุบตี“ปากสุนัขพูดจาดี ๆ ไม่ได้ ไม่รู้จักทักทายก็ไม่ต้องทัก”“โอ๊ย เจ็บ ๆ อย่าตี”ฉู่เฟิงกุมศีรษะร้องขอความเมตตา“แม่นาง ข้ามีธุระจะเข้าไปหาท่านอ๋อง โปรดปล่อยข้าไปเถิด”ชิงเหลียนหยุดมือ แค่นเสียงหัวเราะ“ตอนนี้ท่านอ๋องกับพระชายากำลังยุ่งอยู่ แนะนำให้เจ้ารออีกครึ่งชั่วยามค่อยเข้าไป”“ยุ่งอยู่หรือ?”อ้อ แม้ว่าฉู่
เฉิงทั่วมองไปยังลูกธนูที่อยู่บนไหล่“กำลังรบของเมืองเหยาไม่อาจดูแคลนได้”เขากัดฟัน ดึงลูกธนูที่อยู่บนไหล่ออกมา ถือไว้ในมือแล้วพิจารณา“ลูกธนูนี้ ไม่เหมือนกับของในกองทัพเรา”ระยะยิง กลับไกลกว่าของคนทูเจวี๋ยเสียอีก“รีบห้ามเลือดให้ท่านแม่ทัพเร็วเข้า”รองแม่ทัพหันกลับไปหาหมอทหาร แต่กลับพบว่าหมอทหารถูกจับเป็นเชลยแล้ว พี่น้องที่หลบหนีออกมาได้เหลืออยู่ไม่มากเขาจึงทำได้เพียงลงมือด้วยตนเอง ทำแผลให้กับเฉิงทั่ว“เราสู้พวกเขาไม่ได้ ยอมจำนนเถอะ”เฉิงทั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเป็นแม่ทัพเก่า ย่อมรู้ดีว่า เวลานี้หากต่อต้านไป ก็เป็นเพียงการดิ้นรนก่อนตายเท่านั้นยอมจำนนไม่ได้น่าอับอายพาชาวเมืองซุ่ยโจวไปสู่ความตาย นั่นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย“ท่านแม่ทัพ เราจะยอมจำนนจริง ๆ หรือ?”“จริง!”เฉิงทั่วพยักหน้าอย่างแรงสามวันต่อมา หนังสือยอมจำนนถูกส่งมาถึงกู้หว่านเยว่ผู้ที่มาส่งหนังสือยอมจำนนเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง สวมชุดเกราะ ท่าทางองอาจผึ่งผายอย่างยิ่ง“เจ้าคือเฉิงเหลียน?”กู้หว่านเยว่พลิกหนังสือยอมจำนนที่อยู่ในมือเฉิงทั่วมีลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน ลูกชายเฉิงซินยังอยู่ในมือของนาง“
บังเอิญว่าช่วงนี้เฉิงทั่วยุ่งอยู่กับการเตรียมบุกโจมตีเมืองเหยา จึงไม่มีเวลามาสนใจเฉิงซินเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่า บุตรชายแอบหนีออกไปนานแล้วเฉิงทั่วยึดหลักการที่ว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี จึงนำทหารไปโจมตีเมืองเหยาอย่างรวดเร็วเดิมทีเขาคิดว่า เมืองเหยาในตอนนี้น่าจะเหลือเพียงกลุ่มทหารชรา อ่อนแอ และทหารที่บาดเจ็บเขาไม่ต้องเปลืองแรง ก็สามารถยึดเมืองเหยาได้อย่างง่ายดายทว่าเมื่อบุกโจมตี เฉิงทั่วก็ตกตะลึงสิ่งที่ยิงลงมาจากบนกำแพงเมืองกลับไม่ใช่ธนู แต่เป็นปืนใหญ่ปืนใหญ่มีอานุภาพรุนแรง รัศมีทำลายล้างกว้างถึงสามสิบเมตรเมื่อปืนใหญ่หนึ่งลูกตกลงพื้น ทหารหลายสิบนายก็ถูกระเบิดกระเด็นขึ้นฟ้ายังไม่หมดแค่นี้เมืองเหยานี้ดูเหมือนจะรู้กระบวนทัพของพวกเขาล่วงหน้าแล้ว กดดันพวกเขาอย่างหนักหน่วง ตั้งแต่ข้างหน้าไปจนถึงข้างหลัง ไม่เหลือช่องว่างให้ตอบโต้แม้แต่น้อยแทบจะเป็นการบดขยี้ฝ่ายเดียวจริง ๆ “ถอยทัพ รีบถอยทัพ”เฉิงทั่วรู้ดีว่าการรบครั้งนี้ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ จึงรีบสั่งให้คนวิ่งหนีทว่ากู้หว่านเยว่เตรียมการไว้พร้อมแล้ว จะปล่อยให้พวกเขาหนีไปได้อย่างไร?นางสั่งให้คนขุดคูยาวตามเส้นทางหลบหนีของ
มู่หรงฉางเล่อหันหลังกลับไป แล้วเตะคนที่อยู่ด้านหลังออกมา“โอ๊ย”บุรุษผู้นั้นล้มลงกับพื้น ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด“คุณหนูโปรดไว้ชีวิตด้วย คุณหนูปล่อยข้าไปเถิด”กู้หว่านเยว่เห็นเขาถูกรังแกจนน่าสงสาร อีกทั้งยังเป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม“คนผู้นี้คือ?”“พี่สะใภ้ เขาคือบุตรชายสุดที่รักของเฉิงทั่ว แม่ทัพผู้รักษาการเมืองซุ่ยโจว”มู่หรงฉางเล่อแสดงสีหน้าภาคภูมิใจ กู้หว่านเยว่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เด็กสาวคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ ถึงกับจับบุตรชายของเฉิงทั่วมาได้“จริงหรือ?”“แน่นอนว่าจริง” มู่หรงฉางเล่อถูจมูก “พี่สะใภ้ ท่านอย่าได้ดูถูกข้า ข้ารู้จักเขา เขาชื่อเฉิงซิน”“เขาเป็นบุตรชายของเฉิงทั่วหรือ เหตุใดดูแล้ว ไม่เหมือนบุตรชายของแม่ทัพเลยสักนิด”ขี้ขลาดตาขาวเช่นนี้ กลับเหมือนพวกไร้ประโยชน์เสียมากกว่า“นี่มีสาเหตุ ท่านฟังข้าอธิบาย”มู่หรงฉางเล่อเอียงศีรษะอธิบายที่แท้เฉิงซินผู้นี้เป็นบุตรชายสุดที่รักของเฉิงทั่ว ท่านแม่ทัพเฉิงมีบุตรชายเพียงคนเดียวหวังจะให้เขาสืบสกุล จึงทะนุถนอมราวกับแก้วตาดวงใจเมื่อเขาร้องว่าลำบาก ก็ไม่ให้เขาไปฝึกฝนในค่ายทหารเมื่อเขาร้องว่าเหนื่
“คนแปลกหน้า เจียงม่าน เหตุใดเจ้าถึงพูดออกมาได้ง่ายดายเช่นนี้?”เมื่อเห็นว่าเจียงม่านจะไป เขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ดึงนางเข้ามา แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปากของนางอย่างแรงเจียงม่านเบิกตากว้างนางอยากจะผลักฮั่วจี๋ออก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะจมดิ่งลงไป“ฟังข้า ข้าไม่สนใจฐานะของเจ้า และไม่สนใจอดีตของเจ้า ข้าสนใจเพียงคนที่อยู่ตรงหน้าข้า”ฮั่วจี๋โอบกอดนางไว้ในอ้อมแขนด้วยความทะนุถนอม“ท่านพ่อท่านแม่และพวกพี่ชายไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ คนเดียวที่เกี่ยวข้องกับข้าก็มีแค่เจ้า”เขาจะไม่มีวันลืมว่า เจียงม่านแบกเขาออกมาจากกองศพได้อย่างไรการกลายเป็นหญิงคณิกา ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางเต็มใจเขาเชื่อว่าด้วยนิสัยใจคอของนาง หากเลือกได้ นางไม่มีทางยอมตกเป็นของหอนางโลมอย่างแน่นอน“ฟังข้านะ กลับไปกับข้า ให้ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยา ปกป้องเจ้าไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่”ฮั่วจี๋ประคองใบหน้าของเจียงม่าน ในเวลานี้ เขามองเห็นหัวใจของตนเองอย่างชัดเจนเจียงม่านจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา “ทะ ท่านจะไม่เสียใจหรือ?”“มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง”เจียงม่านโผเข้าสู่อ้อมกอดของเขาในทันที กอดเอวที่แข็งแรงของเขาแน่น ให้นางได้เดิมพันอีกสักครั้งเถิด
เซวียฉิงถูกเขาบีบคอจนหายใจไม่ออก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก“อึก...พี่สาม ไว้ชีวิต...”ใบหน้าของนางเขียวคล้ำ ดูเหมือนว่าใกล้จะขาดใจเต็มทีสาวใช้คาดไม่ถึงว่าฮั่วจี๋จะกล้าลงมือหนักถึงเพียงนี้ ตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น“คุณชายฮั่วโปรดไว้ชีวิตด้วย คุณหนูของข้านิสัยเรียบง่ายบริสุทธิ์ ไม่ได้วางแผนก่อกวน”นางพูดตะกุกตะกัก“เป็นเจียงม่านผู้นั้นที่จากไปเอง ไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูของพวกเรา”ประโยคเดียวกลับทำให้เซวียฉิงเผยพิรุธฮั่วจี๋สะบัดเซวียฉิงออกไป เขาไม่ได้คิดจะบีบคอเซวียฉิงให้ตายจริง ๆ เพียงแต่อยากข่มขู่นายบ่าวทั้งสองคนเท่านั้น“แม่นางเจียงเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตข้า หากใครไปรบกวนนางอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”เขาไม่สนใจเซวียฉิงอีก พลิกตัวขึ้นไปบนรถม้า แล้วให้มู่หรงฉางเล่อรีบออกเดินทาง“พี่สาม!”เซวียฉิงส่ายหน้าแล้วไอบ้าไปแล้วบ้าไปแล้วจริง ๆ !ฮั่วจี๋รู้ว่าเจียงม่านเป็นหญิงคณิกาแล้ว กลับไม่หลีกเลี่ยง ยังจะตามไปอีก?เจียงม่านทำอะไรกับเขากันแน่?“คุณหนู ทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”สาวใช้เดินมาอยู่ข้างกายเซวียฉิง“พี่สามไม่ฟังข้า ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ แต่กับเจียงม่าน ข้ามีวิธี”เซว
เซวียฉิงไม่ยอม“ท่านไม่บอก ข้าก็รู้ว่าท่านจะไปทำอะไร”เซวียฉิงมองเข้าไปในตาของฮั่วจี๋ แล้วรีบเอ่ยถาม“ท่านอยากจะไปหญิงสาวที่ช่วยชีวิตท่านไว้ใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักนางหรือ?”ฮั่วจี๋หรี่ตาแล้วมองไปที่เซวียฉิง สายตาที่เฉียบคมนั้น ทำให้เซวียฉิงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอนาคตของตนเอง เซวียฉิงก็รวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยขึ้น“ข้าย่อมรู้จักนาง นางช่วยชีวิตท่านกลับมา ท่านยังพานางกลับมาที่จวนด้วยตัวเอง ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร?”ฮั่วจี๋พยักหน้า“ในเมื่อเจ้ารู้ว่านางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า ก็รีบหลบไป”“ก็เป็นเพราะรู้ ถึงได้ไม่หลบ”เซวียฉิงกัดริมฝีปาก ทันใดนั้นก็เอ่ยขึ้น“พี่สาม เพื่อชื่อเสียงของท่าน ข้าก็ไม่สามารถปล่อยให้ท่านไปหานางได้”“เพราะเหตุใด?”ฮั่วจี๋ยิ่งสงสัยมากขึ้น เขารู้สึกว่าคำพูดของอีกฝ่ายมีนัยแอบแฝง“เพราะฐานะของนาง”เซวียฉิงเหลือบมองฮั่วจี๋แวบหนึ่ง“นะ นางเป็นหญิงคณิกา”“เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหลอะไร?”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ฮั่วจี๋ก็โกรธมากจริง ๆ กระโดดลงมาจากรถม้าโดยตรง แล้วจับคอเสื้อของเซวียฉิงอย่างแรงเซวียฉิงตกใจกลัวเป็นอย่างมาก“พี่สาม เหตุใดท่านถึง
“ท่านแม่ให้ข้าไปหาเขา ข้าก็ไปแล้ว แต่กลับต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าเขาอย่างน้อยก็น่าจะให้ข้าพักสักสองสามวัน เหตุใดวันนี้ถึงให้ข้าไปอีกแล้ว?”จวนสกุลเซวีย เซวียฉิงนั่งอยู่ในห้องด้วยความโมโหนางถูกบังคับให้คุกเข่าอยู่ที่สกุลฮั่วเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา แม้ว่าการลงโทษนี้จะไม่หนักหนาแต่ก็น่าอับอายเซวียฉิงก็เป็นคนมีหน้ามีตา พอกลับมาก็เก็บตัวอยู่ในห้อง ทำให้นายหญิงเซวียต้องมาปลอบนาง“เจ้าต้องไป”นายหญิงเซวียโอบกอดนาง“เด็กดี ฟังข้านะ ตอนนี้ฮั่วจี๋เป็นคนโปรดของพระชายา หากเจ้าสามารถแต่งงานกับฮั่วจี๋ได้โดยเร็ว ฐานะของสกุลเซวียพวกเราในเมืองเหยาก็จะมั่นคง”คนของสกุลเซวียรู้สึกผิด เพราะตอนที่พวกโจรบุกเมือง พวกเขาไม่ได้ออกแรงช่วยเหลืออะไรเลย“ท่านแม่รู้ได้อย่างไรว่า พวกเขาจะต้องชนะ?”เซวียฉิงเบ้ปากเอ่ยขึ้น“หากราชสำนักชนะเล่า? เช่นนั้นพวกเราจะไม่สูญเปล่า แถมยังเอาตัวเองเข้าไปพัวพันอีกหรือ?”“ราชสำนักไม่มีทางชนะ”นายท่านเซวียกลับมาจากข้างนอก กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“ครั้งนี้ราชสำนักไม่มีทางชนะแล้ว”นายหญิงเซวียและเซวียฉิงได้ยินดังนั้น ต่างมองเขาด้วยความสงสัย“ท่านพี่/ท่านพ่อ เหตุใดถึงพ
“ข้าไปดูดินปืนได้หรือไม่?”ฮั่วจี๋กลืนน้ำลาย เขาอยากรู้อยากเห็นมากจริง ๆ หวังปี้มองไปยังกู้หว่านเยว่ กู้หว่านเยว่พยักหน้า“ได้ เดี๋ยวข้าจะพาท่านไปดู”“ขอบคุณมาก”อวิ๋นมู่ยิ้มเล็กน้อย กู้หว่านเยว่มองไปที่เขา “เดินทางมาเหนื่อยยากลำบาก เจ้าทานอะไรหรือยัง? ข้าจะพาเจ้าไปทานข้าวนะ”ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเย็นพอดี“ได้”อวิ๋นมู่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นก็มีศีรษะโผล่ออกมาจากด้านหลัง ทำให้กู้หว่านเยว่ตกใจ“พี่สะใภ้!”มู่หรงฉางเล่อแต่งกายเป็นบุรุษอีกแล้ว คราวนี้ปลอมตัวเป็นบ่าวรับใช้ ติดตามอยู่ด้านหลังอวิ๋นมู่“เจ้ามาได้อย่างไร?”กู้หว่านเยว่ตกใจ เด็กสาวคนนี้ไม่รออยู่ที่เจดีย์หนิงกู่อย่างสงบ วิ่งมาที่สนามรบทำไมกัน?“ข้ามาช่วย!”มู่หรงฉางเล่อทุบหน้าอกของตนเอง อย่าเห็นว่าเด็กสาวคนนี้อายุน้อย แต่ก็เป็นคนที่รักชาติบ้านเมืองเช่นกัน“แม้ว่าข้าจะเข้าไปในสนามรบไม่ได้ แต่ข้าได้ยินท่านแม่ข้าพูดว่า ฝ่ายสนับสนุนก็มีหลายอย่างที่สามารถช่วยได้”อวิ๋นมู่พยักหน้าเห็นด้วย“ครั้งนี้ต้องขอบคุณนาง ถึงได้ส่งดินปืนมาได้อย่างปลอดภัย”ที่แท้ระหว่างทางพวกเขาเจอกับพวกโจร อาศัยไหวพริบของมู่หรงฉางเล่อ ไ